Ce diaporama a bien été signalé.
Le téléchargement de votre SlideShare est en cours. ×

คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท3

Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité

Consultez-les par la suite

1 sur 15 Publicité

Plus De Contenu Connexe

Plus par MI (20)

Plus récents (19)

Publicité

คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท3

  1. 1. หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่ าพง อุบลราชธานี
  2. 2. เรื่องทุกข์เรื่องไม่สบายใจนี่มันก็ไม่แน่หรอกนะ มันเป็นของไม่เที่ยง เราจับจุดนี้ไว้เมื่ออาการเหล่านี้มันเกิดขึ้นมา เรารู้มันเดี๋ยวนี้ เราวาง กาลังอันนี้จะค่อยๆเห็นทีละน้อย เมื่อมันกล้าขึ้นมันข่มกิเลสได้เร็ว ที่สุด ต่อไปมันเกิดตรงนี้มันดับตรงนี้ เหมือนกับน้าทะเลที่กระทบฝั่ง เมื่อขึ้นมาถึงฝั่งมันก็ละลายเท่านั้น คลื่นใหม่มาอีกมันก็ละลายต่อไปอีก มันจะเลยฝั่งไปไม่ได้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือฝั่งทะเลอารมณ์ทั้งหลาย ที่ผ่านเข้ามา มันก็เท่านั้นแหละ
  3. 3. ชาวต่างประเทศถามหลวงพ่อว่า ชีวิตพระเป็นอย่างไร? หลวงพ่อคิดว่าตอบอย่างไรก็ไม่เข้าใจแน่ เพราะเขายังไม่รู้จักพระ จึงตอบไปว่า ถึงปลาจะบอกว่าอยู่ในน้าเป็นอย่างไร นกก็ไม่มีทางจะรู้ได้… ตราบใดที่นกยังไม่เป็นปลา…
  4. 4. ขณะนี้เรานั่งอยู่ในป่าที่สงบที่นี่ไม่มีลม ใบไม้จึงนิ่ง เมื่อใดที่มีลมพัด ใบไม้จึงไหวปลิว จิตก็ทานองเดียวกับใบไม้ เมื่อสัมผัสกับอารมณ์มันก็สะเทือนไปตามธรรมชาติของจิต เรายิ่งรู้ธรรมะน้อยเพียงไร ใจก็จะรับความสะเทือนได้มากเพียงนั้น รู้สึกเป็นสุข ก็ตายด้วยความสุข รู้สึกเป็นทุกข์ ก็ตายด้วยความทุกข์อีก มันจะไหลไปเรื่อยๆ
  5. 5. กิเลสนี่เหมือนแมว ถ้าให้กินตามใจ มันก็ยิ่งมาเรื่อย ๆ แต่มีวันหนึ่ง มันข่วนนะถ้าเราไม่ให้อาหารมัน ไม่ต้องให้อาหารมัน มันจะมาร้องแงวๆอยู่ เราไม่ให้อาหารมันสักวันหนึ่ง สองวัน เท่านั้นก็ไม่เห็นมันมาแล้ว เหมือนกันแหละ กิเลสไม่มากวนเรา เราก็จะได้สงบใจต่อไป
  6. 6. หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่ าพง อุบลราชธานี วัวที่มันลากเกวียนบรรทุกของมาจากทางไกลน่ะ ยิ่งตะวันบ่ายคล้อยต่าค่าลงวัวมันก็เร่งฝีเท้ากระชั้นเข้าทุกครั้ง เพราะมันอยากจะให้ถึงที่เร็วๆ มันคิดถึงบ้าน คนเรายิ่งแก่ ยิ่งเจ็บไข้ ใกล้ความตาย ก็เป็นตอนที่จะต้องปฏิบัติภาวนาละ จะเอาความแก่ ความเจ็บ มาเป็นข้ออ้าง มันก็จะแย่กว่าวัวเท่านั้นแหละ
  7. 7. เหมือนน้าในแม่น้า ที่มันไหลลงไปในทางที่ลุ่ม มันก็ไหลไปตามสภาพอย่างนั้น อย่างแม่น้าอยุธยา แม่น้ามูล แม่น้าอะไรๆ ก็ตามเถอะ มันก็ต้องมีการไหลลงไปทางใต้ทั้งนั้นแหละ มันไม่ไหลขึ้นไปทางเหนือหรอก ธรรมดามันเป็นอย่างนั้น สมมติว่าบุรุษคนหนึ่งไปยืนอยู่ริมฝั่งแม่น้า แล้วก็มองดูกระแสของแม่น้าที่ไหลเชี่ยวไปทางใต้ แต่บุรุษนั้นมีความคิดผิด อยากจะให้น้ามันไหลขึ้นไปทางเหนือ อย่างนี้เป็นต้น เขาก็เป็นทุกข์ เขาคนนั้นจะไม่มีความสงบเลย ถึงแม้จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน เขาก็ไม่มีความสงบ เพราะอะไรล่ะ เพราะบุรุษนั้นคิดผิด...
  8. 8. จิตของคนตามธรรมชาตินั้น ไม่มีความดีใจ เสียใจ ที่มีความดีใจเสียใจนั้น ไม่ใช่จิต แต่เป็นอารมณ์ที่มาหลอกลวง จิตก็หลงไปตามอารมณ์โดยไม่รู้ตัว แล้วก็เป็นสุขเป็นทุกข์ไปตามอารมณ์
  9. 9. วันหนึ่งๆ เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นให้ได้ทาบุญ อย่างน้อยๆ ก็เอาเมล็ดข้าวให้มดกินก็ได้ หรือเอาให้นกกินก็ได้ เอาให้ไก่กินก็ได้ เราทาทุกวัน ๆ พอมีวันหนึ่งไม่มีให้เลยอย่างนี้ เรานึกจะทาบุญอะไรหนอ อย่างน้อยไม่มีอะไรจะให้ทาน วันนี้เราก็ทาใจให้สบายที่สุด ไม่ให้มันโกรธ ใครจะว่าอะไรก็ช่างมันเถอะ เราทาใจให้สบายที่สุด จะทาอย่างนี้ก็ได้
  10. 10. ในยามที่เราพบกับความยุ่งยาก ต้องพึ่งพาความเยือกเย็น ค่อยๆ ย้อนลงไปแยกแยะสาเหตุแห่งปัญหาที่ทาให้เราเร่าร้อน เราจะเอาชนะความยุ่งยากของชีวิตได้ ด้วยการเอาชนะความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นในใจของเราเสียก่อน
  11. 11. ต้องให้คนในโลกทุกคนพูดทุกคาให้ถูกใจเราหมด แล้วจึงจะสบายอย่างนั้นหรือ ถ้าเป็นอย่างนั้นเราจะสบายได้เมื่อไร มีไหมใครจะพูดถูกใจเราทุกคน มีไหมนี่ แล้วเราจะเอาสบายได้เมื่อไร เราต้องอาศัยธรรมะ ถูกก็ช่าง ไม่ถูกก็ช่างเถอะ เราอย่าไปหมายมั่นมัน จับดูแล้วก็วางเสีย เมื่อใจมันสบายแล้ว ก็ยิ้มอยู่อย่างนั้นแหละ
  12. 12. โดยมากก็มาแสวงหาบุญกัน แต่ว่าไม่เคยเห็นญาติโยมที่แสวงหาการละบาป มีแต่แสวงบุญเรื่อยไป ไม่รู้จะเอาบุญไปไว้ตรงไหนก็ไม่รู้ ผ้าสกปรกไม่ฟอก แต่อยากจะรับน้าย้อมนะ นี่มันเป็นอย่างนั้น
  13. 13. ปัญญาที่แท้ เกิดจากการมีสติในทุก ๆ อิริยาบถ การฝึกปฏิบัติของท่านต้องเริ่มขึ้นทันทีที่ท่านตี่นนอนตอนเช้า และต้องปฏิบัติติดต่อกันไป จนกระทั่งนอนหลับไป
  14. 14. การปฏิบัติ สงบก็ทา ไม่สงบก็ทา
  15. 15. การละบาปนี้เป็นสิ่งที่สาคัญมากกว่าการทาบุญ

×