More Related Content
Similar to physics atom.ppt
Similar to physics atom.ppt (20)
physics atom.ppt
- 2. ทฤษฎีอะตอม (Atomic Theory)
• ผู้เสนอคนแรก คือ ดีโมคริตุส (Democritus)
กล่าวว่า สสารทั้งหลายประกอบด ้วยหน่วยที่เล็ก
ที่สุด เรียกว่า อะตอม (Atom) แปลว่า ไม่
สามารถแบ่งแยกได ้
- 14. ทอมสัน (Sir Joseph John Thomson) นัก
ฟิสิกส์ชาวอังกฤษ
ทดลองพิสูจน์ว่า
o รังสีแคโทดเป็นอนุภาคที่มีประจุลบ (เบี่ยงเบน
ในสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้าได ้)
o ค่าประจุต่อมวลของรังสีแคโทด (q/m) มีค่า
เท่ากับ 1.76 1011 C/kg
o ค่าประจุต่อมวลของไฮโดรเจนไอออน (q/m) มี
ค่าเท่ากับ
9.57 107 C/kg
- 15. ตัวอย่ำง ในการทดลองของ Thomson
เพื่อหาอัตราส่วน ประจุต่อมวล
ของอนุภาครังสีแคโทด โดยใช ้
สนามแม่เหล็กขนาด คือ 1.4 10-3 เท
สลา รัศมีความโค้งของลา
อนุภาครังสีแคโทดจะเท่ากับ 9.13
เซนติเมตร ในการวัดความเร็วของอนุภาค
รังสีแคโทด พบว่า ถ้าต่อแผ่น
โลหะทั้งสองซึ่งมี ระยะห่างกัน 1.0
เซนติเมตรเข้ากับความต่างศักย์
- 19. • ตัวอย่ำง ในการทดลองของ Millikan ต้องใช ้
ความ ต่างศักย์ไฟฟ้ าระหว่าง
แผ่นโลหะค่าเท่าใดจึงจะ ทาให้แรง
เนื่องจากสนามไฟฟ้ าที่กระทาต่อ
หยดน้ามันสมดุลกับแรงดึงดูดของโลก
ถ้าหยดน้ามันมีมวล 6.4 10 – 15
กิโลกรัม และ
ได้รับอิเล็กตรอนเพิ่ม 7 ตัว
ระยะห่างระหว่าง แผ่นโลหะเท่ากับ
- 38. • สเปกตรัมต่อเนื่อง (Continuous Spectrum)
คือ แถบสีต่าง ๆ ของแสงที่เมื่อใช ้เกรตติงหรือ
ปริซึมแยกแสงสีต่าง ๆ ออกมาให ้เห็น เช่น แสง
จากไส ้หลอดไฟฟ้าที่ร ้อนจัด โลหะร ้อนหรือ
ของแข็งที่ร ้อนจัด และของเหลว
ร ้อน
• สเปกตรัมเส้นสว่ำง (Line Spectrum) คือ เส ้น
สีต่าง ๆ ของแสงที่เมื่อใช ้เกรตติงหรือปริซึมแยก
เส ้นแสงสีต่าง ๆ ออกมาให ้เห็น เช่น แสงจาก
หลอดบรรจุแก๊สร ้อนชนิดต่าง ๆ
• สเปกตรัมดูดกลืน (Absorption Spectrum)
- 42.
2
2
1
1
1
1
i
H
n
R
2
2
1
2
1
1
i
H
n
R
2
2
1
3
1
1
i
H
n
R
2
2
1
4
1
1
i
H
n
R
2
2
1
5
1
1
i
H
n
R
Series) UV
เมื่อ nf = 1 , ni = 2,
3, 4
อนุกรมบำลเมอร ์(Balmer
Series)
เมื่อ nf = 2 , ni = 3,
4, 5
อนุกรมพำสเชน
(Paschen Series)
เมื่อ nf = 3 , ni = 4,
5, 6
อนุกรมแบรกเกต
(Bracket Series)
เมื่อ nf = 4 , ni =
5, 6, 7
อนุกรมฟุนด์(Pfund
Series)
เมื่อ nf = 5 , ni = 6,
- 44. ปัญหาทฤษฎีของ Bohr
• ไม่สามารถให ้เหตุผลว่าทาไมจึงมีวง
โคจรเสถียรและมีเงื่อนไขว่า
• ไม่สามารถอธิบายอะตอมหนักๆที่มี
อิเล็กตรอนหลายๆตัว ได ้ถูกต ้อง
• อะตอมที่อยู่ในบริเวณที่มี
สนามแม่เหล็กจะให ้สเปกตรัมที่ผิดไป
จากเดิม คือสเปกตรัมเส ้นหนึ่งๆแยก
ออกเป็นสเปกตรัมหลายเส ้น(Zeeman
n
mvr
- 57. hmax = eV0
0
min
eV
hc
อิเล็กตรอนบางตัวชนเป้า เสีย
พลังงานไปในการชนหลายๆครั้ง
แต่ละครั้งที่มีการเสียพลังงาน จะ
ได้โฟตอนออกมาหนึ่งตัว โฟ
ตอนเป็นจานวนมากมีพลังงาน
หรือความยาวคลื่นต่างๆกัน
อิเล็กตรอนตัวใดเสียพลังงาน
ทั้งหมดไปในการชนเพียงครั้ง
เดียว จะได้โฟตอนรังสีเอกซ ์มี
พลังงานสูงสุดเท่ากับพลังงาน
จลน์ของอิเล็กตรอนที่เข้าชน
0
min
1240
V
nm
- 60. • ตัวอย่าง ใช ้ความต่างศักย์ 10,000
โวลต์ในหลอด รังสีเอกซ์ จะ
ผลิตรังสีเอกซ์ที่มีความยาว
คลื่นต่าสุดเท่าไร
- 61. • พ.ศ. 2455 เลาอี ได้คานวณระยะระหว่าง
อะตอมในผลึกได้ค่าประมาณ10 – 9 - 10 – 10
เมตร ซึ่งค่านี้ใกล้เคียงกับความยาวคลื่นของรังสี
เอกซ ์
• ฉายรังสีเอกซ ์ไปยังผลึกของสาร เช่น ซัลไฟด์
ของสังกะสี และคลอไรด์ของโซเดียม (NaCl)
โดยคิดว่า อะตอมในผลึกซึ่งเรียงตัวกับเป็น
ระเบียบ จะทาหน้าที่เป็ นเกรตติง ทาให้เกิด
การเลี้ยวเบนและแทรกสอดของรังสีเอกซ ์ได้
การเลี้ยวเบนรังสีเอกซ ์(x-ray
diffraction)
- 64. • แบรก (Sir William Bragg) ได้ศึกษา
การเลี้ยวเบนของรังสีเอกซ ์ในผลึก ได้
สมการการเลี้ยวเบนรังสีเอกซ ์
2d sin = n
เมื่อ n = 1, 2, 3,….แสดงลาดับการ
เกิดการเสริมกัน
่
การเลี้ยวเบนรังสีเอกซ ์(x-ray
diffraction)
- 80. บทสรุป
• ผลที่ได ้จากการทดลองข ้อที่1 ทฤษฎี
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอธิบายไม่ได ้
เพราะตามทฤษฎีคลื่นนั้น แสงความ
เข ้มสูงจะมีพลังงานมาก และเมื่อฉาย
ไปกระทบโลหะจึงควรให ้โฟโต
อิเล็กตรอนพลังงานสูง ไม่ว่าแสงจะมี
ความถี่สูงหรือต่า ซึ่งขัดแย ้งกับผล
การทดลอง
- 81. ทฤษฎีโดยไอน์สไตน์
• ไอน์สไตน์เสนอว่า แสงประกอบด ้วยกลุ่ม
ก ้อนของพลังงาน เรียกว่ำโฟตอน
(Photon) โฟตอนของแสงความถี่ f จะมี
พลังงานเท่ากับ hf เมื่อ h คือ ค่าคงที่
พลังค์
• แสงจึงมีลักษณะเป็นอนุภาคที่ประกอบด ้วย
ก ้อนพลังงานเล็กๆ เมื่อตกกระทบโลหะ
พลังงาน hf ของโฟตอนจะถ่ายให ้กับ
- 84. • ฉายแสงความยาวคลื่น 589.3 นา
โนเมตร บนผิวโลหะโปแตสเซียม
โดยค่าศักย์ไฟฟ้าหยุดยั้ง
สาหรับโฟโตอิเล็กตรอนเป็น 0.36
โวลต์ จงหาค่าพลังงานจลน์สูงสุด
ของอิเล็กตรอน ฟังก์ชันงาน และ
ความถี่ขีดเริ่มของการเกิดโฟโตอิ
- 87. • ปี พ.ศ. 2466 อำร ์เทอร ์ฮอลลี คอมป์ ตัน
(Arthur Holly Compton) นักฟิสิกส์ชาว
อเมริกัน ได ้ทาการทดลองฉายรังสีเอกซ์ความ
ยาวคลื่นเดียวไปยังแท่งกราไฟต์ แล ้ววัดความ
ยาวคลื่นของรังสีเอกซ์ที่กระเจิง (Scattered x-
ray) ออกมาที่มุมต่างๆ กับแนวเดิมดังรูป
- 89. • เมื่อโฟตอนรังสีเอกซ์ กระทบกับอิเล็กตรอนที่
อยู่ในแท่งกราไฟต์ ก็จะเป็นการชนกัน
ระหว่างโฟตอนกับอิเล็กตรอน ซึ่งเปรียบเสมือน
การชนกันของอนุภาคกับอนุภาค ใช ้หลัก
อนุรักษ์พลังงานและโมเมนตัมในการชนกันได ้
และเนื่องจากโฟตอนรังสีเอกซ์มีพลังงานสูงมาก
เมื่อกระทบอิเล็กตรอนในกราไฟต์ (พลังงานยึด
เหนี่ยวของอิเล็กตรอนบางตัวกับอะตอมมีค่า
น้อย) จึงถือเสมือนว่า โฟตอนวิ่งเข ้าชน
อิเล็กตรอนที่วางอยู่อย่างอิสระ และเนื่องจาก
เป็นการชนที่มีพลังงานสูง จึงต ้องใช ้ทฤษฎี
สัมพัทธภาพ
- 93. สมมติฐานของเดอ บรอยล์ (De
Broglie’s hypothesis)
กล่ำวว่ำ “ถ ้าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแสดงสมบัติของ
อนุภาคได ้อนุภาคก็แสดงสมบัติของคลื่นได ้
เช่นเดียวกัน”
• สมบัติความเป็นอนุภาคของ
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คือ โมเมนตัม (p)
• สมบัติความเป็นคลื่นของอนุภาคหรือ
คลื่นสสาร(Matter wave) คือ ควำมยำวคลื่น
()
h
p
mv
h
ความยาวคลื่นเดอบ
รอยล์ (De Broglie
wavelenght)
- 97. กำรทดลองของจี พี ทอมสัน (George P.
Thomson)
• ทดลองยิง
อิเล็กตรอนควำมเร็ว
สูงหรือรังสีแคโทด
ผ่ำนแผ่นโลหะบำง
เช่น อลูมิเนียม เงิน
และทองคำ ปรำกฏ
ว่ำ อิเล็กตรอน
เลี้ยวเบนผ่ำนผลึก
โลหะไปแทรกสอด
บนฟิ ล์มได้เหมือนกับ
แผ่นอลูมิเนียม
บาง ๆ
แผ่น
ทองคาเปลว
รังสี
เอกซ์
อิเล็กตรอ
น
อิเล็กตรอ
น
- 101. คลื่นต่อเนื่อง กลุ่มคลื่น
โดยแทนอิเล็กตรอนด้วย กลุ่มคลื่น (Wave
packet) เคลื่อนที่ด้วยความเร็วกลุ่ม (Group
velocity) เท่ากับความเร็วของอนุภาค
อธิบำยควำมไม่ต่อเนื่องของพลังงำนและ
โมเมนตัมเชิงมุมของอิเล็กตรอนตำม
สมมุติฐำนของโบร ์
อธิบำยอะตอมได้กว้ำงขวำงกว่ำและดีกว่ำโบร ์
จึงเป็ นที่ยอมรับถึงปัจจุบัน
- 103. • ไฮเซนเบอร์ก เป็นคนแรกที่ชี้ให ้เห็นว่า
กฎเกณฑ์ของกลศาสตร์ควอนตัม
บอกเป็นนัยว่า มีขีดจากัดพื้นฐาน
สาหรับความแม่นยาของการวัดในการ
ทดลอง
• การที่อนุภาคแสดงสมบัติคลื่น และ
ต ้องใช ้กลุ่มคลื่นแทนอนุภาคนั้น ทาให ้
ไม่สามารถบอกตาแหน่งและโมเมนตัม
ของอนุภาคได ้แน่นอน