More Related Content
More from Soraj Hongladarom
More from Soraj Hongladarom (20)
ฮิตเลอร์กับการเลือกตั้งในเยอรมนี
- 2. ลำาดับเหตุการณ์
● เยอรมนีก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๑
บิสมาร์ ค
การรวมชาติ
มีจกรพรรดิเป็ นประมุข
ั
่
มีการเลือกตั้ง รัฐสภา Reichstag แต่อานาจสู งสุ ดอยูที่
ำ
จักรพรรดิ
ความขัดแย้งกับบิสมาร์ค
- 3. การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ ๑
● เยอรมันเป็ นฝ่ ายแพ้
● มีการปฏิวติภายใน โดยพรรค SPD เป็ นแกนนำา รัฐบาลใหม่เจรจา
ั
สงบศึก เยอรมันโดนเงื่อนไขหนักสาหัส
● ประชาชนส่ วนใหญ่โกรธแค้น มีนกการเมืองฝ่ ายขวาคอยบอกว่า
ั
“ชาวเยอรมันโดนแทงข้างหลัง”
● ก่อเชื้อความเติบโตของพรรคนาซี
- 4. สาธารณรัฐไวมาร์
● รัฐบาลใหม่ของเยอรมันก่อตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ที่เป็ น
ประชาธิปไตย เป็ นสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีเป็ นประมุข
● ่
แต่ภายในเต็มไปด้วยความวุนวาย พรรคการเมืองต่างๆใช้วธีการ
ิ
รุ นแรงในการต่อสู้
● เงื่อนไขของสนธิสญญาแวร์ซายส์นาไปสู่ ความไม่มีเสถียรภาพ
ั ำ
- 5. สาธารณรัฐไวมาร์
● นักการเมืองกระพือความเกลียดชังด้วยการประณามชาวยิวและนักการเมือง
ฝ่ ายซ้ายที่ถกกล่าวหาว่า เข้าข้างสนธิสญญา และ “แทงประชาชนข้างหลัง”
ู ั
● ฮิตเลอร์ข้ ึนมาเป็ นผูนาพรรค DAP (แรงงานเยอรมัน) แล้วเปลี่ยนชื่อเป็ น
้ ำ
NSDAP (แรงงานสังคมชาตินิยมเยอรมัน – Nationalsozialistische Deutsche
Arbeiterpartei)
● ฮิตเลอร์เป็ นนักการเมืองที่มีพรสวรรค์ในการพูดชักจูงใจคนสู งมาก จับเอา
ประเด็นที่โหมความรู้สึกคนมาเป็ นประเด็นการเมือง
- 6. พรรคนาซีกับพรรคอื่นๆ
● บรรยากาศการแข่งขันทางการเมืองในเยอรมนี ยุคสาธารณรัฐไวมาร์
รุ นแรงมาก แต่ละพรรคมีฝ่าย “รุ นแรง” (เมืองไทยเรี ยกว่า “การ์ ด”)
เอาไว้ป้องกันตัวกับไประรานฝ่ ายอื่น
● มีเรื่ องกระทบกระทั้งถึงตายกันเสมอๆ
● ฝ่ ายรุ นแรงของพรรคนาซีเรี ยกว่า SA ของพรรคคอมมิวนิสต์เรี ยกว่า
“Red Front” (แนวร่ วมแดง) ของ SPD เรี ยกว่า “Free
Corps” (กองพันเสรี )
- 7. ปั ญหาเศรษฐกิจ
● ช่วงสาธารณรัฐไวมาร์เยอรมันประสบปัญหามากมาย ที่หนักมากๆ
ได้แก่ปัญหาเงินเฟ้ อ คนเยอรมันต้องหอบเงินใส่ รถเข็นออกไปซื้ อ
่
กาแฟกิน ราคากาแฟตอนซื้ ออยูที่ 50,000 มาร์ คบนเมนู แต่ตอนกิน
เสร็ จแล้วอาจขึ้นไปเป็ น 500,000 มาร์คได้ง่ายๆ
● ก่อนเกิดวิกฤตหนึ่งดอลลาร์สหรัฐแลกได้ 4 มาร์ค แต่ระหว่าง
เงินเฟ้ อต้องเป็ นหลายๆพันล้านมาร์ค ถึงจะได้มา 1 ดอลลาร์
● เกิดจากภาระหนี้ ตามสนธิสญญาแวร์ซายส์
ั
- 8. การเลือกตั้ง
● ระบบเลือกตั้งของสาธารณรัฐไวมาร์เป็ นแบบสัดส่ วนทั้งหมด
พรรคการเมืองเสนอรายชื่อคนจะเป็ น สส. แล้วประชาชนเลือกพรรค
พรรคได้จานวน สส. ตามสัดส่ วนคะแนนเสี ยงที่ได้
ำ
● ทำาให้เกิดพรรคเล็กพรรคน้อยเต็มไปหมด และก็เป็ นเหตุหนึ่งให้
พรรคนาซีกาวขึ้นมาอยูเ่ วทีระดับชาติได้
้
● พรรคฝ่ ายขวาหลายๆพรรคหาเสี ยงด้วยการโจมตี รธน. ไวมาร์ อย่าง
โจ่งแจ้ง
- 9. พรรคคอมมิวนิ สต์
● อีกหนึ่งหนึ่งที่อาจทำาให้คนเริ่ มหันมาสนใจพรรคนาซี ได้แก่การก่อตัวของพรรค
คอมมิวนิสต์ (KPD)
● พรรคนี้รับนโยบายจากพรรคคอมฯโซเวียต ซึ่งบอกให้ต่อสู้กบพรรค SPD
ั
● ็ั ั
นอกจากนี้ กยงต่อสู้กบพรรคนาซีอย่างรุ นแรง ผลัดกันยิงอีกฝ่ ายตายหลายรอบ
● พรรคนาซีเอาสมาชิกที่โดนแนวร่ วมแดงยิงตายชื่อ Horst Wessel มาเป็ นตัวชูธงใน
การต่อสู้
● คนเยอรมันจำานวนมากกลัวพรรค KPD เพราะกลัวจะโดนสหภาพโซเวียตครอบงำา
- 10. วิธีการหาเสียงกับต่อสู้
● พรรคนาซีมี “อัจฉริ ยะ” ในการปลุกระดม ปั่ นกระแส ปลุกจิตวิทยา
กลุ่มชน ได้แก่โจเซฟ ก็อบเบล (Joseph Goebbels)
● ใช้เพลง ใช้การ์ ดมาเดินตบเท้า มีธงสัญลักษณ์ ข้อความที่หาเสี ยง
เข้าใจง่าย ตรงกับจุดอ่อนทางอารมณ์ของคนเยอรมันในสมัยนั้น
● ำ ำ
ที่สาคัญคือมี “เสื้ อน้าตาล” หรื อหน่วย SA เป็ นฝ่ ายรุ นแรง คอย
ก่อกวน ทำาร้ายคู่แข่งทางการเมืองตลอด
● ั
ทั้งพรรคนาซีกบพรรค KPD ใช้วธีการเดียวกัน
ิ
- 11. ผลการเลือกตั้ง
● พรรคนาซีถูกแบนไปหลายปี เนื่องจากไปพยายามก่อรัฐประหาร
Beer Hall Putsch ทำาให้ฮิตเลอร์ถูกขังคุก
● พอกลับมาลงสนามเลือกปี ค.ศ. 1928 พรรคได้สดส่ วนเพียง 3%
ั
พรรคที่ได้สดส่ วนมากที่สุดคือ SPD ได้ 30% พรรคฝ่ ายขวา DNVP
ั
ได้ 14.2% พรรคคาธอลิค Center Party ได้ 12.1 พรรคคอมฯได้
10.6%
- 12. ผลการเลือกตั้ง 1930
● สองปี ถัดมาสภาถูกยุบ เลือกตั้งใหม่ในปี 1930 พรรคนาซีกระโดด
ขึ้นมาเป็ นอันดับสอง ได้สดส่ วน 18.25% พรรคอันดับหนึ่งยังเป็ น
ั
SPD ได้ 24.5% พรรคคอมมิวนิสต์ได้อนดับสาม ที่ 13.13%
ั
● การที่พรรคนิยมความรุ นแรงได้รับเลือกมามากเป็ นสัญญาณแสดง
ว่าการเมืองเยอรมันมีความไม่ปกติเป็ นอย่างมาก
- 13. ผลการเลือกตั้ง 1932/1
● ผลพวงของวิกฤติเศรษฐกิจ ทำาให้เยอรมนีเต็มไปด้วยความรุ นแรง
ทางการเมือง พรรคนาซีเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็ นพรรค
็ั ่
สัดส่ วนสูงสุ ดในสภา แต่กยงไม่ได้เสี ยงข้างมากอยูดี พรรคอื่นๆทุก
พรรคในสภาไม่ยอมร่ วมงานกับพรรคนาซี
● ผลคือสภาไม่มีบทบาทในการเมืองอีกต่อไป เนื่องจากประธานาธิบดี
สามารถออกกฤษฎีกาเพือปกครองประเทศได้โดยไม่ตองพึ่งสภา
่ ้
- 14. ผลการเลือกตั้ง 1932/1
● พรรคนาซี 37.27%
● พรรค SPD 27.58%
● พรรค KPD 14.32%
● พรรค Center Party 12.44%
● ในระยะนี้ประธาธิบดี Paul Hindenburg มีอายุ 85 ปี แล้ว หลงๆลืมๆ
ฟังแต่คนรอบข้าง Hindenburg แต่งตั้ง Franz von Papen เป็ นนายก
ซึ่งยุบสภาทันที
- 15. ผลการเลือกตั้ง 1932/2
● การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคนาซีได้สดส่ วนลดลงอย่างเห็นได้ชด แต่ยง
ั ั ั
เป็ นพรรคสัดส่ วนสูงสุ ดอยู่
● พรรคนาซีได้ 33% พรรค SPD 20.4% พรรค KPD 16.86% พรรค
Center Party 11.93%
● ในช่วงนี้มีแรงกดดันประธานาธิบดี Hindenburg ให้แต่งตั้งฮิตเลอร์
เป็ นนายกฯ โดยมี von Papen กับนักธุรกิจอุตสาหกรรมจำานวนหนึ่ง
เป็ นแกนนำา พรรคนาซีจบมือกับพรรค DNVP ทำาให้ได้สดส่ วน
ั ั
ประมาณ 41%
- 16. สรุป
● การก้าวเข้ามามีอานาจของฮิตเลอร์และพรรคนาซี ไม่ได้มาจากเสี ยงข้างมาก
ำ
● ฮิตเลอร์ไม่เคยตกลงร่ วมมือทำางานในรัฐบาลผสมกับพรรคอื่น เงื่อนไขที่ฮิตเลอร์มีมา
ตลอดคือตนเองต้องเป็ นนายกหรื อผูนาสู งสุ ดเท่านั้น
้ ำ
● การที่ฮิตเลอร์ข้ ึนมาเป็ นนายกได้ ก็ดวยแรงสนับสนุนของฝ่ ายขวา ที่ตองการยืมมือฮิตเลอ
้ ้
ร์มากำาจัดพรรคฝ่ ายซ้าย
● แต่พอฮิตเลอร์ข้ ึนมามีอานาจ ก็รวบอำานาจไว้แต่เพียงผูเ้ ดียว จนเกิดสงครามโลกครั้งที่
ำ
สองขึ้น
● ฮิตเลอร์มองกลไกทางกฎหมายเป็ นเพียงเครื่ องมือสู่ อานาจเท่านั้น พอได้อานาจก็โยนทิ้ง
ำ ำ
ไป