More Related Content Similar to ชีววิทยาเรื่องระบบประสาท Nervous system (20) More from kasidid20309 (20) ชีววิทยาเรื่องระบบประสาท Nervous system 1. TOPICS
1. Obtaining and digesting of food
(Digestive system)
2. Gas exchange: breathing system
(Respiratory system)
3. Internal transport
(Circulatory system)
4. Immune system
5. The control of internal environment
6. Chemical control
(Endocrine system)
7. Nervous system and the sense
8. Animal locomotion
2. 7. NERVOUS SYSTEM AND THE SENSE
-เซลล์ ประสาท (neuron or nerve cell) เป็ นเซลล์ ท่ ีมีคุณสมบัตในการเปลี่ยนแปลง
ิ
พลังงานจากรู ปแบบหนึ่งไปเป็ นอีกรู ปแบบหนึ่ง (transducer) เช่ นเปลี่ยนจาก
สารเคมี ความร้ อน และความดันที่มากระตุ้น (stimulus) ให้ เป็ นสัญญาณไฟฟา ้
(electrical signal) ที่เรี ยกว่ า nerve impulse หรื อ action potential
4. Dendrite
-dendrite นาคาสั่ง/ข้ อมูลจากเซลล์ อ่ ืนในรู ปของ
สัญญาณไฟฟามายัง cell body (ทาหน้ าที่คล้ ายเสา
้
อากาศ)
-มักมีแขนงสันๆ จานวนมาก เพื่อให้ มีพนที่ผิว
้ ื้
มากและสามารถรั บข้ อมูลได้ มากๆ ก่ อนจะ
ส่ งข้ อมูลไปยัง cell body
-มี polyribosome (or Nissl body) อยู่ในบริเวณที่
dendrite รั บข้ อมูล
-คาสั่งอาจจะส่ งหรื อไม่ ส่งต่ อไปยังaxon ขึนอยู่
้
กับความแรงของสัญญาณว่ าถึง threshold
หรื อไม่
-ในเซลล์ ประสาทที่ไม่ มี dendrite จะรั บข้ อมูล
โดยตรงทาง cell body
5. Cell body
-Cell body หรื อ soma รั บข้ อมูลจาก dendrite และส่ งคาสั่ง
ต่ อไปยัง axon (ทาหน้ าที่คล้ าย maintenance site)
-ประกอบด้ วย nucleus&organelle ต่ าง ๆ เหมือนเซลล์ ท่ ัวไป
-ganglion (ganglia):การเข้ ามารวมกลุ่มกันของnerve cell
body ในบริเวณ PNS เช่ นที่ dorsal root ganglion (or
sensory ganglion)
-Nucleus (nuclei):การเข้ ามารวมกลุ่มกันของnerve cell body
ในสมอง (CNS)ของสัตว์ มีกระดูกสันหลัง
6. Axon
-axon นาคาสั่งในรู ปของ action potential จาก
cell bodyไปยังเซลล์ /neuron อื่น (ทา
หน้ าที่คล้ ายสายเคเบิล) นอกจากนียังทาหน้ าที่
้
ขนส่ งสารที่ cell body สร้ างไปยัง axon
ending หรื อจาก axon ending cell body
-axon เชื่อมต่ อกับ cell body ตรงบริเวณที่
เรี ยกว่ า axon hillox
-axon hillox: รวบรวมสัญญาณที่ส่งมาจาก
dendrite และก่ อให้ เกิด action potential (ถ้ า
สัญญาณที่รวบรวมได้ ไม่ถึง threshold ก็ไม่เกิด action
potential)
-Nerve: มัดของ axons หลายๆอันมารวมกัน
7. Synaptic terminal
-synaptic terminal (axon ending):ส่ วนปลายของaxon ทาหน้ าที่หลั่งสาร
neurotransmitter
-synapse:บริเวณที่ synaptic terminal ไปสัมผัสกับเซลล์ เปาหมาย(neuron/effector)
้
-เซลล์ ท่ ีส่งสัญญาณเรี ยก presynaptic cell
-เซลล์ เปาหมายเรี ยก postsynaptic cell (จะมี receptorต่อneurotransmitterของ presynaptic cell)
้
8. เปรียบเทียบความแตกต่ างระหว่ าง axon และ dendrite
Axon Dendrite
1.นาข้ อมูล/สัญญาณออกจากเซลล์ 1.นาข้ อมูล/สัญญาณเข้ าสู่เซลล์
2.smooth surface 2.rough surface (dendritic spine)
3.มี 1 axon/cell 3.ส่ วนใหญ่ มีมากกว่ า 1 dendrite/cell
4.ไม่ มี ribosome 4.มี ribosome
5.มี myelin 5.ไม่ มี myelin
6.มีการแตกแขนงในตาแหน่ งที่ห่างจาก 6.แตกแขนงในตาแหน่ งที่ใกล้ กับ
cell body cell body
9. Supporting cell or glial cells or glia
-Glia:ทาหน้ าที่คาจุนเซลล์ ประสาท มีจานวนมากกว่ าเซลล์ ประสาท 10-50 เท่ า ไม่ มี
้
บทบาทในการส่ งสัญญาณประสาท
-Astrocyte:glia cellในCNSเกิดtight junctionรอบๆcapillary ทาให้ เกิด Blood-brain barrier
-Oligodendrocyte(ในCNS)และSchwann cell (ในPNS): glial cell ที่เป็ นmyelin sheath
11. Neuron แบ่ งเป็ น 3 ชนิด ตามการนาคาสั่ง
1. Receptor (sensory) neuron อาจทาหน้ าที่
เป็ นตัวรั บในการรั บสิ่งเร้ าโดยตรง (เป็ น
receptor neuron) เช่ น olfactory nerve cells
หรื อรั บคาสั่งจาก receptor cell (เช่ น
photoreceptor cell) อีกทีหนึ่ง (เป็ น sensory
neuron) แล้ วแปลคาสั่งจากสิ่งเร้ าในรู ปแบบ
ต่ างๆเป็ น electrical signal ส่ งไปยังinterneuron
หรื อ motor neuron โดยตรง
2.Interneuron รั บข้ อมูลจาก receptor neuron,
sensory neuron หรื อ interneuron อื่น
รวบรวมข้ อมูล แปลผล และส่ งคาสั่งไปยัง
motor neuron
3.Effector (motor) neuron นาคาสั่งในการ
ตอบสนองจาก interneuron ไปยัง effector
cells
12. การทางานของระบบประสาท จะประสานงานกัน 3 ส่ วน
1.ส่ วนที่รับสัญญาณเข้ า (sensory input) จาก sensory receptor
2.ส่ วนที่รวบรวมและแปลผล (integration center): CNS PNS
3.ส่ วนที่ส่งสัญญาณออก (motor output) ไปยัง effector cells
13. Reflex arc
sensory receptor sensory neuron integration center
effector motor neuron or interneuron
บริเวณที่มี interneuronรวม
กันมากที่สดคือสมอง
ุ
14. Membrane potential
-membrane potential: ความต่ างศักย์ ท่ ีเยื่อเซลล์
เนื่องจากความแตกต่ างของอิออน ภายใน-นอก
เซลล์ (Na+ K+ Cl- และโปรตีน) ปกติมีค่า= -50 ถึง
-100 mV (ค่าติดลบหมายถึงภายในเซลล์มีขวเป็ นลบเมื่อ
ั้
เทียบกับนอกเซลล์)
-สามารถวัดได้ โดยใช้ microelectrode ต่ อกับ
voltmeter หรื อoscilloscope หรื อใช้
micromanipulator วัด
-membrane potential ของเซลล์ ประสาทขณะที่ยัง
ไม่ ถกกระตุ้นเรี ยก
ู
resting potential
15. -Chemically-gated ion channels: เป็ นประตูท่ ีเปิ ด-ปิ ดเมื่อได้ รับการกระตุ้นจาก
สารเคมี เช่ น neurotransmitter โดย gated ion channel จะจาเพาะต่ อ ion ชนิดใด
ชนิดหนึ่งเท่ านัน
้
-Voltage-gated ion channels: เป็ นประตูท่ ีเปิ ด-ปิ ดจากการกระตุ้นของ membrane
potential
16. Hyperpolarization และ depolarization
Hyperpolarization: เป็ นการเพิ่ม
ศักย์ ไฟฟาที่เยื่อเซลล์ เช่ น จาก
้
การเปิ ดของ K+ channel, K+
เคลื่อนออกจากเซลล์ เพิ่มขึน ทา ้
ให้ ภายในเยื่อเซลล์ มีประจุเป็ น
ลบเพิ่มขึน (-70mV
้ -90mV)
Depolarization: เป็ นการลด
ศักย์ ไฟฟาที่เยื่อเซลล์ เช่ น จาก
้
การเปิ ดของ Na+ channel, Na+
เคลื่อนเข้ าสู่เซลล์ เพิ่มขึน ทาให้
้
ภายในเยื่อเซลล์ มีประจุเป็ นลบ
ลดลง(-70mV -50mV)
Graded potential การเปลี่ยนแปลงศักย์ ไฟฟา ้
(hyper & depolarization) ตามความแรงของสิ่งเร้ า
17. Action potential
-action potential: การเปลี่ยนแปลง membrane potential อย่ างรวดเร็วของเซลล์
ประสาทเมื่อได้ รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้ า ที่ทาให้ เกิด depolarization จนถึงระดับ
threshold potential
-เกิดที่ axon เท่ านัน และเป็ นแบบ all-or-none
้
แบ่ งเป็ น 5 ระยะดังนี ้
1.Resting state
2.Threshold
3.Depolarization
4.Repolarization
5.Undershoot
18. ระยะที่ 1: Resting State
-ทัง voltage-gated Na+ และ K+
้
channel ปิ ด ไม่ เกิดการ
เปลี่ยนแปลงต่ อ membrane’s
resting potential
19. ระยะที่ 2: Threshold
-สิ่ งเร้ ามากระตุ้น ทาให้ Na+ channel
บางส่ วนเปิ ด ถ้ าการไหลของ Na+ เข้ าสู่
เซลล์ มากพอจนถึงระดับ threshold
potential จะกระตุ้น Na+ gate เปิ ดมากขึน ้
และกระตุ้นให้ เกิด action potential
20. ระยะที่ 3: Depolarization
-activation gate ของ
Na+ channel เปิ ด แต่ K+
channelยังคงปิ ดอยู่
ดังนันการเคลื่อนที่ของ
้
Na+เข้ าภายในเซลล์ จง ึ
ทาให้ ภายในเซลล์ มี
ประจุเป็ นบวกมากขึน ้
(หรื อเป็ นลบลดลง)
21. ระยะที่ 4: Repolarization
-inactivation gate ของ
Na+ channel ปิ ด และ
K+ channel เปิ ด ทาให้
Na+ไม่ สามารถเคลื่อนเข้ าสู่
ภายในเซลล์ ได้ อีก ในขณะที่ K+จะ
เคลื่อนออกนอกเซลล์ จึงทาให้ ภายใน
เซลล์ มีประจุเป็ นลบเพิ่มขึน กลับคืนสู่
้
สภาวะ resting membrane potential
22. ระยะที่ 5: Undershoot
repolarizationและundershoot = refractory period
-gate ทังสองอันของ Na+ ปิ ด แต่ K+ channel ยังเปิ ดอยู่ (relatively slow gate) จึงทา
้
ให้ ภายในเซลล์ มีประจุลดลงต่ากว่ า resting membrane potential หลังจากนันเซลล์
้
จะกลับสู่สภาวะปกติ(Na+-K+ pump)และพร้ อมจะตอบสนองต่ อการกระตุ้นลาดับถัดไป
23. Propagation of action potential
1.ขณะที่ เกิด action potential (ในตาแหน่ งที่ 1) N+
เคลื่อนเข้ าสู่ภายในเซลล์ ซึ่ง Na+ ที่เคลื่อนเข้ ามา
ภายในเซลล์ จะแพร่ ไปยังบริเวณข้ างเคียง(ตาแหน่ งที่
2) และสามารถกระตุ้นให้ บริเวณข้ างเคียงเกิด
depolarization และ action potential ได้ ในที่สุด
2.ขณะที่ ตาแหน่ งที่ 2 เกิด action potential ในตาแหน่ ง
ที่ 1 จะเกิด repolarization (refractory period) จึงทา
ให้ ไม่ สามารถเกิด action potential ในทิศทาง
ย้ อนกลับได้
3.หลังจากนัน action potential จะเคลื่อนไปสู่
้
ตาแหน่ งที่ 3 และตาแหน่ งที่ 2 จะเกิด refractory
period และ ตาแหน่ งที่ 1 จะกลับสู่สภาวะ resting
stage ต่ อไป
-การเคลื่ อนของ action potential บน axon จึง
เคลื่อนไปในทิศทางเดียว(ออกจาก cell body)
เท่ านัน้
24. Saltatory conduction
-ความเร็วในการเคลื่อนของaction potential ไปตาม axon จะขึนอยู่กับความกว้ าง
้
ของ axon ยิ่งกว้ างยิ่งเคลื่อนได้ เร็ว
-แต่ ในพวก myelinated axon ถึงแม้ จะมีขนาดเล็กแต่ action potential ก็เคลื่อนได้ เร็ว
-ใน myelinated axon การเกิด action potential จะเกิดระหว่ าง node of Ranvier หนึ่ง
ไปยังอีก node หนึ่ง เพราะการเคลื่อนที่ของ Na+ และ K+ เข้ า-ออกจากเซลล์ เกิดได้
เฉพาะบริเวณ node of Ranvier เท่ านัน ลักษณะนีเ้ รี ยก saltatory conduction
้
25. Electrical synapse
-บริเวณ presynatic membrane และ postsynaptic membrane เชื่อมต่ อกันด้ วย gap
junction ดังนัน ion current จากaction potential จึงสามารถเคลื่อนจากเซลล์
้
ประสาทหนึ่งไปยังอีกเซลล์ หนึ่งได้ โดยตรง
Presynaptic membrane Postsynaptic membrane
26. Chemical synapse
1.action potential ที่ synaptic terminal ทาให้ เกิด Ca+ influx
2.synaptic vesicle รวมกับเยื่อเซลล์
3.หลั่ งneurotransmitter สู่ synaptic cleft และเคลื่อนไปจับกับ
ตัวรับที่ postsynatic membrane
4.การจับทาให้ ion channel (เช่ น Na+) เปิ ด, Na+ เคลื่อนเข้ าใน
เซลล์ เกิด depolarization
27. The organization of neurons into systems
The simple circuits: nerve nets
-สัตว์ พวกแรกที่เริ่มมีระบบประสาทที่
แท้ จริงคือ cnidarians เรี ยก nerve net
-ในดาวทะเล ระบบประสาทจะ
ซับซ้ อนขึน โดยจะมี nerve ring เชื่อม
้
กับ radial nerve ที่เชื่อมอยู่กับ nerve
net ในแต่ ละแขนของดาวทะเลอีกที
หนึ่ง
28. Complex circuits
-สิ่ งมีชีวตตังแต่ พวกหนอนตัวแบนเป็ นต้ นไป จะมีการรวมกันของเซลล์ ประสาท
ิ ้
(ganglion) ที่บริเวณหัว เรี ยก cephalization
-พลานาเรี ยจะมีการเรี ยงตัวของเส้ นประสาทบริเวณด้ านข้ างลาตัวทัง 2 ข้ างและจะมี
้
เส้ นประสาทเชื่อม เรี ยก transverse nerve
-ตังแต่ พวกหนอนตัวกลมขึนไป จะมีการเรี ยงตัวของเส้ นประสาทอยู่ทางด้ านท้ อง
้ ้
เรี ยก ventral nerve cord
-ในแมลงมีการรวมกันของเซลล์ ประสาท เรี ยก glangion ในแต่ ละข้ อปล้ องของลาตัว
30. ระบบประสาทในสัตว์ มีกระดูกสันหลัง
ระบบประสาทแบ่ งเป็ น
1.ระบบประสาทส่ วนกลาง
(Central nervous system; CNS):
สมองและไขสันหลัง ทาหน้ าที่
รวบรวมและแปลผลข้ อมูล
2.ระบบประสาทรอบนอก
(Peripheral nervous system; PNS):
เส้ นประสาทสมอง(cranial nerve)
เส้ นประสาทไขสันหลัง(spinal
nerve) และปมประสาท (ganglia)
ทาหน้ าที่นาสัญญาณประสาท
เข้ า-ออก CNS และควบคุมการ
เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้ อม
ภายในร่ างกาย
31. Peripheral Nervous System
-ในสัตว์ เลียงลูกด้ วยนมมี cranial nerve
้
12 คู่ spinal nerve 31 คู่
-cranial nerve ส่ วนใหญ่ & spinal nerve
ทังหมด ประกอบด้ วย sensory & motor
้
neuron ยกเว้ น olfactory & optic nerve
เป็ นเฉพาะ sensory nerve
-sensory division ประกอบด้ วย
sensory neuron นาคาสั่งจาก
sensory receptor ไปยัง CNS
-motor division ประกอบด้ วย motor neuron นา
คาสั่งจาก CNS ไปยัง effector cells
-SNS นาคาสั่งไปยัง skeletal muscle เพื่อตอบสนองต่ อ external stimuli
-ANS นาคาสั่งไปยัง smooth & cardiac muscle เพื่อตอบสนองต่ อ external stimuli
32. การทางานของระบบประสาท จะประสานงานกัน 3 ส่ วน
1.ส่ วนที่รับสัญญาณเข้ า (sensory input) จาก sensory receptor
2.ส่ วนที่รวบรวมและแปลผล (integration center): CNS PNS
3.ส่ วนที่ส่งสัญญาณออก (motor output) ไปยัง effector cells
33. Parasympathetic and sympathetic nervous system
-parasympathetic และ
sympathetic มักจะทางาน
ตรงข้ ามกัน (antagonist)
-sym มักจะกระตุ้นการ
ทางานของอวัยวะที่ทาให้ เกิด
การตื่นตัวและก่ อให้ เกิด
พลังงาน ในขณะที่ parasym
จะเกิดตรงกันข้ าม
-sympathetic neuron
มักจะหลั่ง norepinephrine
-parasympathetic neuron
มักจะหลั่ง acetylcholine
postganglionic ganglion preganglionic ganglion, Ach
38. Sense Organs (อวัยวะรับสัมผัส)
-Sensation: การเคลื่อนของ action potential ผ่ าน sensory neuron ไปยังสมอง
-Perception: การรวบรวมและแปลผล sensation ที่สมองได้ รับ
แบ่ ง sensory receptor ตามการรั บสิ่งเร้ าได้ เป็ น 2 กลุ่ม คือ
1.Exteroreceptor: รั บสิ่งเร้ าจากภายนอกร่ างกาย เช่ น ความร้ อน, แสง, ความดัน, สารเคมี
2.Interoreceptor: รั บสิ่งเร้ าจากภายในร่ างกาย เช่ น blood pressure, body position
แบ่ ง sensory receptor ตามชนิดของสิ่งเร้ าได้ เป็ น 5 ชนิด คือ
1.Mechanoreceptor: สิ่งเร้ าเป็ นแรงกล เช่ น แรงดัน, การสัมผัส, การเคลื่อนไหว, เสียง
2.Chemoreceptor: สิ่งเร้ าเป็ นสารเคมี เช่ น กลูโคส, O2, CO2, กรดอะมิโน
-Gustatory (taste) receptor และ Olfactory (smell) receptor
3.Electromegnetic receptor (Photoreceptor): สิ่งเร้ าเป็ นพลังงานแม่ เหล็กไฟฟา เช่ น
้
แสง (visible light), กระแสไฟฟา, สนามแม่ เหล็ก
้
4.Thermoreceptor: สิ่งเร้ าเป็ นอุณหภูมิ เช่ นความร้ อน, ความเย็น
5.Pain receptor (nociceptors): สิ่งเร้ า เช่ น excess heat, pressure หรือสารเคมีบางชนิดที่
หลั่งจากบาดแผลหรือเนือเยื่อที่ตดเชือ
้ ิ ้
39. ผิวหนัง(Skin): การับสัมผัส
Meissner’s Krouse’s
corpuscle end bulb
Ruffini’s -สิ่ งเร้ าที่เป็ นแรงกลจะทาให้ เกิดการโค้ ง
corpuscle
งอหรื อบิดเบียวของเยื่อเซลล์ ของ
้
mechanoreceptor จะทาให้ permeability
ต่ อ Na+ และ K+ เปลี่ยนไป และทาให้
เกิด depolarization
-mechanoreceptor เป็ น modified
dendrite ของ sensory neuron
Pacinian
corpuscle
40. ลิน(Tongue): การรับรส
้
-บนลินของคนมีต่ ุมลิน(taste bud)ประมาณ 10,000 อัน ฝั งตัวอยู่ในปุ่ มลิน (papilla)
้ ้ ้
-แต่ ละ taste bud จะมี taste (gustatory) receptor cell ซึ่งเป็ น modified epithelial cell อยู่
การรั บรส มีขันตอนดังนี ้
้
1.โมเลกุลของสารเช่ นนาตาล จับกับtaste receptor
้
2.มีการส่ งสัญญาณผ่ าน signal-transduction pathway
3.K+ channel ปิ ด Na+channel เปิ ด
4.Na+ แพร่ เข้ าสู่เซลล์ เกิด depolarization
5.กระตุ้ นการนา Ca+ เข้ าสู่เซลล์
6.receptor cell หลั่ง
neurotransmitter
ที่ไปกระตุ้น sensory
neuron ต่ อไป
41. ตา(Eye): การมองเห็น
-Eye cup ของพลานาเรี ยจะรั บข้ อมูล
เกี่ยวกับความเข้ มของแสง และทิศทาง
แสง โดยไม่ เกิดเป็ นภาพ
-สมองจะแปลสัญญาณประสาทที่มาจาก
eye cup ทังสองข้ าง
้
-พลานาเรี ยจะเคลื่อนที่จนกระทั่ง
sensation จาก eye cup ทัง 2 ข้ างเท่ ากัน
้
และมีค่าน้ อยที่สุด
-ในแมลงตาเป็ นแบบ compound eye
-ใน compound eye แต่ ละข้ างมี
ommatidia (light detector) หลายพันอัน
-แต่ ละ ommatidium จะรั บภาพได้ เอง
ดังนันตาแมลงสามารถแยกแยะภาพได้
้
ถึง 330 ครั ง/วินาที
้
42. Single lens eyes ในคน
white outer layer of
connective tissue
thin, pigmented layer
contain photoreceptor cell
give the eye its color
clear, watery
liquid lens
transparent protein
jelly-like
the information of photoreceptor leaves the eye,
Photoreceptor cells: Rod cell and Cone cell the optic nerve attached to the eyes
44. Photoreceptors of the retina
-photoreceptors มี 2 ชนิด
1.Rod cells มี ประมาณ 125 ล้ านเซลล์
-ไวแสง แต่ ไม่ สามารถแยกสีได้
2.Cone cells มีประมาณ 6 ล้ านเซลล์
-ไม่ ไวแสง แต่ สามารถแยกสีได้ แบ่ งเป็ น red cone, green cone, blue cone
-fovea เป็ นบริเวณที่มีแต่ cone cells ไม่ มี rod cell
45. From light reception to receptor potential
-Rhodopsin (retinal + opsin) เป็ นเม็ดสีในการมองเห็น (visual pigment) ของ rods
-แสงจะกระตุ้ น rhodopsin ให้ เกิด signal-transduction pathway.
1.แสงกระตุ้ นการเปลี่ยนรู ปของ retinal ทาให้ หลุดจาก opsin
2.active opsin กระตุ้น G protein transducin
3.transducin กระตุ้นphosphodiesterase (PDE)
4.cGMPถูก hydrolze เป็ น GMP หลุดออกจาก Na+ channel
5.Na+ channel ปิ ด เยื่อเซลล์ เกิด hyperpolarization การหลั่ง neurotransmitter ลดลง
46. The Vertebrate Retina
ขันตอนการเกิดภาพมีดังนี ้
้
1.หลังจากแสงมากระตุ้น rods&cones เกิด action
potential
2.rods&cones synapse กับ bipolar cells
3.bipolar cells synapse กับ ganglion cells
4.ganglion cells ส่ ง visual sensation (action
potential)ไปยังสมอง
5.การถ่ ายทอดข้ อมูลระหว่ าง rods&cones,
bipolar cells, ganglion cells ไม่ ได้ เป็ นแบบ
one-to-one
6.horizontal&amacrine cells ทาหน้ าที่ integrate
signal
47. Neural Pathways for Vision
-สมองด้ านขวารั บ sensory information จาก
วัตถุท่ ีอยู่ทางด้ านซ้ าย (left visual field, blue)
-สมองด้ านซ้ ายรั บ sensory information จาก
วัตถุท่ ีอยู่ทางด้ านขวา (right visual field, red)
-optic nerve จากตาทังสองข้ างจะมาพบกันที่
้
optic chiasma
-optic nerve จะเข้ าสู่ lateral geniculate nuclei
ของ thalamus
-ส่ ง sensation ไปยัง primary visual cortex ใน
occipital lobe ของ cerebrum
48. หู(Ear): การได้ ยนและการทรงตัว
ิ
temperal bone
(equilibrium)
(hearing)
การโค้ งงอของ
hair cell ทาให้ (endolymph fluid)
เกิด action
potential
perilymph fluid
50. การจาแนกเสียงสูงต่าของ cochlea
-ความดัง(volume)ของเสียงกาหนดโดย amplitude
-ความสูงต่า(pitch)ของเสียงกาหนดโดย frequency
-ในคนปกติหูสามารถฟั งเสียงที่ 20-20,000 Hz,
สุนัข <40,000 Hz
-basilar fiber ที่ตาแหน่ งต่ าง ๆ ของ basilar
membrane มีความกว้ างต่ างกัน, แต่ ละบริเวณ
ของ basilar membrane จึงจาเพาะต่ อแรงสั่นที่
ความถี่ต่างกัน, ส่ ง sensation ไปที่ cerebral
cortex ตาแหน่ งต่ างกัน
51. การทรงตัว
-utricle, saccule และ semicircular canals ในหูชันใน รั บรู้ เกี่ยว
้
กับการทรงตัวและตาแหน่ งของร่ างกาย โดยมี hair cell อยู่ข้างใน
-utricle&sacculeส่ งสัญญาณให้ สมองรั บรู้ ว่าทิศใดเป็ นด้ านบนและ
ร่ างกายอยู่ในท่ าได้
-semicircular canals รั บรู้ เกี่ยวกับทิศทางทัง 3 ระนาบ โดยบริเวณ
้
โคนท่ อมีการบวมเป็ นกระเปาะเรี ยก ampulla
-ในampullaมี gelatinous cap เรี ยก cupula ที่มี hair cell อยู่
52. การทรงตัวในปลา
-หูส่วนในของปลาทาหน้ าที่เกี่ยวกับการทรงตัว
เท่ านัน (มีเฉพาะ saccule, utricle, semicircular
้
canals)
-หูปลาไม่ มี ear drum และไม่ เปิ ดออกสู่
ภายนอก
-การสั่ นของนา(คลื่น)จะถูกส่ งผ่ านทางกระดูกที่
้
หัว เข้ าสู่หูส่วนใน
-ปลามี lateral line system รั บรู้ low-frequency
wave ทาหน้ าที่คล้ ายหูส่วนในของคน ทาให้
รั บรู้ การเคลื่อนไหวผ่ านนา, เหยื่อ และผู้ล่า
้
-มี neuromast (receptor unit) ทาหน้ าที่คล้ าย
ampulla ใน semicircular canal
53. จมูก(Nose): การได้ กลิ่น
-olfactory receptor cell เป็ น neuron มาทาหน้ าที่โดยตรง
-ส่ วนปลายของเซลล์ ย่ นออกมาเป็ น cilia สู่ mucus
ื
-สารเคมีมาจับกับ receptor ที่เยื่อเซลล์ ของ cilia
-เกิด signal-transduction pathway, depolarization, action potential สู่สมอง