SlideShare a Scribd company logo
1 of 39
รัฐ ธรรมนูญ ใหม่ช ีว ิต ใหม่ส ำำ หรับ คนพิก ำร จริง หรือ ?
......................................................................................
.........................................
โดยศำสตรำจำรย์ วิ ริ ย ะ นำมศิ ริ พ งศ์ พั น ธุ์ อำจำรย์ ป ระจำำ คณะ
นิติศำสตร์ มหำวิทยำลัยธรรมศำสตร์
คำำ นำำ
ถึงแม้ว่ำคนไทยจำำนวนมำกจะไม่ได้ให้ควำมสนใจเกี่ยวกับกำร
ยกร่ำงรัฐธรรมนูญ (พ.ศ.๒๕๕๐) แต่คนพิกำรได้ให้ควำมสนใจเกี่ยว
กั บ กำรยกร่ ำงรัฐ ธรรมนูญ เป็ นอย่ ำงมำก เพรำะคนพิ กำรทรำบดี ว่ ำ
รัฐธรรมนูญนั้นนอกจำกกำรบัญญัติเกี่ยวกับระบบและวิธีกำรปกครอง
ประเทศ ยังมีกำรบัญญัติเกี่ยวกับหลักประกันสิทธิขั้นพื้นฐำนของปวง
ชนชำวไทย คนพิกำรรู้สึกมำโดยตลอดว่ำรัฐธรรมนูญนั้นยังมิได้ให้
หลักประกันสิทธิขั้นพื้นฐำนของคนพิกำรอย่ำงดีพอ ทำำ ให้คนพิกำร
ยั ง ต้ อ งตกเป็ น ภำระของครอบครั ว และสั ง คมเป็ น บุ ค คลที่ น่ ำ สงสำร
กำรช่วยเหลือคนพิกำรยังตั้งอยู่บนควำมเชื่อแบบเวทนำนิยม ดังนั้น
ใน ระหว่ำงที่บุคคลทั่วไปกำำลังให้ควำมสนใจเกี่ยวกับบทบัญญัติที่ว่ำ
ด้ ว ยระบบและวิ ธี ก ำรปกครองประเทศ ตั้ ง แต่ ป ระเด็ น รั ฐ สภำควรมี
วุฒิสภำอยู่ด้วยหรือไม่ จำำ นวนสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและสมำชิก
วุฒิสภำ ควรมีสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรระบบบัญชีรำยชื่อหรือไม่ ถ้ำมี
ควรจะกำำ หนดกันอย่ำงไรที่จะให้ได้ตัวแทนมำจำกทุกภำคส่วน ส่วน
กำรได้มำของสมำชิกวุฒิสภำก็เถียงกันว่ำจะมำจำกกำรเลือกตั้งหรือ
กำรสรรหำส่ ว นคนพิ ก ำรนั้ น ให้ ค วำมสำำ คั ญ เกี่ ย วกั บ บทบั ญ ญั ติ ที่
ประกั น สิ ท ธิ ขั้ น พื้ น ฐำนของปวงชนชำวไทย โดยควำมมุ่ ง หวั ง ว่ ำ
รัฐธรรมนูญใหม่จะมีบทบัญญัติที่เป็นหลักประกันในกำรสร้ำงชีวิตใหม่
ทีดีกว่ำเดิมให้แก่คนพิกำร
่
ป ร ะ วั ต ิ ค ว ำ ม เ ป็ น ม ำ สิ ท ธิ ม นุ ษ ย ช น ค น พิ ก ำ ร ใ น รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ
แห่ง รำชอำณำจัก รไทย
ตั้ง แต่ อ ดีต กำลนำนมำแล้ ว ที่ ค นพิ ก ำรต้ อ งต่ อ สู้ เ พื่ อ สิ ท ธิ ขั้ น พื้ น
ฐำนของคนพิกำร ในยุคแรกๆ เป็นกำรเรียกร้องไม่ให้มีกำรจำำกัดสิทธิ
ของคนพิกำรโดยเฉพำะสิทธิในทำงกำรเมือง ในรัฐธรรมนูญแห่งรำช
อำณำจั ก รไทย ตั้ ง แต่ ฉ บั บ ก่ อ นปี ๒๕๒๓ ได้ มี ก ำรจำำ กั ด สิ ท ธิ ค นหู
หนวกและเป็นใบ้ซึ่งไม่สำมำรถอ่ำนออกเขียนได้ ไม่ให้มีสิทธิเลือกตั้ง
ทั้ ง สมำชิ ก สภำผู้ แ ทนรำษฎรและสมำชิ ก วุ ฒิ ส ภำ ดั ง เห็ น ได้ จ ำก
รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ.๒๕๑๗ มำตรำ ๑๑๖ บุคคล
2
ผู้มี ลักษณะดังต่อไปนี้ ในวั นเลือ กตั้ งเป็ นบุ คคลต้ องห้ำมมิ ให้ใช้ สิ ท ธิ
เลือกตั้ง (๒) หูหนวกและเป็นใบ้ ซึ่งไม่สำมำรถอ่ำนและเขียนหนังสือ
ได้ สมำคมคนหู ห นวกแห่ ง ประเทศไทยร่ ว มกั บ สภำคนพิ ก ำรทุ ก
ประเภทแห่งประเทศไทย ได้รณรงค์เรียกร้องให้ยกเลิกกำรจำำกัดสิทธิ
คนหูหนวกและเป็นใบ้ที่ไม่ให้มีสิทฺธิเลือกตั้ง เพรำะสิทธิเลือกตั้ง เป็น
สิทธิขั้นพื้นฐำนในทำงกำรเมือง ของคนไทยทุกคน ในอำรยประเทศ
นั้นคนหูหนวกและเป็นใบ้นอกจำกจะมีสิทธิเลือกตั้งแล้ว ยังมีสิทธิรับ
สมัครรับเลือกตั้งเป็นทั้งสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและสมำชิกวุฒิสภำ
ในบำงประเทศคนหูหนวกและเป็นใบ้ยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี
ด้วยซำ้ำไป
กำรรณรงค์ของสมำคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย และสภำคน
พิกำรทุกประเภทแห่งประเทศ
ไทย ได้ ป ระสบผลสำำ เร็ จ ในระดั บ หนึ่ ง เมื่ อ รั ฐ ธรรมนู ญ แห่ ง รำช
อำณำจักรไทย พ.ศ. ๒๕๓๔ ได้ยกเลิกกำรจำำกัดสิทธิของคนหูหนวก
และเป็นใบ้ ในเรื่องสิทธิเลือกตั้ง อย่ำงไรก็ตำมคนหูหนวกและเป็นใบ้
ยังถูกจำำกัดสิทธิ ไม่ให้มีสิทธิรับสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมำชิกสภำผู้แทน
รำษฎรและสมำชิ ก วุ ฒิ ส ภำ ดั ง เห็ น ได้ จ ำกรั ฐ ธรรมนู ญ แห่ ง รำช
อำณำจักรไทย พ.ศ. ๒๕๓๔ มำตรำ ๑๑๓ บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้
เป็ น บุ ค คลต้ อ งห้ ำ มมิ ใ ห้ ใ ชั สิ ท ธิ ส มั ค รรั บ เลื อ กตั้ ง (๔) เป็ น บุ ค คลหู
หนวกและเป็นใบ้
ในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ สมัยรัฐ บำลที่ มีนำยบรรหำร ศิลปอำชำเป็ น
นำยกรัฐมนตรี เมื่อสมำชิกรัฐสภำ เห็นชอบให้มีกำรแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แห่งรำชอำณำจักรไทย ฉบับปีพุทธศักรำช ๒๕๓๔ ทั้งฉบับ และให้มี
กำรยกร่ ำ งรั ฐ ธรรมนู ญ ฉบั บ ใหม่ โดยคณะผู้ ย กร่ ำ งรั ฐ ธรรมนู ญ คื อ
สภำร่ำงรัฐธรรมนูญ (สร.) สำำหรับสภำร่ำงรัฐธรรมนูญมีนำยอุทัย พิมพ์
ใจชนเป็นประธำน สภำคนพิกำรฯมีกำรเคลื่อนไหวรณรงค์ให้มีเรื่อง
สิ ท ธิ ม นุ ษ ยชนคนพิ ก ำรในรั ฐ ธรรมนู ญ แห่ ง รำชอำณำจั ก รไทย
ฉบับ(พ.ศ.๒๕๔๐)นี้ด้วย ผศ.วิริยะ นำมศิริพงศ์พันธุ์ ในฐำนะประธำน
ฝ่ำยกฎหมำยและสิทธิมนุษยชนสภำคนพิกำรฯ รับเป็นประธำนคณะ
ทำำ งำนจั ด สั ม มนำเรื่ อ ง “คนพิ ก ำร : กำรมี ส่ ว นร่ ว มร่ ำ งรั ฐ ธรรมนู ญ ”
เพื่อให้คนพิกำรได้รับควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับกำรปฏิรูปกำรเมือง
และเพื่อให้ได้กฎหมำยรัฐธรรมนูญที่คนพิกำรพึงประสงค์ และนำำเสนอ
ต่ อ สภำร่ำ งรั ฐ ธรรมนู ญ โดยจั ด สั ม มนำที่ ห้ อ ง LT ๒ คณะนิ ติ ศ ำสตร์
มหำวิ ท ยำลั ย ธรรมศำสตร์ ในวั น ที่ ๑๗ กุ ม ภำพั น ธ์ พุ ท ธศั ก รำช
๒๕๔๐ เมื่อได้ขอสรุปจำกกำรสัมมนำแล้วสภำคนพิกำรทุกประเภทแห่ง
้
ประเทศไทยได้นำำ ข้อ สรุปไปเสนอต่ อ นำยอุ ทั ย พิ มพ์ ใจชน ประธำน
สภำร่ำงรัฐธรรมนูญ
3
นอกจำกนี้ เ มื่ อ มี ก ำรจั ด ประชุ ม สั ม มนำทำงวิ ช ำกำรเรื่ อ ง กำร
ฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรโดยชุมชนและยุทธศำสตร์ในกำรสร้ำงผู้นำำ
คนพิกำร ที่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลำเดียวกันกับที่นำย
อุ ทั ย พิม พ์ใ จชน และคณะ สสร. ได้ ไ ปฟั งควำมคิ ด เห็ น เกี่ ย วกั บ ร่ ำ ง
รั ฐ ธรรมนู ญ ที่ จั ง หวั ด พิ ษ ณุ โ ลก สภำคนพิ ก ำรทุ ก ประเภทแห่ ง
ประเทศไทยจึงได้เรียนเชิญให้มำรับฟังแลกเปลี่ยนควำมคิดเห็นเกี่ยว
กับร่ำงรัฐธรรมนูญร่วมกับผู้นำำคนพิกำรด้วย
ยิ่งไปกว่ำนั้น ตัวแทนคนพิกำร เช่น ผศ. วิริยะ นำมศิริพงศ์พันธุ์
นำยมณเทียร บุญตัน และพันโทต่อพงศ์ กุลครรชิตยังได้มีโอกำสออก
รำยกำรทำงสถำนีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง ๑๑ และให้สัมภำษณ์
สื่ อ มวลชนเกี่ ย วกั บ เรื่ อ งสิ ท ธิ ขั้ น พื้ น ฐำนที่ ค นพิ ก ำรต้ อ งกำรให้ มี ใ น
รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทยฉบับประชำชน เมื่อได้มีกำรยกร่ำง
รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ แ ห่ ง ร ำ ช อ ำ ณ ำ จั ก ร ไ ท ย เ รี ย บ ร้ อ ย แ ล้ ว
นำยสมคิ ด เลิ ศ ไพฑู ร ย์ ส มำชิ ก สภำร่ ำ งรั ฐ ธรรมนู ญ (อำจำรย์ ค ณะ
นิ ติ ศ ำสตร์ม หำวิท ยำลัย ธรรมศำสตร์ ) ได้ เชิ ญ ผู้ นำำ คนพิ ก ำรเข้ ำ ร่ ว ม
ปรึกษำหำรือเกี่ยวกับตัวร่ำงรัฐ ธรรมนูญ แห่ งรำชอำณำจั กรไทย ใน
ส่วนที่เกี่ยวกับคนพิกำรโดยเฉพำะมำตรำ ๕๕ ซึ่งในตัวร่ำงใช้คำำว่ำ “ผู้
ทุกพลภำพ” แต่กลุ่มผู้นำำคนพิกำรยังยืนยันให้ใช้คำำว่ำ “คนพิกำร”นำย
ส ม คิ ด เ ลิ ศ ไ พ ฑู ร ย์ ก็ ยิ น ดี เ พิ่ ม เ ติ ม ถ้ อ ย คำำ ที่ ค น พิ ก ำ ร ต้ อ ง ก ำ ร
รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจั ก รไทย ฉบั บปี พุท ธศั กรำช ๒๕๔๐ จึ งมี
มำตรำที่ ว่ ำ ด้ ว ยคนพิ ก ำรหรื อ กำรคำำ นึ ง ถึ ง คนพิ ก ำรดั ง นี้ ม ำตรำ ๓๐
วรรค ๓,มำตรำ ๕๕,มำตรำ ๘๐ นอกจำกนี้ยังมี กำรยกเลิกกำรจำำ กัด
สิทธิคนหูหนวกที่อ่ำนไม่ออกเขียนไม่ได้ ไม่ให้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
เป็ น สมำชิ ก สภำผู้ แ ทนรำษฎรและวุ ฒิ ส ภำออกไปด้ ว ย เพรำะคนหู
หนวกสำมำรถสื่อสำรได้โดยผ่ำนล่ำมภำษำมือ
มำตรำ ๓๐ วรรค ๓ กำรเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล
เพรำะเหตุแห่งควำมแตกต่ำงในเรื่องถิ่นกำำ เนิด เชื้อชำติ ภำษำ เพศ
อำยุ สภำพทำงกำยหรือสุขภำพ สถำนะของบุคคล ฐำนะทำงเศรษฐกิจ
และสั งคม ควำมเชื่ อ ทำงศำสนำ กำรศึ ก ษำอบรม หรือ ควำมคิ ด เห็ น
ทำงกำรเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ จะกระทำำมิได้
จริงอยู่คนพิกำรมีควำมภำคภูมิใจมำกที่ได้มีกำรบัญญัติเกี่ยวกับ
กำรห้ ำมเลือกปฏิบัติโดยไม่ เป็ นธรรมเอำไว้ ต ำมที่ ค นพิ ก ำรเรี ย กร้ อ ง
อย่ำงไรก็ตำมคนพิกำรต้องกำรให้มีคำำว่ำ “ ควำมพิกำร “ ในวรรค ๓
ข้ ำ งต้ น แต่ ค นพิ ก ำรก็ ไ ด้ รั บ คำำ อธิ บ ำยจำกผู้ ที่ เ กี่ ย วข้ อ งว่ ำ คำำ ว่ ำ “
สภำพร่ำงกำยหรือสุขภำพ “ เป็นคำำกว้ำงกินควำมร่วมถึงคนพิกำรอยู่
4
แล้ว แต่ถ้ำได้มีคำำ ว่ำ “ ควำมพิกำร “ อยู่ด้วยก็น่ำจะเป็นที่พอใจของ
คน พิ ก ำร ม ำ ก ที่ สุ ด อ ำจ เป็ นไ ป ได้ ที่ ผู้ เ กี่ ย ว ข้ อ ง ใ น ก ำ ร ย ก ร่ ำ ง
รั ฐธรรมนู ญ ในขณะนั้น กลั ว ว่ ำถ้ ำใช้ คำำ ว่ ำ ควำมพิ ก ำรอำจจะทำำ ให้
รู้สึกเป็นปมด้อยหรือเป็นกำรประจำนคนพิ กำรจึ งเลือกใช้ คำำ อื่นแทน
สำำหรับคนพิกำรแล้วพวกเรำยอมรับควำมเป็นจริงในควำมพิกำรของ
พวกเรำ และมีควำมภำคภู มิ ใจในคำำ ว่ ำคนพิ กำรหรื อ ควำมพิ ก ำรซึ่ ง
เป็นอัตลักษณ์ของพวกเรำ
มำตรำ ๕๕ บุ ค คลซึ่ ง พิ ก ำรหรื อ ทุ พ พลภำพ มี สิ ท ธิ ไ ด้ รั บ สิ่ ง
อำำนวยควำมสะดวกอันเป็นสำธำรณะและควำมช่วยเหลือจำกรัฐ ทั้งนี้
ตำมที่กฎหมำยบัญญัติ
ในเรื่องของมำตรำ ๕๕ นี้ คนพิกำรเรียกร้องในกำรเข้ำถึงและ
ใช้ ป ระโยชน์ ไ ด้ จ ำกสภำพแวดล้ อ ม ข้ อ มู ล ข่ ำ วสำร เทคโนโลยี
สำรสนเทศ โทรคมนำคม บริ ก ำรอั น เป็ น สำธำรณะ แต่ ส ภำร่ ำ ง
รั ฐ ธรรมนู ญ ตี ค วำมร่ ว มกั น ว่ ำ เป็ น สิ่ ง อำำ นวยควำมสะดวกอั น เป็ น
สำธำรณะ คนพิกำรยังกลัวควำมเข้ำใจผิด ว่ำคนพิกำรต้องกำรได้รับ
ควำมสะดวก (convenience) อันที่จริงแล้วคนพิกำรต้องกำรกำรเข้ำ
ถึงและใช้ประโยชน์ได้ (access)
อีกทั้งในหมวด ๕ บัญญัติว่ำด้วยแนวนโยบำยพื้นฐำนแห่งรัฐ ยัง
ได้ กำำ หนดแนวนโยบำยพื้ นฐำนแห่ งรั ฐ ที่ เกี่ ย วกั บ คนพิ ก ำรเอำไว้ ใ น
มำตรำ ๘๐ วรรค ๒
มำตรำ ๘๐ วรรค ๒ รัฐต้องสงเครำะห์คนชรำ ผู้ยำกไร้ ผู้พิกำร
หรือทุพพลภำพและผู้ด้อยโอกำสให้มีคุณภำพชีวิตที่ดีและพึ่งตนเองได้
ในมำตรำ ๘๐ วรรค ๒ นี้ ค นพิ ก ำรไม่ ไ ด้ ต้ อ งกำรให้ ใ ช้ คำำ ว่ ำ
สงเครำะห์ ซึ่งมีควำมหมำยไปในทำงที่ผู้ให้ใหญ่กว่ำผู้รับ หรือยังเป็น
ระบบทำำบุญทำำทำน (charity) นั่นหมำยควำมว่ำจะทำำก็ไ ด้ไม่ทำำก็ได้
แต่ ค นพิก ำรต้ อ งกำรให้ใ ช้ คำำ ว่ ำ จั ด สวั ส ดิ ก ำร ซึ่ งเป็ น กำรตั้ งอยู่ บ น
สิ ท ธิ ข องคนพิ ก ำร นั่ น หมำยควำมว่ ำ เรื่ อ งที่ ก ล่ ำ วมำในมำตรำ ๘๐
วรรค ๒ รัฐจะต้องทำำ ให้บนพื้ นฐำนแห่งสิท ธิข องคนพิ กำร ซึ่งไม่ใช่
เป็นเรื่องที่จะทำำก็ได้ไม่ทำำก็ได้ แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำำถ้ำไม่ทำำคนพิกำร
ย่ อ มมี สิ ท ธิ ที่ จ ะขอควำมเป็ น ธรรมจำกศำล เพื่ อ ให้ ค นพิ ก ำรได้ รั บ
ประโยชน์ตำมสิทธิของคนพิกำร ตำมที่รัฐธรรมนูญกำำหนดไว้
ถึ ง แม้ ค นพิ ก ำรจะรู้ สึ ก ผิ ด หวั ง อยู่ บ้ ำ งที่ ส ภำร่ ำ งรั ฐ ธรรมนู ญ ไม่
ยอมใส่ คำำ ว่ ำ “ ควำมพิกำร ” เข้ ำ ไปในมำตรำ ๓๐ วรรค ๓ โดยให้
5
เหตุผลว่ำคำำว่ำ “สภำพร่ำงกำยหรือสุขภำพ ” ได้กินควำมรวมถึงควำม
พิ ก ำรอยู่ แ ล้ ว อี ก ทั้ ง ยั ง ใช้ คำำ ว่ ำ “ สงเครำะห์ ” แทนคำำ ว่ ำ “จัด
สวัสดิกำร” แต่อย่ำงใดก็ตำมคนพิกำรก็ยังพอใจในภำพรวม เพรำะ
รั ฐ ธรรมนู ญ พ.ศ. ๒๕๔๐ ต้ อ งถื อ ว่ ำ เป็ น ฉบั บ แรกที่ ไ ด้ มี ก ำรประกั น
สิทธิขั้ นพื้นฐำนไม่ให้มีกำรเลือ กปฏิ บัติ โดยไม่ เป็ นธรรมต่ อคนพิ ก ำร
อีกทั้งให้คนพิกำรมีสิทธิได้รับสิ่งอำำ นวยควำมสะดวกและควำมเช่ ว ย
เหลืออื่นใดจำกรัฐ รวมทั้งแนวนโยบำยพื้นฐำนแห่งรัฐยังกำำ หนดให้
รั ฐ ต้ อ งพั ฒ นำหรื อ สงเครำะห์ ค นพิ ก ำรให้ มี คุ ณ ภำพชี วิ ต ที่ ดี แ ละพึ่ ง
ตนเองได้ ซึ่งสิ่งเหล่ำนี้ไม่เคยมีมำก่อนในรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้ำนี้
แม้มำตรำ๓๐ วรรค๓ แห่งรัฐธรรมนูญ พุทธศักรำช พ.ศ. ๒๕๔๐
จะห้ำมเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล เนื่องจำกสภำพร่ำงกำย
หรือสุขภำพ แต่พระรำชบัญญัติระเบียบข้ำรำชกำรกรุงเทพมหำนคร
พ.ศ. ๒๕๒๘ มำตรำ ๑๖ (๖) ยังจำำ กัดสิทธิคนหูหนวกเป็นใบ้ไม่ ให้มี
สิ ท ธิ รั บ สมั ค รรั บ เลื อ กตั้ ง เป็ น สมำชิ ก สภำกรุ ง เทพมหำนคร เมื่ อ นำย
วิริยะ นำมศิริพงศ์พันธุ์มีโอกำสได้เป็นสมำชิกสภำนิติบัญญัติแห่งชำติ
จึ ง ได้ ร่ ว มกั บ คณะเสนอให้ มี ก ำรแก้ ไ ขพระรำชบั ญ ญั ติ ร ะเบี ย บ
ข้ำรำชกำรกรุงเทพมหำนคร พ.ศ. ๒๕๒๘ โดยให้ตัด (๖) ของมำตรำ
๑๖ ออก ทั้งนี้เพื่อให้คนหูหนวกเป็นใบ้ มีสิทธิมีสิทธิรับสมัครรับเลือก
ตั้งเป็นสมำชิกสภำกรุงเทพมหำนคร อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐำนทำงกำร
เมือง ของคนหูหนวกและเป็นใบ้
สิท ธิม นุษ ยชนคนพิก ำร ใ น รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ แ ห่ ง ร ำ ช อ ำ ณ ำ จั ก ร
ไทย พ.ศ.๒๕๕๐
ครั้นมีกำรรัฐ ประหำรในวั นที่ ๑๙ กันยำยน พ.ศ. ๒๕๔๙ โดย
คณะปฏิรูปกำรปกครองระบอบประชำธิป ไตย โดยมีพระมหำกษัตริ ย์
ทรงเป็นประมุข (คปค.) ในรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย (ฉบับ
ชั่วครำว) พ.ศ. ๒๕๔๙ มำตรำ ๑๙ ให้มีสภำร่ำงรัฐธรรมนูญ เพื่อจัดทำำร่ำงรัฐธรรมนูญประกอบ
ด้ ว ย ส ม ำ ชิ ก มี จำำ น ว น ๑ ๐ ๐ ค น และสภำร่ ำ งรั ฐ ธรรมนู ญ นี้ จะต้ อ งยกร่ ำ ง
รัฐธรรมนูญให้เสร็จภำยใน ๖ เดือน พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว มี
พระบรมรำชโองกำรโปรดเกล้ำฯ แต่งตั้งสมำชิกสภำร่ำงรัฐธรรมนูญ
ในวันที่ ๑ มกรำคม ๒๕๕๐
ในระหว่ำงที่บุคคลทั่วไปกำำลังให้ควำมสนใจเกี่ยวกับบทบัญญัติ
ที่ว่ำด้วยระบบและวิธีกำรปกครองประเทศ ตั้งแต่ประเด็นรัฐสภำควรมี
วุฒิสภำอยู่ด้วยหรือไม่ จำำนวนสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและสมำชิก
วุฒิสภำ ควรมีสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรระบบบัญชีรำยชื่อหรือไม่ ถ้ำมี
6
ควรจะกำำหนดกันอย่ำงไรที่จะให้ได้ตัวแทนมำจำกทุกภำคส่วน ส่วน
กำรได้มำของสมำชิกวุฒิสภำก็เถียงกันว่ำจะมำจำกกำรเลือกตั้งหรือ
กำรสรรหำ
ส่ ว นคนพิ ก ำรนั้ น ให้ ค วำมสำำ คั ญ เกี่ ย วกั บ บทบั ญ ญั ติ ที่
ประกันสิทธิขั้นพื้นฐำนของปวงชน
ชำวไทย โดยควำมมุ่ ง หวั ง ว่ ำ รั ฐ ธรรมนู ญ ใหม่ จ ะมี บ ทบั ญ ญั ติ ที่ เ ป็ น
หลักประกันในกำรสร้ำงชีวิตใหม่ที่ดีกว่ำเดิมให้แก่คนพิกำร ด้วยเหตุนี้
สภำคนพิกำรทุกประเภทแห่งประเทศไทยจึงได้ขอให้มีกำรประชุมร่วม
ระหว่ำง คณะกรรมกำรสภำคนพิกำรทุกประเภทแห่งประเทศไทย กับ
คณะอนุ ก รรมำธิ ก ำรด้ ำ นผู้ พิ ก ำร ในคณะกรรมำธิ ก ำรกิ จ กำรเด็ ก
เยำวชน สตรี ผู้สูงอำยุ ผู้พิกำร และควำมมั่นคงของมนุษย์ เพื่อรีบเร่ง
หำข้อเสนอเบื้องต้นไปเสนอในเวทีต่ำงๆ ที่จะนำำข้อเสนอของคนพิกำร
ไปเสนอต่อคณะกรรมำธิกำรยกร่ำงรัฐธรรมนูญด้วยเหตุว่ำข้อเสนอที่
จะได้รับกำรพิจ ำรณำต้องเป็ นข้อเสนอที่มีไปถึงคณะกรรมำธิกำรยก
ร่ำงรัฐธรรมนูญก่อนสิ้นเดือนมีนำคม พ.ศ. ๒๕๕๐
เวทีแรกที่ผู้นำำ คนพิกำรจำกทั่ว ประเทศได้ เข้ ำมำร่ ว มกั น
สัมมนำเกี่ยวกับเรื่องรัฐธรรมนูญด้วยกำรสนับสนุนของสภำที่ปรึกษำ
เศรษฐกิ จ และสั ง คมแห่ ง ชำติ คื อ เวที ก ำรสั ม มนำเรื่ อ ง “บทบั ญ ญั ติ
รัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อ งกับคนพิกำร” จัดโดยสภำที่ ปรึ กษำเศรษฐกิ จ
และสังคมแห่งชำติร่วมกับสภำคนพิ กำรทุ กประเภทแห่งประเทศไทย
เมื่ อ วั น ที่ ๒๐ กุ ม ภำพั น ธ์ ๒๕๕๐ ณ ห้ อ งประชุ ม สำำ นั ก งำนสภำที่
ป รึ ก ษ ำ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ แ ล ะ สั ง ค ม แ ห่ ง ช ำ ติ ใ น ก ำ ร สั ม ม น ำ ค รั้ ง นี้
ศำสตรำจำรย์ ส มคิ ด เลิ ศ ไพฑู ร ย์ เลขำคณะกรรมำธิ ก ำรยกร่ ำ ง
รั ฐธรรมนูญ ได้ ให้ เกี ย รติม ำบรรยำยให้ ค วำมรู้ แ ก่ ค นพิ ก ำร และเปิ ด
โอกำสให้ ค นพิ ก ำรได้ ซั ก ถำม ในเวที นี้ ไ ด้ ทำำ ให้ มี ข้ อ เสนอเกี่ ย วกั บ
บทบัญญัติในร่ำงรัฐธรรมนูญ พ.ศ... เพิ่มมำกขึ้น
จำกนั้นสภำคนพิกำรทุกประเภทแห่งประเทศไทย ได้นำำ ข้อ
เสนอจำกเวทีแ รกมำสู่เ วที ก ำรสั ม มนำ เรื่ อ ง ข้อ เสนอแนะบั ญ ญั ติ ว่ ำ
ด้วยเด็ก เยำวชน สตรี ผู้สูงอำยุ ผู้พิกำรในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่ง
จัดโดยคณะกรรมำธิกำรกิจ กำรเด็ ก เยำวชน สตรี ผู้สูงอำยุ ผู้พิกำร
และควำมมั่ น คงของมนุ ษ ย์ สภำนิ ติ บัญ ญั ติ แ ห่ ง ชำติ เมื่ อ วั น จั น ทร์ ที่
๒๖ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๐ ณ ห้องประชุมคณะกรรมำธิกำร อำคำรรัฐสภำ
๒ กลุ่มคนพิกำรได้นำำเอำข้อเสนอที่มีมำก่อนมำพิจำรณำทบทวนทำำให้
ข้อเสนอแหลมคมและชัดเจนขึ้น นอกจำกนั้นยังต้องกำรให้ข้อเสนอ
7
ของคนพิกำรได้ประสำนเข้ำกับข้อเสนอของกลุ่มเด็ก เยำวชน สตรี ผู้
สูงอำยุ ในที่สุด กลุ่มคนพิกำรได้เสนอแนวทำงร่ำงรัฐธรรมนูญใหม่
รวม ๔ เรื่อง ได้แก่
๑) ปรั บ ข้ อ ควำมในมำตรำที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ คนพิ ก ำรโดยตรง ได้ แ ก่
มำตรำ ๓๐ มำตรำ ๕๕ และ
มำตรำ ๘๐
๒) ปรับมำตรำอื่นๆ ให้ครอบคลุมเรื่องคนพิกำร
๓) นำำเสนอแนวทำงกำรปรับหลักกำรสำำคัญในกำรร่ำงรัฐธรรมนูญ
๔) นำำเสนอประเด็นทั่วไป

ร่ำ งรัฐ ธรรมนูญ ใหม่โ ดยคนพิก ำร
(๑) ปรับ ข้อ ควำมในรัฐ ธ ร รม นูญ พุท ธศัก รำช ๒ ๕๔๐ เฉพำะ
๓ มำตรำที่เ กี่ย วข้อ งกับ คนพิก ำร
ดังต่อไปนี้คือ
มำตรำ ๓๐
ข้อ ควำมเดิม /กำรปรับ แก้
ว ร ร ค ๑ - บุค คลย่อ มเสมอกั นในกฎหมำยและได้ รั บ ควำมคุ้ ม ครอง
ตำมกฎหมำยเท่ำเทียมกัน
เติ มข้อ ควำมท้ำยวรรค ๑ รวม ทั้ งกฎหมำยระหว่ ำ งประเทศที่ รั ฐ ให้
สัตยำบัน
ข้ อ ค ว ำ ม ใ ห ม่ ต ำ ม ร่ ำ ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ พ .ศ . ๒ ๕ ๕ ๐ ที่ ค น พิ ก ำ ร
เสนอมำตรำ ๓๐ วรรค ๑ บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมำยและได้รับ
ควำมคุ้ ม ครองตำมกฎหมำยเท่ ำ เที ย มกั น รวมทั้ ง ให้ ไ ด้ รั บ ควำม
คุ้มครอง ตำมกฎหมำยระหว่ำงประเทศที่รัฐให้สัตยำบัน
เ ห ตุผ ล เป็นแนวคิด ใหม่ เพื่อ ประกั น ควำมเสมอภำคและสิ ท ธิ ข อง
บุ ค คลอย่ ำ งชั ด เจนและ จริ ง จั ง มำกขึ้ น จะเห็ น ว่ ำ ประเทศไทยให้
สัตยำบันอนุสัญญำสิทธิเด็กและอนุสัญญำเลือกปฏิบัติต่อสตรีแต่ในค
ยำมเป็นจริ งยังมีก ำรเลือ กปฏิ บัติ โดยไม่ เป็ นธรรมต่ อ เด็ กและสตรี อ ยู่
รวมถึงคนพิกำรด้วยในขณะนี้มีอนุสัญญำสิทธิคนพิกำรที่แม้รัฐยังไม่
ลงสัตยำ บันแต่ก็เป็นแนวคิดเดียวกัน 3
ด้วยเหตุนี้คนพิกำรจึงต้องกำรให้ควำมผูกพันระหว่ำงประเทศมี
ผลใช้บังคับอย่ำงกฎหมำยภำยใน เพรำะในอดีตรัฐมักจะไม่ได้ต รำ
พระรำชบัญญัติรองรับอนุสัญญำต่ำง ๆ ที่รัฐบำลไทยได้ให้สัตยำบัน
เอำไว้ แ ล้ ว เมื่ อ เป็ น เช่ น นั้ น อนุ สั ญ ญำระหว่ ำ งประเทศจึ ง เป็ น เพี ย ง
เสือกระดำษ
8
ข้อ ควำมเดิม /กำรปรับ แก้
วรรค ๓ - กำรเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพรำะเหตุแห่ง
ควำมแตกต่ำงในเรื่องถิ่นกำำเนิด เชื้อชำติ ภำษำ เพศ อำยุ สภำพทำง
กำยหรือสุขภำพ สถำนะของบุคคล ฐำนะทำงเศรษฐกิจหรือสังคม
ควำมเชื่อทำงศำสนำ กำรศึกษำอบรม หรือควำมคิดเห็นทำงกำรเมือง
อัน
ไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ จะกระทำำมิได้
เพิ่ม คำำ – ควำมพิกำร
ข้ อ ค ว ำ ม ใ ห ม่ ต ำ ม ร่ ำ ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ พ .ศ . ๒ ๕ ๕ ๐ ที่ ค น พิ ก ำ ร
เสนอมำตรำ๓๐ วรรค ๓ - กำรเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล
เพรำะเหตุแห่งควำมแตกต่ำงในเรื่องถิ่นกำำ เนิด เชื้อชำติ ภำษำ เพศ
อำยุ ค ว ำ ม พิ ก ำ ร สภำพทำงกำยหรื อ สุ ข ภำพ สถำนะของบุ ค คล
ฐำนะทำงเศรษฐกิจหรือสังคม ควำมเชื่อทำงศำสนำ กำรศึกษำอบรม
หรือควำมคิดเห็นทำงกำรเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
จะกระทำำมิได้
เหตุผ ล
เดิมมีควำมพยำยำมให้เข้ำใจว่ำคนพิกำรอยู่ในกลุ่ม
สภำพทำงกำยหรือสุขภำพ
ซึ่งเป็นกำรมองควำมพิกำรในมิติทำงกำรแพทย์ (Medical model)
ที่มองคนพิกำรเป็นคนป่วยคนที่ผิด ปกติและต้องกำรกำรดูแลแต่ข้อ
เท็จจริงในระดับสำกลยอมรับกันว่ำควำมพิกำรเป็นผลจำกควำมสัม
พันธ์ระหว่ำงตัวคนพิกำรและสภำพแวดล้อมและสังคม (Social
model) กำรคุ้มครองสิทธิคนพิกำร
จึงมิควรถูกชี้นำำด้วยวิธีทำงกำรแพทย์ซึ่งมุ่งที่สภำพทำงกำยและ
สุขภำพของคนพิกำรเพียงอย่ำงเดียวแต่ควรมุ่งให้ควำมสำำคัญกับ
สภำพแวดล้อมที่เป็นอุปสรรคทั้งที่เป็นเรื่องเจตคติควำมเชื่ออำคำร
สถำนที่สิ่งปลูกสร้ำงยำนพำหนะข้อมูลข่ำวสำรและบริกำรอันเป็น
สำธำรณะที่ต้องไม่เลือกปฏิบัติต่อคนพิกำร คือให้คนพิกำรเข้ำถึงและ
ใช้ประโยชน์ได้ มำตรำนี้จึงต้องระบุให้ชัดเจน
ข้อ ควำมเดิม /กำรปรับ แก้
วรรค ๔ - มำตรกำรที่รัฐกำำหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้
บุคคลสำมำรถใช้สิทธิและเสรีภำพได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่นย่อมไม่ถือ
เป็นกำรเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตำมวรรคสำม
เ ติ ม ข้ อ ค ว ำ ม ท้ ำ ย ว ร ร ค ๔ - กำรที่ ไ ม่ กำำ หนดหรื อ ละเสี ย ซึ่ ง กำร
ปฏิ บั ติ ต ำมมำตรกำรที่ รั ฐ กำำ หนดขึ้ น ทั้ ง ที่ อ ยู่ ใ นวิ สั ย ที่ ส ำมำรถจะ
กระทำำได้ ถือเป็นกำรเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม
9
ข้อ ควำมใหม่ต ำมร่ำ งรัฐ ธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่ค นพิก ำร
เสนอมำตรำ๓๐ วรรค ๔ - มำตรกำรที่รัฐกำำหนดขึ้นเพื่อขจัด
อุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสำมำรถใช้สิทธิและเสรีภำพได้เช่นเดียว
กับบุคคลอื่นย่อมไม่ถือเป็นกำรเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตำมวรรค
สำม กำรที่ไ ม่ก ำำ หนดหรือ ละเสีย ซึ่ง กำรปฏิบ ัต ิต ำมมำตรกำรที่
รัฐ กำำ หนดขึ้น ทั้ง ที่อ ยู่ใ นวิส ัย ที่ส ำมำรถจะกระทำำ ได้ ถือ
เป็น กำรเลือ กปฏิบ ัต ิโ ดยไม่เ ป็น ธรรม
เ ห ตุ ผ ล เป็ น แนวคิ ด ใหม่ ที่ เ กิ ด ขึ้ น จำกกำรระดมควำมคิ ด เห็ น อย่ ำ ง
กว้ ำ งขวำงทั่ ว โลกใน ช่ ว งกำรร่ ำ งอนุ สั ญ ญำสิ ท ธิ ค นพิ ก ำรคื อ กำร
กำำ หนดมำตรกำรควำมช่ว ยเหลื อ อย่ ำงสมเหตุ ส มผล (Reasonable
Accommodation) กำรหลีกเลี่ยงไม่กำำหนดหรือละเว้นกำรให้ควำม
ช่วยเหลือลักษณะนี้ ถือเป็นกำรเลือกปฏิบัติด้วย

ข้อ ควำมเดิม /กำรปรับ แก้

เ พิ่ ม ว ร ร ค สุ ด ท้ ำ ย ม ำ ต ร ำ ๓ ๐ - ก ำ ร เ ลื อ ก ป ฏิ บ ั ต ิ โ ด ย ไ ม่ เ ป็ น
ธรรม ให้ม ีโ ทษทั้ง ทำงแพ่ง และอำญำ ตำมที่ก ฎหมำยบัญ ญัต ิ
ข้ อ ค ว ำ ม ใ ห ม่ ต ำ ม ร่ ำ ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ พ .ศ . ๒ ๕ ๕ ๐ ที่ ค น พิ ก ำ ร
เส นอ ม ำ ต ร ำ ๓ ๐ ว รร ค ท้ำ ย กำ ร เ ลือ ก ป ฏิบ ัต ิโ ด ย ไ ม่เ ป็น ธ ร ร ม
ให้ม ีโ ทษทั้ง ทำงแพ่ง และอำญำ ตำมที่ก ฎหมำยบัญ ญัต ิ
เ ห ตุ ผ ล เป็ น แนวคิ ด ใหม่ เ พื่ อ ประกั น ให้ ก ำรคุ้ ม ครองบุ ค คลจำกกำร
เลื อ กปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม แม้ จ ะมี ผู้ แย้ งว่ ำมี ก ฏหมำยเฉพำะของ
ข้ ำ รำชกำรทหำรตำำ รวจฯลฯอยู่ แ ล้ ว แต่ ใ นทำงปฏิ บั ติ ไ ม่ ส ำมำรถ
คุ้มครองได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ กำรคุ้มครองคนพิกำรไม่ให้ถูกเลือก
ปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมได้มีกำรเสนอเอำไว้ในร่ำงพระรำชบัญญัติส่ง
เสริมและพัฒนำคุณภำพชีวิตคนพิกำร พ.ศ. 2550 จึงสมควรบัญญัติ
รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2550 ด้วย
มำตรำ ๕๕
ข้อ ควำมเดิม /กำรปรับ แก้
บุคคลซึ่งพิกำรหรือทุพพลภำพมีสิทธิได้รับสิ่งอำำนวยควำมสะดวกอัน
เป็นสำธำรณะ และควำมช่วยเหลืออื่นจำกรัฐ ทั้งนี้ตำมที่กฎหมำย
บัญญัติ
ตัด คำำ - ทุพพลภำพ และแก้ข ้อ ควำมทั้ง หมด
10

ข้อ ควำมใหม่ต ำมร่ำ งรัฐ ธรรมนูญ พ .ศ.๒๕๕๐ ที่ค น
พิก ำรเสนอมำตรำ๕๕ คนพิก ำรมีส ิท ธิเ ข้ำ ถึง และใช้

ประโยชน์ไ ด้จ ำก ผลผลิต สภำพแวดล้อ ม แผนงำน โครงกำร
และกิจ กรรมกำรพัฒ นำทุก รูป แบบ บริก ำร สิ่ง อำำ นวย ควำม
สะดวก อัน เป็น สำธำรณะ ตลอดจน สวัส ดิก ำรและควำมช่ว ย
เหลือ อื่น จำกรัฐ ตำม มำตรฐำนสำกลหรือ ตำมที่ กฎหมำย
บัญ ญัต ิ
เหตุผ ล เดิมอ้ำงว่ำทุพพลภำพจำกพจนำนุกรมรำชบัณฑิตยสถำนว่ำ
มีควำมหมำยกว้ำงกว่ำคนพิกำร แต่ปัจจุบันมีกำรนิยำมควำมพิกำรและ
คนพิกำรละเอียดกว้ำงขวำงกว่ำเดิมในขณะที่คำำว่ำ ทุพพลภำพ
เสมือนเป็นสร้อยคำำของคำำว่ำพิกำรคือเรียก พิกำรทุพพลภำพติดกันไป
โดยไม่มีควำมหมำยเป็นอย่ำงอื่น “ได้รับสิ่งอำำนวยควำม สะดวก” ถูก
แปลควำมว่ำ convenience คือ ควำมสะดวกสบำย แต่คนพิกำร
ต้องกำร หมำยควำมถึงกำรเข้ำถึงและใช้ประโยชน์ได้ คือ
accessibility ซึ่งรวมถึงผลผลิต สภำพแวดล้อม แผนงำน โครงกำร
และกิจกรรมกำรพัฒนำทุกรูปแบบบริกำร สิ่งอำำนวยควำมสะดวก
สภำพแวด ล้อม ทำงกำยภำพกำรเข้ำถึงข้อมูลข่ำวสำรซึ่งภำษำ
อัง กฤษ ใช้ ๔ คำำ ที่สำมำรถครอบคลุม คือ product หมำยถึงสิ่งที่
เป็นผลผลิตอันได้แก่(สินค้ำ สิ่งของ วัตถุ นวัตกรรม ทั้งที่จับต้องได้
และจับต้องไม่ได้)environment หมำยถึงสภำพแวดล้อม ทั้งทำง
สถำปัตยกรรม กำรขนส่ง ข้อมูลข่ำวสำร กำรสื่อสำรและเทคโนโลยี
program หมำยถึงแผนงำนโครงกำรกิจกรรมด้ำนกำรพัฒนำทุก รูป
แบบ และ service หมำยถึงบริกำรต่ำงๆ
มำตรำ ๘๐
ข้อ ควำมเดิม /กำรปรับ แก้
รัฐต้องคุ้มครองและพัฒนำเด็กและเยำวชน ส่งเสริมควำมเสมอภำค
ของหญิ ง และชำยเสริ ม สร้ ำ งและพั ฒ นำควำมเป็ น ปึ ก แผ่ น ของ
ครอบครัว และควำมเข้มแข็งของชุมชน
รัฐต้องสงเครำะห์คนชรำ ผู้ยำก ไร้ ผู้พิกำร หรือทุพพลภำพ และผู้
ด้อยโอกำสให้มีคุณภำพชีวิตที่ดี และพึ่งตนเองได้ ปรับ ข้อ ควำม
ใหม่ท ั้ง หมด

ข้อ ควำมใหม่ต ำมร่ำ งรัฐ ธรรมนูญ พ .ศ.๒๕๕๐ ที่ค น
พิก ำรเสนอมำตรำ ๘๐ รัฐ ต้อ งคุ้ม ครอง พัฒ นำ ส่ง เสริม
และจัด สวัส ดิก ำรให้แ ก่เ ด็ก เยำวชน ผู้ส ูง อำยุ คนพิก ำร ผู้
ยำกไร้แ ละผู้ด ้อ ยโอกำสให้ม ีค ุณ ภำพชีว ิต ที่ด ีข ึ้น และอยู่ไ ด้
11
อย่า งพอเพีย ง พร้อ มทั้ง เสริม สร้า งและพัฒ นาความเป็น ปึก
แผ่น ของครอบครัว และความเข้ม แข็ง ของชุม ชนรัฐ ต้อ งส่ง
เสริม ความเสมอภาคของบุค คล หญิง และชาย
เหตุผ ล การสงเคราะห์นำาไปสู่ความเข้าใจว่าการให้ตามความ สมัคร
ใจ ตามความพร้อม ไม่สามารถนำาไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีและพึ่งตนเอง
ได้ จึงใช้คำาว่า “รัฐต้องจัด ให้มีสวัสดิการ” แทนคำาว่า “รัฐต้อง
สงเคราะห์” สงเคราะห์เ ป็น เรื่อ งผู้ใ ห้ส ูง กว่า ผู้ร ับ จะให้ห รือ ไม่
ก็ไ ด้ภ าษาอัง กฤษเรีย กว่า “Charity base” ส่ว นเรื่อ ง
สวัส ดิก ารนั้น เป็น เรื่อ งสิท ธิข องคนพิก ารรัฐ มีห น้า ที่ต ้อ ง
ดำา เนิน การให้ค นพิก ารได้ต ามสิท ธิน ั้น และคนพิก ารทุก คน
ต้อ งได้อ ย่า งทั่ว ถึง และเท่า เทีย มกัน ภาษาอัง กฤษเรีย กว่า
“Right base”
๒.ปรับ ข้อ ความ ๙ มาตรา ในร่า งรัฐ ธรรมนูญ แห่ง ราช
อาณาจัก รไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ ให้ค รอบคลุม เรื่อ งคนพิก ารด้ว ย
ดัง ต่อ ไปนี้
มาตรา ๓๖
ข้อ ความเดิม /การปรับ แก้
บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการเดิน
ทางและมีเสรีภาพในการเลือกถิ่นที่อยู่ภายในราชอาณาจักร
การ
จำากัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำานาจ
ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบ
เรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน การผังเมือง หรือเพื่อ
สวัสดิภาพของผู้เยาว์ การเนรเทศบุคคลผู้มีสัญชาติไทยออกนอก
ราชอาณาจักร หรือห้ามมิให้บุคคลผู้มีสัญชาติไทยเข้ามาในราช
อาณาจักร จะกระทำามิได้
เพิ่ม วรรค ๓ - การไม่อ ำา นวยความสะดวกหรือ ไม่ข จัด
อุป สรรค เพื่อ ให้บ ุค คลสามารถเข้า ถึง และใช้ป ระโยชน์ไ ด้
จากบริก ารขนส่ง สาธารณะ ย่อ มถือ เป็น การจำา กัด เสรีภ าพ
ในการเดิน ทางด้ว ย

ข้อ ความใหม่ต ามร่า งรัฐ ธรรมนูญ พ .ศ.๒๕๕๐ ที่ค น
พิก ารเสนอมาตรา ๓๖ วรรค ๓ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการ

เดินทางและมีเสรีภาพในการเลือกถิ่นที่อยู่ภายในราชอาณาจักร
การจำากัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำามิได้ เว้นแต่โดยอาศัย
อำานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อความมั่นคงของรัฐ
ความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน การผังเมือง หรือ
เพื่อสวัสดิภาพของผู้เยาว์ การไม่อ ำา นวยความสะดวกหรือ ไม่
ขจัด อุป สรรค เพื่อ ให้บ ุค คลสามารถเข้า ถึง และใช้ป ระโยชน์
12
ได้จ ากบริก ารขนส่ง สาธารณะ ย่อ มถือ เป็น การจำา กัด เสรีภ าพ
ในการเดิน ทางด้ว ย การเนรเทศบุคคลผู้มีสัญชาติไทยออกนอก
ราชอาณาจักร หรือห้ามมิให้บุคคลผู้มีสัญชาติไทยเข้ามาในราช
อาณาจักรจะกระทำา มิได้
เหตุผ ล เดิมมองมาตรานี้เพียงการไม่ให้กักขังหน่วงเหนี่ยว บุคคล
ทั่วไปในขณะที่ บุคคลบางกลุ่มมิได้ถูกกัก ขังหน่วงเหนี่ยว แต่ความ
พิการ (เกิดจากความ สัมพันธ์ระหว่างบุคคล กับ สิ่งแวดล้อม) ทำาให้ไม่
สามารถใช้เสรีภาพเดินทางได้เนื่องจากสภาพแวดล้อมมีข้อจำากัด เช่น
ระบบขนส่งสาธารณะ ระบบขนส่ง มวลชน เป็นต้น ดังนั้นคนพิการจึง
ต้องเสนอให้การไม่อำานวยความสะดวกหรือไม่ขจัดอุปสรรค เพื่อให้
บุคคลสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้จากบริการขนส่งสาธารณะ
ย่อมถือเป็น การจำากัดเสรีภาพ ในการเดินทางด้วย
มาตรา ๓๗
ข้อ ความเดิม /การปรับ แก้
ติดต่อถึงกัน รวมทั้งการกระทำาด้วยประการอื่นใดเพื่อให้ล่วงรู้ถึง
ข้อความในสิ่งสื่อสารทั้งหลายที่บุคคลมีติดต่อถึงกันจะกระทำามิได้ เว้น
แต่โดยอาศัยอำานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อรักษา
ความมั่นคงของรัฐ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี
ของประชาชน
เพิ่ม ข้อ ความท้า ยวรรค ๑ –กรณีท ี่เ ป็น การสื่อ สารสาธารณะ
ต้อ งอยู่ใ นรูป แบบที่ก ลุ่ม บุค คลทุก กลุ่ม สามารถเข้า ถึง และใช้
ประโยชน์ไ ด้

ข้อ ความใหม่ต ามร่า งรัฐ ธรรมนูญ พ .ศ.๒๕๕๐ ที่ค น
พิก ารเสนอมาตรา ๓๗ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการสื่อสาร

ถึงกันโดยทางที่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีท ี่เ ป็น การสื่อ สาร
สาธารณะต้อ งอยู่ใ นรูป แบบที่ก ลุ่ม บุค คลทุก กลุ่ม สามารถเข้า
ถึง และใช้ป ระโยชน์ไ ด้
เหตุผ ล เดิมมาตรา ๓๗ และ ๓๙ มองเพียงเสรีภาพในการติดต่อ
แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าว สาร การพิมพ์ โฆษณา การ เซ็นเซ่อร์ข่าว การ
ปิด หนังสือพิมพ์ เป็นต้น แต่แนวคิดใหม่ต้องการให้ คุ้มครองบุคคลทุก
กลุ่มที่มี ความแตกต่างในการรับรู้ การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และ
ต้องการสื่อหรือรูปแบบการติดต่อสื่อสารที่แตกต่างด้วยการไม่อำานวย
ความสะดวก ในเรื่องนี้ถือเป็นการจำากัดเสรีภาพในมาตราทั้ง ๒ นี้
(ลักษณะเดียว กับมาตรา ๕๘)
13
มาตรา ๓๙
ข้อ ความเดิม /การปรับ แก้
บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดง
ความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อ
ความหมายโดยวิธีอื่น
การจำากัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำามิได้ เว้นแต่โดยอาศัย
อำานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของ
รัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัว
เพิ่ม ข้อ ความท้า ยวรรค ๑ -กรณีท ี่เ ป็น การสื่อ สารสาธารณะ
ต้อ งอยู่ใ นรูป แบบที่ก ลุ่ม บุค คลทุก กลุ่ม สามารถเข้า ถึง และใช้
ประโยชน์ไ ด้

ข้อ ความใหม่ต ามร่า งรัฐ ธรรมนูญ พ .ศ.๒๕๕๐ ที่ค น
พิก ารเสนอมาตรา ๓๙ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการ แสดง

ความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อ
ความหมายโดยวิธีอ ื่น กรณีท ี่เ ป็น การสื่อ สารสาธารณะต้อ งอยู่
ในรูป แบบที่ก ลุ่ม บุค คล ทุก กลุ่ม สามารถเข้า ถึง และใช้
ประโยชน์ไ ด้
เหตุผ ล เหตุผลเดียวกับมาตรา ๓๗
มาตรา ๕๒
ข้อ ความเดิม /การปรับ แก้
บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการ
รับบริการทางสาธารณสุขที่ได้มาตรฐาน และผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับการ
รักษาพยาบาลจากสถานบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้
จ่าย ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ
การบริการทางสาธารณสุขของรัฐต้องเป็นไปอย่างทั่วถึงและมี
ประสิทธิภาพ โดยจะต้องส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและ
เอกชนมีส่วนร่วมด้วยเท่าที่จะกระทำาได้
การป้องกันและขจัดโรค
ติดต่ออันตราย รัฐต้องจัดให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่าและทันต่อ
เหตุการณ์ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ
เพิ่ม ข้อ ความ - การป้อ งกัน สาเหตุแ ห่ง ความพิก าร รวมทั้ง

ข้อ ความใหม่ต ามร่า งรัฐ ธรรมนูญ พ .ศ.๒๕๕๐ ที่ค น
พิก ารเสนอมาตรา ๕๒ บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับ

บริการทางสาธารณสุขที่ได้มาตรฐาน และผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับการ
รักษาพยาบาลจากสถานบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้
จ่าย ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ
14
การบริการทางสาธารณสุขของรัฐต้องเป็นไปอย่างทั่วถึงและมี
ประสิทธิภาพ โดยจะต้องส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและ
เอกชนมีส่วนร่วมด้วยเท่าที่จะกระทำาได้
การป้อ งกัน สาเหตุแ ห่ง ความพิก ารรวมทั้ง การป้องกันและขจัด
โรคติดต่ออันตราย รัฐต้องจัดให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่าและทัน
ต่อเหตุการณ์ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ
เหตุผ ล
ในรัฐธรรมนูญไม่มีสาระเกี่ยวกับการป้องกันความพิการในมาตราใดๆ
และ "ความพิการ" ในความ หมายใหม่ เป็นความสัมพันธ์ระหว่างความบกพร่องของบุคคลกับสภาพแวดล้อม
มิใช่ประเด็นทางสุขภาพ/ประเด็นทางการแพทย์แต่เพียงอย่างเดียว

มาตรา ๕๓
ข้อ ความเดิม /การปรับ แก้ เด็ก เยาวชน และบุคคลในครอบครัว มี
สิทธิได้รับความคุ้มครองโดยรัฐจากการใช้ความรุนแรงและการปฏิบัติ
อันไม่เป็นธรรม
เด็กและเยาวชนซึ่งไม่มีผู้ดูแล มีสิทธิได้รับการเลี้ยงดูและการศึกษา
อบรมจากรัฐทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ
เพิ่ม คำา ว่า สตรีพ ิก าร และ เด็ก พิก าร
เ พิ่ ม ข้ อ ค ว า ม – จ น ก ว่ า จ ะ มี ค ุ ณ ภ า พ ชี ว ิ ต ที่ ด ี ข ึ้ น แ ล ะ อ ยู่ ไ ด้
อย่า งพอเพีย ง

ข้อ ความใหม่ต ามร่า งรัฐ ธรรมนูญ พ .ศ.๒๕๕๐ ที่ค น
พิก ารเสนอมาตรา ๕๓ เด็ก เยาวชน สตรีพ ิก าร และบุคคลใน

ครอบครัว มีสิทธิได้รับความคุ้มครองโดยรัฐจากการใช้ความรุนแรง
และการปฏิบัติอันไม่เป็นธรรม
เด็กและเยาวชนซึ่งไม่มีผู้ดูแลและเด็กพิการที่ยากจน มีสิทธิได้รับ
การเลี้ยงดูและการศึกษาอบรมจากรัฐ จนกว่า จะมีค ุณ ภาพชีว ิต ที่ด ี
ขึ้น และอยู่ไ ด้อ ย่า งพอเพีย ง ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ
เหตุผ ล สตรีพิการเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มักได้รับการกระทำารุนแรง
และการปฏิบัติอันไม่เป็นธรรม
เด็กคนพิการยากจนจำานวนมากไม่สามารถพึ่งตนเองได้ จึงจำาเป็นต้อง
ได้รับดูแลอย่างต่อเนื่อง

มาตรา ๕๔
15
บุคคลซึ่งมีอายุเกินหกสิบปีบริบูรณ์และไม่มีรายได้เพียงพอแก่การ
ยังชีพ มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมาย
บัญญัติ เสนอแนวคิด ให้ป รับ ข้อ ความ

ข้ อ ค ว า ม ใ ห ม่ ต า ม ร่ า ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ พ .ศ .๒ ๕ ๕ ๐ ที่ ค น
พิก ารเสนอมาตรา ๕๔ เป็นการคุ้มครองเด็ก เยาวชน และคนสูง

อายุ จะต้อง มีความ ชัดเจนมากขึ้นด้วย วิธี เขียนอย่างไรก็ได้ หรือ
แสดง เจตนารมย์ ให้ชัดเจนว่าจะ ครอบคลุม เด็ก เยาวชน สตรีและ
คนสูงอายุ ที่เป็นคนพิการด้วย
เห ตุผ ล มีความพยายามและความ เข้าใจที่จะให้เรื่องทุกเรื่อง ของ
คนพิการ ทุกช่วงอายุ ทุกเพศ ทุกวัย ทุกประเภท ความพิการและทุก
ระดับ ความพิการ ไปอยู่ในมาตรา ๕๔ ทำาให้การเขียนมาตรา ๕๕ มี
ความยากมากเพราะไม่สามารถเขียนแบบแยกแยะได้ในขณะเดียวกัน
ก็ ไม่ ส ามารถเขีย นแบบรัด กุ ม ย่ นย่ อ ได้ เด็ กพิ การยั ง คง มี สิ ท ธิ ต่ างๆ
เท่าที่เด็กทั่วไป ได้รับ คนชราพิ การก็ เช่ น เดียวกัน ย่อมมีสิทธิเท่ าที่
คนชราทั่ ว ไปจะได้ รั บ หาก มี สิ ท ธิ ใ ดที่ ส มควรคุ้ ม ครอง ไว้ ด้ ว ยเหตุ
ความพิการจึงนำาไปกำาหนดในมาตรา ๕๕

มาตรา ๕๘
ข้อ ความเดิม /การปรับ แก้ บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับทราบข้อมูล
หรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยราชการ หน่วยงาน
ของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น เว้นแต่การเปิดเผยข้อมูล
นั้นจะกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยของประชาชน หรือ
ส่วนได้เสียอันพึงได้รับความคุ้มครอง
ของบุคคลอื่น ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ
เ พิ่ ม ข้ อ ค ว า ม – ใ น รู ป แ บ บ ที่ ค น พิ ก า ร แ ล ะ ผู้ ด ้ อ ย โ อ ก า ส
สามารถเข้า ถึง และใช้ป ระโยชน์ไ ด้

ข้อ ความใหม่ต ามร่า งรัฐ ธรรมนูญ พ .ศ.๒๕๕๐ ที่ค น
พิก ารเสนอมาตรา ๕๘ บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับทราบข้อมูลหรือ

ข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ
รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น เว้นแต่การเปิดเผยข้อมูลนั้นจะ
กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยของประชาชน หรือส่วน
ได้เสียอันพึงได้รับความคุ้มครองของบุคคลอื่น ในรูป แบบที่ค น
16
พิก ารและผู้ด ้อ ยโอกาสสามารถเข้า ถึง และใช้ป ระโยชน์ไ ด้
ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ
เหตุผ ล
เพื่ อ ให้ มั่ น ใจว่ า หน่ ว ยงานที่ รั บ ผิ ด ชอบในการเผยแพร่ ใ ห้ ข้ อ มู ล
ข่ า วสารจะคำา นึ ง ถึ ง บุ ค คลที่ มี ค วามแตกต่ า ง ในการเข้ า ถึ ง และรั บ รู้
ข้อมูลข่าวสาร เช่น คนตาบอด คนหูหนวก คนชรา คนที่มีปัญหาใน
การอ่านหนังสือที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ เป็นต้น
มาตรา ๘๖
ข้อ ความเดิม /การปรับ แก้ รัฐต้องส่งเสริมให้ประชากรวัยทำางาน
มีงานทำา คุ้มครองแรงงานโดยเฉพาะแรงงานเด็กและแรงงานหญิง จัด
ระบบแรงงานสัมพันธ์ การประกันสังคม รวมทั้งค่าตอบแทนแรงงานให้
เป็นธรรม
เพิ่ม ข้อ ค ว า ม –รวมทั้ง ก า ร ส ร้ า ง ห ลัก ป ร ะ กัน ก า ร มี ง า น ทำา ใ ห้
คน พิก ารและผู้ด ้อ ยโอกาส

ข้ อ ค ว า ม ใ ห ม่ ต า ม ร่ า ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ พ .ศ .๒ ๕ ๕ ๐ ที่ ค น
พิก ารเส นอ ม า ต ร า ๘๖ รัฐต้องส่งเสริมให้ประชากรวัยทำา งานมี

งานทำา คุ้มครองแรงงานโดยเฉพาะแรงงานเด็กและแรงงานหญิง จัด
ระบบแรงงานสัมพันธ์ การประกันสังคม รวมทั้งค่าตอบแทนแรงงานให้
เป็ น ธรรม ร ว ม ทั้ ง ก า ร ส ร้ า ง s ลั ก ป ร ะ กั น ก า ร มี ง า น ทำา ใ ห้ ค น
พิก ารและผู้ด ้อ ยโอกาส
เ ห ตุ ผ ล รั ฐ ลงทุ น ในการศึ ก ษาและฟื้ น ฟู ส มรรถภาพคนพิ ก ารด้ า น
อาชีพมากแต่ไม่มีความชัดเจน ในการส่งเสริมการจ้างงานและ/หรือ
การประกันการมีงานทำาจึงเกิดความสูญเปล่าส่วนคนพิการที่ได้รับการ
การจ้างงานมักไม่ได้รับความ เป็นธรรมเรื่องค่าจ้าง และสวัสดิการ
มาตรา ๑๙๐ การพิจารณาร่างพระราชบัญ ญัติที่ประธาน
สภาผู้แทน ราษฎรวินิจฉัยว่ามีสาระสำาคัญเกี่ยวกับเด็ก สตรี และคน
ชรา หรือผู้พ ิก ารหรือ ทุพ พลภาพ หากสภาผู้แทน ราษฎรมิได้
พิจารณาโดยกรรมาธิ การเต็มสภา ให้สภาผู้แทน ราษฎรตั้งคณะ
กรรมาธิการวิสา มัญขึ้นประกอบด้วยผู้แทนองค์ การเอกชนเกี่ยวกับ
บุคคลประ เภทนั้นมีจำานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำานวน
กรรมาธิการ...
ปรับ ข้อ ความ – หรือผู้พิการหรือทุพพลภาพ เป็น คนพิก าร
ปรับ ข้อ ความ – หนึ่งในสาม เป็น กึ่ง หนึ่ง

ข้ อ ค ว า ม ใ ห ม่ ต า ม ร่ า ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ พ .ศ .๒ ๕ ๕ ๐ ที่ ค น
พิ ก า ร เ ส น อ ม า ต ร า ๑๙๐การพิ จ ารณาร่ า งพระราชบั ญ ญั ติ ที่

ประธานสภาผู้แทนราษฎรวิ นิจ ฉั ย ว่ ามี ส าระสำา คั ญ เกี่ ย วกั บ เด็ ก สตรี
17
และคนชรา หรือคนพิก าร หากสภาผู้แทนราษฎรมิได้พิจารณาโดย
กรรมาธิการเต็มสภา ให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ
ขึ้ น ประกอบด้ ว ยผู้ แ ทนองค์ ก ารเอกชนเกี่ ย วกั บ บุ ค คลประเภทนั้ น มี
จำานวนไม่น้อยกว่ากึ่ง หนึ่ง ของจำานวนกรรมาธิการทั้งหมด
เ ห ตุ ผ ล องค์ ป ระกอบของคณะ กรรมาธิ ก ารวิ ส ามั ญ ควรมี ผู้ แ ทน
องค์การเอกชนเกี่ยวกับบุคคลแต่ละประเภทไม่น้อยกว่า กึ่ง ห นึ่ง ของ
จำานวนกรรมาธิการทั้งหมด ทั้ง นี้เ พื่อ ให้ต ัว แทนกลุ่ม นั้น ๆ สามา
รถพลัก ดัน แนวคิด ขอ งกลุ่ม ต นเข้า ไปไว้ใ น พร ะร าช บัญ ญัต ิท ี่
เกี่ย วกับ กลุ่ม นั้น ๆ ได้อ ย่า งแท้จ ริง
๓. แนวทางปรับ แนวคิด สำา คัญ ในการร่า งรัฐ ธรรมนูญ
๓.๑. นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง ภายใต้ความ
เห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร
๓.๒.ให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อแต่
กำาหนดให้ทุกพรรคพิจารณาเสนอชื่อ ที่ครอบคลุมกลุ่ม
อาชีพ และกลุ่มบุคคลเฉพาะ เช่น คนพิการ และสตรี
๓.๓ ให้มีสองสภากรณีสมาชิกวุฒิสภามาจากการแต่งตั้ง
หรือสรรหา ให้คำานึงถึงความครอบ คลุมกลุ่ม
ประชาชนที่หลากหลาย รวมถึงคนพิการด้วย
๓.๔ คงไว้ซึ่งองค์กรอิสระ และเพิ่มอำานาจให้คณะ
กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และผู้ตรวจ การแผ่น
ดินของรัฐสภา (ไม่ยุบรวม) รวมทั้งให้คณะกรรมการสิ
ทธิฯ สามารถดำาเนินการฟ้องร้องแทน ประชาชนที่ถูก
ละเมิดสิทธิมนุษยชนได้
๓.๕ กำาหนดให้หมวด ๕ ใช้ชื่อ “ หน้าที่แห่งรัฐ ” แทน
แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
๓.๖ เพื่อให้รัฐสามารถดำาเนินการตามมาตรา ๘๐ ได้ รัฐ
ต้องจัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นธรรม โดยในพรบ.งบ
ประมาณแต่ละปี ต้องกำาหนดสัดส่วนไว้อย่างชัดเจน
เช่น กรณีคนพิการควรมีสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๑
ของงบประมาณแผ่นดิน
๓.๗ ตัดคำาว่าทุพพลภาพ ออกทุกที่ที่ปรากฏ
๓.๘ ให้ใช้คำาว่า “คนพิการ” แทน “ผู้พิการ” ทุกแห่ง
๔. ข้อ เสนอทั่ว ไป
18
๔.๑ รัฐ ต้อ งทำา หน้ า ที่ ให้ ค วามรู้ ค วามเข้ า ใจและเผยแพร่
เรื่องการเมืองการปกครองในประเทศ ให้แก่เยาวชน
คนพิการ และผู้สูงอายุ ให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ
๔.๒ รั ฐ ต้ อ งทำา หน้ า ที่ เ ปิ ด เผยข้ อ มู ล ให้ ส าธารณชนใน
จัง หวั ด นั้ นทุ กจั งหวั ด ให้ รั บ รู้ ทั่ ว กั น ในเรื่ อ งของระดั บ
ปั ญ หา คอรั ป ชั่ น อาชญากรรม เศรษฐกิ จ และสั ง คม
โดยให้องค์กรอิสระที่มาจากนักศึกษาและประชาชนใน
จังหวัดนั้นๆเป็นผู้ชี้วัดทุกๆ ๑ ปี
เมื่อสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยได้นำา ข้อเสนอต่อ
ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
และเลขากรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สภาคน
พิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยได้จัดฟังความคิดเห็นของคนพิการ
ทั่วประเทศ โดยภาคกลางจัดฟังความคิดเห็นที่ กรุงเทพมหานครใน
ระหว่ า งวั น ที่ 22 และ 23 มี น าคม พ.ศ. 2550 ส่ ว นภาคตะวั น ออก
เฉี ย งเหนื อ จั ด ที่ จั ง หวั ด นครราชสี ม า ในระหว่ า งวั น ที่ 24 และ 25
มีนาคม พ.ศ. 2550 ภาคเหนือจัดที่จังหวัด อุตรดิตถ์ ในระหว่างวันที่
26 แ ล ะ 27 มี น า ค ม พ .ศ . 2550 แ ล ะ ภ า ค ใ ต้ จั ด ที่ จั ง ห วั ด
นครศรีธรรมราช ในระหว่างวั นที่ 28 และ 29 มีนาคม พ.ศ. 2550
ในการจัดสัมมนาทุกครั้งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสมาชิกสภา
ร่างรั ฐ ธรรมนูญ นาย การุญ ใสงาม จากการรั บ ฟั ง ความคิ ด เห็ นคน
พิการในภูมิภาคต่างๆต่างมีข้อเสนอแนะที่หลากหลายแต่เมื่อนำามาสรุป
แล้ว ความคิดเห็นของคนพิการที่รับฟังมานั้นก็ยังอยู่ในกรอบที่สภา
คนพิ ก ารได้ นำา เสนอต่ อ สภาร่ า งรั ฐ ธรรมนู ญ ไปแล้ ว นอกจากนี้ ค น
พิ ก ารยั ง ได้ นำา เอ าข้ อ เส นอ ข อ งส ภา ค นพิ ก า รทุ ก ปร ะ เ ภท แห่ ง
ประเทศไทยนำา เสนอต่ อ สภาร่ า งรั ฐ ธรรมนู ญ ในเวที ต่ า งๆที่ ส ภาร่ า ง
รัฐธรรมนูญจัดรับฟังความคิดเห็น
อย่ า งไรก็ ต ามเมื่ อ กรรมาธิ ก ารยกร่ า งรั ฐ ธรรมนู ญ นำา ร่ า ง
รั ฐ ธรรมนู ญ ที่ ย กร่า งเสร็จ แล้ ว นำา มาเผยแพร่ ต่ อ ประชาชน สภาคน
พิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยพบว่ามีบางเรื่องที่คณะกรรมาธิการ
ยกร่างรัฐธรรมนูญได้ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของสภาคนพิการทุก
ประเภทแห่งประเทศไทยบางประการ อย่างเช่นเรื่องให้นำาพันธะกรณี
ระหว่ า งประเทศที่ ป ระเทศไทยมี อ ยู่ ใ ห้ มี ผ ลใช้ บั ง คั บ ได้ โดยนำา มา
บัญญัติไว้ในมาตรา 4 ทั้งนี้อาจเนื่องจากมีหลายองค์กรเรียกร้องใน
ทำา นองเดีย วกันกับที่ส ภาคนพิ การทุ กประเภทแห่ งประเทศไทยเรี ย ก
ร้องก็เป็นไปได้
19
มาตรา 4 “ศักดิ์ศ รีค วามเป็ น มนุ ษย์ สิ ท ธิ เสรี ภ าพ และความ
เสมอภาคของบุค คลทั้ง ที่ บัญ ญั ติ ไว้ ต ามรั ฐ ธรรมนู ญ นี้ ตามประเพณี
การปกครองประเทศไทยในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์
ท ร ง เ ป็ น ป ร ะ มุ ข แ ล ะ ต า ม พั น ธ ะ ก ร ณี ร ะ ห ว่ า ง ป ร ะ เ ท ศ ที่
ประเทศไทยมีอ ยู่ ย่อ มได้ร ับ ความคุ้ม ครอง
นอกจากนี้ได้มีการเติมเรื่องการจัดสวัสดิการให้ไว้ในมาตรา 53
และมาตรา 79(1)
มาตรา 53 “บุ ค คลซึ่ ง พิ ก ารหรื อ ทุ พ พลภาพ มี สิ ท ธิ ไ ด้ ร ั บ
ส วัส ดิก า ร สิ่งอำา นวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะ และความช่ ว ย
เหลืออื่นจากรัฐ”
มาตรา 79 “รัฐต้องดำาเนินการตามแนวนโยบายด้านสังคม การ
ศึกษา และวัฒนธรรม ดังต่อไปนี้
(1) คุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน ส่งเสริมความเสมอภาพ
ของหญิงและชาย เสริมสร้างและพัฒนาความเป็นปึกแผ่นของสถาบัน
ครอบครัว รวมทั้งต้องสงเคราะห์แ ละจัด สวัส ดิก าร ให้แก่คนชรา ผู้
ยากไร้ ผู้พิ การหรือ ทุพ พลภาพ และผู้ อ ยู่ ในสถานะยากลำา บากให้ มี
คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและพึ่งตนเองได้
(2) ...
(3) ...
แต่ เรื่ อ งสำา คัญ ที่ ค นพิ ก ารต้ อ งการกลั บ ไม่ ไ ด้ รั บ การตอบสนอง
อย่างเช่น ให้มีการเติมคำาว่า “ ความพิการ” ลงในมาตรา 30 วรรค 3
ปรากฎว่าในมาตรา 30 วรรค 3 ยังมีข้อความเหมือนเดิม หรือขอให้
ใช้ถ้อยคำาว่า “มีสิทธิเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ ” แทนคำาว่า “มีสิทธิได้
รับ” ในมาตรา 55 เดิม หรือ มาตรา 53 ตามร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่
ในมาตรา 53 ยังใช้คำาว่า “มีสิทธิได้รับ” เช่นเดิม
มาตรา 30 วรรค 3 “การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล
เพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำา เนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ
อายุ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจ
และสั ง คม ความเชื่ อ ทางศาสนา การศึ ก ษาอบรมหรื อ ความคิ ด เห็ น
ทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ จะกระทำามิได้”
ทำา ไมคำา ว่ า “ ความพิการ ” จึ ง มี ค วามสำา คั ญ มาก เพราะความ
พิ ก ารเป็ น อั ต ลั ก ษณ์ ข องคนกลุ่ ม หนึ่ ง ที่ รู้ จั ก กั น ในชื่ อ ผู้ พิ ก ารหรื อ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ

More Related Content

Similar to รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ

Reconciliation-bill
Reconciliation-billReconciliation-bill
Reconciliation-billSanchai San
 
Update กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน
Update กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนUpdate กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน
Update กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนssuserd18196
 
สิทธิมนุษ พยาบาล
สิทธิมนุษ พยาบาลสิทธิมนุษ พยาบาล
สิทธิมนุษ พยาบาลluckana9
 
หลักธรรมาภิบาล
หลักธรรมาภิบาลหลักธรรมาภิบาล
หลักธรรมาภิบาลWiroj Suknongbueng
 
06 1 ปัญหาการทำแท้ง
06 1 ปัญหาการทำแท้ง06 1 ปัญหาการทำแท้ง
06 1 ปัญหาการทำแท้งetcenterrbru
 
iyddddddบทความของ ดร
iyddddddบทความของ ดรiyddddddบทความของ ดร
iyddddddบทความของ ดรkhamaroon
 
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณีกฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณีthnaporn999
 
ข้าราชการกับการเมือง
ข้าราชการกับการเมืองข้าราชการกับการเมือง
ข้าราชการกับการเมืองTaraya Srivilas
 
คำร้องถึงอัยการสูงสุด
คำร้องถึงอัยการสูงสุดคำร้องถึงอัยการสูงสุด
คำร้องถึงอัยการสูงสุดChor Chang
 
Public health and the constitution (1)
Public health and the constitution (1)Public health and the constitution (1)
Public health and the constitution (1)Medical Student, GCM
 
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550Poramate Minsiri
 
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณีกฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณีthnaporn999
 
เอาชนะความกลัวพระบรมเดชานุภาพ
เอาชนะความกลัวพระบรมเดชานุภาพเอาชนะความกลัวพระบรมเดชานุภาพ
เอาชนะความกลัวพระบรมเดชานุภาพJunya Yimprasert
 

Similar to รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ (20)

Reconciliation-bill
Reconciliation-billReconciliation-bill
Reconciliation-bill
 
Update กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน
Update กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนUpdate กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน
Update กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน
 
Laws 100
Laws 100Laws 100
Laws 100
 
สิทธิมนุษ พยาบาล
สิทธิมนุษ พยาบาลสิทธิมนุษ พยาบาล
สิทธิมนุษ พยาบาล
 
S mbuyer 110
S mbuyer 110S mbuyer 110
S mbuyer 110
 
รัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญ
 
หลักธรรมาภิบาล
หลักธรรมาภิบาลหลักธรรมาภิบาล
หลักธรรมาภิบาล
 
06 1 ปัญหาการทำแท้ง
06 1 ปัญหาการทำแท้ง06 1 ปัญหาการทำแท้ง
06 1 ปัญหาการทำแท้ง
 
iyddddddบทความของ ดร
iyddddddบทความของ ดรiyddddddบทความของ ดร
iyddddddบทความของ ดร
 
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณีกฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
 
ข้าราชการกับการเมือง
ข้าราชการกับการเมืองข้าราชการกับการเมือง
ข้าราชการกับการเมือง
 
คำร้องถึงอัยการสูงสุด
คำร้องถึงอัยการสูงสุดคำร้องถึงอัยการสูงสุด
คำร้องถึงอัยการสูงสุด
 
เบญจศีล
เบญจศีลเบญจศีล
เบญจศีล
 
กฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550
กฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550กฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550
กฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550
 
34830816 การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ
34830816 การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ34830816 การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ
34830816 การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ
 
Public health and the constitution (1)
Public health and the constitution (1)Public health and the constitution (1)
Public health and the constitution (1)
 
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
 
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณีกฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
 
Bangkok 6-3
Bangkok 6-3Bangkok 6-3
Bangkok 6-3
 
เอาชนะความกลัวพระบรมเดชานุภาพ
เอาชนะความกลัวพระบรมเดชานุภาพเอาชนะความกลัวพระบรมเดชานุภาพ
เอาชนะความกลัวพระบรมเดชานุภาพ
 

More from Nanthapong Sornkaew

วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน 2557 1
วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน  2557 1 วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน  2557 1
วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน 2557 1 Nanthapong Sornkaew
 
การร้องทุกข์ทางรธน.ในระบบฯเยอรมัน วิเคราะห์เปรียบเทียบการฟ้องคดีโดยปชช.ต่อศาล...
การร้องทุกข์ทางรธน.ในระบบฯเยอรมัน วิเคราะห์เปรียบเทียบการฟ้องคดีโดยปชช.ต่อศาล...การร้องทุกข์ทางรธน.ในระบบฯเยอรมัน วิเคราะห์เปรียบเทียบการฟ้องคดีโดยปชช.ต่อศาล...
การร้องทุกข์ทางรธน.ในระบบฯเยอรมัน วิเคราะห์เปรียบเทียบการฟ้องคดีโดยปชช.ต่อศาล...Nanthapong Sornkaew
 
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญNanthapong Sornkaew
 
ประกาศ คณะราษฎร 1
ประกาศ คณะราษฎร 1ประกาศ คณะราษฎร 1
ประกาศ คณะราษฎร 1Nanthapong Sornkaew
 
kคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครอง
kคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครองkคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครอง
kคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครองNanthapong Sornkaew
 
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545Nanthapong Sornkaew
 
ดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ
ดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ
ดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯNanthapong Sornkaew
 
อากงปลงไม่ตก
อากงปลงไม่ตกอากงปลงไม่ตก
อากงปลงไม่ตกNanthapong Sornkaew
 
คำพิพากษาคดีอากง
คำพิพากษาคดีอากงคำพิพากษาคดีอากง
คำพิพากษาคดีอากงNanthapong Sornkaew
 
ประเทศไทยมีกี่ศาล
ประเทศไทยมีกี่ศาลประเทศไทยมีกี่ศาล
ประเทศไทยมีกี่ศาลNanthapong Sornkaew
 
kจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรม
kจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรมkจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรม
kจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรมNanthapong Sornkaew
 
เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่
เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่
เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่Nanthapong Sornkaew
 

More from Nanthapong Sornkaew (20)

วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน 2557 1
วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน  2557 1 วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน  2557 1
วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน 2557 1
 
Pantipontour
PantipontourPantipontour
Pantipontour
 
Bo tmuseum
Bo tmuseumBo tmuseum
Bo tmuseum
 
การร้องทุกข์ทางรธน.ในระบบฯเยอรมัน วิเคราะห์เปรียบเทียบการฟ้องคดีโดยปชช.ต่อศาล...
การร้องทุกข์ทางรธน.ในระบบฯเยอรมัน วิเคราะห์เปรียบเทียบการฟ้องคดีโดยปชช.ต่อศาล...การร้องทุกข์ทางรธน.ในระบบฯเยอรมัน วิเคราะห์เปรียบเทียบการฟ้องคดีโดยปชช.ต่อศาล...
การร้องทุกข์ทางรธน.ในระบบฯเยอรมัน วิเคราะห์เปรียบเทียบการฟ้องคดีโดยปชช.ต่อศาล...
 
Politics1
Politics1Politics1
Politics1
 
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
 
10 12-2475
10 12-247510 12-2475
10 12-2475
 
ประกาศ คณะราษฎร 1
ประกาศ คณะราษฎร 1ประกาศ คณะราษฎร 1
ประกาศ คณะราษฎร 1
 
Book inter germany
Book inter germanyBook inter germany
Book inter germany
 
บทความ+ศา..
บทความ+ศา..บทความ+ศา..
บทความ+ศา..
 
kคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครอง
kคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครองkคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครอง
kคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครอง
 
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545
 
Article t2
Article t2Article t2
Article t2
 
ดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ
ดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ
ดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ
 
อากงปลงไม่ตก
อากงปลงไม่ตกอากงปลงไม่ตก
อากงปลงไม่ตก
 
คำพิพากษาคดีอากง
คำพิพากษาคดีอากงคำพิพากษาคดีอากง
คำพิพากษาคดีอากง
 
ประเทศไทยมีกี่ศาล
ประเทศไทยมีกี่ศาลประเทศไทยมีกี่ศาล
ประเทศไทยมีกี่ศาล
 
kจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรม
kจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรมkจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรม
kจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรม
 
เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่
เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่
เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่
 
V2011 4
V2011 4V2011 4
V2011 4
 

รัฐธรรมนูญใหม่ชีวิตใหม่สำหรับคนพิการจริงหรือ

  • 1. รัฐ ธรรมนูญ ใหม่ช ีว ิต ใหม่ส ำำ หรับ คนพิก ำร จริง หรือ ? ...................................................................................... ......................................... โดยศำสตรำจำรย์ วิ ริ ย ะ นำมศิ ริ พ งศ์ พั น ธุ์ อำจำรย์ ป ระจำำ คณะ นิติศำสตร์ มหำวิทยำลัยธรรมศำสตร์ คำำ นำำ ถึงแม้ว่ำคนไทยจำำนวนมำกจะไม่ได้ให้ควำมสนใจเกี่ยวกับกำร ยกร่ำงรัฐธรรมนูญ (พ.ศ.๒๕๕๐) แต่คนพิกำรได้ให้ควำมสนใจเกี่ยว กั บ กำรยกร่ ำงรัฐ ธรรมนูญ เป็ นอย่ ำงมำก เพรำะคนพิ กำรทรำบดี ว่ ำ รัฐธรรมนูญนั้นนอกจำกกำรบัญญัติเกี่ยวกับระบบและวิธีกำรปกครอง ประเทศ ยังมีกำรบัญญัติเกี่ยวกับหลักประกันสิทธิขั้นพื้นฐำนของปวง ชนชำวไทย คนพิกำรรู้สึกมำโดยตลอดว่ำรัฐธรรมนูญนั้นยังมิได้ให้ หลักประกันสิทธิขั้นพื้นฐำนของคนพิกำรอย่ำงดีพอ ทำำ ให้คนพิกำร ยั ง ต้ อ งตกเป็ น ภำระของครอบครั ว และสั ง คมเป็ น บุ ค คลที่ น่ ำ สงสำร กำรช่วยเหลือคนพิกำรยังตั้งอยู่บนควำมเชื่อแบบเวทนำนิยม ดังนั้น ใน ระหว่ำงที่บุคคลทั่วไปกำำลังให้ควำมสนใจเกี่ยวกับบทบัญญัติที่ว่ำ ด้ ว ยระบบและวิ ธี ก ำรปกครองประเทศ ตั้ ง แต่ ป ระเด็ น รั ฐ สภำควรมี วุฒิสภำอยู่ด้วยหรือไม่ จำำ นวนสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและสมำชิก วุฒิสภำ ควรมีสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรระบบบัญชีรำยชื่อหรือไม่ ถ้ำมี ควรจะกำำ หนดกันอย่ำงไรที่จะให้ได้ตัวแทนมำจำกทุกภำคส่วน ส่วน กำรได้มำของสมำชิกวุฒิสภำก็เถียงกันว่ำจะมำจำกกำรเลือกตั้งหรือ กำรสรรหำส่ ว นคนพิ ก ำรนั้ น ให้ ค วำมสำำ คั ญ เกี่ ย วกั บ บทบั ญ ญั ติ ที่ ประกั น สิ ท ธิ ขั้ น พื้ น ฐำนของปวงชนชำวไทย โดยควำมมุ่ ง หวั ง ว่ ำ รัฐธรรมนูญใหม่จะมีบทบัญญัติที่เป็นหลักประกันในกำรสร้ำงชีวิตใหม่ ทีดีกว่ำเดิมให้แก่คนพิกำร ่ ป ร ะ วั ต ิ ค ว ำ ม เ ป็ น ม ำ สิ ท ธิ ม นุ ษ ย ช น ค น พิ ก ำ ร ใ น รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ แห่ง รำชอำณำจัก รไทย ตั้ง แต่ อ ดีต กำลนำนมำแล้ ว ที่ ค นพิ ก ำรต้ อ งต่ อ สู้ เ พื่ อ สิ ท ธิ ขั้ น พื้ น ฐำนของคนพิกำร ในยุคแรกๆ เป็นกำรเรียกร้องไม่ให้มีกำรจำำกัดสิทธิ ของคนพิกำรโดยเฉพำะสิทธิในทำงกำรเมือง ในรัฐธรรมนูญแห่งรำช อำณำจั ก รไทย ตั้ ง แต่ ฉ บั บ ก่ อ นปี ๒๕๒๓ ได้ มี ก ำรจำำ กั ด สิ ท ธิ ค นหู หนวกและเป็นใบ้ซึ่งไม่สำมำรถอ่ำนออกเขียนได้ ไม่ให้มีสิทธิเลือกตั้ง ทั้ ง สมำชิ ก สภำผู้ แ ทนรำษฎรและสมำชิ ก วุ ฒิ ส ภำ ดั ง เห็ น ได้ จ ำก รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ.๒๕๑๗ มำตรำ ๑๑๖ บุคคล
  • 2. 2 ผู้มี ลักษณะดังต่อไปนี้ ในวั นเลือ กตั้ งเป็ นบุ คคลต้ องห้ำมมิ ให้ใช้ สิ ท ธิ เลือกตั้ง (๒) หูหนวกและเป็นใบ้ ซึ่งไม่สำมำรถอ่ำนและเขียนหนังสือ ได้ สมำคมคนหู ห นวกแห่ ง ประเทศไทยร่ ว มกั บ สภำคนพิ ก ำรทุ ก ประเภทแห่งประเทศไทย ได้รณรงค์เรียกร้องให้ยกเลิกกำรจำำกัดสิทธิ คนหูหนวกและเป็นใบ้ที่ไม่ให้มีสิทฺธิเลือกตั้ง เพรำะสิทธิเลือกตั้ง เป็น สิทธิขั้นพื้นฐำนในทำงกำรเมือง ของคนไทยทุกคน ในอำรยประเทศ นั้นคนหูหนวกและเป็นใบ้นอกจำกจะมีสิทธิเลือกตั้งแล้ว ยังมีสิทธิรับ สมัครรับเลือกตั้งเป็นทั้งสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและสมำชิกวุฒิสภำ ในบำงประเทศคนหูหนวกและเป็นใบ้ยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี ด้วยซำ้ำไป กำรรณรงค์ของสมำคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย และสภำคน พิกำรทุกประเภทแห่งประเทศ ไทย ได้ ป ระสบผลสำำ เร็ จ ในระดั บ หนึ่ ง เมื่ อ รั ฐ ธรรมนู ญ แห่ ง รำช อำณำจักรไทย พ.ศ. ๒๕๓๔ ได้ยกเลิกกำรจำำกัดสิทธิของคนหูหนวก และเป็นใบ้ ในเรื่องสิทธิเลือกตั้ง อย่ำงไรก็ตำมคนหูหนวกและเป็นใบ้ ยังถูกจำำกัดสิทธิ ไม่ให้มีสิทธิรับสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมำชิกสภำผู้แทน รำษฎรและสมำชิ ก วุ ฒิ ส ภำ ดั ง เห็ น ได้ จ ำกรั ฐ ธรรมนู ญ แห่ ง รำช อำณำจักรไทย พ.ศ. ๒๕๓๔ มำตรำ ๑๑๓ บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็ น บุ ค คลต้ อ งห้ ำ มมิ ใ ห้ ใ ชั สิ ท ธิ ส มั ค รรั บ เลื อ กตั้ ง (๔) เป็ น บุ ค คลหู หนวกและเป็นใบ้ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ สมัยรัฐ บำลที่ มีนำยบรรหำร ศิลปอำชำเป็ น นำยกรัฐมนตรี เมื่อสมำชิกรัฐสภำ เห็นชอบให้มีกำรแก้ไขรัฐธรรมนูญ แห่งรำชอำณำจักรไทย ฉบับปีพุทธศักรำช ๒๕๓๔ ทั้งฉบับ และให้มี กำรยกร่ ำ งรั ฐ ธรรมนู ญ ฉบั บ ใหม่ โดยคณะผู้ ย กร่ ำ งรั ฐ ธรรมนู ญ คื อ สภำร่ำงรัฐธรรมนูญ (สร.) สำำหรับสภำร่ำงรัฐธรรมนูญมีนำยอุทัย พิมพ์ ใจชนเป็นประธำน สภำคนพิกำรฯมีกำรเคลื่อนไหวรณรงค์ให้มีเรื่อง สิ ท ธิ ม นุ ษ ยชนคนพิ ก ำรในรั ฐ ธรรมนู ญ แห่ ง รำชอำณำจั ก รไทย ฉบับ(พ.ศ.๒๕๔๐)นี้ด้วย ผศ.วิริยะ นำมศิริพงศ์พันธุ์ ในฐำนะประธำน ฝ่ำยกฎหมำยและสิทธิมนุษยชนสภำคนพิกำรฯ รับเป็นประธำนคณะ ทำำ งำนจั ด สั ม มนำเรื่ อ ง “คนพิ ก ำร : กำรมี ส่ ว นร่ ว มร่ ำ งรั ฐ ธรรมนู ญ ” เพื่อให้คนพิกำรได้รับควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับกำรปฏิรูปกำรเมือง และเพื่อให้ได้กฎหมำยรัฐธรรมนูญที่คนพิกำรพึงประสงค์ และนำำเสนอ ต่ อ สภำร่ำ งรั ฐ ธรรมนู ญ โดยจั ด สั ม มนำที่ ห้ อ ง LT ๒ คณะนิ ติ ศ ำสตร์ มหำวิ ท ยำลั ย ธรรมศำสตร์ ในวั น ที่ ๑๗ กุ ม ภำพั น ธ์ พุ ท ธศั ก รำช ๒๕๔๐ เมื่อได้ขอสรุปจำกกำรสัมมนำแล้วสภำคนพิกำรทุกประเภทแห่ง ้ ประเทศไทยได้นำำ ข้อ สรุปไปเสนอต่ อ นำยอุ ทั ย พิ มพ์ ใจชน ประธำน สภำร่ำงรัฐธรรมนูญ
  • 3. 3 นอกจำกนี้ เ มื่ อ มี ก ำรจั ด ประชุ ม สั ม มนำทำงวิ ช ำกำรเรื่ อ ง กำร ฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรโดยชุมชนและยุทธศำสตร์ในกำรสร้ำงผู้นำำ คนพิกำร ที่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลำเดียวกันกับที่นำย อุ ทั ย พิม พ์ใ จชน และคณะ สสร. ได้ ไ ปฟั งควำมคิ ด เห็ น เกี่ ย วกั บ ร่ ำ ง รั ฐ ธรรมนู ญ ที่ จั ง หวั ด พิ ษ ณุ โ ลก สภำคนพิ ก ำรทุ ก ประเภทแห่ ง ประเทศไทยจึงได้เรียนเชิญให้มำรับฟังแลกเปลี่ยนควำมคิดเห็นเกี่ยว กับร่ำงรัฐธรรมนูญร่วมกับผู้นำำคนพิกำรด้วย ยิ่งไปกว่ำนั้น ตัวแทนคนพิกำร เช่น ผศ. วิริยะ นำมศิริพงศ์พันธุ์ นำยมณเทียร บุญตัน และพันโทต่อพงศ์ กุลครรชิตยังได้มีโอกำสออก รำยกำรทำงสถำนีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง ๑๑ และให้สัมภำษณ์ สื่ อ มวลชนเกี่ ย วกั บ เรื่ อ งสิ ท ธิ ขั้ น พื้ น ฐำนที่ ค นพิ ก ำรต้ อ งกำรให้ มี ใ น รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทยฉบับประชำชน เมื่อได้มีกำรยกร่ำง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ แ ห่ ง ร ำ ช อ ำ ณ ำ จั ก ร ไ ท ย เ รี ย บ ร้ อ ย แ ล้ ว นำยสมคิ ด เลิ ศ ไพฑู ร ย์ ส มำชิ ก สภำร่ ำ งรั ฐ ธรรมนู ญ (อำจำรย์ ค ณะ นิ ติ ศ ำสตร์ม หำวิท ยำลัย ธรรมศำสตร์ ) ได้ เชิ ญ ผู้ นำำ คนพิ ก ำรเข้ ำ ร่ ว ม ปรึกษำหำรือเกี่ยวกับตัวร่ำงรัฐ ธรรมนูญ แห่ งรำชอำณำจั กรไทย ใน ส่วนที่เกี่ยวกับคนพิกำรโดยเฉพำะมำตรำ ๕๕ ซึ่งในตัวร่ำงใช้คำำว่ำ “ผู้ ทุกพลภำพ” แต่กลุ่มผู้นำำคนพิกำรยังยืนยันให้ใช้คำำว่ำ “คนพิกำร”นำย ส ม คิ ด เ ลิ ศ ไ พ ฑู ร ย์ ก็ ยิ น ดี เ พิ่ ม เ ติ ม ถ้ อ ย คำำ ที่ ค น พิ ก ำ ร ต้ อ ง ก ำ ร รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจั ก รไทย ฉบั บปี พุท ธศั กรำช ๒๕๔๐ จึ งมี มำตรำที่ ว่ ำ ด้ ว ยคนพิ ก ำรหรื อ กำรคำำ นึ ง ถึ ง คนพิ ก ำรดั ง นี้ ม ำตรำ ๓๐ วรรค ๓,มำตรำ ๕๕,มำตรำ ๘๐ นอกจำกนี้ยังมี กำรยกเลิกกำรจำำ กัด สิทธิคนหูหนวกที่อ่ำนไม่ออกเขียนไม่ได้ ไม่ให้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็ น สมำชิ ก สภำผู้ แ ทนรำษฎรและวุ ฒิ ส ภำออกไปด้ ว ย เพรำะคนหู หนวกสำมำรถสื่อสำรได้โดยผ่ำนล่ำมภำษำมือ มำตรำ ๓๐ วรรค ๓ กำรเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล เพรำะเหตุแห่งควำมแตกต่ำงในเรื่องถิ่นกำำ เนิด เชื้อชำติ ภำษำ เพศ อำยุ สภำพทำงกำยหรือสุขภำพ สถำนะของบุคคล ฐำนะทำงเศรษฐกิจ และสั งคม ควำมเชื่ อ ทำงศำสนำ กำรศึ ก ษำอบรม หรือ ควำมคิ ด เห็ น ทำงกำรเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ จะกระทำำมิได้ จริงอยู่คนพิกำรมีควำมภำคภูมิใจมำกที่ได้มีกำรบัญญัติเกี่ยวกับ กำรห้ ำมเลือกปฏิบัติโดยไม่ เป็ นธรรมเอำไว้ ต ำมที่ ค นพิ ก ำรเรี ย กร้ อ ง อย่ำงไรก็ตำมคนพิกำรต้องกำรให้มีคำำว่ำ “ ควำมพิกำร “ ในวรรค ๓ ข้ ำ งต้ น แต่ ค นพิ ก ำรก็ ไ ด้ รั บ คำำ อธิ บ ำยจำกผู้ ที่ เ กี่ ย วข้ อ งว่ ำ คำำ ว่ ำ “ สภำพร่ำงกำยหรือสุขภำพ “ เป็นคำำกว้ำงกินควำมร่วมถึงคนพิกำรอยู่
  • 4. 4 แล้ว แต่ถ้ำได้มีคำำ ว่ำ “ ควำมพิกำร “ อยู่ด้วยก็น่ำจะเป็นที่พอใจของ คน พิ ก ำร ม ำ ก ที่ สุ ด อ ำจ เป็ นไ ป ได้ ที่ ผู้ เ กี่ ย ว ข้ อ ง ใ น ก ำ ร ย ก ร่ ำ ง รั ฐธรรมนู ญ ในขณะนั้น กลั ว ว่ ำถ้ ำใช้ คำำ ว่ ำ ควำมพิ ก ำรอำจจะทำำ ให้ รู้สึกเป็นปมด้อยหรือเป็นกำรประจำนคนพิ กำรจึ งเลือกใช้ คำำ อื่นแทน สำำหรับคนพิกำรแล้วพวกเรำยอมรับควำมเป็นจริงในควำมพิกำรของ พวกเรำ และมีควำมภำคภู มิ ใจในคำำ ว่ ำคนพิ กำรหรื อ ควำมพิ ก ำรซึ่ ง เป็นอัตลักษณ์ของพวกเรำ มำตรำ ๕๕ บุ ค คลซึ่ ง พิ ก ำรหรื อ ทุ พ พลภำพ มี สิ ท ธิ ไ ด้ รั บ สิ่ ง อำำนวยควำมสะดวกอันเป็นสำธำรณะและควำมช่วยเหลือจำกรัฐ ทั้งนี้ ตำมที่กฎหมำยบัญญัติ ในเรื่องของมำตรำ ๕๕ นี้ คนพิกำรเรียกร้องในกำรเข้ำถึงและ ใช้ ป ระโยชน์ ไ ด้ จ ำกสภำพแวดล้ อ ม ข้ อ มู ล ข่ ำ วสำร เทคโนโลยี สำรสนเทศ โทรคมนำคม บริ ก ำรอั น เป็ น สำธำรณะ แต่ ส ภำร่ ำ ง รั ฐ ธรรมนู ญ ตี ค วำมร่ ว มกั น ว่ ำ เป็ น สิ่ ง อำำ นวยควำมสะดวกอั น เป็ น สำธำรณะ คนพิกำรยังกลัวควำมเข้ำใจผิด ว่ำคนพิกำรต้องกำรได้รับ ควำมสะดวก (convenience) อันที่จริงแล้วคนพิกำรต้องกำรกำรเข้ำ ถึงและใช้ประโยชน์ได้ (access) อีกทั้งในหมวด ๕ บัญญัติว่ำด้วยแนวนโยบำยพื้นฐำนแห่งรัฐ ยัง ได้ กำำ หนดแนวนโยบำยพื้ นฐำนแห่ งรั ฐ ที่ เกี่ ย วกั บ คนพิ ก ำรเอำไว้ ใ น มำตรำ ๘๐ วรรค ๒ มำตรำ ๘๐ วรรค ๒ รัฐต้องสงเครำะห์คนชรำ ผู้ยำกไร้ ผู้พิกำร หรือทุพพลภำพและผู้ด้อยโอกำสให้มีคุณภำพชีวิตที่ดีและพึ่งตนเองได้ ในมำตรำ ๘๐ วรรค ๒ นี้ ค นพิ ก ำรไม่ ไ ด้ ต้ อ งกำรให้ ใ ช้ คำำ ว่ ำ สงเครำะห์ ซึ่งมีควำมหมำยไปในทำงที่ผู้ให้ใหญ่กว่ำผู้รับ หรือยังเป็น ระบบทำำบุญทำำทำน (charity) นั่นหมำยควำมว่ำจะทำำก็ไ ด้ไม่ทำำก็ได้ แต่ ค นพิก ำรต้ อ งกำรให้ใ ช้ คำำ ว่ ำ จั ด สวั ส ดิ ก ำร ซึ่ งเป็ น กำรตั้ งอยู่ บ น สิ ท ธิ ข องคนพิ ก ำร นั่ น หมำยควำมว่ ำ เรื่ อ งที่ ก ล่ ำ วมำในมำตรำ ๘๐ วรรค ๒ รัฐจะต้องทำำ ให้บนพื้ นฐำนแห่งสิท ธิข องคนพิ กำร ซึ่งไม่ใช่ เป็นเรื่องที่จะทำำก็ได้ไม่ทำำก็ได้ แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำำถ้ำไม่ทำำคนพิกำร ย่ อ มมี สิ ท ธิ ที่ จ ะขอควำมเป็ น ธรรมจำกศำล เพื่ อ ให้ ค นพิ ก ำรได้ รั บ ประโยชน์ตำมสิทธิของคนพิกำร ตำมที่รัฐธรรมนูญกำำหนดไว้ ถึ ง แม้ ค นพิ ก ำรจะรู้ สึ ก ผิ ด หวั ง อยู่ บ้ ำ งที่ ส ภำร่ ำ งรั ฐ ธรรมนู ญ ไม่ ยอมใส่ คำำ ว่ ำ “ ควำมพิกำร ” เข้ ำ ไปในมำตรำ ๓๐ วรรค ๓ โดยให้
  • 5. 5 เหตุผลว่ำคำำว่ำ “สภำพร่ำงกำยหรือสุขภำพ ” ได้กินควำมรวมถึงควำม พิ ก ำรอยู่ แ ล้ ว อี ก ทั้ ง ยั ง ใช้ คำำ ว่ ำ “ สงเครำะห์ ” แทนคำำ ว่ ำ “จัด สวัสดิกำร” แต่อย่ำงใดก็ตำมคนพิกำรก็ยังพอใจในภำพรวม เพรำะ รั ฐ ธรรมนู ญ พ.ศ. ๒๕๔๐ ต้ อ งถื อ ว่ ำ เป็ น ฉบั บ แรกที่ ไ ด้ มี ก ำรประกั น สิทธิขั้ นพื้นฐำนไม่ให้มีกำรเลือ กปฏิ บัติ โดยไม่ เป็ นธรรมต่ อคนพิ ก ำร อีกทั้งให้คนพิกำรมีสิทธิได้รับสิ่งอำำ นวยควำมสะดวกและควำมเช่ ว ย เหลืออื่นใดจำกรัฐ รวมทั้งแนวนโยบำยพื้นฐำนแห่งรัฐยังกำำ หนดให้ รั ฐ ต้ อ งพั ฒ นำหรื อ สงเครำะห์ ค นพิ ก ำรให้ มี คุ ณ ภำพชี วิ ต ที่ ดี แ ละพึ่ ง ตนเองได้ ซึ่งสิ่งเหล่ำนี้ไม่เคยมีมำก่อนในรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้ำนี้ แม้มำตรำ๓๐ วรรค๓ แห่งรัฐธรรมนูญ พุทธศักรำช พ.ศ. ๒๕๔๐ จะห้ำมเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล เนื่องจำกสภำพร่ำงกำย หรือสุขภำพ แต่พระรำชบัญญัติระเบียบข้ำรำชกำรกรุงเทพมหำนคร พ.ศ. ๒๕๒๘ มำตรำ ๑๖ (๖) ยังจำำ กัดสิทธิคนหูหนวกเป็นใบ้ไม่ ให้มี สิ ท ธิ รั บ สมั ค รรั บ เลื อ กตั้ ง เป็ น สมำชิ ก สภำกรุ ง เทพมหำนคร เมื่ อ นำย วิริยะ นำมศิริพงศ์พันธุ์มีโอกำสได้เป็นสมำชิกสภำนิติบัญญัติแห่งชำติ จึ ง ได้ ร่ ว มกั บ คณะเสนอให้ มี ก ำรแก้ ไ ขพระรำชบั ญ ญั ติ ร ะเบี ย บ ข้ำรำชกำรกรุงเทพมหำนคร พ.ศ. ๒๕๒๘ โดยให้ตัด (๖) ของมำตรำ ๑๖ ออก ทั้งนี้เพื่อให้คนหูหนวกเป็นใบ้ มีสิทธิมีสิทธิรับสมัครรับเลือก ตั้งเป็นสมำชิกสภำกรุงเทพมหำนคร อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐำนทำงกำร เมือง ของคนหูหนวกและเป็นใบ้ สิท ธิม นุษ ยชนคนพิก ำร ใ น รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ แ ห่ ง ร ำ ช อ ำ ณ ำ จั ก ร ไทย พ.ศ.๒๕๕๐ ครั้นมีกำรรัฐ ประหำรในวั นที่ ๑๙ กันยำยน พ.ศ. ๒๕๔๙ โดย คณะปฏิรูปกำรปกครองระบอบประชำธิป ไตย โดยมีพระมหำกษัตริ ย์ ทรงเป็นประมุข (คปค.) ในรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย (ฉบับ ชั่วครำว) พ.ศ. ๒๕๔๙ มำตรำ ๑๙ ให้มีสภำร่ำงรัฐธรรมนูญ เพื่อจัดทำำร่ำงรัฐธรรมนูญประกอบ ด้ ว ย ส ม ำ ชิ ก มี จำำ น ว น ๑ ๐ ๐ ค น และสภำร่ ำ งรั ฐ ธรรมนู ญ นี้ จะต้ อ งยกร่ ำ ง รัฐธรรมนูญให้เสร็จภำยใน ๖ เดือน พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว มี พระบรมรำชโองกำรโปรดเกล้ำฯ แต่งตั้งสมำชิกสภำร่ำงรัฐธรรมนูญ ในวันที่ ๑ มกรำคม ๒๕๕๐ ในระหว่ำงที่บุคคลทั่วไปกำำลังให้ควำมสนใจเกี่ยวกับบทบัญญัติ ที่ว่ำด้วยระบบและวิธีกำรปกครองประเทศ ตั้งแต่ประเด็นรัฐสภำควรมี วุฒิสภำอยู่ด้วยหรือไม่ จำำนวนสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและสมำชิก วุฒิสภำ ควรมีสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรระบบบัญชีรำยชื่อหรือไม่ ถ้ำมี
  • 6. 6 ควรจะกำำหนดกันอย่ำงไรที่จะให้ได้ตัวแทนมำจำกทุกภำคส่วน ส่วน กำรได้มำของสมำชิกวุฒิสภำก็เถียงกันว่ำจะมำจำกกำรเลือกตั้งหรือ กำรสรรหำ ส่ ว นคนพิ ก ำรนั้ น ให้ ค วำมสำำ คั ญ เกี่ ย วกั บ บทบั ญ ญั ติ ที่ ประกันสิทธิขั้นพื้นฐำนของปวงชน ชำวไทย โดยควำมมุ่ ง หวั ง ว่ ำ รั ฐ ธรรมนู ญ ใหม่ จ ะมี บ ทบั ญ ญั ติ ที่ เ ป็ น หลักประกันในกำรสร้ำงชีวิตใหม่ที่ดีกว่ำเดิมให้แก่คนพิกำร ด้วยเหตุนี้ สภำคนพิกำรทุกประเภทแห่งประเทศไทยจึงได้ขอให้มีกำรประชุมร่วม ระหว่ำง คณะกรรมกำรสภำคนพิกำรทุกประเภทแห่งประเทศไทย กับ คณะอนุ ก รรมำธิ ก ำรด้ ำ นผู้ พิ ก ำร ในคณะกรรมำธิ ก ำรกิ จ กำรเด็ ก เยำวชน สตรี ผู้สูงอำยุ ผู้พิกำร และควำมมั่นคงของมนุษย์ เพื่อรีบเร่ง หำข้อเสนอเบื้องต้นไปเสนอในเวทีต่ำงๆ ที่จะนำำข้อเสนอของคนพิกำร ไปเสนอต่อคณะกรรมำธิกำรยกร่ำงรัฐธรรมนูญด้วยเหตุว่ำข้อเสนอที่ จะได้รับกำรพิจ ำรณำต้องเป็ นข้อเสนอที่มีไปถึงคณะกรรมำธิกำรยก ร่ำงรัฐธรรมนูญก่อนสิ้นเดือนมีนำคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เวทีแรกที่ผู้นำำ คนพิกำรจำกทั่ว ประเทศได้ เข้ ำมำร่ ว มกั น สัมมนำเกี่ยวกับเรื่องรัฐธรรมนูญด้วยกำรสนับสนุนของสภำที่ปรึกษำ เศรษฐกิ จ และสั ง คมแห่ ง ชำติ คื อ เวที ก ำรสั ม มนำเรื่ อ ง “บทบั ญ ญั ติ รัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อ งกับคนพิกำร” จัดโดยสภำที่ ปรึ กษำเศรษฐกิ จ และสังคมแห่งชำติร่วมกับสภำคนพิ กำรทุ กประเภทแห่งประเทศไทย เมื่ อ วั น ที่ ๒๐ กุ ม ภำพั น ธ์ ๒๕๕๐ ณ ห้ อ งประชุ ม สำำ นั ก งำนสภำที่ ป รึ ก ษ ำ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ แ ล ะ สั ง ค ม แ ห่ ง ช ำ ติ ใ น ก ำ ร สั ม ม น ำ ค รั้ ง นี้ ศำสตรำจำรย์ ส มคิ ด เลิ ศ ไพฑู ร ย์ เลขำคณะกรรมำธิ ก ำรยกร่ ำ ง รั ฐธรรมนูญ ได้ ให้ เกี ย รติม ำบรรยำยให้ ค วำมรู้ แ ก่ ค นพิ ก ำร และเปิ ด โอกำสให้ ค นพิ ก ำรได้ ซั ก ถำม ในเวที นี้ ไ ด้ ทำำ ให้ มี ข้ อ เสนอเกี่ ย วกั บ บทบัญญัติในร่ำงรัฐธรรมนูญ พ.ศ... เพิ่มมำกขึ้น จำกนั้นสภำคนพิกำรทุกประเภทแห่งประเทศไทย ได้นำำ ข้อ เสนอจำกเวทีแ รกมำสู่เ วที ก ำรสั ม มนำ เรื่ อ ง ข้อ เสนอแนะบั ญ ญั ติ ว่ ำ ด้วยเด็ก เยำวชน สตรี ผู้สูงอำยุ ผู้พิกำรในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่ง จัดโดยคณะกรรมำธิกำรกิจ กำรเด็ ก เยำวชน สตรี ผู้สูงอำยุ ผู้พิกำร และควำมมั่ น คงของมนุ ษ ย์ สภำนิ ติ บัญ ญั ติ แ ห่ ง ชำติ เมื่ อ วั น จั น ทร์ ที่ ๒๖ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๐ ณ ห้องประชุมคณะกรรมำธิกำร อำคำรรัฐสภำ ๒ กลุ่มคนพิกำรได้นำำเอำข้อเสนอที่มีมำก่อนมำพิจำรณำทบทวนทำำให้ ข้อเสนอแหลมคมและชัดเจนขึ้น นอกจำกนั้นยังต้องกำรให้ข้อเสนอ
  • 7. 7 ของคนพิกำรได้ประสำนเข้ำกับข้อเสนอของกลุ่มเด็ก เยำวชน สตรี ผู้ สูงอำยุ ในที่สุด กลุ่มคนพิกำรได้เสนอแนวทำงร่ำงรัฐธรรมนูญใหม่ รวม ๔ เรื่อง ได้แก่ ๑) ปรั บ ข้ อ ควำมในมำตรำที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ คนพิ ก ำรโดยตรง ได้ แ ก่ มำตรำ ๓๐ มำตรำ ๕๕ และ มำตรำ ๘๐ ๒) ปรับมำตรำอื่นๆ ให้ครอบคลุมเรื่องคนพิกำร ๓) นำำเสนอแนวทำงกำรปรับหลักกำรสำำคัญในกำรร่ำงรัฐธรรมนูญ ๔) นำำเสนอประเด็นทั่วไป ร่ำ งรัฐ ธรรมนูญ ใหม่โ ดยคนพิก ำร (๑) ปรับ ข้อ ควำมในรัฐ ธ ร รม นูญ พุท ธศัก รำช ๒ ๕๔๐ เฉพำะ ๓ มำตรำที่เ กี่ย วข้อ งกับ คนพิก ำร ดังต่อไปนี้คือ มำตรำ ๓๐ ข้อ ควำมเดิม /กำรปรับ แก้ ว ร ร ค ๑ - บุค คลย่อ มเสมอกั นในกฎหมำยและได้ รั บ ควำมคุ้ ม ครอง ตำมกฎหมำยเท่ำเทียมกัน เติ มข้อ ควำมท้ำยวรรค ๑ รวม ทั้ งกฎหมำยระหว่ ำ งประเทศที่ รั ฐ ให้ สัตยำบัน ข้ อ ค ว ำ ม ใ ห ม่ ต ำ ม ร่ ำ ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ พ .ศ . ๒ ๕ ๕ ๐ ที่ ค น พิ ก ำ ร เสนอมำตรำ ๓๐ วรรค ๑ บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมำยและได้รับ ควำมคุ้ ม ครองตำมกฎหมำยเท่ ำ เที ย มกั น รวมทั้ ง ให้ ไ ด้ รั บ ควำม คุ้มครอง ตำมกฎหมำยระหว่ำงประเทศที่รัฐให้สัตยำบัน เ ห ตุผ ล เป็นแนวคิด ใหม่ เพื่อ ประกั น ควำมเสมอภำคและสิ ท ธิ ข อง บุ ค คลอย่ ำ งชั ด เจนและ จริ ง จั ง มำกขึ้ น จะเห็ น ว่ ำ ประเทศไทยให้ สัตยำบันอนุสัญญำสิทธิเด็กและอนุสัญญำเลือกปฏิบัติต่อสตรีแต่ในค ยำมเป็นจริ งยังมีก ำรเลือ กปฏิ บัติ โดยไม่ เป็ นธรรมต่ อ เด็ กและสตรี อ ยู่ รวมถึงคนพิกำรด้วยในขณะนี้มีอนุสัญญำสิทธิคนพิกำรที่แม้รัฐยังไม่ ลงสัตยำ บันแต่ก็เป็นแนวคิดเดียวกัน 3 ด้วยเหตุนี้คนพิกำรจึงต้องกำรให้ควำมผูกพันระหว่ำงประเทศมี ผลใช้บังคับอย่ำงกฎหมำยภำยใน เพรำะในอดีตรัฐมักจะไม่ได้ต รำ พระรำชบัญญัติรองรับอนุสัญญำต่ำง ๆ ที่รัฐบำลไทยได้ให้สัตยำบัน เอำไว้ แ ล้ ว เมื่ อ เป็ น เช่ น นั้ น อนุ สั ญ ญำระหว่ ำ งประเทศจึ ง เป็ น เพี ย ง เสือกระดำษ
  • 8. 8 ข้อ ควำมเดิม /กำรปรับ แก้ วรรค ๓ - กำรเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพรำะเหตุแห่ง ควำมแตกต่ำงในเรื่องถิ่นกำำเนิด เชื้อชำติ ภำษำ เพศ อำยุ สภำพทำง กำยหรือสุขภำพ สถำนะของบุคคล ฐำนะทำงเศรษฐกิจหรือสังคม ควำมเชื่อทำงศำสนำ กำรศึกษำอบรม หรือควำมคิดเห็นทำงกำรเมือง อัน ไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ จะกระทำำมิได้ เพิ่ม คำำ – ควำมพิกำร ข้ อ ค ว ำ ม ใ ห ม่ ต ำ ม ร่ ำ ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ พ .ศ . ๒ ๕ ๕ ๐ ที่ ค น พิ ก ำ ร เสนอมำตรำ๓๐ วรรค ๓ - กำรเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล เพรำะเหตุแห่งควำมแตกต่ำงในเรื่องถิ่นกำำ เนิด เชื้อชำติ ภำษำ เพศ อำยุ ค ว ำ ม พิ ก ำ ร สภำพทำงกำยหรื อ สุ ข ภำพ สถำนะของบุ ค คล ฐำนะทำงเศรษฐกิจหรือสังคม ควำมเชื่อทำงศำสนำ กำรศึกษำอบรม หรือควำมคิดเห็นทำงกำรเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ จะกระทำำมิได้ เหตุผ ล เดิมมีควำมพยำยำมให้เข้ำใจว่ำคนพิกำรอยู่ในกลุ่ม สภำพทำงกำยหรือสุขภำพ ซึ่งเป็นกำรมองควำมพิกำรในมิติทำงกำรแพทย์ (Medical model) ที่มองคนพิกำรเป็นคนป่วยคนที่ผิด ปกติและต้องกำรกำรดูแลแต่ข้อ เท็จจริงในระดับสำกลยอมรับกันว่ำควำมพิกำรเป็นผลจำกควำมสัม พันธ์ระหว่ำงตัวคนพิกำรและสภำพแวดล้อมและสังคม (Social model) กำรคุ้มครองสิทธิคนพิกำร จึงมิควรถูกชี้นำำด้วยวิธีทำงกำรแพทย์ซึ่งมุ่งที่สภำพทำงกำยและ สุขภำพของคนพิกำรเพียงอย่ำงเดียวแต่ควรมุ่งให้ควำมสำำคัญกับ สภำพแวดล้อมที่เป็นอุปสรรคทั้งที่เป็นเรื่องเจตคติควำมเชื่ออำคำร สถำนที่สิ่งปลูกสร้ำงยำนพำหนะข้อมูลข่ำวสำรและบริกำรอันเป็น สำธำรณะที่ต้องไม่เลือกปฏิบัติต่อคนพิกำร คือให้คนพิกำรเข้ำถึงและ ใช้ประโยชน์ได้ มำตรำนี้จึงต้องระบุให้ชัดเจน ข้อ ควำมเดิม /กำรปรับ แก้ วรรค ๔ - มำตรกำรที่รัฐกำำหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้ บุคคลสำมำรถใช้สิทธิและเสรีภำพได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่นย่อมไม่ถือ เป็นกำรเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตำมวรรคสำม เ ติ ม ข้ อ ค ว ำ ม ท้ ำ ย ว ร ร ค ๔ - กำรที่ ไ ม่ กำำ หนดหรื อ ละเสี ย ซึ่ ง กำร ปฏิ บั ติ ต ำมมำตรกำรที่ รั ฐ กำำ หนดขึ้ น ทั้ ง ที่ อ ยู่ ใ นวิ สั ย ที่ ส ำมำรถจะ กระทำำได้ ถือเป็นกำรเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม
  • 9. 9 ข้อ ควำมใหม่ต ำมร่ำ งรัฐ ธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่ค นพิก ำร เสนอมำตรำ๓๐ วรรค ๔ - มำตรกำรที่รัฐกำำหนดขึ้นเพื่อขจัด อุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสำมำรถใช้สิทธิและเสรีภำพได้เช่นเดียว กับบุคคลอื่นย่อมไม่ถือเป็นกำรเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตำมวรรค สำม กำรที่ไ ม่ก ำำ หนดหรือ ละเสีย ซึ่ง กำรปฏิบ ัต ิต ำมมำตรกำรที่ รัฐ กำำ หนดขึ้น ทั้ง ที่อ ยู่ใ นวิส ัย ที่ส ำมำรถจะกระทำำ ได้ ถือ เป็น กำรเลือ กปฏิบ ัต ิโ ดยไม่เ ป็น ธรรม เ ห ตุ ผ ล เป็ น แนวคิ ด ใหม่ ที่ เ กิ ด ขึ้ น จำกกำรระดมควำมคิ ด เห็ น อย่ ำ ง กว้ ำ งขวำงทั่ ว โลกใน ช่ ว งกำรร่ ำ งอนุ สั ญ ญำสิ ท ธิ ค นพิ ก ำรคื อ กำร กำำ หนดมำตรกำรควำมช่ว ยเหลื อ อย่ ำงสมเหตุ ส มผล (Reasonable Accommodation) กำรหลีกเลี่ยงไม่กำำหนดหรือละเว้นกำรให้ควำม ช่วยเหลือลักษณะนี้ ถือเป็นกำรเลือกปฏิบัติด้วย ข้อ ควำมเดิม /กำรปรับ แก้ เ พิ่ ม ว ร ร ค สุ ด ท้ ำ ย ม ำ ต ร ำ ๓ ๐ - ก ำ ร เ ลื อ ก ป ฏิ บ ั ต ิ โ ด ย ไ ม่ เ ป็ น ธรรม ให้ม ีโ ทษทั้ง ทำงแพ่ง และอำญำ ตำมที่ก ฎหมำยบัญ ญัต ิ ข้ อ ค ว ำ ม ใ ห ม่ ต ำ ม ร่ ำ ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ พ .ศ . ๒ ๕ ๕ ๐ ที่ ค น พิ ก ำ ร เส นอ ม ำ ต ร ำ ๓ ๐ ว รร ค ท้ำ ย กำ ร เ ลือ ก ป ฏิบ ัต ิโ ด ย ไ ม่เ ป็น ธ ร ร ม ให้ม ีโ ทษทั้ง ทำงแพ่ง และอำญำ ตำมที่ก ฎหมำยบัญ ญัต ิ เ ห ตุ ผ ล เป็ น แนวคิ ด ใหม่ เ พื่ อ ประกั น ให้ ก ำรคุ้ ม ครองบุ ค คลจำกกำร เลื อ กปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม แม้ จ ะมี ผู้ แย้ งว่ ำมี ก ฏหมำยเฉพำะของ ข้ ำ รำชกำรทหำรตำำ รวจฯลฯอยู่ แ ล้ ว แต่ ใ นทำงปฏิ บั ติ ไ ม่ ส ำมำรถ คุ้มครองได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ กำรคุ้มครองคนพิกำรไม่ให้ถูกเลือก ปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมได้มีกำรเสนอเอำไว้ในร่ำงพระรำชบัญญัติส่ง เสริมและพัฒนำคุณภำพชีวิตคนพิกำร พ.ศ. 2550 จึงสมควรบัญญัติ รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2550 ด้วย มำตรำ ๕๕ ข้อ ควำมเดิม /กำรปรับ แก้ บุคคลซึ่งพิกำรหรือทุพพลภำพมีสิทธิได้รับสิ่งอำำนวยควำมสะดวกอัน เป็นสำธำรณะ และควำมช่วยเหลืออื่นจำกรัฐ ทั้งนี้ตำมที่กฎหมำย บัญญัติ ตัด คำำ - ทุพพลภำพ และแก้ข ้อ ควำมทั้ง หมด
  • 10. 10 ข้อ ควำมใหม่ต ำมร่ำ งรัฐ ธรรมนูญ พ .ศ.๒๕๕๐ ที่ค น พิก ำรเสนอมำตรำ๕๕ คนพิก ำรมีส ิท ธิเ ข้ำ ถึง และใช้ ประโยชน์ไ ด้จ ำก ผลผลิต สภำพแวดล้อ ม แผนงำน โครงกำร และกิจ กรรมกำรพัฒ นำทุก รูป แบบ บริก ำร สิ่ง อำำ นวย ควำม สะดวก อัน เป็น สำธำรณะ ตลอดจน สวัส ดิก ำรและควำมช่ว ย เหลือ อื่น จำกรัฐ ตำม มำตรฐำนสำกลหรือ ตำมที่ กฎหมำย บัญ ญัต ิ เหตุผ ล เดิมอ้ำงว่ำทุพพลภำพจำกพจนำนุกรมรำชบัณฑิตยสถำนว่ำ มีควำมหมำยกว้ำงกว่ำคนพิกำร แต่ปัจจุบันมีกำรนิยำมควำมพิกำรและ คนพิกำรละเอียดกว้ำงขวำงกว่ำเดิมในขณะที่คำำว่ำ ทุพพลภำพ เสมือนเป็นสร้อยคำำของคำำว่ำพิกำรคือเรียก พิกำรทุพพลภำพติดกันไป โดยไม่มีควำมหมำยเป็นอย่ำงอื่น “ได้รับสิ่งอำำนวยควำม สะดวก” ถูก แปลควำมว่ำ convenience คือ ควำมสะดวกสบำย แต่คนพิกำร ต้องกำร หมำยควำมถึงกำรเข้ำถึงและใช้ประโยชน์ได้ คือ accessibility ซึ่งรวมถึงผลผลิต สภำพแวดล้อม แผนงำน โครงกำร และกิจกรรมกำรพัฒนำทุกรูปแบบบริกำร สิ่งอำำนวยควำมสะดวก สภำพแวด ล้อม ทำงกำยภำพกำรเข้ำถึงข้อมูลข่ำวสำรซึ่งภำษำ อัง กฤษ ใช้ ๔ คำำ ที่สำมำรถครอบคลุม คือ product หมำยถึงสิ่งที่ เป็นผลผลิตอันได้แก่(สินค้ำ สิ่งของ วัตถุ นวัตกรรม ทั้งที่จับต้องได้ และจับต้องไม่ได้)environment หมำยถึงสภำพแวดล้อม ทั้งทำง สถำปัตยกรรม กำรขนส่ง ข้อมูลข่ำวสำร กำรสื่อสำรและเทคโนโลยี program หมำยถึงแผนงำนโครงกำรกิจกรรมด้ำนกำรพัฒนำทุก รูป แบบ และ service หมำยถึงบริกำรต่ำงๆ มำตรำ ๘๐ ข้อ ควำมเดิม /กำรปรับ แก้ รัฐต้องคุ้มครองและพัฒนำเด็กและเยำวชน ส่งเสริมควำมเสมอภำค ของหญิ ง และชำยเสริ ม สร้ ำ งและพั ฒ นำควำมเป็ น ปึ ก แผ่ น ของ ครอบครัว และควำมเข้มแข็งของชุมชน รัฐต้องสงเครำะห์คนชรำ ผู้ยำก ไร้ ผู้พิกำร หรือทุพพลภำพ และผู้ ด้อยโอกำสให้มีคุณภำพชีวิตที่ดี และพึ่งตนเองได้ ปรับ ข้อ ควำม ใหม่ท ั้ง หมด ข้อ ควำมใหม่ต ำมร่ำ งรัฐ ธรรมนูญ พ .ศ.๒๕๕๐ ที่ค น พิก ำรเสนอมำตรำ ๘๐ รัฐ ต้อ งคุ้ม ครอง พัฒ นำ ส่ง เสริม และจัด สวัส ดิก ำรให้แ ก่เ ด็ก เยำวชน ผู้ส ูง อำยุ คนพิก ำร ผู้ ยำกไร้แ ละผู้ด ้อ ยโอกำสให้ม ีค ุณ ภำพชีว ิต ที่ด ีข ึ้น และอยู่ไ ด้
  • 11. 11 อย่า งพอเพีย ง พร้อ มทั้ง เสริม สร้า งและพัฒ นาความเป็น ปึก แผ่น ของครอบครัว และความเข้ม แข็ง ของชุม ชนรัฐ ต้อ งส่ง เสริม ความเสมอภาคของบุค คล หญิง และชาย เหตุผ ล การสงเคราะห์นำาไปสู่ความเข้าใจว่าการให้ตามความ สมัคร ใจ ตามความพร้อม ไม่สามารถนำาไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีและพึ่งตนเอง ได้ จึงใช้คำาว่า “รัฐต้องจัด ให้มีสวัสดิการ” แทนคำาว่า “รัฐต้อง สงเคราะห์” สงเคราะห์เ ป็น เรื่อ งผู้ใ ห้ส ูง กว่า ผู้ร ับ จะให้ห รือ ไม่ ก็ไ ด้ภ าษาอัง กฤษเรีย กว่า “Charity base” ส่ว นเรื่อ ง สวัส ดิก ารนั้น เป็น เรื่อ งสิท ธิข องคนพิก ารรัฐ มีห น้า ที่ต ้อ ง ดำา เนิน การให้ค นพิก ารได้ต ามสิท ธิน ั้น และคนพิก ารทุก คน ต้อ งได้อ ย่า งทั่ว ถึง และเท่า เทีย มกัน ภาษาอัง กฤษเรีย กว่า “Right base” ๒.ปรับ ข้อ ความ ๙ มาตรา ในร่า งรัฐ ธรรมนูญ แห่ง ราช อาณาจัก รไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ ให้ค รอบคลุม เรื่อ งคนพิก ารด้ว ย ดัง ต่อ ไปนี้ มาตรา ๓๖ ข้อ ความเดิม /การปรับ แก้ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการเดิน ทางและมีเสรีภาพในการเลือกถิ่นที่อยู่ภายในราชอาณาจักร การ จำากัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำานาจ ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบ เรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน การผังเมือง หรือเพื่อ สวัสดิภาพของผู้เยาว์ การเนรเทศบุคคลผู้มีสัญชาติไทยออกนอก ราชอาณาจักร หรือห้ามมิให้บุคคลผู้มีสัญชาติไทยเข้ามาในราช อาณาจักร จะกระทำามิได้ เพิ่ม วรรค ๓ - การไม่อ ำา นวยความสะดวกหรือ ไม่ข จัด อุป สรรค เพื่อ ให้บ ุค คลสามารถเข้า ถึง และใช้ป ระโยชน์ไ ด้ จากบริก ารขนส่ง สาธารณะ ย่อ มถือ เป็น การจำา กัด เสรีภ าพ ในการเดิน ทางด้ว ย ข้อ ความใหม่ต ามร่า งรัฐ ธรรมนูญ พ .ศ.๒๕๕๐ ที่ค น พิก ารเสนอมาตรา ๓๖ วรรค ๓ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการ เดินทางและมีเสรีภาพในการเลือกถิ่นที่อยู่ภายในราชอาณาจักร การจำากัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำามิได้ เว้นแต่โดยอาศัย อำานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน การผังเมือง หรือ เพื่อสวัสดิภาพของผู้เยาว์ การไม่อ ำา นวยความสะดวกหรือ ไม่ ขจัด อุป สรรค เพื่อ ให้บ ุค คลสามารถเข้า ถึง และใช้ป ระโยชน์
  • 12. 12 ได้จ ากบริก ารขนส่ง สาธารณะ ย่อ มถือ เป็น การจำา กัด เสรีภ าพ ในการเดิน ทางด้ว ย การเนรเทศบุคคลผู้มีสัญชาติไทยออกนอก ราชอาณาจักร หรือห้ามมิให้บุคคลผู้มีสัญชาติไทยเข้ามาในราช อาณาจักรจะกระทำา มิได้ เหตุผ ล เดิมมองมาตรานี้เพียงการไม่ให้กักขังหน่วงเหนี่ยว บุคคล ทั่วไปในขณะที่ บุคคลบางกลุ่มมิได้ถูกกัก ขังหน่วงเหนี่ยว แต่ความ พิการ (เกิดจากความ สัมพันธ์ระหว่างบุคคล กับ สิ่งแวดล้อม) ทำาให้ไม่ สามารถใช้เสรีภาพเดินทางได้เนื่องจากสภาพแวดล้อมมีข้อจำากัด เช่น ระบบขนส่งสาธารณะ ระบบขนส่ง มวลชน เป็นต้น ดังนั้นคนพิการจึง ต้องเสนอให้การไม่อำานวยความสะดวกหรือไม่ขจัดอุปสรรค เพื่อให้ บุคคลสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้จากบริการขนส่งสาธารณะ ย่อมถือเป็น การจำากัดเสรีภาพ ในการเดินทางด้วย มาตรา ๓๗ ข้อ ความเดิม /การปรับ แก้ ติดต่อถึงกัน รวมทั้งการกระทำาด้วยประการอื่นใดเพื่อให้ล่วงรู้ถึง ข้อความในสิ่งสื่อสารทั้งหลายที่บุคคลมีติดต่อถึงกันจะกระทำามิได้ เว้น แต่โดยอาศัยอำานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อรักษา ความมั่นคงของรัฐ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ของประชาชน เพิ่ม ข้อ ความท้า ยวรรค ๑ –กรณีท ี่เ ป็น การสื่อ สารสาธารณะ ต้อ งอยู่ใ นรูป แบบที่ก ลุ่ม บุค คลทุก กลุ่ม สามารถเข้า ถึง และใช้ ประโยชน์ไ ด้ ข้อ ความใหม่ต ามร่า งรัฐ ธรรมนูญ พ .ศ.๒๕๕๐ ที่ค น พิก ารเสนอมาตรา ๓๗ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการสื่อสาร ถึงกันโดยทางที่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีท ี่เ ป็น การสื่อ สาร สาธารณะต้อ งอยู่ใ นรูป แบบที่ก ลุ่ม บุค คลทุก กลุ่ม สามารถเข้า ถึง และใช้ป ระโยชน์ไ ด้ เหตุผ ล เดิมมาตรา ๓๗ และ ๓๙ มองเพียงเสรีภาพในการติดต่อ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าว สาร การพิมพ์ โฆษณา การ เซ็นเซ่อร์ข่าว การ ปิด หนังสือพิมพ์ เป็นต้น แต่แนวคิดใหม่ต้องการให้ คุ้มครองบุคคลทุก กลุ่มที่มี ความแตกต่างในการรับรู้ การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และ ต้องการสื่อหรือรูปแบบการติดต่อสื่อสารที่แตกต่างด้วยการไม่อำานวย ความสะดวก ในเรื่องนี้ถือเป็นการจำากัดเสรีภาพในมาตราทั้ง ๒ นี้ (ลักษณะเดียว กับมาตรา ๕๘)
  • 13. 13 มาตรา ๓๙ ข้อ ความเดิม /การปรับ แก้ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดง ความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อ ความหมายโดยวิธีอื่น การจำากัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำามิได้ เว้นแต่โดยอาศัย อำานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของ รัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัว เพิ่ม ข้อ ความท้า ยวรรค ๑ -กรณีท ี่เ ป็น การสื่อ สารสาธารณะ ต้อ งอยู่ใ นรูป แบบที่ก ลุ่ม บุค คลทุก กลุ่ม สามารถเข้า ถึง และใช้ ประโยชน์ไ ด้ ข้อ ความใหม่ต ามร่า งรัฐ ธรรมนูญ พ .ศ.๒๕๕๐ ที่ค น พิก ารเสนอมาตรา ๓๙ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการ แสดง ความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อ ความหมายโดยวิธีอ ื่น กรณีท ี่เ ป็น การสื่อ สารสาธารณะต้อ งอยู่ ในรูป แบบที่ก ลุ่ม บุค คล ทุก กลุ่ม สามารถเข้า ถึง และใช้ ประโยชน์ไ ด้ เหตุผ ล เหตุผลเดียวกับมาตรา ๓๗ มาตรา ๕๒ ข้อ ความเดิม /การปรับ แก้ บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการ รับบริการทางสาธารณสุขที่ได้มาตรฐาน และผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับการ รักษาพยาบาลจากสถานบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้ จ่าย ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ การบริการทางสาธารณสุขของรัฐต้องเป็นไปอย่างทั่วถึงและมี ประสิทธิภาพ โดยจะต้องส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและ เอกชนมีส่วนร่วมด้วยเท่าที่จะกระทำาได้ การป้องกันและขจัดโรค ติดต่ออันตราย รัฐต้องจัดให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่าและทันต่อ เหตุการณ์ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ เพิ่ม ข้อ ความ - การป้อ งกัน สาเหตุแ ห่ง ความพิก าร รวมทั้ง ข้อ ความใหม่ต ามร่า งรัฐ ธรรมนูญ พ .ศ.๒๕๕๐ ที่ค น พิก ารเสนอมาตรา ๕๒ บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับ บริการทางสาธารณสุขที่ได้มาตรฐาน และผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับการ รักษาพยาบาลจากสถานบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้ จ่าย ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ
  • 14. 14 การบริการทางสาธารณสุขของรัฐต้องเป็นไปอย่างทั่วถึงและมี ประสิทธิภาพ โดยจะต้องส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและ เอกชนมีส่วนร่วมด้วยเท่าที่จะกระทำาได้ การป้อ งกัน สาเหตุแ ห่ง ความพิก ารรวมทั้ง การป้องกันและขจัด โรคติดต่ออันตราย รัฐต้องจัดให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่าและทัน ต่อเหตุการณ์ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ เหตุผ ล ในรัฐธรรมนูญไม่มีสาระเกี่ยวกับการป้องกันความพิการในมาตราใดๆ และ "ความพิการ" ในความ หมายใหม่ เป็นความสัมพันธ์ระหว่างความบกพร่องของบุคคลกับสภาพแวดล้อม มิใช่ประเด็นทางสุขภาพ/ประเด็นทางการแพทย์แต่เพียงอย่างเดียว มาตรา ๕๓ ข้อ ความเดิม /การปรับ แก้ เด็ก เยาวชน และบุคคลในครอบครัว มี สิทธิได้รับความคุ้มครองโดยรัฐจากการใช้ความรุนแรงและการปฏิบัติ อันไม่เป็นธรรม เด็กและเยาวชนซึ่งไม่มีผู้ดูแล มีสิทธิได้รับการเลี้ยงดูและการศึกษา อบรมจากรัฐทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ เพิ่ม คำา ว่า สตรีพ ิก าร และ เด็ก พิก าร เ พิ่ ม ข้ อ ค ว า ม – จ น ก ว่ า จ ะ มี ค ุ ณ ภ า พ ชี ว ิ ต ที่ ด ี ข ึ้ น แ ล ะ อ ยู่ ไ ด้ อย่า งพอเพีย ง ข้อ ความใหม่ต ามร่า งรัฐ ธรรมนูญ พ .ศ.๒๕๕๐ ที่ค น พิก ารเสนอมาตรา ๕๓ เด็ก เยาวชน สตรีพ ิก าร และบุคคลใน ครอบครัว มีสิทธิได้รับความคุ้มครองโดยรัฐจากการใช้ความรุนแรง และการปฏิบัติอันไม่เป็นธรรม เด็กและเยาวชนซึ่งไม่มีผู้ดูแลและเด็กพิการที่ยากจน มีสิทธิได้รับ การเลี้ยงดูและการศึกษาอบรมจากรัฐ จนกว่า จะมีค ุณ ภาพชีว ิต ที่ด ี ขึ้น และอยู่ไ ด้อ ย่า งพอเพีย ง ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ เหตุผ ล สตรีพิการเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มักได้รับการกระทำารุนแรง และการปฏิบัติอันไม่เป็นธรรม เด็กคนพิการยากจนจำานวนมากไม่สามารถพึ่งตนเองได้ จึงจำาเป็นต้อง ได้รับดูแลอย่างต่อเนื่อง มาตรา ๕๔
  • 15. 15 บุคคลซึ่งมีอายุเกินหกสิบปีบริบูรณ์และไม่มีรายได้เพียงพอแก่การ ยังชีพ มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมาย บัญญัติ เสนอแนวคิด ให้ป รับ ข้อ ความ ข้ อ ค ว า ม ใ ห ม่ ต า ม ร่ า ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ พ .ศ .๒ ๕ ๕ ๐ ที่ ค น พิก ารเสนอมาตรา ๕๔ เป็นการคุ้มครองเด็ก เยาวชน และคนสูง อายุ จะต้อง มีความ ชัดเจนมากขึ้นด้วย วิธี เขียนอย่างไรก็ได้ หรือ แสดง เจตนารมย์ ให้ชัดเจนว่าจะ ครอบคลุม เด็ก เยาวชน สตรีและ คนสูงอายุ ที่เป็นคนพิการด้วย เห ตุผ ล มีความพยายามและความ เข้าใจที่จะให้เรื่องทุกเรื่อง ของ คนพิการ ทุกช่วงอายุ ทุกเพศ ทุกวัย ทุกประเภท ความพิการและทุก ระดับ ความพิการ ไปอยู่ในมาตรา ๕๔ ทำาให้การเขียนมาตรา ๕๕ มี ความยากมากเพราะไม่สามารถเขียนแบบแยกแยะได้ในขณะเดียวกัน ก็ ไม่ ส ามารถเขีย นแบบรัด กุ ม ย่ นย่ อ ได้ เด็ กพิ การยั ง คง มี สิ ท ธิ ต่ างๆ เท่าที่เด็กทั่วไป ได้รับ คนชราพิ การก็ เช่ น เดียวกัน ย่อมมีสิทธิเท่ าที่ คนชราทั่ ว ไปจะได้ รั บ หาก มี สิ ท ธิ ใ ดที่ ส มควรคุ้ ม ครอง ไว้ ด้ ว ยเหตุ ความพิการจึงนำาไปกำาหนดในมาตรา ๕๕ มาตรา ๕๘ ข้อ ความเดิม /การปรับ แก้ บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับทราบข้อมูล หรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยราชการ หน่วยงาน ของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น เว้นแต่การเปิดเผยข้อมูล นั้นจะกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยของประชาชน หรือ ส่วนได้เสียอันพึงได้รับความคุ้มครอง ของบุคคลอื่น ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ เ พิ่ ม ข้ อ ค ว า ม – ใ น รู ป แ บ บ ที่ ค น พิ ก า ร แ ล ะ ผู้ ด ้ อ ย โ อ ก า ส สามารถเข้า ถึง และใช้ป ระโยชน์ไ ด้ ข้อ ความใหม่ต ามร่า งรัฐ ธรรมนูญ พ .ศ.๒๕๕๐ ที่ค น พิก ารเสนอมาตรา ๕๘ บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับทราบข้อมูลหรือ ข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น เว้นแต่การเปิดเผยข้อมูลนั้นจะ กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยของประชาชน หรือส่วน ได้เสียอันพึงได้รับความคุ้มครองของบุคคลอื่น ในรูป แบบที่ค น
  • 16. 16 พิก ารและผู้ด ้อ ยโอกาสสามารถเข้า ถึง และใช้ป ระโยชน์ไ ด้ ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ เหตุผ ล เพื่ อ ให้ มั่ น ใจว่ า หน่ ว ยงานที่ รั บ ผิ ด ชอบในการเผยแพร่ ใ ห้ ข้ อ มู ล ข่ า วสารจะคำา นึ ง ถึ ง บุ ค คลที่ มี ค วามแตกต่ า ง ในการเข้ า ถึ ง และรั บ รู้ ข้อมูลข่าวสาร เช่น คนตาบอด คนหูหนวก คนชรา คนที่มีปัญหาใน การอ่านหนังสือที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ เป็นต้น มาตรา ๘๖ ข้อ ความเดิม /การปรับ แก้ รัฐต้องส่งเสริมให้ประชากรวัยทำางาน มีงานทำา คุ้มครองแรงงานโดยเฉพาะแรงงานเด็กและแรงงานหญิง จัด ระบบแรงงานสัมพันธ์ การประกันสังคม รวมทั้งค่าตอบแทนแรงงานให้ เป็นธรรม เพิ่ม ข้อ ค ว า ม –รวมทั้ง ก า ร ส ร้ า ง ห ลัก ป ร ะ กัน ก า ร มี ง า น ทำา ใ ห้ คน พิก ารและผู้ด ้อ ยโอกาส ข้ อ ค ว า ม ใ ห ม่ ต า ม ร่ า ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ พ .ศ .๒ ๕ ๕ ๐ ที่ ค น พิก ารเส นอ ม า ต ร า ๘๖ รัฐต้องส่งเสริมให้ประชากรวัยทำา งานมี งานทำา คุ้มครองแรงงานโดยเฉพาะแรงงานเด็กและแรงงานหญิง จัด ระบบแรงงานสัมพันธ์ การประกันสังคม รวมทั้งค่าตอบแทนแรงงานให้ เป็ น ธรรม ร ว ม ทั้ ง ก า ร ส ร้ า ง s ลั ก ป ร ะ กั น ก า ร มี ง า น ทำา ใ ห้ ค น พิก ารและผู้ด ้อ ยโอกาส เ ห ตุ ผ ล รั ฐ ลงทุ น ในการศึ ก ษาและฟื้ น ฟู ส มรรถภาพคนพิ ก ารด้ า น อาชีพมากแต่ไม่มีความชัดเจน ในการส่งเสริมการจ้างงานและ/หรือ การประกันการมีงานทำาจึงเกิดความสูญเปล่าส่วนคนพิการที่ได้รับการ การจ้างงานมักไม่ได้รับความ เป็นธรรมเรื่องค่าจ้าง และสวัสดิการ มาตรา ๑๙๐ การพิจารณาร่างพระราชบัญ ญัติที่ประธาน สภาผู้แทน ราษฎรวินิจฉัยว่ามีสาระสำาคัญเกี่ยวกับเด็ก สตรี และคน ชรา หรือผู้พ ิก ารหรือ ทุพ พลภาพ หากสภาผู้แทน ราษฎรมิได้ พิจารณาโดยกรรมาธิ การเต็มสภา ให้สภาผู้แทน ราษฎรตั้งคณะ กรรมาธิการวิสา มัญขึ้นประกอบด้วยผู้แทนองค์ การเอกชนเกี่ยวกับ บุคคลประ เภทนั้นมีจำานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำานวน กรรมาธิการ... ปรับ ข้อ ความ – หรือผู้พิการหรือทุพพลภาพ เป็น คนพิก าร ปรับ ข้อ ความ – หนึ่งในสาม เป็น กึ่ง หนึ่ง ข้ อ ค ว า ม ใ ห ม่ ต า ม ร่ า ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ พ .ศ .๒ ๕ ๕ ๐ ที่ ค น พิ ก า ร เ ส น อ ม า ต ร า ๑๙๐การพิ จ ารณาร่ า งพระราชบั ญ ญั ติ ที่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรวิ นิจ ฉั ย ว่ ามี ส าระสำา คั ญ เกี่ ย วกั บ เด็ ก สตรี
  • 17. 17 และคนชรา หรือคนพิก าร หากสภาผู้แทนราษฎรมิได้พิจารณาโดย กรรมาธิการเต็มสภา ให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ขึ้ น ประกอบด้ ว ยผู้ แ ทนองค์ ก ารเอกชนเกี่ ย วกั บ บุ ค คลประเภทนั้ น มี จำานวนไม่น้อยกว่ากึ่ง หนึ่ง ของจำานวนกรรมาธิการทั้งหมด เ ห ตุ ผ ล องค์ ป ระกอบของคณะ กรรมาธิ ก ารวิ ส ามั ญ ควรมี ผู้ แ ทน องค์การเอกชนเกี่ยวกับบุคคลแต่ละประเภทไม่น้อยกว่า กึ่ง ห นึ่ง ของ จำานวนกรรมาธิการทั้งหมด ทั้ง นี้เ พื่อ ให้ต ัว แทนกลุ่ม นั้น ๆ สามา รถพลัก ดัน แนวคิด ขอ งกลุ่ม ต นเข้า ไปไว้ใ น พร ะร าช บัญ ญัต ิท ี่ เกี่ย วกับ กลุ่ม นั้น ๆ ได้อ ย่า งแท้จ ริง ๓. แนวทางปรับ แนวคิด สำา คัญ ในการร่า งรัฐ ธรรมนูญ ๓.๑. นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง ภายใต้ความ เห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร ๓.๒.ให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อแต่ กำาหนดให้ทุกพรรคพิจารณาเสนอชื่อ ที่ครอบคลุมกลุ่ม อาชีพ และกลุ่มบุคคลเฉพาะ เช่น คนพิการ และสตรี ๓.๓ ให้มีสองสภากรณีสมาชิกวุฒิสภามาจากการแต่งตั้ง หรือสรรหา ให้คำานึงถึงความครอบ คลุมกลุ่ม ประชาชนที่หลากหลาย รวมถึงคนพิการด้วย ๓.๔ คงไว้ซึ่งองค์กรอิสระ และเพิ่มอำานาจให้คณะ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และผู้ตรวจ การแผ่น ดินของรัฐสภา (ไม่ยุบรวม) รวมทั้งให้คณะกรรมการสิ ทธิฯ สามารถดำาเนินการฟ้องร้องแทน ประชาชนที่ถูก ละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ ๓.๕ กำาหนดให้หมวด ๕ ใช้ชื่อ “ หน้าที่แห่งรัฐ ” แทน แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ๓.๖ เพื่อให้รัฐสามารถดำาเนินการตามมาตรา ๘๐ ได้ รัฐ ต้องจัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นธรรม โดยในพรบ.งบ ประมาณแต่ละปี ต้องกำาหนดสัดส่วนไว้อย่างชัดเจน เช่น กรณีคนพิการควรมีสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๑ ของงบประมาณแผ่นดิน ๓.๗ ตัดคำาว่าทุพพลภาพ ออกทุกที่ที่ปรากฏ ๓.๘ ให้ใช้คำาว่า “คนพิการ” แทน “ผู้พิการ” ทุกแห่ง ๔. ข้อ เสนอทั่ว ไป
  • 18. 18 ๔.๑ รัฐ ต้อ งทำา หน้ า ที่ ให้ ค วามรู้ ค วามเข้ า ใจและเผยแพร่ เรื่องการเมืองการปกครองในประเทศ ให้แก่เยาวชน คนพิการ และผู้สูงอายุ ให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ ๔.๒ รั ฐ ต้ อ งทำา หน้ า ที่ เ ปิ ด เผยข้ อ มู ล ให้ ส าธารณชนใน จัง หวั ด นั้ นทุ กจั งหวั ด ให้ รั บ รู้ ทั่ ว กั น ในเรื่ อ งของระดั บ ปั ญ หา คอรั ป ชั่ น อาชญากรรม เศรษฐกิ จ และสั ง คม โดยให้องค์กรอิสระที่มาจากนักศึกษาและประชาชนใน จังหวัดนั้นๆเป็นผู้ชี้วัดทุกๆ ๑ ปี เมื่อสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยได้นำา ข้อเสนอต่อ ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และเลขากรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สภาคน พิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยได้จัดฟังความคิดเห็นของคนพิการ ทั่วประเทศ โดยภาคกลางจัดฟังความคิดเห็นที่ กรุงเทพมหานครใน ระหว่ า งวั น ที่ 22 และ 23 มี น าคม พ.ศ. 2550 ส่ ว นภาคตะวั น ออก เฉี ย งเหนื อ จั ด ที่ จั ง หวั ด นครราชสี ม า ในระหว่ า งวั น ที่ 24 และ 25 มีนาคม พ.ศ. 2550 ภาคเหนือจัดที่จังหวัด อุตรดิตถ์ ในระหว่างวันที่ 26 แ ล ะ 27 มี น า ค ม พ .ศ . 2550 แ ล ะ ภ า ค ใ ต้ จั ด ที่ จั ง ห วั ด นครศรีธรรมราช ในระหว่างวั นที่ 28 และ 29 มีนาคม พ.ศ. 2550 ในการจัดสัมมนาทุกครั้งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสมาชิกสภา ร่างรั ฐ ธรรมนูญ นาย การุญ ใสงาม จากการรั บ ฟั ง ความคิ ด เห็ นคน พิการในภูมิภาคต่างๆต่างมีข้อเสนอแนะที่หลากหลายแต่เมื่อนำามาสรุป แล้ว ความคิดเห็นของคนพิการที่รับฟังมานั้นก็ยังอยู่ในกรอบที่สภา คนพิ ก ารได้ นำา เสนอต่ อ สภาร่ า งรั ฐ ธรรมนู ญ ไปแล้ ว นอกจากนี้ ค น พิ ก ารยั ง ได้ นำา เอ าข้ อ เส นอ ข อ งส ภา ค นพิ ก า รทุ ก ปร ะ เ ภท แห่ ง ประเทศไทยนำา เสนอต่ อ สภาร่ า งรั ฐ ธรรมนู ญ ในเวที ต่ า งๆที่ ส ภาร่ า ง รัฐธรรมนูญจัดรับฟังความคิดเห็น อย่ า งไรก็ ต ามเมื่ อ กรรมาธิ ก ารยกร่ า งรั ฐ ธรรมนู ญ นำา ร่ า ง รั ฐ ธรรมนู ญ ที่ ย กร่า งเสร็จ แล้ ว นำา มาเผยแพร่ ต่ อ ประชาชน สภาคน พิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยพบว่ามีบางเรื่องที่คณะกรรมาธิการ ยกร่างรัฐธรรมนูญได้ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของสภาคนพิการทุก ประเภทแห่งประเทศไทยบางประการ อย่างเช่นเรื่องให้นำาพันธะกรณี ระหว่ า งประเทศที่ ป ระเทศไทยมี อ ยู่ ใ ห้ มี ผ ลใช้ บั ง คั บ ได้ โดยนำา มา บัญญัติไว้ในมาตรา 4 ทั้งนี้อาจเนื่องจากมีหลายองค์กรเรียกร้องใน ทำา นองเดีย วกันกับที่ส ภาคนพิ การทุ กประเภทแห่ งประเทศไทยเรี ย ก ร้องก็เป็นไปได้
  • 19. 19 มาตรา 4 “ศักดิ์ศ รีค วามเป็ น มนุ ษย์ สิ ท ธิ เสรี ภ าพ และความ เสมอภาคของบุค คลทั้ง ที่ บัญ ญั ติ ไว้ ต ามรั ฐ ธรรมนู ญ นี้ ตามประเพณี การปกครองประเทศไทยในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ท ร ง เ ป็ น ป ร ะ มุ ข แ ล ะ ต า ม พั น ธ ะ ก ร ณี ร ะ ห ว่ า ง ป ร ะ เ ท ศ ที่ ประเทศไทยมีอ ยู่ ย่อ มได้ร ับ ความคุ้ม ครอง นอกจากนี้ได้มีการเติมเรื่องการจัดสวัสดิการให้ไว้ในมาตรา 53 และมาตรา 79(1) มาตรา 53 “บุ ค คลซึ่ ง พิ ก ารหรื อ ทุ พ พลภาพ มี สิ ท ธิ ไ ด้ ร ั บ ส วัส ดิก า ร สิ่งอำา นวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะ และความช่ ว ย เหลืออื่นจากรัฐ” มาตรา 79 “รัฐต้องดำาเนินการตามแนวนโยบายด้านสังคม การ ศึกษา และวัฒนธรรม ดังต่อไปนี้ (1) คุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน ส่งเสริมความเสมอภาพ ของหญิงและชาย เสริมสร้างและพัฒนาความเป็นปึกแผ่นของสถาบัน ครอบครัว รวมทั้งต้องสงเคราะห์แ ละจัด สวัส ดิก าร ให้แก่คนชรา ผู้ ยากไร้ ผู้พิ การหรือ ทุพ พลภาพ และผู้ อ ยู่ ในสถานะยากลำา บากให้ มี คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและพึ่งตนเองได้ (2) ... (3) ... แต่ เรื่ อ งสำา คัญ ที่ ค นพิ ก ารต้ อ งการกลั บ ไม่ ไ ด้ รั บ การตอบสนอง อย่างเช่น ให้มีการเติมคำาว่า “ ความพิการ” ลงในมาตรา 30 วรรค 3 ปรากฎว่าในมาตรา 30 วรรค 3 ยังมีข้อความเหมือนเดิม หรือขอให้ ใช้ถ้อยคำาว่า “มีสิทธิเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ ” แทนคำาว่า “มีสิทธิได้ รับ” ในมาตรา 55 เดิม หรือ มาตรา 53 ตามร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ ในมาตรา 53 ยังใช้คำาว่า “มีสิทธิได้รับ” เช่นเดิม มาตรา 30 วรรค 3 “การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล เพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำา เนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจ และสั ง คม ความเชื่ อ ทางศาสนา การศึ ก ษาอบรมหรื อ ความคิ ด เห็ น ทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ จะกระทำามิได้” ทำา ไมคำา ว่ า “ ความพิการ ” จึ ง มี ค วามสำา คั ญ มาก เพราะความ พิ ก ารเป็ น อั ต ลั ก ษณ์ ข องคนกลุ่ ม หนึ่ ง ที่ รู้ จั ก กั น ในชื่ อ ผู้ พิ ก ารหรื อ