More Related Content
Similar to ปัญหาการศึกษา (14)
ปัญหาการศึกษา
- 1. ก
คำนำ
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา IS1(I30201) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 โดยมีจุดประสงค์เพื่อ
การศึกษาความรู้ที่ได้จากปัญหาทางการศึกษา ซึ่งรายงานนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับปัญหาการศึกษาในต่างๆไม่ว่า
เป็นปัญหาเรื่องการเงิน ปัญหาในตัวเด็ก หรือ ปัญหาในตัวครูผู้สอนอันเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆที่ทาให้เกิด
ปัญหานี้
ผู้จัดทาได้เลือก หัวข้อนี้ในการทารายงาน เนื่องมาจากเป็นเรื่องที่น่าสนใจ รวมถึงเป็นการร่วมกัน
แก้ไขปัญหาในด้านนั้นๆ ผู้จัดทาจะต้องขอขอบคุณ อาจารย์ทรงศักดิ์ โพธิ์เอี่ยม ผู้ให้ความรู้ และแนวทาง
การศึกษา เพื่อน ๆ ทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด ผู้จัดทาหวังว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้ และ
เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุก ๆ ท่าน
คณะผู้จัดทา
(14/09/2559)
- 3. ปัญหำกำรศึกษำ
จัดทำโดย
นำงสำวณัชชำ พรมมำ เลขที่ 15
นำงสำวประภำศิริ ปุริสพันธุ์ เลขที่ 16
นำงสำวศุภมณ รอดขำ เลขที่ 21
นำงสำวกันยำ เปล่งคำ เลขที่ 29
นำงสำวชนกชนม์ สุชลธำดำ เลขที่ 30
ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 5/2
เสนอ
คุณครูทรงศักดิ์ โพธิ์เอี่ยม
รำยงำนนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชำ IS1 (I30201)
ปีกำรศึกษำ 2559 ภำคเรียนที่ 1
โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ กำญจนบุรี
- 6. บรรณำนุกรม
thoedsak chaisomparn.ปีที่สืบค้น 2559.ปัญหาศึกษาในปัจจุบัน.
ที่มา http://technic.supreme.co.th/index.php/15-news/5-2015-02-17-04-29-10.html
นางวรนุช ตุนทกิจ.ปีที่สืบค้น 2559.ความหมายของการศึกษา.
ที่มา http://www.km.skn.go.th/?name=research&file=readresearch&id=17
บ้านสอบครู.ปีที่สืบค้น2559.วินัยของข้าราชการครู
ที่มา http://www.sobkroo.com/detail_room_index.php?nid=322
ไม่ปรากฏผู้แต่ง.ปีที่สืบค้น 2559 .ผลกระทบจากปัญหาการศึกษา
ที่มา http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=11&chap=8&page=t11-8-infodetail04.html
- 8. สำรบัญรูปภำพ
รูปการประชุมงานกลุ่ม..............................................................................................................7
รูปงาน ก#1.1.............................................................................................................................7
รูปงาน ก#1.2.............................................................................................................................7
รูปงาน ก#1.3.............................................................................................................................8
รูปงาน ก#1.4.............................................................................................................................8
รูปงาน ก#1.6..............................................................................................................................8
รูปงาน ก#1.7..............................................................................................................................8
รูปงาน ก#1.8..............................................................................................................................8
รูปงาน ก#1.9..............................................................................................................................8
รูปงาน ก#1.10............................................................................................................................9
รูปงาน ก#1.11............................................................................................................................9
รูปงานย่อย3.1.............................................................................................................................9
รูปงานย่อย3.2.............................................................................................................................10
รูปงานย่อย3.3.............................................................................................................................10
รูปงานย่อย3.4.............................................................................................................................11
รูปงานย่อย3.5.............................................................................................................................11
รูปงานก#2.1...............................................................................................................................12
รูปงานก#2.2...............................................................................................................................12
รูปงานก#2.3...............................................................................................................................13
รูปงานก#2.4...............................................................................................................................13
รูปงานก#2.5...............................................................................................................................14
- 9. 1
บทที่ 1 ความหมายของการศึกษา
ยัง ยัคส์ รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) ได้ให้ความหมายของการศึกษาไว้ว่า การศึกษา
คือ การปรับปรุงคนให้เหมาะกับโอกาสและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปหรืออาจกล่าวได้ว่าการศึกษา คือ
การนาความสามารถในตัวบุคคลมาใช้ให้เกิดประโยชน์
โจฮัน เฟรดเดอริค แฮร์บาร์ต (John Friedich Herbart) ให้ความหมายของการศึกษาว่า
การศึกษาคือ การทาพลเมืองให้มีความประพฤติดี และมีอุปนิสัยที่ดีงาม
เฟรด ดเอริค เฟรอเบล (FriedrichFroebel) การศึกษา หมายถึง การพัฒนาบุคลิกภาพของเด็ก
เพื่อให้เด็กพัฒนาตนเอง
จอห์น ดิวอี้ (John Dewey) ได้ให้ความหมายของการศึกษาไว้หลายความหมาย คือ
1. การศึกษาคือชีวิต ไม่ใช่เตรียมตัวเพื่อชีวิต
2. การศึกษาคือความเจริญงอกงาม
3. การศึกษาคือกระบวนการทางสังคม
4. การศึกษาคือการสร้างประสบการณ์แก่ชีวิต
คาร์เตอร์ วี. กู๊ด (Carter V. Good) ได้ให้ความหมายของการศึกษาไว้ 3 ความหมาย คือ
1.การศึกษาหมายถึงกระบวนการต่าง ๆ ที่บุคคลนามาใช้ในการพัฒนาความรู้ความสามารถ เจตคติ
ความประพฤติที่ดีมีคุณค่า และมีคุณธรรมเป็นที่ยอมรับนับถือของสังคม
2. การศึกษาเป็นกระบวนการทางสังคม ที่ทาให้บุคคลได้รับความรู้ ความสามารถจาก
สิ่งแวดล้อมที่โรงเรียนจัดขึ้น
3. การศึกษาหมายถึงการถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ที่รวบรวมไว้อย่างเป็นระเบียบให้คนรุ่นใหม่ได้ศึกษา
ม.ล.ปิ่น มาลากุล การศึกษาเป็นเครื่องหมายที่ทาให้เกิดความเจริญงอกงามในตัวบุคคล
ดร. สาโช บัวศรี การศึกษา หมายถึง การพัฒนาบุคคลและสังคมที่ทาให้คนได้มีการเรียนรู้และ
พัฒนาขึ้นไปสู่ความเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม
สรุปการศึกษาเป็นกระบวนการให้ส่งเสริมให้บุคคลเจริญเติบโตและมีความเจริญงอกงามทาง
กาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาจนเป็นสมาชิกของสังคมที่มีคุณธรรมสูง
- 11. 3
บทที่ 3 สาเหตุในการเกิดปัญหาการศึกษา
การศึกษาในปัจจุบันมีปัญหา จึงทาให้เกิดวิกฤตทางปัญญา แล้วพาให้เกิดวิกฤตชาติ การแก้
วิกฤตต้องทาหลายอย่าง รวมทั้งการรักษาด้วยยุทธศาสตร์ทางปัญญา และการปฏิรูปการศึกษาเพื่อ
ความเข้มแข็งทางปัญญาโดยรอบด้านโดยเร็ว การปฏิรูปการศึกษาจึงเป็นวาระเร่งด่วนของชาติ และ
ประเด็นสาคัญที่จาเป็นต้องมีการปฏิรูปการศึกษา คือ การบริหารจัดการศึกษาขาดประสิทธิภาพและ
ประสิทธิผล คือ ในปัจจุบันมีการบริหารรวมศูนย์อานาจสู่ส่วนกลาง, มีการจัดองค์กรซ้าซ้อน ไม่มี
เอกภาพด้านนโยบาย และมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรต่า, ขาดการเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมี
ส่วนร่วม, จึงไม่ได้คนดีคนเก่งมาเป็นครู, สังคมขาดศรัทธาและความเชื่อมั่นในวิชาชีพครู, ขาดการ
พัฒนานโยบายอย่างต่อเนื่อง, ขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเข้าถึง
แหล่งเรียนรู้ และขาดความเชื่อมโยงกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนการเข้ารับการศึกษา
ไม่กว้างขวาง ไม่ทั่วถึง และไม่เป็นธรรม, เกิดความเหลื่อมล้าในโอกาสการเข้ารับการศึกษา และ
คุณภาพการศึกษาที่ได้รับ ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่จาเป็นต้องมีการปฏิรูป การศึกษาขึ้น รวมถึงการเรียน
การสอนไม่ได้เน้นความสามารถสากลเท่าที่ควร ขาดการอบรมบ่มนิสัย ไม่ได้ปลูกฝังคุณธรรม
จริยธรรมและภูมิปัญญาไทยอย่างเพียงพอ. ทั้งนี้เพราะคุณภาพครูส่วนใหญ่ไม่ได้มาตรฐาน และ
หลักสูตรการเรียนการสอนและการประเมินผลผู้เรียน เน้นวิชาและครูเป็นตัวตั้ง ไม่ได้ให้ความสาคัญ
แก่ผู้เรียน, การเรียนการสอนไม่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เน้นการท่องจา แต่ไม่เน้นการคิดวิเคราะห์
สังเคราะห์ และการคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ทาให้เด็กนักเรียนสมัยใหม่คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ไม่เป็น
รวมทั้งการศึกษาแปลกแยกจากสังคม ศาสนา และวัฒนธรรม การศึกษาที่จัดอยู่ในปัจจุบันเป็น
การศึกษาแบบแยกส่วน ไม่สอดคล้องกับการดารงชีวิตในสังคม อีกทั้งการศึกษาขาดการบูรณาการ
เชื่อมโยงกับด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมเข้าไว้ในกระบวนการเรียนรู้อย่างเหมาะสม ทาให้
ผู้สาเร็จการศึกษาอ่อนด้อยทางคุณภาพ และจริยธรรม และขาดความภูมิใจในศิลปะ และภูมิปัญญา
ไทย ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการดารงอยู่ และความมั่นคงสถาพรของชาติไทยพระราชบัญญัติ
การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2542 เป็นต้นมา ถือได้ว่าเป็น
กฎหมายแม่บท ที่เป็นเสมือนธรรมนูญการศึกษาของประเทศ, กล่าวคือ การจัดการศึกษาทุกระดับ ทุก
ประเภท ทุกรูปแบบต้องดาเนินการโดยยึดพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับนี้เป็น
หลัก พระราชบัญญัติฉบับนี้ถือเป็นกฎหมายปฏิรูปการศึกษา เพราะได้กาหนดประเด็นเรื่องสาคัญ
ครอบคลุมการศึกษา ทั้งระบบที่ต้องปฏิรูปและกาหนดเงื่อนเวลาด้วย เช่น เรื่องส่วนใหญ่จะต้อง
ปฏิบัติ 3 ปี คือ ภายในวันที่ 20 สิงหาคม 2545, บางเรื่องก็ให้เวลามากกว่านั้น คือ เรื่องการประกัน
คุณภาพการศึกษาจากภายนอก ซึ่งให้เวลาไว้ถึง 6 ปี. ในการปฏิรูปการศึกษาตามพระราชบัญญัตินี้ได้
กาหนดหน่วยงานรับผิดชอบไว้ด้วย ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการทบวงมหาวิทยาลัย สานักงาน
คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ และองค์การมหาชนเฉพาะกิจในเรื่องสาระที่สาคัญต้องถือว่าการ
ปฏิรูปการเรียนรู้ใน หมวด 4 ที่เป็นหัวใจการปฏิรูปการศึกษา เพราะระบบการศึกษาที่ผ่านมาไม่
- 12. 4
เอื้ออานวยต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา หรือคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนเท่าที่ควร ทาให้คุณภาพ
ของไทยไม่สามารถแข่งขันได้ แต่จะทาเฉพาะปฏิรูปการเรียนรู้ ก็จะไม่บังเกิดผลเท่าที่ควรจาเป็นต้อง
ปฏิรูปเรื่องอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกันกับการปฏิรูปการเรียนรู้ โดยเฉพาะการปฏิรูปหลักสูตรและการเรียนรู้
ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ การประกันคุณภาพสื่อและเทคโนโลยีการศึกษา และปฏิรูปครู และบุคลากร
ทางการศึกษา นอกจากนี้เพื่อให้การปฏิรูปการเรียนเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ และได้ผลยั่งยืน จึง
จาเป็นต้องปฏิรูปทรัพยากร และการลงทุนทางการศึกษา และการปฏิรูปโครงสร้างและการบริหาร
การจัดการศึกษา เพื่อมุ่งเน้นการปฏิรูปการเรียนรู้ที่มุ่งผู้เรียนเป็นสาคัญ เพื่อให้ผู้สาเร็จการศึกษาเป็น
คนไทยที่มีคุณภาพและคุณธรรมเข้มแข็ง และแข่งขันได้
ปัญหาการจัดการเรียนการสอน เป็นส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากคุณภาพและประสิทธิภาพในการ
ดาเนินงานของครู ซึ่งหากพิจารณาในภาพรวมจะพบว่าปัจจุบันครูมีปัญหาหลักใน 3 ด้าน คือ เรื่อง
คุณภาพการจัดการเรียนการสอน การมีหนี้สินล้นพ้นตัว และภาวการณ์ขาดแคลนครูสะสม
โดยเฉพาะในสาขาที่สาคัญ
โดยสรุปรายละเอียดของประเด็นปัญหา ดังนี้
1. ปัญหาด้านคุณภาพของครู
2. ปัญหาหนี้สินครู
3. ปัญหาการขาดแคลนครูสะสม
4. ปัญหาครูจบมาไม่ตรงหลักสูตร
5. ปัญหาเด็กตีกันในโรงเรียน
6. ปัญหาท้องในวัยเรียน
7. ปัญหาไม่มีทุนการศึกษา
8. ปัญหาการโดดเรียน
9. ปัญหาชู้สาวภายในโรงเรียน
10. ปัญหาคอรัปชั่นรับเงินใต้โต๊ะในโรงเรียน
- 13. 5
บทที่ 4 บทลงโทษ
บทลงโทษสาหรับนักเรียน
บทลงโทษก็จะตามระเบียบกฎในโรงเรียน
บทลงโทษสาหรับครูหรือบุคลากรทางการศึกษา
ลงโทษตามที่กฎหมายได้กาหนดในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษา พ.ศ.2547