แกะสลักเทียน
- 1. 1
การจัดทาต้นเทียนพรรษาประเภทแกะสลัก
ต้นเทียนประเภทแกะสลัก เป็นต้นเทียนสมัยใหม่ ทาเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2502 โดย นายคาหมา
แสงงาม ต้นเทียนต้นหนึ่งจะใช้ขี้ผึ้งประมาณ 70-100 กิโลกรัม โดยใช้ขี้ผึ้งดีผสมกับขี้ผึ้งชนิดไม่ดี ในอัตราส่วน 5 ต่อ 1 หลังจากหล่อและกลึงต้นเทียนแล้ว จะเริ่มแกะสลักต้นเทียนด้วยขั้นตอน ดังนี้
ออกแบบลายที่จะแกะสลัก โดยการร่างทั้งส่วนฐานลาต้นและยอดเทียน ใช้เครื่องมือแกะสลักซึ่งจะมี การเซาะ เจาะ ขีด และขูด ให้เป็นรูปสามมิติ เหมือนของจริง หรือรูปที่ร่างไว้ตามจินตนาการ แก้ไขส่วนที่ บกพร่องในระหว่างการแกะสลัก อาจมีการผิดพลาดได้ เช่น รูปที่แกะมีขนาดเล็กหรือใหญ่เกินไป หรือ บางส่วนแตกหัก ก็ต้องแก้ไขปรับปรุงให้เรียบร้อย
ÊӹѡÇԷºÃÔ¡Òà ÁËÒÇÔ·ÂÒÅÑÂÍغÅÃÒª¸Ò¹Õ
- 2. 2
วัสดุอุปกรณ์ในการจัดทาต้นเทียนประเภทแกะสลัก
1. เทียนสีเหลือง หรือสีหมากสุก
2. แกนที่ทาจากท่อเหล็กหรือไม้ หรือท่อปูน
3. ปูนพลาสเตอร์ใช้สาหรับปั้นหุ่น
4. อุปกรณ์ที่ใช้ในการต้นเทียน
1) ถาดเทเทียนที่ทาจากแผ่นสังกะสีหรือแผ่นเหล็กทาเป็นถาดสี่เหลี่ยม ขอบสูง 1 นิ้ว หรือ มากกว่าก็ได้
2) ถังหรือปิ๊บใช้สาหรับต้มเทียน
3) ถ่านหรือฟืนหรือแก๊สใช้สาหรับต้มเทียน
4) ผงซักฟอกผสมน้า สาหรับใช้ทาถาดเวลาแกะจะได้ง่ายขึ้น
ÊӹѡÇԷºÃÔ¡Òà ÁËÒÇÔ·ÂÒÅÑÂÍغÅÃÒª¸Ò¹Õ
- 3. 3
ส่วนประกอบของลาต้นต้นเทียน
1. เทียนสีเหลืองหรือสีหมากสุก
เทียนสีเหลืองจะมีสีสวยงามในเวลากลางวันแต่จะไม่ชัดเจนเวลาดูตอนกลางคืนเมื่อเทียบกับเทียนสี หมากสุก เพราะสีเข้มจะทาให้แสงเงาของลายชัดเจนมากกว่า การมองจะมีมิติมากกว่า แต่สีเหลืองจะดูสะอาด กว่า
2. แกน
ปัจจุบันนี้นิยมทาจากท่อเหล็กเพราะหาได้ง่าย เนื่องจากวัดที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองจะไม่มีไม้ไผ่ที่จะนามา ทาแกน หรือต้นไม้ที่มีความตรงนั้นหาได้ยาก จึงหันมาเลือกวัสดุที่หาง่ายตามยุคสมัย และ ท่อเหล็กนั้นมีความ แข็งแรงทนทาน ปลอดภัยในการติดตั้ง
3. ปูน
ปูนที่ใช้สาหรับปั้นหุ่น นิยมใช้ปูนพลาสเตอร์มากกว่าปูนซีเมนต์ เพราะจะต้องปั้นให้เสร็จและแห้งใน เวลาอันสั้น และช่างจะได้ทาการติดเทียนและแกะสลักได้ทันที ถ้าหากเป็นปูนชนิดอื่นจะแห้งช้ากว่าและเป็น การเสียเวลา ÊӹѡÇԷºÃÔ¡Òà ÁËÒÇÔ·ÂÒÅÑÂÍغÅÃÒª¸Ò¹Õ
- 4. 4
การแกะสลักลาต้นเทียน
1. เตรียมแกนของลาต้น ซึ่งจะเป็นแกนไม้ หรือเหล็ก และไม่ให้มีรูอากาศเข้าแกนกลาง เพราะเวลาที่ เทเทียนๆ จะเข้าไปอยู่ที่ส่วนกลางของแกน ทาให้สิ้นเปลืองเทียนและเสียเวลา บางครั้งจะทาให้เทียนรั่วลงสู่ พื้น และจะต้องทาใหม่ โดยส่วนมากช่างจะสารวจความเรียบร้อยของแกนก่อนการเทต้น เพื่อความปลอดภัย จึงใช้ปูนพลาสเตอร์ปั้นทับแกน หรือวัสดุอย่างอื่น ปิดรูก่อนการเท
2. แบบเทเทียน ซึ่งบางทีทาจากสังกะสี หรือแผ่นเหล็กคัดโค้งเชื่อมหรือบัดกรีทาเป็นรูปทรงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางขึ้นอยู่กับประเภทของต้นเทียน ว่าเป็นต้นเทียนขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ ส่วนมากจะ ใหญ่กว่า 30 เซนติเมตร เพราะเวลามองจากระยะไกล จะเห็นลายเด่นชัด กว่าขนาดเล็ก โดยเฉพาะในเวลา กลางคืน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะขึ้นอยู่กับลายที่แกะว่าลายเล็กหรือลายใหญ่ความสูงของต้นเทียน และความส่อง สว่างของไฟสปอตไลท์ที่จะเพิ่มสีสัน และความสวยงาม
ÊӹѡÇԷºÃÔ¡Òà ÁËÒÇÔ·ÂÒÅÑÂÍغÅÃÒª¸Ò¹Õ
- 5. 5
3. การต้มเทียนสาหรับใช้เทลาต้นและใช้สาหรับปั้นหุ่น เทียนที่จะใช้เทลาต้นส่วนใหญ่
แล้วจะใช้เทียนที่มีสีเข้ม ซึ่งเมื่อแกะสลักออกมาแล้วจะทาให้เห็นลายสวยงาม ชัดเจน เทียนที่จะใช้เทลาต้นนั้น จะต้องผสมขี้ผึ้งแท้ (ที่มาจากรังผึ้งแท้ๆ) เพราะจะทาให้เหนียว เวลาแกะสลักจะไม่ทาให้ลายแตกหรือหักง่าย และลายมีความคมมากยิ่งขึ้น สาหรับเทียนที่ใช้สาหรับปั้นหุ่นจะมีส่วนผสมของขี้ผึ้งแท้หรือไม่มีก็ได้ เฉพาะ ในการติดหุ่นนั้น เทียนที่ติดจะยังไม่แห้งดีก็ทาการขูด หรือแกะสลักได้เลย
ระยะเวลาในการเทลาต้นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความหนาของเทียน และสังเกตว่าลาต้นเทียนนั้น ใช้ได้หรือไม่โดยดูที่ผิวสัมผัสว่าเย็นหรือยัง และเคาะฟังเสียงแล้วจะมีเสียงดังมากกว่าตอนที่เทใหม่ๆ เนื่องจาก เมื่อเทียนเย็นลงแล้วจะหดตัวและไม่ติดโลหะ ทาให้เกิดช่องว่างระหว่างเทียนกับโลหะ ถ้าเคาะแล้วมีเสียงดัง แสดงว่าใช้ได้
การแกะแบบเทลาต้นเทียนจะแกะตามรอยตะเข็บที่เชื่อมหรือบัดกรี และสามารถนาแบบนั้นไปใช้ ประโยชน์อย่างอื่น เช่น ถาดเทเทียน หรือเก็บไว้เป็นแบบเทเทียนในปีต่อ ๆ ไป
ข้อผิดพลาดในการเทเทียน คือ มีรอยบุบ หรือเบี้ยว มีรูอากาศหรือฟองอากาศเล็ก ๆ เต็มไปหมด มี สาเหตุมาจากหลายประการใด
1. ลาต้นเบี้ยว ไม่กลม มาจากการตั้งแกนไม่ตรง เส้นผ่าศูนย์กลางของต้นไม่ได้ขนาด และความหนา ของเนื้อเทียนไม่สม่าเสมอ
2. ตัวบังคับแกนของสังกะสีหรือเหล็กไม่กลม
3.ไม่ได้วางแผนตาแหน่งที่วางแบบเทลาต้น เนื่องจากการจัดทาต้นเทียนนั้นจะอยู่ในช่วงฤดูฝน ถ้า ตาแหน่งที่วางแบบอยู่ใกล้ชายคา เมื่อเทแล้วเกิดฝนตกเทียนด้านที่อยู่ติดชายคานั้นจะแห้งก่อนเพราะความเย็น จากน้าฝน และอีกด้านยังไม่เซ็ทตัว จึงเป็นสาเหตุที่ทาให้ลาต้นเทียนที่ออกมาไม่สวยงาม ไม่เป็นทรงกลม
ส่วนการเทเทียนสาหรับติดหุ่นนั้นจะไม่ต้องเทให้หนามาก ประมาณ 1 นิ้ว หรือน้อยกว่า จะแตกต่าง จากเทียนที่ใช้สาหรับพอกหรือติดปะซึ่งต้องการความลึกเมื่อแกะสลักแล้วจะทาให้มองดูแล้วมีมิติ
ÊӹѡÇԷºÃÔ¡Òà ÁËÒÇÔ·ÂÒÅÑÂÍغÅÃÒª¸Ò¹Õ
- 6. 6
ขั้นตอนการแกะสลักลาต้นเทียน
การแกะสลักลาต้นเทียน เริ่มจากการตกแต่งผิวลาต้นให้เรียบ ด้วยการขูดตกแต่ง หรือนาไป กลึงให้กลม แล้วออกแบบลวดลาย ลวดลายที่ออกแบบขึ้นอยู่กับเรื่องราวที่เราจะนาเสนอว่าขบวนรถแห่ของ เราจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร เพราะเรื่องราวที่แกะลาต้นจะต้องสัมพันธ์กันกับเรื่องราวตัวละคนในรถ ขบวนต้นเทียน ตัวละครที่อยู่ในขบวนรถฯ เช่น ลายกินรีเป็นลวดลายที่มีความอ่อนหวาน ลายยักษ์หรือสัตว์ป่า หิมพานต์ ก็จะเป็นลายกระบี่คชะ ซึ่งเป็นลายที่มีความดุในตัวเอง และสามารถดิ้นลายไปตามจินตนาการ
1. การร่างภาพและลวดลายลงบนลาต้น ช่างที่ยังไม่มีความชานาญพอก็สามารถร่างลายลงบนกระดาษ ไข หรือกระดาษแก้ว แล้วทาการอลกลายลงลนลาต้นเทียน ซึ่งมีข้อเสียคือ จะเกิดรอยต่อด้านหลังซึ่งจะต้องมา แก้ไขจังหวะลายใหม่ ซึ่งจะทาให้ลายที่ได้ไม่ลงตัวทั้งจังหวะและช่องไฟของลวดลาย
2. การร่างลายลงบนลาต้น เป็นการเขียนลายแบบสดโดยใช้ปากกาเมจิกหรือใช้เหล็กปลายแหลม หรือ ตะปู หรือถ้าหากเป็นช่างที่มีความชานาญจะใช้เกียงแกะสลัก ร่างภาพได้เลย โดยการร่างเบา ๆ ก่อนลงเส้น หนัก และทาการแกะสลัก
3. เกียงที่ใช้ในการแกะสลักจะมีหลายรูปแบบ หลายขนาด มีทั้งขนาดสั้น ขนาดยาว คม ด้านเดียวหรือ คม สองด้าน ปลายโค้งงอ ปลายใหญ่ ปลายแหลม ปลายเล็กแหลมเรียว แล้วแต่พื้นที่หรือลวดลายที่จะแกะ ส่วนมากช่างจะทาเกียงใช้เอง เพราะสามารถเลือกแบบ รูปทรง ขนาดได้ตามความถนัดและความพอใจ วัสดุที่ ใช้ทาเกียงต้อมีความแข็งแรง ไม่บิดตัวหรือโค้งงอง่าย ไม่เป็นสนิม
ÊӹѡÇԷºÃÔ¡Òà ÁËÒÇÔ·ÂÒÅÑÂÍغÅÃÒª¸Ò¹Õ
- 7. 7
4. เหล็กขูด เป็นอุปกรณ์เสริมอีกอย่างหนึ่ง ใช้ขูดเทียนให้เรียบ เซาะร่องลึกที่มีทั้งหน้ากว้างและหน้า แคบ ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่จะแกะ ช่างบางคนใช้ใบเลื่อยหรือเหล็กแผ่นทั้งเรียบและเป็นคมเลื่อย ใช้ในการขูดพื้นให้ หยาบเหมือนผิวช้างหรือขนสัตว์
5. เมื่อร่างภาพเสร็จแล้ว เริ่มแกะจากลายที่มีภาพประกอบก่อนเพราะเป็นส่วนที่นูนสูงก่อนแล้วไล่ไป ตามระดับชั้นของลายหรือช่อลาย แต่ละกลุ่มที่ต้องการความคมชัด โดยเฉพาะกลุ่มลายที่อยู่ด้านข้างของตัวรถ ต้นเทียนซึ่งเป็นจุดที่น่าสนใจและสื่อความหมายได้ชัดเจนมากที่สุด
ÊӹѡÇԷºÃÔ¡Òà ÁËÒÇÔ·ÂÒÅÑÂÍغÅÃÒª¸Ò¹Õ
- 8. 8
6. ลายที่มีความสวยงามอ่อนช้อยในตัวเองคือ ลายที่ถูกต้องตามหลักของลายไทย แต่จังหวัดอุบลราชธานี เป็น จังหวัดชายแดนที่ติดกับประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเขมร ก็อาจจะมีการซึมซับเอา ลายจากประเทศเหล่านี้เข้ามาบ้าง แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อย เรายังคงเอกลักษณ์ความเป็นไทยอีสาน เหมือนกับ ไทยภาคเหนือและภาคใต้
7. ช่างแกะสลักเทียนต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองและมั่นใจในการลงลายแกะสลักเพราะถ้าพลาดก็จะ ทาให้ชิ้นงานนั้นเสียเพราะเทียนนั้นเมื่ออากาศเย็นจะเปราะ แตกหักง่าย แต่ถ้าอากาศร้อนเทียนก็จะละลายหรือ บิดตัว ช่างต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ ซึ่งสิ่งที่สาคัญอีกอย่างหนึ่งในการทางานด้านนี้คืออารมณ์ จะต้องต่อเนื่อง และน้าหนักการลงเกียงจะต้องเท่ากัน
ÊӹѡÇԷºÃÔ¡Òà ÁËÒÇÔ·ÂÒÅÑÂÍغÅÃÒª¸Ò¹Õ
- 9. 9
8. อุณหภูมิเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนสาคัญในการแกะสลักเทียน ช่างมีความจาเป็นต้องทางานแข่งกับเวลา ฉะนั้น การทางานในช่วงเวลาที่อากาศเย็น หรือช่วงกลางคืนต้องอาศัยเครื่องมือช่วยทาให้เทียนอ่อนตัว ง่ายต่อการแกะ เครื่องมือเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสปอตไลท์ เครื่องเป่าความร้อน หรือเตาถ่านมีส่วนสาคัญทาให้งานเสร็จลุล่วง ไปด้วยดี ถ้ามีเศษเทียนแตกหักก็สามารถนามาต้มหลอมใหม่และใช้งานได้
9. เมื่อแกะสลักลาต้นเสร็จแล้ว ก็เป็นขั้นตอนการทาหุ่นหรือองค์ประกอบเรื่องราวที่นาเสนอบนรถต้น เทียน ส่วนใหญ่การทาหุ่นจะเริ่มจากทาฐานรองหุ่น มีแกนยึดหุ่น โครงยึดนั้นอาจจะเป็นไม้หรือเหล็กก็ได้แต่ ต้องแข็งแรง เมื่อได้โครงแล้วก็ทาตามข่ายหรือนาใยมะพร้าวมามัดขึ้นรูปหุ่น โดยหุ่นที่ทานั้นจะมีขนาดผอม กว่าของจริง จากนั้นนาใยมะพร้าวผสมกับปูนพลาสเตอร์ปั้น แต่งผิวให้เรียบรอติดเทียน เทียนที่ใช้ติด ใช้วิธีเท เทียนที่ต้มแล้วเทลงในถาดเทียนให้สม่าเสมอ ปล่อยให้เทียนที่เทแล้วนั้นเย็นตัวลงแล้วแกะออกจากถาดเป็น แผ่น ๆ นามาติดเข้ากับหุ่น โดยใช้ความร้อนจากเหล็กที่เผาไฟ หรือหัวแร้งที่เผาไฟหรือเทียนที่ต้มใส่กาน้าร้อน แล้วเทราดลงบนหุ่น และนาเทียนแผ่นที่ได้ติดเข้ากับตัวหุ่น ตกแต่งหุ่นหั้นให้เรียบร้อย และแกะสลัก หรือถ้า ต้องการความนูนก็สามารถพอกและแกะลวดลายให้นูนสวยงาม แค่นี้เราก็จะได้หุ่นที่สวยงามตามที่ต้องการ
ÊӹѡÇԷºÃÔ¡Òà ÁËÒÇÔ·ÂÒÅÑÂÍغÅÃÒª¸Ò¹Õ