งานนำเสนอเศรษฐกิจพอเพียง ฉบับชาวบ้าน ****************************************** " หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง " ****************************************** ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย และ มวลมนุษย์ขาติทั้งโลก เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วย " หลักคิด วิธีคิด หรือกระบวนการคิด " ที่สร้างวิธีคิดของผู้ที่่นำไปใช้ไปปฏิบัติตาม ให้มีกระบวนการคิด หรือ วิธีคิด ให้เป็นไป " อย่างมีจารณญาณ " คือ...!!! ๑.มีความพอประมาณ - การรู้จักประมาณตน ไม่มากเกินไป และ ไม่น้อยเกินไป - การไม่ตระหนึ่ถี่เหนียว ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย - การมีความพอเหมาะพอดีกับกำลังของตน ๒.มีเหตุผล - มีความสามารถวิเคราะห์ถึงเหตุถึงผลของสิ่งที่จะเกิดขึ้น - มีความคิดที่สามารถอธิบายได้บนพื้นฐานของความรู้ ๓.มีภูมิคุ้มกัน - ความสามารถในการประเมินความเสี่ยงและวางแผนป้องกันก่อนที่ปัญหาจะเกิด - การเตรียมความพร้อมเพื่อรับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ๔.ด้วยความรู้ - การอาศัยความรู้และประสบการณ์มาปฏิบัติให้เกิดผลจริง - การอาศัยหลักวิชามาดำเนินการในทุกขั้นตอน ๔.คู่คุณธรรม - ยึดมั่นในหลักคุณธรรมและศีลธรรม ( จาก...มูลนิธิมั่นพัฒนา : http://www.tsdf.or.th/th/ ) " หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง " - ไม่ใช่เป็นศาสตร์ที่เหมาะกับพี่น้องเกษตรกรเพียงด้านเดียว ตามที่หลายคนเข้าใจ - ไม่ใช่ศาตร์ที่การทำธุรกิจเพื่อหวังผลกำไร นำไปปฏิบัติตามไม่ได้ ตามที่หลายคนเข้าใจ - ไม่ใช่ศาสตร์ที่คนยังไม่พร้อม คนยากคนจน คนมีหนี้สินท่วมหัว นำไปปฏิบัติตามไม่ได้ตามที่หลายคนเข้าใจ - ไม่ใช่ตำราสอนการทำน้ำยาล้างจาน สอนทำปุ๋ย สอนเผาถ่าน สอนทำอาชีพโน่น นี่ นั่น ตามที่หลายคนเข้าใจ - ไม่ใช่ศาสตร์ที่สอนให้ผู้ที่นำไปปฏิบัติตาม กลับไปใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ยุคหิน ตามที่หลายคนเข้าใจ จากพระราชดำรัสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในพระราชพิธีต่าง ๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ” พระราชทานพระราชดำรัสหลักปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” ครั้งแรกในงานพระราชทานปริญญาบัตร ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันพุธที่ 18 กรกฎาคม 2517 ไว้ความตอนหนึ่งว่า “…การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐาน คือ ความพอมี พอกิน พอใช้ ของประชาชน เป็นเบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พื้นฐานมั่นคงพร้อมพอควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญและฐานะทางเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับ ต่อไป หากมุ่งแต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญ ยกฐานะทางเศรษฐกิจขึ้นได้รวดเร็วแต่ประการเดียว โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศ และของประชาชน โดยสอดคล้องด้วย จะเกิดความไม่สมดุลในเรื่องต่างๆได้ ซึ่งอาจกลายเป็นความยุ่งยากล้มเหลวในที่สุด…” พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 23 ธันวาคม 2542 “ พอมีพอกินนี่ได้พูดมาหลายปี สิบกว่าปีแล้ว ให้พอมีพอกิน แต่ว่าพอมีพอกินนี้ เป็นเพียงเริ่มต้นของเศรษฐกิจ เมื่อปีที่แล้วบอกว่า ถ้าพอมีพอกิน คือ พอมีพอกินของตัวเองนั้นไม่ใช่เศรษฐกิจพอเพียง เป็นเศรษฐกิจสมัยหิน สมัยหินนั้นเป็นเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกัน แต่ว่าค่อยๆ พัฒนาขึ้นมาต้องมีการแลกเปลี่ยนกัน มีการช่วยระหว่างหมู่บ้าน หรือระหว่างจะเรียกว่าอำเภอ จังหวัด ประเทศ จะต้องมีการแลกเปลี่ยน มีการไม่พอเพียง จึงบอกว่าถ้ามีเศรษฐกิจพอเพียง เพียงเศษหนึ่งส่วนสี่ก็จะพอแล้ว จะใช้ได้ ” เฒ่าเผาถ่าน พิทักษ์โลก ๒๙ กรกฏาคม ๒๕๕๙