Contenu connexe Similaire à ใบงานที่ 4 การพัฒนาสื่อเพื่อนการศึกษา Similaire à ใบงานที่ 4 การพัฒนาสื่อเพื่อนการศึกษา (20) Plus de Pandora Fern (11) ใบงานที่ 4 การพัฒนาสื่อเพื่อนการศึกษา3. โครงงานการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เรื่อง โรคความอ้วน
ผู้ทาโครงงาน
1. นายเพียงกวี บรรพโคตร ม.3/3 เลขที่ 1
2. นายทรงทรัพย์ วิรุฬหา ม.3/3 เลขที่ 8
3. นางสาวปารณีย์ รัตนพินิจ ม.3/3 เลขที่ 24
4. เด็กหญิงภัทรา ขุนสูงเนิน ม.3/3 เลขที่ 31
5. เด็กหญิงปิยธิดา ขันทองคา ม.3/3 เลขที่ 53
นางอนงค์รัตน์ วิริยสถิตย์กุล
อาจารย์ที่ปรึกษา
โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาโครงงานคอมพิวเตอร์ ง.23102
ประจาปีการศึกษาที่ 2/2556
โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จ.ขอนแก่น
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 4. บทคัดย่อ
''โรคความอ้วน''นี้เป็นโครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Education MediaDevelopment)ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้ คือ เป็น โครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา ซึ่งผู้จัดทาจะใช้ เว็บไซต์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง “โรคความอ้วน” เป็น เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลาย โดยสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร การ ประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ในหลาย ด้านไม่ว่า อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรือข่าวปัจจุบัน 6. สารบัญ
บทที่1 บทนำ หน้ำ 1
บทที่2 เอกสำรและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2.1 โรคควำมอ้วน หน้ำ 3-13
2.2 สร้ำงเว็บบล็อก(Blogger)หน้ำ 14-16
บทที่3 วิธีดำเนินกำร หน้ำ 17
บทที่4 ผลกำรดำเนินกำร หน้ำ 18
บทที่5 สรุปผลและข้อเสนอแนะ หน้ำ 19 บรรณำนุกรม หน้ำ 21
ภำคผนวก หน้ำ 22 7. บทที่ 1บทนา
1.แนวคิดที่มาของโครงงาน
เทคโนโลยีทางการสื่อสาร เทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบัน เริ่มมีบทบาทในการ ดาเนินชีวิตของมนุษย์ และมีส่วนช่วยสนับสนุนสื่อทางด้านการศึกษาอีกด้วยโดยสื่อสมัยใหม่ นิยมเป็น สื่อการเรียนผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เพราะ สะดวกรวดเร็วและเข้าถึงได้ง่าย
โรคอ้วนจัดเป็นปัญหาหลักทางสาธารณสุขที่พบมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศไทยพบว่าคนที่ อยู่ในเมืองที่มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์มีปัญหาเกี่ยวกับโรคอ้วน อีกทั้งยังมีปัญหาการเจ็บป่วย ต่าง ๆ มากมายสืบเนื่องมาจากโรคอ้วน มีคนจานวนมากที่เข้าใจผิดว่าการมีไขมันส่วนเกินเพียง เล็กน้อยที่หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ก็ถือว่า "อ้วน" ซึ่งถือว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง เนื่องจากคาว่า "อ้วน" ในความหมายของคนทั่วไป กับความหมายทางวิชาการมีความแตกต่าง กัน เราควรที่จะมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาหรือมีความคิดวิตกกังวลว่า ตนเอง "อ้วน"
ดังนั้นกลุ่มของข้าพเจ้าจึงคิดทาโครงงานเกี่ยวกับการพัฒนาสื่อทางการศึกษาเรื่อง ''โรค ความอ้วน''โดยได้รวบรวมข้อมูล เนื้อหาความรู้เกี่ยวกับโรคความอ้วนและจัดทาเป็นเว็บ บล็อก เพื่อเป็นประโยชน์กับบุคคลที่สนใจและรักสุขภาพของตนเอง 8. 2.วัตถุประสงค์
2.1 เพื่อศึกษาและพัฒนาเว็บบล็อก เรื่อง โรคความอ้วน
2.2 เพื่อเป็นสื่อทางการศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
2.3 เพื่อเป็นประโยชน์กับบุคคลที่สนใจทั่วไป
3.ขอบเขตของโครงงาน
3.1 ศึกษาสาเหตุการเกิดโรคความอ้วน
3.2 ศึกษาพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคความอ้วน
3.3 เพื่อศึกษาโรคที่มาพร้อมกับโรคความอ้วน
3.4 ศึกษาวิธีการป้องกัน และรักษาการเกิดโรคความอ้วน
9. 4.วิธีการดาเนินงาน
4.1 กาหนดปัญหา เพื่อที่จะศึกษาโรคความอ้วน
4.2 ขอคาแนะนาจากครูที่ปรึกษาโครงงาน
4.3 ประชุมกลุ่มแบ่งหน้าที่การหาข้อมูล
4.4 ประชุมการวางแผนเบื้องต้น
4.5 ลงมือปฏิบัติงานตามแผนที่วางไว้
4.6 รวบรวมข้อมูล
4.7 ประเมินผลการศึกษา 11. บทที่ 2เอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เรื่อง โรคความอ้วน คณะผู้จัดทาได้ศึกษา ค้นคว้าเสนอเอกสารที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
โรคความอ้วน
1. ความหมายของโรคความอ้วน
โรคความอ้วน หมายถึงสภาวะร่างกายที่มีไขมันสะสมไว้ตามอวัยวะต่างๆ มาก จนเกินไป
2. สาเหตุของโรคอ้วน
2.1 พันธุกรรม ถ้าพ่อแม่เป็นโรคอ้วน ลูกที่เกิดมาก็มีโอกาสเป็นโรคอ้วนสูง
2.2 รับประทานอาหารมากเกินไป แล้วไม่มีเวลาออกกาลังกาย กล่าวคือ พลังงานที่ ได้รับจากการรับประทานมากกว่าพลังงานที่ใช้ไปในการออกกาลังกาย เช่น ชอบรับประทาน อาหารที่มีไขมันและแคลอรี่สูง เช่น หนังไก่ทอด มันหมู หมูสามชั้น ขาหมู ครีม เค้ก ฯลฯ แล้วไม่ยอมหาเวลาว่างออกกาลังกายเพื่อให้มีการใช้พลังงานที่ได้รับเข้ามา 12. 2.3 พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจาวันที่ไม่เหมาะสมทาให้มีการใช้พลังงานต่า และทาให้เสียโอกาสในการทากิจกรรม หรือออกกาลังกายที่มีประโยชน์ต่อ สุขภาพ เช่น การจราจรติดขัดในกรุงเทพ ทาให้คนส่วนใหญ่ต้องนั่งเฉยบน รถยนต์หลายชั่วโมงต่อวัน ลักษณะงานที่ต้องนั่งทางาตลอดเวลา
พฤติกรรมชอบรับประทานอาหารจุกจิก เป็นต้น
2.4 โรคบางชนิด เช่น CushingsSyndromeซึ่งจะทาให้ร่างกายของผู้ที่ ป่วยเป็นโรคนี้อ้วน โดยสาเหตุของโรคนี้เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนใน ร่างกาย จนทาให้อ้วนบริเวณใบหน้า ลาตัว ต้นคอด้านหลัง แต่แขนขาจะเล็ก และไม่มีแรง ในกรณีนี้จะต้องรักษาที่ ต้นเหตุคือ ฮอร์โมนที่มีความผิดปกติจึงจะสามารถหายอ้วนได้ 13. 3. พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคความอ้วน
3.1. ไม่มีเวลากินข้าวเช้า
3.2. ชอบกินอาหารบุฟเฟ่ต์
3.3. กินข้าวไม่เป็นเวลา
3.4. ชอบกินจุบกินจิบ
3.5. กินเหล้าเมายาเป็นกิจวัตร
3.6. กินข้าวเส็จเร็ว จนเคี้ยวไม่ละเอียด
3.7. ชอบกินอาหารสาเร็จรูป
3.8. ชอบกินอาหารรสจัด
3.9. เวลาเครียด สิ่งแรกที่นึกถึงคือของกิน
3.10. ชอบเสียดายของเหลือๆ 14. 3.11. ชอบนอนดึกตื่นสาย
3.12. กินข้าวเยอะ แต่กินผักน้อย
3.13. กินมื้อเย็นดึกๆ
3.14. กินมื้อเช้าน้อย
3.15. ชอบกินขนมหวานหลังอาหาร
3.16. มีขนมเก็บในตู้เย็นมาก
3.17. มักจะใช้เครื่องทุ่นแรง
3.18. ขี้เกียจขยับตัวทาอะไร
3.19. ชอบกินเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ติดมัน
3.20. ชอบครีม น้าตาล และของหวาน
3.21. ดื่มเหล้าก่อนนอน 16. 4.1 ไขมันในเลือดสูง ซึ่งนาไปสู่ความผิดปกติของระบบอื่นๆ โดยเฉพาะ
เมื่อเจ้าเม็ดไขมันไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ยิ่งหนามากขึ้นๆ
ถนนของเจ้าเลือดก็เดินไม่สะดวกตามไป ก็เลือดต้องไปหล่อเลี้ยงเซลล์ทุกส่วน
ของร่างกาย และเราก็ขาดเลือดไม่ได้ แน่นอนจะมีปัญหาต่อสุขภาพตามมาอีก
มาก ทั้งโรคหัวใจวาย ความดันโลหิตสูง เหนื่อยหอบ มึนงงบ่อยๆ เป็นลม
เมื่อเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายไม่ดี เซลล์ก็เสื่อมโทรมลง อนุมูลอิสระ
ก็เกิดเร็วขึ้น ทีนี้แหละ แก่เร็วอย่างเห็นได้ชัด 17. 4.2 ความดันโลหิตสูง เมื่อไขมันเคลือบผนังหลอดเลือด บางจุดอาจตีบมาก
หัวใจมีหน้าที่เหมือนปั๊มน้า ก็ต้องขับดันเลือดวิ่งไปให้ทั่วร่างกายทุกซอกทุกมุม
เมื่อบางจุดโดนบีบให้แคบ แต่ร่างกายต้องการเลือด มันอาจออกแรงผลักดัน
เลือด อาจทาให้เส้นเลือดในสมองแตก ถึงแก่ชีวิต หรือพิการเป็นอัมพฤกษ์
อัมพาตได้ 19. 4.4 โรคเบาหวาน พบว่าคนไทยเป็นเบาหวานกันประมาณ 3 ล้านคน ลองคิดดูว่าไม่
น้อยวันหน้าถ้ายังใช้ชีวิตเผอเรอ มีหวังได้เป็นเบาหวานด้วยอีกคน โรคนี้เป็นเพื่อนคู่ซี้กับโรค
อ้วน ที่มักพบควบคู่กันเสมอ เบาหวานนั้นเพราะระบบควบคุมระดับน้าตาลในร่างกาย
ผิดปกติ เมื่อเป็นเบาหวานแล้ว ถ้าเกิดเป็นแผลก็มักรักษาไม่หาย กลายเป็นแผลเรื้อรัง บางที
ก็เป็นแผลกดทับ ประกอบกับเสี่ยงต่อการติดเชื้อราง่ายขึ้น เพราะมีการอับชื้นของซอกแขน
และซอกขามากกว่าปกติ 21. 4.6 โรคระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากในคนอ้วนมักมีการเคลื่อนไหวน้อย
ชอบนั่งหรือนอน ปอดจึงขยายตัวไม่เต็มที่ ทาให้เกิดการติดเชื้อของทางเดินหายใจ
ได้มากขึ้น บางครั้งถึงกับมีภาวการณ์หายใจลดลง หายใจติดขัด ทาให้มีก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์คั่งในปอด คนอ้วนมากเหนื่อยง่าย ง่วงนอนตลอดเวลา อาจ
พบภาวะของโรคอารมณ์เศร้าหมองร่วมไปด้วยก็กิน ซึ่งอาจจะช่วยให้อารมณ์ช่วงนั้น
ดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการทาร้ายตัวเองมากยิ่งขึ้น 24. จากการเสี่ยงต่อสุขภาพของโรคอ้วนที่กล่าวถึงข้างต้นอันมีมากมายหลายประการ
จึงมีการศึกษาถึงอันตรายของโรคอ้วนถึงขนาดว่าคนอ้วนมีอัตราการเสียชีวิต
แตกต่างจากคนรูปร่างปกติหรือไม่ ซึ่งจากการศึกษาก็พบว่าอัตราการเสียชีวิตของ
คนที่อ้วนมากมีสูงขึ้นถึง 2-12 เท่า ขึ้นกับอายุของแต่ละบุคคลแต่ถ้ากลุ่มประชากรที่
อ้วนหรือน้าหนักเกินสามารถลด น้าหนักได้เพียง 5-10 % ของน้าหนักตัวเริ่มต้นก็จะ
สามารถลดอัตราการพิการ และอัตราการตาย (morbidity and mortality
rate)ได้ระดับหนึ่งทุกสิ่งทุกอย่างย่อมต้องมีความพอดี การมากหรือน้อยเกินไป
อาจเกิดผลเสียได้มากกว่าผลดี "น้าหนัก“ ก็เช่นกัน ถ้ามากเกินไป "อ้วน" ก็เสี่ยงต่อ
การเกิดโรคต่าง ๆ มากมาย แต่ถ้าสามารถลดความมากเกินไปลงมาให้ใกล้พอดีได้ก็
จะเกิดการลดอัตราการเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ แล้วคนที่มี "น้าหนักเกิน" หรือ "อ้วน“
สามารถรู้สาเหตุว่าเพราะอะไรจึงเกิดความมากเกินไปนี้ได้ โดยทั่วไปสาเหตุของ
"อ้วน" มีหลายสาเหตุบางคนอาจเกิดจากสาเหตุเดียวหรือหลายสาเหตุประกอบกันก็
ได้ 26. 5.2 ถั่วและธัญพืช พันธมิตรของร่างกาย เช่น ข้าวกล้อง, งา, ถั่วต่างๆ ,
ลูกเดือย ซึ่งจะมีเส้นใยอาหารให้คุณอิ่มเร็วขึ้นแถมยังช่วยปรับระดับน้าตาลใน
เลือด และรักษาระดับโคเลสเตอรอลอีกด้วย 27. 5.3 กินปลาสิ อันนี้ดีชัวร์ หรือ เนื้อสัตว์ไม่ติดมันเป็นประจาโดยเฉพาะ
เนื้อปลาซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็น โปรตีนชั้นดี, และมีกรดไขมัน โอ
เมก้า 3 ที่ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง หรือ
ปลาแซลมอน ปริมาณไขมันที่คุณ ควรรับประทานต่อวัน ไม่ควรเกิน 5-
8 ช้อนชานะคะ และหากจะรับประทานสลัดก็ไม่ควรใส่น้าสลัด
มากกว่า 5 ช้อนชา
28. 5.4 ลดของหวานๆ ให้หวานน้อยหน่อย เช่น น้าอัดลม, น้าหวาน
, ขนมหวาน หรือแม้แต่ผลไม้ที่มีรสหวานมากๆด้วย เพราะของหวานให้แต่
พลังงาน ซึ่งหากรับประทานมากก็จะเกินความต้องการไปพอกพูนตามร่างกาย
ของคุณให้อวบอ้วน 30. 5.6 งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ โดยไม่ควรดื่มมากกว่า 1 แก้ว
ต่อวัน เพราะนอกจากจะก่อโทษต่างๆแล้วยังมีแคลอรี่สูงอีกด้วย หากคุณ
รับประทานอาหารตามแนวทางนี้ จะทาให้คุณรักษารูปร่างให้สมส่วนได้อย่าง
ยาวนาน ไร้ไขมันพอกพูนและสุขภาพดีไม่ผอม เหี่ยว ซีดเซียว ไร้เรี่ยวแรง
จนดูโทรมมากกว่าสวยเสียมากกว่า 33. บทที่ 4ผลการดาเนินงาน
4.1) ผลการดาเนินงาน
คณะผู้จัดทาสามารถดาเนินการได้สาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีโดยการวางแผน
วิธีดาเนินการอย่างเป็นขั้นตอน และมีการนาเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์
และอินเตอร์เน็ตมาใช้ในการทาโครงงาน เช่น
1.การรวบรวมข้อมูล “โรคความอ้วน” จากทางอินเตอร์เน็ต
2.การศึกษาวิธีการสร้างเว็บบล็อกเพื่อใช้เป็นสื่อในการเผยแพร่ความรู้ เรื่อง “โรคความอ้วน” จากทางอินเตอร์เน็ต 34. บทที่ 5สรุป อภิปรายและข้อเสนอแนะ
การจาทาโครงงานโรคความอ้วน นี้สามารถสรุปผลการดาเนินโครงงาน และข้อเสนอแนะ ดังนี้
วัตถุประสงค์ของโครงงาน
1. เพื่อศึกษาและพัฒนาเว็บบล็อก เรื่อง โรคความอ้วน
2. เพื่อเป็นสื่อทางการศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
3. เพื่อเป็นประโยชน์กับบุคคลที่สนใจทั่วไป
วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ โปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนา
1. โปรแกรม Power Point
2.โปรแกรม Microsoft Word 2007
3.เว็บไซต์ที่ให้บริการคือ http://www.blogger.com/
4.เว็บไซต์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารคือ www.facebook.com, www.gmail.com ,www.google.com 36. ปัญหา อุปสรรค และแนวทางในการพัฒนา
1. เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่เพียงพอกับการทาโครงงาน และบางครั้ง
อินเทอร์เน็ตมีปัญหา
2. สมาชิกในกลุ่มบางคนให้ความร่วมมือน้อยเพราะไม่ค่อยใส่ใจกับ
โครงงานนักจึงทาให้เสียเวลาและทาให้โครงงานเสร็จช้า