SlideShare a Scribd company logo
1 of 34
พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
maruays@hotmail.com
16 มิถุนายน 2565
Michael Easter
Published by Rodale Books, 2021
The Comfort Crisis addresses contemporary people who live a stressful life and talks about being
comfortable with discomfort and reclaiming a happy, healthy mindset by implementing a few odd,
but highly effective practices in their daily lives.
เกี่ยวกับผู้ประพันธ์
 Michael Easter เป็นผู้ที่นาวิทยาศาสตร์สมัยใหม่มาผสมผสานกับภูมิปัญญาเชิง
วิวัฒนาการ เพื่อสุขภาพ ความหมาย และประสิทธิภาพที่ดีขึ้ น ในชีวิตและที่ทางาน
 เขาเดินทางไปทั่วโลกเพื่อพบปะกับนักวิทยาศาสตร์ นักคิด และผู้คนที่ฉลาดหลัก
แหลมที่มักถูกมองข้าม และเผยแพร่สิ่งที่ค้นพบและประสบการณ์ที่ดีที่สุดของเขาใน
หนังสือ บทความ และสื่ออื่นๆ
 เขาเป็นศาสตราจารย์ที่ UNLV และเป็ นผู้ร่วมก่อตั้ง Public Communications Institute
ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านความคิดของมหาวิทยาลัย Nevada Las Vegas (UNLV) ที่
ดาเนินการวิจัยด้านการสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ และช่วยให้องค์กรภาครัฐและ
เอกชนปรับข้อความที่ซับซ้อนให้เข้ากับผู้ชมจานวนมาก
เกริ่นนา
 เคยคิดหรือไม่ว่าคุณจะเป็นอยู่อย่างไรหากย้อนเวลากลับไปได้? ย้อนไปสมัยก่อนมีทีวีและก่อนที่ต้อง
ทางาน 09.00-17.00? หรือพูดง่ายๆ ก่อนที่ความสะดวกสบายและสิ่งเย้ายวนจะเข้ามาในชีวิตเรา?
 The Comfort Crisis ท้าทายแนวคิดเรื่องความสะดวกสบายในชีวิตของเรา และพูดถึงประสบการณ์
ของผู้ประพันธ์เมื่อเขาตัดสินใจลองที่จะก้าวออกมาจากความสบาย
 Michael Easter แสดงให้เราเห็นว่า การจงใจเพิ่มความรู้สึกไม่สบายกลับเข้ามาในชีวิตของเรานั้น
สามารถฟื้ นพลังทางจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณที่เราควรจะมีอยู่ได้อย่างไร และช่วยให้เราเติบโต
ทั้งในด้านส่วนตัวและในอาชีพ จนถึงระดับที่เราอาจเคยคิดว่าเป็ นไปไม่ได้ก่อนหน้านี้
ประสบการณ์เปลี่ยนชีวิต
 แทบเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะเห็นใครบางคนจงใจสละชีวิตดิจิทัล โซฟาตัวโปรด กิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ
ของพวกเขา
 อย่างไรก็ตาม ผู้ประพันธ์ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นประสบการณ์ที่เปลี่ยนชีวิต โดยการลองใช้วิถีชีวิตของ
บรรพบุรุษ ด้วยการตั้งแคมป์ ในอลาสก้าเป็ นเวลาหนึ่งเดือน และในช่วงเวลานี้ เขาต้องเปลี่ยนไปใช้
โหมดการเอาชีวิตรอด
 แม้ว่าจะไม่ใช่วิธีที่ง่ายที่สุด แต่เขาได้เรียนรู้บทเรียนล้าค่ามากมายตลอดทาง
วิกฤตความสบาย
 เรากาลังมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่สะดวกสบายที่สุดในประวัติศาสตร์ หลายสิ่งหลายอย่างสามารถเข้าถึง
ได้ด้วยการกดปุ่ มเพียงปุ่ มเดียว ตั้งแต่การรับข้อมูล ความบันเทิง และแม้แต่การสื่อสารในระยะไกล
เรามีแอปที่จะช่วยแก้ปัญหาของเรา
 อ้างตาม CDC ของสหรัฐอเมริกา 73.6% ของชาวอเมริกันมีน้าหนักเกินหรือเป็ นโรคอ้วนที่เป็นปัญหา
ระดับโลก โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2.8 ล้านคนในแต่ละปี
 สุขภาพจิตก็ไม่ค่อยดีเหมือนกัน ผู้ใหญ่เกือบ 8 ใน 10 คนกล่าวว่า การระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัส
เป็นแหล่งความเครียดที่สาคัญในชีวิตของพวกเขา จากรายงานของสมาคมจิตวิทยาอเมริกา
เปลี่ยนมุมมอง
 สิ่งหนึ่งที่ Michael ต้องการชี้ ให้เห็นคือ เรามักจะคิดว่าที่เราสบายดีในปัจจุบัน เพราะเราถูกรายล้อม
ไปด้วยความสะดวกสบายอยู่ตลอดเวลา แต่เราจะชื่นชมสิ่งเหล่านี้ ได้มากกว่า ถ้าเป็นการได้มาด้วย
การต่อสู้หรือความท้าทาย
 มันเหมือนกับการไปร้านอาหารที่คุณชื่นชอบเกือบทุกวันด้วยความสะดวกสบาย เมื่อเทียบกับอดีตที่
กว่าจะได้มา ต้องเดินทางเพื่อทาธุรกิจแสนยาวนานและเหน็ดเหนื่อย ซึ่งคุณจะรู้สึกภูมิใจมากกว่า
ท้าทายตนเอง
 Michael พูดถึงวิธีที่เด็กๆ ในปัจจุบันที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างแตกต่าง
 ในทุกวันนี้ พ่อแม่บางคนให้ลูกกระทาในสิ่งที่ตนคิดว่าดีที่สุด แทนที่จะปล่อยให้ลูกได้สัมผัสด้วย
ตัวเอง สิ่งนี้ มักจะนาไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตเมื่อพวกเขาออกไปสู่โลกกว้าง พวกเขาไม่สามารถรับมือกับ
การต่อสู้และความท้าทายในแต่ละวันได้ เนื่องจากพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้สัมผัสประสบการณ์
เหล่านี้ ล่วงหน้า
 Michael อธิบายแนวคิดที่แข็งแกร่งว่า สิ่งสาคัญคือ เราต้องใส่ความท้าทายที่แท้จริงในชีวิตของเรา
เป็ นครั้งคราว ไม่เพียงแค่ในสมัยที่เรากาลังเจริญโตขึ้ นเท่านั้น แต่รวมถึงสมัยที่เป็นผู้ใหญ่อีกด้วย
ความสบาย
 มนุษย์อยู่สุขสบายเพียงประมาณ 100 ปี ที่ผ่านมาเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านั้น เราต้องใช้ร่างกายของเรา
ในการหาอาหาร ที่พัก และน้า
 เมื่อรู้สึกเบื่อ เราต้องสร้างสรรค์ด้วยจิตใจหรือพึ่งพิงผู้อื่น เพื่อสร้างความบันเทิงให้ตัวเอง
 ในยุคปัจจุบัน ผู้คนมีน้าหนักเกินและไม่แข็งแรง เพราะเราไม่มีความท้าทายในชีวิตอีกต่อไป และ
ด้วยการตอบสนองความต้องการซึ่งเติมเต็มได้ง่ายกว่าเดิม
ธรรมชาติ
 การศึกษาแสดงให้เห็นว่า ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองมีอัตราความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าสูงกว่าคน
ที่อาศัยอยู่ในชนบท แม้ว่าพวกเขาจะมีรายได้มากและการใช้ชีวิตในเมืองก็สะดวกสบายกว่า
 ทาไมเราถึงมีความสุขในชนบท? การมีพื้นที่มากขึ้ น? ธรรมชาติ? ก้าวช้าลง? คนน้อยลง?
 เราเองต่างหาก ที่แยกตัวจากสิ่งที่ทาให้เรารู้สึกมีความสุขและมีชีวิตชีวา ความผูกพัน การอยู่ใน
ธรรมชาติ ความพยายาม และความอุตสาหะ
การท่องป่ า
 การศึกษาของญี่ปุ่ นพบว่า เวลา 15 นาทีของการนั่งหรือเดินอยู่ในป่ าท่ามกลางธรรมชาติ ช่วยลด
ความดันโลหิต ฮอร์โมนความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า
 ผลการศึกษาในปี ค.ศ. 2016 พบว่าการเดินเล่นในสวนสาธารณะในเมืองเป็นเวลา 20 นาที สามารถ
ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างทางระบบประสาทของสมอง ทาให้เรารู้สึกสงบขึ้ น เฉียบคม
ขึ้ น มีประสิทธิผลมากขึ้ น และมีความคิดสร้างสรรค์
 การใช้เวลา 3 วันในชนบทที่ห่างไกล มีผลในเชิงบวกอย่างมากต่อร่างกายและจิตใจของคุณ พวกเขา
แนะนาให้ทาเช่นนี้ ปี ละครั้ง
พรรคพวก
 มีคนกล่าวว่า 150 คน เป็นจานวนที่เหมาะสมที่สุดที่จะมีในกลุ่มของคุณ ผู้คนกลุ่มที่ใหญ่กว่านี้ จะ
ซับซ้อนด้วยประเด็นทางสังคมและการเมือง
 Gore-Tex แบ่งสานักงานออกเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละ 150 คน และพวกเขายกย่องกับความสาเร็จของ
ความคิดนี้
การอยู่ตามลาพัง
 ผลการศึกษาพบว่า คนส่วนใหญ่คิดว่าการถูกไฟฟ้าดูดเล็กน้อย ดีกว่าการที่จะอยู่คนเดียว
 เราควรสร้างความเคยชินกับการอยู่ตามลาพังคนเดียว (solitude) เพราะมันสามารถเพิ่มความคิด
สร้างสรรค์ การเอาใจใส่ และลดอาการประหม่า
รู้สึกเบื่อหน่าย
 การศึกษาแสดงให้เห็นว่า คนอเมริกันโดยเฉลี่ยแตะโทรศัพท์มากกว่า 2,000 ครั้งต่อวัน พวกเขาใช้
เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงในการดูหน้าจอขนาดเล็ก
 เราไม่เคยปล่อยให้ตัวเองรู้สึกเบื่อ หรือเข้าสู่โหมด "สมองว่าง" (เพราะนี่คือจุดเริ่มความคิด
สร้างสรรค์และการแก้ปัญหาของเรา)
 ทุกครั้งที่เราดูโทรศัพท์ เรากาลังทาให้จิตใจของเราอยู่ในโหมด "ใช้สมอง" เรากาลังทาการบริโภค
และประมวลผลสิ่งที่เราเห็น ก็เหมือนการออกกาลังกายให้สมองของเรา แต่เราไม่เคยให้เวลากับช่วง
ที่ไม่ได้ใช้สมอง เพื่อให้มันได้ฟื้ นตัว
 การวิจัยแสดงให้เห็นว่า การจู่โจมของสื่อบนหน้าจอทาให้ผู้คนจู้จี้จุกจิก ใจร้อน วอกแวก มีความ
ต้องการมากขึ้ น
 และทาให้เมื่อเรารู้สึกเบื่อเราก็ไม่ต้องมองหาช่องทางสร้างสรรค์/สร้างผลผลิตอีกต่อไป เราเพียงแค่
มองไปที่โทรศัพท์ของเรา (เรากาลังใช้การบริโภคแทนการผลิต)
 ในสมัยก่อน คนจะเล่นดนตรี วาดรูป ระบายสี หรือเขียนหนังสือ ในเวลาที่รู้สึกเบื่อ
เสียงรบกวน
 ปัญหาการนอนหลับส่วนใหญ่เกิดจากเสียงรบกวนมากเกินไป และความมืดไม่เพียงพอ
 ทุกวันนี้ เราถูกรายล้อมไปด้วยเสียงรบกวนมากเกินไป และสมองของเราคิดว่า "ดัง = อันตราย"
ร่างกายเราจึงตอบสนองด้วยการปล่อยฮอร์โมนอะดรีนาลีน (ฮอร์โมนความเครียดที่กระตุ้นให้เรา
ต่อสู้หรือหลบหนี) เสียงที่ดังต่างๆ ทาให้ฮอร์โมนความเครียดหลั่งออกมาอย่างช้าๆ
 การได้ยินเสียงที่เป็นธรรมชาติ ดูเหมือนจะทาให้เกิดความสงบในตัวเรา (ซึ่งเป็นเหตุผลที่เราควรใช้
เวลากับธรรมชาติมากขึ้ น)
ความหิวจริงกับความหิวให้รางวัล (Reward VS Real Hunger)
 ความหิวที่แท้จริง (Real hunger) คือการที่ร่างกายต้องการอาหารเพื่อให้ทางานได้ มันเป็ นการเติม
เต็มความต้องการทางสรีรวิทยา
 ความหิวแบบการให้รางวัล (Reward hunger) เหตุการณ์นี้ จะปรากฏขึ้ นเมื่อเราเครียด เฉลิมฉลอง
หรือมีอาหารน่ารับประทานอยู่รอบๆ ความหิวแบบให้รางวัลเป็นส่วนสาคัญของการวิวัฒนาการ ที่
บังคับให้เรากินเกินความอิ่ม ซึ่งส่วนเกินจะถูกเก็บไว้เป็นไขมัน และนามาใช้เมื่อเราขาดอาหาร
การออกกาลังกาย
 การกระทาสิ่งยากๆ ทางกายภาพ จะทาให้ใจแข็งแกร่ง และทาให้ทุกอย่างง่ายขึ้ น
 การออกกาลังกายหลายๆ อย่าง (การคลาน ลุกนั่ง แขวนตัว แบกของ ฯลฯ) เป็นประจา ดูเหมือนจะ
ดีที่สุดสาหรับการแก้อาการปวดหลัง ดีกว่าการนั่งทั้งวันแล้วออกกาลังกายที่โรงยิมเพียงหนึ่งชั่วโมง
Misogi การสารวจขีดสุดของเรา
 แม้ว่าความหมายเดิมของ Misogi จะหมายถึงการชาระล้างร่างกายให้บริสุทธิ์ตามพิธีกรรมของชินโต
Dr. Marcus Elliott ได้ดัดแปลงคานี้ เพื่ออ้างถึงการใช้ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ในธรรมชาติเพื่อ "รีเซ็ต"
จิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ และขยายขีดความสามารถของคุณ
 มีกฎสองข้อสาหรับมิโซกิตามที่เอลเลียตกาหนด อย่างแรก มันต้องยากมาก โดยมีโอกาสเพียง 50
เปอร์เซ็นต์ที่จะประสบความสาเร็จ ประการที่สองคือ คุณต้องไม่ตาย กล่าวอีกนัยหนึ่งต้องปลอดภัย
 แนวคิดก็คือ ถ้าคุณเลือกงานยากที่เหมาะสมแล้ว คุณจะถึงจุดที่คุณคิดว่าคุณไปต่อไม่ได้ (ถึงขีดสุด
แล้ว) แต่ถ้าคุณสามารถไปต่อได้ คุณสามารถมองย้อนกลับไปและพูดว่า 'ฉันเคยคิดว่า ขีดสุดของฉัน
อยู่ ณ ที่นั้น แต่ตอนนี้ ฉันมีขีดสุดใหม่แล้ว'
อนิจจัง (Mitkapa)
 Mitkapa หมายถึงความไม่เที่ยง ชาวภูฏานคิดถึงความตายเป็ นอย่างมาก สิ่งนี้ ทาให้พวกเขาตระหนัก
ว่าไม่มีอะไรถาวร หากคุณไม่คิดแบบนี้ คุณจะคิดว่า "ทุกอย่างจะดีขึ้ นเมื่อฉันทา.... "
 เมื่อคุณเข้าใจว่าไม่มีอะไรถาวร คุณอดไม่ได้ที่จะเดินตามเส้นทางที่มีความสุขมากขึ้น
 นักวิจัยพบว่า การคิดเกี่ยวกับความตายช่วยเพิ่มความกตัญญูรู้คุณ
3 บทเรียนจากหนังสือ
 1. สร้างพิธีกรรมตามทางของคุณเอง เพื่อทาให้ร่างกายและจิตใจแข็งแกร่งขึ้ น (Create your own rites
of passage to toughen up your body and mind)
 2. ต่อสู้กับความเหงา โดยอยู่คนเดียวในธรรมชาติชั่วขณะหนึ่ง (Combat loneliness by staying alone
in nature for a while)
 3. ชีวิตจะดีขึ้ นเมื่อคุณไม่พึ่งพาสิ่งต่างๆ เพื่อความสุขของคุณ แต่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแทน (Life is
better when you don’t depend on things for your happiness but live simply instead)
บทเรียนที่ 1: ท้าทายตัวเองและผ่านความยากลาบากของชีวิตโดยปราศจากที่กาบัง จะช่วยให้คุณเติบโต
 เรากาลังอยู่ในช่วงชีวิตที่สะดวกสบายสูงสุด เรามีการเข้าถึงอาหาร ที่พักพิง ความบันเทิงทุกประเภท
และอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง
 เราไม่ต้องเผชิญความท้าทายทางกายภาพมากมายเมื่อโตขึ้ น และการเลี้ยงลูกที่เด็กๆ ที่ได้รับการ
ปกป้องจากความไม่สะดวกและอุปสรรคแม้เล็กน้อยที่สุด
 อย่างไรก็ตาม เพิ่งมีในประวัติศาสตร์เมื่อเร็วๆ นี้ เท่านั้น ที่มนุษย์เริ่มมีชีวิตแบบนี้
 อันที่จริง มนุษย์เคยต่อสู้เพื่อหาอาหาร แสวงหาที่พักพิง และเผชิญอุปสรรคมากมายระหว่างทาง
 บรรพบุรุษของเรามักเดินทางไปไหนมาไหนและมีความสะดวกสบายเพียงเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้น
พวกเขาก็มีความสุขมากกว่าเรามาก พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันและชื่นชมสิ่งเล็กน้อยที่สุด
 ต่างจากตัวเราเอง ที่ต้องเผชิญกับความวิตกกังวลสูงกับผลิตภาพ ความเหนื่อยหน่าย และปัญหาทาง
จิตใจและอารมณ์ที่ร้ายแรง
 ในการสืบเสาะเพื่อให้มีพื้นฐานมากขึ้ นและค้นพบตัวตนและรากเหง้าที่แท้จริงของเขา ผู้ประพันธ์
พบว่า การดึงตัวเองออกจากการเสพติดทุกวันของเขา พิสูจน์แล้วว่าช่วยชีวิตได้
 เขากลับมาแข็งแรงขึ้ น มีสมาธิมากขึ้ น และมีความกังวลใจน้อยลง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงแนะนาว่า ทุกคน
ควรพยายามละทิ้ง ขอบเขตความสบาย (Comfort Zone)
 เราควรตั้งเป้าที่จะเปิ ดเผยตัวเองตามพิธีการของเราเอง หรือสร้างความอดทนทางร่างกายของเรา
 การกระทาเช่นนี้ จะทาให้ค้นพบอารมณ์ใหม่ ๆ และสร้างความแข็งแกร่งจากแกนกลาง
 จากการศึกษาแนะนาว่า การผ่านประสบการณ์ดังกล่าวสามารถช่วยเพิ่มระดับสุขภาพได้เช่นกัน
กุญแจสาคัญคือ การหาสมดุลระหว่างความสะดวกสบายและสถานการณ์ที่ท้าทาย
 หากคุณออกจากที่พักพิงไปซักพัก คุณจะพบว่าชีวิตไม่ได้เป็นสีชมพูเสมอไป คุณจะได้เรียนรู้ที่จะชื่น
ชมทุกสิ่งที่คุณมีอยู่ในอีกระดับหนึ่ง
บทเรียนที่ 2 การอยู่คนเดียวในธรรมชาติ สามารถช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับตัวเองและรู้สึกเหงาน้อยลง
 ในโลกที่เทคโนโลยีครอบงาซึ่งทาให้เราติดต่อกันได้ตลอดเวลา คนอเมริกันเกือบ 50% อ้างว่ารู้สึก
โดดเดี่ยว
 อาจเป็นเพราะประสบการณ์การเผชิญหน้าเสมือนจริง สามารถตอบสนองความต้องการทางสังคม
ของเราได้?
 หรือบางทีเราไม่เคยมีเวลาที่จะได้ยินความคิดของเราเอง และรู้สึกถูกตัดขาดจากตัวตนของเราเอง จึง
ทาให้ยากต่อการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมาย?
 ไม่ว่าในกรณีใด ผู้ประพันธ์พบว่า การอยู่คนเดียวตามธรรมชาติทาให้เขาต่อสู้กับความเหงาได้
 สิ่งง่ายๆ อย่างการเพลิดเพลินกับโลกธรรมชาติ สามารถระงับความกังวลในจิตใจ และทาให้คุณสงบ
นิ่งได้ ซึ่งเป็ นสิ่งที่เราสัมผัสได้ค่อนข้างยากในทุกวันนี้
 ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เราก็ไม่เคยเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง เราถูกล้อมรอบด้วยเพื่อน
บ้านในอาคารขนาดเล็กของเรา ด้วยโทรศัพท์ ทีวี และแล็ปท็อป ที่ทาให้เราเชื่อมต่อได้ตลอดเวลา
และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดก็คือ ผู้ที่เราแบ่งปันส่วนร่วมในบ้านด้วย
 การอยู่เพียงลาพัง (Solitude) เป็ นอัญมณีที่หายาก ดังนั้นการได้สัมผัสประสบการณ์นี้ สามารถช่วยให้
คุณเชื่อมต่อกับบุคคลที่สาคัญที่สุดในโลกได้อีกครั้ง นั่นคือตัวคุณเอง
 การปล่อยให้จิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณประสานกันและเชื่อมสัมพันธ์กับตัวคุณเองอย่างลึกซึ้ ง
ยิ่งขึ้ น ช่วยให้คุณเสริมสร้างความรู้สึกในตัวตน และรู้สึกดีที่ได้เป็ นตัวของตัวเอง
 น่าแปลก ที่เมื่อคุณรู้สึกสบายในตัวของตัวเองแล้ว ผู้คนจะเริ่มชอบคุณมากขึ้ นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม
ส่วนที่สาคัญที่สุดคือการค้นหาตัวเอง และควบคุมความเหงา
 สถานที่ที่ดีในการเริ่มต้นการเดินทางค้นหาตนเองนี้ คือธรรมชาติ ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ แต่คุณจะ
ทาเช่นนั้นได้อย่างไร?
 พูดง่ายๆ แค่จ้องที่ต้นไม้ สัตว์ และความงามของระบบนิเวศของเรา แทนที่จะเป็นโทรศัพท์ของคุณ
หรือหน้าจออื่นๆ จงปล่อยให้ตัวเองให้เบื่อ (ที่จริงแล้ว นี่เป็นสิ่งสาคัญอย่างยิ่งที่จะต้องผ่านอารมณ์
บางอย่างที่เกิดขึ้ น เมื่อคุณตัดตัวเองจากความสะดวกสบายและความปลอดภัย)
 จากนั้น คุณจะพบตัวตนที่แท้จริงของคุณ เป็ นคนที่สร้างสรรค์ ไม่หงอยเหงา ผ่อนคลาย และมี
ความสุข
บทเรียนที่ 3: ทิ้งความสะดวกสบายที่ไม่จาเป็ นในชีวิตของคุณ และยอมรับวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม
 เมื่อคุณหิว มีโอกาสที่คุณจะไปที่ตู้เย็นเพื่อคว้าอะไรบางอย่างเข้าปาก หรือดีกว่านั้นคือ โทรสั่งจาก
บ้านของคุณเองอย่างสบายใจ
 เช่นเดียวกัน เมื่อคุณรู้สึกเหนื่อย คุณสามารถไปที่บ้านและที่เตียงของคุณได้อย่างง่ายดาย หรือบางที
เมื่อคุณรู้สึกเบื่อ มีโอกาสที่คุณจะหยิบโทรศัพท์และใช้งานแอปต่างๆ ที่มีอยู่อย่างมากมาย
 พูดตรงๆ นะ ชีวิตไม่ควรจะใช้ชีวิตแบบนี้ และการกระทาแบบนี้ ทาให้เราไม่มีความสุข
 การมีทุกสิ่งที่พร้อมสาหรับการบริโภคจะทาให้สมองของเราไม่ทางาน และทาให้ร่างกายของเรา
กระหายมากขึ้ นอยู่เสมอ เนื่องจากสารคัดหลั่งโดปามีนลดลงหรือไม่มีอยู่ เมื่อเราสามารถพบ
ทรัพยากรที่ต้องการมีอยู่ตลอดเวลา
 ดังนั้น จึงถึงเวลาสาหรับการเปลี่ยนแปลง
 ผู้ประพันธ์แนะนาว่า จุดเริ่มต้นที่ดีคือ การแยกแยะความอยากออกจากความหิวที่แท้จริง คุณกาลัง
เติมเชื้ อเพลิงให้ร่างกายสาหรับวันนี้ หรือแค่กระตุ้นต่อมรับรสของคุณ?
 พยายามกินเฉพาะเมื่อคุณหิวภายหลังจากดื่มน้าหนึ่งแก้ว การถือศีลอดมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่าง
มาก ดังนั้นคุณจึงควรลองทาดูเช่นกัน ให้รู้สึกสบายใจกับความหิว และปล่อยให้ร่างกายของคุณผ่าน
ขั้นตอนนี้ เพียงเล็กน้อย ก่อนที่คุณรับประทานอาหาร
 นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงความสาคัญของการออกกาลังกายนอกบ้านโดยธรรมชาติ โดยการแบก
น้าหนัก ที่บรรพบุรุษของเราได้ทาเช่นนั้น และร่างกายของพวกเขาก็อยู่ในจุดสูงสุด!
 การออกกาลังกาย ทาให้อารมณ์ดีขึ้ นและช่วยให้สมองผลิตโดปามีนมากขึ้ น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสุข
สรุป
 The Comfort Crisis กล่าวถึงความสาคัญของการละทิ้งความสะดวกสบายที่ไม่จาเป็ นในชีวิตของเรา
ซึ่งอาจดูเหมือนช่วยให้เราดาเนินชีวิตต่อไปได้ง่ายขึ้ น แต่จริงๆ แล้ว สิ่งเหล่านี้ทาให้เราขาดความสุข
 ในโลกที่ทรัพยากรที่จาเป็ นทั้งหมดอยู่ใกล้แค่เอื้อม ผู้ประพันธ์ได้ตัดสินใจออกเดินทางสู่อลาสก้าเพื่อ
ทาความรู้จักกับชีวิตที่ปราศจากความปลอดภัย ในทางกลับกัน เขาได้พัฒนาความมั่นใจในตนเอง มี
พื้นฐานมากขึ้ น แล้วกลับมาบอกทุกคนถึงประโยชน์อันน่าทึ่งของการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ด้วยการละทิ้ง
ความสะดวกสบายที่มีอยู่ในแต่ละวัน
- Brian Tracy

More Related Content

Similar to วิกฤตความสบาย The Comfort Crisis.pptx

เครียดได้ก็หายได้
เครียดได้ก็หายได้เครียดได้ก็หายได้
เครียดได้ก็หายได้
Phairot Odthon
 
บทที่ 2 แนวคิดทฤษฎีของนักการศึกษา 55
บทที่ 2 แนวคิดทฤษฎีของนักการศึกษา 55บทที่ 2 แนวคิดทฤษฎีของนักการศึกษา 55
บทที่ 2 แนวคิดทฤษฎีของนักการศึกษา 55
Decode Ac
 
Lunch talk - ธรรมะข้างสำรับ
Lunch talk - ธรรมะข้างสำรับLunch talk - ธรรมะข้างสำรับ
Lunch talk - ธรรมะข้างสำรับ
Watpadhammaratana Pittsburgh
 
นำตนเองก่อน Lead Yourself First.pptx
 นำตนเองก่อน Lead Yourself First.pptx นำตนเองก่อน Lead Yourself First.pptx
นำตนเองก่อน Lead Yourself First.pptx
maruay songtanin
 
จิตวิทยาการเรียนร้
จิตวิทยาการเรียนร้จิตวิทยาการเรียนร้
จิตวิทยาการเรียนร้
kungcomedu
 
สุขอนามัยตามหลักพุทธปรัชญา
สุขอนามัยตามหลักพุทธปรัชญาสุขอนามัยตามหลักพุทธปรัชญา
สุขอนามัยตามหลักพุทธปรัชญา
pentanino
 
สร้างรากฐานชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์จิตภาพ โดย ดร.ศรติ ภูมิโพธิ
สร้างรากฐานชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์จิตภาพ โดย ดร.ศรติ ภูมิโพธิสร้างรากฐานชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์จิตภาพ โดย ดร.ศรติ ภูมิโพธิ
สร้างรากฐานชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์จิตภาพ โดย ดร.ศรติ ภูมิโพธิ
Shanti Bodhinanda, Ph.D.
 
สร้างรากฐานชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์จิตภาพ โดย ดร.ศรติ ภูมิโพธิ
สร้างรากฐานชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์จิตภาพ โดย ดร.ศรติ ภูมิโพธิสร้างรากฐานชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์จิตภาพ โดย ดร.ศรติ ภูมิโพธิ
สร้างรากฐานชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์จิตภาพ โดย ดร.ศรติ ภูมิโพธิ
Shanti Bodhinanda, Ph.D.
 
Psychology1
Psychology1Psychology1
Psychology1
New Born
 
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
Panda Jing
 
วิจัยบทที่ 1 5
วิจัยบทที่ 1 5วิจัยบทที่ 1 5
วิจัยบทที่ 1 5
Kongkrit Pimpa
 
ผลกระทบของเทคโนโลยี
ผลกระทบของเทคโนโลยีผลกระทบของเทคโนโลยี
ผลกระทบของเทคโนโลยี
0932318652
 
จิตวิทยาการเรียนร้2
จิตวิทยาการเรียนร้2จิตวิทยาการเรียนร้2
จิตวิทยาการเรียนร้2
kungcomedu
 

Similar to วิกฤตความสบาย The Comfort Crisis.pptx (20)

เครียดได้ก็หายได้
เครียดได้ก็หายได้เครียดได้ก็หายได้
เครียดได้ก็หายได้
 
ความคิดสร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์ความคิดสร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์
 
บทที่ 2 แนวคิดทฤษฎีของนักการศึกษา 55
บทที่ 2 แนวคิดทฤษฎีของนักการศึกษา 55บทที่ 2 แนวคิดทฤษฎีของนักการศึกษา 55
บทที่ 2 แนวคิดทฤษฎีของนักการศึกษา 55
 
สมาธิกับหลักวิทยาศาสตร์
สมาธิกับหลักวิทยาศาสตร์สมาธิกับหลักวิทยาศาสตร์
สมาธิกับหลักวิทยาศาสตร์
 
Shared magazine 3
Shared magazine 3Shared magazine 3
Shared magazine 3
 
Lunch talk - ธรรมะข้างสำรับ
Lunch talk - ธรรมะข้างสำรับLunch talk - ธรรมะข้างสำรับ
Lunch talk - ธรรมะข้างสำรับ
 
นำตนเองก่อน Lead Yourself First.pptx
 นำตนเองก่อน Lead Yourself First.pptx นำตนเองก่อน Lead Yourself First.pptx
นำตนเองก่อน Lead Yourself First.pptx
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
จิตวิทยาการเรียนร้
จิตวิทยาการเรียนร้จิตวิทยาการเรียนร้
จิตวิทยาการเรียนร้
 
สาเหตุของปัญหาความเครียด
สาเหตุของปัญหาความเครียดสาเหตุของปัญหาความเครียด
สาเหตุของปัญหาความเครียด
 
สุขอนามัยตามหลักพุทธปรัชญา
สุขอนามัยตามหลักพุทธปรัชญาสุขอนามัยตามหลักพุทธปรัชญา
สุขอนามัยตามหลักพุทธปรัชญา
 
สร้างรากฐานชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์จิตภาพ โดย ดร.ศรติ ภูมิโพธิ
สร้างรากฐานชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์จิตภาพ โดย ดร.ศรติ ภูมิโพธิสร้างรากฐานชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์จิตภาพ โดย ดร.ศรติ ภูมิโพธิ
สร้างรากฐานชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์จิตภาพ โดย ดร.ศรติ ภูมิโพธิ
 
สร้างรากฐานชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์จิตภาพ โดย ดร.ศรติ ภูมิโพธิ
สร้างรากฐานชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์จิตภาพ โดย ดร.ศรติ ภูมิโพธิสร้างรากฐานชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์จิตภาพ โดย ดร.ศรติ ภูมิโพธิ
สร้างรากฐานชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์จิตภาพ โดย ดร.ศรติ ภูมิโพธิ
 
Psychology1
Psychology1Psychology1
Psychology1
 
Psychology1
Psychology1Psychology1
Psychology1
 
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
 
วิจัยบทที่ 1 5
วิจัยบทที่ 1 5วิจัยบทที่ 1 5
วิจัยบทที่ 1 5
 
Eq1
Eq1Eq1
Eq1
 
ผลกระทบของเทคโนโลยี
ผลกระทบของเทคโนโลยีผลกระทบของเทคโนโลยี
ผลกระทบของเทคโนโลยี
 
จิตวิทยาการเรียนร้2
จิตวิทยาการเรียนร้2จิตวิทยาการเรียนร้2
จิตวิทยาการเรียนร้2
 

More from maruay songtanin

หงส์ดำ Black Swan - The Impact of the Highly Improbable.pdf
หงส์ดำ Black Swan - The Impact of the Highly Improbable.pdfหงส์ดำ Black Swan - The Impact of the Highly Improbable.pdf
หงส์ดำ Black Swan - The Impact of the Highly Improbable.pdf
maruay songtanin
 
หลักการผู้นำ 7 ประการ 7 proven leadership principles .pdf
หลักการผู้นำ 7 ประการ 7 proven leadership principles .pdfหลักการผู้นำ 7 ประการ 7 proven leadership principles .pdf
หลักการผู้นำ 7 ประการ 7 proven leadership principles .pdf
maruay songtanin
 
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
maruay songtanin
 
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
maruay songtanin
 
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
maruay songtanin
 
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
maruay songtanin
 
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
maruay songtanin
 
ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน Operational Resilience .pdf
ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน Operational Resilience .pdfความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน Operational Resilience .pdf
ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน Operational Resilience .pdf
maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

หงส์ดำ Black Swan - The Impact of the Highly Improbable.pdf
หงส์ดำ Black Swan - The Impact of the Highly Improbable.pdfหงส์ดำ Black Swan - The Impact of the Highly Improbable.pdf
หงส์ดำ Black Swan - The Impact of the Highly Improbable.pdf
 
หลักการผู้นำ 7 ประการ 7 proven leadership principles .pdf
หลักการผู้นำ 7 ประการ 7 proven leadership principles .pdfหลักการผู้นำ 7 ประการ 7 proven leadership principles .pdf
หลักการผู้นำ 7 ประการ 7 proven leadership principles .pdf
 
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
 
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
 
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
 
ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน Operational Resilience .pdf
ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน Operational Resilience .pdfความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน Operational Resilience .pdf
ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน Operational Resilience .pdf
 
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
 
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 

วิกฤตความสบาย The Comfort Crisis.pptx

  • 2. Michael Easter Published by Rodale Books, 2021 The Comfort Crisis addresses contemporary people who live a stressful life and talks about being comfortable with discomfort and reclaiming a happy, healthy mindset by implementing a few odd, but highly effective practices in their daily lives.
  • 3. เกี่ยวกับผู้ประพันธ์  Michael Easter เป็นผู้ที่นาวิทยาศาสตร์สมัยใหม่มาผสมผสานกับภูมิปัญญาเชิง วิวัฒนาการ เพื่อสุขภาพ ความหมาย และประสิทธิภาพที่ดีขึ้ น ในชีวิตและที่ทางาน  เขาเดินทางไปทั่วโลกเพื่อพบปะกับนักวิทยาศาสตร์ นักคิด และผู้คนที่ฉลาดหลัก แหลมที่มักถูกมองข้าม และเผยแพร่สิ่งที่ค้นพบและประสบการณ์ที่ดีที่สุดของเขาใน หนังสือ บทความ และสื่ออื่นๆ  เขาเป็นศาสตราจารย์ที่ UNLV และเป็ นผู้ร่วมก่อตั้ง Public Communications Institute ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านความคิดของมหาวิทยาลัย Nevada Las Vegas (UNLV) ที่ ดาเนินการวิจัยด้านการสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ และช่วยให้องค์กรภาครัฐและ เอกชนปรับข้อความที่ซับซ้อนให้เข้ากับผู้ชมจานวนมาก
  • 4. เกริ่นนา  เคยคิดหรือไม่ว่าคุณจะเป็นอยู่อย่างไรหากย้อนเวลากลับไปได้? ย้อนไปสมัยก่อนมีทีวีและก่อนที่ต้อง ทางาน 09.00-17.00? หรือพูดง่ายๆ ก่อนที่ความสะดวกสบายและสิ่งเย้ายวนจะเข้ามาในชีวิตเรา?  The Comfort Crisis ท้าทายแนวคิดเรื่องความสะดวกสบายในชีวิตของเรา และพูดถึงประสบการณ์ ของผู้ประพันธ์เมื่อเขาตัดสินใจลองที่จะก้าวออกมาจากความสบาย  Michael Easter แสดงให้เราเห็นว่า การจงใจเพิ่มความรู้สึกไม่สบายกลับเข้ามาในชีวิตของเรานั้น สามารถฟื้ นพลังทางจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณที่เราควรจะมีอยู่ได้อย่างไร และช่วยให้เราเติบโต ทั้งในด้านส่วนตัวและในอาชีพ จนถึงระดับที่เราอาจเคยคิดว่าเป็ นไปไม่ได้ก่อนหน้านี้
  • 5. ประสบการณ์เปลี่ยนชีวิต  แทบเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะเห็นใครบางคนจงใจสละชีวิตดิจิทัล โซฟาตัวโปรด กิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ของพวกเขา  อย่างไรก็ตาม ผู้ประพันธ์ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นประสบการณ์ที่เปลี่ยนชีวิต โดยการลองใช้วิถีชีวิตของ บรรพบุรุษ ด้วยการตั้งแคมป์ ในอลาสก้าเป็ นเวลาหนึ่งเดือน และในช่วงเวลานี้ เขาต้องเปลี่ยนไปใช้ โหมดการเอาชีวิตรอด  แม้ว่าจะไม่ใช่วิธีที่ง่ายที่สุด แต่เขาได้เรียนรู้บทเรียนล้าค่ามากมายตลอดทาง
  • 6. วิกฤตความสบาย  เรากาลังมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่สะดวกสบายที่สุดในประวัติศาสตร์ หลายสิ่งหลายอย่างสามารถเข้าถึง ได้ด้วยการกดปุ่ มเพียงปุ่ มเดียว ตั้งแต่การรับข้อมูล ความบันเทิง และแม้แต่การสื่อสารในระยะไกล เรามีแอปที่จะช่วยแก้ปัญหาของเรา  อ้างตาม CDC ของสหรัฐอเมริกา 73.6% ของชาวอเมริกันมีน้าหนักเกินหรือเป็ นโรคอ้วนที่เป็นปัญหา ระดับโลก โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2.8 ล้านคนในแต่ละปี  สุขภาพจิตก็ไม่ค่อยดีเหมือนกัน ผู้ใหญ่เกือบ 8 ใน 10 คนกล่าวว่า การระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัส เป็นแหล่งความเครียดที่สาคัญในชีวิตของพวกเขา จากรายงานของสมาคมจิตวิทยาอเมริกา
  • 7. เปลี่ยนมุมมอง  สิ่งหนึ่งที่ Michael ต้องการชี้ ให้เห็นคือ เรามักจะคิดว่าที่เราสบายดีในปัจจุบัน เพราะเราถูกรายล้อม ไปด้วยความสะดวกสบายอยู่ตลอดเวลา แต่เราจะชื่นชมสิ่งเหล่านี้ ได้มากกว่า ถ้าเป็นการได้มาด้วย การต่อสู้หรือความท้าทาย  มันเหมือนกับการไปร้านอาหารที่คุณชื่นชอบเกือบทุกวันด้วยความสะดวกสบาย เมื่อเทียบกับอดีตที่ กว่าจะได้มา ต้องเดินทางเพื่อทาธุรกิจแสนยาวนานและเหน็ดเหนื่อย ซึ่งคุณจะรู้สึกภูมิใจมากกว่า
  • 8. ท้าทายตนเอง  Michael พูดถึงวิธีที่เด็กๆ ในปัจจุบันที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างแตกต่าง  ในทุกวันนี้ พ่อแม่บางคนให้ลูกกระทาในสิ่งที่ตนคิดว่าดีที่สุด แทนที่จะปล่อยให้ลูกได้สัมผัสด้วย ตัวเอง สิ่งนี้ มักจะนาไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตเมื่อพวกเขาออกไปสู่โลกกว้าง พวกเขาไม่สามารถรับมือกับ การต่อสู้และความท้าทายในแต่ละวันได้ เนื่องจากพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้สัมผัสประสบการณ์ เหล่านี้ ล่วงหน้า  Michael อธิบายแนวคิดที่แข็งแกร่งว่า สิ่งสาคัญคือ เราต้องใส่ความท้าทายที่แท้จริงในชีวิตของเรา เป็ นครั้งคราว ไม่เพียงแค่ในสมัยที่เรากาลังเจริญโตขึ้ นเท่านั้น แต่รวมถึงสมัยที่เป็นผู้ใหญ่อีกด้วย
  • 9. ความสบาย  มนุษย์อยู่สุขสบายเพียงประมาณ 100 ปี ที่ผ่านมาเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านั้น เราต้องใช้ร่างกายของเรา ในการหาอาหาร ที่พัก และน้า  เมื่อรู้สึกเบื่อ เราต้องสร้างสรรค์ด้วยจิตใจหรือพึ่งพิงผู้อื่น เพื่อสร้างความบันเทิงให้ตัวเอง  ในยุคปัจจุบัน ผู้คนมีน้าหนักเกินและไม่แข็งแรง เพราะเราไม่มีความท้าทายในชีวิตอีกต่อไป และ ด้วยการตอบสนองความต้องการซึ่งเติมเต็มได้ง่ายกว่าเดิม
  • 10. ธรรมชาติ  การศึกษาแสดงให้เห็นว่า ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองมีอัตราความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าสูงกว่าคน ที่อาศัยอยู่ในชนบท แม้ว่าพวกเขาจะมีรายได้มากและการใช้ชีวิตในเมืองก็สะดวกสบายกว่า  ทาไมเราถึงมีความสุขในชนบท? การมีพื้นที่มากขึ้ น? ธรรมชาติ? ก้าวช้าลง? คนน้อยลง?  เราเองต่างหาก ที่แยกตัวจากสิ่งที่ทาให้เรารู้สึกมีความสุขและมีชีวิตชีวา ความผูกพัน การอยู่ใน ธรรมชาติ ความพยายาม และความอุตสาหะ
  • 11. การท่องป่ า  การศึกษาของญี่ปุ่ นพบว่า เวลา 15 นาทีของการนั่งหรือเดินอยู่ในป่ าท่ามกลางธรรมชาติ ช่วยลด ความดันโลหิต ฮอร์โมนความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า  ผลการศึกษาในปี ค.ศ. 2016 พบว่าการเดินเล่นในสวนสาธารณะในเมืองเป็นเวลา 20 นาที สามารถ ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างทางระบบประสาทของสมอง ทาให้เรารู้สึกสงบขึ้ น เฉียบคม ขึ้ น มีประสิทธิผลมากขึ้ น และมีความคิดสร้างสรรค์  การใช้เวลา 3 วันในชนบทที่ห่างไกล มีผลในเชิงบวกอย่างมากต่อร่างกายและจิตใจของคุณ พวกเขา แนะนาให้ทาเช่นนี้ ปี ละครั้ง
  • 12. พรรคพวก  มีคนกล่าวว่า 150 คน เป็นจานวนที่เหมาะสมที่สุดที่จะมีในกลุ่มของคุณ ผู้คนกลุ่มที่ใหญ่กว่านี้ จะ ซับซ้อนด้วยประเด็นทางสังคมและการเมือง  Gore-Tex แบ่งสานักงานออกเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละ 150 คน และพวกเขายกย่องกับความสาเร็จของ ความคิดนี้
  • 13. การอยู่ตามลาพัง  ผลการศึกษาพบว่า คนส่วนใหญ่คิดว่าการถูกไฟฟ้าดูดเล็กน้อย ดีกว่าการที่จะอยู่คนเดียว  เราควรสร้างความเคยชินกับการอยู่ตามลาพังคนเดียว (solitude) เพราะมันสามารถเพิ่มความคิด สร้างสรรค์ การเอาใจใส่ และลดอาการประหม่า
  • 14. รู้สึกเบื่อหน่าย  การศึกษาแสดงให้เห็นว่า คนอเมริกันโดยเฉลี่ยแตะโทรศัพท์มากกว่า 2,000 ครั้งต่อวัน พวกเขาใช้ เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงในการดูหน้าจอขนาดเล็ก  เราไม่เคยปล่อยให้ตัวเองรู้สึกเบื่อ หรือเข้าสู่โหมด "สมองว่าง" (เพราะนี่คือจุดเริ่มความคิด สร้างสรรค์และการแก้ปัญหาของเรา)  ทุกครั้งที่เราดูโทรศัพท์ เรากาลังทาให้จิตใจของเราอยู่ในโหมด "ใช้สมอง" เรากาลังทาการบริโภค และประมวลผลสิ่งที่เราเห็น ก็เหมือนการออกกาลังกายให้สมองของเรา แต่เราไม่เคยให้เวลากับช่วง ที่ไม่ได้ใช้สมอง เพื่อให้มันได้ฟื้ นตัว
  • 15.  การวิจัยแสดงให้เห็นว่า การจู่โจมของสื่อบนหน้าจอทาให้ผู้คนจู้จี้จุกจิก ใจร้อน วอกแวก มีความ ต้องการมากขึ้ น  และทาให้เมื่อเรารู้สึกเบื่อเราก็ไม่ต้องมองหาช่องทางสร้างสรรค์/สร้างผลผลิตอีกต่อไป เราเพียงแค่ มองไปที่โทรศัพท์ของเรา (เรากาลังใช้การบริโภคแทนการผลิต)  ในสมัยก่อน คนจะเล่นดนตรี วาดรูป ระบายสี หรือเขียนหนังสือ ในเวลาที่รู้สึกเบื่อ
  • 16. เสียงรบกวน  ปัญหาการนอนหลับส่วนใหญ่เกิดจากเสียงรบกวนมากเกินไป และความมืดไม่เพียงพอ  ทุกวันนี้ เราถูกรายล้อมไปด้วยเสียงรบกวนมากเกินไป และสมองของเราคิดว่า "ดัง = อันตราย" ร่างกายเราจึงตอบสนองด้วยการปล่อยฮอร์โมนอะดรีนาลีน (ฮอร์โมนความเครียดที่กระตุ้นให้เรา ต่อสู้หรือหลบหนี) เสียงที่ดังต่างๆ ทาให้ฮอร์โมนความเครียดหลั่งออกมาอย่างช้าๆ  การได้ยินเสียงที่เป็นธรรมชาติ ดูเหมือนจะทาให้เกิดความสงบในตัวเรา (ซึ่งเป็นเหตุผลที่เราควรใช้ เวลากับธรรมชาติมากขึ้ น)
  • 17. ความหิวจริงกับความหิวให้รางวัล (Reward VS Real Hunger)  ความหิวที่แท้จริง (Real hunger) คือการที่ร่างกายต้องการอาหารเพื่อให้ทางานได้ มันเป็ นการเติม เต็มความต้องการทางสรีรวิทยา  ความหิวแบบการให้รางวัล (Reward hunger) เหตุการณ์นี้ จะปรากฏขึ้ นเมื่อเราเครียด เฉลิมฉลอง หรือมีอาหารน่ารับประทานอยู่รอบๆ ความหิวแบบให้รางวัลเป็นส่วนสาคัญของการวิวัฒนาการ ที่ บังคับให้เรากินเกินความอิ่ม ซึ่งส่วนเกินจะถูกเก็บไว้เป็นไขมัน และนามาใช้เมื่อเราขาดอาหาร
  • 18. การออกกาลังกาย  การกระทาสิ่งยากๆ ทางกายภาพ จะทาให้ใจแข็งแกร่ง และทาให้ทุกอย่างง่ายขึ้ น  การออกกาลังกายหลายๆ อย่าง (การคลาน ลุกนั่ง แขวนตัว แบกของ ฯลฯ) เป็นประจา ดูเหมือนจะ ดีที่สุดสาหรับการแก้อาการปวดหลัง ดีกว่าการนั่งทั้งวันแล้วออกกาลังกายที่โรงยิมเพียงหนึ่งชั่วโมง
  • 19. Misogi การสารวจขีดสุดของเรา  แม้ว่าความหมายเดิมของ Misogi จะหมายถึงการชาระล้างร่างกายให้บริสุทธิ์ตามพิธีกรรมของชินโต Dr. Marcus Elliott ได้ดัดแปลงคานี้ เพื่ออ้างถึงการใช้ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ในธรรมชาติเพื่อ "รีเซ็ต" จิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ และขยายขีดความสามารถของคุณ  มีกฎสองข้อสาหรับมิโซกิตามที่เอลเลียตกาหนด อย่างแรก มันต้องยากมาก โดยมีโอกาสเพียง 50 เปอร์เซ็นต์ที่จะประสบความสาเร็จ ประการที่สองคือ คุณต้องไม่ตาย กล่าวอีกนัยหนึ่งต้องปลอดภัย  แนวคิดก็คือ ถ้าคุณเลือกงานยากที่เหมาะสมแล้ว คุณจะถึงจุดที่คุณคิดว่าคุณไปต่อไม่ได้ (ถึงขีดสุด แล้ว) แต่ถ้าคุณสามารถไปต่อได้ คุณสามารถมองย้อนกลับไปและพูดว่า 'ฉันเคยคิดว่า ขีดสุดของฉัน อยู่ ณ ที่นั้น แต่ตอนนี้ ฉันมีขีดสุดใหม่แล้ว'
  • 20. อนิจจัง (Mitkapa)  Mitkapa หมายถึงความไม่เที่ยง ชาวภูฏานคิดถึงความตายเป็ นอย่างมาก สิ่งนี้ ทาให้พวกเขาตระหนัก ว่าไม่มีอะไรถาวร หากคุณไม่คิดแบบนี้ คุณจะคิดว่า "ทุกอย่างจะดีขึ้ นเมื่อฉันทา.... "  เมื่อคุณเข้าใจว่าไม่มีอะไรถาวร คุณอดไม่ได้ที่จะเดินตามเส้นทางที่มีความสุขมากขึ้น  นักวิจัยพบว่า การคิดเกี่ยวกับความตายช่วยเพิ่มความกตัญญูรู้คุณ
  • 21. 3 บทเรียนจากหนังสือ  1. สร้างพิธีกรรมตามทางของคุณเอง เพื่อทาให้ร่างกายและจิตใจแข็งแกร่งขึ้ น (Create your own rites of passage to toughen up your body and mind)  2. ต่อสู้กับความเหงา โดยอยู่คนเดียวในธรรมชาติชั่วขณะหนึ่ง (Combat loneliness by staying alone in nature for a while)  3. ชีวิตจะดีขึ้ นเมื่อคุณไม่พึ่งพาสิ่งต่างๆ เพื่อความสุขของคุณ แต่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแทน (Life is better when you don’t depend on things for your happiness but live simply instead)
  • 22. บทเรียนที่ 1: ท้าทายตัวเองและผ่านความยากลาบากของชีวิตโดยปราศจากที่กาบัง จะช่วยให้คุณเติบโต  เรากาลังอยู่ในช่วงชีวิตที่สะดวกสบายสูงสุด เรามีการเข้าถึงอาหาร ที่พักพิง ความบันเทิงทุกประเภท และอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง  เราไม่ต้องเผชิญความท้าทายทางกายภาพมากมายเมื่อโตขึ้ น และการเลี้ยงลูกที่เด็กๆ ที่ได้รับการ ปกป้องจากความไม่สะดวกและอุปสรรคแม้เล็กน้อยที่สุด  อย่างไรก็ตาม เพิ่งมีในประวัติศาสตร์เมื่อเร็วๆ นี้ เท่านั้น ที่มนุษย์เริ่มมีชีวิตแบบนี้
  • 23.  อันที่จริง มนุษย์เคยต่อสู้เพื่อหาอาหาร แสวงหาที่พักพิง และเผชิญอุปสรรคมากมายระหว่างทาง  บรรพบุรุษของเรามักเดินทางไปไหนมาไหนและมีความสะดวกสบายเพียงเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็มีความสุขมากกว่าเรามาก พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันและชื่นชมสิ่งเล็กน้อยที่สุด  ต่างจากตัวเราเอง ที่ต้องเผชิญกับความวิตกกังวลสูงกับผลิตภาพ ความเหนื่อยหน่าย และปัญหาทาง จิตใจและอารมณ์ที่ร้ายแรง
  • 24.  ในการสืบเสาะเพื่อให้มีพื้นฐานมากขึ้ นและค้นพบตัวตนและรากเหง้าที่แท้จริงของเขา ผู้ประพันธ์ พบว่า การดึงตัวเองออกจากการเสพติดทุกวันของเขา พิสูจน์แล้วว่าช่วยชีวิตได้  เขากลับมาแข็งแรงขึ้ น มีสมาธิมากขึ้ น และมีความกังวลใจน้อยลง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงแนะนาว่า ทุกคน ควรพยายามละทิ้ง ขอบเขตความสบาย (Comfort Zone)  เราควรตั้งเป้าที่จะเปิ ดเผยตัวเองตามพิธีการของเราเอง หรือสร้างความอดทนทางร่างกายของเรา
  • 25.  การกระทาเช่นนี้ จะทาให้ค้นพบอารมณ์ใหม่ ๆ และสร้างความแข็งแกร่งจากแกนกลาง  จากการศึกษาแนะนาว่า การผ่านประสบการณ์ดังกล่าวสามารถช่วยเพิ่มระดับสุขภาพได้เช่นกัน กุญแจสาคัญคือ การหาสมดุลระหว่างความสะดวกสบายและสถานการณ์ที่ท้าทาย  หากคุณออกจากที่พักพิงไปซักพัก คุณจะพบว่าชีวิตไม่ได้เป็นสีชมพูเสมอไป คุณจะได้เรียนรู้ที่จะชื่น ชมทุกสิ่งที่คุณมีอยู่ในอีกระดับหนึ่ง
  • 26. บทเรียนที่ 2 การอยู่คนเดียวในธรรมชาติ สามารถช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับตัวเองและรู้สึกเหงาน้อยลง  ในโลกที่เทคโนโลยีครอบงาซึ่งทาให้เราติดต่อกันได้ตลอดเวลา คนอเมริกันเกือบ 50% อ้างว่ารู้สึก โดดเดี่ยว  อาจเป็นเพราะประสบการณ์การเผชิญหน้าเสมือนจริง สามารถตอบสนองความต้องการทางสังคม ของเราได้?  หรือบางทีเราไม่เคยมีเวลาที่จะได้ยินความคิดของเราเอง และรู้สึกถูกตัดขาดจากตัวตนของเราเอง จึง ทาให้ยากต่อการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมาย?
  • 27.  ไม่ว่าในกรณีใด ผู้ประพันธ์พบว่า การอยู่คนเดียวตามธรรมชาติทาให้เขาต่อสู้กับความเหงาได้  สิ่งง่ายๆ อย่างการเพลิดเพลินกับโลกธรรมชาติ สามารถระงับความกังวลในจิตใจ และทาให้คุณสงบ นิ่งได้ ซึ่งเป็ นสิ่งที่เราสัมผัสได้ค่อนข้างยากในทุกวันนี้  ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เราก็ไม่เคยเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง เราถูกล้อมรอบด้วยเพื่อน บ้านในอาคารขนาดเล็กของเรา ด้วยโทรศัพท์ ทีวี และแล็ปท็อป ที่ทาให้เราเชื่อมต่อได้ตลอดเวลา และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดก็คือ ผู้ที่เราแบ่งปันส่วนร่วมในบ้านด้วย
  • 28.  การอยู่เพียงลาพัง (Solitude) เป็ นอัญมณีที่หายาก ดังนั้นการได้สัมผัสประสบการณ์นี้ สามารถช่วยให้ คุณเชื่อมต่อกับบุคคลที่สาคัญที่สุดในโลกได้อีกครั้ง นั่นคือตัวคุณเอง  การปล่อยให้จิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณประสานกันและเชื่อมสัมพันธ์กับตัวคุณเองอย่างลึกซึ้ ง ยิ่งขึ้ น ช่วยให้คุณเสริมสร้างความรู้สึกในตัวตน และรู้สึกดีที่ได้เป็ นตัวของตัวเอง  น่าแปลก ที่เมื่อคุณรู้สึกสบายในตัวของตัวเองแล้ว ผู้คนจะเริ่มชอบคุณมากขึ้ นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ส่วนที่สาคัญที่สุดคือการค้นหาตัวเอง และควบคุมความเหงา
  • 29.  สถานที่ที่ดีในการเริ่มต้นการเดินทางค้นหาตนเองนี้ คือธรรมชาติ ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ แต่คุณจะ ทาเช่นนั้นได้อย่างไร?  พูดง่ายๆ แค่จ้องที่ต้นไม้ สัตว์ และความงามของระบบนิเวศของเรา แทนที่จะเป็นโทรศัพท์ของคุณ หรือหน้าจออื่นๆ จงปล่อยให้ตัวเองให้เบื่อ (ที่จริงแล้ว นี่เป็นสิ่งสาคัญอย่างยิ่งที่จะต้องผ่านอารมณ์ บางอย่างที่เกิดขึ้ น เมื่อคุณตัดตัวเองจากความสะดวกสบายและความปลอดภัย)  จากนั้น คุณจะพบตัวตนที่แท้จริงของคุณ เป็ นคนที่สร้างสรรค์ ไม่หงอยเหงา ผ่อนคลาย และมี ความสุข
  • 30. บทเรียนที่ 3: ทิ้งความสะดวกสบายที่ไม่จาเป็ นในชีวิตของคุณ และยอมรับวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม  เมื่อคุณหิว มีโอกาสที่คุณจะไปที่ตู้เย็นเพื่อคว้าอะไรบางอย่างเข้าปาก หรือดีกว่านั้นคือ โทรสั่งจาก บ้านของคุณเองอย่างสบายใจ  เช่นเดียวกัน เมื่อคุณรู้สึกเหนื่อย คุณสามารถไปที่บ้านและที่เตียงของคุณได้อย่างง่ายดาย หรือบางที เมื่อคุณรู้สึกเบื่อ มีโอกาสที่คุณจะหยิบโทรศัพท์และใช้งานแอปต่างๆ ที่มีอยู่อย่างมากมาย  พูดตรงๆ นะ ชีวิตไม่ควรจะใช้ชีวิตแบบนี้ และการกระทาแบบนี้ ทาให้เราไม่มีความสุข
  • 31.  การมีทุกสิ่งที่พร้อมสาหรับการบริโภคจะทาให้สมองของเราไม่ทางาน และทาให้ร่างกายของเรา กระหายมากขึ้ นอยู่เสมอ เนื่องจากสารคัดหลั่งโดปามีนลดลงหรือไม่มีอยู่ เมื่อเราสามารถพบ ทรัพยากรที่ต้องการมีอยู่ตลอดเวลา  ดังนั้น จึงถึงเวลาสาหรับการเปลี่ยนแปลง  ผู้ประพันธ์แนะนาว่า จุดเริ่มต้นที่ดีคือ การแยกแยะความอยากออกจากความหิวที่แท้จริง คุณกาลัง เติมเชื้ อเพลิงให้ร่างกายสาหรับวันนี้ หรือแค่กระตุ้นต่อมรับรสของคุณ?
  • 32.  พยายามกินเฉพาะเมื่อคุณหิวภายหลังจากดื่มน้าหนึ่งแก้ว การถือศีลอดมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่าง มาก ดังนั้นคุณจึงควรลองทาดูเช่นกัน ให้รู้สึกสบายใจกับความหิว และปล่อยให้ร่างกายของคุณผ่าน ขั้นตอนนี้ เพียงเล็กน้อย ก่อนที่คุณรับประทานอาหาร  นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงความสาคัญของการออกกาลังกายนอกบ้านโดยธรรมชาติ โดยการแบก น้าหนัก ที่บรรพบุรุษของเราได้ทาเช่นนั้น และร่างกายของพวกเขาก็อยู่ในจุดสูงสุด!  การออกกาลังกาย ทาให้อารมณ์ดีขึ้ นและช่วยให้สมองผลิตโดปามีนมากขึ้ น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสุข
  • 33. สรุป  The Comfort Crisis กล่าวถึงความสาคัญของการละทิ้งความสะดวกสบายที่ไม่จาเป็ นในชีวิตของเรา ซึ่งอาจดูเหมือนช่วยให้เราดาเนินชีวิตต่อไปได้ง่ายขึ้ น แต่จริงๆ แล้ว สิ่งเหล่านี้ทาให้เราขาดความสุข  ในโลกที่ทรัพยากรที่จาเป็ นทั้งหมดอยู่ใกล้แค่เอื้อม ผู้ประพันธ์ได้ตัดสินใจออกเดินทางสู่อลาสก้าเพื่อ ทาความรู้จักกับชีวิตที่ปราศจากความปลอดภัย ในทางกลับกัน เขาได้พัฒนาความมั่นใจในตนเอง มี พื้นฐานมากขึ้ น แล้วกลับมาบอกทุกคนถึงประโยชน์อันน่าทึ่งของการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ด้วยการละทิ้ง ความสะดวกสบายที่มีอยู่ในแต่ละวัน

Editor's Notes

  1. The Comfort Crisis addresses contemporary people who live a stressful life and talks about being comfortable with discomfort and reclaiming a happy, healthy mindset by implementing a few odd, but highly effective practices in their daily lives.
  2. Michael Easter is a leading voice on how humans can integrate modern science and evolutionary wisdom for improved health, meaning, and performance in life and at work. He travels the globe to embed himself with brilliant but often overlooked scientists, thinkers, and people living at the extremes and shares the best of his findings and experiences in books, articles, and other media. When he’s not on the ground reporting, Michael is a professor at UNLV. He co-founded and co-directs of the Public Communications Institute, a think tank at the University of Nevada Las Vegas (UNLV). It conducts science communications research and helps public and private organizations adapt complex messaging to mass audiences.
  3. Did you ever think about how it would be to just wake up one day back in time? Back to a time before TVs existed and before 9-5 was even a thing? Or simply put, before the comfort and the mundane took over our lives? The Comfort Crisis challenges the idea of comfort in our lives and talks about the author’s experiences once he decided to step away from it. Michael Easter shows us how intentionally adding discomfort back into our lives can revive the mental, physical and spiritual vitality we are meant to have, and help us grow personally and professionally to levels we may have thought previously impossible.
  4. It’s not every day that you see someone purposefully giving up their highly digitized life, their favorite couch spot, and their little rituals. However, the author decided to embark on this life-changing experience. He wanted to try out his ancestor’s way of living by camping in Alaska for one month. And during this time, he had to switch to survival mode. While it wasn’t the easiest thing to do, he’s learned many valuable lessons along the way.
  5. It’s easy to make the case that we are currently living at the most comfortable time in history. A lot of things are accessible to us with a push of a button. From getting information, entertainment, and even communicating over long distances, there’s an app to solve our problems. According to the US CDC, 73.6% of Americans are either overweight or obese. That said, Obesity is a global problem, with at least 2.8 million people dying from it each year. Our mental health is not exactly doing great either. Nearly 8 in 10 adults say the coronavirus pandemic is a significant source of stress in their lives, as reported by the American Psychological Association.
  6. One of the things Michael wants to point out is that we tend to take for granted how good we have it nowadays because we are constantly surrounded by convenience and comfort. We can’t really appreciate them unless there were periods of struggle or challenges to acquire them. It’s like going to your favorite restaurant almost every day compared to only going after a long and tiring business trip. You tend to appreciate it more compared to when you are having the same thing almost every day.
  7. Michael talks about how children are raised differently nowadays. Some parents only let their children do what they think is best, rather than letting the children experience it themselves. This often leads to mental health issues when they go out into the world. They can’t cope with the daily struggles and challenges because they weren’t allowed to experience them beforehand. Michael explains this concept as toughening. He adds that it is important that we insert real challenges in our lives from time to time. Not only as we are growing up, but even as adults.
  8. Humans have only been comfortable for around 100 years. Before that we had to use our bodies to find food, shelter and water, and we had to use our minds or other tribe members to entertain ourselves when bored. We had to get creative. People are overweight and soft because we no longer have real challenges in our lives. People had simpler needs that were easier to fulfil and were more able to live in the present.
  9. Studies show that people living in cities have higher rates of anxiety and depression than people living in the country. Even though they earn more money and city living is more convenient and comfortable. Why are we happier in the country? More space? Nature? Slower pace? Fewer people? We have become detached from the things that make us feel happy and alive, like connection, being in nature, effort and perseverance.
  10. This is sitting or walking in the woods taking in nature. Japanese studies have found that 15 minutes of this reduces blood pressure, stress hormones, anxiety and depression. A study in 2016 found that a 20 minute stroll in a city park can cause changes in neurological structure of our brains, leaving us feeling calmer, sharper, more productive and creative. The 3 day effect is spending 3 days in wild back country. This has enormous positive effects on your body and mind. It takes 3 days for the process to work. They recommend doing this once per year.
  11. They say 150 people is the ideal amount to have in your tribe. Any bigger than this and it gets complicated with social and political issues. Gore-Tex split their offices into groups of 150 people and they credit this for their success.
  12. Studies show that most people would rather get a  mild electric shock than spend time alone. We should get used to being in solitude. It can enhance creativity, empathy and decrease self-consciousness.
  13. Studies show that the average American touches their phone over 2000 times a day. They spend almost 3 hours looking at the small screen. We never allow ourselves to get bored or go into “unfocused” mode. This is where our creativity and problem solving happens.
  14. Every time we look at our phones we are putting our minds in “focused” mode. We are consuming and processing what we see. This is like lifting weights for our brains. But we never give it time in the unfocused mode to let it recover. Research shows that the onslaught of screen based media has created people who are increasingly picky, impatient, distracted and demanding. When we get bored we no longer have to find a creative/productive outlet. We just look at our phones. We consume instead of producing. In the past people would play music, draw, paint or write when they were bored.
  15. Most sleep problems are caused by too much noise and inadequate darkness. We are surrounded by too much noise these days. Our brains are wired to think “Loud = Danger”. We react by releasing adrenaline, stress hormones that kick us into fight or flight responses. Today, the noises are constant so it is like a slow drip of stress hormones. Hearing the natural sounds we evolved in seems to strike a calming note within us (which brings us back to why we should spend more time in nature).
  16. Real hunger: the body requires food to function. It fills a physiological need. Its like having an empty gas tank. Reward hunger: this pops up when we are stressed, celebrating or there are appetizing foods around. Reward hunger played an integral part of evolution by compelling us to eat past fullness. This is stored as fat and used when we had to go without food.
  17. Doing hard physical things calluses the mind and makes everything else easier. Doing a range of physical activities (crawling, squatting, hanging, carrying etc..) regularly seems to be the what’s best for back pain. Not sitting all day then doing a one hour workout at the gym.
  18. While the term originally referred to a Japanese Shinto practice of ritual purification by washing the entire body, it has been adapted by Dr. Marcus Elliott to refer to using epic challenges in nature to “reset” the mind, body and spirit and expand your capabilities. There are two rules to a Misogi as Elliot defines it. First, it has to be REALLY hard – with only a 50 percent chance of success. Second is, you can’t die. In other words, it has to be relatively safe.  The idea is, if you have picked an appropriately hard task, you are going to hit a point where you think you cannot keep going (where you have reached your edge), but if you are able to keep going, you are going to have a moment where you can look back and say, ‘I thought my edge was back there, but now I’m clearly past it, so I’ve sold myself short here.’
  19. This means impermanence. The Bhutan think about death a lot. This makes them realize that nothing is permanent. If you don’t think this way you can start to think “Things will be better when I do X”. When you understand nothing is permanent you cannot help but follow a happier path. Researchers have found that thinking about death enhances gratitude.
  20. 3 lessons learn from the book 1. Create your own rites of passage to toughen up your body and mind. 2. Combat loneliness by staying alone in nature for a while.  3. Life is better when you don’t depend on things for your happiness but live simply instead.
  21. Lesson 1: Challenging yourself and going through life’s hardships unsheltered will help you grow We are currently living in a life of utmost comfort. We have constant access to food, shelter, entertainment of all sorts, and whatnot. Growing up, there aren’t many physical challenges we have to face. And ever since helicopter parenting took over, children are being sheltered from the smallest inconveniences and obstacles. However, it’s only in recent history that humans started to live like this.
  22. In fact, our species was used to fighting for their food, seeking shelter, and facing many obstacles on the way. Our ancestors were always on the go and had little access to comfort. And yet, they were so much happier than us. They were living in the present and appreciated the smallest things. Unlike ourselves, who face high-performing anxiety, burnout, and serious mental and emotional issues.
  23. On his quest to become more grounded and discover his true identity and roots, the author found out that stripping himself away from all of his daily addictions proved to be life-saving. He came back stronger, more focused, and with fewer worries on his mind. As such, he advises that everyone should try to ditch their physical comfort zone. Instead, we should aim to expose ourselves to our own rites of passage or build our physical endurance. 
  24. By doing so, one will discover new emotions and build strength from the core.  Studies suggest that going through such experiences can enhance health levels as well. The key is to find a balance between comfort and challenging situations. If you get out of your shelter just for a bit, you’ll find that life isn’t always pink. You will also learn to appreciate everything you have on another level.
  25. Lesson 2: Being by yourself in nature can help you connect with yourself and feel less lonely In a world dominated by technology, which allows us to stay in contact with each other at all times, nearly 50% of Americans claim that they feel lonely. Could it be because experiencing virtual encounters can only take our social needs so far? Or perhaps, we never have time to hear our own thoughts, and feel disconnected from our own identity, thus making it hard to form meaningful connections? 
  26. Whichever the case may be, the author discovered that being alone in nature allowed him to combat loneliness. Something as simple as enjoying the natural world can tame the mind chatter and give you a moment of complete silence, which is something we get to experience quite rare nowadays. Whether we realize it or not, we’re never truly by ourselves. We’re surrounded by neighbors in our compact buildings, by our phones, TV, and laptops which keep us connected all day long, and last but not least, by the people we share our homes with. 
  27. Solitude is a rare gem, and so experiencing it can help you reconnect with the most important person in the world – yourself. Allowing your mind, body, and spirit to sync and deepen your connection with yourself can help you strengthen your sense of identity and feel good about being by yourself. Ironically, once you get comfortable in your own skin, people will start to like you more as well. However, the most important part is to find yourself and tame loneliness in the process.
  28. A good place to start this self-searching journey is, as previously mentioned, nature. But how can you do so?  Simply put, just stare at trees, animals, and the beauty of our ecosystem, instead of your phone or any other screen. Allow yourself to get bored. In fact, it’s particularly important to go through certain emotions that come when you disconnect yourself from comfort and security. Only then you will find your true self, the one that is creative, untamed, relaxed, and happy.
  29. Lesson 3: Ditch the unnecessary comforts in your life and embrace a rather traditional lifestyle When you’re hungry, chances are you go to the fridge to grab something, or even better, order it from the comfort of your own home. The same goes for when you feel tired, you can easily go to your house and find your bed, or perhaps when you feel bored, chances are you’ll grab your phone and splurge on the many apps it has. Frankly, life isn’t supposed to be lived like this, and doing so is what makes us unhappy.
  30. Having everything ready to be consumed keeps our brain inactive, and makes our body always crave more, as the dopamine secretion diminishes or becomes inexistent as we find our resources available at any given time.  Hence, it’s time for a change. The author suggests that a good place to start is by distinguishing craving from real hunger. Are you feeding your body fuel for the day, or simply exciting your taste buds?
  31. Try to eat only when you’re hungry, and after a glass of water. Fasting has immense health benefits, so you could give it a try as well. Feel comfortable with hunger, and allow your body to go through this process just a bit before you feed him. Moreover, he addresses the importance of exercising outside, in nature, preferably by carrying some weights. Our ancestors did so, and their bodies were at their peak! Exercise improves mood and helps your brain produce more dopamine, which will increase happiness.
  32. The Comfort Crisis addresses the importance of ditching the unnecessary comforts in our life, which may look like they’re helping us carry on with our days more easily, but in fact, they strip us from our happiness. In a world where all necessary resources are one fingertip away, the author decided to embark on a journey to Alaska to know a life without security. In return, he improved his self-confidence, became more grounded, then came back to tell everyone the remarkable benefits of living a simpler life by giving up on the day-to-day comforts.