More Related Content
Similar to บทที่ 7 สมถกัมมัฏฐาน
Similar to บทที่ 7 สมถกัมมัฏฐาน (20)
More from Onpa Akaradech (9)
บทที่ 7 สมถกัมมัฏฐาน
- 3. 1. กามฉันท หมายถึง ความพอใจรักใครในกามคุณ ๕
มีรูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ ดวยอํานาจของกิเลส
กามหลงใหลในกามสุข คนที่มากไปดวยกามฉันทควร
แกดวยการเจริญอสุภกัมมัฏฐาน
2. พยาบาท หมายถึง ความโกรธจัด ดวยกําลังโทสะ
อยางแรง ถึงกับมีความพยาบาทคิดจองลางจองผลาญ
ผูอื่น คนผูมีความพยาบาท มักโกรธงายโมโหราย ควร
แกดวยการเจริญพรหมวิหารธรรม ๓ ขอ คือ เมตตา
กรุณา และ มุทิตา
- 4. 3. ถีนมิทธะ หมายถึง ความหดหูทอแทและเคลิบเคลิ้ม
เศราซึมแหงจิต คนผูมีถีนมิทธะมักยอทอในกิจการงาน
ที่ตองทําควรแกดวยการเจริญอนุสสติกัมมัฏฐานนึกถึง
ความดีของตนหรือคุณของพระรัตนตรัย เปนตน...
4. อุทธัจจกุกกุจจะ หมายถึง ความฟุงซาน อึดอัด วิตก
กังวลอันเปนเหตุใหใจไมปกติ ควรแกดวยการเพงกสิณ
เพื่อใหใจแนวแน หรือเจริญมรณัสสติกัมมัฏฐาน
5. วิจิกิจฉา หมายถึง ความลังเลสงสัยตัดสินใจไมไดแก
ดวยการเจริญธาตุกัมมัฏฐานหรือวิปสสนากัมมัฏฐาน
- 6. 2. อัปปนาสมาธิ สมาธิแนวแน คือ สภาวะจิตของ
บุคคลผูบําเพ็ญสมถกัมมัฏฐาน จนจิตแนบแนนคง
อยูในอารมณกัมมัฏฐาน ไมฟุงซานไปที่อื่น ตั้งมั่น
ในอารมณเดียวที่เรียกวา “เอกัคคตาจิต”
การทําใจใหสงบเปนสมาธิ โดยวิธีคือเจริญสมถ
กัมมัฏฐานนี้ ตองมีอารมณเปนเครื่องยึดเหนี่ยวใน
ที่นี้ทานไดแสดงหัวใจสมถกัมมัฏฐาน ๕ อยาง อัน
ใจสมถกั
เปนคูปรับของนิวรณ ๕ เพื่อเปนอุบายเจิรญสมาธิ
ายเจิ ญสมาธิ
- 8. 1.กายคตาสติ หมายถึง สติที่ไปในกาย คือการใชสติพิจารณา
ถึงอวัยวะในรางกายของตนและของผูอื่น ใหเห็นเปนของไม
งดงาม เรียกวา มูลกัมมัฏฐาน หรือ ตจปญจกกัมมัฏฐาน
โดยการพิจารณาทั้งอนุโลมและปฏิโลม ในอาการ ๕ อยาง คือ
พิจารณาโดยอนุโลม คือตามลําดับดวยอาการ ๕ อยาง คือ... เกสา
โลมา นขา ทนฺตา ตโจ
ตา
พิจารณาโดยปฏิโลม คือการยอนลําดับ ดวยอาการ ๕ อยาง คือ...
ตโจ ทนฺตา นขา โลมา เกสา
ตา
กัมมัฏฐานขอนี..... อํานวยผลเพียงขั้นอุปจารสมาธิ และเปน
้ ...
ประโยชนแกผูมีกามฉันทเปนเจาเรือน เพราะทําใหไมยดมั่นใน
ึ
กายของตนและของผูอื่น...
- 9. 2. เมตตา หมายถึง ความรักที่ไมเจือดวยความใคร
คือความปรารถนาดีหวังดีตอผูอื่น คิดนําสุขไปใหเขา
โดยสวนเดียว การแผเมตตาในที่นี้ เบื้องตนตองแผ
โดยเจาะจงกอน เชน แผใหกับคนในครอบครัว เมือ
่
ชํานาญแลว จึงแผไปโดยไมเจาะจงบุคคลหรือสัตว
โดยไมเลือก
กัมมัฏฐานนี....อํานวยผลใหจิตเปนสมาธิขั้นอัปปนาสมาธิ
้ ..อํ
และเปนประโยชนแกผูมีความพยาบาท เพราะทําใหเปนอยู
ดวยความไมมีเวรไมมีภัยตอกัน รักใครชวยเหลือกัน...
- 10. 3. พุทธานุสสติ หมายถึง การระลึกถึงคุณของพระ
พุทธเจา คือ การสํารวมจิตนอมถึงพระพุทธคุณทั้ง
๙ ตามบทพุทธคุณ เชน อิติป โส ภควา อรหัง
สัมมา เปนตน หรือ พุทธคุณ ๓ คือ พระปญญาคุณ
พระวิสุทธิคุณ และพระกรุณาธิคุณทั้งหมดหรือบท
ใดบทหนึ่งจนจิตสงบตั้งมั่นเปนสมาธิ
กัมมัฏฐานนี....อํานวยผลใหจิตเปนสมาธิขั้นอุปจารสมาธิ
้ ..อํ
และเปนประโยชนแกผูที่มีถีนมิทธะ เพราะทําใหจิตใจไมหด
หูไมยอทอตออุปสรรคที่มาขัดขวางในการทําความดีงาม
- 11. 4. กสิณ หมายถึง เครื่องหมายจูงใจหรือวัตถุสําหรับเพง
คือ การทํากัมมัฏฐาน โดยการเพงหรือการยึดเอากสิณเปน
อารมณที่เรียกกันวา เพงกสิณ 10 อยาง คือ ปฐวีกสิณ (ดิน)
อาโปกสิณ (น้ํา) เตโชกสิณ (ไฟ) วาโยกสิณ (ลม) ๔ อยางนี้
เรียกวา ภูตกสิณ คือ ธาตุ ๔ นีลกสิณ สีเขียว ปตกสิณ
สีเหลือง โลหิตกสิณ สีแดง โอทาตกสิณ สีขาว ๔ อยางนี้
เรียกวา วัณณกสิณ คือ กสิณสี อาโลกกสิณ (แสงสวาง)
อากาสกสิณ ความวางเปลา
กัมมัฏฐานนี....อํานวยผลใหจิตเปนสมาธิขั้นอัปปนาสมาธิและ
้ ..อํ
และ
เปนประโยชนแกผูที่อุทธัจจกุกกุจจะเพราะทําใหจิตนิ่งจดจอและ
จะเพราะทํ
อดทนในงานที่กระทํา
- 12. 5. จตุธาตุววัตถาน หมายถึง กําหนดธาตุ ๔ คือ การ
กําหนดพิจารณารางกาย ใหเห็นสภาวะที่เปนอยูจริงวา
เปนสิ่งที่เกิดจากการรวมตัวกันของธาตุ ๔ รวมกันเขา
เปนรางกาย หรือแมแตสิ่งตาง ๆ ที่มนุษยไดสรางขึ้นทั้ง
รางกายและสิ่งของเปนสิ่งที่เกิดจากธาตุ เมื่อธาตุรวมกัน
จึงทําใหเกิดสังขาร ทั้งที่มีใจครองและมิมีใจครอง
กัมมัฏฐานนี....อํานวยผลใหจิตเปนสมาธิขั้นอุปจารสมาธิ
้ ..อํ
และเปนประโยชนแกผูที่วิจิกิจฉา เพราะทําใหคลายความ
สงสัย ไมหลงเขาใจผิดในสภาพที่เปนอยูจริงของสิ่งตางๆ
- 13. ความหมายของ...สมถกั
ความหมายของ...สมถกัมมัฏฐาน
สมถะ...
สมถะ... มีความหมายอยู ๓ อยาง คือ...
1. ธรรมเปนเครื่องสงบระงับของจิต
2. ธรรมอันทําใหจิตสงบระงับจากนิวรณูปกิเลส
3. ความสงบระงับของจิตในภายใน
กัมมัฏฐานนี....ไดแกอารมณที่ตั้งของจิต คือสิ่งที่ยดผูกจิตไว
้ ..ได
ึ
ไมใหฟุงซาน ใหสงบนิงอยูกับกัมมัฏฐาน
่
สมถกั
สมถกัมมัฏฐาน จึงหมายถึงอุบายเปนเครื่องสงบใจ โดยใชสติ
กําหนดอารมณกัมมัฏฐานอยางใดอยางหนึ่งในอารมณ ๔๐ วิธี
- 15. 1. กสิณ 10
ภูตกสิณ ๔ คือ..
1. ปฐวีกสิณ
2. อาโปกสิณ
3. เตโชกสิณ
4. วาโยกสิณ
วัณณกสิณ ๔ คือ..
ณกสิ
5. นีลกสิณ
6. ปตกสิณ
9. อาโลกกสิณ
7. โลหิตกสิณ 8. โอทาตกสิณ
10. อากาสกสิณ
- 17. 6. ปตกสิณ เพงสีเหลืองเปนอารมณ บริกรรมวา ปตกํ ๆ
7. โลหิตกสิณ เพงสีแดงเปนอารมณ บริกรรมวา โลหิตกํ ๆ
8. โอทาตกสิณ เพงสีขาวเปนอารมณ บริกรรมวา โอทาตํ ๆ
9. อาโลกกสิณ เพงถึงแสงสวาง บริกรรมวา อาโลโก ๆ
10. อากาสกสิณ เพงถึงอากาศ บริกรรมวา อากาโส ๆ
****************
- 18. อสุภะ 10 อยาง
1. อุทธุมาตกอสุภะ
6. วิกขิตตกอสุภะ
2. วินีลกอสุภะ
7. หตวิกขิตกอุสภะ
3. วิปุพพกอสุภะ
8. โลหิตกอสุภะ
4. วิฉิททกอสุภะ
9. ปุฬุวกอสุภะ
5. วิกขายิตกอสุภะ
10. อัฏฐิกอสุภะ
- 19. อสุภะ แปลวา สภาพที่ไมงาม หมายถึง ซากศพที่
ภะ
อยูในสภาพตางๆ กัน ซึ่งนํามาเปนอารมณกัมมัฏฐาน
โดยการพิจารณาใหเห็นวาเปนของไมงาม เปนของไม
นาชื่นชม ไมนายึดมั่นถือมั่น มี 10 อยาง คือ
1. พิจารณาซากศพที่เนาพองขึ้นเปนอารมณ บิรกรรม
วา อุทฺธุมาตกํ ปฏิกุลํ
2. พิจารณาซากศพที่มีมีน้ําเหลืองไหลออกเปนอารมณ
บริกรรมวา วินีลกํ ปฏิกูลํ
- 21. 7. พิจารณาซากศพที่คนที่มีเวรตอกัน ขาศึกกัน สับฟนเปน
ทอนๆ เปนอารมณ บริกรรมวา หตวิกฺขิตฺตกํ ปฏิกูลํ
8. พิจารณาซากศพที่ถูกประหารดวยศัสตรา มีโลหิตไหล
อาบอยูเปนอารมณ บริกรรมวา โลหิตกํ ปฏิกูลํ
9. พิจารณาซากศพที่ถูกประหารดวยศัตตรา มีโลหิตไหล
อาบอยูเปนอารมณ บริกรรมวา โลหิตกํ ปฏิกูลํ
10. พิจารณาซากศพที่ยังเหลืออยูแตโครงกระดูกเปน
อารมณ บริกรรมวา อฏฐิกํ ปฏิกูลํ
- 22. อนุสสติ 10 อยาง
1. พุทธานุสสติ
6. เทวตานุสสติ
2. ธัมมานุสสติ
7. อุปสมานุสสติ
3. สังฆานุสสติ
8. มรณสติ
4. สีลานุสสติ
9. กายคตาสติ
5. จาคานุสสติ
10. อานาปานสติ
- 25. พรหมวิหาร ๔ อยาง
****************
1. เมตตา
2. กรุณา
3. มุทิตา
4. อุเบกขา
พรหมวิหาร หมายถึง ธรรมเปนเครืองอยูของทาน
่
ผูใหญ การบําเพ็ญกรรมฐานหมวดนี้ ไดแก การแผ
ความรูสึกที่ดีตอผูอน มีวิธีแผไมตรีจิต ๔ อยาง คือ
ื่
- 26. 1. เมตตา หมายถึง การแผเมตตาจิตคิดใหสัตวทั้งปวงเปน
สุขทุกถวนหนา
2. กรุณา หมายถึง การแผกรุณาจิตคิดใหสัตวทั้งปวงที่
ประสบทุกขใหไดพนจากความทุกข
3. มุทิตา การแผมุทิตาจิตคิดใหสัตวทั้งปวงที่ประสบสุข
สมบัติแลว จงดํารงอยูในสุขสมบัตินั้นนานเทานาน
4. อุเบกขา หมายถึง การแผอุเบกขา คือ การวางเฉยวางใจ
ใหเปนกลาง ไมดีใจหรือเสียใจเมื่อไดรับทุกข