More Related Content Similar to พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present2 Similar to พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present2 (20) พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present22. พฤติก รรมของมนุษ ย์อ น
ั
เป็น พืน ฐานทางจิต วิท ยา
้
จำา นวนมากมีค วาม
เกีย วข้อ งกับ พืน ฐานทาง
่
้
สรีร วิท ยา
3. จิต วิท ยาและสรีร วิท ยา
การมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกระบวนการ
ทางสรีรวิทยาทำาให้สามารถเข้าใจพฤติกรรม
บางอย่างของมนุษย์
นัก สรีร วิท ยา : อวัย วะต่า งๆของ
ร่า งกายนั้น ทำา งานอย่า งไร
นัก จิต วิท ยา : เน้น การศึก ษาพฤติก รรม
ซึ่ง เกิด จากการทำา งานของระบบต่า งๆ
ของร่า งกายโดยรวม
นัก จิต วิท ยาเน้น ศึก ษาพฤติก รรมอัน
เกิด จากทั้ง การทำา งานของร่า งกายและ
5. พื้น ฐานทางสรีร วิท ยาใน
มุม มองประสาทสรีร วิท ยา
(Neurophysiology)
การเกิด พฤติก รรม
1) Receptors in
your skin detect a
stimulus
6. พื้น ฐานทางสรีร วิท ยาใน
มุม มองประสาทสรีร วิท ยา
(Neurophysiology)
การเกิด พฤติก รรม
2) The impulse is carried
by SENSORY NEURONES
to the spinal cord
7. พื้น ฐานทางสรีร วิท ยาใน
การเกิด พฤติก รรม
3) Here another sensory neurone
carries the signal to the brain
9. พื้น ฐานทางสรีร วิท ยาใน
มุม ก รรม
การเกิด พฤติมองประสาทสรีร วิท ยา
(Neurophysiology)
5) This impulse is
sent by MOTOR
NEURONES to the
hand muscles (the
effectors) via the
spinal cord…
12. ปฏิก ิร ิย าสะท้อ นอย่า งง่า ย
(Simple Reflex Action)
กระบวนการเกิด พฤติก รรมที่ง า ยและ
่
รวดเร็ว
1. Receptor ถูก กระตุ้น
2. กระแสประสาทถูก ส่ง ไปตามกลไก
เชือ มโยง
่
3. มีก ารตอบสนองของกล้า มเนือ
้
Reflex เกิด ขึ้น ภายในเศษส่ว นของ
วิน าที สมองไม่ไ ด้เ ข้า มาเกี่ย วข้อ ง
โดยตรง
13. ขั้น แรก :
เข็มกระตุ้นกลไกรับสิ่งเร้า ทีเรียกว่า
่
ตัว รับ (Receptors)
ขั้น สอง :
กระแสประสาทถูกส่งไปตาม
กลไกเชื่อมโยง
ขั้น สุด ท้า ย :
กระแสประสาทสั่งงานส่งไปตามกลไกเชื่อมโยง ใน
ทีสุดก็ถึงกลไกแสดงปฏิกิริยาคือ การตอบสนอง
่
ของกล้ามเนื้อทีแขนเป็นการดึงมือออกจากสิ่งเร้า
่
14. กลไกแสดงปฏิก ิร ย า
ิ
พฤติก รรมหรือ การแสดงออกที่
เราสัง เกตได้ข องคนๆหนึง นัน
่ ้
อาจเกิด ขึ้น จากกลไกการทำา งาน
ของ
กล้า ม
เนื้อ
ต่อ ม
15. กล้า มเนือ (Muscles)
้
กล้า มเนือ ในร่า งกาย
้
มนุษ ย์ม ี 3 ชนิด คือ
1. กล้า มเนือ ลาย
้
(Striated or
Skeletal Muscles)
2. กล้า มเนือ เรีย บ
้
(Smooth or
Unstriated Muscles)
3. กล้า มเนือ หัว ใจ
้
(Cardiac Muscle)
16. 1. กล้า มเนื้อ ลาย (Striated or
Skeletal Muscles)
การตอบสนอง
เช่น เคลือนไหว
่
ของเรานันเกิดขึ้นจากการหด ้
คลายตัวของกล้ามเนื้อลาย
เป็นมัดที่มเอ็นยึดติดกับกระดูก
ี
เพื่อเคลื่อนไหว มีประมาณ
7000 มัด
กล้ามเนื้อลายทำางานเป็นกล้าม
เนื้อที่ทำางานตามเจตนาหรือ
กล้ามเนือที่อ ยู่ภ ายใต้อ ำา นาจ
้
ของจิต ใจ (Voluntary
17. 2. กล้า มเนื้อ เรีย บ (Smooth or
Unstriated Muscles)
อวัยวะภายในของร่างกาย
กล้ามเนือเรียบทำางานโดยการหดตัว
้
และมี
การคลายตัว
เราไม่ส ามารถควบคุม ทำา งานของกล้า ม
เนือ เรีย บได้จ ึง เรีย กว่า กล้า มเนือ ที่อ ยู่
้
้
นอกอำา นาจจิต ใจ (Involuntary
Muscles)
18. 3. กล้า มเนื้อ หัว ใจ (Cardiac
Muscle) ้อทีมีเส้นใยคล้ายกล้ามเนื้อลาย
เป็นกล้ามเนื
่
กล้า มเนื้อ ลายต่า งจากกล้า มเนื้อ หัว ใจ
กล้ามเนื้อหัวใจสามารถทำางานได้เองเป็น
กล้า มเนื้อ ที่อ ยู่น อกอำา นาจจิต ใจ
(Involuntary Muscles)
การทำางานของหัวใจ : สูบฉีดเลือดไปเลียงทัว
้
่
ร่างกายทางเส้นเลือด
20. 1. ต่อ มมีท ่อ (Duct Glands)
เป็น ต่อ มที่ม ท ่อ สำา หรับ ส่ง สารเคมีท ี่ข ับ
ี
ออกมา ได้แ ก่
ต่อ มนำ้า ลายในปาก
ต่อ มนำ้า ย่อ ย
ต่อ มนำ้า ตา ต่อ มเพศ (ผลิต ไข่ห รือ เชือ
้
ตัว ผู)
้
21. 1. ต่อ มมีท ่อ (Duct Glands)
ต่อ มมีท ่อ เป็น กลุ่ม ก้อ นอยู่ใ กล้ไ ต
หน้า ที่...
ต่อ มเหงื่อ หน้า ที่....
22. 2. ต่อ มไร้ท ่อ (Ductless Glands
or Endocrine Glands)
ระบบต่อ มไร้ท ่อ มีบ ทบาทสำา คัญ
ในการคงสภาพความคงที่ข องสิ่ง
แวดล้อ มภายในร่า งกายโดย
เฉพาะสารเคมี
ต่อ มไร้ท ่อ สร้า งสารเคมี : ฮอร์โ มน
(Hormones)
ฮอร์โ มนจะถูก ขับ เข้า สูก ระแส
่
เลือ ดหรือ ระบบนำ้า เหลือ ง โดยตรง
ไม่ม ีท ่อ ส่ง
24. 1. ต่อ มไทรอยด์ (Thyroid
Glands)
อยู่ตรงบริเวณคอหอย
มี
ลักษณะเป็นเนือเยื่อซึ่งแบ่ง
้
ออกเป็น 2 กลีบ (Lobes)
คือ ข้างซ้ายและข้างขวา
ผลิตฮอร์โ มนไทร็อ กซิน
(Thyroxin)
มีห น้า ทีร ัก ษาระดับ การ
่
เผาผลาญและการใช้
พลัง งานของเนื้อ เยือ ใน
่
ร่า งกายให้เ ป็น ปกติ
ถ้า ฮอร์โ มนนีม น อ ยไป
้ ี ้
Hypothyroid
25. ต่อ มไทรอยด์ (Thyroid
ถ้า ร่า งกายขาดไอโอดีน ไทรอยด์จ ะโต
Gland) แต่ถ ้า มีม าก
พองจนเป็น โรคคอหอยพอก
ไปจะเป็น คอหอยพอกแบบตาโปนด้ว ย
26. 2. ต่อ มพาราไทรอยด์
(Parathyroid Glands)
มี
2 ข้า งละ 2 เม็ด
ฝัง อยู่ภ ายในต่อ ม
ไทรอยด์
ผลิต
ฮอร์โ มนParathor
mone
ทำา หน้า ที่ร ัก ษา
น้อ ย เกร็ง กระสับ กระส่าด ปกติอ าจ
ผิ ย ระดับ การใช้ธ าตุ
มาก อ่อ นเพลีย ปวดกระดูอ งจาก
เนื่ ก แคลเซีย มและ
เนือ งอก
้
ฟอสฟอรัส ของเซลล์
27. 3. ต่อ มไทมัส (Thymus
Glands)
มีอยู่
2 พู ติดต่อกัน
ในช่องอกระหว่าง
ปอดทั้ง 2 ข้าง
ให้ฮ อร์โ มนทีท ำา
่
หน้า ที่ค วบคุม
ระบบนำ้า เหลือ ง
และการสร้า ง
ภูม ิค ุ้ม กัน โรค
ละลายกระจายไป
กับ เลือ ด ช่วยฆ่าเชื้อ
จุลินทรีย์ที่เข้าไปใน
28. 4. ไพเนีย ล (Pineal Glands)
ฝังอยู่ในส่วนศูนย์กลางของสมอง
บริเ วณก้า น
สมอง
สร้า งฮอร์โ มนเมลาโตนิน เกี่ย วข้อ งกับ การ
เจริญ เติบ โตของระบบสืบ พัน ธุ์
หน่ว งความรู้ส ึก ทางเพศในเด็ก จนกระทั่ง ถึง
วัย หนุ่ม สาว
เมื่อ เป็น ผู้ใ หญ่ต ่อ มนี้จ ะไม่ม ีบ ทบาทจนฝ่อ
หายไป หากมีอ ยู่จ ะมีพ ฤติก รรมคล้า ยเด็ก
ร่า งกายจะเตี้ย แกร็น
29. 5. ต่อ มในตับ อ่อ น
(PancreasทGlands)
มีลักษณะเป็นกลุ่มเซลล์ ี่แทรกกระจายไป
ทั่วเนื้อเยื่อของตับอ่อน
มีค ณ สมบัต ิเ ป็น ทั้ง ต่อ มมีท ่อ และต่อ ม
ุ
ไม่ม ท ่อ (กลุ่ม เซลล์ช อ Islets of
ี
ื่
Langerhands ผลิต ฮอร์โ มนอิน ซูล ิน
และกลูค าเจน)
มีห น้า ที่ส ำา คัญ คือ การควบคุม การเผา
ผลาญคาร์โ บไฮเดรท โปรตีน และไข
มัน
30. 5. ต่อ มในตับ อ่อ น
(Pancreas Gland)
อิน ซูล ิน
แอนาโบ
ลิจะดึง กูล โคส กรดไขมัน
ก
และกรดอะมิโ น มาเก็บ
สะสมไว้
กลูค า
กอน
คาตาโบ
ลิก
จะกระตุ้น ให้น ำา กูล โคส กรด
ไขมัน และกรดอะมิโ น ที่ถ ูก
สะสมไว้ม าใช้ ส่ง ออกไปทาง
เส้น เลือ ด ไปยัง อวัย วะต่า งๆ
31. 5. ต่อ มในตับ อ่อ น
เก็บ
กูล Gland)
Insulin (Pancreas โคสใน
มาก
มาก
กูล โคส
ใน
เลือ ด
มาก
ปัญ ญาไม่
แจ่ม ใส ทื่อ
กระทบศูน ย์
หายใจ เมดุล ลา
Insulin
น้อ ย
เลือ ดน้อ ย
เบา
หวาน
ไม่เ พีย ง
พอต่อ
การใช้
กระทบ
สมอง
เช่น
cortex
ภาวะhypoglycemia
เพลีย สับ สน เวีย นหัว
หิว อย่า งแรก ชัก
32. 6. ต่อ มเพศ (Sex Gland;
มีอ ิท ธิพ ลต่อ โครงสร้า ง
Gonad) เอกลัก ษณ์ท าง
ร่า งกาย
และต่อ พฤติก รรมทาง
เพศ
ต่อ มเพศชาย
คือ อัณ ฑะ
(Testes)
เพศของชาย
และหญิง
ต่อ มเพศหญิง
คือ รัง ไข่
(Ovaries)
33. 6. ต่อ มเพศ (Sex Gland;
Gonad)
ต่อมเพศทำางานในลัก ษณะเชิง คู่ (Dual
Function)
ต่อมเพศชายมีหน้าที่สร้า งเซลล์ต ัว ผู้
ต่อมเพศของหญิงมีห น้า ที่ส ร้า งไข่แ ละ
มีฮ อร์โ มนเพศหญิง ด้ว ย
34. 6. ต่อ มเพศ (Sex Gland;
ต่อ มเพศชาย (อัณ ฑะ)
Gonad)
สร้า งตัว อสุจ ิ
สร้า งฮอร์โ มน Androgen มาก ซึ่ง ตัว หลัก
คือ Testosterone
สร้า ง มนนีท ำา หน้า ที่ ย
ฮอร์โ Estrogen น้อ
้
ควบคุม พัฒ นาการ
ของลัก ษณะทุต ิย ภูม ิ
ทางเพศ
35. 6. ต่อ มเพศ (Sex Gland;
ต่อ มเพศหญิง (รัง ไข่)
Gonad)
สร้า งไข่
สร้า งฮอร์โ มน Estrogen มาก
สร้า ง Androgen น้อ ย
สร้า ง Progesterone
เตรีย มตั้ง ครรภ์ มดลูก
เจริญ Relaxin พร้อ ม
สร้า ง
เกิด ลั
คลอดก ษณะทุต ิย ภูม ิ
36. 6. ต่อ มเพศ (Sex Gland;
Gonad)
ผู้ช ายถ้า ฮอร์โ มนเพศ
ชายน้อ ยเกิน ไป ไม่ว ่า
จะเกิด ก่อ นหรือ หลัง
วัย รุ่น โครโมโซม
สืบ พัน ธุ์จ ะผิด ปกติ
ลัก ษณะทุต ิย ภูม ิท าง
เพศจะเสื่อ มลงช้า ๆ
มากเกิน ไป จะสร้า ง
เชื้อ ตัว ผู้ไ ม่ไ ด้ เป็น
หมัน หนุ่ม เร็ว เกิน ไป
37. 6. ต่อ มเพศ (Sex Gland;
Gonad) ญิง ถ้า ฮอร์โ มน
ผู้ห
เพศหญิง บกพร่อ ง
อาจจะกระทบ
กระเทือ นความ
ต้อ งการและ
ถ้า ขาดเอสโตรเจน
สมรรถภาพทางเพศ
จะทำา ให้ก ารมี
ประจำา เดือ นไม่
สมำ่า เสมอ หน้า อก
และมดลูก ไม่ม ีก าร
เจริญ เติบ โตที่
สมบูร ณ์ มีล ก ษณะ
ั
38. 7. ต่อ มใต้ส มอง (Pituitary
อยูใ ต้ส มองบริเ วณขมับ ด้า นซ้า ย มีล ัก ษณะ
่
Gland)
กลมขนาดเท่า ถั่ว ลัน เตา 5-10 มม. หนัก
ประมาณ 0.5 กรัม
ส่ว น
กลาง
ส่ว น
หน้า
ส่ว น
39. 7. ต่อ มใต้ส มอง (Pituitary
Gland)
•ต่อ มใต้ส มองทำา หน้า ที่เ ป็น หัว หน้า ต่อ มไร้
ท่อ ทั้ง หลาย
• แบ่ง เป็น 3 ส่ว น ส่ว นหน้า (Anterior
Lobes) ส่ว นกลาง (Intermediate Lobe)
ส่ว นหลัง (Posterior Lobe)
•ทั้ง 3 ส่ว นสร้า งฮอร์โ มนประมาณ 10
ชนิด ที่ม ีค วามสำา คัญ อย่า งยิ่ง ต่อ ชีว ิต และ
สภาพจิต ใจหรือ การควบคุม พฤติก รรมต่า ง
ๆ
•ต่อ มใต้ส มอง เป็น ต่อ มเอก (master
41. 7. ต่อ มใต้ส มอง (Pituitary
ต่อ มใต้สGland) า
มองส่ว นหน้
ทำา งานมากเกิน ไป
Growth
Hormone มาก
เด็ก จะเติบ โตผิด คน
ผูใ หญ่ จะเกิด การ
้
ธรรมดา รูป ร่า งสูง ใหญ่
เติบ โตผิด ส่ว น
เหมือ นยัก ษ์“Gigantism”
“Acromegaly”
42. 8. ต่อ มหมวกไต (Adrenal
Glands)
อยู่เหนือไตทัง
้
2 ข้าง แบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ
ส่ว นใน (Adrenal Medulla) และ ส่ว นนอก
(Adrenal Cortex)
ส่ว นในสร้า งฮอร์โ มน Adrenalin และ
Noradrenalin
ส่ว นนอกสร้า งฮอร์โ มนชื่อ Steriod
Hormones
43. 8. ต่อ มหมวกไต (Adrenal
Gland)
ต่อ มหมวกไตส่ว นใน
เป็น ส่ว นอยู่ข ้า งใน อยู่ภ ายใต้ก ารควบคุม
ของระบบประสาทอัต โนมัต ิ ผลิต ฮอร์โ มน
Adrenalin ซึ่ง เป็น ฮอร์โ มนที่ช ว ยให้บ ค คล
่
ุ
ปรับ ตัว ต่อ ภาวะฉุก เฉิน ได้โ ดยไม่ช อ คหรือ
็
ถ้า ขาด Adrenalin
ตายโดยง่า ย
จะทำา ให้เ ป็น คน
อ่อ นแอทั้ง กายและ
จิต ใจ รู้ส ก
ึ
อ่อ นเพลีย มาก
45. 8. ต่อ มหมวกไต (Adrenal
Gland)
ต่อ มหมวกไตส่ว นนอก
จะผลิต ฮอร์โ มนทีม ีอ ท ธิพ ลต่อ การเผาผลาญ
่ ิ
แป้ง ไขมัน และโปรตีน รัก ษาสมดุล ของสาร
โซเดีย มและโปแตสเซีย ม ในเม็ด เลือ ด
ควบคุม ของเสีย ในเลือ ด ควบคุม ความเข้ม ข้น
นอกจากนั
ของเลือ ด ้น ยัง ผลิต
ฮอร์โ มนเพศที่ม ผ ล
ี
ต่อ การทำา งานของ
ระบบสืบ พัน ธุ์
47. ระบบประสาทแบ่ง ออกเป็น 2 ระบบ
ใหญ่ๆ
ระบบ
ประสาท
ระบบประสาทส่ว นนอก
(Peripheral nervous
system : PNS)
ระบบประสาทส่ว น
กลาง
(Central nervous
system : CNS)
ระบบโซมา
ระบบ
สมอง
ติค
ประสาท
Brain
(Somatic
อัต โนมัต ิ
nervous
(Autonomic
system :
nervous
SNS)
system :
Sympatheti ANS)
Parasympathetic
c system
system
ไขสัน หลั
ง
Spinal
cord
49. 2. ระบบประสาทส่ว นนอก
ออกจาก
่
2.1 ระบบ
(PNS) ระบบสัง
สมองบาง
ประสาทอัต
บาล
(Autonomi
c Nervous
System:
ANS)
2.2 ระบบ
ประสาท โซ
มาติค
(Somatic
Nervous
System:
งาน
ส่ว นกับ
(Motor
่
ไขสัน หลักระตุ้น
system)เกีย วกับ
กล้า มเนื้อ
ปฏิก ร ิย า
ิ
ง
เรีย บ
ทาง
ต่อ ม และ
อารมณ์
รับ พลัง จาก ใจ กระตุ้น
หัว
ไม่เ จตนา
สิ่ง เร้า
ปฏิก ร ิย า
ิ
ภายนอก
ตอบโต้ข อง เช่น การ
ผิว หนัง ไขสัน ห กล้า มเนื้อ ทรงตัว
เจตนา
กล้า มเนื้อ ง และ ลาย
เช่น นั่ง
ลั
ข้อ ต่อ สมอง
ยืน เดิน
51. 2.1.1 ซิม พาเธติค (Sympathetic
Division)
ทำา งานมากเมื่อ
ประสบกับ ภาวะ
ตึง เครีย ด ถูก คุก คาม
แสดงออกมาเป็น ชุด
แบบแผน เช่น หัว ใจ
เต้น เร็ว ความดัน
โลหิต สูง นำ้า ลาย
เหนีย ว
เพิ่ม พลัง งานยาม
ฉุก เฉิน
52. 2.1.2 พาราซิม พาเธติค
(Parasympathetic Division)
สงวนรัก ษาแหล่ง
พลัง งาน
ทำา งานมากเมื่อ อยู่
ในภาวะพัก ผ่อ น
สงบ ห ัว ใจเต้น ช้า
ทำา ให้
ลง ความดัน โลหิต
ลดลง แต่ก ารทำา งาน
จะไม่เ ป็น ชุด พร้อ ม
กัน จะแตกต่า งกัน
ไปตามสถานการณ์
53. สรีร วิท ยาพื้น ฐานเกี่ย วกับ ระบบ
ประสาท ป ระสาทหรือ นิว โรน
1. เซลล์
(Neuron)
หน่ว ยเล็ก ทีส ุด ของประสาท
่
มีล ัก ษณะ
เป็น เซลล์เ ดี่ย ว มีเ ส้น ใยเป็น เส้น ชัด เจน
ประกอบขึ้นด้วย โปรโตปลาสซึม
(Protoplasm) ห้อมล้อมด้วยผนังเซลล์บางๆ
(Membrane)
54. สรีร วิท ยาพื้น ฐานของระบบ
ประสาท
เซลล์ป ระสาทหรือ นิว โรน
(Neuron)
ตัว เซลล์ (Cell body)
จุด ศูน ย์ก ลางเซลล์ คง
สภาพการมีช ีว ิต ของ
เซลล์
Dendrites เส้น ใย
หลายเส้น งอกจากตัว
เซลล์ ทำา หน้า ทีร ับ
่
กระแสประสาทเข้า สู่ต ัว
Axon เส้น ใยเดี่ย ว งอก
เซลล์
ออกไปจากตัว เซลล์ ทำา
หน้า ทีส ่ง กระแสประสาท
่
ออกไป มีท ง สั้น และยาว
ั้
มาก
56. สรีร วิท ยาพื้น ฐานของระบบ
ประสาท
เส้น ประสาท (Nerve)
กลุ่ม ของเซลล์ป ระสาท (Neuron) หลายตัว
รวมกัน เป็น มัด มีล ก ษณะเป็น เส้น ใยยาว
ั
อาจจะเป็น มัด ของ Dendrite และ/หรือ
Axon
57. สรีร วิท ยาพื้น ฐานของระบบประสาท
เกลีย เซลล์ (Glia Cells)
เป็น เซลล์เ ล็ก ๆแทรกตาม Neuron คอย
พยุง และลำา เลีย งอาหาร
58. สรีร วิท ยาพื้น ฐานของ
ระบบประสาท
ไซแนปส์ (Synapse)
ช่อ งว่า งระหว่า งปลาย Axon (ส่ง ) กับ
Dendrite (รับ ) ของ Neuron อีก ตัว เพื่อ
สื่อ กระแสประสาท โดยการปล่อ ยสารเคมี
กระตุน
้
59. สรีร วิท ยาพื้น ฐานของระบบ
กระแสประสาท (Neural
ประสาท
Impulses)
เซลล์ป ระสาทจะรวบรวมและถ่า ยเท
กระแสประสาทใน
การรับ ข่า วสารต่า งๆ
63. สมองส่ว นหลัง (Hindbrain)
สมองส่ว นหลัง ประกอบด้ว ย
เมดุล ลา (Medulla)
สมองก้อ นเล็ก
ก้า นสมอง (Brianstem)
(Cerebellum)
พอนส์ (Pons)
เรติค ิว ลาร์ (Reticular
Formation)
65. สมองส่ว นหลัง (Hindbrain)
2. ซีร ีเ บลลัม หรือ สมองก้อ นเล็ก
(Cerebellum)
•แบ่ง เป็น 2 ซีก ทำา
หน้า ที่ค วบคุม ความ
ตึง ตัว ของกล้า มเนือ
้
ลายเพื่อ เคลื่อ นไหว
และเป็น ศูน ย์ข อง
ความสมดุล ของการ
ทรงตัว
•ทดสอบสมรรถนะ
68. สมองส่ว นกลาง (Midbrain)
สมองส่ว นกลาง
ประกอบด้ว ย
◦ เส้น ประสาททีเ ชื่อ ม
่
ต่อ กับ
ซีร ีบ
รัม
◦ เป็น เขตการเชือ ม
่
ของ กระแสการรู้ส ก
ึ
(Sensory impulse)
กับ กระแสปฏิบ ัต ิก าร
(Motor impulse)
ควบคุม เกีย วกับ การ
่
มองเห็น และการได้ย น
ิ
70. สมองส่ว นหน้า (Forebrain)
1. Thalamus
อยู่เหนือสมองส่วนกลาง
สถานีถ ่า ยทอดความรู้ส ก ที่ส ง มาจาก
ึ
่
ส่ว นล่า ง และส่ง ต่อ ข้อ มูล ไปยัง สมอง
ส่ว นต่า งๆที่ส ม พัน ธ์ก ับ ความรู้ส ก นัน ๆ
ั
ึ ้
71. 2.
สมองส่ว นหน้า (Forebrain)
Limbic System
เกีย วข้อ งกับ ปรากฏการณ์ท างจิต วิท ยา คือ
่
แรงจูง ใจและอารมณ์
ทำา หน้า ทีค วบคุม การทำา งานของอวัย วะ
่
ภายในด้ว ย
ภายในระบบลิมบิค มีส่วนของสมองทีสำาคัญอยู่
่
ด้วย ได้แก่ Hypothalamus, Septal area,
Amygdala, Hippocampus, Cingulate
cortex
72. สมองส่ว นหน้า (Forebrain)
Limbic System
Hypothalamus
มีศูนย์ต่างๆทำาหน้าที่ควบคุมการปรับตัวของ
ร่างกายให้อยู่ในภาวะสมดุล
ควบคุมการทำางานของต่อมใต้สมองและเรื่อง
พฤติกรรมทางเพศ
ไฮโปทาลามัสทำาหน้าที่เกี่ยวกับการสั่งงาน
(Motor Function) มากกว่าการรับความ
รู้สึก (Sensory Function)
73. สมองส่ว นหน้า (Forebrain)
Limbic System
Cingulate
Gyrus
เกี่ย วข้อ งกับ การ
ควบคุม อารมณ์แ ละ
ความจำา
Septal
Area
มีก ลุ่ม เซลล์ท ร ับ และ
ี่
ส่ง กระแสประสาท
เชื่อ มโยงกับ สมอง
ส่ว นหน้า และก้า น
สมอง เกี่ย วข้อ งกับ
อารมณ์พ ึง พอใจ
74. สมองส่ว นหน้า (Forebrain)
Limbic System
ฮิป โปแคมปัส
(Hippocampus)
ทำา หน้า ทีค วบคุม ความ
่
ต้อ งการทางเพศ และ
ความจำา ประสบการณ์
ส่ว นนี้ผ ิด ปกติจ ะจำา สิง
่
อะมิก ดาลา
ต่า งๆได้เ พีย งชั่ว คราว
(Amygdala)
เกี่ย วข้อ งกับ อารมณ์โ กรธ
ความก้า วร้า ว
75. สมองส่ว นหน้า (Forebrain)
3. Cerebrum
แบ่ง เป็น
2 ซีก (Cerebral Hemispheres)
คือ ซีก ซ้า ยและซีก ขวา
เชือมต่อกันโดยกลุ่มเส้นประสาทเรียกว่า
่
Corpus Callosum มีหน้าที่ทำาให้สมองทั้ง 2
ซีก ทำางานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
76. สมองส่ว นหน้า (Forebrain)
3. Cerebrum
ส่วนทีคลุมซีรีบรัมส่วนผิวนอก
่
(Cerebral cortex)
ประกอบด้วยเซลล์ประสาท (Cell bodies) ซึงมีสารสี
่
เทาส่วนผิวมีลักษณะจีบย่นเพราะมีเนื้อทีมาก
่
ใต้ส่วนเยื่อหุ้มสมองจะมีใยประสาททีมีปลอกไขมันหุ้ม
่
จึงมีสีขาว ทำาการเชื่อมต่อกับส่วนต่างๆ ของระบบ
ประสาท
เป็น ส่ว นทีเ กีย วข้อ งกับ การเกิด ขบวนการเรีย น
่ ่
รู้ม ากมาย
77. ซีร ีบ รัม แต่ล ะซีก แบ่ง ออกเป็น
4 ส่ว น
(Lobe) ได้แ ก่
◦ ส่ว นหน้า (Frontal lobe)
◦ ส่ว นกลาง (Parietal lobe)
◦ ส่ว นข้า งหรือ ขมับ (Temporal lobe)
◦ ส่ว นท้า ยทอยหรือ ส่ว นหลัง (Occipital
lobe)
◦ มีร่อ งกลาง (Central Fissure) แบ่งส่วน
หน้าและส่วนกลางออกให้เห็นชัด
◦ มีร่อ งข้า ง (Lateral Fissure) แบ่งสมองส่วน
ข้างออกจากสมองส่วนหน้าและส่วนกลาง
80. เราจะศึก ษาว่า สมองแต่ล ะพื้น ที่
ทำPET Scan ผูอก า งไร
า งานได้ ้ถ ู ย่
ทดลองจะถูก ฉีด
นำ้า ตาล
กัม มัน ตรัง สีท ี่ไ ม่
เป็น อัน ตราย
Electroenceph เพือ ตรวจสอบ
่
alograph
การทำา งานของ
(EEG)
สมองในกิจ กรรม
การบัน ทึก คลื่น ที่ก ำา หนดไว้
ไฟฟ้า บริเ วณผิว
ของสมอง ตรวจ
วัด โดยอิเ ลคโท
รด ทีต ิด ไว้
่
Magnetic
resonance
Imaging (MRI)
ตรวจสอบสนาม
แม่เ หล็ก และ
คลื่น รัง สีใ น
สมอง โดยจะ
สร้า งภาพจาก
81. หน้า ทีข องซีร ีบ รัม แบ่ง ออกเป็น
่
7 แดน
1. แดนเคลื่อ นไหว (Motor Area)
อยู่ในซีรีบรัมส่วนหน้าติดกับด้านหน้าของร่อง
กลาง
ควบคุม การเคลื่อ นไหวของกล้า มเนือ
้
ลาย
บริเวณซีกขวาควบคุมการทำางานของกล้าม
เนือลายด้านซ้ายของร่างกาย
้
82. แดนรับ รู้ข องร่า งกาย (Body
Sensory Area)
อยู่ในซีรีบรัมส่วนกลาง
ทำา หน้า ที่ร ับ รู้ค วามรู้ส ก ต่า งๆทางผิว
ึ
กาย
มีสวนควบคุมการรู้รสด้วย
่
2.
84. แดนการสัม พัน ธ์ (Association Area)
ทำา หน้า ที่ร ับ รู้อ ย่า งซับ ซ้อ น แบ่งเป็น 2 ส่วนย่อย
ได้แก่ ส่วนหน้าและส่วนหลัง
ส่ว นหน้า (Frontal Association Area)
◦ หน้า ที่เ ฉพาะคือ เกี่ย วกับ การคิด หาเหตุผ ล
การแก้ป ัญ หาเฉพาะหน้า
ส่ว นหลัง (Posterior Association Area)
◦ ช่ว ยส่ง เสริม หน้า ที่ข องแดนรับ ความรู้ส ึก แดน
การเห็น และการได้ย ิน
5.
85. 6. แดนควบคุม การพูด Motor
Speech Area
Broca Area จะควบคุม
การเคลือ นไหวของปาก
่
ลิ้น และขากรรไกรใน
Wernicke Area จะ
การพูด
ทำา ความเข้า ใจพลัง เร้า ที่
ผ่า นมาจากหูแ ละตา
(ความคิด ความเข้า ใจ
ระดับ สูง )
ถ้า แดน Wernicke เสีย แต่ Broca ไม่เ สีย
คนจะพูด ได้ค ล่อ ง แต่จ ะพูด ไม่ม ีส าระ ไม่ร ู้
เรื่อ ง ส่ว นถ้า Broca เสีย แดนเดีย ว จะพูด
ช้า ๆ ง่า ยๆ อ่า นลำา บาก เรีย กทั้ง สองโรคนี้
86. แดนรับ กลิ่น (Olfactory Area)
อยู่ชดปลายล่างของแดนได้ยิน ติดร่องข้าง
ิ
ของสมอง
มีห น้า ที่เ กี่ย วข้อ งกับ การรับ รู้ก ลิ่น
7.
88. เมื่อ มนุษ ย์ถ ก กระตุ้น เร้า จากสิ่ง
ู
แวดล้อ มภายนอกการกระตุ้น มาก
การกระตุ้น
น้อ ยเกิน ไป
คะแนน IQ ลดลง
บางครั้ง มีอ าการ
ประสาทหลอน
การรับ รู้ไ ม่ว ่อ งไว
เกิน ไป
เกิด อาการทาง
ร่า งกายเรีย กว่า
จิต กายาพาธ หรือ
Psychosomatic
Disorder เช่น
แผลในกระเพาะ
อาหาร