More Related Content
Similar to เวลามีปัญหาชีวิต ให้นั่งสมาธิปฎิบัติธรรมดูสิ
Similar to เวลามีปัญหาชีวิต ให้นั่งสมาธิปฎิบัติธรรมดูสิ (20)
เวลามีปัญหาชีวิต ให้นั่งสมาธิปฎิบัติธรรมดูสิ
- 1. "เวลามีปัญหาชีวิต ให้ นงสมาธิปฎิบติธรรมดูสิ"
ั่ ั
“แล้ วมันเกี่ยวกันยังไงวะ”
เหมือนหลายๆ คน ผมก็เคยงงและสงสัยว่า "เห้ ย มันเกี่ยวกันยังไงวะ ปั ญหาชีวิตกับการนังปฎิบติธรรมเนี่ย มันต้ องไปคิดๆ
่ ั
แก้ ปัญหาไม่ใช่เหรอ" เช่น เวลาจะโดนไล่ออกจากงาน ให้ มานังปฎิบติแล้ วมันจะมีอะไรดีขึ ้น จะไม่โดนไล่ออกหรื อยังไง ...
่ ั
ผมเคยเจอปั ญหาครังหนึงในชีวต เมื่อหลาย 2 ปี ก่อน ตอนนันเรี ยนปริ ญญาโทอยู่ เป็ นช่วงที่งานหนักมาก เพราะว่าทังต้ องสอน
้ ่ ิ ้ ้
นักเรี ยน 50 คน, ต้ องเรียน 3 วิชา, ต้ องเตรี ยมตัวสอบเพื่อเรี ยนต่อเอก, ต้ องติดต่ออ. เรื่ องใบสมัคร, ต้ องเขียนรายงานส่งก่อน
หมดเทอม ปั ญหามันมากมาย บวกกับวิชาที่เรี ยนไม่ใช่วิชาที่ชอบและถนัดเลย เลยทาให้ ช่วงนันพาลไม่อยากเรี ยน ไม่อยาก
้
เขียนรายงาน หัวก็คดไม่ออกว่าจะเขียนอะไร เลยอีเมลล์ไปหาอาจารย์แล้ วบอกว่า "งานที่จะให้ สงพรุ่งนี ้อาจจะส่งไม่ทน
ิ ่ ั
เพราะว่ามีงานนักเรี ยนต้ องตรวจ และตอนเช้ ามีสอบอีก ขอไปส่งวันอื่นได้ ไหมครับ"
ไม่ถึงชัวโมง อาจารย์ตอบอีเมลล์กลับมาว่า "คุณเป็ นนักเรี ยนปริ ญญาโทไม่ใช่นกเรี ยนปริ ญญาตรี คุณมีหน้ าที่ที่จะจัดเวลาของ
่ ั
ตัวเอง การทีคณทางานไม่ทนไม่ใช่ปัญหาของผม หวังว่าคุณคงรู้วาต้ องทายังไง" (อาจารย์ไม่ได้ ตอบด้ วยคาพูดพวกนี ้ แต่
่ ุ ั ่
ประมาณนี ้นะครับ)
หลังจากอ่านอีเมลล์นนจบ มันสะอึก มันพูดไม่ออก มันอึ ้ง ในหัวมีแต่คาว่า "ทายังไงดี จะทางานเสร็ จได้ ยงไง" แต่ในใจนันนึกอยู่
ั้ ั ้
อย่างเดียวว่า "เราไม่เอาไหนเลย แล้ วเราจะเอาหน้ าไปหาอาจารย์ได้ ยงไงพรุ่งนี ้ เรามันไม่ได้ เรื่ องเลยจริ งๆ แล้ วอาจารย์จะเขียน
ั
letter of recommendation ของเราออกมายังไง"
แค่นนน ้าตามันก็ไหลออกมา ... ด้ วยความไม่เอาไหนของตัวเอง มันท้ อแท้ ไปหมด
ั้
- 2. คิดไม่ออก คิดไม่ตก ไม่ร้ ูจะทายังไง สีทมแล้ วยังเขียนอะไรไม่ได้ เป็ นชิ ้นเป็ นอัน พรุ่งนี ้มีสอบ 8 โมงเช้ า คิดๆๆ กลุ้มมาก ให้ นอนก็
่ ุ่
นอนไม่หลับ ... จริ งๆ แล้ วช่วงนันเป็ นช่วงผมนอนไม่หลับเลย ต้ องผวาตื่นมาอย่างน้ อย 2 รอบในแต่ละคืน ด้ วยความตะหนกว่า
้
"งานยังไม่เสร็ จ" "ใบสมัครยังไม่ได้ สง" "ยังไม่ได้ เตรียมตัวสอน" เป็ นอย่างนัน 2 อาทิตย์ "ทุกคืน"
่ ้
สุดท้ ายไม่ร้ ูอะไรดลใจให้ คดว่า "ก่อนหน้ านี ้เราเคยฝึ กวิปัสสนา ฝึ กสมาธิมาหนิ ทาไมไม่เอามาใช้ "
ิ
โอ้ ยตอนนันนึกออกแต่มนก็ไม่มกะจิตกะใจให้ นงสมาธิ เพราะว่ามันคิดแต่วา สมาธิวิปัสสนาจะช่วยอะไรเราได้ เราต้ องคิด เรา
้ ั ี ั่ ่
ต้ องทา เราต้ องคิด เราต้ องคิด ...
แต่มนก็คดไม่ออก ...
ั ิ
ผมเลยตัดสินใจโทรไปหาพี่คนหนึงที่นบถือกัน เล่าเรื่ องให้ เขาฟั งไปร้ องไห้ ไป พี่เขาเลยบอกว่า ให้ ทาวิปัสสนา...
่ ั
เอาว่ะ ไม่มีทางเลือกแล้ ว สีทมกว่าๆ คืนนันตัดสินใจทาวิปัสสนาอย่างที่พคนนันเคยสอน ...
่ ุ่ ้ ี่ ้
ทาไปได้ ไม่ถึง 5 นาที น ้าตาไหล ความกังวล ความคิดที่มเี มื่อก่อนหน้ านี ้มันหายไปหมด ... เหมือนโลกมันสว่าง เหมือนภูเขาที่
มันกาลังถล่มเราหายไปในพริ บตา ทันใดนันเสียงในใจก็พดกับตัวเองว่า
้ ู
"โธ่ มันมีแค่นี ้เอง กังวลอะไร"
หัวผมโล่ง สบาย เบา ขึ ้นมาทันที จากทีเ่ มื่อกี ้คิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไร มันกลับเขียนออกมาได้
ิ
คืนนันเป็ นคืนแรกที่ผมหลับและตื่นเช้ าด้ วยเสียงนาฬกา ไม่ใช่ตื่นด้ วยความผวา...
้
พอวันรุ่งขึ ้นก็ไปสอบ สอบเสร็ จเดินไปที่คณะ จ๊ ะเอ๋กบอาจารย์เลย อาจารย์เดินเข้ ามาถามว่า "สอบเป็ นยังไงบ้ าง แล้ วงานเสร็ จ
ั
ไหม ถ้ ามีปัญหาอะไรให้ อาจารย์ช่วย ไปหาได้ นะที่ office แล้ วเรื่อง letter of recommendation เขียนให้ เสร็ จแล้ วนะ ถ้ าจะ
- 3. เอาก็ไปเอาได้ เลย แล้ วเจอกันในห้ องเรี ยนนะ" ผมยืนคุยกับอาจารย์อยู่ 30 นาทีตรงทางเดินที่มคนเดินผ่านไปผ่านมาอย่าง
ี
สบายใจมาก
...สิงที่เราคิดไว้ ในหัว กับสิงทีเ่ กิดขึ ้นจริ งมันคนละเรื่ อง...
่ ่
จากเหตุการณ์นี ้ ผมเลยหมดความสงสัยไประดับหนึงว่า "เวลามีปัญหาชีวต ให้ นงสมาธิปฎิบติธรรมแล้ วมันช่วยอะไรได้ "
่ ิ ั่ ั
ปั ญหามันไม่หมดไป แต่เราพร้ อมที่จะลุยกับปั ญหามากขึ ้นด้ วยใจที่มีสติ
ความพร้ อมและสติของเราหนิแหล่ะ ที่ทาให้ ทกอย่างมันดูเล็กไปหมด... :)
ุ