Contenu connexe
Similaire à โรคจากการทำงาน nov2014
Similaire à โรคจากการทำงาน nov2014 (15)
โรคจากการทำงาน nov2014
- 2. ความหมาย อาชีวะ(Occupation) หมายถึงบุคคลที่ประกอบสัมมาชีพ หรือคนที่ ประกอบอาชีพทั้งมวล อนามัย(Health) หมายถึงสุขภาพอนามัย ความเป็นอยู่ที่สุขสมบูรณ์ ของผู้ประกอบอาชีพ อาชีวอนามัย(Occupational Health) หมายถึง งานที่เกี่ยวข้องกับการ ควบคุมดูแล สุขภาพอนามัยของผู้ประกอบอาชีพทั้งหมด เป็นงานที่ เกี่ยวข้องกับการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพอนามัย รวมทั้งการดารง คงไว้ซึ่งสภาพร่างกาย และจิตใจที่สมบูรณ์ของผู้ประกอบอาชีพทุกอาชีพ
- 3. ความหมาย
ความปลอดภัย (Safety) หมายถึง สภาพแวดล้อมของการทางาน ที่ ปราศจากภัยคุกคาม ไม่มีอันตราย (Hazard) และความเสี่ยงใดๆ(Risk) ในทางปฏิบัติอาจจะไม่สามารถควบคุมอันตรายหรือความเสี่ยงในการ ทางานที่มีผลต่อสุขภาพ การบาดเจ็บ การพิการ การตายได้ทั้งหมด แต่ ต้องมีการดาเนินงาน มีการกาหนดกิจกรรมด้านความปลอดภัยเพื่อให้ เกิดอันตรายหรือความเสี่ยงน้อยที่สุดเท่าที่จะทาได้
- 4. การดาเนินงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
WHO และILO กาหนดไว้ 5 ประการ การส่งเสริม (Promotion) การป้องกัน (Prevention) การป้องกันคุ้มครอง (Protection) การจัดการงาน (Placing) การปรับงานให้กับคนและปรับคนให้กับงาน (Adaptation)
- 5. ความเสี่ยงโรคจากการทางาน
ความเสี่ยง (Risk) หมายถึงความเป็นไปได้ หรือโอกาสที่สิ่ง คุกคามแสดงความเป็นอันตราย ตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนถึงมี ความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ สิ่งคุกคาม (Hazard) หมายถึง สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ที่มีศักยภาพที่ ก่อให้เกิดอันตรายได้ อาจเป็นสารเคมี เครื่องจักร ความร้อน ลักษณะการทางาน หรือสภาพแวดล้อมการทางาน ซึ่ง อันตรายที่เกิดขึ้น อาจถึงการเสียชีวิต ทุพลภาพ หรือการ เจ็บป่วยทางกายหรือทางจิตใจ
- 9. การป้องกันและควบคุมความร้อน
1) ลดความร้อนในผู้ตัวปฏิบัติงานและที่ทางาน - จัดให้ผู้ปฏิบัติงานมีระยะพักบ่อยขึ้น และพักในที่มีอากาศเย็น - เครื่องมืออุปกรณ์ที่มีความร้อนสูง ควรมีฉนวนหุ้มกันความร้อน - ติดตั้งระบบดูดอากาศเฉพาะที่
- ติดตั้งฉากกันความร้อน ระหว่างแหล่งกาเนิดความร้อนกับตัวผู้ปฏิบัติงาน - จัดให้มีพัดลมเป่า เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศและการระเหยของเหงื่อ - จัดให้มีบริเวณสาหรับพักที่มีอากาศเย็น
- ให้ความรู้กับผู้ปฏิบัติงานทุกคนที่ทางานในที่มีแหล่งความร้อน - ผู้ปฏิบัติงานใหม่ ควรกาหนดชั่วโมงการทางานที่ต้องสัมผัสกับความร้อน
- 11. เสียง (Noise) เสียงดัง(Nuisance Noise) หมายถึง เสียงซึ่งไม่เป็นที่ต้องการของคน เพราะทาให้เกิดการรบกวนการรับรู้เสียงที่ต้องการ หรือความเงียบ และเป็นเสียงที่เป็นอันตรายต่อการได้ยิน เดซิเบลเอ(dBA) เป็นหน่วยวัดความดังเสียงที่ใกล้เคียงกับการ ตอบสนองต่อเสียงของหูมนุษย์ TWA : time weighted average เป็นค่าเฉลี่ยระดับความดังเสียงตลอด ระยะเวลาการสัมผัสเสียง
สิ่งคุกคามทางกายภาพ(Physical health hazards)
- 12. เสียงแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1.เสียงดังแบบต่อเนื่อง ( Continuous Noise)
-เสียงดังต่อเนื่องแบบคงที่ ลักษณะเสียงดังที่มีระดับเสียงเปลี่ยนแปลง ไม่เกิน 3 dBA เช่น เสียงพัดลม
-เสียงดังต่อเนื่องแบบไม่คงที่ ลักษณะเสียงดังที่มีระดับเสียงเปลี่ยนแปลง เกิน 10 dBAเช่น เสียงเจียร
2.เสียงดังเป็นช่วง ๆ ( Intermittent Noise) เป็นเสียงที่ดังไม่ต่อเนื่องดังเป็น ระยะ เช่น เสียงเครื่องบินบินผ่าน
3.เสียงดังกระทบหรือกระแทก (Impact Noise) เป็นเสียงที่เกิดขึ้นและสิ้นสุด อย่างรวดเร็วในเวลาน้อยกว่า 1 วินาที มีการเปลี่ยนแปลงของเสียง มากกว่า 40dBA
- 16. แสงสว่าง (Light) ไม่ต่ากว่ามาตรฐานที่กาหนดไว้ในพรบ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2549 เรื่อง กาหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความ ปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทางาน เกี่ยวกับความ ร้อน แสงสว่าง และเสียง
นั่งทางานหน้าจอคอมพิวเตอร์ควรมีแสงสว่างที่เหมาะสมไม่เกิน 500 LUX ควรพักสายตาทุก 15นาที เมื่อทางานติดต่อกันเกิน 2 ชม.
สิ่งคุกคามทางกายภาพ(Physical health hazards)
- 17. ความสั่นสะเทือน (Vibration)
ความถี่ 2-100 เฮิร์ท เช่น ขับรถบรรทุก รถไถ ความถี่ 20-1000 เฮิร์ท เช่นงานขุดเจาะขนาดใหญ่ ค้อนทุบ เครื่องตัด เลื่อยไฟฟ้า เครื่องขัดถูพื้นหินขัด
ผลกระทบต่อสุขภาพ มีผลต่อกระดูกโครงสร้าง การเคลื่อนไหว รบกวนการหลั่งน้าย่อย
ตัวอย่างโรค Hand -arm Vibration Syndrome นิ้วซีดขาวจาก การบีบเกร็งของหลอดเลือด สิ่งคุกคามทางกายภาพ (Physical health hazards)
- 18. รังสี (Radiation)
แหล่งพลังงานที่ปล่อยออกมาจาก แหล่งกาเนิดโดยผ่านตัวกลางหรืออากาศใน รูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และรวมถึง อนุภาคต่างๆที่ปล่อยออกมาจากนิวเคลียส ของอะตอมของธาตุกัมมันตรังสีตลอดจน รังสีคอสมิกที่มาจากนอกโลก สิ่งคุกคามทางกายภาพ (Physical health hazards)
- 19. รังสีมี 2 ชนิด
รังสีแตกตัว หรือกัมตภาพรังสี
-แหล่งธรรมชาติ เช่น แสงจากดวงอาทิตย์ รังสีคอสมิก
- มนุษย์สร้างขึ้น เช่น รังสีแอลฟา รังสีเบต้า รังสีแกมมานามาใช้ ในโรงพยาบาลในรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น รังสีเอ๊กซ์ หรือรังสีแกมม่า ได้แก่ การวินิจฉัยโรค การรักษาโรค การฉายรังสีเพื่อรักษาโรคผิวหนัง เวชศาสตร์นิวเคลียร์ในขั้นตอนการวินิจฉัยและรักษา การเตรียมยาและ ผลิตยา รังสีไม่แตกตัว เช่นรังสีอุลตราไวโอเลต อินฟราเลด แสงแดด
คลื่นวิทยุ คลื่นโทรทัศน์ เรด้า เรเซอร์
- 20. • ผลเฉียบพลัน การได้รับปริมาณรังสีที่ก่อให้เกิดการแตก ตัวทาให้ผิวหนังบวมแดง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน อ่อนเพลีย หมดสติ • ผลเรื้อรัง ทาให้เกิดการกลายพันธุ์ของยีนส์ การปลี่ยน แปลงของโครโมโซม การแบ่งตัวของเซลล่าช้า และเซลถูกทาลาย ผลกระทบต่อสุขภาพ (ปริมาณมากกว่า 100 Roentgens)
- 21. ผลกระทบต่อสุขภาพ
1) รังสีอัลตราไวโอเลท (แสง UV) ทาให้ตาแดง เยื่อบุในชั้นตาดาอาจถูก ทาลาย ผิวหนังอักเสบ คัน สัมผัสเป็นเวลานานทาให้เกิดมะเร็งผิวหนัง 2) รังสีจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ ทาให้เกิดความเมื่อยล้าของสายตา ปวดศีรษะ 3) รังสีอินฟาเรด (IR) ทาให้ตาบอด ผิวหนังไหม้ 4) อัลตราซาวด์ ทาให้คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหู มึนงง อ่อนเพลีย สูญเสียการได้ ยินชั่วคราว 5) เลเซอร์ เกิดอันตรายต่อกระจกตาและเลนส์ตา มีผลต่อผิวหนัง 6) ไมโครเวฟ เกิดอันตรายต่อตา ระบบประสาทส่วนกลางและระบบสืบพันธุ์
- 22. การป้องกันและควบคุม
1) ให้ความรู้กับบุคลากร ที่ทางานเกี่ยวข้องกับรังสีที่ไม่แตกตัว เน้น เรื่องอันตรายและการป้องกัน 2) การสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายขณะทางาน เช่น สวมแว่นตา นิรภัย ป้องกัน แสง UV, แสง IR, เลเซอร์ 3) มีการตรวจสอบเครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และการ บารุงรักษา เพื่อป้องกันการรั่วไหลของรังสี 4) ตรวจสุขภาพก่อนเข้าทางานและตรวจประจาปี โดยเน้นการ ตรวจตาและผิวหนัง
- 23. หมายถึง: สิ่งแวดล้อมการทางานที่มีเชื้อจุลินทรีย์ เช่น แบคทีเรีย รา ไวรัส ปาราสิต เป็นต้น ซึ่งอาจแพร่มาจากผู้ป่วยด้วยโรคติดเชื้อที่มารับ การรักษาพยาบาล และเกิดการแพร่เชื้อสู่ผู้ปฏิบัติงานได้ โรคติดเชื้อ: ได้แก่ วัณโรค, ไวรัสตับอักเสบ, HIV, Legionellosis ที่เกิด จากเชื้อLegionella pneumophilia พบใน air conditioning อาชีพที่เสี่ยง: บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาลที่ทางานใน โรงพยาบาล ,พนักงานเก็บขยะ ,พนักงานเก็บสิ่งปฏิกูล ,พนักงานซัก ล้าง/ทาความสะอาด/เวรเปล, เจ้าหน้าที่ห้องLABสิ่งคุกคามทางชีวภาพ (Biological Health Hazards)
- 32. หมายถึง สิ่งคุกคามสุขภาพที่เกิดขึ้นจากท่าทางการทางานที่
ผิดปกติ หรือฝืนธรรมชาติ
Ergonomics คาที่มาจากภาษากรีก
“ergon” แปลว่า งาน (work)
“nomos” แปลว่า กฎตามธรรมชาติ (Natural Laws)
รวมกันเป็นคาว่า“ergonomics” หรือ“laws of work” ที่แปลว่ากฎของงาน
ซึ่งเป็นศาสตร์ หรือวิชาการที่เป็นการปรับเปลี่ยนสภาพงานให้
เหมาะสมกับผู้ปฏิบัติงาน
สิ่งคุกคามทางการยศาสตร์ (Ergonomics)
- 36. การป้องกันและแก้ไขปัญหา 1) หลักการทั่วไปในการยก เคลื่อนย้ายวัสดุ สิ่งของ หรืออุปกรณ์ เครื่องใช้ 2) ใช้โต๊ะที่สามารถปรับระดับได้เพื่อเกิดความเหมาะสมกับผู้ใช้งาน 3) จัดให้มีราวพิงหลัง หรือที่พักเท้า กรณีที่ต้องยืนทางาน 4) เมื่อต้องยืนทางานเป็นระยะเวลานานบนพื้นแข็งควรใช้แผ่นยาง หรือพรมรองพื้นที่มีความนุ่ม 5) จัดวางเครื่องมือ วัตถุดิบ และวัสดุอื่นๆ บนโต๊ะทางานตาม ความถี่ของการใช้งาน
- 38. ผลกระทบต่อสุขภาพ
• ทาให้เบื่ออาหาร เกิดแผลอักเสบในกระเพาะอาหาร
• เกิดความผิดปกติด้านจิตใจ ปวดศีรษะ ข้างเดียว นอนไม่หลับ
• อารมณ์แปรปรวน ส่งผลต่อสัมพันธภาพภายในของครอบครัว และสังคม
• กระทบต่อทัศนคติ และพฤติกรรม การติดต่อสื่อสารกับผู้ป่วย และเพื่อนร่วมงาน
- 39. 1) จัดให้มีกิจกรรมคลายเครียด 2) จัดให้มีการทางานเป็นกะอย่างเหมาะสม และมีจานวนทีมงานที่ เพียงพอ 3) ปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทางานให้น่าอยู่ น่าทางาน 4) ผู้ที่ทาหน้าที่ควบคุม กากับงาน ควรมีความยืดหยุ่นและยอมรับ ฟังความคิดเห็น 5) จัดภาระงานให้เหมาะสมกับความสามารถของผู้รับผิดชอบงาน การแก้ปัญหาด้านจิตสังคม
- 41. โรคเกี่ยวเนื่องกับการทางาน
(Work-related diseases)
หมายถึง โรคหรือความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นผลโดยอ้อม จากการทางาน สาเหตุปัจจัยประกอบหลายอย่างประกอบ (Multi-factorial disease)ไม่เกิดจากสารเคมีหรืออันตรายจาก การทางานโดยตรง แต่สารเคมีหรือวิธีการทางานนั้นๆ ทาให้ โรคที่เป็นอยู่เดิมนั้นเป็นมากขึ้น
- 42. โรคจากสิ่งแวดล้อม (Environmental diseases)
มีหลักการเกิดโรคเช่นเดียวกับโรคจากการทางาน คือมีสิ่ง คุกคามมาสัมผัสกับร่างกายคน ทาให้เกิดโรคขึ้น เพียงแต่ เปลี่ยนจากสิ่งคุกคามที่อยู่ในงานมาเป็นสิ่งแวดล้อมที่อยู่ใน สิ่งแวดล้อมแทน
- 44. เกณฑ์การวินิจฉัยโรคจากการทางาน (1)
1. การวินิจฉัยโรคจากการทางานให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
1.1 มีหลักฐานทางการแพทย์แสดงการเจ็บป่วยดังนี้
- เวชระเบียน
- ผลและรายงานการชันสูตรต่างๆที่เกี่ยวกับโรค
- ใบรับรองแพทย์
- ความเห็นของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
1.2 มีการวินิจฉัยแยกสาเหตุอื่นๆ ของการเจ็บป่วย ซึ่งอาจทาให้เกิดการ เจ็บป่วยแบบเดียวกัน (Differential Diagnosis)
- 45. เกณฑ์การวินิจฉัยโรคจากการทางาน (2)
1.3 มีประวัติหรือหลักฐานอื่นแสดงถึงการได้รับสิ่งคุกคามทั้งในงานและ
นอกงาน
1.4 มีอาการหรืออาการแสดงครั้งแรก (Onset) เกิดหลังจากการสัมผัส
(Exposure) และมีระยะเวลาก่อโรครายบุคคล (Induction Time)
2. นอกจากหลักฐานที่กาหนดไว้ตามข้อ 1 แล้ว อาจใช้หลักเกณฑ์ข้อใดข้อ หนึ่งประกอบการวินิจฉัยโรคได้ดังนี้
2.1 การวินิจฉัยด้วยการรักษาทางการแพทย์พิสูจน์สาเหตุของโรค
2.2 อาการป่วยบางระยะสัมพันธ์กับการสัมผัสสิ่งแวดล้อมที่มีปัจจัย คุกคามในพื้นที่สงสัย
- 46. เกณฑ์การวินิจฉัยโรคจากการทางาน (3)
2.3 อาการป่วยบางระยะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อเว้นจากสิ่งแวดล้อมที่เป็น ภัยคุกคาม
2.4 มีผู้ป่วยในกลุ่มผู้สัมผัสลักษณะเดียวกันมากกว่าหนึ่งรายหรือมีรายงานการ สอบสวนทางระบาดวิทยาสนับสนุน
2.5 สอดคล้องกับการศึกษาหรือรายงานในคนและสัตว์ก่อนหน้านี้
3. หลักเกณฑ์การวินิจฉัยโรคให้อ้างอิงเอกสารทางการขององค์การ อนามัยโลก(WHO) องค์การแรงงานโลก(ILO) และเกณฑ์สากลของ องค์กรระหว่างประเทศที่เป็นที่ยอมรับตามลาดับและจะต้องเป็นฉบับ ปัจจุบัน
- 50. พิษจากสารปรอท วันที่ 27 กรกฎาคม 2556 เกิดอุบัติเหตุน้ามันดิบรั่วไหลจากเรือบรรทุกน้ามันสัญชาติโอมาน ระหว่างกาลังถ่ายน้ามันดิบลงทุ่น กลางทะเล เพื่อส่งเข้าคลังน้ามันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จากัด (พีทีทีซีจี) ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง เบื้องต้นระบุว่า มีน้ามันกว่า 5 หมื่นลิตรรั่วไหลลงสู่ทะเล ยิ่งไปกว่านั้นกระแสน้าที่เชี่ยวกรากได้พัดคราบน้ามัน กระจายออกไปทั่วบริเวณอย่างน้อย 15 กิโลเมตรอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะคราบน้ามันที่เคลื่อนตัวเข้าหมู่เกาะเสม็ด บริเวณ ชายหาดอ่าวพร้าวและหาดบ้านเพ ทาให้หาดทรายสีขาวสวยงามกลายเป็นหาดสีดาส่งกลิ่นเหม็นแสบจมูกในทันที
- 51. 11. แอมโมเนีย
12. คาร์บอนไดซัลไฟด์
13. สารฮาโลเจน ของสารไฮโดรคาร์บอน
14. เบนซิน หรือสารอนุพันธ์ของเบนซิน
15. อนุพันธ์ไนโตรและอะมิโนของเบนซิน
16. ซัลเฟอร์ไดอ๊อกไซด์ หรือกรดซัลฟูริค
17. ไนโตรกลีเซอรีนหรือกรดไนตริคอื่นๆ
18. แอลกอฮอล์กลัยคอล หรือคีโตน
19. คาร์บอนมอนอกไซด์ ไฮโดรเจนไซยาไนด์
20. อะครัยโลไนไตรล์
21. อ๊อกไซด์ของไนโตรเจน
22. วาเนเดียมหรือสารประกอบของวาเนเดียม
23. พลวงหรือสารประกอบของพลวง
24. เฮกเซน
25. กรดแร่ที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคฟัน
26. เภสัชภัณฑ์
27. ทัลเลียม หรือสารประกอบของทัลเลียม
28. ออสเมียม
29. เซเลเนียม
30. ทองแดง
31. ดีบุก
32. สังกะสี
33. โอโซน ฟลสยีน
34. สารทาให้ระคายเคือง เช่น เบนโซควินโนน หรือสารระคายเคืองต่อกระจกตา เป็นต้น
35.สารกาจัดศัตรูพืช
36. อัลดีไฮด์ ฟอร์มาลดีไฮด์และกลูตารัลดีไฮด์
37. สารกลุ่มไดออกซิน
38. สารเคมีหรือสารประกอบของสารเคมีอื่น
บัญชีรายชื่อโรคจากการทางาน(2)
- 52. พิษจากตัวทาละลาย (Solvent)
สารพิษ "โทลูอีน" ที่ระเบิดในโรงงานของ บ.บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส ภายในนิคม อุตสาหกรรมมาบตาพุด เมื่อวันที่ 5 พ.ค.2555 ทาให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที
12 คน และบาดเจ็บกว่า 140 คน
- 53. พิษจากแก็ส (Gas)
10 มิถุนายน2556 โรงไฟฟ้าชีวมวล จ.ตรัง ก๊าซรั่วสาเหตุจากเตาเผาที่เล็ก เกินไป เมื่อมีเชื้อเพลิงมากเกินไปทาให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ และต้องใช้ แรงงานคนขึ้นไปเขี่ย ทาให้สูดดมก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์จานวนมากจน เสียชีวิต
วันที่ 17 ก.ค.57 สารบิวทิล อะคลิเลต (Butyl acrylate) รั่วไหลจากบริเวณท่าเรือแหลม ฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เกิดแก๊สฟุ้งกระจาย จน ต้องอพยพชาวบ้านในชุมชนบ้านนาใหม่ และ นักเรียนใกล้เคียงออกจากพื้นที่ โดยมีผู้ป่วยที่สูด ดมแก๊สและเกิดอาการแสบตา แสบจมูก คลื่นไส้
- 54. โรคที่เกิดจากสาเหตุทางกายภาพ
39. โรคหูตึงจากเสียง
40. โรคจากความสั่นสะเทือน
41. โรคจากความกดดันอากาศ
42. โรคจากรังสีแตกตัว
43. โรคจากรังสีความร้อน
44. โรคจากแสงอัลตราไวโอเลต
45. โรคจากรังสีไม่แตกตัวอื่นๆ
46. โรคจากแสงหรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
47. โรคจากอุณหภูมิต่าหรือสูงผิดปกติมาก
48. โรคที่เกิดจากสาเหตุทางกายภาพอื่น
ซึ่งพิสูจน์ได้ว่ามีสาเหตุเนื่องจากการทางาน
49. โรคที่เกิดจากสาเหตุทางชีวภาพ ได้แก่ โรคติด เชื้อหรือโรคปรสิตเนื่องจากการทางาน
โรคระบบหายใจที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทางาน
50. โรคกลุ่มนิวโมโคนิโอสิส เช่น ซิลิโคสิส แอสเบส โทสิส ฯลฯ
51. โรคปอดจากโลหะหนัก
52. โรคบิสสิโนสิส
53. โรคหืดจากการทางาน
54. โรคปอดอักเสบภูมิไวเกิน
55. โรคซิเดโรสิส
56. โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
57. โรคปอดจากอะลูมิเนียม
58. โรคทางเดินหายใจส่วนบนเกิดจากสารภูมิแพ้ หรือสารระคายเคืองในที่ทางาน
59. โรคระบบหายใจอื่น ซึ่งพิสูจน์ได้ว่ามีสาเหตุ เนื่องจากการทางาน
บัญชีรายชื่อโรคจากการทางาน(3)
- 55. โรคจากรังสีก่อไอออน (Ionizing radiation)
อุบัติเหตุจากรังสีโคบอลต์-60 ที่ร้านรับซื้อ ของเก่า จังหวัดสมุทรปราการเมื่อปี พ.ศ. 2543 ทาให้บุคคลที่ร่วมกันแยก ชิ้นส่วนเครื่องมือแพทย์ที่เลิกใช้งานแล้ว รวมทั้งเจ้าของร้านรับซื้อของเก่าพร้อม ลูกจ้างได้รับรังสีและป่วยรวม10 ราย ใน จานวนนั้นมีผู้เสียชีวิต 3 ราย
2 เม.ย.57 เกิดเหตุสลดกรณีคนงาน ร้านรับซื้อของเก่าชื่อ "แบนด์ รีไซเคิล" ย่านถนนลาดปลาเค้า กทม. อาจหาญ ใช้แก๊สตัดเหล็ก "ลูกระเบิด" สมัย สงครามโลกครั้ง 2
- 56. โรคผิวหนังที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทางาน
60. โรคผิวหนังที่เกิดจากสาเหตุทาง กายภาพ เคมี หรือชีวภาพอื่นซึ่งพิสูจน์ ได้ว่ามีสาเหตุเนื่องจากการทางาน
61. โรคด่างขาวจากการทางาน
62. โรคผิวหนังอื่น ซึ่งพิสูจน์ได้ว่ามีสาเหตุ เนื่องจากการทางาน
63.โรคระบบกล้ามเนื้อและโครงสร้าง กระดูกที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทางาน หรือสาเหตุจากลักษณะงานที่จาเพาะ หรือมีปัจจัยเสี่ยงสูงในสิ่งแวดล้อม การทางาน
บัญชีรายชื่อโรคจากการทางาน(4)
- 57. โรคด่างขาวจากการทางาน
พบผู้ป่วยโรคด่างขาวที่อาเภอจอมทองจังหวัดเชียงใหม่ มากผิดปกติ จากการ สอบถามข้อมูลพบว่าผู้ป่วยทั้งหมดเป็นเกษตรกร โดยเริ่มมีอาการของโรค ด่างขาวหลังจากทาการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรที่เพิ่งจะพ่นยาฆ่าแมลง โดยเฉพาะในกลุ่มของเกษตรกรที่เพาะปลูกพืชผักหรือทาสวนลาไย แสดงว่า การได้รับยาฆ่าแมลงเนื่องจากวิธีการใช้ที่ไม่ถูกต้องนั้นส่งผลให้เกิดการ ทาลายเซลล์เม็ดสีในชั้นผิวหนังจนทาให้ผู้ป่วยเป็นโรคด่างขาว
- 59. โรคมะเร็งที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทางาน
โดยมีสาเหตุจาก
64. แอสเบสตอส(ใยหิน)
65. เบนซิดีนและเกลือของสารเบนซิดีน
66. บิสโครโรเมทธิลอีเทอร์
67. โครเมียมและสารประกอบของโครเมียม
68. ถ่านหิน
69. เบต้า–เนพธีลามีน
70. ไวนิลคลอไรด์
71. เบนซีนหรืออนุพันธ์ของเบนซีน
72. อนุพันธ์ของไนโตรและอะมิโนของเบนซีน
73. รังสีแตกตัว
74. น้ามันดินหรือผลิตภัณฑ์จากน้ามันดิน เช่น น้ามันถ่านหิน น้ามันเกลือแร่ รวมทั้ง ผลิตภัณฑ์จากการกลั่นน้ามัน เช่น ยางมะ ตอย พาราฟินเหลว
75. ไอควันจากถ่านหิน
76. สารประกอบของนิกเกิล
77. ฝุ่นไม้
78. ไอควันจากเผาไม้
79. โรคมะเร็งที่เกิดจากปัจจัยอื่นซึ่งพิสูจน์ได้ว่ามี สาเหตุเนื่องจากการทางาน
80. โรคอื่นๆ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเกิดขึ้นตามลักษณะ หรือสภาพของงานหรือเนื่องจากการทางาน
บัญชีรายชื่อโรคจากการทางาน(5)