SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  59
Télécharger pour lire hors ligne
พันเอก มารวย ส่งทานินทร์
maruays@yahoo.com
9 มีนาคม 2559
Know
Think
Do
Share Go To
1
2
3
4
Sensory: eyes, ears, nose, tongue, body (mind?)
Deeply, broadly, furtherly
Actions, trial & errors, AAR
Audiences, places, timely
เกณฑ์ TQA 2559-2560 ถามว่า
 4.2ก(1) การจัดการความรู้ (Knowledge Management) องค์กรมี
วิธีการอย่างไรในการจัดการความรู้ขององค์กร
 รวบรวมและถ่ายทอดความรู้ของบุคลากร
 ผสาน/หาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ (Big Data) เพื่อสร้างความรู้ใหม่
 ถ่ายทอดความรู้ระหว่างองค์กรกับลูกค้า ผู้ส่งมอบ พันธมิตร และผู้ให้ความร่วมมือ
 รวบรวมและถ่ายทอดความรู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการสร้างนวัตกรรมและกระบวนการ
วางแผนเชิงกลยุทธ์
 4.2ก(2) การเรียนรู้ระดับองค์กร (Organizational Learning) องค์กรมี
วิธีการอย่างไรในการใช้องค์ความรู้และทรัพยากรต่างๆ เพื่อให้การ
เรียนรู้ฝังลึกลงไปในวิถีการปฏิบัติงานขององค์กร
ข้อสังเกต การจัดการความรู้
 ต้องมุ่งเน้นที่ความรู้ที่บุคลากรต้องใช้ในการปฏิบัติงาน เพื่อการ
ปรับปรุง กระบวนการ ผลิตภัณฑ์ และบริการ (processes,
products, and services)
 และใช้ นวัตกรรม (innovation) เพื่อเพิ่ม คุณค่า (value) ให้แก่
ลูกค้าและองค์กร
การเรียนรู้
 หมายถึง ความรู้หรือทักษะใหม่ ที่ได้รับจากการประเมิน
การศึกษา ประสบการณ์ และนวัตกรรม
 1.การเรียนรู้ระดับบุคคล ได้มาจากการศึกษา การฝึกอบรม และ
โอกาสในการพัฒนาเพื่อความเจริญก้าวหน้าของแต่ละบุคคล
 2.การเรียนรู้ระดับองค์กร ได้มาจากการวิจัย วงจรการประเมิน
และการปรับปรุง (PDCA) ความคิดและมุมมองจากบุคลากรและ
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การแบ่งปันวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (best
practice) และ การจัดระดับเทียบเคียง (benchmarking)
ข้อสังเกต การเรียนรู้ระดับองค์กร
 จากการทา KM ทาให้องค์กรได้ประโยชน์จากสินทรัพย์ทาง
ความรู้ของ บุคลากร ลูกค้า ผู้ส่งมอบ ผู้ให้ความร่วมมือ และ
พันธมิตร ซึ่งร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิด การเรียนรู้ระดับองค์กร
(Organizational Learning) และ การสร้างนวัตกรรม (innovation)
 การจัดการความรู้ เป็นตัวผลักดันให้เกิด การเรียนรู้ขององค์กร
การสร้างนวัตกรรม
 หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่สาคัญเพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์
บริการ แผนงาน กระบวนการ การปฏิบัติการ และรูปแบบทาง
ธุรกิจขององค์กร เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
 จาเป็นต้องมีสภาพแวดล้อมที่เกื้ อหนุน ในการระบุ โอกาสเชิงกล
ยุทธ์ (strategic opportunities) และ ความกล้าเสี่ยงอย่างฉลาด
(intelligent risks) ที่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการเรียนรู้ของ
องค์กร รวมทั้งบูรณาการนวัตกรรมเข้าไว้ในการปฏิบัติงาน
ประจาวัน
Learn how to learn
(Personal Learning)
Learn how to share
(Knowledge
Management: KM)
Learn how to connect
(Community of
Practice: CoP)
Learn how to innovate
(Innovation)
Organizational Learning (Learning Organization)
Goals
Advanced
economic
country
Societal well-being
Societal contributions
(environment, social, and economy)
Competitive advantages
Improved processes, capabilities, and results
Workforce capability
Knowledge, skills, abilities, and competencies
Country level
Societal level
Organizational Level
Personal Level
- Henry Ford
 การเรียนรู้ หมายถึง ความรู้หรือทักษะใหม่ ที่ได้รับจากการ
ประเมิน การศึกษา ประสบการณ์ และนวัตกรรม
 การจัดการความรู้ หมายถึง กระบวนการของการดักจับ การ
พัฒนา การแบ่งปัน และการใช้ความรู้ขององค์กรได้อย่างมี
ประสิทธิผล
 การสร้างนวัตกรรม หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่สาคัญเพื่อ
ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ บริการ แผนงาน กระบวนการ การปฏิบัติการ
และรูปแบบทางธุรกิจขององค์กร เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ให้แก่ผู้มี
ส่วนได้ส่วนเสีย
การจัดการความรู้แบบเก่า ไม่สนใจอะไร ขอเพียง
1. เขียนความรู้ของคุณ ลงในฐานข้อมูล
2. มีรายละเอียดที่เพียงพอ
3. อาจจะมีใครบางคนใช้ความรู้ของคุณสักวัน หรืออาจจะไม่มี ...
4. และ ไม่ควรใช้เวลามากเกินไป เกี่ยวกับเรื่องนี้ !
การจัดการความรู้แบบเก่า ไม่ได้ผลเพราะ
 ... กาหนดความรู้เหมือนเป็นสินค้า ที่ถ่ายโอนมาจากศูนย์กลาง
 ... เรียกร้องการแบ่งปันความรู้ โดยไม่มีผู้ชม
 ... ต้องการเพียงที่จะจัดการความรู้
การแบ่งปันความรู้
เราทุกคนชอบที่จะแบ่งปันความรู้ ... แต่
 ฉันไม่ทราบว่ามีใครสักกี่คน ที่ต้องการความรู้ของฉัน
 ฉันไม่ทราบว่ามีใครสักกี่คน ที่จะใช้ความรู้ของฉัน
 และฉันอยากจะแบ่งปัน สิ่งที่สาคัญจริงๆ
การจัดการความรู้ (KM)
 การจัดการความรู้ (KM) เป็นกระบวนการของการดักจับ การ
พัฒนา การแบ่งปัน และการใช้ความรู้ขององค์กรอย่างมี
ประสิทธิผล (the process of capturing, developing, sharing, and
effectively using organizational knowledge)
มิติของการจัดการความรู้ (KM Dimensions)
 มีกรอบหนึ่ง เสนอให้จัดหมวดหมู่ของความรู้เป็น ความรู้ในตน
(tacit knowledge) และ ความรู้ที่ชัดเจน (explicit knowledge)
 ความรู้ในตน (tacit knowledge) แสดงให้เห็นถึงความรู้ที่บุคคลมี
แต่อาจจะไม่ตระหนักถึง เช่น วิธีการเฉพาะที่ทาให้เขาหรือเธอ
ทางานสาเร็จ
 ความรู้ที่ชัดเจน (explicit knowledge) เป็นความรู้ที่เห็นได้ชัดเจน
แสดงให้เห็นถึงความรู้ที่แต่ละคนมี ในรูปแบบที่สามารถสื่อสาร
กับคนอื่น ๆ ได้
Codified.
Merely Information?
Information in Context.
Only Personal?
รูปแบบของ SECI (SECI Model)
 Ikujiro Nonaka เสนอรูปแบบ SECI คือ Socialization,
Externalization, Combination, Internalization ที่พิจารณาจาก
ปฏิสัมพันธ์ของกระบวนการ ความรู้ในตน (tacit knowledge)
และ ความรู้ที่ชัดเจน (explicit knowledge)
 ในรูปแบบนี้ ความรู้ในตน (tacit knowledge) จะถูก สกัด
(extracted) กลายเป็น ความรู้ที่ชัดเจน (explicit knowledge)
และจะ ถูกฝังกลับ (re-internalized) ให้กลายเป็น ความรู้ในตน
(tacit knowledge) ของผู้อื่นต่อไปอีก ตามวงจรรูปก้นหอย
การแบ่งปันความรู้ (Knowledge Sharing)
 การแบ่งปันความรู้ ยังคงเป็นประเด็นที่ท้าทายสาหรับการจัดการ
ความรู้
 อุปสรรคอาจรวมถึงปัญหาเรื่องเวลา สาหรับการทางานความรู้
ระดับของความไว้วางใจ ขาดการสนับสนุนของเทคโนโลยีที่มี
ประสิทธิผล และวัฒนธรรม
แนวโน้มของการจัดการความรู้ (KM Trends)
 หนึ่งในแนวโน้มที่สาคัญที่สุด ในเทคโนโลยีการจัดการความรู้ คือ
การนามาตรฐานอินเทอร์เน็ตมาใช้ เช่น HTML, HTTP, และ XML
 นอกจากนี้ ระบบเปิดและเครื่องมือฟรีสาหรับการสร้างบล็อก
และวิกิในขณะนี้ ช่วยให้การใช้ในเชิงพาณิชย์มีค่าใช้จ่ายน้อย
หรือไม่มีเลย
องค์กร 2.0 (Enterprise 2.0)
 หลังจากการแนะนาของ Web 2.0 มีบางคนจึงมีการพูดคุย
เกี่ยวกับ "องค์กร 2.0" (Enterprise 2.0) ที่ดาเนินการบน
"แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์สังคม" (social software platforms)
 เมื่อมี "องค์กร 2.0" เริ่มมีผู้คนถามว่า ทาไมไม่มี KM 2.0 บ้าง
 KM 2.0 จึงเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 2005 และค่อยๆแพร่กระจาย
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
KM และ E2.0 มีอะไรที่เหมือนกัน
 เกี่ยวกับการสื่อสาร (They’re about communication)
 ได้ประโยชน์จากการทางานร่วมกัน (They benefit from
collaboration)
 สามารถสืบค้นได้ (They depend upon findability)
 พยายามนาความรู้ไปสู่การปฏิบัติได้ (They seek to make
knowledge actionable)
 ล้มเหลวถ้าไม่เปลี่ยนวัฒนธรรม! (They fail without a dramatic
Cultural Change!)
เครื่องมือสื่อสังคม
 มีคนกล่าวว่า KM 2.0 เป็นการ
นาเครื่องมือสื่อสังคม (E 2.0)
เพื่อปรับปรุงการเชื่อมต่อ สร้าง
ความสัมพันธ์และความไว้วางใจ
ที่มีผลในการสื่อสารและในการ
ถ่ายทอดความรู้ที่ดีขึ้น
อะไรคือ KM 3.0 (What is Knowledge Management 3.0?)
 การรวบรวมและการแบ่งปันความรู้กับคนอื่น ๆ ยังคงเป็นสิ่ง
สาคัญ
 แต่สิ่งที่คุณแบ่งปันกับทีมงานของคุณ ไม่จาเป็นเช่นเดียวกับที่
แบ่งปันในแผนก หรือในองค์กรของคุณ และ
 ไม่จาเป็นต้องเก็บรวบรวมความรู้ ถ้าไม่ได้ใช้ร่วมกัน
 ไม่จาเป็นต้องแบ่งปันความรู้ ถ้าไม่ได้ใช้ประโยชน์
Evolution and Development of Knowledge
Management:
KM 1.0 KM 2.0 KM 3.0
techno-centric people-centric productivity-centric
command and control
“KM is extra work”
Social
“KM is part of my work”
Practical & Individual
“KM is helping me do my work”
KM 1: Collecting KM 2: Sharing KM 3: Using
KM 2.0 focused on sharing
knowledge using web-
enabled and social media
tools.
KM 1.0 focused on
collecting knowledge
"before it walked out the
door".
KM 3.0 focus on using
existing knowledge to help
people get their job done.
นิยามที่ใช้อ้างอิงบ่อย
 "ข้อมูลขนาดใหญ่" หมายถึงชุดข้อมูลที่มีขนาดเกินกว่า
ความสามารถของซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลทั่วไปที่จะ บันทึก จัดเก็บ
จัดการ และวิเคราะห์ (McKinsey Global Institute)
 ข้อมูลขนาดใหญ่ คือสินทรัพย์ทางสารสนเทศที่มีปริมาณสูง
ความเร็วสูง และความหลากหลายสูง ต้องอาศัยค่าใช้จ่ายที่มี
ประสิทธิภาพและนวัตกรรมรูปแบบใหม่ของการประมวลผล
ข้อมูล เพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น และใช้ในการตัดสินใจ (Gartner. IT
Glossary. 2013)
ลักษณะของข้อมูลขนาดใหญ่
 ในการอภิปรายของ ข้อมูลขนาดใหญ่ มักมีการอ้างอิงถึง "3 Vs"
คือ ปริมาณ (Volume) ความเร็ว (Velocity) และลักษณะความ
หลากหลาย (Variety) ของข้อมูลขนาดใหญ่
 พูดง่ายๆ คือ ปริมาณ ความเร็ว และ ความหลากหลาย เป็น
ลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของข้อมูลขนาดใหญ่ ต่างกับวิธีการแบบ
ดั้งเดิมที่ใช้ในการบันทึก จัดเก็บ จัดการ และวิเคราะห์ข้อมูล
ความหลากหลาย
 ข้อมูลขนาดใหญ่ เป็นการรวมของข้อมูลที่เก็บไว้ในฐานข้อมูล
ของ ข้อมูลที่มีโครงสร้างแบบดั้งเดิม (structured databases)
และข้อมูลใหม่ที่ทีที่มาจากแหล่ง ข้อมูลแบบที่ไม่มีโครงสร้าง
(unstructured data)
 ทุกวันนี้ กว่า 95% ของข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ทั่วโลก คาดว่าจะเป็น
ข้อมูลแบบที่ไม่มีโครงสร้าง (เช่น Facebook, Twitter, Instagram
และ web log files)
ความเร็ว
 จานวนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วของข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง มา
จากตัวเลขของกระแสการเติบโตแบบก้าวกระโดด ผ่านทาง
อินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง
 ความเร็วของข้อมูลเหล่านี้ จะต้องได้รับการจัดเก็บและวิเคราะห์
ด้วยลักษณะที่ถือว่า เป็นความเร็วของข้อมูลขนาดใหญ่
อินเทอร์เน็ตของสิ่งต่าง ๆ (Internet of Things: IoT)
 คือเครือข่ายของวัตถุทางกายภาพ (อุปกรณ์ ยานพาหนะ อาคาร
และอื่น ๆ) ที่มีการฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซอฟแวร์ เซ็นเซอร์
และมีการเชื่อมต่อกับเครือข่าย ทาให้วัตถุเหล่านี้ สามารถเก็บ
รวบรวม และแลกเปลี่ยนข้อมูลได้
การใช้งาน IoT ในการสร้างคุณค่าที่แตกต่างกัน
 มูลค่ารวมที่อาจเกิดขึ้น สาหรับการใช้งาน ในเก้าประเภทเป็น
$3.9 ล้านล้าน ถึง $11.1 ล้านล้าน ต่อปี ($3.9 trillion to
$11.1 trillion per year)
การใช้งาน IoT ในการสร้างคุณค่า
1. มนุษย์ (Human)
2. บ้านเรือน (Home)
3. การค้าปลีก (Retail environments)
4. สานักงาน (Offices)
5. โรงงาน (Factories)
6. พื้นที่ปฏิบัติงาน (Worksites)
7. ยานพาหนะ (Vehicles)
8. เมือง (Cities)
9. นอกเหนือจากที่กล่าวมา (Outside)
1. การใช้งานกับมนุษย์:
 ประเภทแรกคือ ด้านสุขภาพและ
การออกกาลังกาย การใช้อุปกรณ์
ที่เชื่อมต่อในการตรวจสอบผู้ป่ วย
อย่างต่อเนื่อง
 โปรแกรมที่สอง ในการทางาน
เช่น แว่นตาที่สามารถแสดงข้อมูล
แนวทางในการปฏิบัติงาน
การยอมรับของการใช้ IoT ในด้าน
สุขภาพและออกกาลังกาย
 แหล่งใหญ่ที่สุดของคุณค่า อยู่ที่การ
ใช้อุปกรณ์ IoT ตรวจสอบและรักษา
โรค
 แหล่งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของ
คุณค่าสาหรับมนุษย์ เกี่ยวกับการ
ออกกาลังกายหรืออุปกรณ์สวมใส่
(wearables)
2. การใช้งานกับบ้านเรือน
 มีอุปกรณ์ IoT สาหรับการใช้งานใน
บ้าน เช่น การตั้งอุณหภูมิ เครื่องใช้
ในเรือนแบบอัจฉริยะ และ
เครื่องดูดฝุ่นทางานได้ด้วยตัวเอง
 สามารถประหยัดได้ประมาณ 100
ชั่วโมงของการใช้แรงงานต่อปี
สาหรับการใช้แรงงานในครัวเรือน
ทั่วไป
3. การใช้งานกับการค้าปลีก
 IoT ใช้ได้กับห้างสรรพสินค้า โชว์
รูมแสดงสินค้า สาขาธนาคาร โรง
ละคร และสนามกีฬา
 เทคโนโลยี IoT ยังสามารถให้
ข้อมูลในการวางรูปแบบของสินค้า
การชาระเงินอัตโนมัติ โปรโมชั่น
ส่วนบุคคลในห้าง และปรับปรุง
การจัดการสินค้าคงคลัง
4. การใช้งานกับสานักงาน
 ประโยชน์สาคัญของ IoT ที่ใช้ใน
สานักงาน คือ การรักษาความ
ปลอดภัย และการจัดการพลังงาน
 โดยการใช้กล้องรักษาความ
ปลอดภัยแบบดิจิตอล โดยไม่ต้องมี
ยามลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง
 การบริหารจัดการพลังงาน สามารถ
ลดการใช้พลังงานได้ร้อยละ 20
5. การใช้งานกับโรงงาน
 เป็นแหล่งใหญ่ที่สุดในการสร้าง
คุณค่า
 ประหยัดพลังงานร้อยละ 10 - 20
ปรับปรุงประสิทธิภาพแรงงานร้อยละ
10-25
 เพิ่มประสิทธิภาพสินค้าคงคลัง และ
สุขภาพและความปลอดภัยของ
ผู้ปฏิบัติงาน
อินเทอร์เน็ตของสิ่งต่าง ๆ และยุค
อุตสาหกรรม 4.0
 อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) เป็น
การเปลี่ยนแปลงแบบเต็มรูปแบบของ
กระบวนการผลิต ที่ผสมผสานโลก
ดิจิตอลและทางกายภาพเข้าด้วยกัน
 อุตสาหกรรม 4.0 มีความสามารถใน
การตรวจสอบและควบคุมเครื่องมือ
ทั้งหมดในการผลิต และใช้ข้อมูลที่
รวบรวมได้เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ
6. การใช้งานกับหน่วยปฏิบัติงาน
 ใช้ในสภาพแวดล้อมที่ใช้ในการ
ผลิต เช่น การทาเหมืองแร่ โรง
กลั่นน้ามันและโรงแยกก๊าซ และ
สถานที่ก่อสร้างต่าง ๆ
 เปลี่ยนรูปแบบการบารุงรักษา
สภาพ เมื่อมีความจาเป็นที่เกิดขึ้น
จริง ผ่านการวิเคราะห์เชิง
พยากรณ์
7. การใช้งานกับยานพาหนะ
 ศักยภาพของ IoT คือ การตรวจสอบ
และปรับปรุงประสิทธิภาพการ
ทางานของ เครื่องบิน รถไฟ และ
ยานพาหนะอื่น ๆ ในขณะที่ใช้งาน
 ช่วยผู้ผลิตรถยนต์ ออกแบบ
ผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือมากขึ้น
 IoT สามารถลดการโจรกรรมรถยนต์
และทาให้เบี้ยประกันถูกลง
8. การใช้งานกับเมือง
 เรียกว่า เมืองอัจฉริยะ (smart city)
 ประโยชน์สี่ประการคือ การขนส่ง
ความปลอดภัยและสุขภาพของ
ประชาชน การจัดการทรัพยากร
และการให้บริการ
 การขนส่ง เป็นโปรแกรมที่ใหญ่ที่สุด
ในการจัดการการจราจร และ
ยานพาหนะแบบอัตโนมัติ
9. นอกเหนือจากที่กล่าวมา
 คือการใช้นอกสถานที่ของ
สภาพแวดล้อมในเมือง
 เช่น การปรับปรุง การกาหนด
เส้นทางของเรือ เครื่องบิน และ
ยานพาหนะอื่น ๆ ระหว่างเมือง
ที่ได้รับแจ้งจากเซ็นเซอร์ต่างๆ
 รวมถึงการติดตามในภาชนะที่ใช้
บรรจุ และแพคเกจในการขนส่ง
สรุป
 อินเตอร์เน็ตของสิ่งต่าง ๆ (Internet of Things: IoT) กลายเป็น
หัวข้อของการสนทนา ทั้งในและนอกสถานที่ทางาน
 แนวคิดนี้ จะส่งผลกระทบต่อวิธีการที่เรามีชีวิตอยู่ และวิธีการที่
เราทางาน ในอนาคตอันใกล้นี้
 สาหรับตอนนี้ สิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทาได้คือ การมีความรู้
เกี่ยวกับ IoT และศึกษาผลกระทบที่สามารถมองเห็นได้ ทั้งใน
วิธีการที่เราทางาน และการดารงชีวิต
Goethe
 KM 2.0 หมายถึง การจัดการความรู้ที่นาเครื่องมือสื่อสังคมมาใช้
(E 2.0) เพื่อปรับปรุงการเชื่อมต่อ สร้างความสัมพันธ์ และความ
ไว้วางใจ มีผลทาให้การสื่อสารและการถ่ายทอดความรู้ดีขึ้น
 Big Data หมายถึง สินทรัพย์ทางสารสนเทศที่มีปริมาณสูง
ความเร็วสูง และความหลากหลายสูง ต้องอาศัยประสิทธิภาพและ
นวัตกรรมรูปแบบใหม่ของการประมวลผลข้อมูล เพื่อความเข้าใจ
ที่ดีขึ้น และใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจ
 Internet of Things (IoT) หมายถึง เครือข่ายของวัตถุทางกายภาพ
ที่มีการฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซอฟแวร์ เซ็นเซอร์ และมีการ
เชื่อมต่อกับเครือข่าย ทาให้วัตถุเหล่านี้ สามารถเก็บรวบรวม และ
แลกเปลี่ยนข้อมูลได้
 “It’s not the strongest
species that survive, or the
most intelligent, but the
most responsive to change”
 Charles Darwin
Maruay 17th ha forum

Contenu connexe

Tendances

New core values and concepts
New core values and conceptsNew core values and concepts
New core values and conceptsmaruay songtanin
 
การพัฒนาองค์การ (Organization Development:OD)
การพัฒนาองค์การ (Organization Development:OD)การพัฒนาองค์การ (Organization Development:OD)
การพัฒนาองค์การ (Organization Development:OD)DrDanai Thienphut
 
Successes and failures of km
Successes and failures of kmSuccesses and failures of km
Successes and failures of kmmaruay songtanin
 
KM Project present by Tiparat KU MSIT11
KM Project present by Tiparat KU  MSIT11KM Project present by Tiparat KU  MSIT11
KM Project present by Tiparat KU MSIT11Amp Tiparat
 
Chapter7 เทคนิคพัฒนาองค์การระดับกลุ่มและองค์การ
Chapter7 เทคนิคพัฒนาองค์การระดับกลุ่มและองค์การChapter7 เทคนิคพัฒนาองค์การระดับกลุ่มและองค์การ
Chapter7 เทคนิคพัฒนาองค์การระดับกลุ่มและองค์การwanna2728
 
Ch2 ระบบสารสนเทศ
Ch2 ระบบสารสนเทศCh2 ระบบสารสนเทศ
Ch2 ระบบสารสนเทศNittaya Intarat
 
01 introduction to data mining
01 introduction to data mining01 introduction to data mining
01 introduction to data miningphakhwan22
 
แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับการจัดการความรู้
แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับการจัดการความรู้แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับการจัดการความรู้
แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับการจัดการความรู้Kanyarat Okong
 

Tendances (20)

Ha forum gotoknow 2018
Ha forum gotoknow 2018Ha forum gotoknow 2018
Ha forum gotoknow 2018
 
523
523523
523
 
New core values and concepts
New core values and conceptsNew core values and concepts
New core values and concepts
 
Mis 1
Mis 1Mis 1
Mis 1
 
Basic km
Basic kmBasic km
Basic km
 
การพัฒนาองค์การ (Organization Development:OD)
การพัฒนาองค์การ (Organization Development:OD)การพัฒนาองค์การ (Organization Development:OD)
การพัฒนาองค์การ (Organization Development:OD)
 
Km beyond40
Km beyond40Km beyond40
Km beyond40
 
Successes and failures of km
Successes and failures of kmSuccesses and failures of km
Successes and failures of km
 
Open Data handbook thai
Open Data handbook thaiOpen Data handbook thai
Open Data handbook thai
 
KM Project present by Tiparat KU MSIT11
KM Project present by Tiparat KU  MSIT11KM Project present by Tiparat KU  MSIT11
KM Project present by Tiparat KU MSIT11
 
Chapter7 เทคนิคพัฒนาองค์การระดับกลุ่มและองค์การ
Chapter7 เทคนิคพัฒนาองค์การระดับกลุ่มและองค์การChapter7 เทคนิคพัฒนาองค์การระดับกลุ่มและองค์การ
Chapter7 เทคนิคพัฒนาองค์การระดับกลุ่มและองค์การ
 
Ch2 ระบบสารสนเทศ
Ch2 ระบบสารสนเทศCh2 ระบบสารสนเทศ
Ch2 ระบบสารสนเทศ
 
01 introduction to data mining
01 introduction to data mining01 introduction to data mining
01 introduction to data mining
 
Chapter 2 : Data Management
Chapter 2 : Data ManagementChapter 2 : Data Management
Chapter 2 : Data Management
 
Management information
Management informationManagement information
Management information
 
KM Handbook
KM HandbookKM Handbook
KM Handbook
 
Chap2
Chap2Chap2
Chap2
 
e-commerce
e-commercee-commerce
e-commerce
 
Km cream
Km creamKm cream
Km cream
 
แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับการจัดการความรู้
แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับการจัดการความรู้แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับการจัดการความรู้
แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับการจัดการความรู้
 

En vedette (20)

Strategy or execution
Strategy or executionStrategy or execution
Strategy or execution
 
The truth about blockchain
The truth about blockchainThe truth about blockchain
The truth about blockchain
 
Work + home + community + self
Work + home + community + selfWork + home + community + self
Work + home + community + self
 
2016 criteria category and item commentary
2016 criteria category and item commentary2016 criteria category and item commentary
2016 criteria category and item commentary
 
Lessons from great family businesses
Lessons from great family businessesLessons from great family businesses
Lessons from great family businesses
 
Make better decisions
Make better decisionsMake better decisions
Make better decisions
 
Strategy definition
Strategy definitionStrategy definition
Strategy definition
 
Introduction to performance excellence
Introduction to performance excellenceIntroduction to performance excellence
Introduction to performance excellence
 
Comment guidelines 2015
Comment guidelines 2015Comment guidelines 2015
Comment guidelines 2015
 
Board of directors
Board of directorsBoard of directors
Board of directors
 
Team building
Team buildingTeam building
Team building
 
Strategic five
Strategic fiveStrategic five
Strategic five
 
From learning to writing
From learning to writingFrom learning to writing
From learning to writing
 
Do you hate your boss
Do you hate your bossDo you hate your boss
Do you hate your boss
 
16 leadership lessons from a four star general
16 leadership lessons from a four star general16 leadership lessons from a four star general
16 leadership lessons from a four star general
 
2015 baldrige award winners
2015 baldrige award winners2015 baldrige award winners
2015 baldrige award winners
 
Man and machine
Man and machineMan and machine
Man and machine
 
Criteria by diagrams
Criteria by diagramsCriteria by diagrams
Criteria by diagrams
 
Team chemistry
Team chemistryTeam chemistry
Team chemistry
 
The right to win
The right to winThe right to win
The right to win
 

Similaire à Maruay 17th ha forum

ยุทธศาสตร์นักจัดการความรู้
ยุทธศาสตร์นักจัดการความรู้ยุทธศาสตร์นักจัดการความรู้
ยุทธศาสตร์นักจัดการความรู้Utai Sukviwatsirikul
 
การจัดการการเรียนรู้
การจัดการการเรียนรู้การจัดการการเรียนรู้
การจัดการการเรียนรู้uncasanova
 
มิติใหม่ของการจัดการองค์กรเรียนรู้
 มิติใหม่ของการจัดการองค์กรเรียนรู้  มิติใหม่ของการจัดการองค์กรเรียนรู้
มิติใหม่ของการจัดการองค์กรเรียนรู้ Pattie Pattie
 
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้Nona Khet
 
Km170909 ศภ02
Km170909 ศภ02Km170909 ศภ02
Km170909 ศภ02wutichai
 
สัปดาห์ที่ 1 การเรียนทฤษฎีสังคมวิทยา
สัปดาห์ที่ 1 การเรียนทฤษฎีสังคมวิทยาสัปดาห์ที่ 1 การเรียนทฤษฎีสังคมวิทยา
สัปดาห์ที่ 1 การเรียนทฤษฎีสังคมวิทยาSani Satjachaliao
 
แนวคิดทฤษฏีเกี่ยวกับการจัดการความรู้
แนวคิดทฤษฏีเกี่ยวกับการจัดการความรู้ แนวคิดทฤษฏีเกี่ยวกับการจัดการความรู้
แนวคิดทฤษฏีเกี่ยวกับการจัดการความรู้ Somsiri Rattanarat
 
การจัดการความรู้และเทคโนโลยี
การจัดการความรู้และเทคโนโลยีการจัดการความรู้และเทคโนโลยี
การจัดการความรู้และเทคโนโลยีChiang Mai University
 
Week3 key information_management
Week3 key information_managementWeek3 key information_management
Week3 key information_managementKaruna Limjaroen
 
Week3 key information_management
Week3 key information_managementWeek3 key information_management
Week3 key information_managementKaruna Limjaroen
 
Ict literacy
Ict literacyIct literacy
Ict literacyBodaidog
 
Basic K M1 Sept05 2
Basic K M1 Sept05 2Basic K M1 Sept05 2
Basic K M1 Sept05 2Black Coffee
 
ชุมชนการเรียนรู้ออนไลน์ เพื่อพัฒนาวิชาชีพครู
ชุมชนการเรียนรู้ออนไลน์ เพื่อพัฒนาวิชาชีพครูชุมชนการเรียนรู้ออนไลน์ เพื่อพัฒนาวิชาชีพครู
ชุมชนการเรียนรู้ออนไลน์ เพื่อพัฒนาวิชาชีพครูDuangnapa Inyayot
 
การจัดการความรู้ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
การจัดการความรู้ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่นการจัดการความรู้ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
การจัดการความรู้ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่นKorawan Sangkakorn
 

Similaire à Maruay 17th ha forum (20)

ยุทธศาสตร์นักจัดการความรู้
ยุทธศาสตร์นักจัดการความรู้ยุทธศาสตร์นักจัดการความรู้
ยุทธศาสตร์นักจัดการความรู้
 
K M Model
K M  ModelK M  Model
K M Model
 
การจัดการการเรียนรู้
การจัดการการเรียนรู้การจัดการการเรียนรู้
การจัดการการเรียนรู้
 
มิติใหม่ของการจัดการองค์กรเรียนรู้
 มิติใหม่ของการจัดการองค์กรเรียนรู้  มิติใหม่ของการจัดการองค์กรเรียนรู้
มิติใหม่ของการจัดการองค์กรเรียนรู้
 
Introduction to Knowledge Management
Introduction to Knowledge ManagementIntroduction to Knowledge Management
Introduction to Knowledge Management
 
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
 
Km170909 ศภ02
Km170909 ศภ02Km170909 ศภ02
Km170909 ศภ02
 
Chap2
Chap2Chap2
Chap2
 
สัปดาห์ที่ 1 การเรียนทฤษฎีสังคมวิทยา
สัปดาห์ที่ 1 การเรียนทฤษฎีสังคมวิทยาสัปดาห์ที่ 1 การเรียนทฤษฎีสังคมวิทยา
สัปดาห์ที่ 1 การเรียนทฤษฎีสังคมวิทยา
 
Learning Organization
Learning OrganizationLearning Organization
Learning Organization
 
แนวคิดทฤษฏีเกี่ยวกับการจัดการความรู้
แนวคิดทฤษฏีเกี่ยวกับการจัดการความรู้ แนวคิดทฤษฏีเกี่ยวกับการจัดการความรู้
แนวคิดทฤษฏีเกี่ยวกับการจัดการความรู้
 
Week3 key information_management
Week3 key information_managementWeek3 key information_management
Week3 key information_management
 
การจัดการความรู้และเทคโนโลยี
การจัดการความรู้และเทคโนโลยีการจัดการความรู้และเทคโนโลยี
การจัดการความรู้และเทคโนโลยี
 
Week3 key information_management
Week3 key information_managementWeek3 key information_management
Week3 key information_management
 
Week3 key information_management
Week3 key information_managementWeek3 key information_management
Week3 key information_management
 
ICT Literacy
ICT LiteracyICT Literacy
ICT Literacy
 
Ict literacy
Ict literacyIct literacy
Ict literacy
 
Basic K M1 Sept05 2
Basic K M1 Sept05 2Basic K M1 Sept05 2
Basic K M1 Sept05 2
 
ชุมชนการเรียนรู้ออนไลน์ เพื่อพัฒนาวิชาชีพครู
ชุมชนการเรียนรู้ออนไลน์ เพื่อพัฒนาวิชาชีพครูชุมชนการเรียนรู้ออนไลน์ เพื่อพัฒนาวิชาชีพครู
ชุมชนการเรียนรู้ออนไลน์ เพื่อพัฒนาวิชาชีพครู
 
การจัดการความรู้ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
การจัดการความรู้ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่นการจัดการความรู้ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
การจัดการความรู้ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
 

Plus de maruay songtanin

Operational Resilience (ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน).pdf
Operational Resilience (ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน).pdfOperational Resilience (ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน).pdf
Operational Resilience (ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน).pdfmaruay songtanin
 
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...maruay songtanin
 
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
๗๗. มณิถูณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๗. มณิถูณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๗๗. มณิถูณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๗. มณิถูณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
๗๖. นันทนวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๗๖. นันทนวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๗๖. นันทนวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๗๖. นันทนวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๗๕. จิตตลตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๗๕. จิตตลตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๗๕. จิตตลตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๗๕. จิตตลตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
๗๔. ปายาสิวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๔. ปายาสิวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๗๔. ปายาสิวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๔. ปายาสิวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
๗๓. ทุติยกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๗๓. ทุติยกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๗๓. ทุติยกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๗๓. ทุติยกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...maruay songtanin
 
๗๒. ปฐมกุณฑลีวิมาน ((พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๗๒. ปฐมกุณฑลีวิมาน ((พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๗๒. ปฐมกุณฑลีวิมาน ((พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๗๒. ปฐมกุณฑลีวิมาน ((พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
๗๑. ยวปาลกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๑. ยวปาลกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๗๑. ยวปาลกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๑. ยวปาลกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
๗๐. ภิกขาทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๗๐. ภิกขาทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๗๐. ภิกขาทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๗๐. ภิกขาทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...maruay songtanin
 
๖๙. ทุติยอุปัสสยทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบั...
๖๙. ทุติยอุปัสสยทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบั...๖๙. ทุติยอุปัสสยทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบั...
๖๙. ทุติยอุปัสสยทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบั...maruay songtanin
 
๖๘. ปฐมอุปัสสยทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...
๖๘. ปฐมอุปัสสยทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...๖๘. ปฐมอุปัสสยทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...
๖๘. ปฐมอุปัสสยทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...maruay songtanin
 
๖๗. ผลทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๖๗. ผลทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๖๗. ผลทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๖๗. ผลทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 

Plus de maruay songtanin (20)

Operational Resilience (ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน).pdf
Operational Resilience (ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน).pdfOperational Resilience (ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน).pdf
Operational Resilience (ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน).pdf
 
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
 
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๗๗. มณิถูณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๗. มณิถูณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๗๗. มณิถูณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๗. มณิถูณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๗๖. นันทนวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๗๖. นันทนวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๗๖. นันทนวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๗๖. นันทนวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๗๕. จิตตลตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๗๕. จิตตลตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๗๕. จิตตลตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๗๕. จิตตลตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๗๔. ปายาสิวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๔. ปายาสิวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๗๔. ปายาสิวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๔. ปายาสิวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๗๓. ทุติยกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๗๓. ทุติยกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๗๓. ทุติยกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๗๓. ทุติยกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
๗๒. ปฐมกุณฑลีวิมาน ((พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๗๒. ปฐมกุณฑลีวิมาน ((พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๗๒. ปฐมกุณฑลีวิมาน ((พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๗๒. ปฐมกุณฑลีวิมาน ((พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
๗๑. ยวปาลกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๑. ยวปาลกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๗๑. ยวปาลกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๑. ยวปาลกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๗๐. ภิกขาทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๗๐. ภิกขาทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๗๐. ภิกขาทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๗๐. ภิกขาทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
 
๖๙. ทุติยอุปัสสยทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบั...
๖๙. ทุติยอุปัสสยทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบั...๖๙. ทุติยอุปัสสยทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบั...
๖๙. ทุติยอุปัสสยทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบั...
 
๖๘. ปฐมอุปัสสยทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...
๖๘. ปฐมอุปัสสยทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...๖๘. ปฐมอุปัสสยทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...
๖๘. ปฐมอุปัสสยทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...
 
๖๗. ผลทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๖๗. ผลทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๖๗. ผลทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๖๗. ผลทายกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 

Maruay 17th ha forum

  • 1.
  • 3. Know Think Do Share Go To 1 2 3 4 Sensory: eyes, ears, nose, tongue, body (mind?) Deeply, broadly, furtherly Actions, trial & errors, AAR Audiences, places, timely
  • 4. เกณฑ์ TQA 2559-2560 ถามว่า  4.2ก(1) การจัดการความรู้ (Knowledge Management) องค์กรมี วิธีการอย่างไรในการจัดการความรู้ขององค์กร  รวบรวมและถ่ายทอดความรู้ของบุคลากร  ผสาน/หาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ (Big Data) เพื่อสร้างความรู้ใหม่  ถ่ายทอดความรู้ระหว่างองค์กรกับลูกค้า ผู้ส่งมอบ พันธมิตร และผู้ให้ความร่วมมือ  รวบรวมและถ่ายทอดความรู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการสร้างนวัตกรรมและกระบวนการ วางแผนเชิงกลยุทธ์  4.2ก(2) การเรียนรู้ระดับองค์กร (Organizational Learning) องค์กรมี วิธีการอย่างไรในการใช้องค์ความรู้และทรัพยากรต่างๆ เพื่อให้การ เรียนรู้ฝังลึกลงไปในวิถีการปฏิบัติงานขององค์กร
  • 5. ข้อสังเกต การจัดการความรู้  ต้องมุ่งเน้นที่ความรู้ที่บุคลากรต้องใช้ในการปฏิบัติงาน เพื่อการ ปรับปรุง กระบวนการ ผลิตภัณฑ์ และบริการ (processes, products, and services)  และใช้ นวัตกรรม (innovation) เพื่อเพิ่ม คุณค่า (value) ให้แก่ ลูกค้าและองค์กร
  • 6. การเรียนรู้  หมายถึง ความรู้หรือทักษะใหม่ ที่ได้รับจากการประเมิน การศึกษา ประสบการณ์ และนวัตกรรม  1.การเรียนรู้ระดับบุคคล ได้มาจากการศึกษา การฝึกอบรม และ โอกาสในการพัฒนาเพื่อความเจริญก้าวหน้าของแต่ละบุคคล  2.การเรียนรู้ระดับองค์กร ได้มาจากการวิจัย วงจรการประเมิน และการปรับปรุง (PDCA) ความคิดและมุมมองจากบุคลากรและ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การแบ่งปันวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (best practice) และ การจัดระดับเทียบเคียง (benchmarking)
  • 7. ข้อสังเกต การเรียนรู้ระดับองค์กร  จากการทา KM ทาให้องค์กรได้ประโยชน์จากสินทรัพย์ทาง ความรู้ของ บุคลากร ลูกค้า ผู้ส่งมอบ ผู้ให้ความร่วมมือ และ พันธมิตร ซึ่งร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิด การเรียนรู้ระดับองค์กร (Organizational Learning) และ การสร้างนวัตกรรม (innovation)  การจัดการความรู้ เป็นตัวผลักดันให้เกิด การเรียนรู้ขององค์กร
  • 8. การสร้างนวัตกรรม  หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่สาคัญเพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์ บริการ แผนงาน กระบวนการ การปฏิบัติการ และรูปแบบทาง ธุรกิจขององค์กร เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย  จาเป็นต้องมีสภาพแวดล้อมที่เกื้ อหนุน ในการระบุ โอกาสเชิงกล ยุทธ์ (strategic opportunities) และ ความกล้าเสี่ยงอย่างฉลาด (intelligent risks) ที่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการเรียนรู้ของ องค์กร รวมทั้งบูรณาการนวัตกรรมเข้าไว้ในการปฏิบัติงาน ประจาวัน
  • 9. Learn how to learn (Personal Learning) Learn how to share (Knowledge Management: KM) Learn how to connect (Community of Practice: CoP) Learn how to innovate (Innovation) Organizational Learning (Learning Organization)
  • 10. Goals Advanced economic country Societal well-being Societal contributions (environment, social, and economy) Competitive advantages Improved processes, capabilities, and results Workforce capability Knowledge, skills, abilities, and competencies Country level Societal level Organizational Level Personal Level
  • 11.
  • 13.  การเรียนรู้ หมายถึง ความรู้หรือทักษะใหม่ ที่ได้รับจากการ ประเมิน การศึกษา ประสบการณ์ และนวัตกรรม  การจัดการความรู้ หมายถึง กระบวนการของการดักจับ การ พัฒนา การแบ่งปัน และการใช้ความรู้ขององค์กรได้อย่างมี ประสิทธิผล  การสร้างนวัตกรรม หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่สาคัญเพื่อ ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ บริการ แผนงาน กระบวนการ การปฏิบัติการ และรูปแบบทางธุรกิจขององค์กร เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ให้แก่ผู้มี ส่วนได้ส่วนเสีย
  • 14.
  • 15. การจัดการความรู้แบบเก่า ไม่สนใจอะไร ขอเพียง 1. เขียนความรู้ของคุณ ลงในฐานข้อมูล 2. มีรายละเอียดที่เพียงพอ 3. อาจจะมีใครบางคนใช้ความรู้ของคุณสักวัน หรืออาจจะไม่มี ... 4. และ ไม่ควรใช้เวลามากเกินไป เกี่ยวกับเรื่องนี้ !
  • 16. การจัดการความรู้แบบเก่า ไม่ได้ผลเพราะ  ... กาหนดความรู้เหมือนเป็นสินค้า ที่ถ่ายโอนมาจากศูนย์กลาง  ... เรียกร้องการแบ่งปันความรู้ โดยไม่มีผู้ชม  ... ต้องการเพียงที่จะจัดการความรู้
  • 17. การแบ่งปันความรู้ เราทุกคนชอบที่จะแบ่งปันความรู้ ... แต่  ฉันไม่ทราบว่ามีใครสักกี่คน ที่ต้องการความรู้ของฉัน  ฉันไม่ทราบว่ามีใครสักกี่คน ที่จะใช้ความรู้ของฉัน  และฉันอยากจะแบ่งปัน สิ่งที่สาคัญจริงๆ
  • 18. การจัดการความรู้ (KM)  การจัดการความรู้ (KM) เป็นกระบวนการของการดักจับ การ พัฒนา การแบ่งปัน และการใช้ความรู้ขององค์กรอย่างมี ประสิทธิผล (the process of capturing, developing, sharing, and effectively using organizational knowledge)
  • 19. มิติของการจัดการความรู้ (KM Dimensions)  มีกรอบหนึ่ง เสนอให้จัดหมวดหมู่ของความรู้เป็น ความรู้ในตน (tacit knowledge) และ ความรู้ที่ชัดเจน (explicit knowledge)  ความรู้ในตน (tacit knowledge) แสดงให้เห็นถึงความรู้ที่บุคคลมี แต่อาจจะไม่ตระหนักถึง เช่น วิธีการเฉพาะที่ทาให้เขาหรือเธอ ทางานสาเร็จ  ความรู้ที่ชัดเจน (explicit knowledge) เป็นความรู้ที่เห็นได้ชัดเจน แสดงให้เห็นถึงความรู้ที่แต่ละคนมี ในรูปแบบที่สามารถสื่อสาร กับคนอื่น ๆ ได้
  • 21.
  • 22. รูปแบบของ SECI (SECI Model)  Ikujiro Nonaka เสนอรูปแบบ SECI คือ Socialization, Externalization, Combination, Internalization ที่พิจารณาจาก ปฏิสัมพันธ์ของกระบวนการ ความรู้ในตน (tacit knowledge) และ ความรู้ที่ชัดเจน (explicit knowledge)  ในรูปแบบนี้ ความรู้ในตน (tacit knowledge) จะถูก สกัด (extracted) กลายเป็น ความรู้ที่ชัดเจน (explicit knowledge) และจะ ถูกฝังกลับ (re-internalized) ให้กลายเป็น ความรู้ในตน (tacit knowledge) ของผู้อื่นต่อไปอีก ตามวงจรรูปก้นหอย
  • 23. การแบ่งปันความรู้ (Knowledge Sharing)  การแบ่งปันความรู้ ยังคงเป็นประเด็นที่ท้าทายสาหรับการจัดการ ความรู้  อุปสรรคอาจรวมถึงปัญหาเรื่องเวลา สาหรับการทางานความรู้ ระดับของความไว้วางใจ ขาดการสนับสนุนของเทคโนโลยีที่มี ประสิทธิผล และวัฒนธรรม
  • 24. แนวโน้มของการจัดการความรู้ (KM Trends)  หนึ่งในแนวโน้มที่สาคัญที่สุด ในเทคโนโลยีการจัดการความรู้ คือ การนามาตรฐานอินเทอร์เน็ตมาใช้ เช่น HTML, HTTP, และ XML  นอกจากนี้ ระบบเปิดและเครื่องมือฟรีสาหรับการสร้างบล็อก และวิกิในขณะนี้ ช่วยให้การใช้ในเชิงพาณิชย์มีค่าใช้จ่ายน้อย หรือไม่มีเลย
  • 25. องค์กร 2.0 (Enterprise 2.0)  หลังจากการแนะนาของ Web 2.0 มีบางคนจึงมีการพูดคุย เกี่ยวกับ "องค์กร 2.0" (Enterprise 2.0) ที่ดาเนินการบน "แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์สังคม" (social software platforms)  เมื่อมี "องค์กร 2.0" เริ่มมีผู้คนถามว่า ทาไมไม่มี KM 2.0 บ้าง  KM 2.0 จึงเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 2005 และค่อยๆแพร่กระจาย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
  • 26. KM และ E2.0 มีอะไรที่เหมือนกัน  เกี่ยวกับการสื่อสาร (They’re about communication)  ได้ประโยชน์จากการทางานร่วมกัน (They benefit from collaboration)  สามารถสืบค้นได้ (They depend upon findability)  พยายามนาความรู้ไปสู่การปฏิบัติได้ (They seek to make knowledge actionable)  ล้มเหลวถ้าไม่เปลี่ยนวัฒนธรรม! (They fail without a dramatic Cultural Change!)
  • 27. เครื่องมือสื่อสังคม  มีคนกล่าวว่า KM 2.0 เป็นการ นาเครื่องมือสื่อสังคม (E 2.0) เพื่อปรับปรุงการเชื่อมต่อ สร้าง ความสัมพันธ์และความไว้วางใจ ที่มีผลในการสื่อสารและในการ ถ่ายทอดความรู้ที่ดีขึ้น
  • 28.
  • 29.
  • 30. อะไรคือ KM 3.0 (What is Knowledge Management 3.0?)  การรวบรวมและการแบ่งปันความรู้กับคนอื่น ๆ ยังคงเป็นสิ่ง สาคัญ  แต่สิ่งที่คุณแบ่งปันกับทีมงานของคุณ ไม่จาเป็นเช่นเดียวกับที่ แบ่งปันในแผนก หรือในองค์กรของคุณ และ  ไม่จาเป็นต้องเก็บรวบรวมความรู้ ถ้าไม่ได้ใช้ร่วมกัน  ไม่จาเป็นต้องแบ่งปันความรู้ ถ้าไม่ได้ใช้ประโยชน์
  • 31. Evolution and Development of Knowledge Management: KM 1.0 KM 2.0 KM 3.0 techno-centric people-centric productivity-centric command and control “KM is extra work” Social “KM is part of my work” Practical & Individual “KM is helping me do my work” KM 1: Collecting KM 2: Sharing KM 3: Using KM 2.0 focused on sharing knowledge using web- enabled and social media tools. KM 1.0 focused on collecting knowledge "before it walked out the door". KM 3.0 focus on using existing knowledge to help people get their job done.
  • 32.
  • 33. นิยามที่ใช้อ้างอิงบ่อย  "ข้อมูลขนาดใหญ่" หมายถึงชุดข้อมูลที่มีขนาดเกินกว่า ความสามารถของซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลทั่วไปที่จะ บันทึก จัดเก็บ จัดการ และวิเคราะห์ (McKinsey Global Institute)  ข้อมูลขนาดใหญ่ คือสินทรัพย์ทางสารสนเทศที่มีปริมาณสูง ความเร็วสูง และความหลากหลายสูง ต้องอาศัยค่าใช้จ่ายที่มี ประสิทธิภาพและนวัตกรรมรูปแบบใหม่ของการประมวลผล ข้อมูล เพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น และใช้ในการตัดสินใจ (Gartner. IT Glossary. 2013)
  • 34. ลักษณะของข้อมูลขนาดใหญ่  ในการอภิปรายของ ข้อมูลขนาดใหญ่ มักมีการอ้างอิงถึง "3 Vs" คือ ปริมาณ (Volume) ความเร็ว (Velocity) และลักษณะความ หลากหลาย (Variety) ของข้อมูลขนาดใหญ่  พูดง่ายๆ คือ ปริมาณ ความเร็ว และ ความหลากหลาย เป็น ลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของข้อมูลขนาดใหญ่ ต่างกับวิธีการแบบ ดั้งเดิมที่ใช้ในการบันทึก จัดเก็บ จัดการ และวิเคราะห์ข้อมูล
  • 35.
  • 36.
  • 37. ความหลากหลาย  ข้อมูลขนาดใหญ่ เป็นการรวมของข้อมูลที่เก็บไว้ในฐานข้อมูล ของ ข้อมูลที่มีโครงสร้างแบบดั้งเดิม (structured databases) และข้อมูลใหม่ที่ทีที่มาจากแหล่ง ข้อมูลแบบที่ไม่มีโครงสร้าง (unstructured data)  ทุกวันนี้ กว่า 95% ของข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ทั่วโลก คาดว่าจะเป็น ข้อมูลแบบที่ไม่มีโครงสร้าง (เช่น Facebook, Twitter, Instagram และ web log files)
  • 38. ความเร็ว  จานวนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วของข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง มา จากตัวเลขของกระแสการเติบโตแบบก้าวกระโดด ผ่านทาง อินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง  ความเร็วของข้อมูลเหล่านี้ จะต้องได้รับการจัดเก็บและวิเคราะห์ ด้วยลักษณะที่ถือว่า เป็นความเร็วของข้อมูลขนาดใหญ่
  • 39.
  • 40. อินเทอร์เน็ตของสิ่งต่าง ๆ (Internet of Things: IoT)  คือเครือข่ายของวัตถุทางกายภาพ (อุปกรณ์ ยานพาหนะ อาคาร และอื่น ๆ) ที่มีการฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซอฟแวร์ เซ็นเซอร์ และมีการเชื่อมต่อกับเครือข่าย ทาให้วัตถุเหล่านี้ สามารถเก็บ รวบรวม และแลกเปลี่ยนข้อมูลได้
  • 41. การใช้งาน IoT ในการสร้างคุณค่าที่แตกต่างกัน  มูลค่ารวมที่อาจเกิดขึ้น สาหรับการใช้งาน ในเก้าประเภทเป็น $3.9 ล้านล้าน ถึง $11.1 ล้านล้าน ต่อปี ($3.9 trillion to $11.1 trillion per year)
  • 42.
  • 43. การใช้งาน IoT ในการสร้างคุณค่า 1. มนุษย์ (Human) 2. บ้านเรือน (Home) 3. การค้าปลีก (Retail environments) 4. สานักงาน (Offices) 5. โรงงาน (Factories) 6. พื้นที่ปฏิบัติงาน (Worksites) 7. ยานพาหนะ (Vehicles) 8. เมือง (Cities) 9. นอกเหนือจากที่กล่าวมา (Outside)
  • 44. 1. การใช้งานกับมนุษย์:  ประเภทแรกคือ ด้านสุขภาพและ การออกกาลังกาย การใช้อุปกรณ์ ที่เชื่อมต่อในการตรวจสอบผู้ป่ วย อย่างต่อเนื่อง  โปรแกรมที่สอง ในการทางาน เช่น แว่นตาที่สามารถแสดงข้อมูล แนวทางในการปฏิบัติงาน
  • 45. การยอมรับของการใช้ IoT ในด้าน สุขภาพและออกกาลังกาย  แหล่งใหญ่ที่สุดของคุณค่า อยู่ที่การ ใช้อุปกรณ์ IoT ตรวจสอบและรักษา โรค  แหล่งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของ คุณค่าสาหรับมนุษย์ เกี่ยวกับการ ออกกาลังกายหรืออุปกรณ์สวมใส่ (wearables)
  • 46. 2. การใช้งานกับบ้านเรือน  มีอุปกรณ์ IoT สาหรับการใช้งานใน บ้าน เช่น การตั้งอุณหภูมิ เครื่องใช้ ในเรือนแบบอัจฉริยะ และ เครื่องดูดฝุ่นทางานได้ด้วยตัวเอง  สามารถประหยัดได้ประมาณ 100 ชั่วโมงของการใช้แรงงานต่อปี สาหรับการใช้แรงงานในครัวเรือน ทั่วไป
  • 47. 3. การใช้งานกับการค้าปลีก  IoT ใช้ได้กับห้างสรรพสินค้า โชว์ รูมแสดงสินค้า สาขาธนาคาร โรง ละคร และสนามกีฬา  เทคโนโลยี IoT ยังสามารถให้ ข้อมูลในการวางรูปแบบของสินค้า การชาระเงินอัตโนมัติ โปรโมชั่น ส่วนบุคคลในห้าง และปรับปรุง การจัดการสินค้าคงคลัง
  • 48. 4. การใช้งานกับสานักงาน  ประโยชน์สาคัญของ IoT ที่ใช้ใน สานักงาน คือ การรักษาความ ปลอดภัย และการจัดการพลังงาน  โดยการใช้กล้องรักษาความ ปลอดภัยแบบดิจิตอล โดยไม่ต้องมี ยามลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง  การบริหารจัดการพลังงาน สามารถ ลดการใช้พลังงานได้ร้อยละ 20
  • 49. 5. การใช้งานกับโรงงาน  เป็นแหล่งใหญ่ที่สุดในการสร้าง คุณค่า  ประหยัดพลังงานร้อยละ 10 - 20 ปรับปรุงประสิทธิภาพแรงงานร้อยละ 10-25  เพิ่มประสิทธิภาพสินค้าคงคลัง และ สุขภาพและความปลอดภัยของ ผู้ปฏิบัติงาน
  • 50. อินเทอร์เน็ตของสิ่งต่าง ๆ และยุค อุตสาหกรรม 4.0  อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) เป็น การเปลี่ยนแปลงแบบเต็มรูปแบบของ กระบวนการผลิต ที่ผสมผสานโลก ดิจิตอลและทางกายภาพเข้าด้วยกัน  อุตสาหกรรม 4.0 มีความสามารถใน การตรวจสอบและควบคุมเครื่องมือ ทั้งหมดในการผลิต และใช้ข้อมูลที่ รวบรวมได้เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ
  • 51. 6. การใช้งานกับหน่วยปฏิบัติงาน  ใช้ในสภาพแวดล้อมที่ใช้ในการ ผลิต เช่น การทาเหมืองแร่ โรง กลั่นน้ามันและโรงแยกก๊าซ และ สถานที่ก่อสร้างต่าง ๆ  เปลี่ยนรูปแบบการบารุงรักษา สภาพ เมื่อมีความจาเป็นที่เกิดขึ้น จริง ผ่านการวิเคราะห์เชิง พยากรณ์
  • 52. 7. การใช้งานกับยานพาหนะ  ศักยภาพของ IoT คือ การตรวจสอบ และปรับปรุงประสิทธิภาพการ ทางานของ เครื่องบิน รถไฟ และ ยานพาหนะอื่น ๆ ในขณะที่ใช้งาน  ช่วยผู้ผลิตรถยนต์ ออกแบบ ผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือมากขึ้น  IoT สามารถลดการโจรกรรมรถยนต์ และทาให้เบี้ยประกันถูกลง
  • 53. 8. การใช้งานกับเมือง  เรียกว่า เมืองอัจฉริยะ (smart city)  ประโยชน์สี่ประการคือ การขนส่ง ความปลอดภัยและสุขภาพของ ประชาชน การจัดการทรัพยากร และการให้บริการ  การขนส่ง เป็นโปรแกรมที่ใหญ่ที่สุด ในการจัดการการจราจร และ ยานพาหนะแบบอัตโนมัติ
  • 54. 9. นอกเหนือจากที่กล่าวมา  คือการใช้นอกสถานที่ของ สภาพแวดล้อมในเมือง  เช่น การปรับปรุง การกาหนด เส้นทางของเรือ เครื่องบิน และ ยานพาหนะอื่น ๆ ระหว่างเมือง ที่ได้รับแจ้งจากเซ็นเซอร์ต่างๆ  รวมถึงการติดตามในภาชนะที่ใช้ บรรจุ และแพคเกจในการขนส่ง
  • 55. สรุป  อินเตอร์เน็ตของสิ่งต่าง ๆ (Internet of Things: IoT) กลายเป็น หัวข้อของการสนทนา ทั้งในและนอกสถานที่ทางาน  แนวคิดนี้ จะส่งผลกระทบต่อวิธีการที่เรามีชีวิตอยู่ และวิธีการที่ เราทางาน ในอนาคตอันใกล้นี้  สาหรับตอนนี้ สิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทาได้คือ การมีความรู้ เกี่ยวกับ IoT และศึกษาผลกระทบที่สามารถมองเห็นได้ ทั้งใน วิธีการที่เราทางาน และการดารงชีวิต
  • 57.  KM 2.0 หมายถึง การจัดการความรู้ที่นาเครื่องมือสื่อสังคมมาใช้ (E 2.0) เพื่อปรับปรุงการเชื่อมต่อ สร้างความสัมพันธ์ และความ ไว้วางใจ มีผลทาให้การสื่อสารและการถ่ายทอดความรู้ดีขึ้น  Big Data หมายถึง สินทรัพย์ทางสารสนเทศที่มีปริมาณสูง ความเร็วสูง และความหลากหลายสูง ต้องอาศัยประสิทธิภาพและ นวัตกรรมรูปแบบใหม่ของการประมวลผลข้อมูล เพื่อความเข้าใจ ที่ดีขึ้น และใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจ  Internet of Things (IoT) หมายถึง เครือข่ายของวัตถุทางกายภาพ ที่มีการฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซอฟแวร์ เซ็นเซอร์ และมีการ เชื่อมต่อกับเครือข่าย ทาให้วัตถุเหล่านี้ สามารถเก็บรวบรวม และ แลกเปลี่ยนข้อมูลได้
  • 58.  “It’s not the strongest species that survive, or the most intelligent, but the most responsive to change”  Charles Darwin