งานสังคม

MMp'New Aukkaradet
ความรูทั่วไปเกี่ยวกับ
     ศาสนา
ความรูพื้นฐานเกี่ยวกับศาสนา
      
ความหมายของศาสนา
            คําวา "ศาสนา" มาจากภาษาสันสกฤตวา "สาสนํ" ถาเปนภาษาบาลีวา "สาสนํ" มีความหมายตามรูปศัพทวา
                                                                          
   "คําสั่งสอน" ในภาษาอังกฤษใชคําวา "Religion" ซึ่งมีศพทเดิมมาจากภาษาละตินวา Religis คํานี้นักปราชญทาง
                                                        ั
   ภาษาศาสตรไดสันนิษฐานวามาจากคํา ๒ คํา คือ Relegere ซึ่งแปลวา การปฏิบัติตอ หรือการเกี่ยวของดวยความ
   ระมัดระวัง และ Religare ซึ่งแปลวา ผูกพัน
            เพราะฉะนั้นคําวา Religion จึงมีความหมายตามรูปศัพทวา การปฏิบัติตอ การเกี่ยวของ แตอยางไรก็ตาม
   การจะพิจารณาความหมายตามรูปศัพทเพียงอยางเดียว อาจจะไมสามารถครอบคลุมสารัตถะที่แทจริงของศาสนา
   ได จึงควรจะไดศึกษาพิจารณาความหมายหรือคําจํากัดความตามเนื้อหาที่นักปราชญทางศาสนาไดใหไว ซึ่งจะ
   แตกตางกันไป ทั้งนีแลวแตประเด็นที่ตองการเนนและสภาพแวดลอม
                        ้                   
องคประกอบของศาสนา
การพิจารณาความหมายของศาสนา นักวิชาการไดแบงองคประกอบของศาสนาเปน 6 ประการ ประกอบดวย
           1. ผูกอตั้ง หรือ ศาสดา ซึ่งผูกอตังศาสนาพุทธ คือเจาชายสิทธัตถะ ไดออกบวชเปนโยคีสิตธัตถะแลวศึกษาหาความรู
                                                ้
บําเพ็ญเพียรดวยความวิริยะอุตสาหะ แสวงหาโมกขธรรมจนคนพบสัจธรรม ตรัสรูเปนองคสัมมาสัมพุทธเจา เมื่อวันขึ้น 15
ค่ํา เดือน 6 ณ ริมฝงแมน้ําเนรัญชรา ตําบลอุรุเวลาเสนานิคม แขวงเมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย แลวประกาศศาสนาครั้ง
แรกแกปญจวัคคีย เมื่อวันขึ้น 15 ค่ํา เดือน 8 กอนพุทธศักราช 45 ป ณ ปาอิสิปตนมฤคทายวัน
           2. หลักคําสอน หรือศาสนธรรม ทุกศาสนาตองมีหลักคําสอนเปนสารัตถะ เพื่อเปนแนวทางในการปฏิบัต ิในการ
ดําเนินชีวิตในสังคมและหาเปาหมายสุดทายของชีวิต ทางพุทธศาสนาเรียก นิพพาน หลักคําสอนของศาสนาพุทธ
เรียกวา พระธรรม โดยมีการบันทึกลายลักษณอักษรเปนคัมภีร เรียกวา พระไตรปฎก
           3. นักบวช สาวก หรือ ศาสนบุคคล ศาสนาพุทธไดมีการสืบทอดกันมาจนถึงปจจุบันนี้ ก็เพราะการปฏิบัติ การศึกษา
และการเผยแผของพระสงฆ เปนหลัก
           4. ศาสนิกชน ผูนับถือศาสนาพุทธ เราเรียกวา พุทธศาสนิกชน หมายถึงผูที่เลื่อมใส พระรัตนตรัย แลวศึกษาหลักคํา
สอนขององคสัมมาสัมพุทธเจา มาเปนแนวทางในการดําเนินชีวิต
           5. ศาสนสถาน ศาสานวัตถุ หรือสัญลักษณที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา หมายถึง สถานที่ที่ปรากฎในพุทธประวัติ อัน
ไดแกสงเวชชนียสถาน หรือสถานที่ที่ใชในการประกอบพิธีกรรม ทางพุทธศาสนา อันไดแก วัด โบสถ วิหาร เจดีย ศาลา
         ั
การเปรียญ หอไตร เปนตน
           6. พิธีกรรม หรือพุทธศาสนพิธี หมายถึงกิจกรรม ของพุทธบริษัทตองปฏิบัติเพื่อดํารงไวซึ่งพระพุทธศาสนา อาทิ
การอุปสมบท การทอดผาปา การทอดกฐิน การทําบุญตักบาตรในทุก ๆ วัน หรือในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา เปนตน
ประโยชนของศาสนา
        ประโยชนของศาสนาที่มีตอตนเอง เชน ทําใหเปนคนมีจิตใจสูง ชวยใหเคารพตนเอง และมีวินัยในตนเอง
ทําใหมีบุคลิกภาพและสุขภาพจิตที่ดี เปนที่เชือถือและยอมรับนับถือของผูอื่น
                                             ่

      ประโยชนของศาสนาที่มีตอสังคม เชน ชวยใหคนในสังคมอยูรวมกันอยางสันติสุข ชวยคุมครองโลกใหมี
เอกภาพ ภราดรภาพ และสันติภาพ

ประวัติศาสดาของศาสนาตางๆ
         ศาสนาสวนมากจะมีศาสดาเปนผูกอตังหรือประกาศศาสนา เพื่อสังสอนใหศาสนิกชนไดปฏิบัติตนเปน
                                          ้                       ่
คนดี การเรียนรูประวัติศาสดาของศาสนาตางๆ จึงจําเปนสําหรับเราทุกคน เพือการอยูรวมกันในสังคมของผูอื่น
                                                                       ่
ที่นับถือศาสนาทีแตกตางกัน
                 ่
ศาสนาพุทธ
      เจาชายชาวอินเดีย ทรงพระนามวาเจาชายสิทธัตถะ (ตอมาเปนทีรูจักของผูคนวาพระพุทธเจา)พระองคทรงมีชวิต
                                                                ่                                           ี
อยูเมื่อประมาณ 500 ปกอน สมัยของพระเยซู พระองคทรงเห็นวาผูคนตองทุกขยากจากความชราและความเจ็บปวย
เจาชายสิทธัตถะจึงทรงสละราชสมบัติ และทรงธุดงคไป ตามชนบท เพื่อคนหาวาอะไรคือสิ่งที่สําคัญอยางแทจริง
และอะไรคือ "สัจจธรรม" เมือทรงตรัสรูแลวก็ไดสอบสิงที่พระองคทรงเรียนรูนั้นแกผูอื่น ชาวพุทธกลาววาคนที่จะ
                            ่                       ่
เปนพุทธมามกะไดนั้น จะตองโตพอที่จะรูวาการเปนคนพุทธนั้นมีความหมายอยางไร

    ศาสนาอิสลาม
     ชาวมุสลิมที่นับถือศาสนาอิสลามนั้น ศาสดาสําคัญที่สุดของ พวกเขาก็คือ นบีมหะหมัด หรือ พระมหะหมัด ทาน
มีอาชีพเปนพอคาในเมืองเมกกะ เมื่อทานตองการเขาใกลพระเจา ทานจะขึ้นไป บนภูเขาหิราทางทิศเหนือ และจะเขา
ไปในถ้ําที่อยูบนภูเขาสูงนี้เพราะทานจะสามารถอยูตามลําพังและ ใชความคิดได คืนหนึ่งขณะที่ทานอยู ในถ่ํานั้น
ทานไดยินเสียงเสียงหนึ่ง เมื่อเงยหนาขึ้นกเห็นทุตสวรรคปรากฏอยูขางหนาทานทูตองคนั้นไดนําขาวดี ีมาใหทาน
ตั้งแตนั้นเปนตนมาทูตสวรรคก็ปรากฏแกทานบอยครั้งเพื่อนําขาวดีมาใหซึ่งทานจะตองบอกกลาวแกประชาชนในเม
กะตอไปแลว นบีมหะหมัด ก็สอนสิงที่ทูตสวรรคบอกกลาวแกทานนั้นแกประชาชนทังหลายทานสอนวามีพระเจา
                                    ่                                               ้
เพียงองคเดียวเทานั้นพระองคทรงพระนามวา พระเจา(หรือในภาษาอารบิคอานวา "อัลเลาะห") เมื่อชาวมุสลิมเรียก
นามของพระมหะหมัด พวกเขามักจะพวงทายดวยคําอวยพรวา..... "ขอสันติสุขเปนของทานเถิด" คํานี้ในบางครั้งจะ
ปรากฏเปนตัวอักษรวา "นบีมหะหมัด"
ศาสนายูดาย
         ชาวยิวยกยองใหชายชื่ออับราฮัม "บรรพบุรุษ"ของพวกเขาประมาณสีพันปมาแลวอับราฮัมเชื่อวาพระ
                                                                        ่
เจาทรงสัญญาที่จะประทานลูกหลานใหแก เขา พงศพันธุของเขากลายเปนประชาชนชาวอิสราเอล ตอมา
รูจักกันในนามชาวยิวพวกเขสเชื่อวาพระเจาทรงกระทําการดีใหกับพวกเขาพระองคทรง กระทําการดีแกทก   ุ
คนในโลก บุคคลสําคัญอีกบุคคลหนึ่งก็คือ โมเสส เขาเปนผูนําที่ยิ่งใหญชวยลูกหลานของอับราฮัมใหหลุด
พนจากการเปนทาส ในอียิปต และเปนผูนําชาวอิสราเอลเดินทางไปยังดินแดนทีพวกเขาจะสามารถอาศัยอยู
                                                                           ่
ไดอยางเสรี เพื่อทําตามกฎบัญญัติของพระเจา โมเสสและกฎ ตามความเชื่อของชาวยิว พระเจาเปนผูสราง
กฎหมายของชาวอิสราเอล พวกเขาเชื่อวาโมเสสสถิตอยูที่ภูเขา SINAI
ศาสนาซิกส
       ชายชื่อนานัก(nanak) เปนพระอาจารย(หรือ คุร) ทานแรกของศาสนาซิกขเกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน
                                                      ุ
ค.ศ. 1469 ณ บานชือทัลวันดีปจจุบันอยูใน ประเทศปากีสถาน ประชาชนที่อาศัยอยูในบริเวณนั้น ถาไมนับ
                    ่
ถือศาสนาฮินดูก็จะนับถือศาสนาอิสลาม นานักเห็นวาศาสนาทั้งสองตางมีขอดีและเขาเชื่อ วามนุษยทุกคน
เปนพี่นองกันในสายพระเนตรของพระผูเปนเจา ผูคนเรียกเขาวาคุรุนานัก ("คุร"หมายถึง ครู)หลังสมัยคุรุนา
                                                                              ุ
นักมีคุรุอีก9ทานคุรุคนสุด ทายในจํานวนนี้ก็ คุรุ โคบินด สิงห (Guru Gobind Sinh) ทานเปนผูกอตั้งกลุม
ภราดรสัมพันธของชาวซิกขเปนที่รูจักในนาม ครอบครัวบริสุทธิ์ หรือกัลสะ
ศาสนาคริสต
        พระเยซูเกิดเมื่อประมาณสองพันปที่ผานมาแลวในดินแดนปาเลสไตนปจจุบันก็คือประเทศอิสราเอล
พระองคทรงเติบโต ในเมืองนาซาเร็ธ เปนชางไม เมื่อพระชนมายุ 30 พระองครวบรวม"สาวก"ไดกลุมหนึ่งพวกเขา  
เดินทางไปทั่วประเทศกับพระองคพระองคสามารถรักษาโรคภัยดวยการ ใชพระหัตถสัมผัสแตะตองผูปวยและทรง
ทําการอัศจรรยอื่นๆอีกมากมายพระองคทรงใชเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวันของพวกเขามาสอน พวกเขา
บางครั้งเราเรียกเรื่องราวเชนนี้วาเรื่องอุปาเปรียบเทียบ สําหรับชาวคริสตนั้นเหตุการณที่สําคัญที่สุดในชีวิตของ
พระเยซูคือสิงที่เกิดขึ้น หลังจาก การวายพระชนมของพระองคที่เยรูซาเล็ม เรื่องอุปมาของพระเยซูเกี่ยวกับเหรียญ
             ่
เงินที่หายไปหญิงคนหนึ่งมีเหรียญเงินอยูสิบอันัวนหนึ่งคน นี้ทําเหรียญเงินหายไปหนึ่งอันเธออาศัยอยูในบานที่มี
หนาตางนอย ดังนั้นเธอจึงตองจุดตะเกียง แลวก็คอยๆ กวาดบานเพื่อหาเหรียญที่หายไป เมื่อพบ เธอตื่นเตนและดี
ใจมาก เอจึงไปเลาใหเพื่อนบานทุกคนฟง "ฉันมีขาวดีมาบอก ฉันพบเหรียญที่ทําหายไปแลว"พระเยซูทรงบอกแก
ประชาชนที่นงฟง พระองคอยูวา พระเจาทรงดีพระทัยเหมือนหญิงคนนี้ เมื่อคนที่ทําผิดบาปและมีชีวิตที่หางเหิน
               ั่
จากพระองคนั้นไดหันกลับมาใชชีวติตามวิถีทางที่ ี่พระองคทรงตองการ
    พระเยซู ไมมีผูใดรูจริงวาพระเยซูทรงมีหนาตาอยางไรแตก็มีคนวาดภาพของพระองคมากมายนับตังแตสมัยที่ ้
พระองคยังทรงพระชนมอยูใน โลกเมื่อสองพันปที่แลว ภาพที่เห็นนี้วาดไวเมื่อประมาณ 800 ปมาแลว
หลักธรรมของพระพุทธศาสนา
         หลักธรรมสําคัญของพระพุทธศาสนาที่สามารถนํามาปฏิบัติเพื่อการอยูรวมกันอยางสันติสุขมีอยูหลายหัวขอ
ในที่นี้จะกลาวถึงหลักธรรมเบื้องตนลางประการ ซึงไดแก
                                               ่

เบญจศีล - เบญจธรรม
       เบญจศีล หมายถึง ศีล 5 ขอ เปนการรักษาเจตนาที่จะควบคุมกาย และวาจาใหเปนปกติ คือ ไมทําบาป โดย
การละเวน 5 ประการ คือ ละเวนจากการฆาสัตว ละเวนจาก? การลักขโมย ละเวนจากการประพฤติผิดในกาม ละเวน
จากการพูดปด ละเวนจาก การเสพสุรา เบญจศีลทั้ง 5 ขอจะเกิดขึ้นมาไดก็เพราะบุคคลผูนั้นมีเบญจธรรมประจําตัว
       เบญจธรรม หมายถึง หลักธรรมที่ควรปฏิบัติ 5 ประการ ไดแก เมตตากรุณา คือ บุคคลใดที่มีเมตตายอมไม
ฆาสัตว สัมมาอาชีพ คือ ประกอบอาชีพที่สุจริต ความสํารวมอินทรีย คือ ระมัดระวัง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ
ความซื่อสัตย คือ การพูดความจริง
เบญจศีล
เบญจศีล เปนเครื่องรักษาเจตนาที่จะควบคุมกาย และวาจาใหเปนปกติ คือ ไมทําบาป โดยการละเวน 5
ประการ คือ
1. ปาณาติบาต คือ ละเวนจากการฆาสัตว และการเบียดเบียนสัตว
2. อทินนาทาน คือ ละเวนจากการลักขโมย ปลนจี้ ฉกชิง วิ่งราว เปนตน
3. กาเมสุมิจฉาจาร คือ ละเวนจากการประพฤติผิด ลวงละเมิดลูกเมียผูอื่น
4. มุสาวาท คือ ละเวนจากการพูดปด พูดคําหยาบ พูดเพอเจอ พูดสอเสียด
5. สุราเมระยะ คือ ละเวนจากการเสพสุรา เพราะเปนสาเหตุใหทําผิดศีลขออื่น
เบญจธรรม
เบญจธรรม เปนหลักธรรมที่ควรปฏิบัติ มี 5 ประการ ไดแก
1. เมตตากรุณา คือ บุคคลใดที่มีเมตตายอมไมฆา หรือเบียดเบียนสัตว ดวยรูดีวาทุกชีวิตยอมมี ความรักตัวกลัวตาย
เชนเดียวกับเรา ทําใหไมผิดศีลในขอที่ 1
2. สัมมาอาชีพ คือ ประกอบอาชีพทีสุจริต มีรายได รูจักใชจาย และทีสําคัญรูจักคําวาพอดี และมีหิริโอตตัปปะ คือ
                                     ่                                ่
ความละอาย และเกรงกลัวตอผลของบาป จึงทําใหไมผิดศีลขอที่ 2
3. ความสํารวมอินทรีย คือ ระมัดระวัง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ทําให ความใครในกามคุณ คือ การติดในรูป รส
กลิ่น เสียง สัมผัส ลดนอยลง เมือความสํารวมเกิดขึ้น จึงทําใหไมผิดศีลขอที่ 3
                                  ่
4. ความซื่อสัตย คือ การพูดความจริง เปนสิงทีทําใหไมเกิดการมุสาวาท ทําใหไมผิดศีลขอที่ 4
                                               ่ ่
5. สติ คือ การรูสึกตัว ซึ่งเปนหัวหนาฝายกุศล ทําใหชีวิตไมประมาท เพราะรูวาอะไรดี อะไรชั่ว ทําใหไมเกลือก
กลั้วกับสิงที่จะทําใหชวิตตกต่ํา เชน สุราเมื่อคนดื่มกินก็ทําใหมึนเมาและขาดสติ การมีสติจงทําใหไมผิดศีลขอที่ 5
          ่             ี                                                                 ึ
จัดทําโดย
             นายณรงคเดช บุญพุมพวง
              นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5
โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร กาญจนบุรี
1 sur 11

Contenu connexe

Tendances(20)

พราหมณ์พราหมณ์
พราหมณ์
thnaporn9992.2K vues
ฮินดูฮินดู
ฮินดู
thnaporn999971 vues
ศาสนาซิกข์ศาสนาซิกข์
ศาสนาซิกข์
thnaporn9993.5K vues
ศาสนาอิสลาม 402ศาสนาอิสลาม 402
ศาสนาอิสลาม 402
Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand3.3K vues
ศาสนาพราหมณ์ศาสนาพราหมณ์
ศาสนาพราหมณ์
นายวินิตย์ ศรีทวี9.3K vues
ศาสนาคริสต์ศาสนาคริสต์
ศาสนาคริสต์
Padvee Academy21.2K vues
ศาสนาคริสต์ศาสนาคริสต์
ศาสนาคริสต์
นายวินิตย์ ศรีทวี20.7K vues
ศาสนาซิกข์ศาสนาซิกข์
ศาสนาซิกข์
Padvee Academy36.1K vues
ศาสนาคริสต์ศาสนาคริสต์
ศาสนาคริสต์
thnaporn9996.8K vues
ศาสนาสากลศาสนาสากล
ศาสนาสากล
ThanaponSuwan1.4K vues
ศาสนาชินโตศาสนาชินโต
ศาสนาชินโต
Padvee Academy26.4K vues
ศาสนาคริสต์ศาสนาคริสต์
ศาสนาคริสต์
Dnnaree Ny2.2K vues

En vedette

Art against nazismArt against nazism
Art against nazism4lykeiotrip
429 vues28 diapositives
1.libraries selling1.libraries selling
1.libraries sellinglibfsb
424 vues9 diapositives
StoryboardpicturesStoryboardpictures
StoryboardpicturesDenniHepburn96
210 vues10 diapositives
Industrial SuppliersIndustrial Suppliers
Industrial SuppliersCrish Mart
50 vues3 diapositives

En vedette(19)

Art against nazismArt against nazism
Art against nazism
4lykeiotrip429 vues
1.libraries selling1.libraries selling
1.libraries selling
libfsb424 vues
StoryboardpicturesStoryboardpictures
Storyboardpictures
DenniHepburn96210 vues
Industrial SuppliersIndustrial Suppliers
Industrial Suppliers
Crish Mart50 vues
MVCMVC
MVC
Ashis Kumar Chanda224 vues
Social networkSocial network
Social network
DenniHepburn96121 vues
Unit testingUnit testing
Unit testing
Serdar Sönmez356 vues
8.moving on 8.moving on
8.moving on
libfsb708 vues
7.a more7.a more
7.a more
libfsb347 vues
Country LivingCountry Living
Country Living
Carrie Summers107 vues
Vocabulary Mini WorkshopVocabulary Mini Workshop
Vocabulary Mini Workshop
colemama520 vues
Btec u62 and 1 ass 1Btec u62 and 1 ass 1
Btec u62 and 1 ass 1
sophiechh179 vues

Similaire à งานสังคม(20)

ติวศาสนา55ติวศาสนา55
ติวศาสนา55
Kwandjit Boonmak4.1K vues
ติวศาสนา55ติวศาสนา55
ติวศาสนา55
Kwandjit Boonmak1.5K vues
ศาสนาพราหมณ์ศาสนาพราหมณ์
ศาสนาพราหมณ์
sorrachat keawjam2.6K vues
สส
Amra Doungta50 vues
444444
444
manit akkhachat318 vues
ศาสนาซิกส์ศาสนาซิกส์
ศาสนาซิกส์
นายวินิตย์ ศรีทวี1.9K vues
สถานการณ์พุทธศาสนา พลิกหายนะเป็นพัฒนาสถานการณ์พุทธศาสนา พลิกหายนะเป็นพัฒนา
สถานการณ์พุทธศาสนา พลิกหายนะเป็นพัฒนา
ธรรมะอินเทรนด์ ธรรมะออนไลน์591 vues
ปอซอปอซอ
ปอซอ
ชิตชัย โพธิ์ประภา1.9K vues
Chapter2Chapter2
Chapter2
Garsiet Creus1K vues

Plus de MMp'New Aukkaradet(6)

งานPPTงานPPT
งานPPT
MMp'New Aukkaradet1.8K vues
บทคัดย่อบทคัดย่อ
บทคัดย่อ
MMp'New Aukkaradet4 vues
บทคัดย่อบทคัดย่อ
บทคัดย่อ
MMp'New Aukkaradet2 vues
บทคัดย่อบทคัดย่อ
บทคัดย่อ
MMp'New Aukkaradet1.3K vues
Thai eThai e
Thai e
MMp'New Aukkaradet204 vues

งานสังคม

  • 2. ความรูพื้นฐานเกี่ยวกับศาสนา  ความหมายของศาสนา คําวา "ศาสนา" มาจากภาษาสันสกฤตวา "สาสนํ" ถาเปนภาษาบาลีวา "สาสนํ" มีความหมายตามรูปศัพทวา  "คําสั่งสอน" ในภาษาอังกฤษใชคําวา "Religion" ซึ่งมีศพทเดิมมาจากภาษาละตินวา Religis คํานี้นักปราชญทาง ั ภาษาศาสตรไดสันนิษฐานวามาจากคํา ๒ คํา คือ Relegere ซึ่งแปลวา การปฏิบัติตอ หรือการเกี่ยวของดวยความ ระมัดระวัง และ Religare ซึ่งแปลวา ผูกพัน เพราะฉะนั้นคําวา Religion จึงมีความหมายตามรูปศัพทวา การปฏิบัติตอ การเกี่ยวของ แตอยางไรก็ตาม การจะพิจารณาความหมายตามรูปศัพทเพียงอยางเดียว อาจจะไมสามารถครอบคลุมสารัตถะที่แทจริงของศาสนา ได จึงควรจะไดศึกษาพิจารณาความหมายหรือคําจํากัดความตามเนื้อหาที่นักปราชญทางศาสนาไดใหไว ซึ่งจะ แตกตางกันไป ทั้งนีแลวแตประเด็นที่ตองการเนนและสภาพแวดลอม ้ 
  • 3. องคประกอบของศาสนา การพิจารณาความหมายของศาสนา นักวิชาการไดแบงองคประกอบของศาสนาเปน 6 ประการ ประกอบดวย 1. ผูกอตั้ง หรือ ศาสดา ซึ่งผูกอตังศาสนาพุทธ คือเจาชายสิทธัตถะ ไดออกบวชเปนโยคีสิตธัตถะแลวศึกษาหาความรู ้ บําเพ็ญเพียรดวยความวิริยะอุตสาหะ แสวงหาโมกขธรรมจนคนพบสัจธรรม ตรัสรูเปนองคสัมมาสัมพุทธเจา เมื่อวันขึ้น 15 ค่ํา เดือน 6 ณ ริมฝงแมน้ําเนรัญชรา ตําบลอุรุเวลาเสนานิคม แขวงเมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย แลวประกาศศาสนาครั้ง แรกแกปญจวัคคีย เมื่อวันขึ้น 15 ค่ํา เดือน 8 กอนพุทธศักราช 45 ป ณ ปาอิสิปตนมฤคทายวัน 2. หลักคําสอน หรือศาสนธรรม ทุกศาสนาตองมีหลักคําสอนเปนสารัตถะ เพื่อเปนแนวทางในการปฏิบัต ิในการ ดําเนินชีวิตในสังคมและหาเปาหมายสุดทายของชีวิต ทางพุทธศาสนาเรียก นิพพาน หลักคําสอนของศาสนาพุทธ เรียกวา พระธรรม โดยมีการบันทึกลายลักษณอักษรเปนคัมภีร เรียกวา พระไตรปฎก 3. นักบวช สาวก หรือ ศาสนบุคคล ศาสนาพุทธไดมีการสืบทอดกันมาจนถึงปจจุบันนี้ ก็เพราะการปฏิบัติ การศึกษา และการเผยแผของพระสงฆ เปนหลัก 4. ศาสนิกชน ผูนับถือศาสนาพุทธ เราเรียกวา พุทธศาสนิกชน หมายถึงผูที่เลื่อมใส พระรัตนตรัย แลวศึกษาหลักคํา สอนขององคสัมมาสัมพุทธเจา มาเปนแนวทางในการดําเนินชีวิต 5. ศาสนสถาน ศาสานวัตถุ หรือสัญลักษณที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา หมายถึง สถานที่ที่ปรากฎในพุทธประวัติ อัน ไดแกสงเวชชนียสถาน หรือสถานที่ที่ใชในการประกอบพิธีกรรม ทางพุทธศาสนา อันไดแก วัด โบสถ วิหาร เจดีย ศาลา ั การเปรียญ หอไตร เปนตน 6. พิธีกรรม หรือพุทธศาสนพิธี หมายถึงกิจกรรม ของพุทธบริษัทตองปฏิบัติเพื่อดํารงไวซึ่งพระพุทธศาสนา อาทิ การอุปสมบท การทอดผาปา การทอดกฐิน การทําบุญตักบาตรในทุก ๆ วัน หรือในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา เปนตน
  • 4. ประโยชนของศาสนา ประโยชนของศาสนาที่มีตอตนเอง เชน ทําใหเปนคนมีจิตใจสูง ชวยใหเคารพตนเอง และมีวินัยในตนเอง ทําใหมีบุคลิกภาพและสุขภาพจิตที่ดี เปนที่เชือถือและยอมรับนับถือของผูอื่น ่ ประโยชนของศาสนาที่มีตอสังคม เชน ชวยใหคนในสังคมอยูรวมกันอยางสันติสุข ชวยคุมครองโลกใหมี เอกภาพ ภราดรภาพ และสันติภาพ ประวัติศาสดาของศาสนาตางๆ ศาสนาสวนมากจะมีศาสดาเปนผูกอตังหรือประกาศศาสนา เพื่อสังสอนใหศาสนิกชนไดปฏิบัติตนเปน ้ ่ คนดี การเรียนรูประวัติศาสดาของศาสนาตางๆ จึงจําเปนสําหรับเราทุกคน เพือการอยูรวมกันในสังคมของผูอื่น ่ ที่นับถือศาสนาทีแตกตางกัน ่
  • 5. ศาสนาพุทธ เจาชายชาวอินเดีย ทรงพระนามวาเจาชายสิทธัตถะ (ตอมาเปนทีรูจักของผูคนวาพระพุทธเจา)พระองคทรงมีชวิต ่ ี อยูเมื่อประมาณ 500 ปกอน สมัยของพระเยซู พระองคทรงเห็นวาผูคนตองทุกขยากจากความชราและความเจ็บปวย เจาชายสิทธัตถะจึงทรงสละราชสมบัติ และทรงธุดงคไป ตามชนบท เพื่อคนหาวาอะไรคือสิ่งที่สําคัญอยางแทจริง และอะไรคือ "สัจจธรรม" เมือทรงตรัสรูแลวก็ไดสอบสิงที่พระองคทรงเรียนรูนั้นแกผูอื่น ชาวพุทธกลาววาคนที่จะ ่ ่ เปนพุทธมามกะไดนั้น จะตองโตพอที่จะรูวาการเปนคนพุทธนั้นมีความหมายอยางไร ศาสนาอิสลาม ชาวมุสลิมที่นับถือศาสนาอิสลามนั้น ศาสดาสําคัญที่สุดของ พวกเขาก็คือ นบีมหะหมัด หรือ พระมหะหมัด ทาน มีอาชีพเปนพอคาในเมืองเมกกะ เมื่อทานตองการเขาใกลพระเจา ทานจะขึ้นไป บนภูเขาหิราทางทิศเหนือ และจะเขา ไปในถ้ําที่อยูบนภูเขาสูงนี้เพราะทานจะสามารถอยูตามลําพังและ ใชความคิดได คืนหนึ่งขณะที่ทานอยู ในถ่ํานั้น ทานไดยินเสียงเสียงหนึ่ง เมื่อเงยหนาขึ้นกเห็นทุตสวรรคปรากฏอยูขางหนาทานทูตองคนั้นไดนําขาวดี ีมาใหทาน ตั้งแตนั้นเปนตนมาทูตสวรรคก็ปรากฏแกทานบอยครั้งเพื่อนําขาวดีมาใหซึ่งทานจะตองบอกกลาวแกประชาชนในเม กะตอไปแลว นบีมหะหมัด ก็สอนสิงที่ทูตสวรรคบอกกลาวแกทานนั้นแกประชาชนทังหลายทานสอนวามีพระเจา ่ ้ เพียงองคเดียวเทานั้นพระองคทรงพระนามวา พระเจา(หรือในภาษาอารบิคอานวา "อัลเลาะห") เมื่อชาวมุสลิมเรียก นามของพระมหะหมัด พวกเขามักจะพวงทายดวยคําอวยพรวา..... "ขอสันติสุขเปนของทานเถิด" คํานี้ในบางครั้งจะ ปรากฏเปนตัวอักษรวา "นบีมหะหมัด"
  • 6. ศาสนายูดาย ชาวยิวยกยองใหชายชื่ออับราฮัม "บรรพบุรุษ"ของพวกเขาประมาณสีพันปมาแลวอับราฮัมเชื่อวาพระ ่ เจาทรงสัญญาที่จะประทานลูกหลานใหแก เขา พงศพันธุของเขากลายเปนประชาชนชาวอิสราเอล ตอมา รูจักกันในนามชาวยิวพวกเขสเชื่อวาพระเจาทรงกระทําการดีใหกับพวกเขาพระองคทรง กระทําการดีแกทก ุ คนในโลก บุคคลสําคัญอีกบุคคลหนึ่งก็คือ โมเสส เขาเปนผูนําที่ยิ่งใหญชวยลูกหลานของอับราฮัมใหหลุด พนจากการเปนทาส ในอียิปต และเปนผูนําชาวอิสราเอลเดินทางไปยังดินแดนทีพวกเขาจะสามารถอาศัยอยู ่ ไดอยางเสรี เพื่อทําตามกฎบัญญัติของพระเจา โมเสสและกฎ ตามความเชื่อของชาวยิว พระเจาเปนผูสราง กฎหมายของชาวอิสราเอล พวกเขาเชื่อวาโมเสสสถิตอยูที่ภูเขา SINAI ศาสนาซิกส ชายชื่อนานัก(nanak) เปนพระอาจารย(หรือ คุร) ทานแรกของศาสนาซิกขเกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน ุ ค.ศ. 1469 ณ บานชือทัลวันดีปจจุบันอยูใน ประเทศปากีสถาน ประชาชนที่อาศัยอยูในบริเวณนั้น ถาไมนับ ่ ถือศาสนาฮินดูก็จะนับถือศาสนาอิสลาม นานักเห็นวาศาสนาทั้งสองตางมีขอดีและเขาเชื่อ วามนุษยทุกคน เปนพี่นองกันในสายพระเนตรของพระผูเปนเจา ผูคนเรียกเขาวาคุรุนานัก ("คุร"หมายถึง ครู)หลังสมัยคุรุนา ุ นักมีคุรุอีก9ทานคุรุคนสุด ทายในจํานวนนี้ก็ คุรุ โคบินด สิงห (Guru Gobind Sinh) ทานเปนผูกอตั้งกลุม ภราดรสัมพันธของชาวซิกขเปนที่รูจักในนาม ครอบครัวบริสุทธิ์ หรือกัลสะ
  • 7. ศาสนาคริสต พระเยซูเกิดเมื่อประมาณสองพันปที่ผานมาแลวในดินแดนปาเลสไตนปจจุบันก็คือประเทศอิสราเอล พระองคทรงเติบโต ในเมืองนาซาเร็ธ เปนชางไม เมื่อพระชนมายุ 30 พระองครวบรวม"สาวก"ไดกลุมหนึ่งพวกเขา  เดินทางไปทั่วประเทศกับพระองคพระองคสามารถรักษาโรคภัยดวยการ ใชพระหัตถสัมผัสแตะตองผูปวยและทรง ทําการอัศจรรยอื่นๆอีกมากมายพระองคทรงใชเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวันของพวกเขามาสอน พวกเขา บางครั้งเราเรียกเรื่องราวเชนนี้วาเรื่องอุปาเปรียบเทียบ สําหรับชาวคริสตนั้นเหตุการณที่สําคัญที่สุดในชีวิตของ พระเยซูคือสิงที่เกิดขึ้น หลังจาก การวายพระชนมของพระองคที่เยรูซาเล็ม เรื่องอุปมาของพระเยซูเกี่ยวกับเหรียญ ่ เงินที่หายไปหญิงคนหนึ่งมีเหรียญเงินอยูสิบอันัวนหนึ่งคน นี้ทําเหรียญเงินหายไปหนึ่งอันเธออาศัยอยูในบานที่มี หนาตางนอย ดังนั้นเธอจึงตองจุดตะเกียง แลวก็คอยๆ กวาดบานเพื่อหาเหรียญที่หายไป เมื่อพบ เธอตื่นเตนและดี ใจมาก เอจึงไปเลาใหเพื่อนบานทุกคนฟง "ฉันมีขาวดีมาบอก ฉันพบเหรียญที่ทําหายไปแลว"พระเยซูทรงบอกแก ประชาชนที่นงฟง พระองคอยูวา พระเจาทรงดีพระทัยเหมือนหญิงคนนี้ เมื่อคนที่ทําผิดบาปและมีชีวิตที่หางเหิน ั่ จากพระองคนั้นไดหันกลับมาใชชีวติตามวิถีทางที่ ี่พระองคทรงตองการ พระเยซู ไมมีผูใดรูจริงวาพระเยซูทรงมีหนาตาอยางไรแตก็มีคนวาดภาพของพระองคมากมายนับตังแตสมัยที่ ้ พระองคยังทรงพระชนมอยูใน โลกเมื่อสองพันปที่แลว ภาพที่เห็นนี้วาดไวเมื่อประมาณ 800 ปมาแลว
  • 8. หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หลักธรรมสําคัญของพระพุทธศาสนาที่สามารถนํามาปฏิบัติเพื่อการอยูรวมกันอยางสันติสุขมีอยูหลายหัวขอ ในที่นี้จะกลาวถึงหลักธรรมเบื้องตนลางประการ ซึงไดแก ่ เบญจศีล - เบญจธรรม เบญจศีล หมายถึง ศีล 5 ขอ เปนการรักษาเจตนาที่จะควบคุมกาย และวาจาใหเปนปกติ คือ ไมทําบาป โดย การละเวน 5 ประการ คือ ละเวนจากการฆาสัตว ละเวนจาก? การลักขโมย ละเวนจากการประพฤติผิดในกาม ละเวน จากการพูดปด ละเวนจาก การเสพสุรา เบญจศีลทั้ง 5 ขอจะเกิดขึ้นมาไดก็เพราะบุคคลผูนั้นมีเบญจธรรมประจําตัว เบญจธรรม หมายถึง หลักธรรมที่ควรปฏิบัติ 5 ประการ ไดแก เมตตากรุณา คือ บุคคลใดที่มีเมตตายอมไม ฆาสัตว สัมมาอาชีพ คือ ประกอบอาชีพที่สุจริต ความสํารวมอินทรีย คือ ระมัดระวัง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ความซื่อสัตย คือ การพูดความจริง
  • 9. เบญจศีล เบญจศีล เปนเครื่องรักษาเจตนาที่จะควบคุมกาย และวาจาใหเปนปกติ คือ ไมทําบาป โดยการละเวน 5 ประการ คือ 1. ปาณาติบาต คือ ละเวนจากการฆาสัตว และการเบียดเบียนสัตว 2. อทินนาทาน คือ ละเวนจากการลักขโมย ปลนจี้ ฉกชิง วิ่งราว เปนตน 3. กาเมสุมิจฉาจาร คือ ละเวนจากการประพฤติผิด ลวงละเมิดลูกเมียผูอื่น 4. มุสาวาท คือ ละเวนจากการพูดปด พูดคําหยาบ พูดเพอเจอ พูดสอเสียด 5. สุราเมระยะ คือ ละเวนจากการเสพสุรา เพราะเปนสาเหตุใหทําผิดศีลขออื่น
  • 10. เบญจธรรม เบญจธรรม เปนหลักธรรมที่ควรปฏิบัติ มี 5 ประการ ไดแก 1. เมตตากรุณา คือ บุคคลใดที่มีเมตตายอมไมฆา หรือเบียดเบียนสัตว ดวยรูดีวาทุกชีวิตยอมมี ความรักตัวกลัวตาย เชนเดียวกับเรา ทําใหไมผิดศีลในขอที่ 1 2. สัมมาอาชีพ คือ ประกอบอาชีพทีสุจริต มีรายได รูจักใชจาย และทีสําคัญรูจักคําวาพอดี และมีหิริโอตตัปปะ คือ ่ ่ ความละอาย และเกรงกลัวตอผลของบาป จึงทําใหไมผิดศีลขอที่ 2 3. ความสํารวมอินทรีย คือ ระมัดระวัง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ทําให ความใครในกามคุณ คือ การติดในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ลดนอยลง เมือความสํารวมเกิดขึ้น จึงทําใหไมผิดศีลขอที่ 3 ่ 4. ความซื่อสัตย คือ การพูดความจริง เปนสิงทีทําใหไมเกิดการมุสาวาท ทําใหไมผิดศีลขอที่ 4 ่ ่ 5. สติ คือ การรูสึกตัว ซึ่งเปนหัวหนาฝายกุศล ทําใหชีวิตไมประมาท เพราะรูวาอะไรดี อะไรชั่ว ทําใหไมเกลือก กลั้วกับสิงที่จะทําใหชวิตตกต่ํา เชน สุราเมื่อคนดื่มกินก็ทําใหมึนเมาและขาดสติ การมีสติจงทําใหไมผิดศีลขอที่ 5 ่ ี ึ
  • 11. จัดทําโดย นายณรงคเดช บุญพุมพวง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร กาญจนบุรี