2. สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ
วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
สารบัญ
หน้า
ประเด็นระหว่างประเทศที่น่าสนใจของ Think Tank ในภูมิภาคยุโรป 1
CHATHUM HOUSE 2
EUROPEAN COUNCIL ON FORIEGN RELATIONS 4
ประเด็นระหว่างประเทศที่น่าสนใจของ Think Tank ในภูมิภาคอเมริกา 7
BROOKING INSTITUTION 8
ประเด็นระหว่างประเทศที่น่าสนใจของ Think Tank ในภูมิภาคเอเชีย 11
ASIA SOCIETY 12
CHINESE ACADEMY OF SOCIAL SCIENCES 13
CHINA INSTITUTE OF INTERNATIONAL STUDIES 14
ประเด็นระหว่างประเทศที่น่าสนใจของ Think Tank ในประเทศไทย 15
สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ (KLANGPANYA INSTITUTE FOR 16
NATIONAL DEVELOPMENT STRATEGIES)
10. 8
สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ
วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
BROOKING INSTITUTION
ในรอบเดือนมิถุนายน 2558 ที่ผ่านมา สถาบัน BROOKING INSTITUTION ได้นาเสนอประเด็นที่
เกี่ยวข้องกับทวีปเอเชีย ที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้
ประเด็นเกี่ยวกับภูมิภาคเอเชีย
ความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาในน่านน้าทะเลจีนใต้ (The United States, China and
the South China Sea : Is regional order at risk)
กรณีที่สหรัฐอเมริกาส่งเครื่องบินเข้าไปสอดแนมและเผยแพร่ภาพถ่ายทางอากาศที่แสดงให้เห็นถึงการ
ก่อสร้างเกาะเทียมของจีนเหนือน่านน้าพิพาทหมู่เกาะทะเลจีนใต้ซึ่งมี 6 ประเทศอ้างกรรมสิทธ์เหนือหมู่เกาะ
ดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ทาให้จีนออกมาแสดงความไม่พอใจต่อการกระทาของสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก
ตลอดจนหลายฝ่ายก็ได้ออกมาแสดงความกังวลว่าการกระทาของสหรัฐอเมริกาจะยิ่งเป็นการทวี
ความขัดแย้งให้รุนแรงมากขึ้น และอาจจะพัฒนาไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ได้
ทั้งนี้สหรัฐอเมริกาและจีนก็ต่างออกมายืนยันถึงความถูกต้องของการกระทาตนเอง โดย
สหรัฐอเมริกาอ้างว่าการกระทาของตนนั้นแสดงให้เห็นถึงการยืนยันสิทธิเพื่อรักษาไว้ซึ่งอิสรภาพทางการบิน
และการเดินเรือในพื้นที่ที่อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (UNCLOS) ได้ให้สิทธิไว้
ขณะเดียวกัน จีนก็ได้อ้างถึงความถูกต้องของการก่อสร้างเกาะเทียมว่าเป็นไปตามอานาจอธิปไตยและ
อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเลเช่นกัน
Jonathan D.Pollack นักวิจัยอาวุโสของ John L. Thornton China Center และ the Center for East
Asia Policy Studies ที่ Brooking Institute ได้นาเสนอถึงแนวทางเหมาะสมต่อการจัดการความขัดแย้งนี้ คือ
การให้สองประเทศมหาอานาจมาเจรจากันเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในแบบทวิภาคี โดย Jonathan
D.Pollack มองว่าน่าจะเป็นวิธีการที่ดีกว่าการแสดงความไม่พอใจใส่กันผ่านสายตาประชาคมโลก และการใช้
สื่อเป็นเครื่องมือในการโจมตีเหมือนกับที่ผ่านๆมา ทั้งนี้สิ่งที่ควรจะต้องจับตาดูกันต่อไปคือ ท่าทีของผู้นาทั้ง
2 ประเทศกับแนวทางการจัดการต่อปัญหาความขัดแย้งดังกล่าวโดยไม่ให้กระทบต่อมิตรภาพระหว่างกันใน
ระยะยาว
อ้างอิงจาก: บทความ The United States,China,and the South China Sea : Is regional order at risk โดย Jonathan
D.Pollack, 3 June 2015
สืบค้นจาก: http://www.brookings.edu/blogs/order-from-chaos/posts/2015/06/03-regional-order-south-china-sea-
11. 9
สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ
วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกา อินเดีย และจีน
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการแข่งขันของจีนและอินเดียต่อการขึ้นมาเป็นผู้นา
ทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจในเอเชีย ทั้งนี้เป็นที่รู้กันว่าสหรัฐอเมริกาได้ให้การสนับสนุนอินเดียต่อการ
ขึ้นมาเป็นมหาอานาจของเอเชียในฐานะประเทศที่ใช้ระบอบการปกครองในรูปแบบประชาธิปไตย แต่ใน
ขณะเดียวกัน สหรัฐอเมริกาก็ยังคงกังวลถึงศักยภาพในการพัฒนาประเทศของอินเดียว่าจะสามารถแสดงให้
ประคมโลกได้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันระหว่างประชาธิปไตยและการพัฒนาหรือไม่1
ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและอินเดียได้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างจีน
และปากีสถานก็ค่อนข้างใกล้ชิดกันเช่นกัน โดยเมื่อปีที่ผ่านมาจีนได้เข้าไปลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจ
จากจีนตะวันตกถึงอ่าวเปอร์เซียในปากีสถานด้วยเม็ดเงินลงทุนจานวนมหาศาล2
ในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างกันของทั้ง 4 ประเทศนี้ สหรัฐอเมริกาค่อนข้างกังวลถึงสถานการณ์ที่
ไม่แน่นอนของการก่อร้ายในปากีสถาน ในส่วนของจีน อินเดีย และปากีสถานก็มีประเด็นเรื่องความขัดแย้ง
ทางด้านดินแดนอยู่3
จากที่กล่าวมา จะเห็นถึงการแบ่งโครงสร้างทางพันธมิตรที่ชัดเจน แต่ล่าสุดเมื่อนายกรัฐมนตรีของ
อินเดียไปเยือนจีนและได้มีการเจรจากันในหลายประเด็น ซึ่งประเด็นที่สาคัญที่สุด คือเรื่องของการลงนาม
ความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่าจานวนมหาศาล โดยนายกรัฐมนตรีของอินเดียต้องการเม็ดเงินลงทุนทาง
เศรษฐกิจจากจีน ขณะเดียวกันก็ได้มีการเจรจาถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางด้านการเมืองที่
เกิดขึ้น โดยนายกฯอินเดียได้มีข้อเสนอในการกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ อาทิ การเสริมสร้าง
ความเข้าใจให้กับคนในประเทศทั้งสอง การสร้างสถานกงสุลอินเดียในจีน การสร้างเวที Forum Think Tank
ร่วมกัน เป็นต้น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีของอินเดียได้กล่าวว่า “ถ้าศตวรรษที่แล้วเป็นยุคแห่งการแบ่งขั้วพันธมิตร
ศตวรรษนี้จะเป็นยุคที่แต่ละประเทศจะมีอิสระในการเลือกและสร้างพันธมิตร” 4
สุดท้ายนี้ แนวทางการกระชับความสัมพันธ์ของอินเดียและจีนจะเป็นอย่างไร เพราะหลายฝ่ายก็
ค่อนข้างกังวลว่าการไปเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีอินเดีย อาจจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียและ
สหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ Tanvi Madan นักวิจัยของ the Foreign Policy program ที่ Brooking Institute ได้เสนอ
ให้อินเดียและสหรัฐอเมริกาต้องรักษาระดับความสัมพันธ์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ทั้งสองก็ควรที่
จะต้องเสริมสร้างความสัมพันธ์กับจีน โดยสหรัฐอเมริกาและอินเดียควรศึกษาแนวนโยบายการจัดการของ
ประเทศจีน ทั้งในภาคสาธารณะและภาคธุรกิจ อาทิ การจัดเวทีไตรภาคีร่วมกันของทั้งสามประเทศ เพื่อนาพา
ซึ่งผลประโยชน์สูงสุดร่วมกันของทั้งสามประเทศ5
นอกเหนือจากนี้ Tanvi Madan ยังได้เสนอถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกา อินเดีย และเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ ว่าควรจะต้องรักษาระดับความสัมพันธ์กับทั้งหมดต่อไป แต่ในขณะเดียวกันก็ควรปล่อย
ประเทศที่เป็นพันธมิตรต่างๆ ให้ได้พัฒนาไปในทิศทางของตนเองตามที่ควรจะเป็นได้ 6
1
Tanvi Madan.(2015).The U.S – India Relationship and China.สืบค้นจาก http://www.brookings.edu/research/opinions/2015/01/20-us-india-relationship-and-china-madan
2
Bruce Riedel.(2015).One year of Modi Government : Us versus them.สืบค้นจาก http://www.brookings.edu/research/opinions/2015/05/25-india-china-pakistan-ties-riedel
3
Bruce Riedel.(2015).One year of Modi Government : Us versus them.สืบค้นจาก http://www.brookings.edu/research/opinions/2015/05/25-india-china-pakistan-ties-riedel
4
Tanvi Madan.(2015). Modi’s trip to China: 6 quick takeaways.สืบค้นจาก http://www.brookings.edu/research/opinions/2015/05/15-modi-china-takeaways-madan
5
Tanvi Madan.(2015).The U.S – India Relationship and China.สืบค้นจาก http://www.brookings.edu/research/opinions/2015/01/20-us-india-relationship-and-china-madan
6
Tanvi Madan.(2015).The U.S – India Relationship and China.สืบค้นจาก http://www.brookings.edu/research/opinions/2015/01/20-us-india-relationship-and-china-madan
12. 10
สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ
วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
ประเด็นเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชีย
จีนสู่การเป็นผู้นาในการกากับดูแลระเบียบโลก (China an Global Governance)
จากอัตราการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของจีนที่มีมาอย่างต่อเนื่องนั้น ทาให้เราเห็นถึงบทบาททางด้าน
เศรษฐกิจของจีนในประเทศกาลังพัฒนาต่างๆ ทั้งเอเชีย แอฟริกา และลาตินอเมริกา โดยการเข้าไปลงทุนใน
การก่อสร้างโครงการต่างๆของจีนนั้น จีนมักจะเข้าไปทาข้อตกลงและเจรจาในรูปแบบทวิภาคีเป็นรายประเทศ
ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าการกระทาดังกล่าวของจีนเป็นกระบวนการที่ไร้ความน่าเชื่อถือ และไม่เป็นการปฏิบัติตาม
แนวปฏิบัติสากลระหว่างประเทศ
แต่ในการออกนโยบายการต่างประเทศของจีนที่ผ่านมา จีนได้แสดงให้เห็นว่าจีนกาลังจะเปลี่ยน
กระบวนการในการจัดทาข้อตกลงและการเจรจาจาในรูปแบบทวิภาคีไปสู่รูปแบบที่มีความเป็นพหุภาคีมากขึ้น
ทั้งนี้ จีนได้เป็นแกนนาในการก่อตั้งธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งใหม่ของกลุ่ม BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย
จีน และแอฟริกาใต้) และธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของเอเชีย (AIIB)
โดยหนึ่งในโครงการลงทุนของธนาคาร AIIB คือกองทุนที่มีชื่อว่า Silk Road เป็นกองทุนเพื่อสร้าง
เส้นทางสายไหมใหม่เชื่อมต่อเอเชียกับยุโรป โดยใช้ชื่อว่า One Belt, One Road มีการลงทุนใน 60 ประเทศ
ทั้งทางบกและทางทะเล และยังรวมไปถึงการสร้างระบบสาธารณูปโภคเพื่อการขนส่งสินค้าทุกรูปแบบ
ในการก่อตั้งธนาคารดังกล่าว มีหลากหลายประเทศที่ให้ความสนใจและเข้าร่วมเป็นจานวนมาก โดย
Javier Solana ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านโยบายการต่างประเทศและความมั่นคง เห็นว่าโครงการ
ดังกล่าวเป็นความพยายามในการเพิ่มและขยายอิทธิพลของจีน ที่ไม่ได้เกิดแค่ในประเทศกาลังพัฒนาแต่รวม
ไปถึงประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างเช่น อังกฤษ นอกเหนือจากนี้ โครงการดังกล่าวยังเป็นโครงการที่สามารถ
สร้างความผ่อนคลายให้กับสถานการณ์ความตึงเครียดเรื่องดินแดนระหว่างจีนกับประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น โครงการดังกล่าวยังแสดงให้เห็นถึงความพ่ายแพ้ทางภูมิรัฐศาสตร์ของสหรัฐ อเมริกาที่มี
ต่อจีน รวมไปถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับสถาบันทางการเงินหลักอย่างกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
จากแนวทางการหลีกเลี่ยงของจีนด้วยการสร้างสถาบันทางการเงินใหม่ขึ้นมาเอง
จากที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่าจีนสามารถสร้างระเบียบโลกใหม่ ที่มีความหลากหลายและไม่ได้ผูกขาดกับ
แนวทางของมหาอานาจเก่าอย่างสหรัฐอเมริกาแต่เพียงอย่างเดียว อาทิ การไม่ให้สิทธิประเทศใดประหนึ่งใน
การมีอานาจ Veto อย่างเด็ดขาดเหมือนกับ IMF แต่ทั้งนี้สิ่งที่ท้าทายสาหรับจีน คือการดาเนินการปฏิบัติงาน
ในแนวนโยบายใหม่ ท่ามกลางการจับตามองของนานาประเทศ รวมถึงสหรัฐฯและญี่ปุ่นที่ปฏิเสธการเข้าร่วม
เพราะกังวลต่อความโปร่งใสและความสามารถในการดาเนินงานของธนาคาร AIIB
อ้างอิงจาก: บทความ China and Global Governance โดย Javier Solana, 30 Mar 2015
สืบค้นจาก: http://www.project-syndicate.org/commentary/china-multilateral-institutions-threaten-us-by-javier-solana-
2015-03
14. 12
สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ
วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
ASIA SOCIETY
ในรอบเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558 สถาบัน Asia Society ได้นาเสนอประเด็นความเคลื่อนไหวระหว่าง
ประเทศที่น่าสนใจอยู่ด้วยกัน 3 ประเด็น ดังนี้
รัฐบาลจีนระงับแผนการถมทะเลสร้างเกาะเทียมในทะเลจีนใต้
เมื่อวันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558 นาย Tom Nagorski รองประธานสถาบัน Asia Society ได้
เขียนบันทึกลงใน Asia Blog หัวข้อ China's Top Diplomat to US: Stop the “Megaphone Diplomacy”1
สรุปสาระสาคัญได้ดังนี้
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ และประเทศในกลุ่มอาเซียน มีความกังวลต่อการถมทะเลสร้าง
เกาะเทียมในทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะรัฐบาลสหรัฐฯที่ได้ลักลอบดักฟังทางโทรศัพท์กองทัพเรือจีน และ
พยายามโจรกรรมข้อมูลของรัฐบาลจีนเพื่อประณามการกระทาดังกล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน นายหวาง ยี่ วิจารณ์ตอบโต้รัฐบาลสหรัฐฯที่แอบดักฟัง
กองทัพเรือจีนระหว่างทาการถมทะเลในทะเลจีนใต้ โดยนายหวาง ยี่ ได้แถลงจุดยืนของรัฐบาลจีนว่า
การถมทะเลสร้างเกาะเทียมในทะเลจีนใต้เป็นการกระทาที่ไม่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศแต่อย่าง
ใด
อินเดียจะเป็นประเทศมหาอานาจใหม่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิ กได้หรือไม่
เมื่อวันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ประธานสถาบันนโยบายสังคมแห่งเอเชีย (Asia Society
Policy Institute) นาย Kevin Rudd ได้จัดเวทีประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อ India Under Modi:
One Year In2
สาระสาคัญสรุปได้ดังนี้
ด้านเศรษฐกิจ: สภาพเศรษฐกิจของอินเดียในปัจจุบันมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และมีศักยภาพ
เพียงพอที่จะเข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิกในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิ ก
(APEC) ซึ่งจะช่วยเพิ่มอานาจการต่อรองทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกในภูมิภาค
ด้านยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ: ทิศทางนโยบายการต่างประเทศของอินเดียในศตวรรษที่ 21 ยัง
ขาดกระบวนทัศน์เชิงรุกอยู่มาก แม้จะมีความพยายามในการขยายความร่วมมือในด้านการซื้อขาย
อาวุธกับสหรัฐฯ (The Defense Technology Initiative) แต่หากดูภาพรวมของยุทธศาสตร์การ
ต่างประเทศแล้วจะพบว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก
การผงาดขึ้นมาของทวีปเอเชียกับบทบาทของสหรัฐฯในปัจจุบัน
เมื่อวันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 นาย Ian Bremmer ประธานสถาบัน Eurasia Group ได้ร่วม
สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อ Rising Asia and America’s Evolving Global Role 3
1
http://asiasociety.org/blog/asia/chinas-top-diplomat-us-stop-megaphone-diplomacy
utm_campaign=socialmedia&utm_source=facebook&utm_medium=socialmedia เข้าถึงเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2558
2
http://asiasociety.org/policy-institute/india-under-modi-one-year เข้าถึงเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2558
15. 13
สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ
วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
โดยมีนาย Kevin Rudd เป็นผู้ดาเนินรายการ และสรุปการประชุมโดย นาย Joshua Rosenfield ผู้อานวยการ
สานักวิเคราะห์แผนยุทธศาสตร์ สถาบันนโยบายสังคมแห่งเอเชีย สาระสาคัญของการประชุมสรุปได้ดังนี้
สหรัฐฯควรปรับทิศทางในการดาเนินนโยบายการต่างประเทศต่อจีนและประเทศในทวีปเอเชียใหม่ และ
ควรแสดงจุดยืนต่อการผงาดขึ้นมาของจีนให้ชัดเจน
สหรัฐฯควรมองจีนเป็นประเทศพันธมิตรประเทศหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกันมายาวนาน หากสหรัฐฯ
มองว่าจีนคือภัยคุกคาม อาจส่งผลให้สหรัฐฯสูญเสียความไว้วางใจจากประเทศพันธมิตรไม่ว่าจะเป็น
ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประเทศมีศักยภาพในการรักษาเสถียรภาพใน
ภาคพื้นทวีปเอเชีย
CHINESE ACADEMY OF SOCIAL SCIENCES
ในรอบเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา สถาบัน Chinese Academy of Social Science ได้เสนอ
ประเด็นปัญหาภายในของรัฐบาลสหรัฐฯกับภารกิจในการจัดระเบียบโลกใหม่ และความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับ
สหรัฐฯในประเด็นธรรมาภิบาลและสันติภาพของโลกในศตวรรษที่ 21 สรุปได้ดังนี้
จีนกับสหรัฐฯควรร่วมมือกันรับผิดชอบในธรรมาภิบาลโลก
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557 นาย Li Yang รองประธานสถาบันฯ เข้าร่วมสัมมนาใน
หัวข้อ Trends of U.S. Domestic and Foreign Policy and Sino – U.S. Relations4
จัดโดยสภาประชาชน
จีน (Chinese National People’s Congress) สรุปการประชุมโดย นาย Jiang Hong นักวิจัยสถาบันฯ
สาระสาคัญของการประชุมสรุปได้ดังนี้
ปัจจุบันการเมืองภายในรัฐบาลสหรัฐฯ กาลังประสบกับปัญหาการแบ่งแยกภายในรัฐบาล และมีปัญหา
เศรษฐกิจที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทาให้รัฐบาลสหรัฐฯลดบทบาทด้านการต่างประเทศลงไปมาก ทิศทาง
นโยบายระหว่างประเทศของสหรัฐฯจึงไม่ชัดเจนเหมือนแต่ก่อน การดาเนินนโยบายการต่างประเทศต่อ
จีนจึงมีความไม่ชัดเจน
ส่วนการเมืองจีนในปัจจุบันมีความเข้มแข็งมากขึ้นทุกวัน และมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคง
และมีเสถียรภาพ เป็นที่น่าไว้วางใจต่อนักลงทุนชาวต่างชาติ จึงทาให้การกาหนดทิศทางนโยบาย
ระหว่างประเทศของจีนในศตวรรษที่ 21 มีทิศทางที่ชัดเจน
แม้ว่าทั้งสองประเทศจะมีความแตกต่างกันด้านอุดมการณ์ทางการเมืองและระบบเศรษฐกิจ จีนกับ
สหรัฐฯต้องร่วมมือกันให้ความช่วยเหลือต่อประชาคมโลก โดยต้องมีการพัฒนาการสื่อสารให้มี
ประสิทธิภาพมากกว่านี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเข้าใจผิดและความไม่ไว้วางใจระหว่างกัน
4
http://casseng.cssn.cn/focus/201408/t20140828_1308040.html เข้าถึงเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558
16. 14
สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ
วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
CHINA INSTITUTE OF INTERNATIONAL STUDIES
ในรอบเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558 สถาบัน China Institute of International Studies (CIIS) ได้
นาเสนอบทความและรายงานการวิจัยที่เกี่ยวกับแนวคิดในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 2 เรื่อง ดังนี้
สู่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในรูปแบบใหม่
เมื่อวันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ดร. Ruan Zongze นักวิจัยอาวุโส ณ สถาบันฯ ได้เขียน
บทความหัวข้อ Toward a New Type of International Relations: Transcending History to Win the
Future5
สาระสาคัญสรุปได้ดังนี้
ประธานาธิบดี สี จินผิง ได้ริเริ่มแนวคิดความร่วมมือแบบได้ประโยชน์จากทุกฝ่าย (win-win coopera-
tion) เป็นแนวคิดที่ไม่เคยปรากฏในโลกตะวันตกและถือเป็นแนวคิดใหม่ในโลกตะวันออกที่ไม่ต้องการ
ให้มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบในเวทีการแข่งขันระหว่างประเทศ
จีนในศตวรรษที่ 21 ต้องการสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตที่เป็นมิตรกับทุกประเทศในโลก ไม่ว่าจะ
เป็นประเทศที่มีอานาจในการต่อรองมากกว่าจีนที่อยู่นอกภูมิภาคอย่างสหรัฐฯ หรือประเทศเพื่อนบ้าน
ที่มีศักยภาพในการต่อรองน้อยกว่าจีนอย่างไทย
เปรียบเทียบแนวคิด ‘สร้างโลกสมานฉันท์’ กับ ‘ธรรมมาภิบาล’
เอกสารรายงานวิชาการหัวข้อ A Comparative Study of the Concepts of “Building a Harmoni-
ous World” and “Global Governance”6
เขียนโดย ดร. Thomas Fues และ ดร. Lin Youfa เป็นความ
ร่วมมือระหว่างสถาบัน German Development Institute กับ China Institute of International Studies โดย
ความแตกต่างของ 2 แนวคิดดังกล่าว สรุปได้ดังนี้
แนวคิดสร้างโลกที่สมานฉันท์ เป็นแนวคิดที่มีรากฐานมาจาก win – win cooperation เพราะเชื่อว่า
การเมืองของโลกจะสมานฉันท์กันได้ ประเทศต่างๆต้องมีความร่วมมือกันอย่างลงตัว
จีนต้องการเสนอแนวคิดที่จะเป็นทางเลือกให้กับประชาคมระหว่างประเทศ เพราะรัฐบาลจีนเชื่อว่า
ระบบธรรมาภิบาลของโลกแบบตะวันตกที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ไม่มีธรรมาภิบาลที่แท้จริง ประเทศที่มี
ต้นทุนและศักยภาพมากกว่ามักกดดันประเทศที่มีศักยภาพด้อยกว่า
5
http://www.ciis.org.cn/english/2015-06/19/content_8006094.htm เข้าถึงเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558