Ce diaporama a bien été signalé.
Le téléchargement de votre SlideShare est en cours. ×

เวลามีปัญหาชีวิต ให้นั่งสมาธิปฎิบัติธรรมดูสิ

Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité

Consultez-les par la suite

1 sur 2 Publicité

Plus De Contenu Connexe

Similaire à เวลามีปัญหาชีวิต ให้นั่งสมาธิปฎิบัติธรรมดูสิ (20)

Publicité

เวลามีปัญหาชีวิต ให้นั่งสมาธิปฎิบัติธรรมดูสิ

  1. 1. "เวลามีปัญหาชีวิต ให้ นงสมาธิปฎิบติธรรมดูสิ" ั่ ั “แล้ วมันเกี่ยวกันยังไงวะ” เหมือนหลายๆ คน ผมก็เคยงงและสงสัยว่า "เห้ ย มันเกี่ยวกันยังไงวะ ปั ญหาชีวิตกับการนังปฎิบติธรรมเนี่ย มันต้ องไปคิดๆ ่ ั แก้ ปัญหาไม่ใช่เหรอ" เช่น เวลาจะโดนไล่ออกจากงาน ให้ มานังปฎิบติแล้ วมันจะมีอะไรดีขึ ้น จะไม่โดนไล่ออกหรื อยังไง ... ่ ั ผมเคยเจอปั ญหาครังหนึงในชีวต เมื่อหลาย 2 ปี ก่อน ตอนนันเรี ยนปริ ญญาโทอยู่ เป็ นช่วงที่งานหนักมาก เพราะว่าทังต้ องสอน ้ ่ ิ ้ ้ นักเรี ยน 50 คน, ต้ องเรียน 3 วิชา, ต้ องเตรี ยมตัวสอบเพื่อเรี ยนต่อเอก, ต้ องติดต่ออ. เรื่ องใบสมัคร, ต้ องเขียนรายงานส่งก่อน หมดเทอม ปั ญหามันมากมาย บวกกับวิชาที่เรี ยนไม่ใช่วิชาที่ชอบและถนัดเลย เลยทาให้ ช่วงนันพาลไม่อยากเรี ยน ไม่อยาก ้ เขียนรายงาน หัวก็คดไม่ออกว่าจะเขียนอะไร เลยอีเมลล์ไปหาอาจารย์แล้ วบอกว่า "งานที่จะให้ สงพรุ่งนี ้อาจจะส่งไม่ทน ิ ่ ั เพราะว่ามีงานนักเรี ยนต้ องตรวจ และตอนเช้ ามีสอบอีก ขอไปส่งวันอื่นได้ ไหมครับ" ไม่ถึงชัวโมง อาจารย์ตอบอีเมลล์กลับมาว่า "คุณเป็ นนักเรี ยนปริ ญญาโทไม่ใช่นกเรี ยนปริ ญญาตรี คุณมีหน้ าที่ที่จะจัดเวลาของ ่ ั ตัวเอง การทีคณทางานไม่ทนไม่ใช่ปัญหาของผม หวังว่าคุณคงรู้วาต้ องทายังไง" (อาจารย์ไม่ได้ ตอบด้ วยคาพูดพวกนี ้ แต่ ่ ุ ั ่ ประมาณนี ้นะครับ) หลังจากอ่านอีเมลล์นนจบ มันสะอึก มันพูดไม่ออก มันอึ ้ง ในหัวมีแต่คาว่า "ทายังไงดี จะทางานเสร็ จได้ ยงไง" แต่ในใจนันนึกอยู่ ั้ ั ้ อย่างเดียวว่า "เราไม่เอาไหนเลย แล้ วเราจะเอาหน้ าไปหาอาจารย์ได้ ยงไงพรุ่งนี ้ เรามันไม่ได้ เรื่ องเลยจริ งๆ แล้ วอาจารย์จะเขียน ั letter of recommendation ของเราออกมายังไง" แค่นนน ้าตามันก็ไหลออกมา ... ด้ วยความไม่เอาไหนของตัวเอง มันท้ อแท้ ไปหมด ั้ คิดไม่ออก คิดไม่ตก ไม่ร้ ูจะทายังไง สีทมแล้ วยังเขียนอะไรไม่ได้ เป็ นชิ ้นเป็ นอัน พรุ่งนี ้มีสอบ 8 โมงเช้ า คิดๆๆ กลุ้มมาก ให้ นอนก็ ่ ุ่ นอนไม่หลับ ... จริ งๆ แล้ วช่วงนันเป็ นช่วงผมนอนไม่หลับเลย ต้ องผวาตื่นมาอย่างน้ อย 2 รอบในแต่ละคืน ด้ วยความตะหนกว่า ้ "งานยังไม่เสร็ จ" "ใบสมัครยังไม่ได้ สง" "ยังไม่ได้ เตรียมตัวสอน" เป็ นอย่างนัน 2 อาทิตย์ "ทุกคืน" ่ ้ สุดท้ ายไม่ร้ ูอะไรดลใจให้ คดว่า "ก่อนหน้ านี ้เราเคยฝึ กวิปัสสนา ฝึ กสมาธิมาหนิ ทาไมไม่เอามาใช้ " ิ โอ้ ยตอนนันนึกออกแต่มนก็ไม่มกะจิตกะใจให้ นงสมาธิ เพราะว่ามันคิดแต่วา สมาธิวิปัสสนาจะช่วยอะไรเราได้ เราต้ องคิด เรา ้ ั ี ั่ ่ ต้ องทา เราต้ องคิด เราต้ องคิด ... แต่มนก็คดไม่ออก ... ั ิ ผมเลยตัดสินใจโทรไปหาพี่คนหนึงที่นบถือกัน เล่าเรื่ องให้ เขาฟั งไปร้ องไห้ ไป พี่เขาเลยบอกว่า ให้ ทาวิปัสสนา... ่ ั
  2. 2. เอาว่ะ ไม่มีทางเลือกแล้ ว สีทมกว่าๆ คืนนันตัดสินใจทาวิปัสสนาอย่างที่พคนนันเคยสอน ... ่ ุ่ ้ ี่ ้ ทาไปได้ ไม่ถึง 5 นาที น ้าตาไหล ความกังวล ความคิดที่มเี มื่อก่อนหน้ านี ้มันหายไปหมด ... เหมือนโลกมันสว่าง เหมือนภูเขาที่ มันกาลังถล่มเราหายไปในพริ บตา ทันใดนันเสียงในใจก็พดกับตัวเองว่า ้ ู "โธ่ มันมีแค่นี ้เอง กังวลอะไร" หัวผมโล่ง สบาย เบา ขึ ้นมาทันที จากทีเ่ มื่อกี ้คิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไร มันกลับเขียนออกมาได้ ิ คืนนันเป็ นคืนแรกที่ผมหลับและตื่นเช้ าด้ วยเสียงนาฬกา ไม่ใช่ตื่นด้ วยความผวา... ้ พอวันรุ่งขึ ้นก็ไปสอบ สอบเสร็ จเดินไปที่คณะ จ๊ ะเอ๋กบอาจารย์เลย อาจารย์เดินเข้ ามาถามว่า "สอบเป็ นยังไงบ้ าง แล้ วงานเสร็ จ ั ไหม ถ้ ามีปัญหาอะไรให้ อาจารย์ช่วย ไปหาได้ นะที่ office แล้ วเรื่อง letter of recommendation เขียนให้ เสร็ จแล้ วนะ ถ้ าจะ เอาก็ไปเอาได้ เลย แล้ วเจอกันในห้ องเรี ยนนะ" ผมยืนคุยกับอาจารย์อยู่ 30 นาทีตรงทางเดินที่มคนเดินผ่านไปผ่านมาอย่าง ี สบายใจมาก ...สิงที่เราคิดไว้ ในหัว กับสิงทีเ่ กิดขึ ้นจริ งมันคนละเรื่ อง... ่ ่ จากเหตุการณ์นี ้ ผมเลยหมดความสงสัยไประดับหนึงว่า "เวลามีปัญหาชีวต ให้ นงสมาธิปฎิบติธรรมแล้ วมันช่วยอะไรได้ " ่ ิ ั่ ั ปั ญหามันไม่หมดไป แต่เราพร้ อมที่จะลุยกับปั ญหามากขึ ้นด้ วยใจที่มีสติ ความพร้ อมและสติของเราหนิแหล่ะ ที่ทาให้ ทกอย่างมันดูเล็กไปหมด... :) ุ

×