Accueil
Explorer
Soumettre la recherche
Mettre en ligne
S’identifier
S’inscrire
Publicité
Check these out next
Motivation (แรงจูงใจ) ch.7 สำหรับนิสิตวิชาพฤติกรรมผู้บริโภค
Mahasarakham Business School, Mahasarakham University
ปรัชญาพิพัฒนาการนิยม
Proud N. Boonrak
แผนการจัดการเรียนรู้ที่๕
นันทนา วงศ์สมิตกุล
แผนวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
Thongsawan Seeha
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูก (Orthopedics nursing problem)
Aphisit Aunbusdumberdor
9 การให้สุขศึกษา
Watcharin Chongkonsatit
สุขฯ ม.2 หน่วย 6
supap6259
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10
Aon Narinchoti
1
sur
53
Top clipped slide
ทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิด
28 Jan 2013
•
0 j'aime
5 j'aime
×
Soyez le premier à aimer ceci
afficher plus
•
17,990 vues
vues
×
Nombre de vues
0
Sur Slideshare
0
À partir des intégrations
0
Nombre d'intégrations
0
Télécharger maintenant
Télécharger pour lire hors ligne
Signaler
Formation
Note Na-ngam
Suivre
Publicité
Publicité
Publicité
Recommandé
ปรัชญาทั่วไป ตอนทฤษฎีความรู้ (ญาณวิทยา)
Padvee Academy
5.6K vues
•
40 diapositives
ปรัชญาทั่วไป ตอน ปรัชญาอินเดีย
Padvee Academy
10.6K vues
•
92 diapositives
บทที่ 3 ยาสามัญประจำบ้าน
Pa'rig Prig
5K vues
•
18 diapositives
โมเดลและทฤษฎีที่สำคัญเกี่ยวกับการจัดการความรู้ (Km)
Sasichay Sritep
19.9K vues
•
24 diapositives
หลักการยกเคลื่อนย้ายผู้ประสบเหตุ
Aiman Sadeeyamu
11.9K vues
•
25 diapositives
องค์ประกอบของหลักสูตร
Sunisa199444
54.9K vues
•
20 diapositives
Contenu connexe
Présentations pour vous
(20)
Motivation (แรงจูงใจ) ch.7 สำหรับนิสิตวิชาพฤติกรรมผู้บริโภค
Mahasarakham Business School, Mahasarakham University
•
27.8K vues
ปรัชญาพิพัฒนาการนิยม
Proud N. Boonrak
•
19K vues
แผนการจัดการเรียนรู้ที่๕
นันทนา วงศ์สมิตกุล
•
27.2K vues
แผนวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
Thongsawan Seeha
•
25.9K vues
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูก (Orthopedics nursing problem)
Aphisit Aunbusdumberdor
•
223.8K vues
9 การให้สุขศึกษา
Watcharin Chongkonsatit
•
29.2K vues
สุขฯ ม.2 หน่วย 6
supap6259
•
33.4K vues
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10
Aon Narinchoti
•
45.7K vues
คำอธิบายรายวิชาม.2ปรับอ.สมนึก
ทับทิม เจริญตา
•
789 vues
วิชาการพยาบาลผู้สูงอายุ
pueniiz
•
41.9K vues
Casestudy การศึกษารายกรณี
rewat Chitthaing
•
126.5K vues
วิจัยในชั้นเรียนวิจัยในชั้นเรียนชั้นม.2
sarawut chaicharoen
•
12.1K vues
แผนBioม.4 1
Wichai Likitponrak
•
60K vues
โครงสร้างคณิตศาสตร์ เพิ่มเติม ม.ปลาย
Inmylove Nupad
•
26.8K vues
แผนการจัดการเรียนรู้พระพุทธศาสนา
Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand
•
28.5K vues
ข้อสอบความคิดสร้างสรรค์
Jirathorn Buenglee
•
26.2K vues
ปรัชญาตะวันตก บทที่ ๖ ปรัชญากรีกสมัยเสื่อม
Padvee Academy
•
23.1K vues
การเรียนแบบร่วมมือ
Teeraporn Pingkaew
•
7.8K vues
ความรู้เรื่องโรคไต
Utai Sukviwatsirikul
•
1.4K vues
ยารักษาโรคจิตเวช รพ. สหัสขันธ์
Utai Sukviwatsirikul
•
68.1K vues
Similaire à ทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิด
(20)
งานออกแบบสื่อ
MicKy Mesprasart
•
454 vues
Thinking
0819741995
•
3K vues
Thinking
0819741995
•
771 vues
งานนำเสนอ Thinking
เชียร์ นะมาตย์
•
378 vues
Thinking
0819741995
•
218 vues
งานนำเสนอ Thinking
เชียร์ นะมาตย์
•
897 vues
บทความวิชาการ
Supattra Rakchat
•
5.5K vues
Psychology1
New Born
•
238 vues
Psychology1
Rorsed Mardra
•
204 vues
ความคิดสร้างสรรค์
Surapon Boonlue
•
12.3K vues
Jerome bruner
soh26
•
2.7K vues
Jerome bruner
saleehah053
•
412 vues
Jerome bruner
sofia-m15
•
660 vues
บทความทางวิชาการ
ขวัญ ฤทัย
•
6.3K vues
บทความทางวิชาการ
ขวัญ ฤทัย
•
124.5K vues
หลักสูตร
Pat1803
•
504 vues
Content03
ครุศิลปะสร้างสรรค์งานศิลป์ กับศิลป
•
452 vues
เฟียเจท์ 1
Rorsed Mardra
•
83 vues
เฟียเจท์ 1
ya035
•
240 vues
เฟียเจท์ 1
Rorsed Mardra
•
130 vues
Publicité
Dernier
(20)
โครงงานวิทย์(แพ ฟอร์มาลีน).ppt
Supat Buddee
•
8 vues
Brand guidelines อำเภอเมืองปทุมธานี.pdf
Bangkok University
•
5 vues
Lat Lum Kaeo Mapping_Infographic.pdf
Bangkok University
•
7 vues
Colorful STEM Poster.pdf
ssuser3873f6
•
7 vues
คุณเป็นใคร 3.docx
SunnyStrong
•
12 vues
ส30108 ประวัติศาสตร์ไทย 1 ปี 58.pdf
aholicmyaholic
•
2 vues
ด้านการปฏิบัติงาน ตัวชี้วัดที่ 4.pdf
PhanumatPH
•
6 vues
ก่อนเรียนIS-20201.docx
วีระศักดิ์ ไชยขันธุ์
•
7 vues
ด้านการปฏิบัติงาน ตัวชี้วัดที่ 2.pdf
PhanumatPH
•
15 vues
Luận văn thạc sĩ toán học.
ssuser499fca
•
9 vues
STUDENT HANDBOOK 2566 v2.pdf
jintana ver
•
15 vues
if-clause.ppt
Nicole Robin
•
6 vues
คู่มือmanual.pptx
rdbkk02
•
2 vues
label stoi exercise.pptx
ssuseref5b61
•
5 vues
นิ่วในไต.pdf
ssuser49a477
•
7 vues
ด้านการปฏิบัติตน ตัวชี้วัดที่ 5.pdf
PhanumatPH
•
11 vues
ด้านการปฏิบัติงาน ตัวชี้วัดที่ 6.pdf
PhanumatPH
•
7 vues
pdf2.pdf
Sanzero1
•
5 vues
คุณเป็นใคร 1.docx
SunnyStrong
•
20 vues
ด้านการปฏิบัติตน ตัวชี้วัดที่ 4.pdf
PhanumatPH
•
8 vues
ทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิด
ทฤษฎี หลัก การ
แนวคิด ทฤษฎี หลัก การ แนวคิด เกี่ย วกับ การคิด เกีย วกับ การคิด ่ และพัฒ นาการคิด และพัฒ นาการคิด โดย โดย นายณเรศ หน้า งาม นายณเรศ หน้า งาม สาขาชีว วิท ยา ปี1 สาขาชีว วิท ยา ปี1 รหัส 53181528111 รหัส 53181528111 มหาวิท ยาลัย ราชภัฏ มหาวิท ยาลัย ราชภัฏ
กิล ฟอร์ด
กิล ฟอร์ด Guilford Guilford ทฤษฏี กิล ฟอร์ด อธิบ ายถึง ความสามารถทาง สมองของมนุษ ย์ใ น แง่ม ม ต่า ง ๆ โดย ุ จำา ลองออกมาเป็น หุ่น ลูก บาศก์ข องสติ ปัญ ญา ( model of
หมายถึง วัต ถุห
รือ ข้อ มูล ที่ใ ช้เ ป็น สือ ก่อ ่ ให้เ กิด ความคิด ซึ่ง มีห ลายรูป แบบ เช่น อาจเป็น ภาพ เสีย ง สัญ ลัก ษณ์ ภาษาและ พฤติก รรม 2. มิต ิด ้า นปฏิบ ต ิก าร (Operations) ั หมายถึง กระบวนการต่า ง ๆ ที่บ ค คลใช้ ุ ในความคิด ซึ่ง ได้แ ก่ การรับ รู้แ ละเข้า ใจ (Cognition) 3. มิต ด ้า นผลผลิต (Products) ิ หมายถึง ผลของความคิด ซึง อาจมี ่ ลัก ษณะเป็น หน่ว ย (Unit) เป็น กลุ่ม หรือ พวกของ สิง ต่า ง ๆ (Classes) เป็น ความ ่ สัม พัน ธ์ (Relation ) เป็น ระบบ ( System)
การคิด สร้า งสรรค์
กิล ฟอร์ด (Guilford, 1967) ความคิด สร้า งสรรค์เ ป็น ความคิด แบบเอกนัย (Divergent thinking) คือ คิด หลายทาง หลายแง่ม ม คิดุ กว้า งไกล ลัก ษณะการคิด เช่น นี้น ำา ไปสูก ารสร้า งสรรค์ส ิ่ง ประดิษ ฐ์ ่ แปลกใหม่ รวมทั้ง การแก้ป ัญ หาได้ สำา เร็จ
การ์ด เนอ การ์ด เนอ Gardner Gardner แนวคิด
ของการ์ด เนอ ในปัจ จุบ น มี ั ปัญ ญาอยูอ ย่า ง ่ น้อ ย 8 ด้า น ดัง นี้
คือ ความสามารถในการใช้ภ าษารูป แบบต่า
งๆ ตั้ง แต่ภ าษาพื้น เมือ ง จนถึง ภาษาอื่น ๆ ด้ว ย 2. ปัญ ญาด้า นตรรกศาสตร์แ ละ คณิต ศาสตร์ (Logical- Mathematical Intelligence) คือ ความสามารถในการคิด แบบมีเ หตุ และผล การคิด เชิง นามธรรม การคิด คาด การณ์ และการคิด คำา นวณทาง คณิต ศาสตร์ 3. ปัญ ญาด้า นมิต ิส ม พัน ธ์ (Visual- ั Spatial Intelligence)
คือ ความสามารถในการรับ รู้ท
างสายตาได้ ดี สามารถมองเห็น พื้น ที่ รูป ทรง ระยะทาง และตำา แหน่ง 4. ปัญ ญาด้า นร่า งกายและการเคลื่อ นไหว (Bodily Kinesthetic Intelligence) คือ ความสามารถในการควบคุม และ แสดงออกซึ่ง ความคิด ความรู้ส ก โดย ใช้ ึ อวัย วะส่ว นต่า งๆ ของร่า งกาย 5. ปัญ ญาด้า นดนตรี (Musical Intelligence) คือ ความสามารถในการซึม ซับ และเข้า ถึง สุน ทรีย ะทางดนตรี ทั้ง การได้ย ิน การรับ รู้ การจดจำา และการแต่ง เพลง 6. ปัญ ญาด้า นมนุษ ยสัม พัน ธ์ (Interpersonal Intelligence)
(Intrapersonal Intelligence)
คือ ความสามารถในการรู้จ ัก ตระหนัก รู้ ในตนเอง สามารถเท่า ทัน ตนเอง ควบคุม การแสดงออกอย่า งเหมาะสมตาม กาลเทศะ 8. ปัญ ญาด้า นธรรมชาติว ิท ยา (Naturalist Intelligence) คือ ความสามารถในการรู้จ ัก และเข้า ใจ ธรรมชาติอ ย่า งลึก ซึ้ง เข้า ใจ กฎเกณฑ์ ปรากฏการณ์ และการรัง สรรค์ต ่า งๆ
เอ็ด เวิร ์ด เอ็ด
เวิร ์ด เดอ เดอ โบโน โบโน Edward de Edward de Bono Bono "ดร.เอ็ด เวิร ์ด เดอ โบโน" เป็น ผู้ ริเ ริ่ม แนวความคิด เรื่อ ง Lateral Thinking (การคิด นอกกรอบ) และเป็น คนพัฒ นาเทคนิค การ คิด ริเ ริ่ม สร้า งสรรค์
Six Thinking Hats
สูต รบริห ารความคิด ของ "เดอ โบโน" จะประกอบด้ว ยหมวก 6 ใบ 6 สี คือ White Hat หมวกสีข าว สีข าวเป็น สีท ี่ช ใ ห้ ี้ เห็น ถึง ความเป็น กลาง Red Hat หมวกสีแ ดง สีแ ดงเป็น สีท ี่แ สดง ถึง อารมณ์แ ละความรู้ส ก ึ Black Hat หมวกสีด ำา สีด ำา เป็น สีท ี่แ สดงถึง ความโศกเศร้า และการปฏิเ สธ Yellow Hat หมวกสีเ หลือ ง สีเ หลือ ง คือ สี ของแสงแดด และความสว่า งสดใส Green Hat หมวกสีเ ขีย วสีเ ขีย ว เป็น สีท ี่
ยชน์ข องการใช้ “6
หมวกการคิด ” เมิน ความรอบรู้ข องทุก กลุ่ม กัด โอกาสหรือ ช่อ งทางสำา หรับ การโต้เ ถีย งหรือ โต้แ ย หยัด เวลาในการประชุม โดยการคิด แบบคูข นาน ่ การหลงตัว เองหรือ การชอบแสดงอำา นาจ ให้ม เ วลาที่จ ะถกเถีย งปัญ หาในแต่ล ะมุม มอง ี
เพีย เจย์ เพีย
เจย์ Piaget Piaget ทฤษฎีพ ัฒ นาการทาง สติป ญ ญาของเพีย เจต์ ั การเรีย นรู้ข อง เด็ก เป็น ไปตาม พัฒ นาการทางสติ ปัญ ญา ซึ่ง จะมี พัฒ นาการไปตามวัย ต่า ง ๆ เป็น ลำา ดับ ขั้น พัฒ นาการเป็น สิง ที่ ่ เป็น ไปตามธรรมชาติ
ทฤษฎีก ารเรีย นรู้ ทฤษฎีพ
ัฒ นาการทางสติป ญ ญาของเพีย เจต์ ั มีส าระสรุป ได้ด ัง นี้ 1) พัฒ นาการทางสติป ญ ญาของบุค คลเป็น ั ไปตามวัย ต่า ง ๆ เป็น ลำา ดับ ขั้น ดัง นี้ 1.1 ) ขั้น ประสาทรับ รู้แ ละการเคลื่อ นไหว (Sensori-Motor Stage) ขั้น นีเ ริ่ม ตั้ง แต่แ รกเกิด จนถึง 2 ปี พฤติก รรม ้ ของเด็ก ในวัย นีข ึ้น อยู่ก ับ การเคลื่อ นไหวเป็น ้ ส่ว นใหญ่
1.2 ) ขั้น
ก่อ นปฏิบ ต ิก ารคิด ั (Preoperational Stage) ขั้น นีเ ริ่ม ตัง แต่ ้ ้ อายุ 2-7 ปี แบ่ง ออกเป็น ขั้น ย่อ ยอีก 2 ขั้น คือ 1. ขั้น ก่อ นเกิด สัง กัป (Preconceptual Thought) เป็น ขั้น พัฒ นาการ ของเด็ก อายุ 2-4 ปี 2. ขั้น การคิด แบบญาณหยั่ง รู้ นึก ออก เองโดยไม่ใ ช้เ หตุผ ล (Intuitive Thought) เป็น ขั้น พัฒ นาการของเด็ก อายุ 4-7 ปี
1.3 ) ขั้น
ปฏิบ ต ิก ารคิด ด้า นรูป ธรรม ั (Concrete Operation Stage) ขั้น นี้จ ะ เริ่ม จากอายุ 7-11 ปี พัฒ นาการทางด้า น สติป ญ ญาและความคิด ของเด็ก วัย นี้ ั สามารถสร้า งกฎเกณฑ์แ ละตั้ง เกณฑ์ใ น การแบ่ง สิง แวดล้อ มออกเป็น หมวดหมูไ ด้ ่ ่ เด็ก วัย นีส ามารถที่จ ะเข้า ใจเหตุผ ล ้ 1.4 )ขั้น ปฏิบ ต ิก ารคิด ด้ว ย ั นามธรรม (Formal Operational Stage) นีจ ะเริ่ม จากอายุ 11-15 ปี ในขัน นี้ ้ ้ พัฒ นาการทางสติป ญ ญา ั และความคิด
การนำา ไปใช้ใ นการ
การนำา ไปใช้ใ นการ จัด การศึก ษา / การสอน จัด การศึก ษา / การสอน 1. เมื่อ ทำา งานกับ นัก เรีย น ผูส อนควรคำา นึง ้ ถึง พัฒ นาการทางสติป ญ ญาของนัก เรีย น ํ 2. หลัก สูต รที่ส ร้า งขึ้น บนพื้น ฐานทฤษฎี พัฒ นาการทางสติป ญ ญาของเพีย เจต์ ั ควรมีล ัก ษณะดัง ต่อ ไปนีค อ ้ ื 1. เน้น พัฒ นาการทางสติป ญ ญาของผู้ ั เรีย นโดยต้อ งเน้น ให้น ัก เรีย นใช้ ศัก ยภาพ/ของตนเองให้ม ากที่ส ด ุ 2. เสนอการเรีย นการเสนอที่ใ ห้ผ เ รีย นู้
ดัง ต่อ ไปนี้
1.ถามคำา ถามมากกว่า การให้ค ำา ตอบ 2.ครูผ ส อนควรจะพูด ให้น ้อ ยลง ู้ และฟัง ให้ม ากขึ้น 3.ควรให้เ สรีภ าพแก่น ก เรีย นที่จ ะเลือ ก ั เรีย นกิจ กรรมต่า ง ๆ 4. ในขั้น ประเมิน ผล ควรดำา เนิน การสอนต่อ ไปนี้ 1. มีก ารทดสอบแบบการให้เ หตุผ ลของ นัก เรีย น 2. พยายามให้น ก เรีย นแสดงเหตุผ ลใน ั การตอนคำา ถามนัน ๆ ้ 3. ต้อ งช่ว ยเหลือ นัก เรีย นทีม ีพ ัฒ นาการ
ทฤษฎีพ ัฒ นาการทาง
กาเย่ กาเย่ สติป ญ ญาของกาเย่ ั Gagne Gagne จากทัศ นะของกาเย่ เด็ก พัฒ นาเนือ งจากว่า เขา ่ ได้เ รีย นรู้ก ฎเกณฑ์ท ี่ซ ับ ซ้อ นขึ้น เรื่อ ย ๆ พฤติก รรมที่อ าศัย กฎที่ ซับ ซ้อ นเกิด ขึ้น เพราะ เด็ก ได้ม ีก ฎง่า ย ๆ ที่ จำา เป็น มาก่อ น ในระยะ เริ่ม แรกเด็ก จะได้ร ับ นิส ย ง่า ย ๆ ที่ช ว ยทำา ั ่ หน้า ที่เ ป็น จุด เริ่ม ต้น
กาเย่ มีค วามเชือ
ว่า ความสามารถในการ ่ เรีย นรู้ข องมนุษ ย์ม ี 5 ด้า น คือ 1) ลัก ษณะด้า นสติป ญ ญา (Intellectual ั Skills) 2) กลยุท ธ์ท างความคิด (Cognitive Strategies) 3) ข่า วสารจากคำา พูด (Verbal Information) 4) ทัก ษะทางกลไก (Motor Skills) 5) เจตคติ (Attitudes)
การนำา ไปใช้ใ นการจัด
การศึก ษา / การสอน ความพร้อ มในการเรีย นของนัก เรีย นมิไ ด้ ขึ้น อยูก ับ องค์ป ระกอบภายในทางชีว วิท ยา ่ เท่า นัน แต่ข ึ้น อยู่ก ับ การจัด ให้ง านด้า น ้ ทัก ษะมีค วามเหมาะสม และนิส ย ที่จ ำา เป็น ั สำา หรับ การเรีย นทัก ษะใหม่ ๆ ที่ซ ับ ซ้อ น มากขึ้น ตามที่เ ราต้อ งการจะพัฒ นา
เลวิน
เลวิน การนำา หลัก การทฤษฎีก ลุ่ม ความรู้ ความเข้า ใจ ไป Lewin Lewin ประยุก ต์ใ ช้ ๑. ครูค วรสร้า งบรรยากาศ การเรีย นที่เ ป็น กัน เอง ๒. เปิด โอกาสให้ม ีก าร อภิป รายในชัน เรีย น ้ ๓. การกำา หนดบทเรีย นควรมี โครงสร้า งที่ม ร ะบบ ี เป็น ขั้น ตอน ๔. คำา นึง ถึง เจตคติแ ละความ รู้ส ก ของผูเ รีย น ึ ้
ทฤษฎีส นามของเลวิ น (Lewin'sFieldTheory)
Kurt Lewin นัก จิต วิท ยาชาว เยอรมัน (1890 - 1947) มีแ นวคิด เกี่ย ว กับ การเรีย นรู้เ ช่น เดีย วกับ กลุ่ม เกสตัล ท์ ที่ว ่า การเรีย นรู้ เกิด ขึน จากการจัด ้ กระบวนการรับ รู้ และกระบวนการคิด เพื่อ การแก้ไ ขปัญ หาแต่เ ขาได้น ำา เอาหลัก การทางวิท ยาศาสตร์ม าร่ว มอธิบ าย พฤติก รรมมนุษ ย์เ ขาเชือ ว่า พฤติก รรม ่ มนุษ ย์แ สดงออกมาอย่า งมีพ ลัง และ
Lewinกำา หนดว่า สิง
แวดล้อ มรอบตัว ่ มนุษ ย์จ ะมี๒ ชนิด คือ ๑. สิง แวดล้อ มทาง ่ กายภาพ(Physicalenvironment) ๒.สิง แวดล้อ มทางจิต วิท ยา ่ (Psychological environment)
ทอร์แ รนซ์ ทอร์แ
รนซ์ ทฤษฎีค วามคิด สร้า งสรรค์ Torrance Torrance ของทอร์แ รนซ์ อี พอล ทอร์แ รนซ์ (E. Paul Torrance) นิย ามความ คิด สร้า งสรรค์ว ่า เป็น กระบวน การของความรู้ส ก ไวต่อ ึ ปัญ หา หรือ สิง ที่บ กพร่อ งขาด ่ หายไปแล้ว รวบรวมความคิด ตั้ง เป็น สมมติฐ านขึ้น ต่อ จาก นัน ก็ท ำา การรวบรวมข้อ มูล ้ ต่า งๆ เพื่อ ทดสอบสมมติฐ าน นัน ้
กระบวนการเกิด ความคิด สร้า
งสรรค์ต าม ทฤษฎีข องทอร์แ รนซ์ สามารถแบ่ง ออกเป็น 5 ขั้น ดัง นี้ 1. การค้น หาข้อ เท็จ จริง (Fact Finding) 2. การค้น พบปัญ หา (Problem – Finding) 3. กล้า ค้น พบความคิด (Ideal – Finding) 4. การค้น พบคำา ตอบ (Solution – Finding) 5. การยอมรับ จากการค้น พบ (Acceptance – Finding
ผลผลิต สร้า งสรรค์
(Creative Product) ลัก ษณะของผลผลิต นัน โดยเนือ ้ ้ แท้เ ป็น โครงสร้า งหรือ รูป แบบของ ความคิด ที่ไ ด้แ สดงกลุ่ม ความหมาย ใหม่อ อกมาเป็น อิส ระต่อ ความคิด หรือ สิง ของที่ผ ลิต ขึ้น ่ ซึ่ง เป็น ไปได้ท ั้ง รูป ธรรมและนามธรรม
เทคนิค การพัฒ นาความคิด สร้า
งสรรค์ เทคนิค ความกล้า ที่จ ะริเ ริ่ม สามารถปลูก ฝัง และส่ง เสริม ให้เ กิด ความคิด สร้า งสรรค์ส ง ขึน ได้ ด้ว ยการ ู ้ ถามคำา ถาม และให้โ อกาสได้ค ด คำา ิ ตอบในสภาพแวดล้อ มที่ป ลอดภัย เป็น ที่ย อมรับ ของผูอ ื่น ้
ออชูเเบล ออชู บล
Ausubel Ausubel ทฤษฎีข องออซูเ บล 1. ออซูเ บล (Ausubel , David 1963) เป็น นัก จิต วิท ยาแนว ปัญ ญานิย ม ทฤษฎีข อง ออซูเ บล เป็น ทฤษฎีท ี่ห า หลัก การอธิบ ายการเรีย นรู้ ที่เ รีย กว่า "Meaningful Verbal Learning" โดย เฉพาะ การเชือ มโยงความ ่
2. ทฤษฎีก ลุ่ม
พุท ธิป ญ ญา ั (Cognitivism) ตั้ง แต่ป ี ค.ศ. 1960 นัก ทฤษฎี การเรีย นรู้เ ริ่ม ตระหนัก ว่า การที่จ ะ เข้า ถึง การเรีย นรู้ไ ด้อ ย่า งสมบูร ณ์น ั้น จะต้อ งผ่า นการพิจ ารณา ไตร่ต รอง การคิด (Thinking) เช่น เดีย วกับ พฤติก รรม 3. กลุ่ม พุท ธิป ญ ญา (Cognitivism) ั กลุ่ม พุท ธิป ญ ญา ให้ค วาม ั สนใจเกี่ย วกับ กระบวนการคิด การให้ เหตุผ ลของผู้เ รีย น ซึ่ง แตกต่า งจาก
4. การเรีย นรู้อ
ย่า งมีค วามหมาย เป็น การเรีย นที่ผ เ รีย นได้ร ับ มาจาก ู้ การที่ผ ส อน อธิบ ายสิง ที่จ ะต้อ งเรีย น ู้ ่ รู้ใ ห้ท ราบและผูเ รีย นรับ ฟัง ด้ว ย ้ ความเข้า ใจ โดยผูเ รีย นเห็น ความ ้ สัม พัน ธ์ข องสิง ที่เ รีย นรู้ก ับ ่ โครงสร้า งพุท ธิป ญ ญาที่ ได้เ ก็บ ไว้ ั ในความทรงจำา และจะสามารถนำา มาใช้ใ นอนาคต
เทคนิค การสอน ออซูเ
บลได้เ สนอ แนะเกี่ย วกับ Advance organizer เป็น เทคนิค ที่ช ว ยให้ผ เ รีย นได้เ รีย นรู้ ่ ู้ อย่า งมีค วามหมายจากการสอนหรือ บรรยายของ ครู โดยการสร้า งความ เชือ มโยงระหว่า งความรู้ท ี่ม ม าก่อ นกับ ่ ี ข้การจัใหม่ บเรีย งข้อ มูล ข่ดวสารทีต ้อ งการ - อ มูล ด เรีย หรือ ความคิ า รวบยอดใหม่ ่ ให้เ รีย นรู้อ อกเป็น หมวดหมู่ ที่จ ะต้อ งเรีย น จะช่ว ยให้ผ เ รีย นเกิด ู้ -นำา เสนอกรอบหลัก การกว้า งๆก่อ นทีจ ะให้ ่ การเรีย นเรื้อ ย่า งมีค วามหมายที่ไ ม่ต อ ง เรีย นรู้ใ นรู ่อ งใหม่ ้ ท่แบ่ง บทเรียก การทั่ว ไปที่นคัญ และบอกให้ - อ งจำา หลั นเป็น หัว ข้อ ทีส ำา ำา มาใช้ คือ ่ ทราบเกี่ย วกับ หัว ข้อ สำา คัญ
สติป ญ ญาของบรุน
ั บรุน เนอร์ บรุน เนอร์ เนอร์ Bruner น เนอร์ Bruner บรุ (Bruner) เป็น นัก จิต วิท ยาที่ส นใจและ ศึก ษาเรื่อ งของ พัฒ นาการทางสติ ปัญ ญาต่อ เนือ งจาก ่ เพีย เจต์ บรุน เนอร์ เชือ ว่า มนุษ ย์เ ลือ กที่ ่ จะรับ รู้ส ง ที่ต นเอง ิ่ สนใจและการเรีย นรู้ เกิด จากกระบวนการ ค้น พบด้ว ยตัว เอง
ทฤษฎีก ารเรีย นรู้ 1)การจัด
โครงสร้า งของความรู้ใ ห้ม ีค วาม สัม พัน ธ์ และสอดคล้อ งกับ พัฒ นาการทางสติ ปัญ ญาของเด็ก มีผ ลต่อ การเรีย นรู้ข องเด็ก 2) การจัด หลัก สูต รและการเรีย นการสอนให้ เหมาะสมกับ ระดับ ความพร้อ มของผูเ รีย น ้ และสอดคล้อ งกับ พัฒ นาการทางสติป ญ ญา ั ของผูเ รีย นจะช่ว ยให้ก ารเรีย นรู้เ กิด ้ ประสิท ธิภ าพ
3) การคิด แบบหยัง
รู้ (intuition) เป็น การ ่ คิด หาเหตุผ ลอย่า งอิส ระที่ส ามารถช่ว ย พัฒ นาความคิด ริเ ริ่ม สร้า งสรรค์ไ ด้ 4) แรงจูง ใจภายในเป็น ปัจ จัย สำา คัญ ที่จ ะ ช่ว ยให้ผ เ รีย นประสบผลสำา เร็จ ในการเรีย น ู้ รู้ 5) ทฤษฎีพ ัฒ นาการทางสติป ญ ญาของ ั มนุษ ย์
การนำา ไปใช้ใ นการจัด
การศึก ษา / การสอน 1) กระบวนการค้น พบการเรีย นรู้ด ้ว ยตนเอง เป็น กระบวนการเรีย นรู้ท ี่ด ีม ีค วามหมาย สำา หรับ ผูเ รีย น ้ 2) การวิเ คราะห์แ ละจัด โครงสร้า งเนือ หา ้ สาระการเรีย นรู้ใ ห้เ หมาะสมเป็น สิง ที่จ ำา เป็น ่ ที่ต ้อ งทำา ก่อ นการสอน
Curriculum) ช่ว ยให้ส
ามารถสอนเนือ หา ้ หรือ ความคิด รวบยอดเดีย วกัน แก่ผ เ รีย นทุก ู้ วัย ได้ 4) ในการเรีย นการสอนควรส่ง เสริม ให้ผ ู้ เรีย นได้ค ด อย่า งอิส ระ ิ 5) การสร้า งแรงจูง ใจภายในให้เ กิด ขึ้น กับ ผู้ เรีย น 6) การจัด กระบวนการเรีย นรู้ใ ห้เ หมาะสมกับ ขั้น พัฒ นาการทางสติป ญ ญาของผูเ รีย น ั ้ 7) การสอนความคิด รวบยอดให้แ ก่ผ เ รีย น ู้ เป็น สิง จำา เป็น ่ 8) การจัด ประสบการณ์ใ ห้ผ เ รีย นได้ค น พบ ู้ ้ การเรีย นรู้ด ้ว ยตนเอง
บลูม
บลูม Bloom ข อง Bloom รเรีย นรู้ต ามทฤษฎี Bloom ความรู้ท เ กิด จากความจำา (knowledge) ซึ่ง เป็น ี่ ระดับ ล่า งสุด ความเข้า ใจ (Comprehend) การประยุก ต์ (Application) การวิเ คราะห์ ( Analysis) สามารถแก้ป ัญ หา ตรวจสอบได้ การสัง เคราะห์ ( Synthesis) สามารถนำา ส่ว น ต่า งๆ มาประกอบเป็น รูป แบบใหม่ไ ด้ใ ห้ แตกต่า งจากรูป เดิม เน้น โครงสร้า งใหม่
ศาสตราจารย์ส ุม น ศาสตราจารย์ส
ุม น อมรวิว ัฒ น์ อมรวิว ัฒ น์ จิต ปัญ ญาศึก ษาตามแนวของ ศ .สุม น อมรวิว ัฒ น์ การเรีย นรู้โ ดยกระบวนการ ซึม ซับ ให้ร ับ เอา การให้แ ละการรับ การเผชิญ ผจญ เผด็จ ปัญ หา การฝึก ฝนตนเอง เรีย นรู้ส ก ารเปลี่ย นแปลงภายใน ู่ ตนเอง
สามแนวความคิด
สามแนวความคิด หลัก หลัก จากการศึก ษาตาม จากการศึก ษาตาม นัย พุท ธธรรม นัย พุท ธธรรม 1. หลัก การบูร ณาการทางการศึก ษาตามนัย โดยศาสตราจารย์ โดยศาสตราจารย์ แห่ง พุท ธธรรม บูวัฒ น์ สุม น อมรวิว ณาการตามนัย สุม น อมรวิร ัฒ น์ แห่ง พุท ธธรรม หมายถึง ระบบและกระบวนการ ของชีว ิต ซึง ครอบคลุม หลัก การพัฒ นามนุษ ย์ท ี่ ่ ว่า ด้ว ยไตรสิก ขาและหลัก ธรรมทีส ำา คัญ ในอัน ที่ ่ จะเป็น แนวปฏิบ ัต ิส ู่ค วามเป็น คนเก่ง คนดี มี อิส รภาพ 2. หลัก การเรีย นตามแนวพุท ธศาสตร์
3. การเรีย นรู้โ
ดยกระบวนการซึม ซับ มนุษ ย์ซ ึม ซับ รับ รู้จ ากการเผชิญ สถานการณ์ บรรยากาศ และสิง แวดล้อ ม่ 1 การรับ รู้ข องเด็ก ในบางครั้ง อาจเกิด ขึ้น จากความรู้ส ก ชัว แล่น และผิว เผิน ึ ่ 2 ความหมายของสิง แวดล้อ มนัน ่ ้ ครอบคลุม ทั้ง สรรพสิง ในธรรมชาติแ ละ ่ มนุษ ย์ด ้ว ยกัน เอง 3 การเรีย นรู้ใ นส่ว นนีม ค วามซับ ซ้อ น ้ ี จากจุด ที่เ กิด ความสนใจ ความสงสัย 4 เมื่อ เด็ก ได้เ ผชิญ สถานการณ์ (ความ จริง ของสิง แวดล้อ ม) และฝึก คิด ่
ความคิด คือ อะไร
ความคิด เป็น ผล ศจากการทำาย งศัก ดิ์ ์ ศ..ดร ..เกรี งานของดิ ดร เกรีย งศัก เจริญ วงศ์ศ ักรูดิ์ ์ เจริญ วงศ์ศอ ดิ สมองในการก่ ัก ป (Formulate) บางสิง ่ บางอย่า งขึ้น ในมโนคติ (mind) ผ่า นการ ทำา งานของระบบการ รับ รู้ท างจิต (cognitive system) โดยในส่ว น ของความคิด จะทำา หน้า ที่แ ยกแยะการกระ ทำา และความรู้ส ก ผ่า น ึ กระบวนการทางความ
วิธ ค ด
แบบผูบ ริห าร ี ิ ้ ผ่า นการคิด 10 มิต ิ •การคิด เชิง กลยุท ธ์ •การคิด เชิง อนาคต •การคิด เชิง สร้า งสรรค์ •การคิด เชิง วิพ ากษ์ •การคิด เชิง บูร ณาการ •การคิด เชิง วิเ คราะห์ •การคิด เชิง เปรีย บ เทีย บ •การคิด เชิง สัง เคราะห์ •การคิด เชิง มโนทัศ น์ •การคิด เชิง ประยุก ต์
การคิด เชิง กลยุท
ธ์ ขั้น ที่ห นึง กำา หนดเป้า หมายที่ ่ ต้อ งการจะไปให้ถ ึง ขั้น ที่ส อง วิเ คราะห์แ ละประเมิน สถานะ ขั้น ที่ส าม การหาทางเลือ กกลยุท ธ์ ขั้น ที่ส ี่ การวางแผนปฏิบ ต ก าร ั ิ ขั้น ที่ห ้า การวางแผนคูข นาน ่ ขั้น ที่ห ก การทดสอบใน สถานการณ์จ ำา ลอง ขั้น ที่เ จ็ด การลงมือ ปฏิบ ต ิก าร ั ขั้น ที่แ ปด การประเมิน ผล
เกณฑ์ท เ หมาะสม
การคิด เชิง อนาคตมีห ลายวิธ ี ี่ แต่ใ ช้ว ิธ ีท เ หมาะสม ี่ การคิด เชิง สร้า งสรรค์ 1. ฝึก ถามคำา ถามทีก ระตุ้น ให้เ กิด ความ ่ คิด ใหม่ ๆ 2. อย่า ละทิง ความคิด ใด ๆจนกว่า จะ ้ พิส ูจ น์ไ ด้ว ่า ไร้ป ระโยชน์ 3. การพัฒ นาเทคนิค ช่ว ยคิด สร้า งสรรค์ การคิด เชิง วิพ ากษ์ หลัก ที่ 1 ให้ส งสัย ไว้ก ่อ น................อย่า เพิง ่ เชื่อ หลัก ที่ 2 เผื่อ ใจไว้...............อาจจะจริง หรือ อาจจะไม่จ ริง ก็ไ ด้ หลัก ที่ 3 เป็น พยานฝ่า ยมาร............ตั้ง
การคิด เชิง บูร
ณาการ 1. ตั้ง “แกนหลัก ” หาความสัม พัน ธ์เ ชื่อ มโยงกับ แกนหลัก วิพ ากษ์เ พื่อ ให้เ กิด การบูร ณาการครบถ้ว น การคิด เชิง วิเ คราะห์ หาความสัม พัน ธ์เ ชิง เหตุผ ลของข้อ มูล ทีไ ด้ร ับ ่ 2. ใช้ห ลัก การตั้ง คำา ถาม 3. ใช้ห ลัก การแยกแยะความจริง การคิด เชิง เปรีย บเทีย บ 1. คิด เปรีย บเทีย บใช้ว ิเ คราะห์ 2. คิด เปรีย บเทีย บใช้อ ธิบ าย 3. คิด เปรีย บเทีย บเพือ แก้ป ัญ หา ่
ศ ..ดร ..ชัย
อนัน ต์ ศ ดร ชัย อนัน ต์ สมุท วณิช สมุท วณิช การดำา เนิน ชีว ิต ของเรา ในอนาคตได้ อย่า งน้อ ย ทัก ษะที่ส ำา คัญ 4 ด้า นก็ค อ ื 1.ทัก ษะทางด้า น เทคโนโลยีค อมพิว เตอร์ เพราะเป็น เครื่อ งมือ การ เรีย นรู้แ บบใหม่ ที่เ ราเป็น เจ้า ของได้ แต่ใ ช้ไ ด้ต าม จัง หวะการเรีย นรู้ข อง ให้
2.ทัก ษะภาษา โดยเฉพาะภาษาอัง
กฤษ เนื่อ งจากความรู้ใ นโลกความรู้ ไซเบอร์ ในขณะนี้เ ป็น ภาษาอัง กฤษ ทัก ษะ นีจ ำา เป็น และสอดคล้อ งกับ ้ ทัก ษะทางด้า นเทคโนโลยี 3.ทัก ษะทางด้า นการสือ สาร จากคนต่า งๆ ่ ซึ่ง ก็เ ป็น ทัก ษะที่ม ค วามสำา คัญ ี
4.ทัก ษะการคิด ซึ่ง
ในหลัก สูต รของเรานัน ้ ยัง ไม่ป รากฏเท่า ใด โดยที่ม ส มมุต ิฐ านว่า ี ถ้า เปิด สอนและมีก ารตั้ง คำา ถามให้ม ก าร ี วิเ คราะห์แ ล้ว คนก็จ ะคิด เป็น แต่จ ริง ๆการ คิด นัน สามารถฝึก การเรีย นรู้ไ ด้ ้ ซึ่ง ทั้ง 4 ทัก ษะนี้ จำา เป็น ไปนอกจากทัก ษะ ชีว ิต ที่ม นุษ ย์จ ำา เป็น ต้อ งมี
ศ ..ดร ..โกวิท
ว ศ ดร โกวิท ว รพิพ ัฒ น์ รพิพ ัฒ น์ โกวิท วรพิพ ัฒ น์ ได้ใ ห้ค ำา อธิบ ายเกี่ย วกับ “คิด เป็น ” ว่า “บุค คลที่ คิด เป็น จะสามารถเผชิญ ปัญ หาในชีว ิต ประจำา วัน ได้อ ย่า งมีร ะบบ บุค คลผู้ นีจ ะสามารถพิน จ ้ ิ พิจ ารณาสาเหตุข อง ปัญ หาที่เ ขากำา ลัง เผชิญ อยู่ และสามารถรวบรวม
สรุป ความหมายของ “คิด
เป็น ” • การวิเ คราะห์ป ญ หาและแสวงหาคำา ตอบ ั หรือ ทางเลือ กเพื่อ แก้ป ญ หาและดับ ั ทุก ข์ • การคิด อย่า งรอบคอบเพื่อ การแก้ป ัญ หา โดยอาศัย ข้อ มูล ตนเอง ข้อ มูล สัง คม สิ่ง แวดล้อ มและข้อ มูล วิช าการ เป้า หมายของ “คิด เป็น ” เป้า หมายสุด ท้า ยของการเป็น คน “คิด เป็น ” คือ ความสุข คนเราจะมีค วามสุข เมื่อ ตัว เรา และสัง คมสิง แวดล้อ มประสมกลมกลืน กัน ่
แนวคิด หลัก ของ
“คิด เป็น ” • มนุษ ย์ท ุก คนล้ว นต้อ งการความสุข • ความสุข ที่ไ ด้น ั้น ขึ้น อยู่ก ับ การปรับ ตัว ของ แต่ล ะคนให้ส อดคล้อ งกับ สภาพ แวด ล้อ มตามวิธ ีก ารของตนเอง • การตัด สิน ใจเป็น การคิด วิเ คราะห์โ ดยใช้ ข้อ มูล 3 ด้า น คือ ด้า นตนเอง ด้า น สัง คม และด้า นวิช าการ • ทุก คนคิด เป็น เท่า ที่ก ารคิด และตัด สิน ใจ ทำา ให้เ ราเป็น สุข ไม่ท ำา ให้ใ ครหรือ สัง คมเดือ ดร้อ น
สรุป การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อให้ “คิดเป็น” นั้นคือ •
สำารวจปัญหาลำาดับความสำาคัญของปัญหาที่ต้อง แก้ไขก่อนหลัง • แสวงหาแนวทางในการแก้ปัญหาด้วยการ รวบรวมข้อมูล • วิเคราะห์ข้อมูล • สรุปตัดสินใจเลือกวิธีการที่ดีที่เหมาะสมที่สุด • นำาไปปฏิบัติและตรวจสอบ
Publicité