Ce diaporama a bien été signalé.
Le téléchargement de votre SlideShare est en cours. ×

พุทธปรัชญากับวิทยาศาสตร์

Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité

Consultez-les par la suite

1 sur 41 Publicité

Plus De Contenu Connexe

Diaporamas pour vous (20)

Les utilisateurs ont également aimé (6)

Publicité

Similaire à พุทธปรัชญากับวิทยาศาสตร์ (20)

Plus récents (19)

Publicité

พุทธปรัชญากับวิทยาศาสตร์

  1. 1. พระพุทธศาสนากับ วิทยาศาสตร์ โลกทัศน์พื้นฐานของ พระพุทธศาสนา
  2. 2. พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย
  3. 3. นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ของ โลก วิทยาศาสตร์ทไี่ม่มีศาสนาย่อมพิกลพิการ ส่วนศาสนาที่ไม่มีวิทยาศาสตร์ย่อมมืดบอด (Science without religion is lame, religion without science is blind)
  4. 4. วัตถุประสงค์ของพุทธศาสนาและ วิทยาศาสตร์ เพื่อศึกษาทัศนะเกยี่วกบัมนุษย์ และความแตกต่างระหว่างมนุษย์ (Human being) กบัสัตภาวะ (Non-human being) อื่น ๆ ศึกษาลักษณะ ธรรมชาติ และ คุณสมบัติของความเป็นมนุษย์ รวม ทั้งความเป็นไปของมนุษย์ใน จักรวาล
  5. 5. ชีวิตในสังสารวัฎ
  6. 6. มนุษย์กับจักรวาล (Man and Universe) สภาวะการเป็นมนุษย์ของมนุษย์ใน ปัจจบุัน เป็นเพียงจุดหนงึ่ของ กระแสชีวิตอันยาวไกล ซึ่งไมอ่าจ กำาหนดได้แน่ชัดว่าเริ่มต้นเมื่อไร และจะสิ้นสุดเมื่อใด
  7. 7. สภาวะของมนุษย์ (State of Man) มนุษย์แตกต่างจากสภาวะอนื่ ๆ ที่มใิช่มนุษย์ ทั้งในแงก่ายภาพ และจติภาพ แต่ความแตกต่าง เหล่านี้เป็นเพียง “อุบัติการณ์” ชั่วคราว
  8. 8. มนุษย์และกรรม (Man and Karma) การกระทำาของสตัว์ (มนุษย์) – เป็นพลังผลักดันให้สัตว์ (มนุษย์) เคลื่อนสู่สถานะต่าง ๆ ทั้งสงูและตำ่า ในเวลาอันไม่ จำากัด
  9. 9. อนภุาคฮิกส์ (God particle) .
  10. 10. การเดินทางของสัตว์โลก (1) พระพุทธเจา้ตรัสว่า จุดเริ่มต้น ของชีวิตสัตว์โลก ไม่สามารถสืบ สาวหาจุดเริ่มต้นได้ ปัจจุบัน ยังไม่มเีครื่องมือใด ช่วย ให้มนุษย์ค้นพบจดุเริ่มต้น / จุด กำาเนิดของสรรพสิ่งในจักรวาล
  11. 11. จุดเริ่มต้น ของชีวิตใน จักรวาล
  12. 12. การเดินทางของสัตว์โลก (2) กองกระดูกของมนุษย์คนหนึ่งที่ เกิดมาในสงสารวัฏ สูงกว่าภูเขา สิเนรุ (เขาพระสุเมรุ) นำ้าตาของสัตว์ผู้เศร้าโศก เพราะ ทุกข์ในสังสารวัฏ มากยิ่งกว่านำ้า ในมหาสมุทร
  13. 13. คำาสอนเรื่องกำาเนิดโลก ปรากฏ เฉพาะในคำาสอนทางศาสนา ที่ อาศัยการพิสูจน์ดว้ยศรัทธา แนวคดิเรื่อง “การระเบดิครั้ง ใหญ่” (Big Bang) ของจกัรวาล เป็นเพียง “ทฤษฎี” ที่ยังไมใ่ช่คำา ตอบสุดท้ายของมนุษย์
  14. 14. ชีวิต-ในแง่มุมของพุทธศาสนา มีพื้นที่ทับซ้อน-เปิดกว้างไม่จำากัด ระยะ “เวลา” มีไมจ่ำากดั
  15. 15. ชีวิต-จากแง่มุมวิทยาศาสตร์  มีพื้นที่จำากัด  มีเวลาจำากัด
  16. 16. มนุษย์ท่ามกลางสังสารวัฏ เทวดา อสุรก าย เดรัจ มนุษ ฉาน ย์ นรก เปรต
  17. 17. อริยสัจกับหลักการทาง วิทยาศาสตร์ ๑. การกำาหนดรู้ทุกข์ = การกำาหนดขอบเขต ของปัญหา ๒. การค้นหาสมุทัย = การตั้งสมมติฐาน ๓. การเก็งนิโรธ = การคาดคะเน ๔. การดำาเนินตามมรรค = การพิสจูน์ทดลอง
  18. 18. ธรรมชาติ ของมนุษย์ มนษุย์ : ขันธ์ 5 รูปขันธ์ : สสารวัตถุและคุณสมบัติ ต่าง ๆ ที่อาศัยสสารวัตถุ นามขันธ์ : จิตและคุณสมบัติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดยอาศัยจิต (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)
  19. 19. องค์ประกอบของความเป็น มนุษย์ ร่างกาย / สสาร / รูป (physical) จิตใจ /อสสาร / นาม (psychic)
  20. 20. องค์ประกอบทางด้านร่างกาย ธาตุพนื้ฐาน 4 : ดิน นำ้า ไฟ ลม สิ่งที่อาศัยธาตุพื้นฐาน : ผิว พรรณ ประสาทสัมผัส สมรรถนะในการรับรู้ ความเป็น หญิง ความเปน็ชาย ฯลฯ
  21. 21. องค์ประกอบด้านจิตใจ เวทนา / sensation / feeling ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากการสัมผัส ทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 หรือทาง ใจ สุข ทุกข์ อุเบกขา / เป็นกลาง / ไม่สขุไม่ ทุกข์
  22. 22. สัญญา (ความจำา) Memory / เกบ็ข้อมลู / จำาไว้ Recognition /การระลึกได้ / จำาได้ (เปรียบเทียบข้อมูล)
  23. 23. มนุษย์มีสัญญา 2 ระดับ สัญญาบริสุทธิ์ :ไม่มีการให้คุณค่า สัญญาซ้อนเสริม : ให้คุณค่า ดี- เลว
  24. 24. สัญญาซ้อนเสริม 2 ประเภท กำาหนดความหมาย / จดจำาสิ่ง ต่าง ๆ ตาม ความต้องการของตนเอง การยึดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ความเชื่อความคิดเห็น ให้ความหมาย / จดจำา ด้วย ความคิดที่ดี ความเข้าใจที่ถูก
  25. 25. สังขาร / mental formation, Conception สภาพปรุงแต่งจิต ให้ดี-ให้ชั่ว– เป็นกลาง พฤติกรรม ลักษณะ คุณสมบัติต่าง ๆ ของจิต (ซึ่งทำาให้จิตนึกคิดและ แสดงออกทางกายวาจาในลักษณะ ต่าง ๆ)
  26. 26. วิญญาณ (Consciousness) ส่วนที่เป็นความรู้แจ้งอารมณ์ทาง ประสาทสัมผัส ทั้ง 5 และทางใจ เป็นความรู้ประเภทยืนพื้น เป็นฐาน แห่งเวทนา สัญญา สังขาร
  27. 27. องค์ประกอบของมนุษย์ มนุษย์ ประกอบด้วย สสาร(กายภาพ) และอ สสาร(จิตภาพ) องค์ประกอบทางด้านกายภาพ (รูป) เป็นสภาวะที่สามารถมองเห็น จากรูปลักษณ์ภายนอก พร้อมทั้ง กริยาอาการ หรือ คุณสมบัติทาง กาย
  28. 28. องค์ประกอบของมนุษย์ องค์ประกอบทางด้านจิตภาพ (จิต / วิญญาณ) ทำาหน้าที่รับรู้ ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 และ อารมณ์ทางใจ เสวยอารมณ์ จดจำา กระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางกาย วาจา
  29. 29. พุทธศาสนา - วิทยาศาสตร์ มนุษย์ในทัศนะทาง วิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยสสาร ซึ่งวิวัฒนาการมาตามลำาดับ จิต และ ลักษณะทางจติ เป็น ผลพลอยไดจ้ากวิวัฒนาการ แต่ ไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่ก่อนวัตถุสสาร
  30. 30. พุทธศาสนา - วิทยาศาสตร์ พระพุทธศาสนา มนุษย์มีองค์ ประกอบบางส่วนที่ไม่สามารถรับรู้ ได้โดยตรง คือส่วนที่เรียกว่า จิต เป็นนามธรรมที่ไม่สามารถพิสูจน์ ด้วยวิทยาศาสตร์
  31. 31. พุทธศาสนา - วิทยาศาสตร์ จิตใจเป็นองค์ประกอบ สำาคัญ กำาหนดรูปแบบการ แสดงออกทางกาย วาจา
  32. 32. พุทธศาสนา-วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์มีจุดยืนแบบ สสารนิยม มนุษย์ในทัศนะของ วิทยาศาสตร์ เกิด-ดำารงอย-ู่จบ ชีวิตลง ภายในชาติเดยีว
  33. 33. พุทธศาสนา-วิทยาศาสตร์ พระพุทธศาสนามีจุดยืนคล้าย จิตนิยม มนษุย์ในทัศนะดังกล่าว มิได้ เกิด – ดำารงอยู่-จบชีวิตลง ภายในชาติ เดียว ชีวิต-ดำารงอยู่-ในกาละและเทศะ อันไพศาลซับซ้อน
  34. 34. . ศาสนาในอนาคตจะต้องเป็นศาสนาครอบ จักรวาล ศาสนานั้นควรไปพ้นเรื่องพระเจ้า ที่มีตัวตน และไม่มีคำาสอนที่ให้ยึดติดคัมภีร์ และเทววิทยา The religion of the future will be a cosmic religion.It should transcend personal God and avoid dogma and theology
  35. 35. . ศาสนาใดศาสนาหนึ่งที่ตอบสนองความ ต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ศาสนา นั้นก็คือพระพุทธศาสนา If there is any religion that could cope with modern scientific needs it would be Buddhism
  36. 36. โลกวิทู สัพพัญญู .

×