13. What needs applicant to
do to achieve the next
higher scoring range or
might do to downgrade
to the next lower scoring
range.
ใช้ประโยชน์
ในการเขียนใน OFI คือทาอย่างไรผู้สมัครจึงจะได้คะแนนสูงขึ้ น (promote)
และเขียนใน Strength ว่าผู้สมัครทาอะไรได้ดีแล้วที่ควรธารงรักษาไว้ไม่ให้
คะแนนลดลง (demote)
19. What needs applicant to
do to achieve the next
higher scoring range or
might do to downgrade
to the next lower scoring
range.
ใช้ประโยชน์
ในการเขียนใน OFI คือทาอย่างไรผู้สมัครจึงจะได้คะแนนสูงขึ้ น (promote)
และเขียนใน Strength ว่าผู้สมัครทาอะไรได้ดีแล้วที่ควรธารงรักษาไว้ไม่ให้
คะแนนลดลง (demote) ของผลลัพธ์
32. N = Nugget (essence or main point of the comment)
E = Examples (some examples)
R = Relevance (importance of the nugget to the applicant)
D = Done
39. สิ่งที่สมควรทาในเรื่องเนื้ อหา (ต่อ)
หนึ่งข้อมีหนึ่งความคิดเห็น (one main idea per comment)
ยกตัวอย่าง โดยถามตนเองว่า ตัวอย่างใดที่เป็นหลักฐานที่ชัดแจ้ง
( What examples can I provide from the applicant’s response to
clarify the strength or opportunity? ) ให้ระบุรูปด้วย (ถ้ามี)
ความเกี่ยวข้องกับผู้สมัคร ให้ดูจากปัจจัยสาคัญ (key factor) โดย
ในหนึ่งข้อคิดเห็น อ้างปัจจัยเดียวก็เพียงพอ
40. สิ่งที่สมควรทาในเรื่องเนื้ อหา (ต่อ)
ใช้ปัจจัยประเมิน กระบวนการหรือผลลัพธ์ (Approach,
Deployment, Learning, and Integration [ADLI] or Levels, Trends,
Comparisons, and Integration [LeTCI])
ไม่เพียงบอกกล่าว แสดงให้เห็น (Show, don’t just tell) ว่าทาไม
ข้อคิดเห็นนี้ จึงมีความสาคัญต่อผู้สมัครโดยตรง ( Why is this
comment important for this applicant specifically and not just
some generic observation? )
ใช้เพียงหนึ่งหรือสองปัจจัยการประเมินต่อหนึ่งข้อคิดเห็น
41. สิ่งที่สมควรทาในเรื่องเนื้ อหา (ต่อ)
ใช้ภาษาจากแนวทางการให้คะแนน เพื่อที่ผู้สมัครจะได้รู้วุฒิภาวะ
ของตนเอง เช่น อยู่ในขั้นเริ่มต้นของการนาไปปฏิบัติเกือบทุก
หน่วยงาน หรือ มีการนาไปปฏิบัติอย่างทั่วถึง (early stages of
deployment in most work units vs. well deployed)
มีการโยงข้ามหัวข้อ (Items) หรืออ้างอิงถึงโครงร่างองค์กร
(Organizational Profile - OP)
ระวังไม่ให้ข้อคิดเห็นในเรื่องเดียวกันนั้นขัดแย้งกันเอง ทั้งที่อยู่ใน
หัวข้อเดียวกันหรือที่อยู่ในหัวข้ออื่น
42. สิ่งที่ไม่สมควรทาในเรื่องเนื้ อหา
กล่าวเกินเลยเกณฑ์ หรือใส่ความคิดเห็นส่วนตัว (beyond the
requirements of the Criteria or assert your personal opinions)
ให้คาแนะนา เช่น สมควรทา ( should or would )
ตัดสินความ เช่น ดี ไม่ดี หรือ ไม่เพียงพอ ( good, bad, or
inadequate )
วิจารณ์รูปแบบการเขียนรายงาน (applicant’s style of writing or
data presentation) ของผู้สมัคร
43. สิ่งที่สมควรทาในเรื่องรูปแบบ
ใช้คาสุภาพ มืออาชีพ และเป็นบวก (polite, professional, and
positive tone)
ใช้กาลกิริยาเป็นปัจจุบันและเป็นผู้กระทา ไม่ใช่ถูกกระทา
( completes rather than is completed )
ใช้คาศัพท์จากเกณฑ์ ค่านิยมและแนวคิดหลัก และจากแนว
ทางการให้คะแนน
44. สิ่งที่สมควรทาในเรื่องรูปแบบ (ต่อ)
สิ่งที่ไม่พบให้ใช้คาว่า ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ... ( is not clear )
ใช้สรรพนามเรียกองค์กรที่สมัครว่า ผู้สมัคร ( the applicant )
(จะใช้ชื่อจริงก็ต่อเมื่อเป็นรายงานป้อนกลับฉบับจริง ที่ให้กับ
องค์กรที่สมัคร) หรือสรรพนามอื่นทั่ว ๆ ไป เช่น องค์กร
โรงพยาบาล หรือโรงเรียน ( the organization, the hospital, or
the school district )
ใช้คาศัพท์ที่ผู้สมัครใช้ เมื่อเห็นว่าเป็นการสมควร
46. สิ่งที่ควรทาเมื่อจัดทารายงาน
คัดปัจจัยสาคัญ 4-6 ข้อ (four to six key factors) ในแต่ละหัวข้อ
(Item) และอ้างอิงเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ไม่ต้องนามาทั้ง
พวง ( one or two of the strategic challenges rather than all
strategic challenges)
ให้ข้อคิดเห็น 4-6 ข้อต่อหนึ่งหัวข้อ (around six feedback-ready
comments per item) ที่มีความสาคัญที่สุดและตรงกับระดับวุฒิ
ภาวะของผู้สมัคร ตามปัจจัยการประเมิน (ADLI or LeTCI)
47. สิ่งที่ควรทาเมื่อจัดทารายงาน (ต่อ)
ให้มั่นใจว่าคะแนนที่ให้ เหมาะสมกับข้อคิดเห็นทั้งจานวนและ
เนื้ อหา (Ensure that the item’s score is supported by the
comments—both in number of comments and content of
comments)
ใส่ข้อคิดเห็นตามหัวข้อของเกณฑ์ ไม่ใช่ใส่ตามที่อยู่ในรายงาน
ของผู้สมัคร
ลาดับข้อคิดเห็นตามความสาคัญ ไม่ใช่ใส่ตามลาดับของหัวข้อ
48. These following samples reflect the thinking of a single examiner and should not
necessarily be viewed as a right or wrong assessment of the applicant.