SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  14
Télécharger pour lire hors ligne
ธรรมะเสวนา
หลวงปูมั่น ภูริทัตโต
ธรรมะเสวนา หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
หลวงปูมั่น มูลฐานสําหรับทําการปฏิบัติ
“มโน” คือ “ใจ” นี้เปนดั้งเดิม เปนมหาฐานใหญ
จะทําจะพูดอะไรก็ยอมเปนไปจาก “ใจ” นี้ทั้งหมด
“มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฐา มโนมยา”
“ธรรมทั้งหลายมีใจถึงกอน มีใจเปนใหญ สําเร็จแลวดวยใจ”
พระบรมศาสดาจะทรงบัญญัติพระธรรมวินัย
ก็ทรงบัญญัติออกไปจาก “ใจ” คือมหาฐาน นี้ทั้งสิ้น
เมื่อพระสาวกผูไดมาพิจารณาตามจนถึงรูจัก “มโน” แจมแจงแลว
“มโน” ก็สุดบัญญัติ คือ พนจากบัญญัติทั้งสิ้น
สมมติทั้งหลายในโลกนี้ตองออกไปจาก “มโน” ทั้งสิ้น
หลวงปูมน มูลเหตุแหงสิ่งทั้งหลายในสากลโลกธาตุ
         ั่
เหตุซึ่งเปนปจจัยดั้งเดิมของสิ่งทั้งหลายในสากลโลกธาตุนั้นไดแก “มโน” นั่นเอง
มโน เปนตัวมหาเหตุเปนตัวเดิม เปนสิงสําคัญ นอกนั้นเปนแตอาการเทานั้น
                                        ่
ฉะนั้น มโน ก็ดี ฐีติ ภูตํ ก็ดี และมหาธาตุ ก็ดี ยอมมีเนือความเปนอันเดียวกัน
                                                        ้
ดวยเหตุนี้แล พระอัสสชิเถระ จึงแสดงธรรมแก อุปติสฺส (พระสารีบตร) วาุ
เย ธมฺมา เหตุปภวา เตสํ เหตุ ตถาคโต เตสฺจ โย นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ
ความวา ธรรมทังหลายเกิดแตเหตุ...เพราะวามหาเหตุนี้เปนตัวสําคัญ เปน ตัวเดิม
                 ้
เมื่อทานพระอัสสชิเถระกลาวถึงมหาเหตุ พระสารีบุตรจึงหยังจิตลงถึงกระแสธรรม
                                                              ่
ทุกสิ่งในโลกก็ตองเปนไปแตมหาเหตุ ถึงโลกุตตรธรรม ก็ คือมหาเหตุ
ผูมาปฏิบัติ “ใจ” คือ ตัวมหาเหตุจนแจมกระจางสวางโรแลว
ยอมสามารถรูอะไรๆ ทั้งภายในและภายนอกทุกสิ่งทุกประการ
               
สุดจะนับจะประมาณไดดวยประการฉะนี้
หลวงปูมั่น มูลการของสังสารวัฏฏ
“ฐีติภูตํ” เปนพอแมของอวิชชา “ฐีติภูตํ” ไดแก จิตดั้งเดิม
เมื่อ “ฐีติภูตํ” ประกอบไปดวยความหลง อาการของอวิชชาเกิดขึ้น
เมื่อมีอวิชชา จึงเปนปจจัยใหปรุงแตงเปนสังขาร พรอมกับความเขาไปยึดถือ
จึงเปนภพชาติคือตองเกิดกอตอกันไป เรียกวา ปจจยาการ เพราะเปนอาการสืบตอกัน
วิชชาและอวิชชาก็ตองมาจาก “ฐีติภูตํ” เชนเดียวกัน
เมื่อ “ฐีติภูตํ” กอปรดวยวิชชา จึงรูเทาอาการทั้งหลายตามความเปนจริง
รวมใจความวา “ฐีติภูตํ” เปนตัวการดั้งเดิมของสังสารวัฏฏ (การเวียนวายตายเกิด)
เพราะฉะนั้นเมือจะตัดสังสารวัฏฏใหขาดสูญ จึงตองอบรมบมตัวการดั้งเดิม
                  ่
 ใหมีวิชชารูเทาทันอาการทั้งหลายตามความเปนจริง ก็จะหายหลง
แลวไมกออาการทั้งหลายใดๆ อีก “ฐีติภูตํ” อันเปนมูลการ ก็หยุดหมุน
หมดการเวียนวายตายเกิดในสังสารวัฏฏดวยประการฉะนี้
หลวงปูมั่น จิตเดิมเปนธรรมชาติใสสวาง
จิตนี้เลื่อมปภัสสรแจงสวางมาเดิม
แตอาศัยอุปกิเลสเครื่องเศราหมองเปนอาคันตุกะสัญจร มาปกคลุมหุมหอ
จึงทําใหจิตมิสองแสงสวางได ดุจพระอาทิตยเมื่อเมฆบดบัง
อยาพึงเขาใจวาพระอาทิตยเขาไปหาเมฆ
เมฆไหลมาบดบังพระอาทิตยตางหาก
ฉะนั้น ผูบําเพ็ญเพียรทั้งหลายเมื่อรูโดยปริยายนี้แลว
พึงกําจัดของปลอมดวยการพิจารณาโดยแยบคาย
เมื่อทําใหถึงขั้นฐีติจิตแลว ชื่อวายอมทําลายของปลอมไดหมดสิ้น
หรือวาของปลอมยอมเขาไมถึงฐีติจิต
เพราะสะพานเชือมตอถูกทําลายขาดสะบั้นลงแลว
                   ่
แมยังตองเกี่ยวของกับอารมณของโลกอยู
ก็ยอมเปนดุจ น้ํากลิ้งบนใบบัว ฉะนั้น
หลวงปูมน สติปฏฐาน เปน ชัยภูมิ คือสนามฝกฝนตน
        ั่
 พระบรมศาสดาจารยเจา ทรงตั้งชัยภูมิไวในธรรมขอไหน ?
 เมื่อพิจารณาปญหานีไดความขึ้นวา
                        ้
 พระองคทรงตั้ง มหาสติปฏฐานเปนชัยภูมิ
 อุปมาในทางโลก การรบทัพชิงชัย มุงหมายชัยชนะจําตองหา ชัยภูมิ
 ถาไดชัยภูมิทดีแลว ยอมสามารถปองกันอาวุธของขาศึกไดดี ณ ที่นน
                ี่                                               ั้
 สามารถรวบรวมกําลังใหญ เขาฆาฟนขาศึกใหปราชัยพายแพไปได
 ที่เชนนันทานจึงเรียกวา ชัยภูมิ
           ้
 คือที่ที่ประกอบไปดวยคายคูประตูและหอรบอันมันคง
                                              ่
 อุปไมยในทางธรรม ที่เอามหาสติปฏฐานเปนชัยภูมิ
 ก็โดยผูที่จะเขาสูสงครามรบขาศึก คือ กิเลส
 ตองพิจารณากายานุปสสนาสติปฏฐาน เปนตนกอน
หลวงปูมน อุบายแหงวิปสสนา อันเปนเครื่องถายถอนกิเลส
        ั่
     ธรรมชาติของดีทั้งหลาย ยอมเกิดมาแตของไมดี
     อุปมาดังดอกปทุมชาติอันสวยงาม ก็เกิดขึ้นมาจากโคลนตมอันเปนของสกปรก
              ่
     แตวาดอกบัวนั้น เมื่อขึนพนโคลนตมแลวยอมเปนสิ่งทีสะอาด นํามาทัดทรง
                             ้                           ่
     และดอกบัวนั้นก็มิไดกลับคืนไปยังโคลนตมนันอีกเลย
                                                  ้
     พระโยคาวจรเจาผูประพฤติพากเพียร ยอมพิจารณาซึ่งสิ่งสกปรกนาเกลียด
     ก็คือตัวเรานี้เอง รางกายนี้เปนทีประชุมแหงของโสโครก
                                       ่
     พิจารณารางกายอันนี้ใหชํานิชานาญดวย โยนิโสมนสิการ
                                     ํ
     เมื่อยังเห็นไมทนชัดเจน ก็พิจารณาสวนใดสวนหนึ่งแหงกาย
                      ั
     อันเปนที่สบายแกจริต
     จนกระทั่งปรากฏเปนอุคคหนิมิต คือ ปรากฏสวนแหงรางกายสวนใดสวนหนึ่ง
     แลวก็กําหนดสวนนั้นใหมาก เจริญใหมาก
หลวงปูมน อุบายแหงวิปสสนา อันเปนเครื่องถายถอนกิเลส
        ั่
     ใหมีสติหรือพิจารณาในที่ทุกสถานในกาลทุก
     เมื่อ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดืม ทํา คิด พูด
                                   ่
     ก็ใหมีสติรอบคอบในกายอยูเสมอ จึงจะชื่อวา ทําใหมาก
     เมื่อพิจารณาในรางกายนั้นจนชัดเจนแลว
     ใหพิจารณาแบงสวนแยกสวนออกเปนสวนๆ ตามโยนิโสมนสิการ
     ตลอดจนกระจายออกเปนธาตุดิน ธาตุน้ํา ธาตุไฟ ธาตุลม
     และพิจารณาใหเห็นไปตามนั้นจริงๆ
     อุบายตอนนี้ตามแตตนจะใครครวญออกอุบาย
     ตามที่ถกจริตนิสัยของตน
              ู
     แตอยาละทิ้งหลักเดิมที่ตนไดรูครั้งแรกนั่นเทียว
หลวงปูมน อุบายแหงวิปสสนา อันเปนเครื่องถายถอนกิเลส
        ั่
      พระโยคาวจรเจา พึงเจริญใหมาก ทําใหมาก
      อยาพิจารณาครั้งเดียว แลวปลอยทิ้งตั้งครึ่งเดือน ตั้งเดือน
      ใหพิจารณากาวเขาไป ถอยออกมา เปนอนุโลม ปฏิโลม
      พระโยคาวจรเจาพิจารณาอยางนี้ชํานาญแลว หรือชํานาญอยางยิ่งแลว
      คราวนี้แลเปนสวนที่จะเปนเอง คือ จิต ยอมจะรวมใหญ
      เมื่อรวมพึ่บลง ยอมปรากฏวาทุกสิ่งรวมลงเปนอันเดียวกัน
      คือหมดทั้งโลก ยอมเปนธาตุทั้งสิ้น
      นิมิตจะปรากฏขึ้นพรอมกันวา โลกนี้ราบเหมือนหนากลอง
      เพราะมีสภาพเปนอันเดียวกัน ไมวา ปาไม ภูเขา มนุษย สัตว
      แมที่สุดตัวของเรา ก็ตองลบราบเปนทีสุดอยางเดียวกัน
                                            ่
      พรอมกับ ญาณสัมปยุตต คือรูขึ้นมาพรอมกัน ตัดความสนเทหในใจไดเลย
      จึงชื่อวา ยถาภูตญาณทัสสนวิปสสนา คือทั้งเห็นทั้งรูตามความเปนจริง
                                    
หลวงปูมน อุบายแหงวิปสสนา อันเปนเครื่องถายถอนกิเลส
        ั่
      พระโยคาวจรเจาพึงเจริญใหมาก ทําใหมาก จนชํานาญเห็นแจงชัดวา
      สังขารความปรุงแตง อันเปนความสมมติวาโนนเปนของของเรา โนนเปนเรา
      เปนความไมเที่ยง อาศัยอุปาทานความยึดถือ จึงเปนทุกข
      ก็แลธาตุทั้งหลาย เขาหากมีหากเปนอยูอยางนี้ตั้งแตไหนแตไรมา
      เกิด แก เจ็บ ตาย เกิดขึ้น เสื่อมไป อยูอยางนี้มากอนเราเกิด ตั้งแตดึกดําบรรพ
                                               
      อาศัยอาการของจิต ของขันธ ๕ ไดแก รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
      ไปปรุงแตงสําคัญมั่นหมายทุกภพทุกชาติ เปนอเนกชาติมาจนถึงปจจุบันชาติ
      จึงทําใหจิตหลงอยูตามสมมติ ไมใชสมมติมาติดเอาเรา
      เพราะธรรมชาติทั้งหลายทั้งหมดในโลกนี้ จะเปนของมีวิญญาณหรือไมก็ตาม
      เมื่อวาตามความจริงแลว เขาหากมีหากเปน เกิดขึ้นเสื่อมไป มีอยูอยางนั้นทีเดียว
      จึงรูขึ้นวา ปุพฺเพสุ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ ธรรมดาเหลานี้ หากมีมาแตกอน
      ถึงวาจะไมไดยนไดฟงมาจากใครก็มีอยูอยางนั้นทีเดียว
                        ิ
หลวงปูมน อุบายแหงวิปสสนา อันเปนเครื่องถายถอนกิเลส
        ั่
    พระพุทธเจาจึงทรงปฏิญาณพระองควา เราไมไดฟงมาแตใคร มิไดเรียนมาแตใคร
    เพราะเหลานีมอยู มีมาแตกอนพระองคดังนี้
                 ้ ี
    ไดความวา ธรรมดาธาตุทั้งหลายยอมเปนยอมมีอยูอยางนั้น
    อาศัยอาการของจิต เขาไปยึดถือเอาสิ่งทั้งปวงเหลานั้นมาหลายภพหลายชาติ
    จึงเปนเหตุใหอนุสัยครอบงําจิตจนหลงเชื่อไปตาม
    จึงเปนเหตุใหกอภพกอชาติ ดวยอาการของจิตเขาไปยึด
    ฉะนั้นพระโยคาวจรเจามาพิจารณา โดยแยบคายลงไปตามสภาพวา
    สพฺเพ สฺงขารา อนิจฺจา สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา
    สังขารความเขาไปปรุงแตง คือ อาการของจิตนั่นแลไมเที่ยง
    สัตวโลกเขาเที่ยง คือมีอยูเปนอยูอยางนั้น
    ใหพิจารณาโดย อริยสัจจธรรมทั้ง ๔ เปนเครืองแกอาการของจิต
                                                 ่
    ใหเห็นแนแทวา ตัวอาการของจิตนี้เองมันไมเที่ยง เปนทุกข จึงหลงตามสังขาร
หลวงปูมน อุบายแหงวิปสสนา อันเปนเครื่องถายถอนกิเลส
        ั่
     เมื่อเห็นจริงลงไปแลว ก็เปนเครืองแกอาการของจิต
                                         ่
     จึงปรากฏขึ้นวา สงฺขารา สสฺสตา นตฺถิ สังขารทั้งหลายที่เที่ยงแทไมมี
     สังขารเปนอาการของจิตตางหาก เปรียบเหมือนพยับแดด
     สวนสัตวเขาก็อยูประจําโลกแตไหนแตไรมา
     เมื่อรูโดยเงื่อน ๒ ประการ คือ
     รูวา สัตวก็มีอยูอยางนั้น สังขารก็เปนอาการของจิต เขาไปสมมติเขาเทานั้น
     ฐีติภูตํ จิตตั้งอยูเดิม ไมมีอาการเปนผูหลุดพน
     ไดความวา ธรรมดาหรือธรรมทั้งหลายไมใชตน
     จะใชตนอยางไร ของเขาหากเกิดมีอยางนั้น
     ทานจึงวา สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา ธรรมทั้งหลายไมใชตน
หลวงปูมน อุบายแหงวิปสสนา อันเปนเครื่องถายถอนกิเลส
        ั่
     ใหพระโยคาวจรเจาพึงพิจารณาใหเห็นแจงประจักษตามนี้
     จนทําใหจิตรวมพึ่บลงไป ใหเห็นจริงแจงชัดตามนั้น
     โดย ปจจักขสิทธิ พรอมกับ ญาณสัมปยุตต
     รวมทวนกระแสแกอนุสัย สมมติเปนวิมุตติ
     หรือรวมลงฐีติจิต อันเปนอยูมอยูอยางนั้น
                                    ี
     จนแจงประจักษในที่นนดวยญาณสัมปยุตตวา ขีณา ชาติ ญาณํ โหติ
                             ั้
     ดังนี้ ไมใชสมมติไมใชของแตงเอาเดาเอา ไมใชของอันบุคคลพึงปรารถนาเอาได
     เปนของที่เกิดเอง เปนเอง รูเอง โดยสวนเดียวเทานั้น
     เพราะดวยการปฏิบัติอันเขมแข็งไมทอถอย
     พิจารณาโดยแยบคายดวยตนเอง จึงจะเปนขึนมาเอง  ้
     วิมฺตติธรรม มิใชสิ่งอันบุคคลจะพึงปรารถนาเอาได
     ถาปฏิบัติไมถูกตองหรือเกียจคราน จนวันตาย จะประสบวิมุตติธรรมไมไดเลย

Contenu connexe

Tendances

คำนำทำ 3 ภาวนา
คำนำทำ 3 ภาวนาคำนำทำ 3 ภาวนา
คำนำทำ 3 ภาวนาSongsarid Ruecha
 
แนวคิดและอุดมคติพระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนามหายาน
แนวคิดและอุดมคติพระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนามหายานแนวคิดและอุดมคติพระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนามหายาน
แนวคิดและอุดมคติพระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนามหายานPadvee Academy
 
10 สาธยายธรรม ( บทสวดมนต์แนวพุทธ )sutrarecite
10 สาธยายธรรม ( บทสวดมนต์แนวพุทธ )sutrarecite10 สาธยายธรรม ( บทสวดมนต์แนวพุทธ )sutrarecite
10 สาธยายธรรม ( บทสวดมนต์แนวพุทธ )sutrareciteTongsamut vorasan
 
สัทธรรมปุณฑริกสูตร (The Lotus of The True Law)
สัทธรรมปุณฑริกสูตร (The Lotus of The True Law)สัทธรรมปุณฑริกสูตร (The Lotus of The True Law)
สัทธรรมปุณฑริกสูตร (The Lotus of The True Law)Padvee Academy
 
บทที่ 1 นิพพิทา
บทที่ 1 นิพพิทาบทที่ 1 นิพพิทา
บทที่ 1 นิพพิทาOnpa Akaradech
 
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์Panda Jing
 
บทสวด
บทสวดบทสวด
บทสวดsanunya
 
ไอน์สไตน์ถามพระพุทธเจ้าตอบ
ไอน์สไตน์ถามพระพุทธเจ้าตอบไอน์สไตน์ถามพระพุทธเจ้าตอบ
ไอน์สไตน์ถามพระพุทธเจ้าตอบsarawu5
 
ชีวประวัติและอุดมคติแห่งชีวิตของท่านพุทธทาสภิกขุ
ชีวประวัติและอุดมคติแห่งชีวิตของท่านพุทธทาสภิกขุชีวประวัติและอุดมคติแห่งชีวิตของท่านพุทธทาสภิกขุ
ชีวประวัติและอุดมคติแห่งชีวิตของท่านพุทธทาสภิกขุPadvee Academy
 
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐาน
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐานธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐาน
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐานPadvee Academy
 
กฏแห่งกรรม
กฏแห่งกรรมกฏแห่งกรรม
กฏแห่งกรรมjune_yenta4
 
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจาร
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจารวิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจาร
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจารPadvee Academy
 
พุทธศาสนามหายาน นิกายสุขาวดี | Pure Land Buddhism
พุทธศาสนามหายาน นิกายสุขาวดี | Pure Land Buddhismพุทธศาสนามหายาน นิกายสุขาวดี | Pure Land Buddhism
พุทธศาสนามหายาน นิกายสุขาวดี | Pure Land BuddhismPadvee Academy
 
หลักธรรมพุทธศาสนา
หลักธรรมพุทธศาสนาหลักธรรมพุทธศาสนา
หลักธรรมพุทธศาสนาkruudompcccr
 
วิชาปรัชญาจีน ตอน ปรัชญาของจวงจื๊อ
วิชาปรัชญาจีน ตอน ปรัชญาของจวงจื๊อวิชาปรัชญาจีน ตอน ปรัชญาของจวงจื๊อ
วิชาปรัชญาจีน ตอน ปรัชญาของจวงจื๊อPadvee Academy
 
โอวาทพระอาจารย์
โอวาทพระอาจารย์โอวาทพระอาจารย์
โอวาทพระอาจารย์guest3650b2
 
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต    ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต    ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมTongsamut vorasan
 
บทเรียนพระพุทธศาสนา ป.๕
บทเรียนพระพุทธศาสนา ป.๕บทเรียนพระพุทธศาสนา ป.๕
บทเรียนพระพุทธศาสนา ป.๕Napakan Srionlar
 

Tendances (19)

คำนำทำ 3 ภาวนา
คำนำทำ 3 ภาวนาคำนำทำ 3 ภาวนา
คำนำทำ 3 ภาวนา
 
แนวคิดและอุดมคติพระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนามหายาน
แนวคิดและอุดมคติพระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนามหายานแนวคิดและอุดมคติพระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนามหายาน
แนวคิดและอุดมคติพระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนามหายาน
 
10 สาธยายธรรม ( บทสวดมนต์แนวพุทธ )sutrarecite
10 สาธยายธรรม ( บทสวดมนต์แนวพุทธ )sutrarecite10 สาธยายธรรม ( บทสวดมนต์แนวพุทธ )sutrarecite
10 สาธยายธรรม ( บทสวดมนต์แนวพุทธ )sutrarecite
 
สัทธรรมปุณฑริกสูตร (The Lotus of The True Law)
สัทธรรมปุณฑริกสูตร (The Lotus of The True Law)สัทธรรมปุณฑริกสูตร (The Lotus of The True Law)
สัทธรรมปุณฑริกสูตร (The Lotus of The True Law)
 
บทที่ 1 นิพพิทา
บทที่ 1 นิพพิทาบทที่ 1 นิพพิทา
บทที่ 1 นิพพิทา
 
คู่มือพุทธบริษัท
คู่มือพุทธบริษัทคู่มือพุทธบริษัท
คู่มือพุทธบริษัท
 
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
 
บทสวด
บทสวดบทสวด
บทสวด
 
ไอน์สไตน์ถามพระพุทธเจ้าตอบ
ไอน์สไตน์ถามพระพุทธเจ้าตอบไอน์สไตน์ถามพระพุทธเจ้าตอบ
ไอน์สไตน์ถามพระพุทธเจ้าตอบ
 
ชีวประวัติและอุดมคติแห่งชีวิตของท่านพุทธทาสภิกขุ
ชีวประวัติและอุดมคติแห่งชีวิตของท่านพุทธทาสภิกขุชีวประวัติและอุดมคติแห่งชีวิตของท่านพุทธทาสภิกขุ
ชีวประวัติและอุดมคติแห่งชีวิตของท่านพุทธทาสภิกขุ
 
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐาน
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐานธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐาน
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐาน
 
กฏแห่งกรรม
กฏแห่งกรรมกฏแห่งกรรม
กฏแห่งกรรม
 
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจาร
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจารวิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจาร
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจาร
 
พุทธศาสนามหายาน นิกายสุขาวดี | Pure Land Buddhism
พุทธศาสนามหายาน นิกายสุขาวดี | Pure Land Buddhismพุทธศาสนามหายาน นิกายสุขาวดี | Pure Land Buddhism
พุทธศาสนามหายาน นิกายสุขาวดี | Pure Land Buddhism
 
หลักธรรมพุทธศาสนา
หลักธรรมพุทธศาสนาหลักธรรมพุทธศาสนา
หลักธรรมพุทธศาสนา
 
วิชาปรัชญาจีน ตอน ปรัชญาของจวงจื๊อ
วิชาปรัชญาจีน ตอน ปรัชญาของจวงจื๊อวิชาปรัชญาจีน ตอน ปรัชญาของจวงจื๊อ
วิชาปรัชญาจีน ตอน ปรัชญาของจวงจื๊อ
 
โอวาทพระอาจารย์
โอวาทพระอาจารย์โอวาทพระอาจารย์
โอวาทพระอาจารย์
 
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต    ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต    ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
 
บทเรียนพระพุทธศาสนา ป.๕
บทเรียนพระพุทธศาสนา ป.๕บทเรียนพระพุทธศาสนา ป.๕
บทเรียนพระพุทธศาสนา ป.๕
 

Similaire à ธรรมะเสวนา หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

สุภีร์ ทุมทอง สติปัฏฐาน ๔ เสันทางตรงสู่พระนิพพาน
สุภีร์ ทุมทอง   สติปัฏฐาน ๔ เสันทางตรงสู่พระนิพพาน สุภีร์ ทุมทอง   สติปัฏฐาน ๔ เสันทางตรงสู่พระนิพพาน
สุภีร์ ทุมทอง สติปัฏฐาน ๔ เสันทางตรงสู่พระนิพพาน Tongsamut vorasan
 
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์Nhui Srr
 
4 อานาปานสติ anapanasati
4 อานาปานสติ anapanasati4 อานาปานสติ anapanasati
4 อานาปานสติ anapanasatiTongsamut vorasan
 
อมรา สินทวีวงศ์ ธรรมะดัดสันดาน
อมรา สินทวีวงศ์   ธรรมะดัดสันดานอมรา สินทวีวงศ์   ธรรมะดัดสันดาน
อมรา สินทวีวงศ์ ธรรมะดัดสันดานTongsamut vorasan
 
หยั่งลงก้นมหาสมุทร
หยั่งลงก้นมหาสมุทรหยั่งลงก้นมหาสมุทร
หยั่งลงก้นมหาสมุทรPanda Jing
 
ตายแล้วไปไหน
ตายแล้วไปไหนตายแล้วไปไหน
ตายแล้วไปไหนPanda Jing
 
กลอนพระมหาทองสมุทร
กลอนพระมหาทองสมุทรกลอนพระมหาทองสมุทร
กลอนพระมหาทองสมุทรTongsamut vorasan
 
๑๖ มูลปริยายสูตร มจร.pdf
๑๖ มูลปริยายสูตร มจร.pdf๑๖ มูลปริยายสูตร มจร.pdf
๑๖ มูลปริยายสูตร มจร.pdfmaruay songtanin
 
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrailTongsamut vorasan
 
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrailTongsamut vorasan
 
โอวาทพระอาจารย์
โอวาทพระอาจารย์โอวาทพระอาจารย์
โอวาทพระอาจารย์YajokZ
 
Dhamma core
Dhamma coreDhamma core
Dhamma coreYajokZ
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์Chutima Tongnork
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์Chutima Tongnork
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์Nid Noy Kaowkong
 

Similaire à ธรรมะเสวนา หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต (20)

มุตโตทัย
มุตโตทัยมุตโตทัย
มุตโตทัย
 
สุภีร์ ทุมทอง สติปัฏฐาน ๔ เสันทางตรงสู่พระนิพพาน
สุภีร์ ทุมทอง   สติปัฏฐาน ๔ เสันทางตรงสู่พระนิพพาน สุภีร์ ทุมทอง   สติปัฏฐาน ๔ เสันทางตรงสู่พระนิพพาน
สุภีร์ ทุมทอง สติปัฏฐาน ๔ เสันทางตรงสู่พระนิพพาน
 
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
 
คำนำทำ1
คำนำทำ1คำนำทำ1
คำนำทำ1
 
4 อานาปานสติ anapanasati
4 อานาปานสติ anapanasati4 อานาปานสติ anapanasati
4 อานาปานสติ anapanasati
 
อมรา สินทวีวงศ์ ธรรมะดัดสันดาน
อมรา สินทวีวงศ์   ธรรมะดัดสันดานอมรา สินทวีวงศ์   ธรรมะดัดสันดาน
อมรา สินทวีวงศ์ ธรรมะดัดสันดาน
 
หยั่งลงก้นมหาสมุทร
หยั่งลงก้นมหาสมุทรหยั่งลงก้นมหาสมุทร
หยั่งลงก้นมหาสมุทร
 
ตายแล้วไปไหน
ตายแล้วไปไหนตายแล้วไปไหน
ตายแล้วไปไหน
 
กลอนพระมหาทองสมุทร
กลอนพระมหาทองสมุทรกลอนพระมหาทองสมุทร
กลอนพระมหาทองสมุทร
 
๑๖ มูลปริยายสูตร มจร.pdf
๑๖ มูลปริยายสูตร มจร.pdf๑๖ มูลปริยายสูตร มจร.pdf
๑๖ มูลปริยายสูตร มจร.pdf
 
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
 
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
 
โอวาทพระอาจารย์
โอวาทพระอาจารย์โอวาทพระอาจารย์
โอวาทพระอาจารย์
 
Dhamma core
Dhamma coreDhamma core
Dhamma core
 
17-cit-mano-vinna.pdf
17-cit-mano-vinna.pdf17-cit-mano-vinna.pdf
17-cit-mano-vinna.pdf
 
20-20201101-3-WNPP.pdf
20-20201101-3-WNPP.pdf20-20201101-3-WNPP.pdf
20-20201101-3-WNPP.pdf
 
20-20201101-3-WNPP.pdf
20-20201101-3-WNPP.pdf20-20201101-3-WNPP.pdf
20-20201101-3-WNPP.pdf
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 

Plus de Taweedham Dhamtawee

2015-01-09 คู่มือชีวิต ตอน 65 เนกขัมมะ การออกบวช ตอน 5
2015-01-09 คู่มือชีวิต ตอน 65 เนกขัมมะ การออกบวช ตอน 52015-01-09 คู่มือชีวิต ตอน 65 เนกขัมมะ การออกบวช ตอน 5
2015-01-09 คู่มือชีวิต ตอน 65 เนกขัมมะ การออกบวช ตอน 5Taweedham Dhamtawee
 
2014-04-11 คู่มือชีวิต ตอน 28 อาวุโสด้วยปัญญา
2014-04-11 คู่มือชีวิต ตอน 28 อาวุโสด้วยปัญญา2014-04-11 คู่มือชีวิต ตอน 28 อาวุโสด้วยปัญญา
2014-04-11 คู่มือชีวิต ตอน 28 อาวุโสด้วยปัญญาTaweedham Dhamtawee
 
2014-01-22 พุทธศาสนา 3.0 กับ CEO ทางธรรม v2
2014-01-22 พุทธศาสนา 3.0 กับ CEO ทางธรรม v22014-01-22 พุทธศาสนา 3.0 กับ CEO ทางธรรม v2
2014-01-22 พุทธศาสนา 3.0 กับ CEO ทางธรรม v2Taweedham Dhamtawee
 
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโตประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโตTaweedham Dhamtawee
 
ธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรม
ธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรมธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรม
ธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรมTaweedham Dhamtawee
 

Plus de Taweedham Dhamtawee (6)

2015-01-09 คู่มือชีวิต ตอน 65 เนกขัมมะ การออกบวช ตอน 5
2015-01-09 คู่มือชีวิต ตอน 65 เนกขัมมะ การออกบวช ตอน 52015-01-09 คู่มือชีวิต ตอน 65 เนกขัมมะ การออกบวช ตอน 5
2015-01-09 คู่มือชีวิต ตอน 65 เนกขัมมะ การออกบวช ตอน 5
 
Exim CG Corner 2557-12
Exim CG Corner 2557-12Exim CG Corner 2557-12
Exim CG Corner 2557-12
 
2014-04-11 คู่มือชีวิต ตอน 28 อาวุโสด้วยปัญญา
2014-04-11 คู่มือชีวิต ตอน 28 อาวุโสด้วยปัญญา2014-04-11 คู่มือชีวิต ตอน 28 อาวุโสด้วยปัญญา
2014-04-11 คู่มือชีวิต ตอน 28 อาวุโสด้วยปัญญา
 
2014-01-22 พุทธศาสนา 3.0 กับ CEO ทางธรรม v2
2014-01-22 พุทธศาสนา 3.0 กับ CEO ทางธรรม v22014-01-22 พุทธศาสนา 3.0 กับ CEO ทางธรรม v2
2014-01-22 พุทธศาสนา 3.0 กับ CEO ทางธรรม v2
 
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโตประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต
 
ธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรม
ธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรมธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรม
ธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรม
 

ธรรมะเสวนา หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

  • 3. หลวงปูมั่น มูลฐานสําหรับทําการปฏิบัติ “มโน” คือ “ใจ” นี้เปนดั้งเดิม เปนมหาฐานใหญ จะทําจะพูดอะไรก็ยอมเปนไปจาก “ใจ” นี้ทั้งหมด “มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฐา มโนมยา” “ธรรมทั้งหลายมีใจถึงกอน มีใจเปนใหญ สําเร็จแลวดวยใจ” พระบรมศาสดาจะทรงบัญญัติพระธรรมวินัย ก็ทรงบัญญัติออกไปจาก “ใจ” คือมหาฐาน นี้ทั้งสิ้น เมื่อพระสาวกผูไดมาพิจารณาตามจนถึงรูจัก “มโน” แจมแจงแลว “มโน” ก็สุดบัญญัติ คือ พนจากบัญญัติทั้งสิ้น สมมติทั้งหลายในโลกนี้ตองออกไปจาก “มโน” ทั้งสิ้น
  • 4. หลวงปูมน มูลเหตุแหงสิ่งทั้งหลายในสากลโลกธาตุ ั่ เหตุซึ่งเปนปจจัยดั้งเดิมของสิ่งทั้งหลายในสากลโลกธาตุนั้นไดแก “มโน” นั่นเอง มโน เปนตัวมหาเหตุเปนตัวเดิม เปนสิงสําคัญ นอกนั้นเปนแตอาการเทานั้น ่ ฉะนั้น มโน ก็ดี ฐีติ ภูตํ ก็ดี และมหาธาตุ ก็ดี ยอมมีเนือความเปนอันเดียวกัน ้ ดวยเหตุนี้แล พระอัสสชิเถระ จึงแสดงธรรมแก อุปติสฺส (พระสารีบตร) วาุ เย ธมฺมา เหตุปภวา เตสํ เหตุ ตถาคโต เตสฺจ โย นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ ความวา ธรรมทังหลายเกิดแตเหตุ...เพราะวามหาเหตุนี้เปนตัวสําคัญ เปน ตัวเดิม ้ เมื่อทานพระอัสสชิเถระกลาวถึงมหาเหตุ พระสารีบุตรจึงหยังจิตลงถึงกระแสธรรม ่ ทุกสิ่งในโลกก็ตองเปนไปแตมหาเหตุ ถึงโลกุตตรธรรม ก็ คือมหาเหตุ ผูมาปฏิบัติ “ใจ” คือ ตัวมหาเหตุจนแจมกระจางสวางโรแลว ยอมสามารถรูอะไรๆ ทั้งภายในและภายนอกทุกสิ่งทุกประการ  สุดจะนับจะประมาณไดดวยประการฉะนี้
  • 5. หลวงปูมั่น มูลการของสังสารวัฏฏ “ฐีติภูตํ” เปนพอแมของอวิชชา “ฐีติภูตํ” ไดแก จิตดั้งเดิม เมื่อ “ฐีติภูตํ” ประกอบไปดวยความหลง อาการของอวิชชาเกิดขึ้น เมื่อมีอวิชชา จึงเปนปจจัยใหปรุงแตงเปนสังขาร พรอมกับความเขาไปยึดถือ จึงเปนภพชาติคือตองเกิดกอตอกันไป เรียกวา ปจจยาการ เพราะเปนอาการสืบตอกัน วิชชาและอวิชชาก็ตองมาจาก “ฐีติภูตํ” เชนเดียวกัน เมื่อ “ฐีติภูตํ” กอปรดวยวิชชา จึงรูเทาอาการทั้งหลายตามความเปนจริง รวมใจความวา “ฐีติภูตํ” เปนตัวการดั้งเดิมของสังสารวัฏฏ (การเวียนวายตายเกิด) เพราะฉะนั้นเมือจะตัดสังสารวัฏฏใหขาดสูญ จึงตองอบรมบมตัวการดั้งเดิม ่ ใหมีวิชชารูเทาทันอาการทั้งหลายตามความเปนจริง ก็จะหายหลง แลวไมกออาการทั้งหลายใดๆ อีก “ฐีติภูตํ” อันเปนมูลการ ก็หยุดหมุน หมดการเวียนวายตายเกิดในสังสารวัฏฏดวยประการฉะนี้
  • 6. หลวงปูมั่น จิตเดิมเปนธรรมชาติใสสวาง จิตนี้เลื่อมปภัสสรแจงสวางมาเดิม แตอาศัยอุปกิเลสเครื่องเศราหมองเปนอาคันตุกะสัญจร มาปกคลุมหุมหอ จึงทําใหจิตมิสองแสงสวางได ดุจพระอาทิตยเมื่อเมฆบดบัง อยาพึงเขาใจวาพระอาทิตยเขาไปหาเมฆ เมฆไหลมาบดบังพระอาทิตยตางหาก ฉะนั้น ผูบําเพ็ญเพียรทั้งหลายเมื่อรูโดยปริยายนี้แลว พึงกําจัดของปลอมดวยการพิจารณาโดยแยบคาย เมื่อทําใหถึงขั้นฐีติจิตแลว ชื่อวายอมทําลายของปลอมไดหมดสิ้น หรือวาของปลอมยอมเขาไมถึงฐีติจิต เพราะสะพานเชือมตอถูกทําลายขาดสะบั้นลงแลว ่ แมยังตองเกี่ยวของกับอารมณของโลกอยู ก็ยอมเปนดุจ น้ํากลิ้งบนใบบัว ฉะนั้น
  • 7. หลวงปูมน สติปฏฐาน เปน ชัยภูมิ คือสนามฝกฝนตน ั่ พระบรมศาสดาจารยเจา ทรงตั้งชัยภูมิไวในธรรมขอไหน ? เมื่อพิจารณาปญหานีไดความขึ้นวา ้ พระองคทรงตั้ง มหาสติปฏฐานเปนชัยภูมิ อุปมาในทางโลก การรบทัพชิงชัย มุงหมายชัยชนะจําตองหา ชัยภูมิ ถาไดชัยภูมิทดีแลว ยอมสามารถปองกันอาวุธของขาศึกไดดี ณ ที่นน ี่ ั้ สามารถรวบรวมกําลังใหญ เขาฆาฟนขาศึกใหปราชัยพายแพไปได ที่เชนนันทานจึงเรียกวา ชัยภูมิ ้ คือที่ที่ประกอบไปดวยคายคูประตูและหอรบอันมันคง ่ อุปไมยในทางธรรม ที่เอามหาสติปฏฐานเปนชัยภูมิ ก็โดยผูที่จะเขาสูสงครามรบขาศึก คือ กิเลส ตองพิจารณากายานุปสสนาสติปฏฐาน เปนตนกอน
  • 8. หลวงปูมน อุบายแหงวิปสสนา อันเปนเครื่องถายถอนกิเลส ั่ ธรรมชาติของดีทั้งหลาย ยอมเกิดมาแตของไมดี อุปมาดังดอกปทุมชาติอันสวยงาม ก็เกิดขึ้นมาจากโคลนตมอันเปนของสกปรก ่ แตวาดอกบัวนั้น เมื่อขึนพนโคลนตมแลวยอมเปนสิ่งทีสะอาด นํามาทัดทรง ้ ่ และดอกบัวนั้นก็มิไดกลับคืนไปยังโคลนตมนันอีกเลย ้ พระโยคาวจรเจาผูประพฤติพากเพียร ยอมพิจารณาซึ่งสิ่งสกปรกนาเกลียด ก็คือตัวเรานี้เอง รางกายนี้เปนทีประชุมแหงของโสโครก ่ พิจารณารางกายอันนี้ใหชํานิชานาญดวย โยนิโสมนสิการ ํ เมื่อยังเห็นไมทนชัดเจน ก็พิจารณาสวนใดสวนหนึ่งแหงกาย ั อันเปนที่สบายแกจริต จนกระทั่งปรากฏเปนอุคคหนิมิต คือ ปรากฏสวนแหงรางกายสวนใดสวนหนึ่ง แลวก็กําหนดสวนนั้นใหมาก เจริญใหมาก
  • 9. หลวงปูมน อุบายแหงวิปสสนา อันเปนเครื่องถายถอนกิเลส ั่ ใหมีสติหรือพิจารณาในที่ทุกสถานในกาลทุก เมื่อ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดืม ทํา คิด พูด ่ ก็ใหมีสติรอบคอบในกายอยูเสมอ จึงจะชื่อวา ทําใหมาก เมื่อพิจารณาในรางกายนั้นจนชัดเจนแลว ใหพิจารณาแบงสวนแยกสวนออกเปนสวนๆ ตามโยนิโสมนสิการ ตลอดจนกระจายออกเปนธาตุดิน ธาตุน้ํา ธาตุไฟ ธาตุลม และพิจารณาใหเห็นไปตามนั้นจริงๆ อุบายตอนนี้ตามแตตนจะใครครวญออกอุบาย ตามที่ถกจริตนิสัยของตน ู แตอยาละทิ้งหลักเดิมที่ตนไดรูครั้งแรกนั่นเทียว
  • 10. หลวงปูมน อุบายแหงวิปสสนา อันเปนเครื่องถายถอนกิเลส ั่ พระโยคาวจรเจา พึงเจริญใหมาก ทําใหมาก อยาพิจารณาครั้งเดียว แลวปลอยทิ้งตั้งครึ่งเดือน ตั้งเดือน ใหพิจารณากาวเขาไป ถอยออกมา เปนอนุโลม ปฏิโลม พระโยคาวจรเจาพิจารณาอยางนี้ชํานาญแลว หรือชํานาญอยางยิ่งแลว คราวนี้แลเปนสวนที่จะเปนเอง คือ จิต ยอมจะรวมใหญ เมื่อรวมพึ่บลง ยอมปรากฏวาทุกสิ่งรวมลงเปนอันเดียวกัน คือหมดทั้งโลก ยอมเปนธาตุทั้งสิ้น นิมิตจะปรากฏขึ้นพรอมกันวา โลกนี้ราบเหมือนหนากลอง เพราะมีสภาพเปนอันเดียวกัน ไมวา ปาไม ภูเขา มนุษย สัตว แมที่สุดตัวของเรา ก็ตองลบราบเปนทีสุดอยางเดียวกัน ่ พรอมกับ ญาณสัมปยุตต คือรูขึ้นมาพรอมกัน ตัดความสนเทหในใจไดเลย จึงชื่อวา ยถาภูตญาณทัสสนวิปสสนา คือทั้งเห็นทั้งรูตามความเปนจริง 
  • 11. หลวงปูมน อุบายแหงวิปสสนา อันเปนเครื่องถายถอนกิเลส ั่ พระโยคาวจรเจาพึงเจริญใหมาก ทําใหมาก จนชํานาญเห็นแจงชัดวา สังขารความปรุงแตง อันเปนความสมมติวาโนนเปนของของเรา โนนเปนเรา เปนความไมเที่ยง อาศัยอุปาทานความยึดถือ จึงเปนทุกข ก็แลธาตุทั้งหลาย เขาหากมีหากเปนอยูอยางนี้ตั้งแตไหนแตไรมา เกิด แก เจ็บ ตาย เกิดขึ้น เสื่อมไป อยูอยางนี้มากอนเราเกิด ตั้งแตดึกดําบรรพ  อาศัยอาการของจิต ของขันธ ๕ ไดแก รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไปปรุงแตงสําคัญมั่นหมายทุกภพทุกชาติ เปนอเนกชาติมาจนถึงปจจุบันชาติ จึงทําใหจิตหลงอยูตามสมมติ ไมใชสมมติมาติดเอาเรา เพราะธรรมชาติทั้งหลายทั้งหมดในโลกนี้ จะเปนของมีวิญญาณหรือไมก็ตาม เมื่อวาตามความจริงแลว เขาหากมีหากเปน เกิดขึ้นเสื่อมไป มีอยูอยางนั้นทีเดียว จึงรูขึ้นวา ปุพฺเพสุ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ ธรรมดาเหลานี้ หากมีมาแตกอน ถึงวาจะไมไดยนไดฟงมาจากใครก็มีอยูอยางนั้นทีเดียว ิ
  • 12. หลวงปูมน อุบายแหงวิปสสนา อันเปนเครื่องถายถอนกิเลส ั่ พระพุทธเจาจึงทรงปฏิญาณพระองควา เราไมไดฟงมาแตใคร มิไดเรียนมาแตใคร เพราะเหลานีมอยู มีมาแตกอนพระองคดังนี้ ้ ี ไดความวา ธรรมดาธาตุทั้งหลายยอมเปนยอมมีอยูอยางนั้น อาศัยอาการของจิต เขาไปยึดถือเอาสิ่งทั้งปวงเหลานั้นมาหลายภพหลายชาติ จึงเปนเหตุใหอนุสัยครอบงําจิตจนหลงเชื่อไปตาม จึงเปนเหตุใหกอภพกอชาติ ดวยอาการของจิตเขาไปยึด ฉะนั้นพระโยคาวจรเจามาพิจารณา โดยแยบคายลงไปตามสภาพวา สพฺเพ สฺงขารา อนิจฺจา สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา สังขารความเขาไปปรุงแตง คือ อาการของจิตนั่นแลไมเที่ยง สัตวโลกเขาเที่ยง คือมีอยูเปนอยูอยางนั้น ใหพิจารณาโดย อริยสัจจธรรมทั้ง ๔ เปนเครืองแกอาการของจิต ่ ใหเห็นแนแทวา ตัวอาการของจิตนี้เองมันไมเที่ยง เปนทุกข จึงหลงตามสังขาร
  • 13. หลวงปูมน อุบายแหงวิปสสนา อันเปนเครื่องถายถอนกิเลส ั่ เมื่อเห็นจริงลงไปแลว ก็เปนเครืองแกอาการของจิต ่ จึงปรากฏขึ้นวา สงฺขารา สสฺสตา นตฺถิ สังขารทั้งหลายที่เที่ยงแทไมมี สังขารเปนอาการของจิตตางหาก เปรียบเหมือนพยับแดด สวนสัตวเขาก็อยูประจําโลกแตไหนแตไรมา เมื่อรูโดยเงื่อน ๒ ประการ คือ รูวา สัตวก็มีอยูอยางนั้น สังขารก็เปนอาการของจิต เขาไปสมมติเขาเทานั้น ฐีติภูตํ จิตตั้งอยูเดิม ไมมีอาการเปนผูหลุดพน ไดความวา ธรรมดาหรือธรรมทั้งหลายไมใชตน จะใชตนอยางไร ของเขาหากเกิดมีอยางนั้น ทานจึงวา สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา ธรรมทั้งหลายไมใชตน
  • 14. หลวงปูมน อุบายแหงวิปสสนา อันเปนเครื่องถายถอนกิเลส ั่ ใหพระโยคาวจรเจาพึงพิจารณาใหเห็นแจงประจักษตามนี้ จนทําใหจิตรวมพึ่บลงไป ใหเห็นจริงแจงชัดตามนั้น โดย ปจจักขสิทธิ พรอมกับ ญาณสัมปยุตต รวมทวนกระแสแกอนุสัย สมมติเปนวิมุตติ หรือรวมลงฐีติจิต อันเปนอยูมอยูอยางนั้น  ี จนแจงประจักษในที่นนดวยญาณสัมปยุตตวา ขีณา ชาติ ญาณํ โหติ ั้ ดังนี้ ไมใชสมมติไมใชของแตงเอาเดาเอา ไมใชของอันบุคคลพึงปรารถนาเอาได เปนของที่เกิดเอง เปนเอง รูเอง โดยสวนเดียวเทานั้น เพราะดวยการปฏิบัติอันเขมแข็งไมทอถอย พิจารณาโดยแยบคายดวยตนเอง จึงจะเปนขึนมาเอง ้ วิมฺตติธรรม มิใชสิ่งอันบุคคลจะพึงปรารถนาเอาได ถาปฏิบัติไมถูกตองหรือเกียจคราน จนวันตาย จะประสบวิมุตติธรรมไมไดเลย