Accueil
Explorer
Soumettre la recherche
Mettre en ligne
S’identifier
S’inscrire
Publicité
Check these out next
จินตวิศวกร Imagineer
DrDanai Thienphut
Knowledge management
Wai Chamornmarn
บทความ
aorchalisa
Km
Prachyanun Nilsook
Mind map book
Korn Pornprasertpattra
พหุปัญญา
Proud N. Boonrak
ทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิด
Note Na-ngam
Original bandura
Rorsed Mardra
1
sur
61
Top clipped slide
Content03
8 Jul 2012
•
0 j'aime
0 j'aime
×
Soyez le premier à aimer ceci
afficher plus
•
452 vues
vues
×
Nombre de vues
0
Sur Slideshare
0
À partir des intégrations
0
Nombre d'intégrations
0
Télécharger maintenant
Télécharger pour lire hors ligne
Signaler
บทที่ 3 ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
ครุศิลปะสร้างสรรค์งานศิลป์ กับศิลป
Suivre
Rangsit University
Publicité
Publicité
Publicité
Recommandé
จัดการความรู้ คุณธรรมนำความรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
Love Oil
938 vues
•
54 diapositives
การ เรียนรู้เพื่อพัฒนากระบวนการคิด
Sununtha Putpun
6K vues
•
30 diapositives
Km` กพร
Sumniang Na
505 vues
•
10 diapositives
หลักสูตร
Pat1803
504 vues
•
82 diapositives
Km
Thonburi vocational college
331 vues
•
5 diapositives
การเรียนรู้เพื่อพัฒนาการคิด
สุรจักษ์ ชีวิตคือการเรียนรู้
4.4K vues
•
30 diapositives
Contenu connexe
Présentations pour vous
(6)
จินตวิศวกร Imagineer
DrDanai Thienphut
•
2.6K vues
Knowledge management
Wai Chamornmarn
•
1.3K vues
บทความ
aorchalisa
•
2.1K vues
Km
Prachyanun Nilsook
•
507 vues
Mind map book
Korn Pornprasertpattra
•
12.1K vues
พหุปัญญา
Proud N. Boonrak
•
1.4K vues
Similaire à Content03
(20)
ทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิด
Note Na-ngam
•
18K vues
Original bandura
Rorsed Mardra
•
1 vue
Original bandura
Rorsed Mardra
•
267 vues
Original bandura
Rorsed Mardra
•
171 vues
Original bandura
Rorsed Mardra
•
374 vues
Original bandura
Rorsed Mardra
•
185 vues
กระบวนการค ด
จรรยา สุภาวงค์
•
231 vues
Original bandura
Rorsed Mardra
•
370 vues
Unit1-2_คุณธรรมของครูและนักเรียน
Kasem S. Mcu
•
339 vues
วิธีคิดกระบวนระบบ
sivapong klongpanich
•
672 vues
ศิลปะการดำเนินชีวิต (Art of living) : การรู้จักตัวเอง ผ่านทฤษฎีพหุปัญญา (ช่วง...
Padvee Academy
•
3K vues
Metacognition
สุรจักษ์ ชีวิตคือการเรียนรู้
•
527 vues
เฟียเจท์
saleehah053
•
331 vues
เฟียเจท์
math015
•
108 vues
เฟียเจท์
nurul027
•
159 vues
เฟียเจท์
sofia-m15
•
238 vues
เฟียเจท์
math015
•
154 vues
Original b.
pattamasatun
•
133 vues
Original b.
pattamasatun
•
172 vues
Original b.
Rorsed Mardra
•
222 vues
Publicité
Plus de ครุศิลปะสร้างสรรค์งานศิลป์ กับศิลป
(15)
Content01
ครุศิลปะสร้างสรรค์งานศิลป์ กับศิลป
•
564 vues
Content11
ครุศิลปะสร้างสรรค์งานศิลป์ กับศิลป
•
349 vues
Content08 part02
ครุศิลปะสร้างสรรค์งานศิลป์ กับศิลป
•
360 vues
Content08 part01
ครุศิลปะสร้างสรรค์งานศิลป์ กับศิลป
•
484 vues
Content07
ครุศิลปะสร้างสรรค์งานศิลป์ กับศิลป
•
399 vues
Content06
ครุศิลปะสร้างสรรค์งานศิลป์ กับศิลป
•
325 vues
Content08 part02
ครุศิลปะสร้างสรรค์งานศิลป์ กับศิลป
•
578 vues
Content08 part01
ครุศิลปะสร้างสรรค์งานศิลป์ กับศิลป
•
828 vues
Content07
ครุศิลปะสร้างสรรค์งานศิลป์ กับศิลป
•
547 vues
Content06
ครุศิลปะสร้างสรรค์งานศิลป์ กับศิลป
•
743 vues
Content 05final
ครุศิลปะสร้างสรรค์งานศิลป์ กับศิลป
•
1.9K vues
Content04
ครุศิลปะสร้างสรรค์งานศิลป์ กับศิลป
•
856 vues
Content05
ครุศิลปะสร้างสรรค์งานศิลป์ กับศิลป
•
1.5K vues
บทที่ 2
ครุศิลปะสร้างสรรค์งานศิลป์ กับศิลป
•
1.3K vues
Content01
ครุศิลปะสร้างสรรค์งานศิลป์ กับศิลป
•
1.2K vues
Content03
สมอง คื อ
ผู ้ ก ำ ำ หนดหน้ ำ ที ่ ท ุ ก อย่ ำ งใน ร่ ำ งกำย รวมถึ ง ควบคุ ม พฤติ ก รรมพื ้ น ฐำนของ เรำทั ้ ง หมด ตั ้ ง แต่ ก ิ น นอน ไปจนถึ ง รั ก ษำ อุ ณ หภู ม ิ ใ นร่ ำ งกำย นอกจำกนี ้ ส มองยั ง ต้ อ ง คอยขำนรั บ ต่ อ กิ จ กรรมอั น สลั บ ซั บ ซ้ อ นของ มนุ ษ ย์ ด ้ ว ย เช่ น สร้ ำ งอำรยธรรม ดนตรี ศิ ล ปะ วิ ท ยำศำสตร์ และภำษำ ซึ ่ ง ทั ้ ง หมดนี ้ เ กิ ด ขึ ้ น ได้ ก็ เ พรำะมี ค วำมหวั ง ควำมคิ ด อำรมณ์ และ บุ ค ลิ ก ภำพของเรำซ่ อ นอยู ่ ภ ำยใน
สมองของคนเรำถ้ ำ มองจำกด้
ำ นบน จะเห็ น ว่ ำ แยกออกเป็ น สองซี ก คื อ “ ซี ก ซ้ ำ ย” (Left hemisphere) และซี ก ขวำ (Right hemisphere) สมองซี ก ซ้ ำ ยจะควบคุ ม ร่ ำ งกำยด้ ำ นขวำ และสมอง ซี ก ขวำจะควบคุ ม ร่ ำ งกำยด้ ำ นซ้ ำ ย เป็ น กำรควบคุ ม ในลั ก ษณะไขว้ ด ้ ำ น
นั ก วิ
ท ยำศำสตร์ ใ นคริ ส ต์ ศ ตวรรษที ่ 19 ได้ เรี ย กสมองด้ ำ นซ้ ำ ยว่ ำ สมองซี ก เด่ น หรื อ สมองซี ก เอก และเรี ย กสมองด้ ำ นขวำว่ ำ สมองซี ก รอง
ศำสตรำจำรย์ โ รเจอร์
สเปอร์ ร ี ย ์ กั บ ศำสตรำจำรย์ โรเบิ ร ์ ต ออร์ น สไตน์ ได้ ท ดลองให้ น ั ก ศึ ก ษำทำ ำ สิ ่ ง ต่ ำ ง ๆ ผลปรำกฏว่ ำ ซี ร ี บ รั ล คอร์ เ ท็ ก ซ์ ไ ด้ แ บ่ ง กำรทำ ำ งำนออก เป็ น สองส่ ว นใหญ่ ๆ โดยสมองซี ก ขวำทำ ำ หน้ ำ ที ่ เ กี ่ ย วกั บ จั ง หวะ รั บ รู ้ ท ี ่ ว ่ ำ ง มองภำพรวมจิ ต นำกำร ฝั น กลำงวั น สี ส ั น และมิ ต ิ ส่ ว นหน้ ำ ที ่ ข องสมองซี ก ซ้ ำ ยทำ ำ หน้ ำ ที ่ เ กี ่ ย ว กั บ คำ ำ พู ด ตรรกะ ตั ว เอง ลำ ำ ดั บ ขั ้ น ตอน กำรวิ เ ครำะห์ เ ชิ ง เส้ น และกำรจั ด ทำ ำ รำยกำรต่ ำ ง ๆ
สมองแบ่ ง กำรทำ
ำ งำนอย่ ำ งชั ด เจน สมองซี ก สมองซี ก ซ้ ำ ย คำ ำ /ภำษำ ขวำ จั ง หวะ ตรรกะ รู ้ ต ำ ำ แหน่ ง ตั ว เอง หน้ิ ำ ที ่ มิ ต ลำ ำ ดั บ จิ น ตนำกำร เส้ น ใจลอย วิ เ ครำะห์ สี รำยกำร รู ้ ภ ำพรวม
เอ็ ด เวิ
ร ์ ด เดอโบโน ศำสตรำจำรย์ น ำย แพทย์ ผ ุ ้ เ ชี ่ ย วชำญด้ ำ น ยุ ร ศำสตร์ ได้ พั ฒ นำกำรสอนทั ก ษะควำมคิ ด เชิ ง สร้ ำ งสรรค์ โดยเสนอควำมคิ ด ที ่ ม ี ช ื ่ อ เสี ย ง คื อ เรื ่ อ งควำมคิ ด คู ่ ข นำน คื อ สมองจะสร้ ำ งรู ป แบบ (pattern) ขึ ้ น มำหลั ง จำกที ่ ร ั บ ข้ อ มู ล ต่ ำ ง ๆ จำกภำยนอกเข้ ำ ไป สมองจะมี ร ะบบกำร จั ด เก็ บ ข้ อ มู ล ข้ อ มู ล ที ่ ถ ู ก จั ด เก็ บ ไว้ ใ นรู ป แบบของสมองนี ้ จ ะถู ก นำ ำ ออกมำใช้ อยู ่ เ สมอ
เอ็ ด เวิ
ร ์ ด เดอโบโน ให้ น ิ ย ำมของควำมคิ ด ว่ ำ ควำมคิ ด เป็ น กำรที ่ บ ุ ค คลได้ ส ำ ำ รวจ ตรวจสอบ ประสบกำรณ์ อ ย่ ำ งเจตนำ เพื ่ อ วั ต ถุ ป ระสงค์ อ ย่ ำ ง ใดอย่ ำ งหนึ ่ ง
เฮนรี กลำยท์ แ
มน นิ ย ำมควำมคิ ด คื อ กำร คิ ด เกี ่ ย วข้ อ งกั บ กำรให้ เ หตุ ผ ล กำรพิ น ิ จ พิ จ ำรณำ กำรตรึ ก ตรอง หรื อ กำรสะท้ อ นควำมรู ้ ส ึ ก ของ ตนเองที ่ ม ี ต ่ อ เรื ่ อ งต่ ำ ง ๆ ออกมำให้ ผ ู ้ อ ื ่ น รั บ รู ้
มำกำเร็ ต ดั
บ บลิ ว แมทลิ น กล่ ำ วว่ ำ ควำม คิ ด เป็ น กิ จ กรรมทำงสมองเป็ น กระบวนกำรทำง ปั ญ ญำ ซึ ่ ง ประกอบด้ ว ย กำรสั ม ผั ส กำรรั บ รู ้ กำร รวบรวม กำรจำ ำ กำรรื ้ อ ฟื ้ น ข้ อ มู ล เก่ ำ หรื อ ประสบกำรณ์
•ควำมคิ ด รวบยอด
(Concept) เป็ น ควำมคิ ด ที ่ เกิ ด จำกบุ ค คลพยำยำมจั ด วั ต ถุ สิ ่ ง ของ เหตุ ก ำรณ์ บุ ค คล และเรื ่ อ งอื ่ น ๆ เข้ ำ เป็ น กลุ ่ ม เป็ น พวกหรื อ เป็ น ชั ้ น โดยอำศั ย คุ ณ สมบั ต ิ ท ี ่ ม ี ร ่ ว มกั น อยู ่
2. ควำมคิ ด
ทำงตรรกศำสตร์ (Logical Thinking) เป็ น กระบวนกำรคิ ด ที ่ ป ระกอบด้ ว ย Thinking กำรใช้ เ หตุ ผ ล กฎเกณฑ์ รวมทั ้ ง กำรสร้ ำ งหลั ก กำรหรื อ กฎเกณฑ์ จ ำกเหตุ ผ ลซึ ่ ง มี อ ยู ่ แ ต่ เ ดิ ม นำ ำ มำสร้ ำ งควำมสั ม พั น ธ์ ก ั บ ควำมรู ้ ใ หม่
3. กำรคิ ด
แก้ ป ั ญ หำ (Problem Solving) Solving เป็ น กระบวนกำรคิ ด ในระดั บ สู ง ต้ อ งอำศั ย สติ ปั ญ ญำเข้ ำ มำช่ ว ยจั ด กำรเพื ่ อ ให้ ก ำรคิ ด เกิ ด ขึ ้ น ตำมขั ้ น ตอน เกิ ด ขึ ้ น จำกกำรที ่ บ ุ ค คลนำ ำ ควำมรู ้ ทั ก ษะจำกประสบกำรณ์ เ ก่ ำ มำสร้ ำ งควำมสั ม พั น ธ์ กั บ สิ ่ ง เร้ ำ ใหม่ เพื ่ อ สร้ ำ งหลั ก กำรหรื อ กฎเกณฑ์ อย่ ำ งถู ก ต้ อ งสำ ำ หรั บ กำรแก้ ป ั ญ หำ
4. กำรตั ด
สิ น ใจ (Decision Making) เกิ ด ขึ ้ น เมื ่ อ บุ ค คลต้ อ งเผชิ ญ กั บ ปั ญ หำและจะต้ อ งคิ ด หำ ทำงเลื อ กตั ้ ง แต่ ส องทำงขึ ้ น ไป และบุ ค คลจำ ำ เป็ น ต้ อ งเลื อ กทำงใดทำงหนึ ่ ง
5. กำรคิ ด
วิ เ ครำะห์ (Critical Thinking) เป็ น กำรคิ ด ที ่ อ ำศั ย กระบวนกำรทำงปั ญ ญำที ่ ซ ั บ ซ้ อ นหรื อ กระบวนกำรทำ ำ งำนของสมองในระดั บ ที ่ สู ง กว่ ำ กำรใช้ ค วำมคิ ด ตำมปกติ เป็ น กระบวนกำร คิ ด ที ่ เ กิ ด ขึ ้ น อย่ ำ งมี ร ะบบ ขั ้ น ตอน
6. โยนิ โ
สมนสิ ก ำร (Yonisomanasikara) เป็ น กำรคิ ด ที ่ อ ำศั ย กระบวนกำรทำงปั ญ ญำหรื อ กำรทำ ำ งำนของสมองในระดั บ สู ง เช่ น เดี ว กั บ กำร คิ ด วิ เ ครำะห์ เป็ น กำรคิ ด ตำมหลั ก พุ ท ธธรรม มี หลั ก กำรสำ ำ คั ญ คื อ ใช้ ส ติ ส ั ม ปชั ญ ญะเข้ ำ มำร่ ว ม ทำ ำ งำนกั บ ปั ญ หำในกระบวนกำรคิ ด คิ ด ทำ ำ ให้ กระบวนกำรคิ ด ไม่ ต กอยู ่ ใ ต้ อ ำ ำ นำจของอำรมณ์ ควำมรู ้ ส ึ ก ควำมต้ อ งกำรหรื อ ควำมอยำกในรู ป แบบต่ ำ ง ๆ ซึ ่ ง รู ้ จ ั ก กั น ในชื ่ อ ของอวิ ช ชำ (ควำม โง่ ) และตั ณ หำ (ควำมอยำก)
7. จิ น
ตนำกำร (Imagination) ควำมคิ ด ชนิ ด นี ้ เ กิ ด ขึ ้ น เมื ่ อ จิ ต ใจอยู ่ ใ นสภำวะสงบ หรื อ ปล่ อ ยวำง
8. สหั ช
ญำณ หรื อ ญำณทั ศ นะ (Intuition) คื อ ควำมสำมำรถหยั ่ ง รู ้ เ ป็ น พิ เ ศษ หรื อ ควำมสำมำรถ ในกำรกำ ำ หนดรู ้ ส ิ ่ ง ต่ ำ ง ๆ ซึ ่ ง มนุ ษ ย์ ท ุ ก คนมี ติ ด ตั ว มำแต่ ก ำ ำ เนิ ด และแสดงออกมำได้ จ ำกจิ ต ใจ ที ่ ม ี ส มำธิ
9. ควำมคิ ด สร้
ำ งสรรค์ (Creative Thinking) เป็ น ควำม คิ ด ที ่ เ กิ ด ขึ ้ น โดย อำศั ย จิ น ตนำกำรเป็ น พื ้ น ฐำนสำ ำ คั ญ โดย อำศั ย พื ้ น ฐำนจำก ประสบกำรณ์ เ ดิ ม คื อ ควำมรู ้ ข้ อ มู ล ข่ ำ วสำร บุ ค คลใช้ ท ั ้ ง ประสบกำรณ์ เ ดิ ม และ ปั ญ ญำในกำรจั ด สิ ่ ง ต่ ำ ง ๆ ขึ ้ น เป็ น รู ป แบบ
ควำมหมำยของควำมคิ ด สร้ ำ
งสรรค์ เอ็ดเวิร์ด ดี. โบโน กล่ำวว่ำ ควำมคิดสร้ำงสรรค์ หมำยถึงควำมสำมำรถใน กำรคิดนอกกรอบ (Lateral Thinking) เพือสร้ำงแนวคิด ่ ใหม่ทจะนำำมำใช้แก้ปัญหำ ี่ ได้หลำย ๆ แนวคิด และนำำ แนวคิดเหล่ำนีไปพัฒนำต่อ ้ เพื่อให้สำมำรถใช้แก้ปัญหำ ทีต้องกำรได้ ่
ควำมหมำยของควำมคิ ด สร้ ำ
งสรรค์ วอลลำซและโคแกน มี ควำมเชื่อว่ำควำมคิด สร้ำงสรรค์หมำยถึง ควำม สำมำรถทีจะคิด “โยงสัมพันธ์” ่ กล่ำวคือ เมือระลึกสิ่งใดได้ก็จะ ่ เป็นสะพำนให้ระลึกสิงอื่นได้ต่อ ่ ไป สัมพันธ์กันเป็นลูกโซ่
ควำมหมำยของควำมคิ ด สร้
ำ งสรรค์ ทอร์แรนซ์ ควำมคิดสร้ำงสรรค์ คือ กระบวน ประสำทสัมผัสอันฉับไวต่อปัญหำ ต่อสิงที่ขำดตกบกพร่อง ่ ต่อช่องว่ำงของควำมรู้ ต่อปัจจัยที่สญหำยไป ต่อสิ่งทีขำด ู ่ ควำมกลมกลืน
เป็ น ลั
ก ษณะควำมคิ ด แบบอเนกนั ย (Divergent thinking) คื อ กำรคิ ด หลำยๆ แง่ หลำย ๆ ทำง คิ ด ให้ ม ำกที ่ ส ุ ด ที ่ จ ะนึ ก ได้ กิ ล ฟอร์ ด คิ ด ว่ ำ คนที ่ ม ี ค วำมคิ ด แบบอเนก นั ย นั ้ น ต้ อ งมี ค ุ ณ สมบั ต ิ ด ั ง นี ้ ควำมคิ ด ริ เ ริ ่ ม (Originality) หมำยถึ ง ควำม คิ ด แปลก ๆ ใหม่ ๆ ที ่ แ ตกต่ ำ งจำกควำมคิ ด ธรรมดำของคนทั ่ ว ไป ไม่ ซ ำ ้ ำ ควำมคิ ด คนอื ่ น ๆ อำจเป็ น ควำมคิ ด ใหม่ ห รื อ ได้ จ ำกกำรดั ด แปลง ควำมคิ ด เดิ ม ของผู ้ อ ื ่ น ประยุ ก ต์ ใ ห้ เ ป็ น สิ ่ ง ใหม่
ควำมคิ ด ยื
ด หยุ ่ น (Flexibility) หมำยถึ ง ควำมสำมำรถที ่ จ ะคิ ด หำคำ ำ ตอบได้ อ ย่ ำ งคล่ อ งแคล่ ว ว่ อ งไว รวดเร็ ว และมี ค ำ ำ ตอบได้ จ ำ ำ นวนมำกที ่ ส ุ ด ใน เวลำจำ ำ กั ด
ทดสอบสมองซี ก ขวำ
หำหั ว คนใน ภำพนี ้ ในเวลำเท่ ำ ที ่ ค ุ ณ สำมำรถ จะทำ ำ ได้ ( แต่ ใ ห้ เ ร็ ว ที ่ ส ุ ด ) คุ ณ จะต้ อ งค้ น หำได้ เ พี ย งครั ้ ง เดี ย วเท่ ำ นั ้ น จนกว่ ำ จะเจอ 1. สำมำรถค้ น หำได้ ภ ำย ในเวลำ 25 วิ น ำที เป็ น คนที ่ ม ี ส มองข้ ำ งขวำดี ก ว่ ำ คนปกติ 2. สำมำรถค้ น หำได้ ภ ำย ในเวลำ 1 นำที สมองของคุ ณ พั ฒ นำตำมปกติ 3. หำกคุ ณ สำมำรถค้ น หำได้ ในเวลำ 1-3 นำที สมองข้ ำ งขวำของคุ ณ มี ป ฏิ ก ิ ร ิ ย ำช้ ำ ควร กิ น โปรตี น ให้ ม ำกขึ ้ น กว่ ำ เดิ ม 4. ค้ น หำเจอเกิ น กว่ ำ 3 นำที สมองมี ป ฏิ ก ิ ร ิ ย ำ
ควำมคิ ด ละเอี
ย ดลออ (Elaboration) หมำย (Elaboration ถึ ง กำรคิ ด ได้ ใ นรำยละเอี ย ด เพื ่ อ ขยำยหรื อ ตกแต่ ง ควำมคิ ด หลั ก ให้ ไ ด้ ค วำมหมำยที ่ ส มบู ร ณ์ ยิ ่ ง ขึ ้ น
ควำมคิ ด โยงใย
(Association) หมำยถึ ง ควำมสำมำรถในกำรคิ ด โยงใยต่ อ เชื ่ อ ม สำมำรถ คิ ด หำควำมคิ ด ที ่ ค ล้ ำ ยกั น หรื อ เหมื อ นกั น หรื อ มี ควำมสั ม พั น ธ์ เ ชื ่ อ มโยงเกี ่ ย วข้ อ งกั น ได้ ม ำกที ่ ส ุ ด
หมำยถึ ง วิ
ธ ี ค ิ ด หรื อ กระบวนกำรทำ ำ งำนของ สมองที ่ ม ี ข ั ้ น ตอนต่ ำ ง ๆ ในกำรคิ ด แก้ ป ั ญ หำจน สำ ำ เร็ จ เช่ น วอลลำส กล่ ำ วในหนั ง สื อ ของเขำ เรื ่ อ งศิ ล ปะกำรคิ ด มี ใจควำมว่ ำ กระบวนกำร ของควำมคิ ด สร้ ำ งสรรค์ เกิ ด จำกกำรคิ ด สิ ่ ง ใหม่ ๆ โดยกำรลองผิ ด ลองถู ก โดยแบ่ ง ไว้ 4 ขั ้ น ตอน คื อ •ขั ้ น เตรี ย มกำร (Preparation) เป็ น ขั ้ น
2. ขั ้
น ควำมคิ ด ฟั ก ตั ว (Incubation) เป็ น ขั ้ น ตอนที ่ อ ยู ่ ใ นควำมวุ ่ น วำยของข้ อ มู ล ต่ ำ ง ๆ ทั ้ ง เก่ ำ และใหม่ ป ะปนกั น
3. ขั ้
น ควำมคิ ด กระจ่ ำ งชั ด (Illumination) เป็ น ขั ้ น ที ่ ค วำมคิ ด สั บ สนต่ ำ ง ๆ ได้ ผ ่ ำ นกำรเรี ย บ เรี ย งและเชื ่ อ มโยงควำมสั ม พั น ธ์ ต ่ ำ ง ๆ เข้ ำ ด้ ว ย กั น ให้ ม ี ค วำมกระจ่ ำ งชั ด และสำมำรถมองเห็ น ภำพรวมของควำมคิ ด ได้
4. ขั ้
น ทดลองควำมคิ ด และพิ ส ู จ น์ ใ ห้ เ ห็ น จริ ง (Verification) เป็ น ขั ้ น ที ่ ร ั บ ควำมคิ ด จำกสำมขั ้ น แรกมำพิ ส ู จ น์ ว ่ ำ เป็ น ควำมคิ ด ที ่ จ ริ ง และถู ก ต้ อ ง หรื อ ไม่
•กำรระดมสมอง (Brainstorming) รวบรวม
ทำงเลื อ กต่ ำ ง ๆ
2. กำรปลู ก
ฝั ง ควำมกล้ ำ ที ่ จ ะทำ ำ สิ ่ ง สร้ ำ งสรรค์ ด้ ว ยกำรทดลองกำรตั ้ ง คำ ำ ถำมง่ ำ ยๆ
ดู ภ ำพข้
ำ งล่ ำ งพู ด ชื ่ อ สี ข อง แต่ ล ะคำ ำ ออกมำ เหลื อ ง นำ ้ ำ เงิ น ส้ ม ดำ ำ แดง เขี ย ว ม่ ว ง เหลื อ ง ส้ ม เขี ย ว ดำ ำ นำ ้ ำ เงิ น แดง ม่ ว ง เขี ย ว นำ ้ ำ เงิ น
3. กำรสร้ ำ
งควำมคิ ด ใหม่ โดยกำรแจกแจงวิ ธ ี กำรที ่ ส ำมำรถใช้ ใ นกำร แก้ ป ั ญ หำใดปั ญ หำหนึ ่ ง มำ 10 วิ ธ ี ก ำร
4. กำรตรวจสอบ ควำมคิ ด
เป็ น เทคนิ ค ที ่ ใ ช้ ใ นกำรค้ น หำ ควำมคิ ด หรื อ แนวทำงที ่ ใ ช้ ใ นกำร แก้ ป ั ญ หำต่ ำ ง ๆ ที ่ เกิ ด ขึ ้ น อย่ ำ งรวดเร็ ว
วิ ธ ี
ซ ิ เ นติ ก ส์ ์ ์ “ ซี เ นติ ก ส์ ์ เป็์ น คำ์ ำ์ ในภำษำกรี์ ก ์มี์ ค ์วำม ์์ ์ ์ ์ ์ ์ ์ ์ ์ ์ ์ ์ หมำยว่ ำ ม“ ““ “ “ “ “ “ “ ““ “ “ “ “ “ ” ” เทคนิ ค กำรเชื ่ อ ม “ “ “ กำรเสนอโดย บ W.J. Godon เป็ น วิ ธ ี ก ำร สร้ ำ งควำมคิ ด แผลง รรรร ร ร รร ร ร ร ร ร ร ร ร สร้ ำ งค ๆ ซึ ่ ร ตำมปกติ ม นุ ษ ย์ ง เรำนึ ก ไม่ ถ ึ ง ์ ์โดยกำรคิ์ ด ์ย้์ อ ์นไปมำเหมอน ์ ์ ์ ์ ์ ์ ์ ์ ์ ์ ์์ ์ ์ ์ ลู ก ตุ ้ ม นำฬิ ก ำที ่ แ กว่ ง อยู ่ ร ะหว่ ำ งควำม รู ้ ส ึ ก ที ่ ค ิ ด อย่ ำ งมี เ หตุ ม ี ผ ลกั บ กำรอุ ป มำ ำ เริ ่ ม ต้ น จำกวิ ธ ี ค ิ ด่ อย่ ำ งมี ต รรกะิ ดทำำำ งมี ต รรกะ ท เริ ม ต้ น จำกวิ ธ ี ค ำำ ำ ำ ำำ อย่กำร วิ เ ครำะห์ ส รรพสิ ่ ง โดยกำรสื บ สอบโมเดล ต่ ำ ง ลลลล ลล ลล ล ลล ล ล ลล ล ลล ลลลล ลล ล ๆ ทำ ำ ลล เ ป็ น ลั ล ษณะทั ่ ล ไป แล้ ล แปร ให้ ก ว ว เปลี ่ ย นสิ ่ ง ที ่ ไ ม่ ค ุ ้ น เคยให้ เ ป็ น สิ ่ ง ที ่ ค ุ ้ น เคย นนนนน นน นนนน นน นน ในขณะเดี ย วกั น ก็ น ำ ำ นนนนน นนนนน นน ท กำรอุ น มำแปร ป
วิธีซิเนติกส์มการอุปมา 4 วิธี
ดังนี้ ี 1. การอุปมาว่าเป็นคน ลองคิดดูว่าถ้าตนเองเป็นฝากระ ป๋อง 2. การอุปมาโดยตรง หยิบยกเอาสรรพสิ่งที่ดำารงอยู่ รอบตัวเรา ซึ่งมีความคล้ายคลึง กันขึ้นมาพิจารณา นำากฎเกณฑ์ ของสิ่งเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ เช่น ฝาหอยจุ๊บแจงคล้ายกับ อะไร 3. การอุปมาเชิง อุปมาจุดปัญหากับคำาพูดหรือ สัญลักษณ์ สัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น การปิด ประเทศเหมือนสัญลักษณ์เครื่อง กั้นปิดถนน 4. การอุปมาเชิง อุปมากับจินตนาการที่สร้างขึ้น จินตนาการ เองหรือสิ่งที่ไม่มีตัวตน เช่น ความคิดในนิยายกำาลังภายใน หรือนิทานอาหรับราตรี (วีรพจน์ ลือประสิทธิ์สกุล, 2538 : 156 – 157)
กำรคิ ด แก้
ป ั ญ หำ หมำยถึ ง กำรคิ ด ที ่ ม ี บ ท สรุ ป หลั ง จำกคิ ด เสร็ จ แล้ ว เป็ น กำรคิ ด หำทำง แก้ ไ ขอุ ป สรรคที ่ เ กิ ด ขึ ้ น เพื ่ อ ให้ บ รรลุ ถ ึ ง จุ ด มุ ่ ง หมำย
เจ พี กิ
ล ฟอร์ ด นั ก จิ ต วิ ท ยำได้ ก ล่ ำ วไว้ ว ่ ำ “ กำรมี ช ี ว ิ ต คื อ กำรมี ป ั ญ หำ และกำรแก้ ป ั ญ หำ คื อ ควำม เจริ ญ งอกงำมอย่ ำ งมี ส ติ ปั ญ ญำ “ โดยกล่ ำ วถึ ง บุ ค ลิ ก ภำพของคนที ่ ม ี ค วำม คิ ด สร้ ำ งสรรค์ ว ่ ำ ต้ อ งมี ควำมฉั บ ไวที ่ จ ะรู ้ ป ั ญ หำ และมองเห็ น ปั ญ หำ มี ค วำม ว่ อ งไว สำมำรถ เปลี ่ ย นแปลงควำมคิ ด ใหม่ ๆ ได้ ง ่ ำ ย
กำรคิ ด แก้
ป ั ญ หำอย่ ำ งสร้ ำ งสรรค์ ประกอบ ด้ ว ยกระบวนกำรคิ ด ขั ้ น ตอนต่ ำ ง ๆ 4 ขั ้ น ตอน คื อ •กำรค้ น หำควำมหมำยของปั ญ หำ (Define)
กำรคิ ด แก้
ป ั ญ หำอย่ ำ งสร้ ำ งสรรค์ ประกอบ ด้ ว ยกระบวนกำรคิ ด ขั ้ น ตอนต่ ำ ง ๆ 4 ขั ้ น ตอน คื อ •กำรเปิ ด ใจกว้ ำ งต่ อ ควำมเห็ น ที ่ ห ลำกหลำยเป็ น จำ ำ นวนมำก (Open)
กำรคิ ด แก้
ป ั ญ หำอย่ ำ งสร้ ำ งสรรค์ ประกอบ ด้ ว ยกระบวนกำรคิ ด ขั ้ น ตอนต่ ำ ง ๆ 4 ขั ้ น ตอน คื อ •กำรพิ ส ู จ น์ แ ยกแยะให้ ไ ด้ ค วำมคิ ด เห็ น ที ่ ด ี ท ี ่ ส ุ ด (Identify)
กำรคิ ด แก้
ป ั ญ หำอย่ ำ งสร้ ำ งสรรค์ ประกอบ ด้ ว ยกระบวนกำรคิ ด ขั ้ น ตอนต่ ำ ง ๆ 4 ขั ้ น ตอน คื อ •กำรเปลี ่ ย นควำมคิ ด เห็ น ให้ เ ป็ น กำรกระทำ ำ (Transform)
กำรคิ ด แก้
ป ั ญ หำอย่ ำ งสร้ ำ งสรรค์ ประกอบ ด้ ว ยกระบวนกำรคิ ด ขั ้ น ตอนต่ ำ ง ๆ 4 ขั ้ น ตอน คื อ •กำรเปลี ่ ย นควำมคิ ด เห็ น ให้ เ ป็ น กำรกระทำ ำ (Transform)
ถ้ ำ ดู
ย ั ง ไงๆ ก็ ห มุ น ตำม เข็ ม นำฬิ ก ำ แสดงว่ ำ นั ก ศึ ก ษำเป็ น คนช่ ำ งคิ ด ช่ ำ งฝั น มี ค วำมคิ ด สร้ ำ งสรรค์ เป็ น แนว ศิ ล ป์ และกำ ำ ลั ง ใช้ ส มอง ซี ก ขวำ แต่ ถ ้ ำ นั ก ศึ ก ษำดู ใ ห้ ด ี ดู อ ี ก ที ถ้ ำ หมุ น ทวนเข็ ม นำฬิ ก ำตะหำกล่ ะ แสดง ว่ ำ เป็ น คนอิ ง เหตุ อ ิ ง ผล มี ล อจิ ก เป็ น แนววิ ท ย์ และกำ ำ ลั ง ใช้ ส มองซี ก ซ้ ำ ย แต่ เ ดี ๋ ย วหมุ น ตำมเข็ ม เดี ๋ ย วก็ ห มุ น ทวนเข็ ม แสดงว่ ำ เป็ น มนุ ษ ย์ แ บบ ไหนกั น แน่ คิ ด เอำเอง
Publicité