Contenu connexe
Plus de Miewz Tmioewr (20)
ความถนัดทางแพทย์
- 1.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 1
ตัวอย่างข้อสอบ และวิธีการตอบข้อสอบ
คําสั่ง
อ่านบทความเรื่อง “นักเรียนดี” ในบทความมีข้อความที่กําหนดซึ่งพิมพ์ด้วยอักษรตัวเข้มอยู่ 8 ข้อความ
ท้ายบทความจะมีตารางสรุปข้อความที่กําหนดซึ่งแต่ละข้อความจะมีตัวเลข 2 หลักกํากับ แล้วสรุปความ
เชื่อมโยงของข้อความที่กําหนดแต่ละข้อความกับข้อความอื่นๆที่เหลือ ให้สอบคล้องกับเนื้อหาใน
บทความ และเป็นไปตามเกณฑ์ที่กําหนด ดังต่อไปนี้
O ถ้าข้อความที่กําหนดมีข้อความอื่น (ซึ่งอาจมีได้หลายข้อความ) เป็นผลโดยตรง หรือที่ เกิดขึ้นใน
ลําดับถัดมา ให้ระบายตัวเลข 2 หลักหน้าข้อความที่เป็นผลโดยตรงหรือที่เกิดขึ้นในลําดับถัดมา แล้วตาม
ด้วยตัวอักษร “A”
O ถ้าข้อความที่กําหนดมีข้อความอื่น (ซึ่งอาจมีได้หลายข้อความ) เป็นส่วนประกอบ / องค์ประกอบ /
ความหมาย ให้ระบายตัวเลข 2 หลักหน้าข้อความที่ เป็นส่วนประกอบ / องค์ประกอบ / ความหมาย
แล้วตามด้วยตัวอักษร “D”
O ถ้าข้อความที่กําหนดมีข้อความอื่น (ซึ่งอาจมีได้หลายข้อความ) ถูกลด / ยับยั้ง / ป้ องกัน / ห้าม /
ขัดขวาง ให้ระบายตัวเลข 2 หลักหน้าข้อความที่ถูกลด / ยับยั้ง / ป้องกัน / ห้าม / ขัดขวางนั้น แล้วตาม
ด้วยตัวอักษร “F”
O ถ้าข้อความที่กําหนดไม่มีข้อความอื่น ที่เป็นผลโดยตรง หรือที่เกิดขึ้นในลําดับถัดมา หรือที่เป็น
ส่วนประกอบ / องค์ประกอบ / ความหมาย หรือที่ถูกลด / ยับยั้ง / ป้ องกัน / ห้าม / ขัดขวาง ดังกล่าว
ข้างต้น ให้ระบายคําตอบเป็นตัวเลข “99” แล้วตามด้วยตัวอักษร “H”
ทั้งนี้ให้ใช้เลขกํากับข้อความที่กําหนด 01,02,03,…08 เป็นเลขข้อ 1,2,3,…8 ในกระดาษคําตอบ
ข้อสอบแต่ละข้ออาจมีได้หลายคําตอบ หากตอบผิดจะถูกหักคะแนนคําตอบที่ผิดคําตอบละ 3 คะแนน
โดยหักจากคะแนนรวมของข้อสอบข้อนั้นๆ (ไม่หักคะแนนข้ามข้อ) ดังนั้นถ้าไม่มั่นใจ อย่าเดา
- 2.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 2
คําแนะนําวิธีการทําข้อสอบ
นําข้อความพร้อมหมายเลขกํากับที่สรุปไว้ในตารางท้ายบทความ มาร่างเป็นแผนภูมิเพื่อแสดง
ความเชื่อมโยงสัมพันธ์ตามบทความเรื่อง นักเรียนดี โดยใช้สัญลักษณ์ดังนี้
O เส้นที่มีหัวลูกศร ( ) ชี้จากข้อความที่กําหนดไปยังข้อความที่ เป็นผลโดยตรง หรือที่
เกิดขึ้นในลําดับถัดมา
O เส้นที่ไม่มีหัวลูกศร ( ) ชี้จากข้อความที่กําหนดไปยังข้อความที่เป็นส่วนประกอบ /
องค์ประกอบ / ความหมาย
O เส้นที่มีหัวลูกศรและกากบาท ( ) ชี้จากข้อความที่กําหนดไปยังข้อความที่ถูกลด /
ยับยั้ง / ป้ องกัน / ห้าม / ขัดขวาง
- 3.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 3
บทความที่ 1
ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009
ตามที่เป็นข่าวอยู่ในปัจจุบันนี้คงหนีไม่พ้นข่าวเกี่ยวกับยอดผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่สาย
พันธ์ใหม่ 2009 ซึ่งถือว่าในประเทศไทยนั้นได้มีการระบาดอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนมิถุนายน ทั้งนี้จาก
ข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับแพร่กระจายของเชื้อนั้นพบว่า เชื้อสายพันธ์นี้มิได้เกิดการแพร่แต่เฉพาะคน
สู่คนเท่านั้น แต่ยังสามารถแพร่จากคนสู่สัตว์ เช่น สุกร ได้อีกด้วย ซึ่งได้เกิดขึ้นมาแล้วในประเทศ
แคนาดา ดังนั้นจากข้อมูลการแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธ์นี้ทําให้คนไทยจํานวนไม่น้อยที่ตื่น
ตระหนกและเร่วหาวิธีป้ องกันจากเชื้อโรคตัวนี้
ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 คือไข้หวัดใหญ่ชนิดเอชวันเอ็นวัน ซึ่งจัดว่าคนละสายพันธ์
กับไข้หวัดนก ในช่วงแรกๆนั้นประเทศไทยได้ใช้ชื่อเรียกไข้หวัดชนิดนี้ว่าไข้หวัดหมู จากนั้นก็เปลี่ยนเป็น
ไข้หวัดแม็กซิโก และเปลี่ยนมาเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ตามการเรียกชื่อในระบบสากลใน
ที่สุด คนที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 นี้เกิดจากการติดเชื้อ H1N1 ซึ่งเชื้อได้เริ่มแพร่ระบาด
จากแถบประเทศแมกซิโกและสหรัฐอเมริกา จากนั้นเมื่อประชากรในประเทศดังกล่าวที่ติดเชื้อได้
เดินทางไปยังทวีปอื่นหรือประเทศอื่นก็เป็นการนําเชื้อโรคจากคนๆหนึ่งไปแพร่สู่คนอีกจํานวนมากใน
ทวีปต่อๆไป
สําหรับอาการของคนที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 นั้นจะทําให้เกิดอาการต่างที่
คล้ายคลึงกับคนที่เป็นโรคหวัดโดยทั่วไป กล่าวคือ เมื่อเป็นหวัดชนิดนี้แล้วจะทําให้มีอาการปวดเมื่อย
ตามร่างกาย มีไข้สูง และไอ มีนํ้ามูก ซึ่งด้วยอาการที่คล้ายกับหวัดชนิดธรรมดาที่มาตามฤดูนี้เองทําให้
ประชาชนจํานวนมากเกิดความวิตกว่าหวัดที่ตนเองเป็นนั้นแท้ที่จริงแล้วเกิดจากเชื้อไวรัสตัวไหนกันแน่
แต่ทั้งนี้จากรายงานการเสียชีวิตเมื่อเทียบกับอัตราผู้ที่ติดเชื้อแล้วพบว่า ประเทศไทยยังคงอยู่ที่ร้อยละ
0.4 เท่านั้น(ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2552 ) ดังนั้นจึงถือว่าโอกาสที่ผู้ติดเชื้อจะเสียชีวิตนั้นน้อยมาก แต่
ประเด็นสําคัญสําหรับไข้หวัดสายพันธ์นี้ก็คือการแพร่ระบาดของเชื้อดังที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้น
ซึ่งจะเป็นการแพร่ระบาดในสองส่วน โดยส่วนแรกจะเป็นการแพร่ระบาดจากคนสู่คน ในอีกส่วนหนึ่งก็
คือการแพร่จากคนสู่สัตว์ได้อีกด้วย ซึ่งโอกาสที่จะทําให้เชื้อไวรัส H1N1 เกิดการผ่าเหล่าย่อมมีสูงขึ้น
ซึ่งเชื้อ
- 4.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 4
อาจจะไปผสมกับไวรัสสายพันอื่นๆที่อยู่ในสัตว์แล้วทําให้เชื้อมีความรุนแรงขึ้นก็เป็นได้ สิ่งนี้ทําให้
นักวิทยาศาสตร์การแพทย์เกิดความวิตกเป็นอย่างยิ่ง
สําหรับการรักษานั้นโดยหลักแล้วแพทย์จะไม่จ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) ในทันทีที
พบว่าติดเชื้อ ทั้งนี้ก็เพราะคนที่เป็นโรคนี้สามารถรักษาให้หายเองได้โดยไม่ต้องทานยาต้านไวรัส
ดังกล่าว วิธีการที่แพทย์แนะนําก็คือการกินยาลดไข้และพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งหากร่างกายแข็งแรงก็จะ
ใช้เวลาเพียง 2-3 วันก็จะสามารถหายเป็นปกติ แต่หากรายใดที่ได้รับเชื้อไปมากๆ ผู้ป่วยก็จะปวดเมื่อย
และมีไข้สูงมาก แพทย์ก็อาจตัดสินใจจ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir)เพื่อยับยั้งเชื้อไวรัส แต่
สาเหตุที่แพทย์ไม่จ่ายยาให้สําหรับคนทุกคนก็เนื่องจากยามีอยู่จํากัด และโดยสภาพแล้วผู้ป่วยสามารถ
หายได้เอง และหากจ่ายยาทั้งๆที่ผู้ป่วยไม่ได้มีอาการรุนแรงก็อาจเป็นการเสี่ยงที่เชื้อจะดื้อยา ซึ่งจะยาก
ต่อการรักษา
ดังนั้นหากผู้ใดทราบว่าตนเองติดเชื้อ H1N1 แล้วเป็นหวัดสายพันนี้จนมีอาการของโรค ดังได้
กล่าวมาแล้วนั้นก็ให้กินยาลดไข้และพักผ่อนให้เพียงพออยู่กับบ้านก็สามารถช่วยลดหรือบรรเทา
อาการต่างๆได้แล้ว เพราะโรคนี้สามารถหายได้เอง หากผู้ป่วยรายใดที่มีอาการไอ มีนํ้ามูก ก็ไม่ควรไป
อยู่ใกล้ชิดผู้อื่นหรือาจหาผ้าปิดจมูกมาปิดเพื่อป้ องกันการแพร่ระบาดของเชื้อที่มีอยู่ในสารคัดหลั่ง
- 5.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 5
ตารางสรุปข้อความที่กําหนดและเลขกํากับบทความที่ 1 และที่ว่างสําหรับร่างรหัสคําตอบ
เลขกํากับ ข้อความที่กําหนด ที่ว่างสําหรับร่างรหัสคําตอบ
01 กินยาลดไข้และพักผ่อนให้เพียงพอ
02 ติดเชื้อ H1N1
03 คนสู่คน
04 ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009
05 ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอชวันเอ็นวัน
06 การแพร่ระบาดของเชื้อ
07 มีไข้สูง
08 ไอ มีนํ้ามูก
09 ปวดเมื่อยตามร่างกาย
10 คนสู่สัตว์
- 6.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 6
บทความที่ 2
คดีเขาพระวิหาร
เมื่อปี 2501ราชอาณาจักไทย และราชอาณาจักกัมพูชาต่างก็อ่างกรรมสิทธิ์เหนือตัวปราสาท
เขาพระวิหารว่าเป็นของตนจนเกิดข้อโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในตัวปราสาทเขาพระวิหาร ด้วยเหตุนี้เอง
หนทางที่ไทยและกัมพูชาจะหาทางเจรจาแบบทวิภาคีเพื่อให้ได้ข้อสรุปอย่างเด็ดขาดเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์
ในตัวปราสาทย่อมน้อยลง เพราะต่างฝ่ายต่างกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์ด้วยการยึดแผนที่คนละฉบับ ดังนั้น
ราชอาณาทั้งสองจึงได้ตกลงยินยอมที่จะนําคดีขึ้นศาลโลกซึ่งเป็นศาลระหว่างประเทศที่ทั้งประเทศ
ไทยและประเทศกัมพูชาต่างก็เป็นภาคีภายใต้ข้อบังคับของสหประชาชาติ
สําหรับแผนที่ที่กัมพูชานํามาใช้อ้างในชั้นพิจารณาคดีของศาลโลกนั้นเป็นแผนที่ที่จัดทําขึ้น
โดยประเทศฝรั่งเศสซึ่งเคยไปยึดเอากัมพูชาเป็นเมืองขึ้นนานถึง 50 ปี โดยแผนที่ฉบับดังกล่าวได้ทําขึ้น
เมื่อปี 2450 ซึ่งได้กําหนดเอาตัวปราสาทเขาพระวิหารเป็นดินแดนในจังหวัดหนึ่งของกัมพูชา ส่วนฝ่าย
ไทยนั้นได้อ้างแผนที่ซึ่งได้ทําไว้กับฝรั่งเศสแต่เดิม ตั้งแต่ปี 2447 ซึ่งยึดถือเอาสันปันนํ้าของเขาพระวิหาร
เป็นสําคัญ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าแผนที่ที่กัมพูชานํามาใช้กล่าวอ้างนั้นเป็นแผนที่แบ่งเขตแดนประเทศที่ทํา
ขึ้นในภายหลัง
เมื่อนําคดีขึ้นศาลโลกแล้ว ในที่สุดก็นํามาสู่การที่ศาลโลกมีคําพิพากษาในเรื่องนี้ซึ่งแบ่งออก
แบ่งเป็นสองประเด็นด้วยกันก็คือ พิพากษาให้ปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในอาณาเขตภายใต้
อธิปไตยของกัมพูชา ทั้งนี้เนื่องจากศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่าฝ่ ายไทยมิได้โต้แย้งแผนที่ที่
ฝรั่งเศสได้จัดทําขึ้นใหม่ ศาลจึงถือหลักที่ว่า "ใครที่นิ่งจะถูกถือว่ายินยอม ถ้าเขาสามารถพูดได้" หรือ
หลักกฎหมายปิดปาก (estoppel) นั่นเองทั้งนี้ก็เพราะฝ่ายไทยเองถึงแม้จะรู้ว่าแผนที่ที่ฝรั่งเศสได้จัดทํา
ขึ้นใหม่ในปี 2450 นั้นมีความผิดพลาดไปจากแผนที่ที่ได้จัดทําเมื่อปี 2447 แต่ไทยก็มิได้โต้แย้งให้เกิด
การแก้ไขให้ถูกต้อง ซึ่งการไม่ดําเนินการเช่นนั้นโดยหลักของกฎหมายระหว่างประเทศถือว่ายินยอม
หรือยอมรับนั่นเอง ส่วนคําพิพากษาอีกประเด็นหนึ่งก็คือเรื่องโบราณวัตถุ ศาลโลกก็ได้พิพากษาให้
ไทยต้องคืนโบราณวัตถุทั้งหลายจากปราสาทพระวิหารให้แก่กัมพูชา ซึ่งผลจากคําพิพากษาใน
- 7.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 7
สองประเด็นดังกล่าวนี้ถึงแม้ว่าไทยจะไม่ยอมรับในคําตัดสินแต่ไทยก็ยอมที่จะปฏิบัติตามพันธกรณี
จากคําพิพากษาดังกล่าว
จากวันที่ศาลโลกได้มีคําพิพากษาไม่เกินหนึ่งเดือนประเทศไทยก็ได้ทําหนังสือไปยังเลขาธิการ
สหประชาชาติเพื่อทําการประท้วงคําพิพากษาของศาลโลก ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาสิทธิต่างๆ การประท้วง
คําพิพากษาในครั้งนี้ส่งผลให้ไทยยังคงมีสิทธิที่จะทวงปราสาทเขาพระวิหารกลับคืนมา
จากปี 2505 ซึ่งเป็นปีที่ศาลโลกได้ตัดสินจนถึงปี 2551 นั้นยังคมถือว่าประเทศไทยยังใช้สิทธิใน
การสงวนที่จะทวงคืนปราสาทเขาพระวิหารคืนมาด้วยวิธีการทางกฎหมาย แต่ในปี2551รัฐบาลไทยซึ่ง
มีนายนพดล ปัทมะ เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศได้ทําการลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย
กัมพูชาเกี่ยวกับการยินยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งก็ถือว่าไทย
ได้ยอมรับโดยปริยายว่าปราสาทพระวิหารนั้นเป็นของกัมพูชาแต่เพียงผู้เดียวหรืออาจถือได้ว่าไทยยอม
ที่จะสละสิทธิต่างๆตามที่ได้โต้แย้งมาตั้งแต่ปี 2505 ดังนั้นแถลงการณ์ร่วมฉบับดังกล่าวนี้จึงมีผลใน
ลักษณะเป็นการลดหรือสละสิทธิของไทยที่จะทวงคืนปราสาทเขาพระวิหารกลับคืนมา แต่หลังจากนั้น
ไม่นานก็ได้มีคนนําเรื่องการลงนามในแถลงการณ์ร่วมนี้ส่งฟ้ องศาลรัฐธรรมนูญเอให้วินิจฉัยว่าการ
กระทําดังกล่าวนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190 หรือไม่ ซึ่งในที่สุดก็มีคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ออกมาว่าการลงนามแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวมิได้นําเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาก่อนจึงเป็นการฝ่า
ฝืนรัฐธรรมนูญ เป็นผลให้แถลงการณ์ร่วมฉบับดังกล่าวไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญไปในที่สุด แต่ทั้งนี้คํา
วินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมิได้มีผลไปยกเลิกเพิกถอนถึงการกระทําระหว่างรัฐกับรัฐ
- 8.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 8
ตารางสรุปข้อความที่กําหนดและเลขกํากับบทความที่ 2 และที่ว่างสําหรับร่างรหัสคําตอบ
เลขกํากับ ข้อความที่กําหนด ที่ว่างสําหรับร่างรหัสคําตอบ
01 คําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
02 ประท้วงคําพิพากษาของศาลโลก
03 พิพากษาให้ไทยต้องคืนโบราณวัตถุทั้งหลาย
จากปราสาทพระวิหารให้แก่กัมพูชา
04 พิพากษาให้ปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในอาณา
เขตภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา
05 ศาลโลกมีคําพิพากษา
06 เกิดข้อโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในตัวปราสาทเขา
พระวิหาร
07 แถลงการณ์ร่วมไทยกัมพูชา
08 นําคดีขึ้นศาลโลก
09 ฝ่ ายไทยมิได้โต้แย้งแผนที่ที่ฝรั่งเศสได้จัดทํา
ขึ้นใหม่
10 ไทยยังคงมีสิทธิที่จะทวงปราสาทเขาพระ
วิหารกลับคืนมา
- 9.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 9
บทความที่ 3
ปฏิบัติตัวอย่างไรให้เซลล์สมองไม่เสื่อมหรือเสื่อมช้าลง
เซลล์ร่างกายโดยปกติจะมีการผลัดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งสังเกตได้จากขี้ไคลที่หลุดลอกออกมา
ตอนที่เราถูตัว แต่สําหรับเซลล์สมองนั้นหากเซลล์ได้ตายลงไปแล้วก็จะไม่มีการเกิดใหม่ทดแทน พูด
ง่ายๆก็คือตายแล้วตายเลย ดังนั้นหากจะให้เรามีความจําที่ดีและระบบการทํางานยังคงปกติจนแก่ เรา
ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทําให้เซลล์สมองเสื่อม ในส่วนของเซลล์สมองนั้นจะมีการพัฒนาการที่
รวดเร็วและเพิ่มจํานวนตั้งแต่ในครรภ์จนกระทั่งอายุประมาณ 6 ขวบ แล้วเซลล์ก็จะหยุดเพิ่มจํานวน แต่
เซลล์จะมีการเพิ่มขนาดขึ้นมาบ้าง ในส่วนของคนแก่นั้นเซลล์สมองบางส่วนจะเสื่อมไปหรืออาจตายไป
เลย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นที่มาของการเกิดความจําเสื่อมและการทํางานของร่างกายที่ผิดปกติ
ปัจจัยที่ทําให้เซลล์สมองเสื่อมนั้นผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนพอจะทราบบ้าง เช่น การไม่ค่อย
พักผ่อนสมองหรือการหมกมุ่นอยู่กับความเครียด ก็จะทําให้สมองทํางานจนจนเกิดการล้าและอาจ
เสื่อมได้ แต่ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงในเชิงบวกดังนี้ปัจจัยที่ทําให้เซลล์สมองไม่เสื่อมนั้นจริงๆ
แล้วมีด้วยกันหลายประการแต่สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกๆ วันและสามารถควบคุมได้
คือ การไม่เคร่งเครียด ไม่นอนดึก และไม่ดื่มกาแฟ เพราะหากเรามัวเคร่งเครียดแล้วนอนดึกๆแถมยัง
ดื่มกาแฟก็ย่อมทําให้เซลล์สมองที่ต้องการจะพักกลับต้องทํางานหนักยิ่งขึ้น เพราะกาแฟนั้นมีสาร
คาเฟอีน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ด้วยเหตุนี้เซลล์สมองจึงเหมือนกับถูกบังคับให้ทํางานไปเรื่อยๆแม้
กระทั่วว่าในขณะนั้นจะล้ามากแล้วก็ตาม
การที่เราไม่เครียดก็เป็นผลดี กล่าวคือโดยปกติแล้วใบหน้าของคนเราก็จะแก่ลงไปตามการ
เวลา หากอายุมากรอยเหี่ยวย่นก็จะมาก แต่หากเราไม่เคร่งเครียดก็จะทําให้ใบหน้าไม่แก่เกินวัย ซึ่ง
จะต่างกับคนที่ต้องทํางานหนักๆหรือคนที่ต้องครุ่นคิดตลอดเวลา โดยคนเหล่านี้หากมองจากใบหน้าก็
จะคิดว่าเป็นคนมีอายุมากกว่าความเป็นจริงเสมอๆ ดังนั้นเมื่อไม่เครียดแล้วก็ทําให้ใบหน้าไม่แก่เกิน
วัย กับทั้งยังทําให้เซลล์สมองไม่ทํางานหนักจนเกินไป เพราะการที่คนเราอยู่ในภาวะความเครียดนานๆ
มันก็จะทําให้สมองต้องทํางานหนักนานๆนั่นเอง สําหรับปัจจัยที่ทําให้เซลล์สมองไม่เสื่อมอีกสอง
ประการก็คือไม่นอนดึก และไม่ดื่มกาแฟก็ย่อมส่งผลเช่นเดียวกันกับการไม่เคร่งเครียดกล่าวคือทําให้
- 10.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 10
ใบหน้าไม่แก่เกินวัยและทําให้เซลล์สมองไม่ทํางานหนักเกินไป เมื่อเซลล์สมองไม่ทํางานหนัก
จนเกินไปแล้วก็ย่อมทําให้เซลล์สมองไม่เสื่อม ซึ่งเป็นหลักธรรมดาที่เข้าใจได้ง่าย ดังนั้นเมื่อรู้เช่นนี้
แล้วเราก็สามารถที่จะทําให้เซลล์สมองเราไม่เสื่อมหรือทําให้เสื่อมอย่างช้าที่สุดได้ด้วยการทําในสิ่งที่ได้
กล่าวมาข้างต้น
เมื่อไรก็ตามที่เซลล์สมองไม่เสื่อมก็ย่อมไม่ทําให้เราความจําเสื่อม แต่เพื่อความไม่ประมาท
ในตอนนี้ก็ได้มีงานวิจัยที่ค้นพบว่าการดื่มชาเขียวและชาดํานั้นจะช่วยป้ องกันการเกิดความจําเสื่อม
ได้ หากมีโอกาสก็อาจจะลองนํามาดื่มเพื่อช่วยป้ องกันเอาไว้ก็จะดี เพราะอาจจะป้ องกันไว้ได้บ้าง
ดังนั้นหากไม่ต้องการให้เซลล์สมองเสื่อมก็ควรกระทําตามดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น และ
ประเด็นที่หลายๆคนมักมองข้ามก็คือการกินอาหารเช้า ซึ่งสมองก็ย่อมต้องการพลังงานในการทํางาน
ดังนั้นหากเรากินอาหารเช้าทุกวัน สมองก็จะมีพลังงานในการที่จะคิดและสั่งการ ดังนั้นการกินอาหาร
เช้าทุกวันก็ย่อมเป็นการป้ องกันเซลล์สมองเสื่อมได้เช่นกัน
สําหรับบางคนนั้นอาจจะต้องอยู่ในภาวะเครียดบ่อยๆ ทางแก้เพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองเครียดก็คือ
การไปพักผ่อนหย่อนใจ หรือไปเล่นกีฬาตอนหลังจากเลิกงานหรือเลิกเรียนเพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย
แล้วหลั่งสารเอนโดฟินออกมา ซึ่งสารตัวนี้จะทําให้ร่างกายมีความสุขและผ่อนคลายจากความเครียด
ได้ ส่วนคนที่ติดกาแฟ ซึ่งต้องดื่มทุกๆวัน สิ่งนี้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทําให้เซลล์สมองเริ่มเสื่อมลงไปช้าๆ
หากไม่ดื่มชนิดที่เข้มข้นแบบติดต่อกันก็คงจะไม่ได้ทําให้เซลล์เสื่อมมากนัก ดังนั้นหากจะดื่มก็พอจะดื่ม
ได้บ้าง แต่ต้องไม่บ่อย เพราะหากดื่มบ่อยๆก็เท่ากับการที่เราไปบังคับสมองให้ทํางานบ่อยๆ สุดท้ายก็
ย่อมนํามาสู่การที่เซลล์สมองเสื่อมอีก
- 11.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 11
ตารางสรุปข้อความที่กําหนดและเลขกํากับบทความที่ 3 และที่ว่างสําหรับร่างรหัสคําตอบ
เลขกํากับ ข้อความที่กําหนด ที่ว่างสําหรับร่างรหัสคําตอบ
01 กินอาหารเช้าทุกวัน
02 เซลล์สมองไม่เสื่อม
03 ปัจจัยที่ทําให้เซลล์สมองไม่เสื่อม
04 ความจําเสื่อม
05 ใบหน้าไม่แก่เกินวัย
06 ไม่ดื่มกาแฟ
07 ไม่เคร่งเครียด
08 ไม่นอนดึก
09 การดื่มชาเขียวและชาดํา
10 เซลล์สมองไม่ทํางานหนักเกินไป
- 12.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 12
บทความที่ 4
ผลไม้กับมะเร็ง
ประเทศไทยนั้นตามหลักวิชาการแล้วจะแบ่งฤดูกาลออกเป็น 3 ฤดู ก็คือ ฤดูฝน ฤดูหนาว และ
ฤดูร้อน แล้วในแต่ละฤดูก็จะมีผลไม้ที่ออกดอกออกผลแตกต่างกันตามแต่ละชนิด สําหรับในช่วงเดือน
กรกฎาคมนี้จะเป็นช่วงหน้าฝน ซึ่งเป็นช่วงที่มีเงาะ ลําไย และลิ้นจี่กําลังออกผล ดังนั้นหากจะกินเงาะ
ลําไย และลิ้นจี้ในราคาที่ถูกก็ควรจะกินในช่วงเดือนนี้เพราะเป็นการกินผลไม้ตามฤดู สาเหตุที่ทําให้ผล
ไม้ราคาถูกในช่วงที่เป็นฤดูเก็บเกี่ยวนั้นก็เพราะผลไม้ชนิดนั้นๆโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะออกผลพร้อมๆ
กัน จึงทําให้ปริมาณผลไม้ที่ออกมาสู่ท้องตลาดมีมาก เมื่อเป็นเช่นนั้นหากพ่อค้าและแม่ค้าอยากจะให้
ขายผลไม้ของตนเองได้ก็ต้องลดราคาแข่งกับคู่แข่งคนอื่นเพื่อดึงดูดใจลูกค้าให้มาซื้อผลไม้ของตน ด้วย
เหตุนี้เองที่ทําให้ราคาของผลไม้จะค่อยๆลดลงในช่วงเก็บเกี่ยวผล
ผลไม้ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเมื่อสุกแล้วก็จะมีรสหวานทั้งนี้ก็เพราะในผลไม้จะมีนํ้าตาลฟลุกโต
สอยู่ ซึ่งเป็นนํ้าตาลโมเลกุลเดี่ยวและเป็นชนิดเดียวกันกับที่พบในนํ้าผึ้ง ซึ่งนํ้าตาลชนิดนี้สามารถให้
พลังงานได้เช่นเดียวกับนํ้าตาลกลูโคส ดังนั้นหากเรารับประทานผลไม้ที่มีรสหวานเพราะมีนํ้าตาลฟลุก
โตสมากๆและบ่อยๆก็จะเสี่ยงต่อโรคอ้วนได้เช่นกัน
ทั้งเงาะ ลําไย และลิ้นจี้นั้นนักวิทยาศาสตร์ได้ทําการวิจัยแล้วพบว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระที่
ช่วยในการต่อต้านการก่อมะเร็งได้ โดยสารต้านอนุมูลอิสระดังกล่าวก็คือสารอีลาจิก แอซิด (Ellagic
acid) นั่นเอง ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระนี้จะพบมากในเมล็ดของผลไม้ดังกล่าว คุณสมบัติของสารต้าน
อนุมูลอิสระก็คือสามรถที่จะยับยั้งหรือต้านการก่อมะเร็งและการก่อกลายพันธุ์ได้ จากที่กล่าวมานั้น
จะเห็นได้ว่าผลไม้เหล่านี้ล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น สําหรับประโยชน์ในการยับยั้งหรือต้านการก่อมะเร็ง
และการก่อกลายพันธุ์นั้น มนุษย์จะไม่สามารถรับประโยชน์นี้ได้โดยตรงจากการกิน เพราะสาร
ดังกล่าวนี้จะพบในเมล็ดของผลไม้ทั้งสามชนิด ดังนั้นหากจะให้ได้ประโยชน์จากสารเหล่านี้ก็จะต้อง
นําเอาเมล็ดไปผ่านกระบวนการสกัดเอาสารต้านอนุมูลอิสระออกมาก่อน เพราะปกติแล้วจะไม่มีใครกิน
เมล็ดของเงาะ ลําไย และลิ้นจี้ส่วนประโยชน์อีกประการหนึ่งที่ได้กล่าวมาแล้วก็คือผลไม้ทั้งสามชนิดนี้
- 13.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 13
จะมีนํ้าตาลฟลุกโตส ซึ่งในเพศชายนํ้าตาลชนิดนี้จะมีบทบาทสําหรับตัวอสุจิเป็นอย่างมาก เพราะ
นํ้าตาลชนิดนี้เป็นอาหารของอสุจิ
ผลไม้ในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกๆปี ที่เด่นๆก็มีดังนี้เงาะ ลําไย ทุเรียน ลิ้นจี่ และ
ลองกอง ถึงแม้ในช่วงเดือนกรกฎาคมจะเป็นช่วงที่ผลไม้ออกสู่ตลาดเยอะ แต่กลับปรากฏว่าบางคนไม่
สามารถที่จะกินผลไม้ที่กล่าวมาได้หรืออาจกินได้บ้างในบางชนิด ทั้งนี้ก็เพราะผลไม้เหล่านี้มาพร้อมกับ
หน้าฝน ซึ่งบางคนก็มีอาการไข้ เจ็บคอ ตัวร้อน หากกินผลไม้เหล่านี้ซึ่งมีรสหวานเข้าไปอีกก็อาจทําให้
อาการเหล่านั้นเพิ่มขึ้นได้
จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จริงๆแล้วผลไม้ไม่ได้มีประโยชน์เพียงเท่านี้แต่ยังมีประโยชน์อีก
มากมายซึ่งประโยชน์บางอย่างนั้นมนุษย์อาจจะยังค้นไม่พบก็เป็นได้ แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าผลไม้จะมี
ประโยชน์มากก็ตาม ในแต่ละครั้งก่อนที่จะกิน ก็ควรจํานําไปล้างหรือทําความสะอาดก่อนจะ
รับประทาน เพื่อป้ องกันสารพิษตกค้างหรือเชื้อโรคที่ติดมากับผลไม้ ซึ่งแทนที่จะได้รับประโยชน์กลับ
ต้องมารับสารพิษเข้าไปด้วย หากสารดังกล่าวมีฤทธิ์ร้ายแรงก็อาจทําให้ถึงตายได้ภายในเวลาไม่นาน
แต่โดยมากแล้วสารพิษในผลไม้มักจะเป็นสารที่ไปสะสมในร่างกายมากกว่า แล้วจะค่อยๆเพิ่มปริมาณ
มากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับที่สามารถก่ออันตรายต่อร่างกายได้ เช่น เกิดมะเร็ง เป็นต้น
- 14.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 14
ตารางสรุปข้อความที่กําหนดและเลขกํากับบทความที่ 4 และที่ว่างสําหรับร่างรหัสคําตอบ
เลขกํากับ ข้อความที่กําหนด ที่ว่างสําหรับร่างรหัสคําตอบ
01 เงาะ
02 ลิ้นจี้
03 ลําไย
04 การก่อมะเร็ง
05 มีสารต้านอนุมูลอิสระ
06 เสี่ยงต่อโรคอ้วน
07 มีนํ้าตาลฟลุกโตส
08 ผลไม้ในช่วงเดือนกรกฎาคม
09 การก่อกลายพันธุ์
10 สารอีลาจิก แอซิด (Ellagic acid)
- 15.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 15
บทความที่ 5
ผลกระทบของก๊าซเรือนกระจก
สําหรับบางคนคิดว่าในปัจจุบันนี้อากาศร้อนขึ้นกว่าสมัย 10 ปีที่แล้ว ซึ่งประเด็นในเรื่องนี้
นักวิทยาศาสตร์ได้ทําการศึกษาแล้วพบว่า โลกเรานั้นเกิดภาวะโลกร้อนขึ้น โดยสาเหตุแทบทั้งสิ้นเกิด
จากการกระทําและกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การใช้นํ้ามันในโรงงานอุตสาหกรรม การเปิ ด
เครื่องปรับอากาศ การคมนาคมขนส่ง แม้กระทั่งอากาศที่เราหายใจออกมาก็มีส่วนในการทําให้โลก
ร้อนได้เช่นกัน
ก๊าซในอากาศมีหลากหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติเฉพาะตัว เช่น ช่วยให้ติดไฟ หรือ
อาจติดไฟ เป็นต้น แต่ก๊าซที่มีผลกระทบต่อธรรมชาติแบบวงกว้างทั่วโลก ก็คือก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมี
ด้วยกันหลายชนิด ได้แก่ ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (NO) ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซมีเทน
(CH4) และสารประกอบคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFCs) ซึ่งก๊าซหรือสารแต่ละชนิดที่กล่าวมานี้มีความ
ร้ายแรงหรือมีคุณสมบัติในการทําให้เกิดภาวะโลกร้อนแตกต่างกัน
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) นั้นถือว่าเป็นก๊าซที่ร่างกายมนุษย์และสัตว์ขับออกมาจาก
ร่างและ เพราะจัดว่าเป็นของเสีย และเมื่อขับออกมาแล้ว พืชก็จะนําเอาก๊าซนี้ไปใช้ในกระบวนการ
สังเคราะห์แสง ดังนั้นพืชจึงมีความสารถในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)ได้เป็นอย่าง
ดี ด้วยเหตุนี้จะพบว่าสหประชาชาติได้มีการรนรงค์ให้แต่ละประเทศช่วยกันปลูกต้นไม้เพื่อทําหน้าที่เป็น
ปอดของโลก โดยหากประเทศใดปลูกต้นไม้ได้เยอะสหประชาชาติก็จะมีงบประมาณสนับสนุนให้
สําหรับสารประกอบคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFCs)นั้นโดยมากแล้วจะพบในนํ้ายาตู้เย็น
และนํ้ายาแอร์ และสารที่ใช้ในการทําความเย็นในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งในบรรดาก๊าซหรือสารทั้ง 4
ชนิดที่กล่าวมา สาร CFCs นี้มีความสามารถในการดูดซับคลื่นรังสีความร้อนได้มากที่สุด ดังนั้นสาร
CFCs จึงถูกควบคุมการผลิตโดยพิธีสารมอนทรีออล (Montreal Protocol on Substances that
Deplete the Ozone Layer) ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างนานาประเทศในการควบคุมการผลิตและ
การบริโภคสารที่ทําลายชั้นของชั้นโอโซนที่ห่อหุ้มบรรยากาศโลก
- 16.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 16
ก๊าซหรือสารทั้งสี่ชนิดที่ได้กล่าวมาในข้างต้น ล้วนมีคุณสมบัติสองประการ คือ ประการแรก
ก๊าซหรือสารเหล่านี้มีความสามารถดูดซับคลื่นรังสีความร้อนได้ ซึ่งโดยปกติแล้วรังสีความร้อนที่มาจาก
ดวงอาทิตย์แทบทั้งหมดจะถูกสะท้อนกลับไป แต่เมื่อในชั้นบรรยากาศของโลกมีก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้
ก็ทําให้รังสีความร้อนถูกดูดซับเอาไว้มากขึ้น สําหรับคุณสมบัติอีกประการหนึ่งก็คือ สารเหล่านี้
สามารถทําลายชั้นโอนโซนได้ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ จะทําให้เกิดรูโอโซน(Ozone hole) ทั้งนี้
นักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์และสํารวจแล้วพบว่าบริเวณขั้วโลกใต้ได้เกิดรูโอโซน(Ozone hole)ขึ้นแล้ว
โดยมีขนาดพื้นที่กว้างกว่าประเทศไทย 60 เท่า ดังนั้นเมื่อชั้นบรรยากาศเกิดรูโอโซน(Ozone hole) ก็
ย่อมทําให้คลื่นรังสีความร้อนผ่านมายังโลกได้มากขึ้น และในที่สุดผลที่ตามมาก็คือเกิดภาวะโลก
ร้อน ซึ่งจากที่กล่าวมาแล้วว่าคุณสมบัติของก๊าซเรือนกระจกที่สามารถดูดซับคลื่นรังสีความร้อน
เอาไว้ได้นั้นเป็นคุณสมบัติข้อสําคัญที่ทําให้เกิดภาวะโลกร้อนได้เช่นกัน ดังนั้นในชีวิตประจําวันของ
มนุษย์นั้น หากสามารถหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกได้ก็ควรจะหลีกเลี่ยง
สําหรับประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่กําลังพัฒนา ซึ่งศักยภาพในการก่อให้เกิดก๊าซเรือน
กระจกนั้นถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในโลก ซึ่งประเทศไทยก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจํา
เพียง 0.5% เท่านั้น แต่หากพิจารณาดูข้อมูลของประเทศอื่นๆอย่างสหรัฐอเมริกา จะพบว่า เป็น
ประเทศที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับหนึ่ง คือ ประมาณ 26.4% รองลงมาก็คือประเทศ
ญี่ปุ่น ประมาณ 16.7% ดังนั้นประเทศที่ให้กําเนิดก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้จะต้องชดใช้ค่าปล่อยก๊าซ
เรือนกระจก เพราะก๊าซเรือนกระจกมิได้ก่อให้เกิดผลเสียแต่เฉพาะประเทศที่ให้กําเนิดเท่านั้น แต่ก๊าซเก
ล่านี้จะส่งผลต่อประชากรทั่วโลกพร้อมๆกัน
- 17.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 17
ตารางสรุปข้อความที่กําหนดและเลขกํากับบทความที่ 5 และที่ว่างสําหรับร่างรหัสคําตอบ
เลขกํากับ ข้อความที่กําหนด ที่ว่างสําหรับร่างรหัสคําตอบ
01 คลื่นรังสีความร้อนผ่านมายังโลกได้มากขึ้น
02 ก๊าซเรือนกระจก
03 สารประกอบคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFCs)
04 ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
05 ก๊าซมีเทน(CH4)
06 ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (NO)
07 สามารถดูดซับคลื่นรังสีความร้อน
08 สามารถทําลายชั้นโอนโซนได้
09 เกิดภาวะโลกร้อน
10 เกิดรูโอโซน(Ozone hole)
- 18.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 18
บทความที่ 6
แมลงวันกับนิติกีฎวิทยา
มีใครทราบบ้างว่าแมลงวันสามารถที่จะบอกถึงระยะเวลาหลังการตายได้ ซึ่งมีประโยชน์ใน
กระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้เนื่องจากแมลงวันนั้นมีนิสัยชอบกินสิ่งปฏิกูลหรือซากเน่าของสัตว์ ดังนั้นหาก
มีการฆาตกรรมอําพรางคดีเกิดขึ้น ถึงแม้มนุษย์จะไม่ทราบแต่กลิ่นของศพหรือกลิ่นคาวเลือดก็ไม่อาจ
หลุดพ้นจากต่อมรับกลิ่นของแมลงวันได้ ดังนั้นแมลงวันจึงสามารถทราบได้ทันทีที่ศพเริ่มมีสาร
บางอย่างที่สามารถส่งกลิ่นได้ ซึ่งเมื่อแมลงวันบินไปยังศพที่พบแล้วนั้นก็จะทําการวางไข่เอาไว้ยัง
บริเวณต่างๆของศพ และเมื่อมีผู้มาพบศพในภายหลังก็สามารถเก็บเอาระยะต่างๆของแมลงวันที่มี
พัฒนาการตั้งแต่ไข่ ตัวอ่อน ดักแด้ และตัวเต็มวัยไปวิเคราะห์ถึงระยะเวลาหลังการตายได้
เกี่ยวกับนิติกีฏวิทยานั้นผู้เขียนได้เคยทําการวิจัยมาแล้วซึ่งจะขอกล่าวไว้อย่างคร่าวๆใน
บทความดังนี้เนื่องจากแมลงวันมีคุณสมบัติพิเศษในการรับกลิ่น ดังนั้นนักนิติวิทยาศาสตร์จึงสามารถ
นําคุณสมบัติข้อนี้มาใช้เป็นพื้นฐานในการวิเคราะห์ถึงระยะเวลาหลังการตาย โดยจากงานวิจัยซึ่งใช้
ซากศพหมูแทนศพมนุษย์พบว่าภายหลังที่นําศพไปวางไว้ยังบริเวณที่ใช้ทําการวิจัย แมลงวันได้ทําการ
วางไข่ตั้งแต่วันแรก โดยจะพบบริเวณซอกหู จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปพัฒนาการจะเริ่มจากไข่เปลี่ยนไป
เป็นตัวอ่อน ซึ่งตัวอ่อนนี้เป็นกุญแจสําคัญและกุญแจหลักในการนํามาใช้วิเคราะห์ถึงระยะเวลาหลัง
การตาย โดยปกติตัวอ่อนซึ่งหมายถึงหนอนแมลงวันนั้นจะแบ่งออกเป็นสามขนาดหรือสามระยะ แต่
ละระยะใช้เวลาประมาณหนึ่งวัน(อาจแตกต่างกันในแต่ละสายพันธุ์) ซึ่งหนอนแมลงวันนั้นจะมีอวัยวะ
สําคัญหรือส่วนประกอบสําคัญสองส่วน คือ มี Posterior spiracle หรือช่องหายใจส่วนท้าย และ มี
Cephalophalyngeal skeleton ซึ่งเป็นส่วนที่เป็นโครงสร้างส่วนหัวของหนอนแมลงวัน คุณสมบัติหรือ
ส่วนประกอบสองประการนี้จะสามารมองเห็นได้นั้นจะต้องนําหนอนแมลงวันไปผ่าแล้วส่องด้วยกล้อง
จุลทรรศน์ ด้วยส่วนประกอบหรือคุณสมบัติทั้งส่องประการที่หนอนแมลงวันมีนี้ทําให้สามารถบอก
สายพันธ์และอายุของหนอนแมลงวันได้ กล่าวคือหนอนแมลงวันที่มีอายุเพียง 1 วัน จะมี Posterior
spiracle เพียง 1 ช่อง และช่องจะเพิ่มขึ้นไปจนครบ 3 ช่องในวันที่ 3 (กรณีนี้เป็นหนอนของแมลงวันหัว
เขียว)
- 19.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 19
จากนั้นเมื่อหนอนแมลงวันโตจนถึงระยะที่งดกินอาหาร พัฒนาการก็จะก้าวเข้าสู่ระยะดักแด้
ซึ่งในระยะนี้หนอนแมลงวันจะเคลื่อนที่ออกจากกองซากศพเพื่อไปหาบริเวณที่แห้งเพื่อฝังตัวแล้วทํา
การเข้าฝักซึ่งก็คือการกลายเป็นดักแด้นั่นเอง สิ่งที่เกิดขึ้นในลําดับถัดมาของพัฒนาการก็คือการเปลี่ยน
จากดักแด้มาเป็นตัวเต็มวัย ซึ่งถือว่าเป็นระยะสุดท้ายของพัฒนาการ
จากที่กล่าวมานั้นล้วนเป็นข้อมูลพัฒนาการของแมลงวันซึ่งประกอบด้วย 4 ระยะที่เกิดขึ้นเป็น
ลําดับๆโดยเริ่มต้นจากไข่แมลงวัน ตัวอ่อน ดักแด้ และตัวเต็มวัย ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อ
พัฒนาการของแมลงวันนั้นก็มีด้วยกันหลายปัจจัย แต่ปัจจัยที่สําคัญที่สุดก็คืออุณหภูมิ โดยจากการ
วิจัยพบว่า หากอุณหภูมิสูงพัฒนาการในแต่ละขั้นจะเร็ว แต่หากอุณหภูมิตํ่าพัฒนาการก็จะช้าลง
ดังนั้นจากกงานวิจัยสามารถนําข้อมูลไปใช้ในเชิงเปรียบเทียบกับกรณีที่พบศพของมนุษย์ได้
เช่น หากเราพบขนาดของหนอนแมลงวันในระยะที่หนึ่ง(ซึ่งเป็นตัวที่โตที่สุดในบรรดาหนอนแมลงวันที่
พบบนซากศพนั้น)ก็ย่อมแสดงว่าศพดังกล่าวน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณสองวัน เพราะระยะเวลาที่
แมลงวันวางไข่นั้นประมาณ 24 ชั่วโมง รวมกับระยะเวลาของตัวอ่อนในระยะที่หนึ่ง อีกหนึ่งวัน เป็นสอง
วัน เป็นต้น แต่ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความแม่นยําในการคํานวณระยะเวลาหลังการตายให้มากยิ่งขึ้นก็ควรจะ
มีการทําการวิจัยในฤดูกาลอื่นๆ และสถานการณ์ที่ต่างๆเพิ่มเติม
- 20.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 20
ตารางสรุปข้อความที่กําหนดและเลขกํากับบทความที่ 6 และที่ว่างสําหรับร่างรหัสคําตอบ
เลขกํากับ ข้อความที่กําหนด ที่ว่างสําหรับร่างรหัสคําตอบ
01 หนอนแมลงวัน
02 ไข่
03 ตัวอ่อน
04 ดักแด้
05 ตัวเต็มวัย
06 สามารถบอกสายพันธ์และอายุของหนอน
แมลงวันได้
07 พัฒนาการของแมลงวัน
08 อุณหภูมิ
09 มี Posterior spiracle
10 มี Cephalophalyngeal skeleton
- 21.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 21
บทความที่ 7
การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร
สื่อนับว่ามีบทบาทอย่างมากต่อพฤติกรรมของคนในสังคม โดยเฉพาะพฤติกรรมของเด็กและ
วัยรุ่น ทั้งนี้เนื่องจากวัยเด็กและวัยรุ่นนั้นเป็นวัยที่มีความสงสัย มีการเรียนรู้ และกําลังหาแบบอย่างเพื่อ
เป็นแนวทางของตนเอง ทั้งนี้สื่อที่มีบทบาทต่อพฤติกรรมมากที่สุดก็คือสื่อโทรทัศน์ เพราะสื่อโทรทัศน์
นั้นสามารถสื่อสารกับผู้รับสื่อทั้งด้วยเสียงและภาพ และเป็นสื่อที่สามารถรับชมได้ตลอดเวลา แต่สื่อที่
เห็นว่าจะมาแรงและอาจแซงความมีอิทธิพลของสื่อโทรทัศน์ได้ก็คือสื่ออินเตอร์เน็ต ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ
อินเตอร์เน็ตนั้นเป็นระบบเชื่อมโยงทั่วโลก ที่ผู้เข้าใช้แล้วแต่ว่าจะเลือกชมอะไรก็ได้ ซึ่งมีให้เลือก
มากกว่าจํานวนช่องของทีวี ดังนั้นเมื่อสื่อที่อยู่ในระบบอินเตอร์เน็ตเป็นระบบไร้พรมแดนก็ย่อมหลีกหนี
ไม่พ้นที่จะปนเปไปด้วยสื่อที่ไม่เหมาะไม่ควร เช่น สื่อลามกอนาจาร สื่อความรุนแรง เป็นต้น
ปัญหาสังคมในปัจจุบันมีมากมาย เช่น ปัญหาความรุนแรง ปัญหาเพศสัมพันธ์ เป็นต้น แต่ที่
เห็นจะเป็นปัญหาอันเกิดจากพฤติกรรรมของวัยรุ่นหรือวัยเด็กก็คงหนีไม่พ้นปัญหาเรื่องการมี
เพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลให้มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรนั้นมีทั้งที่เป็นปัจจัย
ภายนอกและทั้งที่เป็นปัจจัยภายใน ได้แก่ สื่อลามกอนาจาร ซึ่งจัดว่าเป็นปัจจัยภายนอก เด็กอยากรู้
อยากลอง เด็กขาดความเข้าใจเรื่องเพศสัมพันธ์ ซึ่งจัดว่าเป็นปัจจัยภายใน เป็นต้น สําหรับในสอง
ปัจจัยแรกนั้นซึ่งก็คือ สื่อลามกอนาจาร และการที่เด็กอยากรู้อยากลองนั้นจะเป็นตัวที่ก่อให้เกิดอารม
ทางเพศขึ้น โดยเฉพาะสื่อลามกอนาจารที่มีอยู่อย่างกลาดเกลื่อนทั้งในท้องตลาดและในโลก
อินเตอร์เน็ต ซึ่งหากเด็กหรือวัยรุ่นไปดูหรือใช้สื่อเหล่านี้แล้วก็จะก่อให้เกิดอารมทางเพศที่อาจขาดสติ
จนกระทําการมิสมควรก่อนวัยซึ่งก็คือการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรนั่นเอง แต่สาเหตุที่ทําให้เด็กหรือ
วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรนั้นมิได้มาจากการที่พวกเขาเกิดอารมทางเพศอย่างเดียว แต่ยังมี
สาเหตุมาจากการขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศสัมพันธ์อีกด้วย
ดังนั้นเมื่อเกิดมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรแล้ว สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาก็ไม่ยากเกินไปที่
จะคาดเดา ก็คือ อาจติดโรคเพศสัมพันธ์จากการเพศสัมพันธ์ในครั้งนั้น หรือหากไม่ติดโรคก็อาจเกิดการ
ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ขึ้นมาก็ได้ ซึ่งปัญหานี้ข้อนี้นับว่าได้เพิ่มมากขึ้นทุกวันๆ โดยสามารถสังเกตได้
- 22.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 22
จากข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ที่บอกว่า “เด็กอายุ 14 ตั้งครรภ์” ซึ่งวัยที่มีอายุแค่นี้
เป็นวัยที่เพิ่งจะเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธ์เท่านั้น แต่ก็ต้องมาตั้งครรภ์เสียแล้ว เมื่อเกิดการตั้งครรภ์เช่นนั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็อาจมีได้สองกรณี ก็คือเด็กคนนั้นไปทําแท้งหรือไม่เช่นนั้นก็ต้องปล่อยให้คลอดไป
ซึ่งถือว่าเป็นการมีบุตรเมื่อยังไม่พร้อม ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะผู้ที่เป็นแม่นั้นยังมีอายุน้อยอยู่มากจน
เสมือนเป็นรุ่นพี่ของลูกที่คลอดออกมา
สําหรับคนที่ติดโรคทางเพศสัมพันธ์นั้นหากจะโชคดีหน่อยก็อาจจะเป็นพวกโรคหนองใน
หรืออาจจะเป็นโรคเริ่ม แต่หากโชคร้ายก็อาจจะรับเอาเชื้อ HIV เข้าไปก็เป็นได้ ส่วนผู้หญิงก็อาจจะ
แถมเชื้อไวรัส HPV ที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้
ในส่วนของการป้ องกันปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรนั้นควรที่จะแก้ส่วนที่เป็นปัจจัย
ที่ส่งผลให้มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ซึ่งได้กล่าวไว้แล้วว่าประกอบด้วยสามประการคือ สื่อลามก
อนาจาร เด็กอยากรู้อยากลอง และเด็กขาดความเข้าใจ ซึ่งหากรัฐบาลเอาจริงเกี่ยวกับการยับยั้งหรือ
ป้ องกันก็ไม่ยากเกิดกําลัง เพราะปัจจัยเหล่านี้ล้วนสามารถใช้กลไกของรัฐเข้าจัดการได้ เช่น รัฐ
ปราบปรามสื่อลามกอนาจารอย่างจริงจัง ปลูกฝังศีลธรรมและจริยธรรมให้แก่เด็ก รวมทั้งให้ความรู้แก่
เด็กด้วยการบรรจุประเด็นเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวันอันควรไว้ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เป็นต้น
- 23.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 23
ตารางสรุปข้อความที่กําหนดและเลขกํากับบทความที่ 7 และที่ว่างสําหรับร่างรหัสคําตอบ
เลขกํากับ ข้อความที่กําหนด ที่ว่างสําหรับร่างรหัสคําตอบ
01 สื่อลามกอนาจาร
02 ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
03 เกิดอารมทางเพศ
04 ติดโรคทางเพศสัมพันธ์
05 ปัจจัยที่ส่งผลให้มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร
06 มีบุตรเมื่อยังไม่พร้อม
07 ทําแท้ง
08 มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร
09 เด็กอยากรู้อยากลอง
10 เด็กขาดความเข้าใจเรื่องเพศสัมพันธ์
- 24.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 24
บทความที่ 8
ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในปัจจุบัน
เนื่องจากเศรษฐกิจของแต่ละประเทศนั้นมีความเกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ
โดยเฉพาะประเทศที่เป็นมหาอํานาจอย่างสหรัฐอเมริกา และเมื่อเกิดปัญหาหนี้เสียในธุรกิจ
อสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาก็ย่อมส่งผลกระทบเป็นทอดๆไปยังประเทศต่างๆจนเกิดภาวะ
เศรษฐกิจโลกถดถอย ซึ่งภาวะเช่นนี้ก็มีความคล้ายคลึงกับเมื่อปี 2540 ที่ประเทศไทยตกอยู่ในภาวะ
เศรษฐกิจต้มยํากุ้งหรือฟองสบู่นั่นเอง ดังนั้นถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยจะส่งผลกระทบต่อ
ประเทศไทยแต่ก็มิได้สาหัสเหมือนกับหลายๆประเทศ ทั้งนี้ก็เพราะประเทศไทยเคยมีบทเรียนมาแล้วจึง
พอจะรู้แนวทางในการรับมือพอสมควร
สิ่งที่เป็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยในประเทศไทยก็คือ ทําให้สินค้าส่งออกได้
น้อยลง ชาวต่างชาติมาเที่ยวน้อยลง และประชาชนในประเทศมีการออมมากขึ้น ซึ่งจะเห็นว่า
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยนี้ยังมิใช่ผลสุดท้ายที่จะเกิด เพราะในกรณีที่
ประชาชนมีการออมมากขึ้นนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อจํานวนเงินระบบเศรษฐกิจของประเทศ กล่าวคือ
การออมที่มากขึ้นจะทําให้เงินในระบบน้อยลง ที่เป็นเช่นนี้มิใช่เพราะประชาชนไม่มีเงินหรือยากจน
แต่เนื่องจากประชาชนเกิดความไม่มั่นใจถึงภาวะเศรษฐกิจที่อาจกลับไปฝืดเคืองเหมือนที่เคยเป็นมาก็
ได้ ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ประชาชนโดยส่วนใหญ่จะใช้จ่ายเฉพาะส่วนที่จําเป็นในการดํารงชีวิตเท่านั้น
สําหรับทางแก้กรณีที่เงินในระบบน้อยลงนั้น รัฐบาลในปัจจุบันได้ใช้วิธีการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาค
ประชาชนด้วยการแจกเช็คช่วยชาติ มูลค่า 2,000 บาท ให้แก่ประชาชนผู้ที่มีรายได้ประจําน้อย ซึ่งผล
ที่ตามมาก็สามารถที่จะเพิ่มปริมาณเงินในระบบได้มากพอสมควร
กรณีที่ชาวต่างชาติมาเที่ยวน้อยลงนั้นก็ส่งผลกระทบโดยตรงไม่ต่างจากการออม ก็คือทําให้
เงินในระบบน้อยลงเช่นกัน ทั้งนี้เพราะจํานวนเม็ดเงินที่จะมาจากต่างประเทศในรูปของการบริการการ
ท่องเที่ยวนั้นได้ลดลง สําหรับกรณีผลกระทบอันเกิดจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยกรณีสุดท้ายก็คือ
ประเทศไทยส่งสินค้าออกได้น้อยลง ทั้งนี้ก็เพราะต่างประเทศก็ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก
ถดถอยเช่นกัน ดังนั้นเพื่อเป็นการป้ องกันเงินในประเทศรั่วไหลออกนอกประเทศ จึงทําให้ยอดสั่งซื้อ
- 25.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 25
สินค้าจากประเทศไทยก็ลดลงด้วย มิหนําซํ้าสําหรับในบางประเทศได้เริ่มใช้วิธีการกีดกันทาง
การค้า และนําเข้าสินค้าน้อยลง ซึ่งการที่ประเทศเหล่านั้นทําเช่นนี้ก็มิได้ถือว่าเป็นเรื่องเลวร้ายสําหรับ
ประเทศไทย เพราะทุกๆประเทศต่างก็จะต้องรักษาสภาพคล่องของการเงินและการคลังภายในประเทศ
ทั้งสิ้น
ผลที่เกิดขึ้นตามมาจากการส่งสินค้าออกได้น้อยลงก็คือ โรงงานลดปริมาณการผลิตสินค้า
เพื่อปรับตัวตามคําสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศที่ลดลง จากนั้นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการที่โรงงานลด
ปริมาณการผลิตสินค้า ก็คือการปลดคนงาน เพื่อปรับขนาดของการประกอบการ การปลดคนงาน
จํานวนมากก็ย่อมส่งผลให้เกิดคนว่างงานจํานวนมาก ซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และ
วิธีการปลดคนงานนี้ก็เป็นวิธีการที่ผู้ประกอบการทุกขนาด ทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ ทั่วโลกใช้กัน
เพื่อความอยู่รอดขององค์กร
รัฐบาลภายใต้การนําของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้หาแนวทางในการลดปัญหาคนว่างงาน
ด้วยการจัดโครงการต้นกล้าอาชีพขึ้นทั่วประเทศ เพื่อให้คนที่ว่างงานได้ฝึกฝนอาชีพและทักษะต่างๆ ที่
สามารถนํามาใช้ในการทํามาหากินได้ด้วยตนเอง ซึ่งผลของการดําเนินโครงการต้นกล้าอาชีพก็
สามารถสร้างงานและรายได้ให้แก่คนที่ว่างงามรวมทั้งคนที่มีรายได้ประจําอยู่แล้วได้มากพอสมควร ซึ่ง
ถือว่าเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ทันด่วนและได้ผลดีในระยะยาว
- 26.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 26
ตารางสรุปข้อความที่กําหนดและเลขกํากับบทความที่ 8 และที่ว่างสําหรับร่างรหัสคําตอบ
เลขกํากับ ข้อความที่กําหนด ที่ว่างสําหรับร่างรหัสคําตอบ
01 โครงการต้นกล้าอาชีพ
02 แจกเช็คช่วยชาติ มูลค่า 2,000 บาท
03 โรงงานลดปริมาณการผลิตสินค้า
04 ส่งสินค้าออกได้น้อยลง
05 มีการออมมากขึ้น
06 ชาวต่างชาติมาเที่ยวน้อยลง
07 ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
08 คนว่างงาน
09 การปลดคนงาน
10 เงินในระบบน้อยลง
- 27.
แนวข้อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์สังเคราะห์และเชื่อมโยง)
หน้า 27
บทความที่ 9
ความฉลาดของสัตว์เคี้ยวเอื้อง
มีสํานวนที่ติดปากคนไทยมานาน ซึ่งมักจะใช้ว่าหรือกล่าวหาคนที่คิดไม่เป็น ไม่ฉลาด หรือโง่
สํานวนดังกล่าวก็คือ “โง่เหมือนควาย” ซึ่งคนที่ถูกกล่าวหาเช่นนั้น ก็จะเกิดอาการไม่พอใจที่ถูกกล่าวหา
เช่นนั้น แต่หากจะถามทั้งคนที่กล่าวหาและคนที่ถูกกกล่าวหาเช่นนั้นว่า “แล้วควายโง่อย่างไร” ผู้เขียน
เชื่อว่าส่วนใหญ่มักจะไม่ทราบว่าทําไมต้องเอาไปเปรียบเทียบกับควาย ในทางกลับกันผู้เขียนกลับเห็น
ว่าควายนั้นฉลาดเสียด้วยซํ้า เพราะควายจัดเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง ที่สามารถกินหญ้าเอาไว้ได้จํานวนมาก
แล้วตอนที่ควายพักผ่อนหรือนอน ควายจะสํารอกเอาหญ้าที่กินเข้าไป กลับออกมาเคี้ยวใหม่ ซึ่งถือได้
ว่าควายฉลาดมากที่รีบกักตุนอาหารเอาไว้ แล้วค่อยมาเคี้ยวให้ละเอียดอีกครั้งในยามพักผ่อน
หากจะกล่าวถึงสัตว์เคี้ยวเอื้องนั้น บางคนอาจจะเข้าใจว่า หมายถึง วัว กับ ควายเท่านั้น แต่
จริงๆแล้ว ยังมีสัตว์อีกหลายชนิดที่ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่น กวาง แพะ แกะ เป็นต้น ซึ่งโดยหลัก
แล้วอาหารที่กินจะเป็นหญ้าและธัญพืช และสัตว์เหล่านี้จะมีเท้าเป็นกีบคู่ เหตุใดสัตว์เหล่านี้จะต้องมี
การสํารอกอาหารออกมา และเหตุใดเราจึงเรียกสัตว์เหล่านั้นว่าเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง
สัตว์เคี้ยวเอื้องหมายถึงสัตว์ที่มีการกินอาหารเข้าไปแล้วมีการสํารอกอาหารออกมาเคี้ยวอีก
ครั้ง ทั้งนี้ก็เพื่อให้อาหารซึ่งได้แก่หญ้าและธัญพืชนั้นละเอียดมากขึ้น ดังนั้นเราจึงถือว่าการสํารอก
อาหารออกมาเคี้ยวเป็นคุณสมบัติสําคัญของสัตว์ที่จะจัดว่าเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องหรือไม่ และคุณสมบัติ
อีกประการหนึ่งที่เป็นลักษณะเฉพาะของสัตว์เคี้ยวเอื้องก็คือ การที่สัตว์เหล่านี้มีสี่กระเพาะหรือ
กระเพาะสี่ห้อง โดยมีกระเพาะห้องแรกที่ใช้ในการหมักอาหารจําพวกหญ้าและใช้เป็นที่เก็บกักอาหาร
เอาไว้ ซึ่งสัตว์เคี้ยวเอื้องจะสํารอกอาหารออกมาจากกระเพาะส่วนนี้เพื่อเคี้ยวอีกครั้งหนึ่ง กระเพาะส่วน
นี้ชื่อว่ารูเมน (Rumen) ทั้งนี้ในกระเพาะส่วนรูเมนนี้จะมีแบคทีเรียจํานวนมากที่ทําหน้าที่ในการย่อยพืช
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะตัวสัตว์เคี้ยวเอื้องเองไม่สามารถย่อยหญ้าหรือพืชได้ ดังนั้นจึงต้องสํารอกอาหาร
ออกมาเคี้ยวให้ละเอียดเพื่อให้พื้นที่อาหารเพิ่มขึ้น แล้วแบคทีเรียจะทําหน้าที่ในการย่อยเซลล์พืชที่ถูก
หมักไว้ในกระเพาะดังนั้นผลดีของการที่สัตว์เคี้ยวเอื้องสํารอกอาหารออกมาเคี้ยวใหม่ก็คือการที่พื้นที่
อาหารเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทําให้แบคทีเรียย่อยเซลล์พืชได้ดี การที่พื้นที่อาหารเพิ่มขึ้นนั้นนอกจากจะทําให้