More Related Content
Similar to Kingdom Animalia
Similar to Kingdom Animalia (20)
More from Thanyamon Chat.
More from Thanyamon Chat. (20)
Kingdom Animalia
- 3. นิยามของสัตว์ (Animal)
• เป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ (Multicellular)
• เป็นพวกยูคาริโอตที่กินสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นอาหารและมีเนื้อเยื่อที่พัฒนามาจากเยื่อคัพภะ
(heterotrophic eukaryotes with tissues that develop from
embryonic layers)
• มีลักษณะบ่งบอกความเป็นสัตว์เพียงพอที่จะจัดแยกออกเป็นหมวดหมู่ (Several
characteristics of animals Sufficiently define the group)
• ร่างกายประกอบด้วยโปรตีนโครงสร้าง (structural proteins) เช่น collagen
• มีเนื้อเยื่อประสาทและเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ (Nervous tissue and muscle
tissue) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของพวกสัตว์ (unique to animals)
- 5. 1. ระดับการทางานร่วมกันของเซลล์
(Level of cell organization)
1.1 No true tissue (เนื้อเยื่อที่ไม่แท้จริง)
1.2 True tissue (เนื้อเยื่อที่แท้จริง)
1.2.1 เนื้อเยื่อ 2 ชั้น (Diploblastica)
1.2.2 เนื้อเยื่อ 3 ชั้น (Triploblastica)
- 7. 2. สมมาตร (Symmetry)
2.1 Asymmetry (ไม่มีสมมาตร)
2.2 Radial symmetry (สมมาตรแบบรัศมี)
2.3 Bilateral symmetry (สมมาตรแบบครึ่งซีก)
- 12. 4. การเปลี่ยนแปลง
ของ Blastopore
4.1 Protostomia คือพวกที่
blastopore เปลี่ยนเป็น
ช่องปาก หรือเป็นสัตว์พวก
ที่ช่องปากเกิดก่อนช่องทวาร
4.2 Deuterostomia คือ
พวกที่ blastopore
เปลี่ยนเป็นช่องทวาร หรือ
เป็นสัตว์พวกที่ช่องปากเกิด
ภายหลังช่องทวาร
- 17. Animal Kingdom
1. Phylum Porifera 2. Phylum Coelenterata
3. Phylum Platyhelminthes 4. Phylum Nematoda
5. Phylum Mollusca 6. Phylum Annelida
7. Phylum Arthropoda
8. Phylum Echinodermata
9. Phylum Chordata
- 18. • ลาตัวเป็นรูพรุน
• สมมาตรแบบรัศมี หรือไม่มีสมมาตร
• มีช่องน้าเข้าและช่องน้าออก
• มีโครงร่างแข็งหรือเป็นเส้นใยโปรตีน
• ผนังตัวของฟองน้าประกอบด้วยเซลล์ 2 ชั้น
• ไม่มีระบบหมุนเวียน ระบบหายใจ ระบบขับถ่าย และระบบประสาท
• มีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ
Phylum Porifera
1. กลุ่มที่ไม่มีเนื้อเยื่อที่แท้จริง
- 19. ใช้โครงสร้างค้าจุน (spicule) จาแนกแบ่งออกเป็น
3 Class ได้แก่
1. Class Calcarea ได้แก่ ฟองน้าที่มีแกนแข็ง เป็นพวกหินปูน (CaCO3)
2. Class Hexactinellida ได้แก่ ฟองน้าที่มีแกนแข็งเป็นพวกแก้วหรือทราย
(Silica)
3. Class Demospongiae ได้แก่ ฟองน้าถูตัวที่มีแกนอ่อนนุ่ม
ประกอบด้วยสารประเภท Scleroprotien
- 20. • เป็นสัตว์ที่มีเนื้อเยื่อสองชั้น
• ทางเดินอาหารเป็นแบบไม่สมบูรณ์ มีปากแต่ไม่มีทวารหนัก
• มีเข็มพิษ หรือNematocyst ใช้ในการป้องกัน และฆ่าเหยื่อ
• ไม่มีระบบหายใจ ระบบหมุนเวียนโลหิต ระบบขับถ่ายโดยเฉพาะ
• ระบบประสาทเป็นแบบข่ายใยประสาท (Nerve net) แผ่กระจายทั่วตัว
และหนาแน่นบริเวณหนวด
• การสืบพันธุ์ มีทั้งแบบอาศัยเพศ และแบบไม่อาศัยเพศแบบอาศัยเพศ
Phylum Coelenterata / Cnidaria
2. กลุ่มที่มีเนื้อเยื่อที่แท้จริง
2.1 สมมาตรแบบรัศมี (radial symmetry)
- 21. • มีรูปร่างเป็น 2 แบบ คือ
- Polyp รูปร่างแบบต้นไม้
ได้แก่ ไฮดรา ปะการัง
ดอกไม้ทะเล
- Medusa รูปร่างคล้ายร่ม
หรือกระดิ่งคว่า ได้แก่
แมงกะพรุน
- 22. สัตว์ในไฟลัมนี้แบ่งออกเป็น 3 Class ได้แก่
1. Hydrozoa ส่วนใหญ่มีรูปร่างเป็น Polyp บางช่วงเป็น
Medusa อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (Colony) เช่น โอบีเลีย
แมงกระพรุนน้าจืด แมงกระพรุนลอย และไฮดรา
2. Scyphozoa ส่วนใหญ่มีรูปร่างเป็น Medusa (รูปร่าง
คล้ายร่ม ว่ายน้าได้อิสระ) เช่น แมงกระพรุนไฟ แมงกระพรุนจาน
3. Anthozoa มีรูปร่างเป็นแบบ Polyp เท่านั้น อยู่รวมกัน
เป็นกลุ่ม มีการสร้างสารหินปูนเป็นเปลือกหุ้ม เช่น พวกปะการัง
หรือกัลปังหา
- 23. • มีเนื้อเยื่อ 3 ชั้น
• ไม่มีช่องตัว (acoelomate / noncoelom)
• ร่างกายแบนทางด้านหลัง และด้านท้อง ไม่มีข้อ
ปล้อง
• มีท่อทางเดินอาหารที่เป็นปลายตัน หรือเป็น
แบบที่ไม่สมบูรณ์
มีปากแต่ไม่มีทวารหนัก
• มีปมประสาทสมอง อวัยวะรับความรู้สึก และ
ช่องปากมารวมกันอยู่ทางด้านหน้าของลาตัว
Phylum Platyhelminthes
2.2 มีสมมาตรแบบด้านข้าง (bilateral symmetry)
กลุ่ม Protostomia และมีตัวอ่อนแบบ Trochophore
- 24. • ระบบขับถ่าย มีอวัยวะ ที่เรียกว่า protonephridia
• ไม่มีอวัยวะที่ใช้ในการหายใจโดยเฉพาะ
• ระบบประสาท ประกอบด้วย ปมประสาทด้านหน้า (anterior ganglia)
หรือปมประสาท
• ระบบสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศโดยมีสองเพศอยู่ในตัวเดียวกัน จัดเป็นกะเทย
(hermaphrodite)
- 25. สัตว์ในไฟลัมนี้แบ่งออกเป็น 3 Class ได้แก่
1. Class Turbellaria เช่น พลานาเรีย ซึ่งดารงชีพโดยหากินอย่างอิสระ
2. Class Trematoda เช่น พยาธิใบไม้ชนิดต่างๆ ซึ่งดารงชีพโดยการ
เป็นปรสิต
3. Class Cestoda เช่น พยาธิตัวตืด ซึ่งดารงชีพโดยเป็นปรสิต
- 26. • สัตว์ลาตัวนิ่ม มักมีเปลือกแข็งที่มี CaCO3 หุ้มลาตัว ไม่มีปล้อง
• มี mantle ทาหน้าที่สร้างเปลือกหุ้มลาตัว (หมึกกล้วยและหมึกยักษ์ไม่มี
เปลือกแข็งเนื่องจากได้หายไประหว่างการเกิดวิวัฒนาการ)
• ระบบทางเดินอาหารเป็นแบบสมบูรณ์ คือ มีปากและทวารหนัก
• มีช่องตัวที่แท้จริง (coelom)
• ระบบหมุนเวียนโลหิตเป็นระบบเปิด (open circulation system)
• แลกเปลี่ยนแก๊สโดยใช้เหงือก หรือปอด ผิวหนัง และเยื่อแมนเทิล
• การขับถ่ายมีไต หรือเนฟริเดียม (nephridium)
• ระบบประสาท ประกอบด้วย ปมประสาท 3 คู่
และมีเส้นประสาทใหญ่ 2 คู่
Phylum Mollusca
- 27. สัตว์ในไฟลัมนี้แบ่งออกเป็น 5 Class ได้แก่
1. Class Gastropoda เช่น หอยสังข์ หอยโข่ง หอยขม และหอยทาก
2. Class PolyPlascophora เช่น ลิ่นทะเล
3. Class Pelecypoda เช่น หอยกาบ หอยนางรม หอยแครง หอยเสียบ
4. Class Scaphopoda เช่น หอยงาช้าง
5. Class Cephalopoda เช่น หมึกกล้วย หมึกกระดอง
หมึกสาย หมึกยักษ์
- 28. • ลาตัวแบ่งออกเป็นปล้องอย่างชัดเจน ภายในมีเยื่อกั้น (ร่างกายแบ่งเป็น
ปล้องอย่างแท้จริง)
• มีเนื้อเยื่อสามชั้น มีช่องตัวที่แท้จริง
• มีรยางค์เป็นแท่งเล็กๆ เรียกว่า เดือย (setae) เป็นสารไคติน (chitin)
• หายใจผ่านทางผิวหนัง หรือเหงือก
• มีอวัยวะขับถ่ายอยู่ทุกปล้องๆ ละ 1 คู่ เรียกว่า เนฟริเดีย (nephridia)
• เป็นกะเทย (hermaphrodite) แต่มีการปฏิสนธิข้ามตัว
• ทางเดินอาหารสมบูรณ์เป็นท่อยาวตลอดร่างกาย
• ระบบหมุนเวียนโลหิตเป็นแบบปิด (closed circulatory system)
Phylum Annelida
- 29. สัตว์ในไฟลัมนี้แบ่งออกเป็น 4 Class ได้แก่
1. Class Oligochaeta เช่น ไส้เดือนดิน
2. Class Polychaeta เช่น แม่เพรียง ไส้เดือนทะเล
3. Class Hirudinea เป็นกลุ่มที่ดูดเลือดของสัตว์อื่นชั่วคราวโดยการ
ปล่อยสารคล้ายยาชา และปล่อยสาร hirudin ที่เป็นสารป้องกันไม่ให้
เลือดของโฮสต์แข็งตัว เช่น ปลิงน้าจืด ปลิงดูดเลือด ปลิงควาย ปลิงเข็ม
ทากดูดเลือด
4. Class Archiannelida เช่น หนอนทะเล
- 30. • มีเนื้อเยื่อสามชั้น มีช่องว่างในลาตัวแบบเทียม (Pseudocoelomate)
• ลาตัวกลม ยาว แหลมหัวแหลมท้าย ไม่มีข้อปล้อง มีสารคิวทิเคิลหุ้มตัว
• ไม่มีระบบหมุนเวียนเลือด ไม่มีอวัยวะหายใจ
• เป็นสัตว์แยกเพศ
• ทางเดินอาหารสมบูรณ์ ประกอบด้วยปากและทวารหนัก
• มีปมประสาทรูปวงแหวน (Nerve ring) อยู่รอบคอหอย และมีแขนงประสาทแยก
ออกทางด้านท้อง และทางด้านหลัง
• มีระบบกล้ามเนื้อยาวตลอดลาตัว (Longitudinal muscle)
Phylum Nematoda
2.2 มีสมมาตรแบบด้านข้าง (bilateral symmetry)
กลุ่ม Protostomia และมีตัวอ่อนแบบ ecdysozoa
- 32. • มีเนื้อเยื่อ 3 ชั้น และมีช่องตัวแบบแท้งจริง
• ลาตัวมีลักษณะเป็นปล้อง แบ่งออกเป็น3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนอก และ
ส่วนท้อง และมีรยางค์เป็นข้อๆต่อกัน ยื่นออกจากลาตัวเป็นคู่ๆ
• ทางเดินอาหารเป็นแบบสมบูรณ์ มีปากและทวารหนัก
• ระบบหมุนเวียนโลหิตเป็นระบบเปิด (Open circutory sysytem)
• มีระบบขับถ่ายเป็นลักษณะเฉพาะของกลุ่ม
• ระบบประสาทมีปมประสาทที่หัว 1 คู่ และมีเส้นประสาททางด้านท้อง
ทอดไปตามความยาวของลาตัว 1 คู่ มีอวัยวะสัมผัสเจริญดี
• ระบบสืบพันธุ์เป็นสัตว์แยกเพศ
Phylum Arthropoda
- 33. สัตว์ในไฟลัมนี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 6 Class ได้แก่
1. Class Merostoma ได้แก่
แมงดาจาน(แมงดาหางเหลี่ยม),
แมงดาถ้วย(แมงดาหางกลม)
หรือเหรา มีลาตัวแบ่งออกเป็น
2 ส่วน คือ หัวกับอกรวมกัน
และส่วนท้อง มีรยางค์คู่แรก
ทาหน้าที่ช่วยในการกินอาหาร
มีขาเดิน 5 คู่ ปลายขาคู่
สุดท้ายเป็นแผ่นซ้อนกันใช้ขุด
ทรายเวลาฝังตัว
- 34. 2. Class Arachnida ได้แก่ แมงมุม แมงป่อง บึ้ง เห็บ ไร ฯลฯ มีส่วนหัว
และอกรวมกัน มีรยางค์ 6 คู่ (คู่ที่ 1-2 ใช้จับอาหารและรับความรู้สึก,
ขาเดิน4คู่) ในแมงมุมที่ส่วนท้ายของท้องมีต่อมสร้างใยและอวัยวะชักใย,
แมงป่องปล้องสุดท้ายเปลี่ยนแปลงเป็นอวัยวะสาหรับต่อยเหยื่อและสร้าง
สารพิษ
- 35. 3. Class Diplopoda ได้แก่ กิ้งกือ กระสุนพระอินทร์ ตะเข็บ
ลาตัวเป็นปล้องจานวนมาก มีรยางค์ปล้องละ 2 คู่ บริเวณหัวมีหนวด 1 คู่
4. Class Chilopoda ได้แก่ ตะขาบ
มีรยางค์ปล้องละ 1 คู่ บริเวณหัวมีหนวด 1 คู่
ปล้องแรกของลาตัวมีเขี้ยวพิษ 1 คู่ แนบกับส่วนหัว
- 36. 5. Class Insecta ได้แก่ แมลง, ยุง, เรือด, ไรไก่, เหา, หมัด, เหลือบ
เป็นสัตว์ที่มีจานวนสปีชีส์มากที่สุด ลาตัวแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ หัว อก
และท้อง มีหนวด 1 คู่, มีขา 3 คู่อยู่บริเวณส่วนอก, บางชนิดอาจมีปีก
6. Class Crustacea ได้แก่ กุ้ง, กั้ง, ปู, ไรน้า
มีรยางค์จานวนมากทาหน้าที่พิเศษหลายอย่าง รยางค์ส่วนอกทาหน้าที่ใช้เดิน
รยางค์ส่วนท้องเปลี่ยนไปทาหน้าที่พิเศษ(ว่ายน้า, แลกเปลี่ยนแก๊ส, เป็นที่
เกาะของไข่), มีหนวด 2 คู่
- 38. • ระบบหมุนเวียนโลหิต มีลักษณะลดลงไปอย่างมาก บางชนิดไม่มีเลย ส่วน
การขับถ่ายไม่มีอวัยวะขับถ่ายที่ทาหน้าที่โดยตรง
• ทางเดินอาหารเป็นแบบสมบูรณ์ ยกเว้น ดาวเปราะ
• ระบบประสาทไม่มีส่วนสมองที่แท้จริง
• มีเพศแยกกัน
• ดาวทะเล, ดาวเปราะ, หอยเม่น,
อีแปะทะเล, ปลิงทะเล, พลับพลึงทะเล
ดาวขนนก, ดาวมงกุฎหนาม
- 39. • มีลักษณะสาคัญที่พบในวัฎจักรชีวิตในระยะ embryo
1. มีโนโตคอร์ด (notochord) เป็นแท่งยาวตลอดลาตัว อยู่ระหว่างท่อทางเดินอาหาร
และท่อประสาท (แอมฟิออกซัสและปลาปลากลมพบตลอดชีวิต)
2. มีช่องเหงือกอยู่บริเวณคอหอย (pharyngeal gill slits) เป็นคู่ ๆ (ฉลามและ
กระเบนมีตลอดชีวิต, ในมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปเป็นท่อยูสเตเชียน ต่อมทอลซิน
ต่อมไทรอยด์และพาราไทรอยด์)
3. มีท่อประสาทกลวงด้านหลัง (Dorsal Hollow Nerve Cord)
เจริญมาจากเนื้อเยื่อชั้น ectoderm ซึ่งต่อไปจะพัฒนาไปเป็นสมองและไขสันหลัง
4. มีหาง (tail)
Phylum Chordata
- 44. 2. กลุ่มที่มีขากรรไกร
Class Chondrichthyes
ได้แก่ ปลากระดูกอ่อน มี
โครงร่างเป็นกระดูกอ่อนที่
ยืดหยุ่นตัวดี มีขากรรไกร
มีช่องเหงือกเห็นชัดเจนจาก
ภายนอก มีครีบคู่ หรือ
ครีบเดี่ยว มีเกล็ดที่คมปก
คลุมผิวหนัง มีปากอยู่ด้าน
ท้อง มีฟันแหลมคม มีการ
ปฏิสนธิภายในและออกลูก
เป็นตัว เป็นสัตว์เลือดเย็น
เช่น
ปลากระเบน ปลาฉลาม
ปลาโรนัน ปลาฉนาก
- 45. Class Osteicthyes ได้แก่ ปลากระดูกแข็ง
ซึ่งภายในเป็นกระดูกแข็งที่มี Ca3(PO4)2
มีเกล็ดปกคลุม มีครีบคู่ 2 คู่ คือ ครีบอก
และครีบสะโพก ใช้เหงือกแลกเปลื่ยนแก๊ส
ยกเว้น ปลาปอด, ปลาที่มีครีบเนื้อ
(coelacanth) จะใช้ปอดในการหายใจ
มีแผ่นปิดช่องเหงือก(operculum) มีถุงลม
(air bladder)ช่วยควบคุมการลอยตัวในน้า
ส่วนใหญ่ปฏิสนธิภายนอกร่างกาย เป็นสัตว์
เลือดเย็น ได้แก่ ปลาช่อน ปลาดุก ปลาทู
ปลาตะเพียน ม้าน้า ฯลฯ
- 46. Class Amphibia ได้แก่ สัตว์สะเทินบกสะเทินน้า
ตัวอ่อนอยู่ในน้าหายใจด้วยเหงือกภายนอก ตัวเต็มวัยอยู่
บนบกหายใจด้วยปอดผิวหนัง ยกเว้นซาลามานเดอร์บาง
ชนิดที่อยู่ในน้าตลอดชีวิต วางไข่ในน้า ปฏิสนธิภายนอก
ผิวหนังไม่มีเกล็ดและเปียกชื้น มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง
เพื่อการเจริญเติบโต (metamorphosis) มีหัวใจ 3 ห้อง
เป็นสัตว์เลือดเย็น แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มกบ
กลุ่มซาลามานเดอร์ และกลุ่มงูดิน
- 47. Class Reptilia ได้แก่ สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ใน
คลาสนี้เป็นสัตว์บกอย่างแท้จริง มี 4 ขา ปลายนิ้ว
มีเล็บ ผิวหนังมีเกล็ดมีสารเคราทิน(keratin) เพื่อ
ป้องกันการสูญเสียน้าจากร่างกาย หายใจด้วยปอด
มีหัวใจ 3 ห้อง (ยกเว้น จระเข้) เป็นสัตว์เลือดเย็น
มีการปฏิสนธิภายใน วางไข่บนบก ไข่มีเปลือกแข็ง
และเหนียว ภายในไข่มีถุงแอลเลนทอยส์ ทาหน้าที่
แลกเปลี่ยนก๊าซ ขณะเจริญเติบโตในไข่ เช่น เต่า
จระเข้ ตุ๊กแก จิ้งเหลน จิ้งจก งู กิ้งก่า ฯลฯ
- 48. Class Aves ได้แก่ สัตว์ปีก เป็น
ลาตัวมีขน (Feather) ปกคลุม ขามี
2 ข้าง นิ้วมีเล็บ ขาหน้าเปลี่ยนแปลง
เป็นปีก กระดูกบางเป็นโพรง จึงมี
น้าหนักตัวเบา มีถุงลมแทรกไปตาม
ช่องว่างของลาตัวและตามโพรงกระดูก
ไข่มีเปลือกแข็งหุ้มปริมาณไข่แดงมาก
เป็นสัตว์เลือดอุ่น มีหัวใจ 4 ห้อง
ไม่มีต่อมเหงื่อ ไม่มีต่อมน้านม
ปฏิสนธิภายใน ได้แก่ นกประเภท
ต่างๆ ทั้งที่บินได้และบินไม่ได้
- 49. Class Mammalia ได้แก่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านม
• ในเพศเมียทุกชนิดมีต่อมน้านมทาหน้าที่ผลิตน้านมสาหรับเลี้ยงลูกอ่อน
• มีขนเป็นเส้นๆ (Hair) คลุมตัว
• เป็นสัตว์เลือดอุ่น มีอุณหภูมิในร่างกาย
• หัวใจมี 4 ห้อง เม็ดเลือดแดงไม่มีนิวเคลียส
• มีการปฏิสนธิภายในร่างกาย ตัวอ่อนเจริญภายในมดลูก เกือบทุกชนิดออกลูก
เป็นตัว ยกเว้น ตุ่นปากเป็ดและตัวกินมดมีหนาม
• ตัวอย่างเช่น นางอาย ลิง ชิมแปนซี ชะนี เสือ แมว สุนัข สุกร สิงโต
หมาใน หมี พังพอน โค กระบือ ช้าง ม้า มนุษย์ หนู ค้างคาว นางอาย
ปลาวาฬ โลมา แมวน้า สิงโตทะเล ฯลฯ
- 50. กลุ่ม Monotremes
• มีลักษณะโบราณ คือ ออกลูกเป็นไข่ แต่มีขน
และต่อมน้านม
• ตัวอ่อนฟักออกจากไข่แล้วจะเลียน้านมบริเวณ
หน้าท้องของแม่กิน
• พบเฉพาะในประเทศออสเตรเลียและนิวกินี
เท่านั้น เช่น ตุ่นปากเป็ด (Platypus) , ตัวกิน
มดมีหนาม (Equidna)
- 51. กลุ่ม Marsupials
• มีถุงหน้าท้อง ภายในมีต่อมน้านมที่มีหัวนม
เพื่อเลี้ยงดูตัวอ่อน เนื่องจากสัตว์กลุ่มนี้ตั้งท้องใน
ระยะเวลาที่สั้นมาก (ตัวอ่อนพัฒนาในถุงหน้า
ท้องแม่จนเป็นตัวเต็มวัย)
• ตัวอย่างเช่น kangaroo, opossum, koala,
sugar glider, marsupial mole, wombat
- 52. กลุ่ม Eutherians
• มีรก (placenta) ใช้ส่งสารอาหารเลี้ยงตัว
อ่อน
• ใช้ระยะเวลาในการตั้งท้องนานกว่ากลุ่ม
marsupial โดยตัวอ่อนเจริญเติบโตที่สมบูรณ์
ภายในมดลูก
• สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านมทั่วไป เช่น นางอาย
ลิง ชิมแปนซี ชะนี เสือ แมว สุนัข สุกร
สิงโต หมาใน หมี พังพอน โค กระบือ ช้าง
ม้า มนุษย์ หนู ค้างคาว นางอาย ปลาวาฬ
โลมา แมวน้า สิงโตทะเล
- 56. Anthropoids
• สมองมีขนาดใหญ่ หน้าผากแบน
• มองเห็นได้ดีในเวลากลางวัน
• แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ ลิงมีหาง ลิงไม่มีหาง
และมนุษย์
• ลิงมีหาง แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
ลิงโลกเก่า คือ ลิงที่ไม่สามารถใช้หางใน
การยึดเกาะต้นไม้ได้ เช่น ลิงแสม ลิงบาบูน
ลิงโลกใหม่ คือ ลิงที่สามารถใช้หางในการ
ยึดเกาะต้นไม้ได้ เช่น ลิงสไปเดอร์