SlideShare a Scribd company logo
1 of 11
Download to read offline
5



                                                     บทที่ 2
                                           เอกสารที่เกี่ยวข้อง


              ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress
 เรื่อง อินเตอร์เน็ต นี้ ผู้จัดทาโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้

     2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต
     2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media
     2.3 เว็บบล็อก (WebBlog)



     2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต
     การศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยในด้านการค้นคว้าศึกษาแหล่งข้อมูล                 ทาให้การศึกษาง่ายขึ้นและ
ไร้ขีดจากัด   ผู้เรียนมีความสะดวกในการค้นคว้าวิจัย

     2. การดารงชีวิตประจาวัน ทาให้มีความสะดวกคล่องตัวและรวดเร็วในการทากิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใน
ชีวิตประจาวัน สามารถทางานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันได้หรือทางานใช้เวลาน้อยลง

     3. การดาเนินธุรกิจ ทาให้มีการแข่งขันระหว่างธุรกิจมากขึ้น ทาให้ต้องมีการพัฒนาองค์กรเพื่อให้ทันกับ
ข้อมูลข่าวสารอยู่ตลอดเวลา
อันส่งผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง

     4. อัตราการขยายตัวทุก ๆ ด้านที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะมีการติดต่อสื่อสารที่เจริญก้าวหน้า
ทันสมัย รวดเร็วถูกต้องและ        ทาให้
เป็นโลกที่ไร้พรหรมแดน
6



     5. ระบบการทางานมีคอมพิวเตอร์มาใช้ซื่อสามารถทางานได้มากขึ้น            งานบางอย่างมนุษย์ทาไม่ได ้ก็ใช้
คอมพิวเตอร์ช่วยทางานแทนซึ่งได้ผลถูกต้องรวดเร็ว

     ขอบคุณ : http://a.1asphost.com/chalin623/drinking48/information1/techno1_1.htm




     2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media
     2.2.1 ความหมายของ Social Media
     คาว่า “Social” หมายถึง สังคม ซึ่งในที่นี้จะหมายถึงสังคมออนไลน์ ซึ่งมีขนาดใหม่มากในปัจจุบันคา
ว่า “Media” หมายถึง สื่อ ซึ่งก็คือ เนื้อหา เรื่องราว บทความ วีดีโอ เพลง รูปภาพ เป็นต้น
ดังนั้นคาว่า Social Media จึงหมายถึง สื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง โดยผ่าน
เครือข่ายอินเตอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้สามารถมีปฏิสัมพันธ์โ้ต้ตอบกันได้นั่นเอง พื้นฐานการ
เกิด Social Media ก็มาจากความต้องการของมนุษย์หรือคนเราที่ต้องการติดต่อสื่อสารหรือมีปฏิสัมพันธ์กัน จาก
เดิมเรามีเว็บในยุค 1.0 ซึ่งก็คือเว็บที่แสดงเนื้อหาอย่างเดียว บุคคลแต่ละคนไม่สามารถติดต่อหรือโต้ตอบกันได้ แต่
เมื่อเทคโนโลยีเว็บพัฒนาเข้าสู่ยุค 2.0 ก็มีการพัฒนาเว็บไซต์ที่เรียกว่า web application ซึ่งก็คือเว็บไซต์มีแอ
พลิเคชันหรือโปรแกรมต่างๆ ที่มีการโต้ตอบกับผู้ใช้งานมากขึ้น ผู้ใช้งานแต่ละคนสามารถโต้ตอบกันได้ผ่านหน้าเว็บ
     ขอบคุณ : http://krunum.wordpress.com/2010/06/02/social-network/



     2.2.2 ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของ Social Media

      มีเดีย (“Media”) หมายถึงสื่อหรือเครื่องมือที่ใช้เพื่อการสื่อสาร โซเชียล (“Social”) หมายถึงสังคม ใน
บริบทของโซเชียลมีเดีย โซเชียลหมายถึงการแบ่งปันใน สังคม ซึ่งอาจจะเป็นการแบ่งปันเนื้อหา (ไฟล์, รสนิยมม
ควม เห็น…) หรือปฏิสัมพันธ์ในสังคม (การรวมกับเป็น กลุ่ม…) โซเชียลมีเดียในที่นี้หมายถึงสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่
ทาให้ผู้ใช้แสดง ความเป็นตัวตนของตนเองเพื่อที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับหรือแบ่งปัน ข้อมูลกับบุคคลอื่น

 โซเชียลมีเดียส่วนใหญ่จะเป็นเว็บแอปพลิเคชัน 2.0 ซึ่งจะมีการ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้และผู้รับข้อมูล
7



  ทีวีและหนังสือพิมพ์ที่เป็นกระดาษเป็นสื่อ แต่เป็นสื่อของการสื่อสาร ทางเดียว ผู้รับข้อมูลไม่สามารถตอบ
 กลับผู้ให้ข้อมูลทันทีทันใดได้

  แต่โซเชียลมีเดียจะเป็นสื่อที่มีการสื่อสาร 2 ทาง กล่าวคือผู้รับ ข้อมูลสามารถแสดงความคิดเห็นหรือตอบผู้ให้
 ข้อมูลได้

  การให้ข้อคิดเห็นในบันทึกในบล็อกหรือในวิดีโอ

  การพูดคุยผ่านโปรแกรมสนทนาออนไลน์หรือเว็บบอร์ด

  การให้ข้อคิดเห็นและบันทึกว่าชอบสไลด์

 เครื่องมือและการบริการที่เป็นโซเชียลมีเดีย

  ตีพิมพ์: บล็อก, วิกิพีเดีย, เว็บรวมที่ให้ทุกคนโพสต์ข่าว

  แบ่งปัน: วิดีโอ, รูปภาพ, ดนตรี, ลิงก์

  การอภิปราย: การเสวนา, โปรแกรมสนทนาออนไลน์

  เครือข่ายสังคม: เครือข่ายสังคมโดยทั่วไปและเครือข่าย สังคมเฉพาะด้าน

   การตีพิมพ์แบบไมโคร: ไมโครบล็อก

  เครื่องมือที่รวมข้อมูลจากหลายแหล่งโซเชียลมีเดียเข้า 6 ด้วยกัน (Social aggregation tools)

    ขอขคุณ : http://www.slideshare.net/krunapon/social-media-5661152?from=ss_embed




    2.2.3 ประเภทเว็บไซต์ที่ให้บริการ Social Media
             (1) Blog – ซึ่งเป็นการลดรูปจากคาว่า Weblog ซึ่งถือเป็นระบบจัดการเนื้อหา (Content
Management System: CMS) รูปแบบหนึ่ง ซึ่งทาให้ผู้ใช้สามารถเขียนบทความเรียกว่า Post และทาการ
เผยแพร่ได้โดยง่าย ไม่ยุ่งยากในการที่จะต้องมานั่งเรียนรู้ถึงภาษา HTML หรือโปรแกรมทา web site ทั้งนี้การ
8



เรียงของเนื้อหาจะเรียงจากเนื้อหาที่มาใหม่สุดก่อน จากนั้นก็ลดหลั่นลงไปตามลาดับของเวลา (Chronological
Order) การเกิดของ Blog เปิดโอกาสให้ใครๆที่มีความสามารถในด้านต่างๆ สามารถเผยแพร่ความรู้ดังกล่ าวด้วย
การเขียนได้อย่างเสรี ไม่มีขีดจากัดเรื่องเทคนิคอย่างในอดีตอีกต่อไป ทาให้เกิด Blog ขึ้นมาจานวนมากมาย และ
เพิ่มเนื้อหาให้กับโลกออนไลน์ได้เป็นจานวนมหาศาลอย่างที่ไม่       เคยมีมาก่อน นอกจากนี้เครื่องมือที่สาคัญที่ทา
ให้เกิดลักษณะของ Social คือการเปิดให้เพื่อนๆเข้ามาแสดงความเห็นได้นั่นเอง

    ในแง่ของการตลาด Blog อาจจะถูกนามาใช้ได้ใน 2 รูปแบบ คือ การที่บริษัทจัดทา Blog (Corporate
Blog) ขึ้นมาเพื่อพูดจากับบรรดาลูกค้า และ Blog ที่เขียนจาก Blogger อิสระ ที่มีความสามารถเขียนเรื่องที่ตน
ถนัดและมีผู้ติดตามจานวนมาก จนกลายเป็น Marketing Influencer



    (2) Twitter และ Microblog อื่นๆ – เป็นรูปแบบหนึ่งของ Blog ที่จากัดขนาดของการ Post แต่ละ
ครั้งไว้ที่ 140 ตัวอักษร โดยแรกเริ่มเดิมที ผู้ออกแบบ Twitter ต้องการให้ผู้ใช้เขียนเรื่องราวว่าคุณกาลังทา
อะไรอยู่ในขณะนี้ (What are you doing?) แต่กิจการต่างๆกลับนา Twitter ไปใช้ในทางธุรกิจ ไม่ว่าจะ
เป็นการสร้างการบอกต่อ เพิ่มยอดขาย สร้าง Brand หรือเป็นเครื่องมือสาหรับการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า
(CRM) ทั้งนี้เรายังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์บทความใหม่ๆบน Blog ของเราได้ด้วย
Twitter นั้นเป็นนิยมขึ้นมากอย่างรวดเร็ว จนทาให้เว็บไซต์ประเภท Social Network ต่างๆ เพิ่ม Feature
ที่ให้ผู้ใช้สามารถบอกได้ว่าตอนนี้กาลังทาอะไรกันอยู่ นั้นก็คือการนา Microblog เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งด้วยนั้นเอง

    (3) Social Networking – จากชื่อก็สามารถแปลความหมายได้ว่าเป็ นเครือข่ายที่เชื่อมโยงเรากับเพื่อนๆจน
กลายเป็นสังคม ทั้งนี้ผู้ใช้จะเริ่มต้นสร้างตัวตนของตนเองขึ้นในส่วนของ Profile ซึ่งประกกอบด้วยข้อมูลส่วนตัว
(Info) รูป (Photo) การจดบันทึก (Note) หรือการใส่วิดีโอ (Video) และอื่นๆ นอกจากนี้ Social
Networking ยังมีเครื่องมือสาคัญในการสร้างจานวนเพื่อนให้มากขึ้น คือ ในส่วนของ Invite Friend และ
Find Friend รวมถึงการสร้างเพื่อนจากเพื่อนของเพื่อนอีกด้วย

    นักการตลาดนา Social Networking มาใช้ในการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า อาจจะอยู่ในรูปของการสร้าง
Brand ผ่านเกมส์หรือ Application ต่างๆ หรืออาจใช้เป็นเครื่องมือของ CRM ผ่านทาง Pages และนอกจากนี้
ตัวลูกค้าเอง หากชื่นชอบในสินค้าหรือบริการ ก็สามารถร่วมกลุ่มกันจัดตั้ง Group ขึ้นมาได้
9



     เว็บไซต์ที่มีลักษณะของ Social Networking มีมากมาย แต่อาจจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภท
แรกจะสนใจในการสร้างเครือข่ายระหว่างเพื่อนๆหรือครอบครัว เช่น Facebook, Hi5 หรือ Myspace และอีก
ประเภท คือสนใจในการสร้างเครือข่ายในเชิงธุรกิจ ที่เปิดให้ใส่ Resume และข้อมูลเชิงอาชีพต่างๆ เช่น
Linkedin หรือ Plaxo เป็นต้น

     (4) Media Sharing – เป็นเว็บไซต์ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถ upload รูปหรือวิดีโอเพื่อแบ่งปันให้กับ
ครอบครัว เพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน นักการตลาด ณ ปัจจุบันไม่จาเป็นจะต้องทุ่มทุนใน
การสร้างหนังโฆษณาที่มีต้นทุนสูง เราอาจจะใช้กล้องดิจิตอลราคาถูกๆ ถ่ายทอดความคิดเป็นรูปแบบวิดีโอ จากนั้น
นาขึ้นไปสู่เว็บไซต์ Media Sharing อย่าง Youtube หากความคิดของเราเป็นที่ชื่นชอบ ก็ทาให้เกิดการบอก
ต่ออย่างแพร่หลาย หรือกรณีหากกิจการคุณขายสินค้าที่เน้นดีไซน์ที่สวยงาม ก็อาจจะถ่ายรูปแล้วนาขึ้นไปสู่เว็บไซต์
อย่าง Flickr เพื่อให้ลูกค้าได้ชม หรืออาจจะใช้เป็นเครื่องมือในการนาชมโรงงาน หรือบรรยากาศในการทางาน
ของกิจการ เป็นต้น หรืออย่างกรณีของ Multiply ที่คนไทยนิยมนารูปภาพที่ตนเองถ่ายมาแสดงฝีมือ เหมือน
เป็นแกลลอรีส่วนตัว ทาให้ผู้ว่าจ้างได้เห็นฝีมือก่อนที่จะทาการจ้าง

     (5) Social News and Bookmarking – เป็นเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงไปยังบทความหรือเนื้อหาใดใน
อินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้เป็นผู้ส่งและเปิดโอกาสให้คะแนนและทาการโหวตได้ เป็นเสมือนมหาชนช่วยกลั่นกรองว่า
บทความหรือเนื้อหาใดนั้นเป็นที่น่าสนใจที่สุด ในส่วนของ Social Bookmarking นั้น เป็นการที่เปิดโอกาสให้
คุณสามารถทาการ Bookmark เนื้อหาหรือเว็บไซต์ที่ชื่น
ชอบ โดยไม่ขึ้นอยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง แต่
สามารถทาผ่านออนไลน์ และเนื้อหาในส่วนที่เราทา
Bookmark ไว้นี้ สามารถที่จะแบ่งปันให้คนอื่นๆได้ด้วย
นักการตลาดจะใช้เป็นเครื่องมือในการบอกต่อและสร้าง
จานวนคนเข้ามายังที่เว็บไซต์หรือ Campaign การตลาดที่
ต้องการ

     (6) Online Forums – ถือเป็นรูปแบบของ Social
Media ที่เก่าแก่ที่สุด เป็นเสมือนสถานที่ที่ให้ผู้คนเข้ามา
พูดคุยในหัวข้อที่พวกเขาสนใจ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่อง เพลง หนัง การเมือง กีฬา สุขภาพ หนังสือ การลงทุน และ
อื่นๆอีกมากมาย ได้ทาการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แสดงข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนถึงการแนะนาสินค้าหรือบริการ
ต่างๆ นักการตลาดควนสนใจเนื้อหาที่พูดคุยใน Forums เหล่านี้ เพราะบางครั้งอาจจะเป็นคาวิจารณ์เกี่ยวกับตัว
10



สินค้าและบริการของเรา ซึ่งเราเองสามารถเข้าไปทาความเข้าใจ แก้ไขปัญหา ตลอดจนถึงใช้สร้างความสัมพันธ์ที่ดี
กับลูกค้า เว็บไซต์ประเภท Forums อาจจะเป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันโดยเฉพาะ หรือ
อาจจะเป็นส่วนหนึ่งในเว็บไซต์เนื้อหาต่างๆ




     ตัวอย่างรายชื่อเว็บไซต์ที่เป็น
                                  Social Media


               D-Looks เว็บไซต์ Social Network แนวๆ hi5 แต่มีสโลแกนว่า เว็บไซต์ดูดี สาหรับคนดี ๆ
               BangkokSpace เป็น Social Network สาหรับคนชอบเที่ยวกลางคืน
     Blogging
               exteen เว็บผู้ให้บริการ blog อันดับหนึ่งของไทย สูสีเบียดกับ bloggang อยู่ตลอด แต่หลัง ๆ
ดูเหมือนยอดสมาชิกจะแซงแล้ว ตัวระบบ exteen เองพัฒนาได้ดี
               BlogGang ผู้ให้บริการพื้นที่ blog ในเครือ pantip.com ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ จะเป็นแฟนคลับ
หรือขาประจาของ pantip.com อยู่แล้ว
     Micro Blogging
               NokNok เว็บแบบเดียวกับ twitter แต่พัฒนาโดยคนไทย (ในเครือ sanook.com เช่นกัน)
แต่ดูมีแนวโน้มการพัฒนาที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมให้อัพเดทกับ twitter ได้ หรือการอัพเดท noknok ผ่าน
มือถือเป็นต้น
     Social Bookmarking
               Zickr เว็บ social bookmark อันดับหนึ่งของไทย คนใช้กันเพียบ เป็นที่รวมข้อมูลบทความ
ทันสมัย ที่มีคนมาช่วยกันใส่เรื่องใหม่ ทุกวัน
               Duocore เว็บที่รายงานข่าวเกี่ยวกับวงการไอทีไทย ในรูปแบบวีดีโอ โดยใช้ระบบ Social
Bookmark มาให้ผู้ชม ช่วยกันส่งเรื่องราวไอทีที่น่าสนใจเข้ามา ในแต่ละสัปดาห์จะมีการเลือกเรื่องราวที่น่าสนใจ
ไปทารายการเป็นรูปแบบวีดีโอ
               Siam Collective เว็บ Social Bookmark อีกแห่งหนึ่งของไทย
               iam in Thai Social Bookmark ของไทยที่เก็บรวบรวมงานอีเว้นต์ และเทศกาลสาคัญ
               Techkr เว็บ Social Bookmark ที่เก็บแต่เรื่องราวเทคโนโลยี
11



     ขอบคุณ : http://whitemkt.com/2011

             http://www.doctorpisek.com/pisek/?p=718



     2.3 เว็บบล็อก (WedBlog)


             2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก (WebBlog)
                      บล็อก (อังกฤษ: blog) เป็นคารวมมาจากคาว่า เว็บล็อก (อังกฤษ: weblog) เป็นรูปแบบ
     เว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นในลาดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้
     แรกสุด บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงก์ ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือ
     วิดีโอในหลายรูปแบบได้ จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูล
     สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียน ซึ่งทาให้ผู้เขียนสามารถได้ผ ลตอบกลับ
     โดยทันที คาว่า "บล็อก" ยังใช้เป็นคากริยาได้ซึ่งหมายถึง การเขียนบล็อก และนอกจากนี้ผู้ที่เขียนบล็อกเป็น
     อาชีพก็จะถูกเรียกว่า "บล็อกเกอร์"
     บล็อกเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลายขึ้นอยู่กับเจ้าของบล็อก โดยสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร การ
ประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ในหลายด้านไม่ว่า อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรือ
ข่าวปัจจุบัน นอกจากนี้บล็อกที่ถูกเขียนเฉพาะเรื่องส่วนตัวหรือจะเรียกว่า ไดอารีออนไลน์ ซึ่งไดอารีออนไลน์นี่เอง
เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้บล็อกในปัจจุบัน นอกจากนี้ตามบริษัทเอกชนหลายแห่งได้มีการจัดทาบล็อกของทาง
บริษัทขึ้น เพื่อเสนอแนวความเห็นใหม่ใหักับลูกค้า โดยมีการเขียนบล็อกออกมาในลักษณะเดียวกับข่าวสั้น และ
ได้รับการตอบรับจากทางลูกค้าที่แสดงความเห็นตอบกลับเข้าไป เพื่อ
     ขอบคุณ : http://th.wikipedia.org/wiki



     2.3.2 ประเภทของเว็บบล็อก

     1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่
12



       1.1. Linklog บล็อกแบบนี้น่าจะเป็นบล็อกรุ่นแรก ๆ เป็นบล็อกที่รวมลิ๊งก์ที่เจ้าของบล็อกสนใจเอาไว้ ถ้าคณ
ยังจาผู้ให้กาเนิดคาว่า “บล็อก” ที่ชื่อ จอห์น บาจเจอร์ได้ นั่นแหล่ะครับ robotwisdom.com ของเขาคือตัวอย่าง
ของ linklog นั่นเอง แม้ว่าจะบล็อกแบบนี้จะเป็นการรวมลิ๊งก์เท่านั้น แต่ก็ไม่เรียงเหมือนว็ บไดเร็กทอรี่ เพราะ
เจ้าของบล็อกจะโพสต์ลิ๊งก์ของเขา 1 – 2 ลิ๊งก์ต่อโพสต์เท่านั้นครับ ใครที่อยากมีบล็อกเป็นของตนเองแต่ยังนึกไม่
ออกว่าจะทาบล็อกแบบไหน linklog น่าจะเป็นการเริ่มต้นการทาบล็อกได้เป็นอย่างดี

       1.2 Photoblog ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับว่า Photo บล็อกประเภทนี้เน้นในโพสต์ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อก
อยากนาเสนอ และมักจะไม่เน้นที่จะเขียนข้อความมากนัก บางบล็อกเรียกได้ว่าภาพโดยเจ้าของบล็อกล้วน ๆ เลย
ครับ

       1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็นบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog เป็นบล็อกที่เรียกได้ว่าเป็น
บล็อกที่นิยมทากันมากในอนาคต เพราะการเจริญเติบโตของไฮสปีด อินเตอร์เน็ต หรือ อินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์
ที่ทาให้การถ่ายทอดเสียง ภาพเคลื่อนไหว movie […]
2. แบ่งตามประเภทเนื้อหา ได้แก่

       2.1 บล็อกส่วนตัว(Personal Blog) นาแสนอความคิดเห็น กิจวัตรประจาวันของเจ้าของบล็อกเป็นหลัก

       2.2 บล็อกข่าว(News Blog) บล็อกที่นาเสนอข่าวเป็นหลัก

       2.3 บล็อกกลุ่ม(Collaborative Blog) เป็นบล็อกที่เขียนกันเป็นกลุ่ม เช่น blognone.com

       2.4 บล็อกการเมือง(Politic Blog) ว่าด้วยเรื่องการเมืองล้วน ๆ

       2.5 บล็อกเพื่อสิ่งแวดล้อม(Environment Blog) พูดถึงเรื่องราวของธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อม

       2.6 มีเดียบล็อก(Media Blog) เป็นบล็อกที่วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่งที่เกี่ยวกับสื่อ เช่น
oknation.net/blog/black ของสุทธิชัย หยุ่น

       2.7 บล็อกบันเทิง(Entertainment Blog) บล็อกที่นาเสนอเรื่องราวบันเทิงทั้งทางจอแก้ว และจอเงิน เรื่อง
ซุบซุดารา กองถ่าย ฯลฯ
13



2.8 บล็อกเพื่อการศึกษา(Educational Blog) ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยในต่างประเทศมักจะใช้บล็อก
เป็นสื่อในการสอนหรือ แลกเปลี่ยน         ความคิดกัน

2.9 ติวเตอร์บล็อก(Tutorial Blog) เป็นบล็อกที่นาเสนอวิธีการต่าง

ขอบคุณ http://jingjai-21.blogspot.com/2007/09/blog_7483.html



       2.3.3 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก

www.blogger.com
www.exteen.com
www.mapandy.com
www.buddythai.com
www.imigg.com
www.5iam.com
www.blogprathai.com
www.ndesignsblog.com
www.idatablog.com
www.inewblog.com
www.onblogme.com
www.freeseoblogs.com
www.sumhua.com
www.diaryi.net
www.istoreblog.com
www.skypream.com
14



www.thailandspace.com
www.sungson.com
www.gujaba.com
www.sabuyblog.com
www.ugetblog.com
www.jaideespace.com
www.maxsiteth.com
www.my2blog.com
        ขอบคุณ : http://book.manacomputers.com/free-make-blog-list-and-adsense/




2.3.4 ประวัติ                                                              ของเว็บไซต์
Wordpress

        WordPress คือ โปรแกรมสาเร็จรูปตัวหนึ่ง ที่เอาไว้สาหรับสร้าง บล็อก หรือ เว็บไซต์ สามารถ
ใช้งานได้ฟรี ถูกจัดอยู่ในประเภท CMS (Contents Management System) ซึ่งหมายถึง โปรแกรม
สาเร็จรูปที่มีไว้สาหรับสร้างและบริหารจัดการเนื้อหาและข้อมูลบนเว็บไซต์

WordPress ได้รับการพัฒนาและเขียนชุดคาสั่งมาจากภาษา PHP (เป็นภาษาโปรแกรมมิ่งตัวหนึ่ง) ทางาน
บนฐานข้อมูล MySQL ซึ่งเป็นโปรแกรมสาหรับจัดการฐานข้อมูล มีหน้าที่เก็บ เรียกดู แก้ไข เพิ่มและลบ
ข้อมูล การใช้งานWordPress ร่วมกับ MySQL อยู่ภายใต้สัญญาอนุญาตใช้ งานแบบ GNU General
Public License
15



WordPress ปรากฏโฉมครั้งแรกในโลกเมื่อปี พ .ศ. 2546 (2003) เป็นความร่วมมือกันระหว่าง Matt
Mullenweg และ Mike Littlej มีเว็บไซต์หลักอยู่ที่ http://wordpress.org และยังมีบริการ Free
Hosting (พื้นที่สาหรับเก็บทุกอย่างของเว็บ/บล็อก) โดยขอใช้บริการได้ที่ http://wordpress.com

ปัจจุบันนี้ WordPress ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมีผู้ใช้งานมากกว่า 200 ล้านเว็บบล็อกไป
แล้ว แซงหน้า CMS ตัวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Drupal , Mambo และ Joomla สาเหตุเป็นเพราะ ใช้งาน
ง่าย ไม่จาเป็นต้องมีความรู้ในเรื่อง   Programing มีรูปแบบที่สวยงาม อีกทั้งยังมีผู้พัฒนา       Theme
(รูปแบบการแสดงผล) และ Plugins (โปรแกรมเสริม) ให้เลือกใช้ฟรีอย่างมากมาย

นอกจากนี้ สาหรับ        นักพัฒนา WordPress ยังมี Codex เอาไว้ให้เราได้เป็นไกด์ไลน์ เพื่อศึกษา
องค์ประกอบส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ภายใน สาหรับพัฒนาต่อยอด หรือ นาไปสร้าง            Theme และ Plugins
ขึ้นมาเองได้อีกด้วย หนาซ้า ยังมีรุ่นพิ เศษ คือ WordPress MUสาหรับไว้ให้ผู้นาไปใช้ สามารถเปิด
ให้บริการพื้นที่ทาเว็บบล็อกเป็นของตนเอง เพื่อให้ผู้อื่นมาสมัครขอร่วมใช้บริการในการสร้างเว็บบล็อก
ภายใต้ชื่อโดเมนของเขา หรือที่เรียกว่า Sub-Domain

ขอบคุณ : http://wordpress.9supawat.com/10/what-is-wordpress.html

More Related Content

What's hot

แบบเสนอโครงร่าง
แบบเสนอโครงร่างแบบเสนอโครงร่าง
แบบเสนอโครงร่างKanistha Chudchum
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องKot สุรศักดิ์
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2She's Ning
 
บทที่%202[1]
บทที่%202[1]บทที่%202[1]
บทที่%202[1]teeraratWI
 
บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2dargonbail
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมรแบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมรM'suKanya MinHyuk
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องPoonyapat Wongpong
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องChi Cha Pui Fai
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องChi Cha Pui Fai
 
บทที่1
บทที่1บทที่1
บทที่1Tangkwa Tom
 

What's hot (13)

แบบเสนอโครงร่าง
แบบเสนอโครงร่างแบบเสนอโครงร่าง
แบบเสนอโครงร่าง
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่1
บทที่1บทที่1
บทที่1
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่%202[1]
บทที่%202[1]บทที่%202[1]
บทที่%202[1]
 
บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมรแบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
 
1
11
1
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่1
บทที่1บทที่1
บทที่1
 

Similar to บทที่2

02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องKot สุรศักดิ์
 
แบบเสนอโครงร่าง
แบบเสนอโครงร่างแบบเสนอโครงร่าง
แบบเสนอโครงร่างKanistha Chudchum
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องChi Cha Pui Fai
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องChi Cha Pui Fai
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องM'suKanya MinHyuk
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Sirintip Kongchanta
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง102 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1Thanggwa Taemin
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องChi Cha Pui Fai
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องChi Cha Pui Fai
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องChi Cha Pui Fai
 

Similar to บทที่2 (20)

02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2 ทวีชัย
บทที่ 2 ทวีชัยบทที่ 2 ทวีชัย
บทที่ 2 ทวีชัย
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
แบบเสนอโครงร่าง
แบบเสนอโครงร่างแบบเสนอโครงร่าง
แบบเสนอโครงร่าง
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง102 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
3 3
3 33 3
3 3
 
สอน Social network
สอน Social  networkสอน Social  network
สอน Social network
 
บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2
 
แบเสนอโครงงาน
แบเสนอโครงงานแบเสนอโครงงาน
แบเสนอโครงงาน
 

More from พร่อยพร้อย เคโอทิค (12)

บรรนา
บรรนาบรรนา
บรรนา
 
บท5
บท5บท5
บท5
 
ภาคผนวช
ภาคผนวชภาคผนวช
ภาคผนวช
 
ภาคผนวช
ภาคผนวชภาคผนวช
ภาคผนวช
 
บท5
บท5บท5
บท5
 
บท4
บท4 บท4
บท4
 
บท3
บท3บท3
บท3
 
บท4
บท4 บท4
บท4
 
1บท1
1บท11บท1
1บท1
 
ส่วนนำ..........
ส่วนนำ..........ส่วนนำ..........
ส่วนนำ..........
 
บทที3 ดำเนินการ
บทที3 ดำเนินการบทที3 ดำเนินการ
บทที3 ดำเนินการ
 
1บทนำคอม11
1บทนำคอม111บทนำคอม11
1บทนำคอม11
 

บทที่2

  • 1. 5 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress เรื่อง อินเตอร์เน็ต นี้ ผู้จัดทาโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ 2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต 2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media 2.3 เว็บบล็อก (WebBlog) 2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต การศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยในด้านการค้นคว้าศึกษาแหล่งข้อมูล ทาให้การศึกษาง่ายขึ้นและ ไร้ขีดจากัด ผู้เรียนมีความสะดวกในการค้นคว้าวิจัย 2. การดารงชีวิตประจาวัน ทาให้มีความสะดวกคล่องตัวและรวดเร็วในการทากิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใน ชีวิตประจาวัน สามารถทางานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันได้หรือทางานใช้เวลาน้อยลง 3. การดาเนินธุรกิจ ทาให้มีการแข่งขันระหว่างธุรกิจมากขึ้น ทาให้ต้องมีการพัฒนาองค์กรเพื่อให้ทันกับ ข้อมูลข่าวสารอยู่ตลอดเวลา อันส่งผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง 4. อัตราการขยายตัวทุก ๆ ด้านที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะมีการติดต่อสื่อสารที่เจริญก้าวหน้า ทันสมัย รวดเร็วถูกต้องและ ทาให้ เป็นโลกที่ไร้พรหรมแดน
  • 2. 6 5. ระบบการทางานมีคอมพิวเตอร์มาใช้ซื่อสามารถทางานได้มากขึ้น งานบางอย่างมนุษย์ทาไม่ได ้ก็ใช้ คอมพิวเตอร์ช่วยทางานแทนซึ่งได้ผลถูกต้องรวดเร็ว ขอบคุณ : http://a.1asphost.com/chalin623/drinking48/information1/techno1_1.htm 2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media 2.2.1 ความหมายของ Social Media คาว่า “Social” หมายถึง สังคม ซึ่งในที่นี้จะหมายถึงสังคมออนไลน์ ซึ่งมีขนาดใหม่มากในปัจจุบันคา ว่า “Media” หมายถึง สื่อ ซึ่งก็คือ เนื้อหา เรื่องราว บทความ วีดีโอ เพลง รูปภาพ เป็นต้น ดังนั้นคาว่า Social Media จึงหมายถึง สื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง โดยผ่าน เครือข่ายอินเตอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้สามารถมีปฏิสัมพันธ์โ้ต้ตอบกันได้นั่นเอง พื้นฐานการ เกิด Social Media ก็มาจากความต้องการของมนุษย์หรือคนเราที่ต้องการติดต่อสื่อสารหรือมีปฏิสัมพันธ์กัน จาก เดิมเรามีเว็บในยุค 1.0 ซึ่งก็คือเว็บที่แสดงเนื้อหาอย่างเดียว บุคคลแต่ละคนไม่สามารถติดต่อหรือโต้ตอบกันได้ แต่ เมื่อเทคโนโลยีเว็บพัฒนาเข้าสู่ยุค 2.0 ก็มีการพัฒนาเว็บไซต์ที่เรียกว่า web application ซึ่งก็คือเว็บไซต์มีแอ พลิเคชันหรือโปรแกรมต่างๆ ที่มีการโต้ตอบกับผู้ใช้งานมากขึ้น ผู้ใช้งานแต่ละคนสามารถโต้ตอบกันได้ผ่านหน้าเว็บ ขอบคุณ : http://krunum.wordpress.com/2010/06/02/social-network/ 2.2.2 ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของ Social Media มีเดีย (“Media”) หมายถึงสื่อหรือเครื่องมือที่ใช้เพื่อการสื่อสาร โซเชียล (“Social”) หมายถึงสังคม ใน บริบทของโซเชียลมีเดีย โซเชียลหมายถึงการแบ่งปันใน สังคม ซึ่งอาจจะเป็นการแบ่งปันเนื้อหา (ไฟล์, รสนิยมม ควม เห็น…) หรือปฏิสัมพันธ์ในสังคม (การรวมกับเป็น กลุ่ม…) โซเชียลมีเดียในที่นี้หมายถึงสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ ทาให้ผู้ใช้แสดง ความเป็นตัวตนของตนเองเพื่อที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับหรือแบ่งปัน ข้อมูลกับบุคคลอื่น โซเชียลมีเดียส่วนใหญ่จะเป็นเว็บแอปพลิเคชัน 2.0 ซึ่งจะมีการ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้และผู้รับข้อมูล
  • 3. 7  ทีวีและหนังสือพิมพ์ที่เป็นกระดาษเป็นสื่อ แต่เป็นสื่อของการสื่อสาร ทางเดียว ผู้รับข้อมูลไม่สามารถตอบ กลับผู้ให้ข้อมูลทันทีทันใดได้  แต่โซเชียลมีเดียจะเป็นสื่อที่มีการสื่อสาร 2 ทาง กล่าวคือผู้รับ ข้อมูลสามารถแสดงความคิดเห็นหรือตอบผู้ให้ ข้อมูลได้  การให้ข้อคิดเห็นในบันทึกในบล็อกหรือในวิดีโอ  การพูดคุยผ่านโปรแกรมสนทนาออนไลน์หรือเว็บบอร์ด  การให้ข้อคิดเห็นและบันทึกว่าชอบสไลด์ เครื่องมือและการบริการที่เป็นโซเชียลมีเดีย  ตีพิมพ์: บล็อก, วิกิพีเดีย, เว็บรวมที่ให้ทุกคนโพสต์ข่าว  แบ่งปัน: วิดีโอ, รูปภาพ, ดนตรี, ลิงก์  การอภิปราย: การเสวนา, โปรแกรมสนทนาออนไลน์  เครือข่ายสังคม: เครือข่ายสังคมโดยทั่วไปและเครือข่าย สังคมเฉพาะด้าน  การตีพิมพ์แบบไมโคร: ไมโครบล็อก  เครื่องมือที่รวมข้อมูลจากหลายแหล่งโซเชียลมีเดียเข้า 6 ด้วยกัน (Social aggregation tools) ขอขคุณ : http://www.slideshare.net/krunapon/social-media-5661152?from=ss_embed 2.2.3 ประเภทเว็บไซต์ที่ให้บริการ Social Media (1) Blog – ซึ่งเป็นการลดรูปจากคาว่า Weblog ซึ่งถือเป็นระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System: CMS) รูปแบบหนึ่ง ซึ่งทาให้ผู้ใช้สามารถเขียนบทความเรียกว่า Post และทาการ เผยแพร่ได้โดยง่าย ไม่ยุ่งยากในการที่จะต้องมานั่งเรียนรู้ถึงภาษา HTML หรือโปรแกรมทา web site ทั้งนี้การ
  • 4. 8 เรียงของเนื้อหาจะเรียงจากเนื้อหาที่มาใหม่สุดก่อน จากนั้นก็ลดหลั่นลงไปตามลาดับของเวลา (Chronological Order) การเกิดของ Blog เปิดโอกาสให้ใครๆที่มีความสามารถในด้านต่างๆ สามารถเผยแพร่ความรู้ดังกล่ าวด้วย การเขียนได้อย่างเสรี ไม่มีขีดจากัดเรื่องเทคนิคอย่างในอดีตอีกต่อไป ทาให้เกิด Blog ขึ้นมาจานวนมากมาย และ เพิ่มเนื้อหาให้กับโลกออนไลน์ได้เป็นจานวนมหาศาลอย่างที่ไม่ เคยมีมาก่อน นอกจากนี้เครื่องมือที่สาคัญที่ทา ให้เกิดลักษณะของ Social คือการเปิดให้เพื่อนๆเข้ามาแสดงความเห็นได้นั่นเอง ในแง่ของการตลาด Blog อาจจะถูกนามาใช้ได้ใน 2 รูปแบบ คือ การที่บริษัทจัดทา Blog (Corporate Blog) ขึ้นมาเพื่อพูดจากับบรรดาลูกค้า และ Blog ที่เขียนจาก Blogger อิสระ ที่มีความสามารถเขียนเรื่องที่ตน ถนัดและมีผู้ติดตามจานวนมาก จนกลายเป็น Marketing Influencer (2) Twitter และ Microblog อื่นๆ – เป็นรูปแบบหนึ่งของ Blog ที่จากัดขนาดของการ Post แต่ละ ครั้งไว้ที่ 140 ตัวอักษร โดยแรกเริ่มเดิมที ผู้ออกแบบ Twitter ต้องการให้ผู้ใช้เขียนเรื่องราวว่าคุณกาลังทา อะไรอยู่ในขณะนี้ (What are you doing?) แต่กิจการต่างๆกลับนา Twitter ไปใช้ในทางธุรกิจ ไม่ว่าจะ เป็นการสร้างการบอกต่อ เพิ่มยอดขาย สร้าง Brand หรือเป็นเครื่องมือสาหรับการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ทั้งนี้เรายังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์บทความใหม่ๆบน Blog ของเราได้ด้วย Twitter นั้นเป็นนิยมขึ้นมากอย่างรวดเร็ว จนทาให้เว็บไซต์ประเภท Social Network ต่างๆ เพิ่ม Feature ที่ให้ผู้ใช้สามารถบอกได้ว่าตอนนี้กาลังทาอะไรกันอยู่ นั้นก็คือการนา Microblog เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งด้วยนั้นเอง (3) Social Networking – จากชื่อก็สามารถแปลความหมายได้ว่าเป็ นเครือข่ายที่เชื่อมโยงเรากับเพื่อนๆจน กลายเป็นสังคม ทั้งนี้ผู้ใช้จะเริ่มต้นสร้างตัวตนของตนเองขึ้นในส่วนของ Profile ซึ่งประกกอบด้วยข้อมูลส่วนตัว (Info) รูป (Photo) การจดบันทึก (Note) หรือการใส่วิดีโอ (Video) และอื่นๆ นอกจากนี้ Social Networking ยังมีเครื่องมือสาคัญในการสร้างจานวนเพื่อนให้มากขึ้น คือ ในส่วนของ Invite Friend และ Find Friend รวมถึงการสร้างเพื่อนจากเพื่อนของเพื่อนอีกด้วย นักการตลาดนา Social Networking มาใช้ในการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า อาจจะอยู่ในรูปของการสร้าง Brand ผ่านเกมส์หรือ Application ต่างๆ หรืออาจใช้เป็นเครื่องมือของ CRM ผ่านทาง Pages และนอกจากนี้ ตัวลูกค้าเอง หากชื่นชอบในสินค้าหรือบริการ ก็สามารถร่วมกลุ่มกันจัดตั้ง Group ขึ้นมาได้
  • 5. 9 เว็บไซต์ที่มีลักษณะของ Social Networking มีมากมาย แต่อาจจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภท แรกจะสนใจในการสร้างเครือข่ายระหว่างเพื่อนๆหรือครอบครัว เช่น Facebook, Hi5 หรือ Myspace และอีก ประเภท คือสนใจในการสร้างเครือข่ายในเชิงธุรกิจ ที่เปิดให้ใส่ Resume และข้อมูลเชิงอาชีพต่างๆ เช่น Linkedin หรือ Plaxo เป็นต้น (4) Media Sharing – เป็นเว็บไซต์ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถ upload รูปหรือวิดีโอเพื่อแบ่งปันให้กับ ครอบครัว เพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน นักการตลาด ณ ปัจจุบันไม่จาเป็นจะต้องทุ่มทุนใน การสร้างหนังโฆษณาที่มีต้นทุนสูง เราอาจจะใช้กล้องดิจิตอลราคาถูกๆ ถ่ายทอดความคิดเป็นรูปแบบวิดีโอ จากนั้น นาขึ้นไปสู่เว็บไซต์ Media Sharing อย่าง Youtube หากความคิดของเราเป็นที่ชื่นชอบ ก็ทาให้เกิดการบอก ต่ออย่างแพร่หลาย หรือกรณีหากกิจการคุณขายสินค้าที่เน้นดีไซน์ที่สวยงาม ก็อาจจะถ่ายรูปแล้วนาขึ้นไปสู่เว็บไซต์ อย่าง Flickr เพื่อให้ลูกค้าได้ชม หรืออาจจะใช้เป็นเครื่องมือในการนาชมโรงงาน หรือบรรยากาศในการทางาน ของกิจการ เป็นต้น หรืออย่างกรณีของ Multiply ที่คนไทยนิยมนารูปภาพที่ตนเองถ่ายมาแสดงฝีมือ เหมือน เป็นแกลลอรีส่วนตัว ทาให้ผู้ว่าจ้างได้เห็นฝีมือก่อนที่จะทาการจ้าง (5) Social News and Bookmarking – เป็นเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงไปยังบทความหรือเนื้อหาใดใน อินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้เป็นผู้ส่งและเปิดโอกาสให้คะแนนและทาการโหวตได้ เป็นเสมือนมหาชนช่วยกลั่นกรองว่า บทความหรือเนื้อหาใดนั้นเป็นที่น่าสนใจที่สุด ในส่วนของ Social Bookmarking นั้น เป็นการที่เปิดโอกาสให้ คุณสามารถทาการ Bookmark เนื้อหาหรือเว็บไซต์ที่ชื่น ชอบ โดยไม่ขึ้นอยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง แต่ สามารถทาผ่านออนไลน์ และเนื้อหาในส่วนที่เราทา Bookmark ไว้นี้ สามารถที่จะแบ่งปันให้คนอื่นๆได้ด้วย นักการตลาดจะใช้เป็นเครื่องมือในการบอกต่อและสร้าง จานวนคนเข้ามายังที่เว็บไซต์หรือ Campaign การตลาดที่ ต้องการ (6) Online Forums – ถือเป็นรูปแบบของ Social Media ที่เก่าแก่ที่สุด เป็นเสมือนสถานที่ที่ให้ผู้คนเข้ามา พูดคุยในหัวข้อที่พวกเขาสนใจ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่อง เพลง หนัง การเมือง กีฬา สุขภาพ หนังสือ การลงทุน และ อื่นๆอีกมากมาย ได้ทาการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แสดงข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนถึงการแนะนาสินค้าหรือบริการ ต่างๆ นักการตลาดควนสนใจเนื้อหาที่พูดคุยใน Forums เหล่านี้ เพราะบางครั้งอาจจะเป็นคาวิจารณ์เกี่ยวกับตัว
  • 6. 10 สินค้าและบริการของเรา ซึ่งเราเองสามารถเข้าไปทาความเข้าใจ แก้ไขปัญหา ตลอดจนถึงใช้สร้างความสัมพันธ์ที่ดี กับลูกค้า เว็บไซต์ประเภท Forums อาจจะเป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันโดยเฉพาะ หรือ อาจจะเป็นส่วนหนึ่งในเว็บไซต์เนื้อหาต่างๆ ตัวอย่างรายชื่อเว็บไซต์ที่เป็น Social Media  D-Looks เว็บไซต์ Social Network แนวๆ hi5 แต่มีสโลแกนว่า เว็บไซต์ดูดี สาหรับคนดี ๆ  BangkokSpace เป็น Social Network สาหรับคนชอบเที่ยวกลางคืน Blogging  exteen เว็บผู้ให้บริการ blog อันดับหนึ่งของไทย สูสีเบียดกับ bloggang อยู่ตลอด แต่หลัง ๆ ดูเหมือนยอดสมาชิกจะแซงแล้ว ตัวระบบ exteen เองพัฒนาได้ดี  BlogGang ผู้ให้บริการพื้นที่ blog ในเครือ pantip.com ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ จะเป็นแฟนคลับ หรือขาประจาของ pantip.com อยู่แล้ว Micro Blogging  NokNok เว็บแบบเดียวกับ twitter แต่พัฒนาโดยคนไทย (ในเครือ sanook.com เช่นกัน) แต่ดูมีแนวโน้มการพัฒนาที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมให้อัพเดทกับ twitter ได้ หรือการอัพเดท noknok ผ่าน มือถือเป็นต้น Social Bookmarking  Zickr เว็บ social bookmark อันดับหนึ่งของไทย คนใช้กันเพียบ เป็นที่รวมข้อมูลบทความ ทันสมัย ที่มีคนมาช่วยกันใส่เรื่องใหม่ ทุกวัน  Duocore เว็บที่รายงานข่าวเกี่ยวกับวงการไอทีไทย ในรูปแบบวีดีโอ โดยใช้ระบบ Social Bookmark มาให้ผู้ชม ช่วยกันส่งเรื่องราวไอทีที่น่าสนใจเข้ามา ในแต่ละสัปดาห์จะมีการเลือกเรื่องราวที่น่าสนใจ ไปทารายการเป็นรูปแบบวีดีโอ  Siam Collective เว็บ Social Bookmark อีกแห่งหนึ่งของไทย  iam in Thai Social Bookmark ของไทยที่เก็บรวบรวมงานอีเว้นต์ และเทศกาลสาคัญ  Techkr เว็บ Social Bookmark ที่เก็บแต่เรื่องราวเทคโนโลยี
  • 7. 11 ขอบคุณ : http://whitemkt.com/2011 http://www.doctorpisek.com/pisek/?p=718 2.3 เว็บบล็อก (WedBlog) 2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก (WebBlog) บล็อก (อังกฤษ: blog) เป็นคารวมมาจากคาว่า เว็บล็อก (อังกฤษ: weblog) เป็นรูปแบบ เว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นในลาดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้ แรกสุด บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงก์ ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือ วิดีโอในหลายรูปแบบได้ จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียน ซึ่งทาให้ผู้เขียนสามารถได้ผ ลตอบกลับ โดยทันที คาว่า "บล็อก" ยังใช้เป็นคากริยาได้ซึ่งหมายถึง การเขียนบล็อก และนอกจากนี้ผู้ที่เขียนบล็อกเป็น อาชีพก็จะถูกเรียกว่า "บล็อกเกอร์" บล็อกเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลายขึ้นอยู่กับเจ้าของบล็อก โดยสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร การ ประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ในหลายด้านไม่ว่า อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรือ ข่าวปัจจุบัน นอกจากนี้บล็อกที่ถูกเขียนเฉพาะเรื่องส่วนตัวหรือจะเรียกว่า ไดอารีออนไลน์ ซึ่งไดอารีออนไลน์นี่เอง เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้บล็อกในปัจจุบัน นอกจากนี้ตามบริษัทเอกชนหลายแห่งได้มีการจัดทาบล็อกของทาง บริษัทขึ้น เพื่อเสนอแนวความเห็นใหม่ใหักับลูกค้า โดยมีการเขียนบล็อกออกมาในลักษณะเดียวกับข่าวสั้น และ ได้รับการตอบรับจากทางลูกค้าที่แสดงความเห็นตอบกลับเข้าไป เพื่อ ขอบคุณ : http://th.wikipedia.org/wiki 2.3.2 ประเภทของเว็บบล็อก 1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่
  • 8. 12 1.1. Linklog บล็อกแบบนี้น่าจะเป็นบล็อกรุ่นแรก ๆ เป็นบล็อกที่รวมลิ๊งก์ที่เจ้าของบล็อกสนใจเอาไว้ ถ้าคณ ยังจาผู้ให้กาเนิดคาว่า “บล็อก” ที่ชื่อ จอห์น บาจเจอร์ได้ นั่นแหล่ะครับ robotwisdom.com ของเขาคือตัวอย่าง ของ linklog นั่นเอง แม้ว่าจะบล็อกแบบนี้จะเป็นการรวมลิ๊งก์เท่านั้น แต่ก็ไม่เรียงเหมือนว็ บไดเร็กทอรี่ เพราะ เจ้าของบล็อกจะโพสต์ลิ๊งก์ของเขา 1 – 2 ลิ๊งก์ต่อโพสต์เท่านั้นครับ ใครที่อยากมีบล็อกเป็นของตนเองแต่ยังนึกไม่ ออกว่าจะทาบล็อกแบบไหน linklog น่าจะเป็นการเริ่มต้นการทาบล็อกได้เป็นอย่างดี 1.2 Photoblog ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับว่า Photo บล็อกประเภทนี้เน้นในโพสต์ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อก อยากนาเสนอ และมักจะไม่เน้นที่จะเขียนข้อความมากนัก บางบล็อกเรียกได้ว่าภาพโดยเจ้าของบล็อกล้วน ๆ เลย ครับ 1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็นบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog เป็นบล็อกที่เรียกได้ว่าเป็น บล็อกที่นิยมทากันมากในอนาคต เพราะการเจริญเติบโตของไฮสปีด อินเตอร์เน็ต หรือ อินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ ที่ทาให้การถ่ายทอดเสียง ภาพเคลื่อนไหว movie […] 2. แบ่งตามประเภทเนื้อหา ได้แก่ 2.1 บล็อกส่วนตัว(Personal Blog) นาแสนอความคิดเห็น กิจวัตรประจาวันของเจ้าของบล็อกเป็นหลัก 2.2 บล็อกข่าว(News Blog) บล็อกที่นาเสนอข่าวเป็นหลัก 2.3 บล็อกกลุ่ม(Collaborative Blog) เป็นบล็อกที่เขียนกันเป็นกลุ่ม เช่น blognone.com 2.4 บล็อกการเมือง(Politic Blog) ว่าด้วยเรื่องการเมืองล้วน ๆ 2.5 บล็อกเพื่อสิ่งแวดล้อม(Environment Blog) พูดถึงเรื่องราวของธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อม 2.6 มีเดียบล็อก(Media Blog) เป็นบล็อกที่วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่งที่เกี่ยวกับสื่อ เช่น oknation.net/blog/black ของสุทธิชัย หยุ่น 2.7 บล็อกบันเทิง(Entertainment Blog) บล็อกที่นาเสนอเรื่องราวบันเทิงทั้งทางจอแก้ว และจอเงิน เรื่อง ซุบซุดารา กองถ่าย ฯลฯ
  • 9. 13 2.8 บล็อกเพื่อการศึกษา(Educational Blog) ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยในต่างประเทศมักจะใช้บล็อก เป็นสื่อในการสอนหรือ แลกเปลี่ยน ความคิดกัน 2.9 ติวเตอร์บล็อก(Tutorial Blog) เป็นบล็อกที่นาเสนอวิธีการต่าง ขอบคุณ http://jingjai-21.blogspot.com/2007/09/blog_7483.html 2.3.3 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก www.blogger.com www.exteen.com www.mapandy.com www.buddythai.com www.imigg.com www.5iam.com www.blogprathai.com www.ndesignsblog.com www.idatablog.com www.inewblog.com www.onblogme.com www.freeseoblogs.com www.sumhua.com www.diaryi.net www.istoreblog.com www.skypream.com
  • 10. 14 www.thailandspace.com www.sungson.com www.gujaba.com www.sabuyblog.com www.ugetblog.com www.jaideespace.com www.maxsiteth.com www.my2blog.com ขอบคุณ : http://book.manacomputers.com/free-make-blog-list-and-adsense/ 2.3.4 ประวัติ ของเว็บไซต์ Wordpress WordPress คือ โปรแกรมสาเร็จรูปตัวหนึ่ง ที่เอาไว้สาหรับสร้าง บล็อก หรือ เว็บไซต์ สามารถ ใช้งานได้ฟรี ถูกจัดอยู่ในประเภท CMS (Contents Management System) ซึ่งหมายถึง โปรแกรม สาเร็จรูปที่มีไว้สาหรับสร้างและบริหารจัดการเนื้อหาและข้อมูลบนเว็บไซต์ WordPress ได้รับการพัฒนาและเขียนชุดคาสั่งมาจากภาษา PHP (เป็นภาษาโปรแกรมมิ่งตัวหนึ่ง) ทางาน บนฐานข้อมูล MySQL ซึ่งเป็นโปรแกรมสาหรับจัดการฐานข้อมูล มีหน้าที่เก็บ เรียกดู แก้ไข เพิ่มและลบ ข้อมูล การใช้งานWordPress ร่วมกับ MySQL อยู่ภายใต้สัญญาอนุญาตใช้ งานแบบ GNU General Public License
  • 11. 15 WordPress ปรากฏโฉมครั้งแรกในโลกเมื่อปี พ .ศ. 2546 (2003) เป็นความร่วมมือกันระหว่าง Matt Mullenweg และ Mike Littlej มีเว็บไซต์หลักอยู่ที่ http://wordpress.org และยังมีบริการ Free Hosting (พื้นที่สาหรับเก็บทุกอย่างของเว็บ/บล็อก) โดยขอใช้บริการได้ที่ http://wordpress.com ปัจจุบันนี้ WordPress ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมีผู้ใช้งานมากกว่า 200 ล้านเว็บบล็อกไป แล้ว แซงหน้า CMS ตัวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Drupal , Mambo และ Joomla สาเหตุเป็นเพราะ ใช้งาน ง่าย ไม่จาเป็นต้องมีความรู้ในเรื่อง Programing มีรูปแบบที่สวยงาม อีกทั้งยังมีผู้พัฒนา Theme (รูปแบบการแสดงผล) และ Plugins (โปรแกรมเสริม) ให้เลือกใช้ฟรีอย่างมากมาย นอกจากนี้ สาหรับ นักพัฒนา WordPress ยังมี Codex เอาไว้ให้เราได้เป็นไกด์ไลน์ เพื่อศึกษา องค์ประกอบส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ภายใน สาหรับพัฒนาต่อยอด หรือ นาไปสร้าง Theme และ Plugins ขึ้นมาเองได้อีกด้วย หนาซ้า ยังมีรุ่นพิ เศษ คือ WordPress MUสาหรับไว้ให้ผู้นาไปใช้ สามารถเปิด ให้บริการพื้นที่ทาเว็บบล็อกเป็นของตนเอง เพื่อให้ผู้อื่นมาสมัครขอร่วมใช้บริการในการสร้างเว็บบล็อก ภายใต้ชื่อโดเมนของเขา หรือที่เรียกว่า Sub-Domain ขอบคุณ : http://wordpress.9supawat.com/10/what-is-wordpress.html