Ce diaporama a bien été signalé.
Le téléchargement de votre SlideShare est en cours. ×

Luangta mahabua1

Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Prochain SlideShare
Luangpoo mun
Luangpoo mun
Chargement dans…3
×

Consultez-les par la suite

1 sur 15 Publicité

Plus De Contenu Connexe

Diaporamas pour vous (20)

Similaire à Luangta mahabua1 (12)

Publicité

Plus par MI (20)

Plus récents (19)

Publicité

Luangta mahabua1

  1. 1. “จิตไม่เสื่อมเป็นผลของการภาวนา บุญทุกอย่างที่สร้างไว้ทุกภพทุกชาติ มารวมตัวอยู่ที่การภาวนา เห็นได้จาการภาวนา จิตนี้ไม่มีตาย เชื้อของภพชาติ เกิด แก่ เจ็บ ตาย คือ อวิชชาเป็นรากฐานสาคัญ”
  2. 2. “ธรรมะมักเกิดหรือเกิดในที่แร้นแค้นกันดาร ในที่ลาบากลาบน ในที่กลัวๆ เราเชื่ออันนี้ เพราะอะไรก็ตามถ้าเราไม่สัมผัสสัมพันธ์ดูก่อนแล้วจะไม่ทราบ เราต้องเป็นผู้เข้าไปปฏิบัติสัมผัสสัมพันธ์ดูด้วยตัวเอง ของเรานั้นแหละถึงจะทราบได้ดี”
  3. 3. “สมาธิเป็นเครื่องสงบใจ ส่วนเรื่องการปล่อยวางเป็นเรื่องของปัญญา ละกามราคะได้ เป็นพระอนาคามี ละอวิชชาได้ เป็นพระอรหันต์”
  4. 4. “การพิจารณาปฎิจจสมุปบาท เป็นอุบายให้เกิดปัญญา เห็นสังขารปรุงแต่งเพราะอวิชชาความไม่รู้ ทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบล้อมตัวเรา เมื่อรู้สภาวธรรมตามความเป็นจริงแล้ว (คือ อนิจจจัง ทุกขัง อนัตตา) ก็หยุดการคิดปรุงแต่ง (สังขาร) จิตก็ว่าง... เพราะหมดงานทาแล้ว ไม่ต้องทาอะไรอีกต่อไป (ไม่มีกิจอื่นต้องทาอีก)...”
  5. 5. “อดีตก็รู้เท่า อนาคตก็รู้ทัน ปัจจุบันก็ไม่ยึดติด ในสิ่งที่เราได้ สิ่งที่เรามี สิ่งที่เราเป็นนั้น ซึ่งเป็นผลงานของจิตสร้างสรรค์ปั้นแต่งขึ้นด้วยอานาจของกรรมดี หรือกรรมชั่ว บุญหรือบาป จึงมีผลเป็นสุขบ้าง เป็นทุกข์บ้าง”
  6. 6. “ทุกอย่างเกิดที่จิต และดับที่จิต ไม่มีอะไรจริงเท่ากับจิต ไม่มีอะไรปลอมยิ่งกว่าจิต ไม่มีอะไรดีเท่ากับจิต ไม่มีอะไรเลวยิ่งกว่าจิต ไม่มีอะไรละเอียดเท่ากับจิต ไม่มีอะไรร้อนเท่ากับจิต และไม่มีอะไรเย็นยิ่งกว่าจิต และไม่มีอะไรวิจิตรพิสดารเท่ากับจิต”
  7. 7. “ธรรมเป็นของจริง กิเลสเป็นของปลอม สังขารเกิดเพราะมีอวิชชาหนุน อวิชชาเป็นรากเหง้าต้นตอของกิเลส ซึ่งละเอียดลออมาก แบบมองไม่เห็น คิดไม่ถึง ดูก็ไม่รู้”
  8. 8. จิตพอแล้วสบายหมด อยู่ไหนสบาย ถ้าจิตไม่พอขึ้นหอปราสาทก็ไปครวญครางบนหอปราสาทนู่นแหละ มันสาคัญอยู่ที่ใจ ถ้าใจสะดวกสบายแล้วเย็นไปหมด ถ้าใจร้อนเสียอย่างเดียวร้อนเป็นฟืนเป็นไฟไปหมด ความทุกข์ความสุขมารวมอยู่ที่ใจ สามโลกธาตุไม่มีที่ใดเป็นที่เก็บ ความสุขและความทุกข์ นอกจากใจดวงเดียวนี้เท่านั้น
  9. 9. “ไปที่ไหนทุกวันนี้มักจะเทศน์ทางภาวนา เพราะความสงสาร อยากให้ตั้งหลักตั้งเกณฑ์ไว้ในจุดภาวนา ถึงจะไม่ได้ความแปลกประหลาดอัศจรรย์ การภาวนานี้มีอานิสงส์มากยิ่งกว่า การสร้างบุญทั้งหลายนะ จะได้สร้างสมบุญตลอด จะรู้เห็นอะไร ไม่เห็นอะไรก็ตาม ส่วนบุญกุศลเกิดขึ้นจากการภาวนา เป็นฐานรากสาคัญ และมีอานิสงส์มากด้วย จึงขอให้พากันตั้งอกตั้งใจทาภาวนา บารุงลาต้นให้ดี กิ่งก้านสาขาดอกใบ จะแตกกระจายออกไป”
  10. 10. สติเป็นของสาคัญมากในทางความเพียร ถ้าขาดสติวรรคใดตอนใด เรียกว่าขาดความเพียรแล้ว เดินจงกรมอยู่ไม่มีความหมาย นั่งสมาธิอยู่ก็ไม่มีความหมาย อิริยาบถต่าง ๆ ถ้าขาดสติแล้ว เรียกว่าขาดความเพียรในการชาระกิเลส มีสติกากับอยู่เท่านั้น เรียกว่าเจริญภาวนาเพื่อทาจิตให้สงบ...”
  11. 11. “จงพากันตั้งใจภาวนา อย่าได้ขาดวันขาดคืน เราทุกรูปทุกนาม ไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ เดินใกล้ความตายด้วยกันทุกคน ไม่มีใครเดินห่างจากความตายแม้คนเดียว”
  12. 12. “ความพากเพียรนี่ถือสติเป็นสาคัญมาก ใครอย่าเห็นว่าการเดินจงกรมนานเป็นของดี ได้ความเพียรมาก อย่าไปเข้าใจผิด ให้ดูสติเจ้าของ สติเผลอเมื่อไรนั่นละ ความเพียรขาดแล้วๆไปเรื่อยๆ”
  13. 13. “เรื่องสตินี่สาคัญนะในความพากเพียร ท่านทั้งหลายอย่าเผลอสติ จับสติให้ดีให้ติด อุบายวิธีการต่างๆ ที่ได้รับความทุกข์ความ ลาบากทรมานนี้ ก็เพื่อบารุงสติ ถ้าสติดีแล้วกิเลสจะขึ้นได้ลาบากและจะขึ้นไม่ได้ แล้วปัญญาฟันละที่นี่ สติดี ปัญญาฟันขาดสะบั้นๆ ไปเลย ปัญญานะแก้กิเลส สติจับให้ ปัญญาเป็นผู้ฟัน สาคัญที่ตรงนี้”
  14. 14. การแก้กิเลส ต้องแก้ที่ใจ แก้ที่อื่นไม่ถูก ไม่เกิดผล การแก้ถูกหลัก ถูกวิธี กิเลสจะค่อยเบาบางลงและหมดไปจากใจ ผู้ปฏิบัติจิตภาวนา จึงควรดูใจตัวเอง และแก้กิเลสที่ใจเป็นสาคัญ
  15. 15. พระพุทธเจ้าสอนลงในจุดรวมว่า ผู้ที่จะไปสู่ภพชาติใดๆ ต้องขึ้นอยู่กับจิตนี้เท่านั้น เพราะฉะนั้นจงสร้างจิต ฝึกฝน อบรมจิตให้ดีเป็นสาคัญ ถ้าอบรมจิตนี้ด้วยดีคือโดยศีล โดยธรรมแล้ว จะมีสักกี่ร้อยล้านภพภูมิของสัตว์ก็ตาม จิตจะเกิดในภพภูมิที่ดีเท่านั้น เหมาะสมกับวาสนาบารมีของตน

×