คอม
- 2. สารบัญ
ใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสาคัญของโครงงาน
คอมพิวเตอร์
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา”
ใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาเครื่องมือ”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภท “การประยุกต์ใช้งาน”
ใบงานที่ 8 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์”
- 4. โครงงาน หมายถึง การกาหนดรูปแบบในการทางานอย่างเป็นระเบียบ มีกระบวนการทางานที่ชัดเจนเพื่อให้สามารถผลิตชิ้นงาน
/ ผลงานที่สัมพันธ์กับ หลักสูตรและนาไปใช้ประโยชน์กับชีวิตจริง
โครงงาน
เป็นรูปแบบการเรียนที่มุ่งส่งเสริม ให้ผู้เรียนได้ค้นหาความสามารถ ความถนัด และความสนใจของตนเองในด้าน
ต่าง ๆ มาจาก แนวคิดพื้นฐานของการเรียน รู้โดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Child Center) และการเรียนรู้ตามสภาพจริง
โดยมีการศึกษาหลักการและวิธีเกี่ยวกับ โครงงานที่เลือกศึกษาวิเคราะห์ วางแผนการทางาน ลงมือทางาน และปรับปรุง
เพื่อให้งานบรรลุตามวัตถุประสงค์ ในกระบวนการเรียนการสอนได้ใช้ทักษะกระบวนการสอดแทรกคุณธรรม ทางานเป็น
กลุ่ม ฝึกปฏิบัติจริง เน้นผู้เรียนมีส่วนร่วม มีครูเป็นผู้ชี้แนะ ให้คาปรึกษาตลอดเวลาเน้นฝึกคนให้แสวงหาความรู้ด้วย
ตนเอง
โครงงาน เป็นการจัดการเรียน รู้รูปแบบหนึ่งที่ ทาให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองจากการลงมือปฏิบัติจริง ในลักษณะ
ของการศึกษาสารวจ ค้นคว้า ทดลอง ประดิษฐ์คิดค้น โดยมีครูเป็นผู้คอยกระตุ้นแนะนาให้คาปรึกษา
ประโยชน์และความสาคัญของการจัดทาโครงงาน
1. ทางานตามความถนัด ความสนใจของตนเอง
2. ฝึกทักษะกระบวนการทางานด้วยตนเองหรือร่วมกันทางานเป็นกลุ่ม
3. สามารถวางแผนการทางานเป็นระบบ
4. พัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
5. ศึกษา ค้นคว้า และแก้ปัญหาจากการทางาน
6. เป็นสิ่งยืนยันว่าเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในโครงงานที่ทาจริง ในกรณีที่ต้องนาแสดงต่อผู้
ที่เกี่ยวข้อง
7. มีความรู้นอกเหนือจากหนังสือแบบเรียน
- 6. ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ มี 5 ประเภท ให้นักเรียนค้นหาขอบข่ายของโครงงานแต่ละประเภท เป็นข้อๆ (ค้นจาก
ห้องสมุด / อินเทอร์เน็ต) แล้วบันทึกลงกระดาษขนาด A4 ที่เตรียมมา พร้อมเขียน แหล่งที่มา หรือ Address ของ
website ที่นักเรียนค้นหาข้อมูลเหล่านั้นด้วย
โครงงานคอมพิวเตอร์ แบ่งตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานดังนี้
- การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
- การพัฒนาเครื่องมือ
- การทดลองทฤษฎี
- การประยุกต์ใช้งาน
- การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
- 7. ขอบข่ายของโครงงาน
1. เป็นกิจกรรมการเรียนให้นักเรียนศึกษา ค้นคว้า ปฏิบัติดัวยตนเองโดยอาศัยหลักวิชาการทางทฤษฎีตามเนื้อหา
โครงงานนั้นๆ หรือจากประสบการณ์และกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้พบเห็นมากแล้ว
2. นักเรียนทุกคนพิจารณาจัดทาโครงงานด้วยตนเอง หรือเป็นกลุ่มโดยใช้ระยะเวลาสั้นๆ เป็นภาคเรียน หรือมากว่า
ก็ได้แล้วแต่โครงงานเล็กหรือใหญ่
3. นักเรียนเป็นผู้พิจารณาริเริ่มสร้างสรรค์ คัดเลือกโครงงานที่จะศึกษาค้นคว้าปฏิบัติด้วยตนเองตามความถนัด
สนใจ และความพร้อม
4. นักเรียนเป็นผู้เสนอโครงงาน รายละเอียดของโครงงาน แผนปฏิบัติงานและการแปลผลรายงานผลต่ออาจารย์ที่
ปรึกษา เพื่อดาเนินงานร่วมกันให้บรรลุตามจุดหมายที่กาหนดไว้
5. เป็นโครงงานที่เหมาะสมกับความรู้ ความสามารถของนักเรียนตามวัยและสติปัญญา รวมทั้งการใช้จ่ายเงิน
ดาเนินงานด้วย
- 10. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media)
เป็นโครงงานทีใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียน หรือหน่วยการ
เรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวนและคาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบ
รายบุคคลหรือรายกลุ่ม การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยนี้ ถือว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน
ไม่ใช่เป็นครูผู้สอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบ Online ให้นักเรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้
โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสาขา
คอมพิวเตอร์ วิชาคณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ วิชาสังคม วิชาชีพอื่น ๆ ฯลฯ โดยนักเรียนอาจคัดเลือกหัวข้อ
ที่นักเรียนทั่วไปที่ทาความเข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาโปรแกรมบทเรียน ตัวอย่าง เช่น โปรแกรม
สอนวิธีการใช้งาน ระบบสุริยะจักรวาล โปรแกรมแบบทดสอบวิชาต่าง ๆ
ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้ คือ เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้าง
โปรแกรมบทเรียนหรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคาถามคาตอบไว้
พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่า
คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาด้วย
ตนเองก็ได้โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่างๆ โดยผู้เรียนอาจ
คัดเลือกเนื้อหาที่เข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ตัวอย่างโครงงาน เช่น การเคลื่อนที่
แบบโปรเจ็กไตล์ระบบสุริยจักรวาล ตัวแปรต่างๆ ที่มีผลต่อการชากิ่งกุหลาบ หลักภาษาไทย และสถานที่
สาคัญของประเทศไทยเป็นต้น
- 11. เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษาโดยการสร้างโปรแกรมบทเรียนหรือหน่วยการ
เรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบ
รายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่าคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ซึ่ง
อาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้โครงงานประเภทนี้สามารถ
พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่างๆ โดยผู้เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาที่เข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อใน
การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา เช่น การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็กไตล์ระบบสุริยจักรวาล หลักภาษาไทย และ
สถานที่สาคัญของประเทศไทย โครงงานเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์วิถีชีวิตของคนไทยพวน โปรแกรม
ดนตรีไทยแสนสนุก โปรแกรม ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต โปรแกรมสานวนไทยพาสนุก โปรแกรมฝึก
อ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ โปรแกรมเรียนรู้คณิตศาสตร์
- 13. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ
โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือช่วย สร้างงานประยุกต์ต่างๆ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในรูป
ซอฟต์แวร์ เช่น ซอฟต์แวร์วาดรูป ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน และซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่างๆ เป็นต้น
สาหรับซอฟต์แวร์เพื่อการพิมพ์งานนั้นสร้างขึ้นเป็นโปรแกรมประมวลคา ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้เราใช้ในการ
พิมพ์งานต่างๆบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนซอฟต์แวร์การวาดรูป พัฒนาขึ้นเพื่ออานวยความสะดวกให้การ
วาดรูปบนเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นไปได้ โดยง่าย สาหรับซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่างๆ ใช้
สาหรับช่วยการออกแบบสิ่งของ อาทิเช่น ผู้ใช้วาดแจกันด้านหน้า และต้องการจะดูว่าด้านบนและด้านข้าง
เป็นอย่างไร ก็ให้ซอฟต์แวร์คานวณค่าและภาพที่ควรจะเป็นมาให้ เพื่อพิจารณาและแก้ไขภาพแจกันที่
ออกแบบไว้ได้อย่างสะดวก
ตัวอย่างชื่อโครงงาน
- โปรแกรมการค้นหาคาภาษาไทย
- โปรแกรมอ่านอักษรไทย
- โปรแกรมวาดภาพสามมิติ
- โปรแกรมเข้าและถอดรหัสข้อมูล
- โปรแกรมบีบอัดข้อมูล
- โปรแกรมประมวลผลคาไทยบนระบบปฏิบัติการลีนุกซ์
- โปรแกรมการออกแบบผังงาน
- พอร์ตแบบขนานของไทย
- การส่งสัญญาณควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- 15. โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการจาลองการทดลองของสาขาต่างๆซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถทดลองด้วย
สถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็นโครงงานที่ผู้ทาต้องศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริง และ
แนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิดแบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ
หรือคาอธิบาย พร้อมทั้งารจาลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนั้น
ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นการทาโครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญอยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆเป็นอย่าง
ดี ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี เช่น
- การทดลองเรื่องการไหลของของเหลว
- การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า
- การทดลองเรื่องการมองเห็นวัตถุแบบสามมิติ
- กิจกรรมการไหลซึมของน้า
ความรู้พื้นฐาน
การไหลซึมของน้าสู่ดินขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น (เนื้อดินและการกระจายของขนาดอนุภาคดิน)และแรง
ดึงดูดระหว่างอนุภาคดินกับน้าดินบางชนิดจะปล่อยให้น้าซึมผ่านได้อย่างรวดเร็วแล้วอุ้มน้าไว้ในดินซึ่งทาให้พืชสามารถดูด
น้าไปใช้ได้ดีขึ้น ดินบางชนิดอาจปล่อยให้น้าซึมผ่านไปได้หมดภายในเวลา 2 - 3 วินาที ดินบางชนิดไม่ยอมให้น้าซึมผ่านเลย
ดินที่เหมาะสาหรับการปลูกพืชควรมีสมบัติอย่างไร ดินที่เหมาะสมสาหรับเป็นที่จอดรถหรือสนามเด็กเล่นควรมีสมบัติ
อย่างไร ถ้าดินอิ่มตัวไปด้วยน้าแล้วมีฝนตกหนักบริเวณนั้นจะเกิดอะไรขึ้นนักเรียนจะปรับปรุงการอุ้มน้าของดินให้เหมาะสม
ได้อย่างไร ถ้าเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดินถ้ามีพืชขึ้นอยู่บนดินถ้าดินถูกอัดตัว หรือถ้าดินถูกไถพรวนเกิดอะไรขึ้นกับการไหล
ซึมของน้าสู่ดิน
น้าในดินเป็นตัวการสาคัญในการลาเลียงธาตุอาหารจากดินสู่พืชที่กาลังเจริญเติบโต พืชได้น้าจากการดูดน้าจากดินของ
ราก และได้อาหารที่ละลายอยู่ในน้าซึ่งอยู่ในดินดินจะมีธาตุอาหารพืชอยู่มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับว่าดินนั้นเกิดขึ้นได้
อย่างไร จากวัตถุต้นกาเนิดอะไร และจัดเรียงตัวกันอย่างไร ชาวสวนและชาวนามักจะเติมธาตุอาหาร หรือ ปุ๋ ย ลงในดินเพื่อ
จะเพิ่มธาตุอาหารของพืช
- 17. โครงงานประยุกต์ใช้งานเป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการ สร้างผลงานเพื่อประยุกต์ใช้งานจริงใน
ชีวิตประจาวัน อาทิเช่น ซอฟต์แวร์สาหรับการออกแบบและตกแต่งภายในอาคาร ซอฟต์แวร์สาหรับการผสม
สี และซอฟต์แวร์สาหรับการระบุคนร้าย เป็นต้น โครงงานประเภทนี้จะมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์
หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ ซึ่งอาจเป็นการคิดสร้างสิ่งของขึ้นใหม่ หรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของเดิมที่มีอยู่
แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โครงงานลักษณะนี้จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ก่อนแล้วนา
ข้อมูลที่ได้มาใช้ในการออกแบบและพัฒนาสิ่งของนั้นๆ ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทางานหรือทดสอบ
คุณภาพของสิ่งประดิษฐ์แล้วปรับ ปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนี้ผู้เรียนต้องใช้ความรู้
เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรม และเครื่องมือต่างๆที่เกี่ยวข้องรวมทั้งอาจใช้วิธีทางวิศวกรรม
ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในการพัฒนา ด้วย
ตัวอย่าง
1. โปรแกรม สารบรรณสาเร็จรูป : Readymade Archivist
2. โปรแกรมระบบฐานข้อมูลทางการแพทย์เบื้องต้น
3. โปรแกรมระบบแฟ้ มฐานข้อมูลผู้เรียน 2001
4. เครื่องรดน้าต้นไม้และให้อาหารปลาผ่านโทรศัพท์มือถือ
5. เครื่องให้อาหารไก่ไข่อัตโนมัติ
- 20. แหล่งอ้างอิง
http://www.yupparaj.ac.th/CAI/CAI2005/33102/plan1/know1.htm
http://www.lks.ac.th/kuanjit/s5.htm
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/314100
http://kruoong.blogspot.com/2011/05/blog-post.html
http://st.mengrai.ac.th/users/9134/u1.doc
http://www.thaigoodview.com/node/17030?page=0%2C7
http://www.rayongwit.ac.th/chanarat/unit1/unit1-3.html
http://tc.mengrai.ac.th/kruyuy
http://www.thaigoodview.com/node/17030?page=0%2C7
http://namkwanmay.wordpress.com/2011/02/08/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%
A0%E0%B8%97%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%8
7%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4
%E0%B8%A7/
https://sites.google.com/site/luksaduankhorngnganthekhnoloyi/tawxyang-khorng-ngan-khxmphiwtexr
http://kruoong.blogspot.com/2011/07/blog-post_25.html
http://courseware.payap.ac.th/docu/cs102/LS03/app02.html
http://portal.edu.chula.ac.th/lesa_cd/assets/document/LESA212/8/soil/passing_through/passing_through.html