6. องค์ประกอบโครงการ 1. ส่วนสาธารณะ (PUBLIC AREA) 2. ส่วนห้องพัก (GUEST ROOM AREA) 3. ส่วนร้านค้า (CONCESSION&SUB-RENTAL AREA) 4. ส่วนสนับสนุน กิจกรรม ไร่องุ่น 4.1 ส่วนจัดแสดงผลงานกึ่งฝลิตภัณฑ์ไวน์ (EXHIBIT GALLERY) 4.2 ส่วนแปลงสาธิต ภายนอก (DEMONSTRATION VINEYARD) 5. ส่วนสนับสนุนโครงการ 5.1 RESTAURANT 5.2 SMELL + TESTING ROOM 6. ส่วนบริหารโครงการ (ADMINISTRATION) 7. ส่วนบริการ (SERVICE AREA) 8. ส่วนที่จอดรถ (PARKING AREA)

7. วิเคราะห์ ผู้ใช้โครงการ ( ผู้ใช้และกลุ่มเป้าหมายโครงการ ) ผู้ใช้อาคาร ผู้ใช้อาคารประจำ ได้แก่ บุคลากรและพนังงานต่างๆ ของโครงการ ผุ้ใช้อาคารชั่วคราว ได้แก่ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้ง ผู้ที่ชอบดื่มไวน์และผู้สังเกตการณ์ กลุ่มเป้าหมายหลัก โครงการเน้นนักท่องเที่ยวที่มีความต้องการ พักผ่อน เป็นลูกค้าเข้าพัก แบบ กรุ๊ป ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เนื่องจาก สถิติการเยี่ยมชม อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ จากการลงทัวร์เป็น กลุ่ม หรือกรู๊ปสัมนาจากองค์กรณ์ต่างๆ ซึ่งง่ายต่อการเดินทาง มีสภาพวะอากาศที่เย็นสบาย และ ธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงมากมาย

8. วิเคราะห์ ผู้ใช้โครงการ ( ผู้ใช้และกลุ่มเป้าหมายโครงการ ) กลุ่มเป้าหมายรอง ในกลุ่มเป้าหมายรองนั้น คาดหวังในกลุ่มผุ้ ดื่มไวน์ และ นักวิเคราะห์วิจารณ์ไวน์ ที่จะมากันเป็น กรุ๊ป และ กลุ่มนักชิมไวน์ทั่วไป โดย ในแต่ละกลุ่มนั้นมีการจัด grouping meeting ของแต่ละกลุ่ม กันเองอยู่เป็นประจำด้วย ( ข้อมูล จากกลุ่ม www.winescale.com , www.dldb.com เป็นต้น ) ทั้งนี้ยังรวมถึงผู้สังเกตุการณ์ อื่นๆ อีกด้วย

9. พื้นที่ ทำเลที่ตั้งโครงการ ภาพจาก Google Earth

10. พื้นที่ A. จากถนน ธนะรัชต์ เลี้ยวไปทาง โซนไร่ไวน์กรานมอนเต้ , พีบีวัลเลย์ ( ห่างจากต้นถนน ธนะรชต์ ไปประมาณ 1 กม . ) ภาพจาก Google Earth

11. ด้านหลังเป็นทิวเขาใหญ่ ตลอดแนว พื้นที่ A. ที่ดินเอก ชน พื้นที่ ประมาณ 50 ไร่ ด้านหน้าติดถนน ด้านหลังติด ทิวเขาใหญ่ตลอดแนว เป็นเส้นทางผ่านไป ไร่ไวน์กรานมอนเต้ , พีบีวัลเลย์ , วิลเลจ ฟารม์ ห่างจาถนน ธนะรัชต์ ประมาณ 1-2 กม .

12. ด้านหน้า ของที่ดิน จากถนน ธนะรัชต์ มาประมาณ 1-2 กม . ทั้งยังเป็นเส้นทาง จาก เขาใหญ่ มุ่งหน้าไป ไร่ไวน์ กรานมอนเต้ พีบีวัลเลย์ , วิลเลจฟาร์ม

13. ภาพฝั่งตรงข้าม เป็น รีสอร์ท และ ทิวเขา แนวที่ดิน ฟาร์มโชคชัย ทัศนียภาพสวยงาม ครับ

14. พื้นที่ B. จากถนน ธนะรัชต์ เลี้ยวไปทาง หมูสี เข้าถนน บุ่งเตย ( ห่างจากต้นถนน ธนะรชต์ ไปประมาณ 5 กม . ) เป็นเส้นทาง ที่เงียบสงบ เพื่อผ่านไป ยัง โครงการ ชาโตว์เดอเขาใหญ่ , โครงการ คีรีมายารีสอร์ท , อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ภาพจาก Google Earth

15. เริ่มต้นเส้นทาง จากต้นถนน ธนะรัชต์ ผ่านโครงการ PALLO INN ฝนตก น้อยๆ บรรยากาศ เกินทนไหว จิงๆ ขอซักหน่อย ช้าง เพื่อนแห่งการเดินทาง ขึ้นเขาใหญ่ 555

16. พื้นที่ B. ที่ดินเอก ชน พื้นที่ ประมาณ 40 ไร่ ด้านหน้าติดถนนเส้นหลักไป คีรีมายา รีสอร์ท ด้านข้างติดถนนบุ่งเตย มีแนวอีกฝั่งเป็นทิวเขาใหญ่ตลอดแนว เป็นเส้นทางผ่านไป ชาโต้เดอเขาใหญ่ , คีรีมายารีสอร์ท , และไปบรรจบ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ห่างจากธนะรัชต์ ประมาณ 5-6 กม . เป็นพื้นที่ ที่เคยเป็นไร่ องุ่น ซึ่งมีผลผลิตที่น่าพอใจในรสชาติ แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจ ปัจจุบันจึงทำเป็นสวนครึ่งนึง อีกครึ่งได้ปรับพื้นที่เพื่อพัฒนาต่อไป ....

17. มุมมองด้านตรงข้าม จากถนน บุ่งเตย เป็นทิวเขาใหญ่ตลอดแนว ซึ่งพื้นที่นี้อยู่บนเนินสูงกว่าพื้นที่ ถนนมาก ทำให้เห็นแนวเขาใหญ่ในมุมมองที่ สวยงาม กว่า ด้านล่าง

18. Case Study 1 : Dominus Estate 2570 Napa nook Road Yountville USA Case Study 2 : Napa Valley California USA

19. Dominus Estate โครงการนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ไร่องุ่น Napa Nook ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ทางด้านตะวันตกของ Napa valley มีพื้นที่ประมาณ 124 เอเคอร์ ซึ่งส่วนใหญ่ปลูกองุ่นพันธ์ Cabeenet Sauignon ลักษณะภูมิอากาศ ค่อนข้างร้อนมากในตอนกลางวัน และหนาวมาก ในตอนกลางคืน ภาพถ่ายไร่องุ่น และโรงเก็บไวน์ Case Study 1 : Dominus Estate

20. ลักษณะของอาคาร เป็นอาคารยาว ขนาดประมาณ 100 เมตร เพื่อให้เข้ากับลักษณะของไร่องุ่น ซึ่งมีรูปร่างยาวและเป็นเลขาคณิต Case Study 1 : Dominus Estate

21. Case Study 1 : Dominus Estate ลักษณะเด่นของอาคาร การใช้กำแพงซึ่งทำจากหินภูเขาสีเขียวเทาซึ่งเป็นวัสดุในท้องถิ่นกับตะแกรงลวด กำแพงนี้ จะทำหน้าที่เหมือนกำแพงคอนกรีตปกป้องแสงจากดวงอาทิตย์ในตอนกลางวัน ในขณะเดียวกันก็ปล่อยให้แสงธรรมชาติลอดผ่านตามช่องว่างระหว่างก้อนหิน กลับกันแสงประดิษฐ์ก็จะสามารถส่องผ่านอาคารในตอนกลางคืน นอกจากนี้สามาถช่วยรักษาอุณหภูมิของไวน์ภายในอาคารได้ด้วย

22. Case Study 1 : Dominus Estate สถาปนิก ลักษณะของกำแพงนี้ เหมือนงานจักสานหินที่มีหลาย ๆ ระดับของการส่องผ่านของแสงผ่านช่องว่างระหว่างก้อนหิน มากกว่าการใช้กำแพงอิฐแบบเดิม จากระยะไกล อาคารดูเหมือนกำแพงมืด ยาวและเตี้ย ซึ่งแตกต่างจากลักษณะเดิมของโรงงานผลิตไวน์ใน แคลิฟอร์เนีย

23. Case Study 1 : Dominus Estate อาคารมีขนาด 100 X 25 ม . และสูง 9 ม . ถูกแบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ ประกอบด้วย . Tank room เป็นถังขนาดใหญ่สำหรับการหมักขั้นแรกเพื่อเปลี่ยนองุ่นเป็น แอลกอฮอลล์ . Barrique cellar ที่ซึ่งไวน์ที่ผ่านกระบวนการหมักแล้ว จะถูกบ่มใสนถังไม้โอ็ค เป็นเวลา 2 ปี . Store room ไวน์จะถูกบรรจุลงขวด และเก็บเพื่อจำหน่ายต่อไป

24. Case Study 1 : Dominus Estate ส่วนที่เป็นพื้นที่ใช้สอยหลักบนระดับดิน ทางเข้าหลักของไร่องุ่น จะทะลุผ่านทางเดินในอาคาร พื้นที่บริเวณนี้ จะเป็นส่วนต้อนรับ และเชื่อมโยงกับส่วน Barrique cellar, degustation room ( ห้องชิมไวน์ ) , office, roof terrace ส่วนคลังสินค้า จะอยู่ทางทิศใต้ของอาคาร

25. Case Study 1 : Dominus Estate ข้อดี . ตัวอาคารมีแนวความคิดที่น่าสนใจ คำนึงถึงบริบทของพื้นที่ตั้งที่เป็นไร่องุ่นทีมีประวัติศาสตร์มายาวนาน และสะท้อน ให้เห็นถึงที่ว่างที่เกิดขึ้นภายในสอดคล้องกับ รูปทรงภายนอก . แยกส่วนสาธารณะและส่วนการผลิตได้ดีทำให้เกิดบรรยากาศของกายผลิตไวน์ . การเลือกใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น และสามารถควบคุมอุณหภูมิการหมักบ่มไวน์ได้อย่างดี

26. Case Study 2 : Napa Valley Napa County ตอนเหนือของ San Francisco Bay Area ใน แคลิฟอร์เนีย มีพื้นที่ทั้งหมด 788 ตารางไมล์ (2,042 km ² ) 754 ตารางไมล์ (1,952 km ² ) เป็นที่ดิน และ 35 ตารางไมล์ (4.38%) เป็นน้ำ ซึ่งส่วนใหญ่ปลูกองุ่นพันธ์ cabernet sauvignon และ chardonnay

27. Napa County เป็นหุบเขาขนาดใหญ่ และเป็นเมืองที่รู้จักกันดี ว่าเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมไวน์ ในอันดับแรก ภูมิภาค ฝรั่งเศส , อิตาลี และ สเปน Napa Valley ผลิตไวน์และมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จนมีชื่อเสียงที่สุดของภูมิภาคนี้ นอกจากเป็นไร่ไวน์ขนาดใหญ่ ยังเป็นแหล่งผลิตไวน์บูติคที่ดีที่สุดในโลก มีไร่องุ่นทั้งหมดจำนวน 29 ไร่องุ่น มีผู้เข้าชมไร่ 5,000,000 คน ในแต่ละปี Case Study 2 : Napa Valley

28. Napa Valley เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลก มองเห็นวิวทิวทัศน์มากที่เปิดกว้าง ในฤดูหนาวปลายเนินเขางดงามปลูกองุ่นตลอดทั้งปี ไม่ว่าคุณจะชิมไวน์ , รับประทานอาหารที่ร้านอาหารฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียง , ผ่อนคลายตัวเองด้วยการอาบโคลนใน Calistoga , นวดผ่อนคลาย หรือเพียงเพลิดเพลินกับห้องพักที่เตียงแปลกตาและอาหารเช้าของโรงแรม หรือรีสอร์ท Napa Valley เป็นดังสวรรค์ของคนบนดิน Case Study 2 : Napa Valley

30. Napa Valley มีที่พัก ทั้งโรงแรม และ รีสอรท์ มากมายกว่า 159 แห่ง ตั้งแต่ 2 ดาวขึ้นไป จนถึงระดับ 5 ดาว ราคาเริ่มต้นที่ US$ 75 Case Study 2 : Napa Valley

31. Case Study 2 : Napa Valley Calistoga Ranch โครงการนี้ตั้งอยู่บนหุบเขาที่สันโดษ บนพื้นที่ 157 เอเคอร์ ใน Napa Valley ประกอบด้วย ร้านอาหาร สปาน้ำแร่ธรรมชาติบำบัด สระว่ายน้ำ

32. Case Study 2 : Napa Valley ลักษณะของโครงการ เป็นบ้านพักบนเขา ซึ่งก่อสร้างโดยใช้วัสดุธรรมชาติ เน้นไม่ทำลายสภาพแวดล้อมโดยรอบ อนุรักษ์ป่า และต้นไม้ จัดวางบ้านแต่ละหลังให้สอดคล้องและอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ได้ทุกมุมมอง มีแบบบ้านทั้งหมด 3 แบบ

33. Case Study 2 : Napa Valley

34. ลักษณะเด่นของโครงการ ออกแบบให้สอดคล้องกับ บริบท โดยใช้พื้นที่ และระดับสูงต่ำ ให้เป็นประโยชน์ ทั้งยังใช้วัสดุจากธรรมชาติ เพื่อความกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม Case Study 2 : Napa Valley

35. Case Study 2 : Napa Valley The Carneros Inn โครงการนี้ตั้งอยู่ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย อยู่ระหว่าง Napa Sonoma Valley บนพื้นที่ 157 เอเคอร์ มีบ้านทั้งหมด 86 หลัง ห้องชุด 10 ห้อง ประกอบด้วย บ้านพัก , โรงแรม , ร้านอาหาร , สปา และ สระว่ายน้ำ แผนที่แสดงที่ตั้ง

36. ลักษณะโครงการ แสดงภาพผังโครงการ เป็นรีสอร์ทที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้บรรยากาศใกล้ชิดกับธรรมชาติ กลมกลีนกับสภาพแวดล้อม ที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น เป็นชุมชนที่ถูกห้อมล้อมด้วยไร่องุ่นการออกแบบได้แรงบันดาลใจมาจาก เมืองชนบท และยังมีบ้านพัก , โรงแรม ที่ทันสมัย Case Study 2 : Napa Valley

37. Case Study 2 : Napa Valley

38. Case Study 2 : Napa Valley

39. William Associates Rawn ทีมออกแบบ แนวคิดการออกแบบ " เกษตรหมู่บ้าน " เป็นแนวคิดในการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน การออกแบบมีกรอบโดยรวมของภูมิทัศน์ที่สาธารณะและรวมถึงการออกแบบของบ้านพัก มีการจับมุมมองของไร่องุ่ มีการจัผังมุมมองของไร่องุ่น โดยรอบผ่านการเลือกจัดสรรที่ดิน ลักษณะเรียบง่าย และเป็นกันเองของ สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น ของพื้นที่เป็น reinterpreted ในทางที่รวบรวม สาระสำคัญของท้องถิ่นและตระหนักถึง อาคาร ที่มีประสิทธิภาพเชื่อมต่อกับ มุมมองของไร่องุ่นภายนอกและพื้นที่ สาธารณะละแวกใกล้เคียง ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่ม ความตระหนักของความงามจากภูมิทัศน์ Case Study 2 : Napa Valley

40. Atthawut_wut @ winescale.com Thank you……