SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  6
Télécharger pour lire hors ligne
ไดโนเสาร์
ไดโนเสาร์ (อังกฤษ: Dinosaur) เป็นชื่อเรียกโดยรวมของสัตว์ดึกดาบรรพ์ในอันดับใหญ่
Dinosauria ซึ่งเคยครองระบบนิเวศบนพื้นพิภพ ในมหายุคมีโซโซอิก เป็นเวลานานถึง 165
ล้านปี ก่อนจะสูญพันธุ์ ไปเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าไดโนเสาร์เป็นสัตว์เลื้อยคลาน
แต่อันที่จริงไดโนเสาร์เป็นสัตว์ในอันดับหนึ่งที่มีลักษณะก้ากึ่งระหว่าง สัตว์เลื้อยคลานและนกคาว่า
ไดโนเสาร์ ในภาษาอังกฤษ dinosaur ถูกตั้งขึ้นโดย เซอร์ ริชาร์ด โอเวน นักบรรพชีวินวิทยา
ชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นการผสมของคาในภาษากรีกสองคา คือคาว่า deinos (ใหญ่จนน่าสะพรึงกลัว)
และคาว่า sauros (สัตว์เลื้อยคลาน)หลายคนเข้าใจผิดว่า ไดโนเสาร์ คือสัตว์ที่อาศัยอยู่ในมหายุค
มีโซโซอิกทั้ง หมด แต่จริงๆ แล้ว ไดโนเสาร์ คือสัตว์ชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่บนพื้นดินเท่านั้น สัตว์บกบาง
ชนิดที่คล้ายไดโนเสาร์ สัตว์น้าและสัตว์ปีกที่มีลักษณะคล้ายไดโนเสาร์ ไม่ถือว่าเป็นไดโนเสาร์ เป็น
เพียงสัตว์ชนิดที่อาศัยอยู่ในยุคเดียวกับไดโนเสาร์เท่านั้นแม้ว่าไดโนเสาร์จะสูญพันธุ์ไปนานหลายล้าน
ปีแล้ว แต่คาว่าไดโนเสาร์ก็ยังเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะไดโนเสาร์นั้นนับว่า
เป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยปริศนาและความน่าอัศจรรย์เป็นอันมากนั่นเอง
ประวัติการค้นพบ
มนุษย์ค้นพบซากดึกดาบรรพ์ไดโนเสาร์ มาเป็นเวลานับพันปีแล้ว แต่ยังไม่มีผู้ใดเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า
เศษซากเหล่านี้เป็นของสัตว์ชนิดใด และพากันคาดเดาไปต่าง ๆ นานา ชาวจีนมีความคิดว่านี่คือ
กระดูกของมังกร ขณะที่ชาวยุโรปเชื่อว่านี่เป็นสิ่งหลงเหลือของสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปเมื่อครั้งเกิดน้าท่วมโลก
ครั้งใหญ่ จนกระทั่งเมื่อมีการค้นพบซากดึกดาบรรพ์ในปี ค.ศ. 1822 โดย กิเดียน แมนเทล นัก
ธรณีวิทยาชาวอังกฤษ ไดโนเสาร์ชนิดแรกของโลกจึงได้ถูกตั้งชื่อขึ้นว่า อิกัวโนดอน เนื่องจากซากดึกดา
บรรพ์นี้มีลักษณะละม้ายคล้ายคลึงกับโครงกระดูกของตัวอิกัวนาในปัจจุบัน
สองปีต่อมา วิลเลียม บักแลนด์ (William Buckland) ศาสตราจารย์ด้านธรณีวิทยา
ประจามหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ก็ได้เป็นคนแรกที่ตีพิมพ์ข้อเขียนอธิบายเกี่ยวกับไดโนเสาร์ในวารสาร
ทางวิทยาศาสตร์ โดยเป็นไดโนเสาร์ชนิด เมกะโลซอรัส บักแลนดี (Megalosaurus
bucklandii) และการศึกษาซากดึกดาบรรรพ์ของสัตว์พวกกิ้งก่า ขนาดใหญ่นี้ก็ได้รับความนิยม
เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งในยุโรปและอเมริกา
จากนั้นในปี ค.ศ. 1842 เซอร์ ริชาร์ด โอเวน เห็นว่าซากดึกดาบรรพ์ขนาดใหญ่ที่ถูกค้นพบมี
ลักษณะหลายอย่างร่วมกัน จึงได้บัญญัติคาว่า ไดโนเสาร์[1] เพื่อจัดให้สัตว์เหล่านี้อยู่ในกลุ่ม
อนุกรมวิธานเดียวกัน นอกจากนี้ เซอร์ริชาร์ด โอเวน ยังได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ
ขึ้น ที่เซาท์เคนซิงตัน กรุงลอนดอน เพื่อแสดงซากดึกดาบรรพ์ไดโนเสาร์ รวมทั้งหลักฐานทาง
ธรณีวิทยาและชีววิทยาอื่น ๆ ที่ถูกค้นพบ โดยได้รับการสนับสนุนจากเจ้าชายอัลเบิร์ตแห่งแซกซ์-โค
เบิร์ก-โกทา (Prince Albert of Saxe-Coburg-Gotha) พระสวามีของสมเด็จ
พระบรมราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร
จากนั้นมา ก็ได้มีการค้นหาซากดึกดาบรรพ์ไดโนเสาร์ในทุกทวีปทั่วโลก (รวมทั้งทวีปแอนตาร์กติกา)
ทุกวันนี้มีคณะสารวจซากดึกดาบรรพ์ไดโนเสาร์อยู่มากมาย ทาให้มีการค้นพบไดโนเสาร์ชนิดใหม่
เพิ่มขึ้นอีกเป็นจานวนมาก ประมาณว่ามีการค้นพบไดโนเสาร์ชนิดใหม่เพิ่มขี้นหนึ่งชนิดในทุกสัปดาห์
โดยทาเลทองในตอนนี้อยู่ที่ทางตอนใต้ของทวีปอเมริกาใต้ โดยเฉพาะประเทศอาร์เจนตินา และ
ประเทศจีน
ลักษณะทางชีววิทยา
ไดโนเสาร์เป็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดยักษ์ซึ่งพวกมันมีผิวหนังที่ปกคลุมเป็น เกล็ดเช่นเดียวกับ งู จระเข้
หรือ เต่า กระเพาะอาหารของไดโนเสาร์กินพืช มักมีขนาดใหญ่แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากเซลลูโลสของ
พืชทาให้บางครั้งมันจึง ต้องกลืนก้อนหินไปช่วยย่อย ส่วนไดโนเสาร์กินเนื้อจะย่อยอาหาร ได้เร็วกว่า
แต่กระนั้น ข้อมุลของไดโนเสาร์ยังไม่ทราบแน่ชัดนัก เนื่องจากไดโนเสาร์สูญพันธ์ไปหมดเหลือเพียง
ซากดึกดาบรรพ์ ดังนั้น นักบรรพชีวินวิทยาจึงต้องใช้ซากฟอสซิลนี้ในการสันนิษฐานของ ข้อมูลต่างๆ
พฤติกรรม การล่าเหยื่อ และการดารงชีวิตของไดโนเสาร์ขึ้นมาซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริงเท่าไร
นัก
วิวัฒนาการ
บรรพบุรุษของไดโนเสาร์คือ อาร์โคซอร์ (archosaur) ซึ่งไดโนเสาร์เริ่มแยกตัวออกมาจากอาร์
โคซอร์ในยุค ไทรแอสซิก ไดโนเสาร์ชนิดแรกถือกาเนิดขึ้นราวๆ 230 ล้านปีที่แล้ว หรือ 20 ล้านปี
หลังจากเกิดการสูญพันธุ์เพอร์เมียน-ไทรแอสซิก (Permian-Triassic extinction
event|Permian-Triassic extinction) ซึ่งคร่าชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลก
สมัยนั้นไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์
สายพันธุ์ไดโนเสาร์แพร่กระจายอย่างรวดเร็วหลังยุคไทรแอสซิก กล่าวได้ว่าในยุคทองของไดโนเสาร์
(ยุคจูแรสซิก และยุคครีเทเชียส) ทุกสิ่งมีชีวิตบนพื้นพิภพที่มีขนาดใหญ่กว่าหนึ่งเมตรคือไดโนเสาร์
จนกระทั่งเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว การการสูญพันธุ์ครีเทเชียส-เทอร์เทียรี (Cretaceous-
Tertiary extinction) ก็ได้กวาดล้างไดโนเสาร์จนสูญพันธุ์ เหลือเพียงไดโนเสาร์บางสาย
พันธุ์ที่เป็นบรรพบุรุษของนกในปัจจุบัน ยุคต่างๆของไดโนเสาร์
มหายุค เมโสโซอิค (Mesaozoic Era) 65-225 ล้านปี ในยุคนี้มี 3 ยุค คือ ยุค ไตรแอ
สสิก ยุคจูราสสิก ยุคครีเตเซียส และยุคซีโนโซอิกในยุคไตรแอสสิกนี้ สภาพอากาศในขณะนั้นจะมี
สภาพร้อนและแล้งมากขึ้นกว่าในอดีต ทาให้ต้นไม้ใหญ่น้อยในเขตร้อนสามารถเจริญเติบโตได้ ดีมาก
จนกระทั่ง "ไดโนเสาร์ ตัวแรก"ได้ถือกาเนิดขึ้นมาบนโลกนี้ ไดโนเสาร์กลุ่มแรกที่ได้กาเนิด ขึ้นมาจะมี
ขนาดเล็กเดิน 2 เท้า และมีลักษณะพิเศษ คือ เท้ามีลักษณะคล้ายกับเท้าของนก ต่อมา ในยุคจูรา
สสิกนี้ จัดว่าเป็นยุคที่เฟื่องฟูเป็นอย่างมาก บรรดาพืชพรรณธัญญาหารที่อุดมสมบูรณ์ ทาให้
ไดโนเสาร์จานวนมากขยายพันธุ์ไปอย่างรวดเร็ว ทาให้มีร่างกายใหญ่โต ซึ่งส่วนใหญ่จะกินพืช เป็น
อาหาร และยุคนี้ยังได้ ถือกาเนิด นก ขึ้นมาเป็นครั้งแรกอีกด้วย ต่อมาในยุคครีเตเชียสนี้ จัดว่า เป็นยุค
ที่ไดโนเสาร์นั้นรุ่งเรื่องที่สุด เพราะยุคนี้ไดโนเสาร์ ได้มีการพัฒนาพันธุ์ออกมาอย่างมากมาย
ยุคของไดโนเสาร์
ยุคไทรแอสสิก
การครอบ ครองโลกของไดโนเสาร์ในยุคนี้โลกถูกปกคลุมด้วยป่าไม้จานวนมาก พืชตระกูลที่ใช้สปอร์ใน
การขยายพันธ์ประสบความสาเร็จและมีวิวัฒนาการถึงขั้น สูงสุด ในป่ายุคไตรแอสสิกช่วงแรกนั้นมีสัตว์
ใหญ่ไม่มากนักสัตว์ปีกที่ใหญ่ที่สุดคือ แมลงปอยักษ์ที่ปีกกว้างถึง2ฟุตและได้ชื่อว่าเป็นนักล่าเวหาเพียง
ชนิดเดียว ของยุคนี้ เนื่องจากในช่วงปลายของยุคเปอร์เมียนเกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของสิ่งมี ชีวิตทา
ให้พวกสัตว์เลื้อยคลานกึ่งเลี้ยงลูกด้วยนมจานวนมาก สูญพันธุ์ไปพวกที่เหลือได้สืบทอดเผ่าพันธุ์มา
จนถึงต้นยุคไตรแอสสิกในกลุ่ม สัตว์เหล่านี้เจ้าซินนอกนาตัสเป็นสัตว์นักล่าที่น่าเกรงขามที่สุด ในหมู่
พวกมันและในช่วงนี้เองไดโนเสาร์ก็ถือกาเนิดขึ้นโดยพวกมันวิวัฒนาการมา จากสัตว์เลื้อยคลานที่เดิน
ด้วยขาหลังอย่างเจ้าธีโคดอนซึ่งถือกันว่าเป็น บรรพบุรุษของไดโนเสาร์ การสูญพันธ์ครั้งใหญ่ในยุค
เปอร์เมียนทาให้พวกมันสามารถขยายเผ่าพันธุ์ได้ อย่างมากมายในช่วงต้นยุคไตรแอสสิกและกลายมา
เป็นคู่แข่งของพวกสัตว์เลื้อย คลานกึ่งเลี้ยงลูกด้วยนมที่เหลือ ไดโนเสาร์ในยุคแรกเป็นพวกเดินสองขา
เช่น พลาทีโอซอร์ ไดโนเสาร์กินพืชคอยาวที่เป็นบรรพบุรุษของพวก ซอโรพอด หรือเจ้าซีโลไฟซิส
บรรพบุรุษของพวกกินเนื้อ นักล่าสองขาความสูง 1 เมตร การที่มันสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยสองขา
หลังทาให้พวกมันมีความคล่องตัวในการ ล่าสูงกว่า ซินนอกนาตัส หรืออีรีโทรซูคัสที่ยาวถึง 15 ฟุต
ซึ่งมีกรามขนาด ใหญ่และแข็งแรงนักล่าเหล่านี้ได้เปรียบซินนอกนาตัสและสัตว์เลื้อยคลานกึ่ง เลี้ยงลูก
ด้วยนมอื่นๆทาให้พวกนี้ต้องวิวัฒนาการให้มีขนาดเล็กลงเพื่อที่จะ หลบหนีพวกไดโนเสาร์ และหลีก
ทางให้เผ่าพันธุ์ไดโนเสาร์ก้าวมาครองโลกนี้แทนในที่สุด
ยุคจูราสสิก
ไดโนเสาร์ครอบครองโลกได้สาเร็จในตอนปลายยุคไตรแอสสิก จนเมื่อเข้าถึงยุคจูราสสิกพวกมันก็ขยาย
เผ่าพันธุ์ไปทั่วโลกในยุคนี้ผืนแผ่น ดินถูกปกคลุมด้วยพืชขนาดยักษ์จาพวกสนและเฟิร์นอย่างไรก็ตาม
ได้เริ่มมีพืชดอก ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงกลางของยุคนี้นับว่าเป็นจุดเริ่มของการขยาย พันธุ์
รูปแบบใ หม่ของพวกพืชในยุคจูราสสิกนับได้ว่าเป็นยุคที่พวกไดโนเสาร์คอยาวตระกูลซอโรพอด
(Sauropod)ขยายเผ่าพันธุ์อย่างกว้างขวางพวกมันเป็นไดโนเสาร์ ขนาดยักษ์สายพันธุ์ที่รู้จักกัน
ดีก็คือ แบรกคิโอซอรัส (Brachiosaurus) ดิปโพลโดคัส (Diplodocus) และอะแพท
โตซอรัส (Apatosaurus)หรืออีกชื่อคือบรอนโตซอรัสนอกจากนี้ยังมีชนิดอื่นๆอีกมากมาย
สัตว์ยักษ์เหล่านี้ครั้งหนึ่งถูกมองว่า เป็นสัตว์ที่โง่และไม่อาจป้องกันตัวจากสัตว์นักล่าได้ทว่าในปัจจุบัน
นัก โบราณคดีชีววิทยา (paleontology)เชื่อว่าพวกมันใช้หางที่หนาหนักศัตรูที่มาจู่โจมซึ่ง
นับว่า เป็นการตอบโต้ที่น่ายาเกรงไม่น้อยและเพราะหางที่ยาว และมีน้าหนักมากนี่เองที่ทาให้พวก
มันต้อง มีคอยาวเพื่อสร้างสมดุล ของสรีระของมัน
ยุคครีเตเซียส
ยุคครีเตเชียสเป็นยุคที่ต่อจากยุคจูแรสสิกสัตว์เลื้อยคลานเจริญมากในยุค นี้ ที่ประเทศอเมริกาก็มีการ
ค้นพบสัตว์ทะเลที่เคยอาศัยอยุ่ในช่วงเดียวกันกับ ไดโนเสาร์ได้แก่ พวกพลีสิโอซอร์เช่น อีลาสโมซอรัส
พวกกิ้งก่าทะเลโมซาซอร์อย่างไฮโนซอรัส และอาเครอนเป็นพวกเต่าอาศัยอยู่ในทะเล บนท้องฟ้าก็
มีเคอาร์โคโทรุสซึ่งมีขนาดปีกยาวถึง 15 เมตร บินอยู่มากมายยุคนี้เป็นยุคที่ไดโนเสาร์มีการพัฒนา
ตัวเองอย่างมาก พวกซอริสเชียนที่กินเนื้อมีตัวขนาดใหญ่ได้แก่ อัลเบอร์โตซอรัส ไทรันโนซอรัส
ปรากฏ ในยุคนี้มีลักษณะดังนี้ไทรันโนซอรัสนั้นมีเล็บที่ขาหลังใหญ่โตและมีฟันแหลม ยาวประมาณ
13 เซนติเมตร เพื่อใช้จับเหยื่อพวกซอริสเชียนที่กินทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหารก็ได้แก่ ออนิโตมิมัสพวก
ออร์นิธิสเชียนมักจะเป็นพวกกินพืชพวกที่ถูกค้นพบครั้งแรกก็ ได้แก่ อิกัวโนดอน แล้วก็พบ ฮิพุชิโรโฟ
ดอน และ ฮาโดโรซอรัส พวกออร์นิธิสเชียน ได้แก่ ไทรเซอราทอปส์ แองคิโลซอรัส พบเจริญอยู่
มากมาย แต่ว่าก่อนจะหมดยุคครีเตเชียส นั้นอากาศก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไดโนเสาร์บางพวกเริ่มตายลง
และสูญพันธุ์หลังจาก ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปแล้วสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมก็มีบทบาทขึ้นมาบนโลก
การจัดจาแนก
ไดโนเสาร์ถูกแบ่งออกเป็นสองอันดับใหญ่ ๆ ตามลักษณะโครงสร้างของกระดูกเชิงกราน คือ
Saurischia (เรียกไดโนเสาร์ในอันดับนี้ว่า ซอริสเชียน) ซึ่งมีลักษณะกระดูกเชิงกรานแบบ
สัตว์เลื้อยคลาน มีทั้งพวกกินพืชและกินสัตว์ และ :en:Ornithischia|Ornithischia
(เรียกไดโนเสาร์ในอันดับนี้ว่า ออร์นิทิสเชียน) มีกระดูกเชิงกรานแบบนกและเป็นพวกกินพืชทั้งหมด
[2]
 ไดโนเสาร์สะโพกสัตว์เลื้อยคลาน หรือ ซอริสเชียน (จากภาษากรีก แปลว่าสะโพกสัตว์พวก
กิ้งก่า) เป็นไดโนเสาร์ที่คงโครงสร้างของกระดูกเชิงกรานตามบรรพบุรุษ ซอริสเชียนรวมไปถึง
ไดโนเสาร์เทอโรพอด (theropod) (ไดโนเสาร์กินเนื้อเดินสองขา) และซอโรพอด
(sauropod) (ไดโนเสาร์กินพืชคอยาว)
 ไดโนเสาร์สะโพกนก หรือ ออร์นิทิสเชียน (จากภาษากรีก แปลว่าสะโพกนก) เป็นไดโนเสาร์
อีกอันดับหนึ่ง ส่วนใหญ่เดินสี่ขา และกินพืช
ไดโนเสาร์ในวัฒนธรรมสมัยนิยม
แม้ว่ายุคสมัยของไดโนเสาร์สิ้นสุดลงเป็นเวลาหลายสิบล้านปีแล้ว แต่ปัจจุบันไดโนเสาร์ยังคงปรากฏอยู่
ในวัฒนธรรมสมัยนิยมและวิถีชีวิตประจาวันของมนุษย์ นิยายหลายเล่มมีการกล่าวถึงไดโนเสาร์ เช่น
เพชรพระอุมา ของ พนมเทียน, เดอะลอสต์เวิลด์ (:en:The Lost World (Arthur
Conan Doyle)|The Lost World) ของ เซอร์ อาเทอร์ โคแนน ดอยล์, และ "จูราส
สิค พาร์ค" (ซึ่งถ้าสะกดตามหลักการถ่ายคาต้องสะกดเป็น จูแรสซิกพาร์ก) ของ ไมเคิล ไครช์ตัน
(Michael Crichton) ไม่เพียงแต่ในหนังสือนิยายเท่านั้น การ์ตูนสาหรับเด็กก็มีการ
กล่าวถึงไดโนเสาร์ด้วยเช่นกัน เช่นในเรื่อง มนุษย์หินฟลินท์สโตน (The Flintstones) โด
ราเอมอน ตารวจกาลเวลาและก๊องส์
นอกจากนี้ ไดโนเสาร์ยังได้ปรากฏตัวอยู่ในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น คิงคอง (ปี ค.ศ. 1933)
และ จูราสสิค พาร์ค (ปี ค.ศ. 1993) ซึ่งภาพยนตร์เรื่องหลังนี้ดัดแปลงมาจากนิยายของ ไมเคิล
ไครช์ตัน และประสบความสาเร็จอย่างสูง เป็นการปลุกกระแสไดโนเสาร์ให้คนทั่วไปหันมาสนใจกัน
มากขึ้น ในปีค.ศ. 2000 Walt Disney ได้นาไดโนเสาร์มาสร้างเป็น ภาพยนตร์แอนิเมชัน
ชื่อเรื่องว่า Dinosaur
โครงกระดูกไดโนสาร์ทีเร็กซู ขณะจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ที่ชิคาโก
โครงกระดูกไดโนสาร์ทีเร็กซู ขณะจัดแสดงที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติที่คลอง 5
ปทุมธานี
ในปี 2549 มีภาพยนตร์เรื่องเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Natural
History Museum) ชื่อ Night at the Museum ของ ชอน เลวี่ (Shawn
Levy) มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับสิ่งต่างๆในพิพิธภัณฑ์ที่ต้องคาสาบให้กลับมีชีวิต ขึ้นมาในตอนกลางคืน
มีตัวเอกตัวหนึ่งเป็นไดโนเสาร์ชื่อซู (Sue) ซึ่งเป็นโครงกระดูกไดโนเสาร์ทีเร็กที่มีความสมบูรณ์ที่สุด
มีขนาดลาตัวยาวกว่า 12.8 เมตร และความสูงถึงสะโพก 4 เมตร [3] ปัจจุบันจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์
Field Museum ที่ชิคาโก
ระหว่าง 23 กรกฎาคม - 30 กันยายน พ.ศ. 2550 ทางองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์
แห่งชาติ (อพวช) ได้นาโครงกระดูกของซู มาจัดแสดงร่วมกับไดโนสาร์ที่พบในประเทศไทย ที่
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ คลอง5 ปทุมธานี
ในประเทศไทย ไดโนเสาร์ได้รับเลือกให้เป็นสัตว์ประจาจังหวัดของจังหวัดขอนแก่น ส่วนในภาษาไทย
นั้น ไดโนเสาร์มีความหมายนัยประหวัดสาหรับใช้เรียกคนหัวโบราณ ล้าสมัย และน่าจะสูญพันธุ์ไปตั้ง
นานแล้ว บ้างก็ใช้ว่า ไดโนเสาร์เต่าล้านปี

Contenu connexe

Tendances

แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการ
แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการ
แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการWan Ngamwongwan
 
บทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตฟลุ๊ค ลำพูน
 
Kingdom for knowledge บทที่ 2
Kingdom for knowledge บทที่ 2 Kingdom for knowledge บทที่ 2
Kingdom for knowledge บทที่ 2 Choom' B't
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพSupaluk Juntap
 
Caterpillar
CaterpillarCaterpillar
Caterpillaricechat
 
อาณาจักรสัตว์
อาณาจักรสัตว์อาณาจักรสัตว์
อาณาจักรสัตว์sirieiei
 
1วิวัฒนาการ
1วิวัฒนาการ1วิวัฒนาการ
1วิวัฒนาการWan Ngamwongwan
 
อาณาจักรของสิ่งมีชีวิต
อาณาจักรของสิ่งมีชีวิตอาณาจักรของสิ่งมีชีวิต
อาณาจักรของสิ่งมีชีวิตSumalee Khvamsuk
 
ซากดึกดำบรรพ์ที่พบในประเทศไทย
ซากดึกดำบรรพ์ที่พบในประเทศไทยซากดึกดำบรรพ์ที่พบในประเทศไทย
ซากดึกดำบรรพ์ที่พบในประเทศไทยAphichati-yas
 
วิวัฒนาการ
วิวัฒนาการวิวัฒนาการ
วิวัฒนาการsupreechafkk
 
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตOui Nuchanart
 
วิวัฒนาการ
วิวัฒนาการวิวัฒนาการ
วิวัฒนาการWichai Likitponrak
 

Tendances (17)

แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการ
แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการ
แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการ
 
Taxonomy
TaxonomyTaxonomy
Taxonomy
 
บทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
 
Kingdom for knowledge บทที่ 2
Kingdom for knowledge บทที่ 2 Kingdom for knowledge บทที่ 2
Kingdom for knowledge บทที่ 2
 
Animal55
Animal55Animal55
Animal55
 
Taxonomy
TaxonomyTaxonomy
Taxonomy
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพ
 
Caterpillar
CaterpillarCaterpillar
Caterpillar
 
อาณาจักรสัตว์
อาณาจักรสัตว์อาณาจักรสัตว์
อาณาจักรสัตว์
 
1วิวัฒนาการ
1วิวัฒนาการ1วิวัฒนาการ
1วิวัฒนาการ
 
10 intro-taxonomy
10 intro-taxonomy10 intro-taxonomy
10 intro-taxonomy
 
อาณาจักรของสิ่งมีชีวิต
อาณาจักรของสิ่งมีชีวิตอาณาจักรของสิ่งมีชีวิต
อาณาจักรของสิ่งมีชีวิต
 
nam
namnam
nam
 
ซากดึกดำบรรพ์ที่พบในประเทศไทย
ซากดึกดำบรรพ์ที่พบในประเทศไทยซากดึกดำบรรพ์ที่พบในประเทศไทย
ซากดึกดำบรรพ์ที่พบในประเทศไทย
 
วิวัฒนาการ
วิวัฒนาการวิวัฒนาการ
วิวัฒนาการ
 
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
 
วิวัฒนาการ
วิวัฒนาการวิวัฒนาการ
วิวัฒนาการ
 

En vedette

ข้อสอบ ฟิสิกส์
ข้อสอบ ฟิสิกส์ข้อสอบ ฟิสิกส์
ข้อสอบ ฟิสิกส์patamaporn605
 
ธรณีกาล605
ธรณีกาล605ธรณีกาล605
ธรณีกาล605Fluofern
 
ข้อสอบอังกฤษ
ข้อสอบอังกฤษข้อสอบอังกฤษ
ข้อสอบอังกฤษsutanwa28
 
ข้อสอบไทย 7วิชาสามัญ
ข้อสอบไทย 7วิชาสามัญข้อสอบไทย 7วิชาสามัญ
ข้อสอบไทย 7วิชาสามัญpreawptp
 
ข้อสอบสังคม
ข้อสอบสังคมข้อสอบสังคม
ข้อสอบสังคมCharisma An
 
ข้อสอบ เคมี
ข้อสอบ เคมีข้อสอบ เคมี
ข้อสอบ เคมีzweetiiz
 
Bisuteria
BisuteriaBisuteria
Bisuteriaabisofi
 
Presskit - Mint Events (2)
Presskit - Mint Events (2)Presskit - Mint Events (2)
Presskit - Mint Events (2)Blake Morris
 
Mat 540 week 5 quiz 3
Mat 540 week 5  quiz 3  Mat 540 week 5  quiz 3
Mat 540 week 5 quiz 3 getwisdom
 
Nantucket Lightship Press Kit v5
Nantucket Lightship Press Kit v5Nantucket Lightship Press Kit v5
Nantucket Lightship Press Kit v5Blake Morris
 

En vedette (13)

ข้อสอบ ฟิสิกส์
ข้อสอบ ฟิสิกส์ข้อสอบ ฟิสิกส์
ข้อสอบ ฟิสิกส์
 
ธรณีกาล605
ธรณีกาล605ธรณีกาล605
ธรณีกาล605
 
ใบความรู้เรื่องBlog
ใบความรู้เรื่องBlogใบความรู้เรื่องBlog
ใบความรู้เรื่องBlog
 
ข้อสอบอังกฤษ
ข้อสอบอังกฤษข้อสอบอังกฤษ
ข้อสอบอังกฤษ
 
ข้อสอบไทย 7วิชาสามัญ
ข้อสอบไทย 7วิชาสามัญข้อสอบไทย 7วิชาสามัญ
ข้อสอบไทย 7วิชาสามัญ
 
ข้อสอบคณิต
ข้อสอบคณิตข้อสอบคณิต
ข้อสอบคณิต
 
ข้อสอบสังคม
ข้อสอบสังคมข้อสอบสังคม
ข้อสอบสังคม
 
ข้อสอบ เคมี
ข้อสอบ เคมีข้อสอบ เคมี
ข้อสอบ เคมี
 
Bisuteria
BisuteriaBisuteria
Bisuteria
 
9 17
9 179 17
9 17
 
Presskit - Mint Events (2)
Presskit - Mint Events (2)Presskit - Mint Events (2)
Presskit - Mint Events (2)
 
Mat 540 week 5 quiz 3
Mat 540 week 5  quiz 3  Mat 540 week 5  quiz 3
Mat 540 week 5 quiz 3
 
Nantucket Lightship Press Kit v5
Nantucket Lightship Press Kit v5Nantucket Lightship Press Kit v5
Nantucket Lightship Press Kit v5
 

Similaire à ไดโนเสาร

หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศหน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศmaleela
 
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศหน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศcrunui
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศJira Boonjira
 
Astronomy 03
Astronomy 03Astronomy 03
Astronomy 03Chay Kung
 
2. ความหลากหลายทางชีวภาพ
2. ความหลากหลายทางชีวภาพ2. ความหลากหลายทางชีวภาพ
2. ความหลากหลายทางชีวภาพSubaidah Yunuh
 
งานนำเสนอ2
งานนำเสนอ2งานนำเสนอ2
งานนำเสนอ2chirapa
 
วิวัฒนาการ
วิวัฒนาการวิวัฒนาการ
วิวัฒนาการLPRU
 
1(1) แมลงสาบ (แมลงล้านปี ชีวีคงกระพัน)
1(1) แมลงสาบ (แมลงล้านปี ชีวีคงกระพัน)1(1) แมลงสาบ (แมลงล้านปี ชีวีคงกระพัน)
1(1) แมลงสาบ (แมลงล้านปี ชีวีคงกระพัน)โนเนม กานต์ภพ
 
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตOui Nuchanart
 
ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม
ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม
ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมkrudararad
 
ปลาฉลามขาว
ปลาฉลามขาวปลาฉลามขาว
ปลาฉลามขาวpeetchinnathan
 
ยุโรป วารสาร v1.2 [37 หน้า]
ยุโรป  วารสาร v1.2 [37 หน้า]ยุโรป  วารสาร v1.2 [37 หน้า]
ยุโรป วารสาร v1.2 [37 หน้า]ssuserd22157
 
กำจัดปลวกและที่มาของปลวก
กำจัดปลวกและที่มาของปลวกกำจัดปลวกและที่มาของปลวก
กำจัดปลวกและที่มาของปลวกpyopyo
 
Evolution human
Evolution humanEvolution human
Evolution humanBio Teach
 
สัตว์สงวน15ชนิด
สัตว์สงวน15ชนิดสัตว์สงวน15ชนิด
สัตว์สงวน15ชนิดPang Pond
 

Similaire à ไดโนเสาร (20)

หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศหน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
 
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศหน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
 
ecosystem
ecosystemecosystem
ecosystem
 
04 017 p51
04 017 p5104 017 p51
04 017 p51
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
 
Biodiversity
BiodiversityBiodiversity
Biodiversity
 
Astronomy 03
Astronomy 03Astronomy 03
Astronomy 03
 
2. ความหลากหลายทางชีวภาพ
2. ความหลากหลายทางชีวภาพ2. ความหลากหลายทางชีวภาพ
2. ความหลากหลายทางชีวภาพ
 
งานนำเสนอ2
งานนำเสนอ2งานนำเสนอ2
งานนำเสนอ2
 
วิวัฒนาการ
วิวัฒนาการวิวัฒนาการ
วิวัฒนาการ
 
1(1) แมลงสาบ (แมลงล้านปี ชีวีคงกระพัน)
1(1) แมลงสาบ (แมลงล้านปี ชีวีคงกระพัน)1(1) แมลงสาบ (แมลงล้านปี ชีวีคงกระพัน)
1(1) แมลงสาบ (แมลงล้านปี ชีวีคงกระพัน)
 
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
 
ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม
ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม
ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม
 
ปลาฉลามขาว
ปลาฉลามขาวปลาฉลามขาว
ปลาฉลามขาว
 
Manybio
ManybioManybio
Manybio
 
ยุโรป วารสาร v1.2 [37 หน้า]
ยุโรป  วารสาร v1.2 [37 หน้า]ยุโรป  วารสาร v1.2 [37 หน้า]
ยุโรป วารสาร v1.2 [37 หน้า]
 
กำจัดปลวกและที่มาของปลวก
กำจัดปลวกและที่มาของปลวกกำจัดปลวกและที่มาของปลวก
กำจัดปลวกและที่มาของปลวก
 
Evolution human
Evolution humanEvolution human
Evolution human
 
ธรณีประวัติ
ธรณีประวัติธรณีประวัติ
ธรณีประวัติ
 
สัตว์สงวน15ชนิด
สัตว์สงวน15ชนิดสัตว์สงวน15ชนิด
สัตว์สงวน15ชนิด
 

Plus de FoFour Thirawit (20)

ใบงาน2
ใบงาน2ใบงาน2
ใบงาน2
 
งานคอม 2
งานคอม 2งานคอม 2
งานคอม 2
 
งานคอม
งานคอมงานคอม
งานคอม
 
9 17
9 179 17
9 17
 
K16
K16K16
K16
 
K15
K15K15
K15
 
K14
K14K14
K14
 
K13
K13K13
K13
 
K12
K12K12
K12
 
K11
K11K11
K11
 
K10
K10K10
K10
 
K9
K9K9
K9
 
K17
K17K17
K17
 
ใบงานสำรวจตนเอง M6 (1)
ใบงานสำรวจตนเอง M6 (1)ใบงานสำรวจตนเอง M6 (1)
ใบงานสำรวจตนเอง M6 (1)
 
ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
7 eng1
7 eng17 eng1
7 eng1
 
7 bio1
7 bio17 bio1
7 bio1
 
เคมี
เคมีเคมี
เคมี
 
7 soc1
7 soc17 soc1
7 soc1
 

ไดโนเสาร

  • 1. ไดโนเสาร์ ไดโนเสาร์ (อังกฤษ: Dinosaur) เป็นชื่อเรียกโดยรวมของสัตว์ดึกดาบรรพ์ในอันดับใหญ่ Dinosauria ซึ่งเคยครองระบบนิเวศบนพื้นพิภพ ในมหายุคมีโซโซอิก เป็นเวลานานถึง 165 ล้านปี ก่อนจะสูญพันธุ์ ไปเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าไดโนเสาร์เป็นสัตว์เลื้อยคลาน แต่อันที่จริงไดโนเสาร์เป็นสัตว์ในอันดับหนึ่งที่มีลักษณะก้ากึ่งระหว่าง สัตว์เลื้อยคลานและนกคาว่า ไดโนเสาร์ ในภาษาอังกฤษ dinosaur ถูกตั้งขึ้นโดย เซอร์ ริชาร์ด โอเวน นักบรรพชีวินวิทยา ชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นการผสมของคาในภาษากรีกสองคา คือคาว่า deinos (ใหญ่จนน่าสะพรึงกลัว) และคาว่า sauros (สัตว์เลื้อยคลาน)หลายคนเข้าใจผิดว่า ไดโนเสาร์ คือสัตว์ที่อาศัยอยู่ในมหายุค มีโซโซอิกทั้ง หมด แต่จริงๆ แล้ว ไดโนเสาร์ คือสัตว์ชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่บนพื้นดินเท่านั้น สัตว์บกบาง ชนิดที่คล้ายไดโนเสาร์ สัตว์น้าและสัตว์ปีกที่มีลักษณะคล้ายไดโนเสาร์ ไม่ถือว่าเป็นไดโนเสาร์ เป็น เพียงสัตว์ชนิดที่อาศัยอยู่ในยุคเดียวกับไดโนเสาร์เท่านั้นแม้ว่าไดโนเสาร์จะสูญพันธุ์ไปนานหลายล้าน ปีแล้ว แต่คาว่าไดโนเสาร์ก็ยังเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะไดโนเสาร์นั้นนับว่า เป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยปริศนาและความน่าอัศจรรย์เป็นอันมากนั่นเอง ประวัติการค้นพบ มนุษย์ค้นพบซากดึกดาบรรพ์ไดโนเสาร์ มาเป็นเวลานับพันปีแล้ว แต่ยังไม่มีผู้ใดเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า เศษซากเหล่านี้เป็นของสัตว์ชนิดใด และพากันคาดเดาไปต่าง ๆ นานา ชาวจีนมีความคิดว่านี่คือ กระดูกของมังกร ขณะที่ชาวยุโรปเชื่อว่านี่เป็นสิ่งหลงเหลือของสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปเมื่อครั้งเกิดน้าท่วมโลก ครั้งใหญ่ จนกระทั่งเมื่อมีการค้นพบซากดึกดาบรรพ์ในปี ค.ศ. 1822 โดย กิเดียน แมนเทล นัก ธรณีวิทยาชาวอังกฤษ ไดโนเสาร์ชนิดแรกของโลกจึงได้ถูกตั้งชื่อขึ้นว่า อิกัวโนดอน เนื่องจากซากดึกดา บรรพ์นี้มีลักษณะละม้ายคล้ายคลึงกับโครงกระดูกของตัวอิกัวนาในปัจจุบัน สองปีต่อมา วิลเลียม บักแลนด์ (William Buckland) ศาสตราจารย์ด้านธรณีวิทยา ประจามหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ก็ได้เป็นคนแรกที่ตีพิมพ์ข้อเขียนอธิบายเกี่ยวกับไดโนเสาร์ในวารสาร
  • 2. ทางวิทยาศาสตร์ โดยเป็นไดโนเสาร์ชนิด เมกะโลซอรัส บักแลนดี (Megalosaurus bucklandii) และการศึกษาซากดึกดาบรรรพ์ของสัตว์พวกกิ้งก่า ขนาดใหญ่นี้ก็ได้รับความนิยม เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งในยุโรปและอเมริกา จากนั้นในปี ค.ศ. 1842 เซอร์ ริชาร์ด โอเวน เห็นว่าซากดึกดาบรรพ์ขนาดใหญ่ที่ถูกค้นพบมี ลักษณะหลายอย่างร่วมกัน จึงได้บัญญัติคาว่า ไดโนเสาร์[1] เพื่อจัดให้สัตว์เหล่านี้อยู่ในกลุ่ม อนุกรมวิธานเดียวกัน นอกจากนี้ เซอร์ริชาร์ด โอเวน ยังได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ขึ้น ที่เซาท์เคนซิงตัน กรุงลอนดอน เพื่อแสดงซากดึกดาบรรพ์ไดโนเสาร์ รวมทั้งหลักฐานทาง ธรณีวิทยาและชีววิทยาอื่น ๆ ที่ถูกค้นพบ โดยได้รับการสนับสนุนจากเจ้าชายอัลเบิร์ตแห่งแซกซ์-โค เบิร์ก-โกทา (Prince Albert of Saxe-Coburg-Gotha) พระสวามีของสมเด็จ พระบรมราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร จากนั้นมา ก็ได้มีการค้นหาซากดึกดาบรรพ์ไดโนเสาร์ในทุกทวีปทั่วโลก (รวมทั้งทวีปแอนตาร์กติกา) ทุกวันนี้มีคณะสารวจซากดึกดาบรรพ์ไดโนเสาร์อยู่มากมาย ทาให้มีการค้นพบไดโนเสาร์ชนิดใหม่ เพิ่มขึ้นอีกเป็นจานวนมาก ประมาณว่ามีการค้นพบไดโนเสาร์ชนิดใหม่เพิ่มขี้นหนึ่งชนิดในทุกสัปดาห์ โดยทาเลทองในตอนนี้อยู่ที่ทางตอนใต้ของทวีปอเมริกาใต้ โดยเฉพาะประเทศอาร์เจนตินา และ ประเทศจีน ลักษณะทางชีววิทยา ไดโนเสาร์เป็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดยักษ์ซึ่งพวกมันมีผิวหนังที่ปกคลุมเป็น เกล็ดเช่นเดียวกับ งู จระเข้ หรือ เต่า กระเพาะอาหารของไดโนเสาร์กินพืช มักมีขนาดใหญ่แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากเซลลูโลสของ พืชทาให้บางครั้งมันจึง ต้องกลืนก้อนหินไปช่วยย่อย ส่วนไดโนเสาร์กินเนื้อจะย่อยอาหาร ได้เร็วกว่า แต่กระนั้น ข้อมุลของไดโนเสาร์ยังไม่ทราบแน่ชัดนัก เนื่องจากไดโนเสาร์สูญพันธ์ไปหมดเหลือเพียง ซากดึกดาบรรพ์ ดังนั้น นักบรรพชีวินวิทยาจึงต้องใช้ซากฟอสซิลนี้ในการสันนิษฐานของ ข้อมูลต่างๆ พฤติกรรม การล่าเหยื่อ และการดารงชีวิตของไดโนเสาร์ขึ้นมาซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริงเท่าไร นัก วิวัฒนาการ บรรพบุรุษของไดโนเสาร์คือ อาร์โคซอร์ (archosaur) ซึ่งไดโนเสาร์เริ่มแยกตัวออกมาจากอาร์ โคซอร์ในยุค ไทรแอสซิก ไดโนเสาร์ชนิดแรกถือกาเนิดขึ้นราวๆ 230 ล้านปีที่แล้ว หรือ 20 ล้านปี หลังจากเกิดการสูญพันธุ์เพอร์เมียน-ไทรแอสซิก (Permian-Triassic extinction event|Permian-Triassic extinction) ซึ่งคร่าชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลก สมัยนั้นไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์
  • 3. สายพันธุ์ไดโนเสาร์แพร่กระจายอย่างรวดเร็วหลังยุคไทรแอสซิก กล่าวได้ว่าในยุคทองของไดโนเสาร์ (ยุคจูแรสซิก และยุคครีเทเชียส) ทุกสิ่งมีชีวิตบนพื้นพิภพที่มีขนาดใหญ่กว่าหนึ่งเมตรคือไดโนเสาร์ จนกระทั่งเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว การการสูญพันธุ์ครีเทเชียส-เทอร์เทียรี (Cretaceous- Tertiary extinction) ก็ได้กวาดล้างไดโนเสาร์จนสูญพันธุ์ เหลือเพียงไดโนเสาร์บางสาย พันธุ์ที่เป็นบรรพบุรุษของนกในปัจจุบัน ยุคต่างๆของไดโนเสาร์ มหายุค เมโสโซอิค (Mesaozoic Era) 65-225 ล้านปี ในยุคนี้มี 3 ยุค คือ ยุค ไตรแอ สสิก ยุคจูราสสิก ยุคครีเตเซียส และยุคซีโนโซอิกในยุคไตรแอสสิกนี้ สภาพอากาศในขณะนั้นจะมี สภาพร้อนและแล้งมากขึ้นกว่าในอดีต ทาให้ต้นไม้ใหญ่น้อยในเขตร้อนสามารถเจริญเติบโตได้ ดีมาก จนกระทั่ง "ไดโนเสาร์ ตัวแรก"ได้ถือกาเนิดขึ้นมาบนโลกนี้ ไดโนเสาร์กลุ่มแรกที่ได้กาเนิด ขึ้นมาจะมี ขนาดเล็กเดิน 2 เท้า และมีลักษณะพิเศษ คือ เท้ามีลักษณะคล้ายกับเท้าของนก ต่อมา ในยุคจูรา สสิกนี้ จัดว่าเป็นยุคที่เฟื่องฟูเป็นอย่างมาก บรรดาพืชพรรณธัญญาหารที่อุดมสมบูรณ์ ทาให้ ไดโนเสาร์จานวนมากขยายพันธุ์ไปอย่างรวดเร็ว ทาให้มีร่างกายใหญ่โต ซึ่งส่วนใหญ่จะกินพืช เป็น อาหาร และยุคนี้ยังได้ ถือกาเนิด นก ขึ้นมาเป็นครั้งแรกอีกด้วย ต่อมาในยุคครีเตเชียสนี้ จัดว่า เป็นยุค ที่ไดโนเสาร์นั้นรุ่งเรื่องที่สุด เพราะยุคนี้ไดโนเสาร์ ได้มีการพัฒนาพันธุ์ออกมาอย่างมากมาย ยุคของไดโนเสาร์ ยุคไทรแอสสิก การครอบ ครองโลกของไดโนเสาร์ในยุคนี้โลกถูกปกคลุมด้วยป่าไม้จานวนมาก พืชตระกูลที่ใช้สปอร์ใน การขยายพันธ์ประสบความสาเร็จและมีวิวัฒนาการถึงขั้น สูงสุด ในป่ายุคไตรแอสสิกช่วงแรกนั้นมีสัตว์ ใหญ่ไม่มากนักสัตว์ปีกที่ใหญ่ที่สุดคือ แมลงปอยักษ์ที่ปีกกว้างถึง2ฟุตและได้ชื่อว่าเป็นนักล่าเวหาเพียง ชนิดเดียว ของยุคนี้ เนื่องจากในช่วงปลายของยุคเปอร์เมียนเกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของสิ่งมี ชีวิตทา ให้พวกสัตว์เลื้อยคลานกึ่งเลี้ยงลูกด้วยนมจานวนมาก สูญพันธุ์ไปพวกที่เหลือได้สืบทอดเผ่าพันธุ์มา จนถึงต้นยุคไตรแอสสิกในกลุ่ม สัตว์เหล่านี้เจ้าซินนอกนาตัสเป็นสัตว์นักล่าที่น่าเกรงขามที่สุด ในหมู่ พวกมันและในช่วงนี้เองไดโนเสาร์ก็ถือกาเนิดขึ้นโดยพวกมันวิวัฒนาการมา จากสัตว์เลื้อยคลานที่เดิน ด้วยขาหลังอย่างเจ้าธีโคดอนซึ่งถือกันว่าเป็น บรรพบุรุษของไดโนเสาร์ การสูญพันธ์ครั้งใหญ่ในยุค เปอร์เมียนทาให้พวกมันสามารถขยายเผ่าพันธุ์ได้ อย่างมากมายในช่วงต้นยุคไตรแอสสิกและกลายมา เป็นคู่แข่งของพวกสัตว์เลื้อย คลานกึ่งเลี้ยงลูกด้วยนมที่เหลือ ไดโนเสาร์ในยุคแรกเป็นพวกเดินสองขา เช่น พลาทีโอซอร์ ไดโนเสาร์กินพืชคอยาวที่เป็นบรรพบุรุษของพวก ซอโรพอด หรือเจ้าซีโลไฟซิส บรรพบุรุษของพวกกินเนื้อ นักล่าสองขาความสูง 1 เมตร การที่มันสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยสองขา หลังทาให้พวกมันมีความคล่องตัวในการ ล่าสูงกว่า ซินนอกนาตัส หรืออีรีโทรซูคัสที่ยาวถึง 15 ฟุต ซึ่งมีกรามขนาด ใหญ่และแข็งแรงนักล่าเหล่านี้ได้เปรียบซินนอกนาตัสและสัตว์เลื้อยคลานกึ่ง เลี้ยงลูก
  • 4. ด้วยนมอื่นๆทาให้พวกนี้ต้องวิวัฒนาการให้มีขนาดเล็กลงเพื่อที่จะ หลบหนีพวกไดโนเสาร์ และหลีก ทางให้เผ่าพันธุ์ไดโนเสาร์ก้าวมาครองโลกนี้แทนในที่สุด ยุคจูราสสิก ไดโนเสาร์ครอบครองโลกได้สาเร็จในตอนปลายยุคไตรแอสสิก จนเมื่อเข้าถึงยุคจูราสสิกพวกมันก็ขยาย เผ่าพันธุ์ไปทั่วโลกในยุคนี้ผืนแผ่น ดินถูกปกคลุมด้วยพืชขนาดยักษ์จาพวกสนและเฟิร์นอย่างไรก็ตาม ได้เริ่มมีพืชดอก ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงกลางของยุคนี้นับว่าเป็นจุดเริ่มของการขยาย พันธุ์ รูปแบบใ หม่ของพวกพืชในยุคจูราสสิกนับได้ว่าเป็นยุคที่พวกไดโนเสาร์คอยาวตระกูลซอโรพอด (Sauropod)ขยายเผ่าพันธุ์อย่างกว้างขวางพวกมันเป็นไดโนเสาร์ ขนาดยักษ์สายพันธุ์ที่รู้จักกัน ดีก็คือ แบรกคิโอซอรัส (Brachiosaurus) ดิปโพลโดคัส (Diplodocus) และอะแพท โตซอรัส (Apatosaurus)หรืออีกชื่อคือบรอนโตซอรัสนอกจากนี้ยังมีชนิดอื่นๆอีกมากมาย สัตว์ยักษ์เหล่านี้ครั้งหนึ่งถูกมองว่า เป็นสัตว์ที่โง่และไม่อาจป้องกันตัวจากสัตว์นักล่าได้ทว่าในปัจจุบัน นัก โบราณคดีชีววิทยา (paleontology)เชื่อว่าพวกมันใช้หางที่หนาหนักศัตรูที่มาจู่โจมซึ่ง นับว่า เป็นการตอบโต้ที่น่ายาเกรงไม่น้อยและเพราะหางที่ยาว และมีน้าหนักมากนี่เองที่ทาให้พวก มันต้อง มีคอยาวเพื่อสร้างสมดุล ของสรีระของมัน ยุคครีเตเซียส ยุคครีเตเชียสเป็นยุคที่ต่อจากยุคจูแรสสิกสัตว์เลื้อยคลานเจริญมากในยุค นี้ ที่ประเทศอเมริกาก็มีการ ค้นพบสัตว์ทะเลที่เคยอาศัยอยุ่ในช่วงเดียวกันกับ ไดโนเสาร์ได้แก่ พวกพลีสิโอซอร์เช่น อีลาสโมซอรัส พวกกิ้งก่าทะเลโมซาซอร์อย่างไฮโนซอรัส และอาเครอนเป็นพวกเต่าอาศัยอยู่ในทะเล บนท้องฟ้าก็ มีเคอาร์โคโทรุสซึ่งมีขนาดปีกยาวถึง 15 เมตร บินอยู่มากมายยุคนี้เป็นยุคที่ไดโนเสาร์มีการพัฒนา ตัวเองอย่างมาก พวกซอริสเชียนที่กินเนื้อมีตัวขนาดใหญ่ได้แก่ อัลเบอร์โตซอรัส ไทรันโนซอรัส ปรากฏ ในยุคนี้มีลักษณะดังนี้ไทรันโนซอรัสนั้นมีเล็บที่ขาหลังใหญ่โตและมีฟันแหลม ยาวประมาณ 13 เซนติเมตร เพื่อใช้จับเหยื่อพวกซอริสเชียนที่กินทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหารก็ได้แก่ ออนิโตมิมัสพวก ออร์นิธิสเชียนมักจะเป็นพวกกินพืชพวกที่ถูกค้นพบครั้งแรกก็ ได้แก่ อิกัวโนดอน แล้วก็พบ ฮิพุชิโรโฟ ดอน และ ฮาโดโรซอรัส พวกออร์นิธิสเชียน ได้แก่ ไทรเซอราทอปส์ แองคิโลซอรัส พบเจริญอยู่ มากมาย แต่ว่าก่อนจะหมดยุคครีเตเชียส นั้นอากาศก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไดโนเสาร์บางพวกเริ่มตายลง และสูญพันธุ์หลังจาก ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปแล้วสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมก็มีบทบาทขึ้นมาบนโลก การจัดจาแนก ไดโนเสาร์ถูกแบ่งออกเป็นสองอันดับใหญ่ ๆ ตามลักษณะโครงสร้างของกระดูกเชิงกราน คือ Saurischia (เรียกไดโนเสาร์ในอันดับนี้ว่า ซอริสเชียน) ซึ่งมีลักษณะกระดูกเชิงกรานแบบ สัตว์เลื้อยคลาน มีทั้งพวกกินพืชและกินสัตว์ และ :en:Ornithischia|Ornithischia
  • 5. (เรียกไดโนเสาร์ในอันดับนี้ว่า ออร์นิทิสเชียน) มีกระดูกเชิงกรานแบบนกและเป็นพวกกินพืชทั้งหมด [2]  ไดโนเสาร์สะโพกสัตว์เลื้อยคลาน หรือ ซอริสเชียน (จากภาษากรีก แปลว่าสะโพกสัตว์พวก กิ้งก่า) เป็นไดโนเสาร์ที่คงโครงสร้างของกระดูกเชิงกรานตามบรรพบุรุษ ซอริสเชียนรวมไปถึง ไดโนเสาร์เทอโรพอด (theropod) (ไดโนเสาร์กินเนื้อเดินสองขา) และซอโรพอด (sauropod) (ไดโนเสาร์กินพืชคอยาว)  ไดโนเสาร์สะโพกนก หรือ ออร์นิทิสเชียน (จากภาษากรีก แปลว่าสะโพกนก) เป็นไดโนเสาร์ อีกอันดับหนึ่ง ส่วนใหญ่เดินสี่ขา และกินพืช ไดโนเสาร์ในวัฒนธรรมสมัยนิยม แม้ว่ายุคสมัยของไดโนเสาร์สิ้นสุดลงเป็นเวลาหลายสิบล้านปีแล้ว แต่ปัจจุบันไดโนเสาร์ยังคงปรากฏอยู่ ในวัฒนธรรมสมัยนิยมและวิถีชีวิตประจาวันของมนุษย์ นิยายหลายเล่มมีการกล่าวถึงไดโนเสาร์ เช่น เพชรพระอุมา ของ พนมเทียน, เดอะลอสต์เวิลด์ (:en:The Lost World (Arthur Conan Doyle)|The Lost World) ของ เซอร์ อาเทอร์ โคแนน ดอยล์, และ "จูราส สิค พาร์ค" (ซึ่งถ้าสะกดตามหลักการถ่ายคาต้องสะกดเป็น จูแรสซิกพาร์ก) ของ ไมเคิล ไครช์ตัน (Michael Crichton) ไม่เพียงแต่ในหนังสือนิยายเท่านั้น การ์ตูนสาหรับเด็กก็มีการ กล่าวถึงไดโนเสาร์ด้วยเช่นกัน เช่นในเรื่อง มนุษย์หินฟลินท์สโตน (The Flintstones) โด ราเอมอน ตารวจกาลเวลาและก๊องส์ นอกจากนี้ ไดโนเสาร์ยังได้ปรากฏตัวอยู่ในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น คิงคอง (ปี ค.ศ. 1933) และ จูราสสิค พาร์ค (ปี ค.ศ. 1993) ซึ่งภาพยนตร์เรื่องหลังนี้ดัดแปลงมาจากนิยายของ ไมเคิล ไครช์ตัน และประสบความสาเร็จอย่างสูง เป็นการปลุกกระแสไดโนเสาร์ให้คนทั่วไปหันมาสนใจกัน มากขึ้น ในปีค.ศ. 2000 Walt Disney ได้นาไดโนเสาร์มาสร้างเป็น ภาพยนตร์แอนิเมชัน ชื่อเรื่องว่า Dinosaur โครงกระดูกไดโนสาร์ทีเร็กซู ขณะจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ที่ชิคาโก โครงกระดูกไดโนสาร์ทีเร็กซู ขณะจัดแสดงที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติที่คลอง 5 ปทุมธานี ในปี 2549 มีภาพยนตร์เรื่องเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Natural History Museum) ชื่อ Night at the Museum ของ ชอน เลวี่ (Shawn
  • 6. Levy) มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับสิ่งต่างๆในพิพิธภัณฑ์ที่ต้องคาสาบให้กลับมีชีวิต ขึ้นมาในตอนกลางคืน มีตัวเอกตัวหนึ่งเป็นไดโนเสาร์ชื่อซู (Sue) ซึ่งเป็นโครงกระดูกไดโนเสาร์ทีเร็กที่มีความสมบูรณ์ที่สุด มีขนาดลาตัวยาวกว่า 12.8 เมตร และความสูงถึงสะโพก 4 เมตร [3] ปัจจุบันจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ Field Museum ที่ชิคาโก ระหว่าง 23 กรกฎาคม - 30 กันยายน พ.ศ. 2550 ทางองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ แห่งชาติ (อพวช) ได้นาโครงกระดูกของซู มาจัดแสดงร่วมกับไดโนสาร์ที่พบในประเทศไทย ที่ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ คลอง5 ปทุมธานี ในประเทศไทย ไดโนเสาร์ได้รับเลือกให้เป็นสัตว์ประจาจังหวัดของจังหวัดขอนแก่น ส่วนในภาษาไทย นั้น ไดโนเสาร์มีความหมายนัยประหวัดสาหรับใช้เรียกคนหัวโบราณ ล้าสมัย และน่าจะสูญพันธุ์ไปตั้ง นานแล้ว บ้างก็ใช้ว่า ไดโนเสาร์เต่าล้านปี