More Related Content
Similar to การบวนการ (20)
การบวนการ
- 1. การบวนการ <br /> เทคโนโลยีสารสนเทศ 1<br />ตัวชี้วัดช่วงชั้น<br />แก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ (ง 3.1 ม.4-6/5)<br />ผังมโนทัศน์สาระการเรียนรู้<br /> การวิเคราะห์และกำหนดรายละเอียดของปัญหา<br /> การเลือกเครื่องมือและออกแบบขั้นตอน<br /> การดำเนินการแก้ปํญหาการเขียนรหัสจำรอง<br /> การตรวจสอบและปรับปรุงการเขียนผังงาน<br /> กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ ความหมายและ ขั้นตอนการแก้ปัญหา การถ่านทอดความคิดในการแก้ปัญหาด้วยอัลกอรึทึม <br /> ลองคิด ลองตอบ1.กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศหมายถึงอะไร2.กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศมีประโยชน์อย่างไร ประโยชน์จาการเรียน1.ใชกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศในการแก้ปัญหา2.ถ่ายการถ่านทอดความคิดในการแก้ปัญหาด้วยอัลกอรึทึมได้<br />การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของมนุษย์ในปัจจุบัน มีจุดประสงค์หลักเพื่อแก้ปัญหาและอำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิต โดยอาศัยเครื่องมีที่สำคัญ คือ กระบวนการเทคโนโลยี<br />สารสนเทศ<br /> ความหมายและขั้นตอนการแก้ไขปัญหา<br /> กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศจัดเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศโดยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ (Process Information Technology) คือ กระบวน<br />หรือขั้นตอนที่ใช้ในการแก้ไขปัญหา เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะเกี่ยวเนื่องกับการข้อมูล เช่น การรวบรวม การตรวจสอบความถูกต้อง การประมวลผลการเก็บรักษา และการเผยแพร่ข้อมูล โดยมีการถ่ายทอดกิด<br />การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศมีขั้นตอนการปฏิบัติ 4 ขั้นตอน ได้แก่ การวิเคราะห์และกำหนดรายละเอียดของปัญหา การเลือกเครื่องมือและออกแบบขั้นตอน การดำเนินการแก้ปัญหา และการตรวจสอบและปรับปรุง<br />การวิเคราะห์และกำหนดรายละเอียดไข้ปัญหา<br /> การวิเคราะห์และกำหนดรายละเอียดของปัญหา คือ การทำความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดหรือการกำหนดขอบเขตของปัญหา ด้วยการวิเคราะห์ปัญหาและผลลัพธ์ที่ต้องการโดยมีวิธีการดังนี้<br />ตัวอย่าง ต้องการแก้ปัญหาการขาดทุนของร้านเช่าหนังสือวิเคราะห์สิ่งต้องการ โดยวิเคราะห์ว่า ต้องการแก้อะไร ผลผลิตอะไรหรืองานอะไรแล้วกำหนดวัตถุประสงค์ของสิ่งที่ต้องการนั้น<br /> 2.วิเคราะห์ผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยวิเคราะห์สิ่งที่คาดว่าจะได้รับจากการแก้ปัญหาที่ต้องการโดยผลลัพธ์ที่ได้จากเนื้อหานี้อาจมีมากกว่า 1 ข้อ<br />ตัวอย่างมีความสะดวกรวดเร็วในการเช่าหนังสือป้องกันไม่ให้หนังสือสุญหายมีกำไรมากยิ่งขึ้น<br /> 3.วิเคราะห์ทรัพยากร โดยคำนึงถึงทรัพยากรที่สามารถนำใช้ในการแก้ปัญหา ซึ่งควรเป็นทรัพยากรที่มีแล้วเป็นหลัก ด้วยการวิเคราะห์ทั้งทรัพยากรในด้านวัสดุ อุปกรณ์ ความรู้ของบุคลากร แรงงาน และงบประมาณ<br />ตัวอย่างเงินสด 50,000 บาทโต๊ะคอมพิวเตอร์ 1 ตัวสมุดบันทึกและเครื่องเขียนหนังสือจำนวน 2,000 เล่มชั้นวางหนังสือจำนวน 5 ชิ้นคอมพิวเตอร์จำนวน 1 เครื่องตัวสำหรับจัดเก็บอุปกรณ์ 1 ตู้พนักงานจบการศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน 1 คน<br /> <br /> 4.วิเคราะห์ตัวแปรหรือผลกระทบในด้านต่างๆ ที่ส่งผลต่อการแก้ปัญหาหรืองานนั้น ซึ้งอาจสมมุติสถานการณ์ขึ้นเพื่อนำมาวิเคราะห์ตัวแปรที่เกิดขึ้น โดยตัวแปรที่เกิดขึ้นมักเกิดจากการมีทรัพยากรที่ไม่เหมาะสม มีทรัพยากรมากหรือน้อยเกินไป<br />ตัวอย่างหนังสือสูญหายคอมพิวเตอร์เสียคิดราคาค่าเช่าหนังสือผิดพนักงานไม่สามารถมาปฏิบัติงานได้มีจัดอับในร้านทำให้มองไม่เห็นลูกค้าข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าและหนังสือมีจำนวนมากจำนวนลูกค้ามีมากจนไม่สามารถดูแลได้ทั้วถึง<br />5.วิเคราะห์การแก้ปัญหา ในขั้นตอนนี้ควรนำเสนอวิธีการแก้ปัญหาทั้งหมดก่อนโดยไม่ต้องคำนึงว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ ด้วยการกำหนดวิธีการแก้ปัญหาให้ได้มากที่สุด จากนั้นจึงนำวิธีการแก้ปัญหานั้นๆ สามารถทำได้หรือไม่ เพราะอะไร แล้วแล้วบันทึกลงบนตาราง<br />วิธีการแก้ปัญหาการแก้ปัญหาการวิเคราะห์ได้ไม่ได้จ้างพนักงานเพิ่มช่วยแก้ปัญหาได้มากกว่า 1 ข้อเก็บค่าสมาชิกสูงขึ้นเป็นการลดจำนวนลูกค้าลง 3.ติดกระจกนูนที่มุมร้านช่วยให้เห็นลูกค้าได้ทั่วทั้งร้าน 4.ติดกล้องวงจรปิดในจุดต่างๆมีต้นทุนในการดำเนินการสูง 5. จัดทำส่งเสริมการขายแบบต่างๆเพื่อส่งเสริมการเช่าหนังสือมากยิ่งขึ้น 6.จ้างเจ้าหน้าทีรักษาความปลอดภัยได้ผลลัพธ์ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน 7.ให้ลูกค้าฝากกระเป๋าที่ด้านหน้าร้านปฏิบัติได้ทันทีโดยไม่มีต้นทุนเพิ่ม 8.บันทึกข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ปฏิบัติได้ทันทีโดยไม่มีต้นทุนเพิ่ม 9.เพิ่มขนาดหรือขยายร้านให้กว้างขึ้นได้ผลลัพธ์ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน 10.กำหนดคุณสมบัติของผู้เช่าให้กว้างขึ้นจำนวนลูกค้าอาจลดลงได้ 11.แจกบัตรคิวให้ลูกเข้าร้านตามลำดับลูกค้าไม่ได้รับความสะดวกสบายในการเช่าหนังสือ 12.กำหนดลูกค้าให้เข้าร้านเป็นกลุ่มๆลูกค้าไม่ได้รับความสะดวกสบายในการเช่าหนังสือ 13.ขายสินค้าอื่นๆเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ร้านช่วยเพิ่มรายได้ 14.ชื้อหนังสือใหม่ๆเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ร้านเพื่อเพิ่มความสนใจให้แก่ลูกค้าใหม่ๆ 15.ลดปริมาณหนังสือเพื่อให้ดูแลได้ง่ายขึ้นลูกค้าอาจลดจำนวนลงเนื่องจากมีหนังสือน้อย 16.ใช้ระบบบาร์โค้ดในการขึ้นทะเบียนหนังสือเพิ่มความน่าเชื่อถือและอำนวยความสะดวกในการทำงาน 17.ปรับร้านให้มีทางเข้าและทางออกจากทางเดียวสามารถปฏิบัติได้ทันทีโดยไม่มีต้นทุนเพิ่ม 18.จัดทำสมุดรายชื่อหนังสือเพื่อให้ลูกค้าเลือกหนังสือลูกค้าไม่ได้รับความสะดวกสบายในการเช่าหนังสือ<br />ตารางวิเคราะห์การแก้ไข(ต่อ)<br />วิธีแก้ปัญหาการแก้ปัญหาการวิเคราะห์ได้ไม่ได้19 . เพิ่มความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ให้แก่พนักงานช่วยแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ชำรุดบ่อยๆ20. ลูกค้าแจ้งชื่อหนังสือที่ต้องการแล้วให้พนักงานเป็นผู้หยิบหนังสือลูกค้าไม่ได้รับความสะดวกสบาย<br />การเลือกเครื่องมือละออกแบบขั้นตอน<br /> การเลือกเครื่องมือและออกแบบขั้นตอนเป็นการนำตารางการวิเคราะห์วีการแก้ปัญหามากำหนดเครื่องมือและขั้นตอนในการปฏิบัติ โดยกำหนดเครื่องมือและออกแบบขั้นตอนเฉพาะวิธีการแก้ปัญหาที่สามารถปฏิบัติได้เท่านั้น<br /> 1.การเลือกเครื่องมือที่ใช้ในการแก้ปัญหา เป็นการกำหนดทรัพยากรที่ต้องใช้ในการแก้ปัญหาซึ่งควรจะเลือกใช้ทรัพยากรที่มีอยู่แล้ว หรือเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องมือนั้นๆมากกว่าการจัดหามาเพิ่มเติม โดยควรกำหนดรายละเอียดของเครื่องมือหรือทรัพยากรให้ชัดเจน พร้อมประมาณการค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องมือหรือทรัพยากรนั้นๆ<br />ตัวอย่าง<br /> พนักงานจำนวน 1 คน วุฒิขั้นต่ำมะยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบเท่ามีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ควรได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ อัตราค่าจ้างเดือนละ 2000 บาท<br /> กระจกนูน จำนวน 3บาน สั่งซื้อจากร้านขายกระจกโดยมีข้อกำหนดว่าร้านขายกระจกจะต้องมีค่าช่างมาดำเนินการติดตั้งให้ใช้งบประมาณ 5000 บาท<br />บัตรสะสมแต้ม จัดให้ลูกค้าที่เช่าหนังสือครบ 200 บาท จะได้รับคุปองมูลค่า 10 บาท เพื่อใช้แทนเงินสดในการเช่าหนังสือครั้งต่อไปใช้งบประมาณ 100 บาท<br /> ที่ฝากกระเป๋าและบัตรฝากกระเป๋าสำหรับลูกค้า ใช้ตู้สำหรับจัดเก็บอุปกรณ์ที่มีอยู่แล้วมาดัดแปลงเพื่อเก็บกระเป๋า และจัดทำบัตรฝากกระเป่าเป็นหมายเลข1-20 หมายเลขละ 2 ใบ ใช้งบประมาร 50 บาท<br />คอมพิวเตอร์ ตรวจสอบว่าสามารถใช้งานได้ปกติ และมีโปรแกรมสำหรับใช้งานครบถ้วน<br />สินค้าอื่นๆ จัดซื้อในปริมาณที่ไม่มากนักแต้มีความหลากหลาย ได้แก่ ปากกา ดินสอ ไม้บรรทัด ที่คั่นหนังสือ ตุ๊กตาทับบรรทัด และโปสต์การ์ด ใช้งบประมาณ 2000 บาท<br /> β หนังสือ จัดหาโดยการซื้อหนังสือจากร้านหนังสือมือสองแล้วนำมาซ่อมแซมและห่อปกหนังสือใหม่ หรือติดต่อซื้อหนังสือใหม่จากสำนักพิมพ์โดยตรง ใช้งบประมาณ<br />5,000บาท<br /> β ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในระบบบาร์โค้ด ใช้งบประมาณ 20,000บาท<br /> β ความรู้ด้านการใช้และการซ่อมคอมพิวเตอร์ ให้เจ้าของร้านหรือผู้จัดการร้านเป็นผู้ไปฝึกอบรม แล้วนำมาเผยแพร่ให้แก่พนักงานในร้าน ใช้งบประมาณ 2,000บาท <br /> 2.การออกแบบขั้นตอนในการปฏิบัติงาน เป็นการกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาก่อนการปฏิบัติจริง โดยจะต้องกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติงานเป็นลำดับขั้น แล้วจึงนำมาระบุผู้รับผิดชอบและระยะเวลาการปฏิบัติงานในตารางการปฏิบัติงาน<br />ตัวอย่าง<br /> ขั้นตอนที่ 1 จัดทำป้ายและติดประกาศรับสมัครพนักงาน<br /> ขั้นตอนที่ 2 สร้างแผนผังการจัดวางชั้นหนังสือ โต๊ะคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ สินค้าอื่นๆ และตู้สำหรับจัดเก็บอุปกรณ์ โดยกำหนดให้มีทางเข้าและทางออกจากร้านเพียงทางเดียว<br /> ขั้นตอนที่ 3 ให้ช่างมาติดตั้งกระจกนูน<br /> ขั้นตอนที่ 4 จัดวางและติดตั้งชั้นหนังสือ โต๊ะคอมพิวเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ สินค้าอื่นๆ และตู้สำหรับจัดเก็บอุปกรณ์ตามแผนผังที่กำหนดไว้<br /> ขั้นตอนที่ 5 ติดตั้งฮารด์แวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในระบบบาร์โค้ด<br /> ขั้นตอนที่ 6 คัดแยกหนังสือตามหมวดหมู่ต่างๆ เช่น หมวดหนังสือนิยาย หมวดหนังสือแปลเยาวชน และหมวดหนังสือการ์ตูน<br /> ขั้นตอนที่ 7 ติดรหัสบาร์โค้ดที่หนังสิ แล้วบันทึกข้อมูลของหนังสือตามหมวดหมู่ที่กำหนดไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์<br /> ขั้นตอนที่ 8 จัดเรียงหนังสือเข้าชั้นหนังสือตามหมวดหมู่ที่กำหนดไว้<br /> ขั้นตอนที่ 9 บันทึกข้อมูลลูกค้าในเครื่องคอมพิวเตอร์<br /> ขั้นตอนที่ 10 จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับอัตราเช่าหนังสือ ข้อกำหนดต่างๆ และรายการส่งเสริมการขายต่างๆ ติดที่หน้าร้านหนังสือ<br /> ขั้นตอนที่ 11 ส่งพนักงานไปฝึกอบรมการใช้งานและการซ่อมคอมพิวเตอร์เบื้องต้น<br /> ขั้นตอนที่ 12 ให้พนักงานที่ไปฝึกอบรมมาเผยแพร่ความรู้ให้แก่พนักงานคนอื่นๆ <br />การตรวจสอบและปรับปรุง<br /> การตรวจสอบและปรับปรุงเป็นการนำกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศมาตรวจสอบและปรับปรุงโดยคำนึงถึงสิ่งที่ต้องการจากการวิเคราะห์ในขั้นตอนแรกว่า กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศสามารถให้สิ่งที่ต้องการตามที่กำหนดไว้หรือไม่ แบ่งเป็น 2 ขั้นตอน ได้แก่ การตรวจสอบและปรับปรุงโดยมีผู้ออกแบบและการตรวจสอบโดยผู้ใช้งานจริง<br /> <br /> ตัวอย่าง<br /> การตรวจสอบระบบบาร์โค้ด<br /> การตรวจสอบการมองผ่านกระจกนูน<br /> การตรวจสอบข้อมูลลูกค้า<br />2 การตรวจสอบโดยผู้ใช้งานจริง เป็นการตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการทำงานภายหลังจากการดำเนินการ โดยจัดเก็บข้อมูลจากผู้ใช้งานกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นโดยตรงซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การสังเกต การสัมภาษณ์ และการทำแบบสอบถามจากนั้นผู้ออกแบบจึงรวบรวมข้อมูลที่ได้ไปปรับปรุงกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศอีกทีหนึ่ง<br />ตัวอย่าง<br />แบบทดสอบร้านเช่าหนังสือ<br />คำชี้แจง กรุณาทำเครื่องหมาย ลงใน □ หรือตารางที่ถูกต้องหรือเหมาะสมมากที่สุด<br />เพศ □ หญิง □ ชาย<br />อายุ □ ต่ำกว่า12 ปี □ 12-20 ปี<br /> □ 20 ปีขึ้นไป<br />รายได้ต่อเดือน □ ต่ำกว่า 2,000 บาท □ 2,000-5,000 บาท<br /> □ สูงกว่า 5,000 บาท <br />หนังสือที่ชอบมากที่สุด<br /> □ นิยาย □ การ์ตูน □ หนังสือแปล □ นิตยสาร<br />การใช้บริการ<br /> □ ทุกวัน □ มากกว่าสัปดาห์ละ 3 วัน □ น้อยกว่าสัปดาห์ละ 3 วัน<br /> □ สัปดาห์ละครั้ง □ น้อยกว่าสัปดาห์ละครั้ง <br />ราย ควายคิดเห็น ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง1.ความรวดเร็วในในการให้บริการ2.ปริมาณหนังสือ3.ความหลากหลายของหนังสือ4.ความสุขภาพของพนักงาน5.เวลาในการเปิดให้บริการ6.คุณภาพของหนังสือ7.อัตราการเช่าหนังสือ8.บรรยากาศภายในร้าน9.รายการส่งเสริมการขาย10.บริการร้านอื่นๆ<br />ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม<br />...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................<br />เมื่อผู้ดำเนินการได้ให้ข้อมูลจากผู้ให้บริการจริงแล้วจึงทำการแก้ไขปรับปรุงการเทคโนโลยีสารสนเทศตามข้อมูลที่ได้รับการกำหนดปัญญาเป็นข้อๆแล้วใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศแก่ปัญหาไปทีละข้อ<br />ตารางการปฏิบัติงาน<br />ขั้นตอนที่ระยะเวลาผู้รับผิดชอบหมายเหตุ1-23456-891011123วัน2วัน2วัน1วัน5วัน3วัน1วัน7วัน1วันเจ้าของร้านเจ้าของร้าน และช่างพนักงานเจ้าของร้านและช่างพนักงานพนักงานพนักงานเจ้าของร้านพนักงานขั้นตอนที่1-3เริ่มปฏิบัติพร้อมๆกันหากขั้นตอนที่1ไม่สามารถทำให้สำเร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ก็ให้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆขั้นตอนที่6-8สามารถปฏิบัติไปพร้อมๆกันได้ระยะเวลาขึ้นอยู่กับการหลักสูตรที่เปิดสอน<br />การดำเนินการแก้ปัญหา<br /> การดำเนินการแก้ปัญหาเป็นขั้นตอนของการลงมือปฏิบัติตามที่เลือกออกแบบไว้ในตารางปฏิบัติงาน โดยควรปฏิบัติให้ตรงกับที่ออกแบบไว้ให้ได้มากที่สุด และควรบันทึกปัญหาที่พบในขณะปฏิบัติงาน เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบและปรับปรุงภายหลัง <br />การวิเคราะห์และกำหนดรายละเอียดของปัญหา<br />การเลือกเครื่องมือและออกแบบข้นตอน<br />การดำเนินการแก้ปัญหา<br />กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้<br />ร่วมกันอภิปรายเปรียบเทียบความหมายของคำว่า กระบวนการเทคโนโลยี กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ และกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร<br />สร้างแผนผังความคิดเกี่ยวกับกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ<br />จับกลุ่มกับเพื่อนสมมุติปัญหา แล้วใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศแก้ปัญหานั้น<br />การถ่ายทอดความคิดในการแก้ปัญหาด้วยอัลกอริทึม<br /> อัลกอรึทึม (Algorithm)เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ เกิดจากแนวคิดอย่างมีระบบเพื่อนำไปสู่ผลลัพท์ที่ต้องการ โดยทั่วไปนิยมใช้อัลกอริทึมในการวางแผนการสร้างซอฟต์แวร์ที่ใช้ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ เพื่อให้ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการหรือแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง โดยทั่วไปการทำงานหรือการแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตมนุษย์มักเกี่ยวกับอัลกอริทึมซึ่งอาจจะเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์หรือไม่ก็ตาม เช่น ตำราประกอบอาหาร วิธีการปฐมพยาบาล และวิธีการตัดเสื้อผ้า<br /> อัลกอรึทึมที่ดีจะต้องได้ผลลัพท์ตรงกับความต้องการเสมอ อัลกอรึทึมที่ดีจึงควรมีสมบัติดังนี้<br />1.มีความถูกต้องแม่นยำ โดยเมื่อป้อนข้อมูลนำเข้าเดียวกันในอัลกอริทึมเดียวกันจะต้องทำงานได้ผลลัพธ์ออกมาเหมือนเดิมทุกครั้ง<br />2.เข้าใจได้ง่ายและชัดเจน แต่ละขั้นตอนในอัลกอริทึมต้องมีการแบ่งการทำงานออกเป็นขั้นตอนย่อยหลายๆ ขั้นตอนโดยที่แต่ละขั้นตอนมีวิธีการคิดหรือตรรกะที่ไม้ซับช้อน<br />3.มีขั้นตอนหลักและขั้นตอนย่อย จากข้อ2การเขียนอัลกอริทึมให้เข้าใจได้ง่ายนั้น<br />ไม่สามารถระบุความยากง่ายได้อย่างแน่ชัดเนื่องจากพื้นความรู้ของแต่ละคนไม่เท่ากันบางคนต้องการรายละเอียดที่มากกว่าจึงจะเข้าใจ ดังนั้นจึงควรออกแบบอัลกอริทึมให้มีระดับชั้น เพื่อประกอบขั้นตอนการทำงานหลัก ในขณะที่แต่ละขั้นตอนการทำงานหลักสามารถแตกเป็นขั้นตอนย่อยๆ ซึ่งประกอบด้วยรายละเอียดที่มากขึ้น เรียกว่า มอดูล ( Module) โดยแต่ละมอดูลเป็นอิสระจากกันและสามารถเรียกขึ้นมาใช้งานช้ำได้หลายครั้ง<br /> อัลกอริทึมสามารถสร้างได้หลายวิธี รวมไปถึงวิธีการบรรยายเป็นคำพูดด้วยภาษามนุษย์ซึ่งง่ายสำหรับผู้สร้างอัลกอริทึมแต่อาจเกิดความยุ่งยากในการนำไปใช้งานจริง เนื่องจากคำพูดอาจก่อให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน จึงได้สร้างเครื่องมือสำหรับช่วยให้ทำอัลกอริทึมได้ง่ายขึ้นและสามารถสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องใช้คำอธิบายที่ยาวเกินความจำเป็นซึ่งจะกล่าวถึง 2 วิธี ได้แก่ การเขียนรหัสจำลองและการเขียนผังงาน<br />การเขียนรหัสจำรอง<br /> การเขียนรหัสจำรอง ( Pseudo Code) จะต้องเขียนลำดับการทำงานออกมาเป็นข้อ ๆ<br />เลียนแบบคำสั่งภาษาคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้เป็นแนวทางและง่านต่อการนำไปเขียนโปรแกรม<br />จริง เนื่องมีความใกล้เคียงกันจึงเป็นที่นิยมในการใช้ค่อนข้างมาก คำสั่งหรือสัญลักษณ์<br />ตัวอย่าง กำหนดให้มีการรับข้อมูลคะแนนเก็บ คะแนนสอบกลางภาค และคะแนนสอบปลายภาคและแสดงเกรดที่ได้ โดยมี่เกณฑ์ในการคิดเกรดดังนี้คะแนนรวม 0-49 เกรด 0 คะแนนรวม 50-59 เกรด 1คะแนนรวม 60-69 เกรด 2คะแนนรวม 70-79 เกรด 3คะแนนรวม 80 ขึ้นไป เกรด 4กำหนดตัวแปรCollect = คะแนนเก็บMid = คะแนนสอบกลางภาคFinal =คะแนนสอบปลายภาคTotal =คะแนนรวมGrade = เกรดที่ได้รหัสจำรองAlgorithm calculate grade Beginที่นิยมใช้ในการเขียนรหัสจำรองไม่กฎเกณฑ์ที่ตายตัว แต่จะใช้ข้อความเป็นประโยคภาษาอังกฤษอย่างง่ายๆ อธิบายแทนซึ่งประกอบด้วยคำสั่งต่างๆ ที่ใกล้เคียงกับภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมจริงๆ เช่น begin…end, if…else. Do…while. While, for. Read และ print การเขียนรหัสจำรองต้องมีการวางแผนสำหรับการอ้างอิงถึงข้อมูลต่างๆ ที่จะใช้ในการเขียนโปรแกรม โดยใช้เครื่องหมายเท่ากับ (=) แทนการกำหนดค่าให้ตัวแปรนั้นๆ<br />Read collect, mid, finalTotal = collect + mid + finalIf total between 0 to 49 thenGrade = 0Else if total beween 50 to 59 thenGrade = 1Else if beween 60 to 69 thenGrade = 2 Else if total beween 70 to 70 thenElse grade = 4 Print grade End อธิบายขั้นตอนการทำงาน รับข้อมูล collect, mid, finalTotal = collect + mid + finalพิจารณาเงื่อนไขที่ 1: ถ้า total อยู่ระหว่าง 0 ถึง 59จริง grade = 0เท็จ : พิจารณาเงื่อนไขที่ 3: ถ้า total อยู่ระหว่าง 60 ถึง 69จริง: grade = 2เท็จ: พิจารณาเงื่อนไขที่ 4: ถ้า total อยู่ระหว่าง 70 ถึง 79จริง: grade = 3เท็จ: grade = 4แสดงผมลัพธ์ grade<br /> การเขียนผังงาน<br /> การเขียนผังงาน (Flowchart) เป็นการเขียนอัลกอริทึมในรูปแบบของแผนภาพ โดยใช้สัญลักษณ์ต่างๆ ที่ได้กำหนดไว้เป็นมาตรฐานในการแสดงขั้นตอนและลักษณะการทำงาน ซึ่งถูกเชื่อมโยงด้วยเส้นที่มีลูกศรแสดงทิศทางการไหลของข้อมูล เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเขียนโปรแกรมช่วยให้เห็นภาพรวมของการทำงานทั้งระบบ นำไปใช้ในการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ และช่วยให้ทดสอบความถูกต้องของอัลกอริทึมได้ง่ายยิ่งขึ้นการเขียนผังงานมีการแบ่งประเภทของผังงาน การใช้สัญลักษณ์ โครงสร้างการเขียนผังงานและการประยุกต์ใช้โครงสร้างแบบต่างๆ ในการเขียนโปรแกรม ดังนี้<br />1.ประเภทของผังงาน การเขียนผังงานแบ่งตามลำดับประเภทตัวอักษรใช้การเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่<br />ผังงานระบบ (System Flowchart) จะแสดงภาพรวมของระบบ ได้แก่ แสดง ข้อมูลที่รับเข้า การประมวลผล และผลลัพธ์หรือข้อมูลที่ส่งออก จะเน้นแสดงเฉพาะสื่อที่ทำหน้าที่นำข้อมูลเข้า<br />ผังงานโปรแกรม จะแสดงลำดับการทำงานภายในโปรแกรมตั้งแต่การรับข้อมูลเข้าไปจนถึงการแสดงผลลัพธ์ รวมไปถึงวิธีการประมวลผลว่ามีการคำนวณอย่างไร<br />2.การใช้สัญลักษณ์ การเขียนผังงานใช้สัญลักษณ์ที่เป็นรูปภาพแทนคำสั่งการทำงานโดยจะไม่ใช้คำอธิบายการทำงาน มีลูกสรแสดงทิศทางการไหลของข้อมูลตั้งแต่เริ่มต้นไปเป็นลำดับจนกระทั่งสิ้นสุดโปรแกรม การเขียนผังงานที่ดีต้องเลือกใช้สัญลักษณ์ คำอธิบายต่าง ๆ ควรจะสั้น กะทัดรัดได้ใจความ และควรเลียกเลี่ยงการเขียนลูกศรแสดงทิศทางที่มีจุดตัด เพราะจะทำให้ผังงานอ่านและทำความเข้าใจยาก<br />ตัวอย่าง สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเขียนผังงาน เริ่มต้น/สิ้นสุดการทำงาน รับข้อมูลเข้า/แสดงผลลัพธ์ โดยไม่ระบุสื่อที่ใช้ รับข้อมูลเข้าจากมนุษย์ เช่น แป้นพิมพ์ เมาส์ แสดงผมลัพธ์บนกระดาษด้วยเครื่องพิมพ์ แสดงผมลัพธ์ทางหน้าจอ การเปรียบเทียบหรือการตัดสินใจ การประมวลผล เช่น การกำหนดค่าหรือการคำนวณจุดต่อเนื่องที่อยู่คนละหน้าของผังงานเดียวกัน ลูกศรแสดงลำดับการทำงาน<br />การเขียนโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ต้องใช้โปรแกรมเฉพาะสำหรับเขียนโปรแกรมดังกล่าว เช่นพิมพ์ภาษา c ด้วยโปรแกรม Notepad จากนั้นถึง Compile โปรแกรมด้วย DOS Prompt โดยจะต้องติดตั้งโปรแกรม Visual Studio ไว้ในคอมพิวเตอร์ด้วยสาระน่ารู้3.โครงสร้างการเขียนแผนผัง มีการทำงานหลักๆ 3 รูปแบบ แต่ละรูปแบบมีการเรียงลำดับของการทำงานในรูปแบบต่าง ๆ กัน ได้แก่ โครงสร้างแบบลำดับ โครงสร้างแบบทางเลือก และโครงสร้างแบบทำซ้ำ<br />3.1 โครงสร้างแบบลำดับ ( Sequence Structure ) เป็นรูปแบบพื้นฐานของการเขียนผังงาน เนื่องจากเขียนได้ง่ายและถูกใช้งานมากที่สุดในโปรแกรมส่วนใหญ่ เนื่องจากจะแสดงขั้นตอนการทำงานเป็นลำดับลงด้านล่างหรือด้วยช้ายไปชวาเท่านั้น<br />นาย พีรพล เกตุชาญ เลขที่ 19<br />นาย อนุพล น้อยถึง เลขที่ 23<br />นางสาว จารุวรรณ แจ่มแจ้ง เลขที่ 28<br />นางสาว อุมาพร เปียจันทร์ เลขที่ 29 <br />ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/11<br />