Contenu connexe
Plus de krupornpana55 (20)
9บทที่5
- 1. บทที่ 5
สรุปผล อภิปรายผล และขอเสนอแนะ
การวิจัยครั้งนี้ เปนการวิจยเชิงทดลอง (Experimental Research) โดยมีวัตถุประสงค
ั
เพื่อสรางสื่อประสมใหมีประสิทธิภาพ (E1/E2) ตามเกณฑ 80/80 และเปรียบเทียบ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหวางการสอนโดยใชสอประสมและการสอนแบบปกติ
ื่
เรื่อง การถายโอนพลังงานความรอน สําหรับนักเรียนชันมัธยมศึกษาปที่ 1
้
ตัวแปรที่ใชในการวิจัย ตัวแปรตน ไดแก การจัดการเรียนการสอน 2 แบบ คือ
การสอนโดยใชสื่อประสม กับการสอนแบบปกติ ตัวแปรตาม ไดแก ผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียน เรื่อง การถายโอนพลังงานความรอน กลุมตัวอยางที่ใชในการวิจัยครั้งนี้
ผูวจัยไดทําการสุมอยางงายโดยวิธีการจับฉลากจากประชากร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1
ิ
ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2554 จํานวน 54 คน ซึ่งแบงเปนกลุมทดลองที่สอนโดยใชสื่อ
ประสม จํานวน 27 คนกับกลุมควบคุมที่สอนแบบปกติ จํานวน 27 คน
เครื่องมือที่ใชในการวิจัย ไดแก สื่อประสม เรื่อง การถายโอนพลังงานความรอน
ที่มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เทากับ 81.73/84.17 ซึ่งสูงกวาเกณฑ 80/80 ที่กําหนดไว
แผนการจัดการเรียนรูเรื่อง การถายโอนพลังงานความรอน มีคาความสอดคลอง (IOC)
กับจุดประสงคการเรียนรูเทากับ 1.00 และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง
การถายโอนพลังงานความรอน พบวาขอสอบทั้งฉบับจํานวน 40 ขอ ใชเวลา 50 นาที
มีคาความเชื่อมั่น (Alpha) เทากับ 0.81
วิธีดาเนินการทดลอง ผูวิจัยไดจัดการเรียนการสอนโดยใชประสมที่ประกอบดวย
ํ
บทเรียนมัลติมีเดีย Power Point ประกอบการเรียนการสอน และเอกสารสื่อประสม
เรื่อง การถายโอนพลังงานความรอน กับนักเรียนกลุมทดลอง จํานวน 6 คาบๆ ละ 50
นาที จัดกิจกรรม ณ หองปฏิบัติการวิทยาศาสตร และหองปฏิบัติการคอมพิวเตอร ตาม
แผนการจัดการเรียนรู สําหรับ กลุมควบคุมผูวิจัยจัดการเรียนการสอนแบบปกติ ใช
หนังสือเรียน และวัสดุ อุปกรณ ประกอบการจัดกิจกรรมตามหนังสือ จํานวน 6 คาบๆ
ละ 50 นาที จักกิจกรรม ณ หองปฏิบัติการวิทยาศาสตร และหองปฏิบัติการคอมพิวเตอร
- 2. 68
ตามแผนการจัดการเรียนรูทีละแผน เมื่อเรียนเนื้อหาจบหมดทุกตอน ดําเนินการทดสอบ
นักเรียนทั้งกลุมทดลอง และกลุมควบคุม ดวยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
เรื่อง การถายโอนพลังงานความรอน ที่ผูวิจัยสรางขึ้น
สรุปผลการวิจัย
1. สื่อประสมที่ผูวิจัยสรางขึ้น มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เทากับ 84.21/82.31 ซึ่งสูง
กวาเกณฑ 80/80 ที่กําหนดไว
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน เรื่องการถายโอนพลังงาน
ความรอน ของนักเรียนที่จัดการเรียนการสอนโดยใชสื่อประสม สูงกวานักเรียนที่จัดการ
เรียนการสอนแบบปกติ อยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05
อภิปรายผล
จากผลการวิจัยการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร
เรื่อง การถายโอนพลังงานความรอน สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 ระหวางการ
สอนโดยใชสื่อประสม กับการสอนแบบปกติอภิปรายผลได ดังนี้
1. จากการวิจัยพบวาประสิทธิภาพ (E1/E2) ของสื่อประสม เรื่อง การถายโอน
พลังงานความรอน สําหรับชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 มีคาเทากับ 84.21/82.31 ซึงสูงกวาเกณฑ
่
ที่กาหนดไว คือ 80/80 เนื่องมาจากในการสรางสื่อประสม ผูวจัยไดมีการปรับปรุงแกไข
ํ ิ
สื่อตามลําดับ โดยมีการประเมินสื่อจากผูเชี่ยวชาญ ซึ่งไดแนะนําใหแกไขในเรื่องการ
บรรยายเสียงในแตละเฟรม การใหผูเรียนไดออกจากโปรแกรมไดตลอดเวลาตาม
ศักยภาพ การใชคําสั่งเชื่อมโยงในหนาหลักบางหนา ผูวิจัยไดทําการปรับปรุงแกไขตาม
คําแนะนํากอนนําไปทดลองหาประสิทธิภาพสื่อกับนักเรียนที่ไมใชกลุมตัวอยาง ผลการ
หาประสิทธิภาพอยูในระดับที่สูงกวาเกณฑที่กําหนด ซึ่งสอดคลองกับงานวิจัยของ
อภิมุข ลี้พงษกล (2552, หนา 74) ไดพัฒนากิจกรรมการเรียนรูโดยใชสื่อประสม กลุม
ุ
สาระการเรียนรูวิทยาศาสตร เรื่อง แสง ชั้นประถมศึกษาปที่ 4 โรงเรียนแกนเทาโสกน้ําขุน
- 3. 69
สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแกน เขต 2 ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2550 พบวา
สื่อประสมมีประสิทธิภาพเทากับ 82.78/80.17 ซึ่งเปนไปตามเกณฑที่ตั้งไว 80/80 และ
งานวิจัยของ ศศลักษณ สมชื่อ (2552, หนา 133) ไดศึกษาผลการจัดการเรียนรูดานการคิด
วิเคราะหกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 ภาคเรียนที่ 1
ปการศึกษา 2551 โดยใชสื่อประสม โรงเรียนสําโรงทาบวิทยาคม สํานักงานเขตพื้นที่
การศึกษาสุรินทร เขต 1 พบวา ประสิทธิภาพของสื่อประสม เทากับ 90.60/83.01 ซึ่งสูง
กวาเกณฑมาตรฐานที่ตั้งไว คือ 80/80 และสอดคลองกับงานวิจัยของจารุนันท แกวเลิศ
(2549, หนา 55-56) ไดศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ประสิทธิภาพของสื่อประสม และ
ความพึงพอใจของนักเรียน เรื่อง หนวยของชีวิตและชีวิตพืช โดยใชสื่อประสม (บทเรียน
สําเร็จรูปและใบกิจกรรม) สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 1 โรงเรียนปะเหลียนผดุง
ศิษย จํานวน 44 คน พบวาสื่อประสม (บทเรียนสําเร็จรูปและใบกิจกรรม) มี
ประสิทธิภาพ 88.57/85.51 ซึ่งเปนไปตามเกณฑมาตรฐานที่กําหนดไว และงานวิจัยของ
ประกอบศรี คงสาคร (2549, บทคัดยอ) ไดพัฒนาสื่อประสม เรื่อง การสรางคํา กลุมสาระ
การเรียนรูภาษาไทย สําหรับชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 4 พบวาสื่อประสม เรื่อง การสรางคํา
กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 มีประสิทธิภาพ 82.86/84.14
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน เรื่องการถายโอน
พลังงานความรอน ของนักเรียนที่จัดการเรียนการสอนโดยใชสอประสม สูงกวานักเรียน
ื่
ที่จัดการเรียนการสอนแบบปกติ อยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งสอดคลองกับ
งานวิจัยของมยุรี ธินะ (2552, หนา 71-72) ไดพัฒนาความรูสึกเชิงปริภูมิของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปที่ 1 โดยใชสื่อประสม พบวา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร เรื่อง
ความสัมพันธระหวางรูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติของนักเรียน หลังจากใชสื่อ
ประสมแลวพบวานักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคิดเปนรอยละ 82.20 และ
รอยละ 58.82 ซึ่งผานเกณฑขั้นต่ํา คือรอยละ 50 และงานวิจัยของ ศศลักษณ สมชื่อ
(2552, หนา 133) ไดศกษาผลการจัดการเรียนรูดานการคิดวิเคราะหกลุมสาระการเรียนรู
ึ
สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2551 โดยใชสื่อประสม
- 4. 70
โรงเรียนสําโรงทาบวิทยาคม สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุรินทร เขต 1 พบวา นักเรียน
มีผลสัมฤทธิทางการเรียนหลังเรียนสูงกวากอนเรียน แตกตางกันอยางมีนัยสําคัญทาง
์
สถิติที่ระดับ .01 และสอดคลองกับงานวิจัยของจารุนันท แกวเลิศ (2549, หนา 55-56)
ไดศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน เรื่อง หนวยของชีวิตและชีวิตพืช โดยใช
สื่อประสม (บทเรียนสําเร็จรูปและใบกิจกรรม) สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1
โรงเรียน ปะเหลียนผดุงศิษย จํานวน 44 คน ศึกษาประสิทธิภาพของสื่อประสม และ
ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน พบวาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังการใช
สื่อประสมสูงกวากอนใชสื่อประสม อยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ .01 ซึ่งเปนไปตาม
วัตถุประสงคท่ตั้งไว และงานวิจัยของลี (Lee. 2001, Page 112) ที่ศึกษาประสิทธิภาพ
ี
การใชสื่อประสมกับระบบการศึกษาในการใชภาษาอังกฤษเปนภาษาที่สอง พบวากลุม
นักเรียนที่เรียนดวยสื่อประสมกับกลุมนักเรียนเรียนโดยไมใชสื่อประสมมีคะแนน
แตกตางกัน อยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และงานวิจัยของ บราวลี่ (Brawley.
1975, Page 4208-A) ที่วิจัยผลการสอนจากชุดการสอนแบบสื่อประสม เพื่อสอนใน
เรื่องการบอกเวลา สําหรับนักเรียนที่เรียนชา โดยสรางชุดการสอน 12 ชุด ใชเวลาเรียน
15 วัน พบวากลุมนักเรียนที่เรียนจากชุดการสอนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกวากลุม
ที่เรียนจากการสอนแบบธรรมดาอยางมีนัยสําคัญทางสถิติท่ีระดับ .01
ขอเสนอแนะ
ขอเสนอแนะในการนําสื่อประสม (บทเรียนมัลติมีเดีย และชุดกิจกรรม) ไปใช ดังนี้
1. สื่อประสม เรื่อง การถายโอนพลังงานความรอน สําหรับชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1
มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เทากับ 84.21/82.31 สมควรอยางยิ่งที่ครูผูสอนจะนําไปใช
ประกอบในการจัดการเรียนการสอนอยางคุมคา เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ของนักเรียนไดสูงขึ้นทั้งในระดับโรงเรียน ระดับทองถิ่น และระดับชาติ
2. ครูผูสอนสามารถนําสื่อประสม เรื่อง การถายโอนพลังงานความรอน สําหรับ
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 ไปใชสอนซอมเสริมใหนักเรียนที่บกพรอง หรือไมเขาใจในเรื่อง
นั้นๆ สามารถนําไปใชเปนสื่อชวยสอนเสริมนอกเวลาเรียนใหกับนักเรียนระดับชั้น
- 5. 71
มัธยมศึกษาปที่ 3 เพื่อเตรียมสอบวัดผลคุณภาพระดับชาติ หรือใหนักเรียนที่สนใจได
ศึกษาคนควาดวยตนเองตามศักยภาพ หรือใชสอนแทนครูเมื่อครูลา หรือติดประชุม เปน
การสรางวินัยในชั้นเรียน และฝกนิสัยใหนักเรียนมีความซื่อสัตยตอตนเอง
3. ในการนําสื่อประสม (บทเรียนมัลติมีเดีย และชุดกิจกรรม) ไปใชครูควรศึกษา
คูมือการใช และเตรียมความพรอมทั้งดานกิจกรรมการเรียน สือวัสดุอุปกรณลวงหนา
่
เพื่อเปนแนวทางในการดําเนินกิจกรรม และครูควรพิจารณาความเปนไปได อาจ
เปลี่ยนแปลงไดตามความเหมาะสมของตนเองได
4. ในขณะที่นักเรียนปฏิบติกิจกรรม ครูผูสอนตองคอยดูแลเอาใจใสอยางใกลชิด
ั
ใหคําแนะนําชวยเหลือเมื่อมีปญหาคอยกระตุน และใหกําลังใจเพื่อใหนักเรียนเกิดความ
สนใจที่จะเรียนรูสงผลใหการจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
5. เวลาที่ใชในการจัดกิจกรรม ครูผูสอนควรมีความยืดหยุนไดตามความเหมาะสม
ตามความสามารถ และศักยภาพของนักเรียน แตไมควรยืดหยุนมากเกินไป เพราะอาจทํา
ใหนักเรียนเบื่อหนาย
6. ควรมีการพัฒนาสื่อประสม เรื่อง การถายโอนพลังงานความรอน อยางตอเนื่อง
เพราะเทคโนโลยีดานการสื่อสาร และการศึกษามีความทันสมัยขึ้นเรื่อยๆ อยางไมหยุดยั้ง
ขอเสนอแนะสําหรับการวิจัยครั้งตอไป
1. ควรพัฒนาสื่อประสมในเรื่องอื่นๆ ในระดับชั้นตางๆ เชน สารและสมบัติของ
สาร ซึ่งนักเรียนมีผลการประเมินคุณภาพระดับชาติต่ําเชนกัน หรือเรื่องอื่นๆ ตาม
ศักยภาพ
2. ควรวิจัยเปรียบเทียบการสอนโดยใชสื่อประสมกับการสอนโดยวิธีอื่น
3. ควรวิจัยศึกษาผลการเรียนรูดานความรู โดยใชแบบทดสอบที่เปนปรนัย และ
อัตนัยควบคูกับการประเมิน เพื่อชวยใหการวัดและประเมินผลการเรียนรูมความชัดเจน
ี
ยิ่งขึ้น