Contenu connexe Similaire à เครื่องวัดกลิ่น (20) เครื่องวัดกลิ่น1. จมูกอิเล็กทรอนิกส (ตอนที่ 2): เซ็นเซอรรบกลิ่น
ั
“การดมกลินเปนระบบสัมผัสพื้นฐานของมนุษยและสัตวทงหลาย – แตตอไปนี้นาโนเทคโนโลยี
่ ั้
กําลังจะทําใหมันกลายเปนอุปกรณขนพื้นฐานในชีวิตประจําวัน”
้ั
ผศ. ดร. ธีรเกียรติ์ เกิดเจริญ
ภาควิชาฟสิกส และ หนวยสรางเสริมศักยภาพทางนาโนศาสตร คณะวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยมหิดล
http://nanotech.sc.mahidol.ac.th/
ความเดิม
วิศวกรรมเลียนแบบธรรมชาติ (Biomimetic Engineering) เปนศาสตรใหมที่กําลังมาแรงและไดรบความ
ั
สนใจในวงการวิจัยชันนํา ในวงการอวกาศและการบินนั้นก็กําลังเสาะแสวงหาวัสดุใหมที่จะทําใหปกของ
้
เครื่องบินทํางานคลายปกนกอินทรียที่สามารถลดความแปรปรวนของอากาศที่ไหลผานปก ในวงการแพทยก็มี
การวิจยเพื่อสรางอุปกรณทสามารถนําสงยาไปสูเปาหมายอยางแมนยํา จมูกอิเล็กทรอนิกสก็เปนหนึ่ง
ั ่ี
แนวความคิดที่พยายามจะนําความรูจากวิศวกรรมธรรมชาติมาใชประโยชน
ในตอนทีแลวผูเขียนไดบรรยายหลักการพืนฐานของจมูกสัตวเลี้ยงลูกดวยนม รวมถึงมนุษย ผูเขียนได
่ ้
สรุปวาจมูกอิเล็กทรอนิกสนนจะมีลักษณะที่เลียนแบบจมูกธรรมชาติดงนี้ (1) สวนรับกลิ่นซึ่งก็คือเซ็นเซอรรับ
ั้ ั
กลิ่นจํานวนมาก ตั้งแต 4 ตัวไปจนถึงนับพันตัว (2) สวนรวบรวมสัญญาณ ซึ่งจะทําการแปรสัญญาณจาก
เซ็นเซอร (Tranducing) และทําการจัดการสัญญาณ (Signal Conditioning) เชน ลดสัญญาณรบกวน จากนัน ้
ก็จะแปลงสัญญาณจากอนาล็อกใหเปนดิจตอล (A/D Converter) (3) สวนประมวลผลซึ่งจะนําสัญญาณที่ไดรบ
ิ ั
มาทําการเปรียบเทียบเชิงสถิติกับฐานขอมูลที่มีอยูเดิม
เซ็นเซอรรับกลิ่น
ตัวรับกลิ่นหรือเซ็นเซอรรับกลิ่นเปนอุปกรณพ้นฐานที่สุดของทั้งจมูกอิเล็กทรอนิกสและจมูกธรรมชาติ
ื
สําหรับจมูกธรรมชาตินั้นเซ็นเซอรรับกลินเปนโมเลกุลโปรตีนทีฝงตัวอยูในเมมเบรน ซึ่งแมจะมีสตรทางเคมี
่ ่ ู
ตางกัน (ลําดับกรดอะมิโนในโครงสรางแปรผันไปตางๆกัน) แตก็เชือวาจะมีโครงสรางที่คลายๆกัน กลาวคือเปน
่
โปรตีนที่มีสายโซพนขามไปมา (Transmembrane) ระหวางผิวดานในและดานนอกของเยื่อหุมเซลลจํานวน
ั
ประมาณ 7 รอบ นาแปลกตรงที่วาถึงแมเซ็นเซอรที่มีรปรางเดิมแตการแปรผันลําดับกรดอะมิโนในสายโซ
ู
เหลานั้นสามารถทําใหเซ็นเซอรเหลานั้นเกิดความหลากหลายในการจับกับโมเลกุลกลิ่นไดจานวนมากนับหมื่นๆ
ํ
2. ชนิดขึ้นไป ความหลากหลายในการจับตัวกับโมเลกุลกลิ่นนี้ประกอบกับการมีสวนประมวลผลทีดีข้น (สมอง
่ ึ
สวนรับรูและจดจํากลิ่น) ของสัตวเลียงลูกดวยนมนี้เองทําใหมันสามารถอยูรอดและครองโลกไดหลังยุคของ
้
ไดโนเสาร อยางไรก็ดโมเลกุลรับกลิ่นของสัตวเลียงลูกดวยนมก็ยังมีขดจํากัดหลายประการ เชน มันไมสามารถ
ี ้ ี
ตรวจพบกาซพิษโมเลกุลเล็กอยางคารบอนมอนนอกไซด (กาซ CO) ซึ่งมีอันตรายถึงตายได นอกจากนั้นมันยัง
ไมสามารถจับตัวกับโมเลกุลกลิ่นที่มีขนาดใหญเกิน 300 ดาลตัน (1 Dalton เทากับน้าหนักอะตอมไฮโดรเจน)
ํ
ทําใหจมูกอิเล็กทรอนิกสที่สรางขึ้นมีขอไดเปรียบเหนือจมูกสัตวเลี้ยงลูกดวยนมสําหรับการใชงานหลายๆดาน
เซ็นเซอรรับกลิ่นของจมูกอิเล็กทรอนิกสมีหลักการงายๆคือเกิดการเปลียนแปลงสมบัติซึ่งอาจเปน
่
สมบัติทางแสง สมบัติทางไฟฟา เมื่อมีโมเลกุลกลิ่นมาเกาะ ปจจุบนมีการคนควาวิจัยเซ็นเซอรรับกลินประเภท
ั ่
ตางๆขึ้นมามากมาย พอทีจะประมวลไดตามตาราง
่
ตารางแสดงเทคโนโลยีของเซ็นเซอรรับกลิ่นประเภทตางๆ
หลักการทํางาน วัสดุเซ็นเซอร ระดับการพัฒนาใน ขอดี ขอเสีย
ปจจุบัน
วัดความตานทาน สารกึ่งตัวนําโลหะออกไซด ใชเชิงพาณิชยแลว ราคาถูก ใชพลังงานเยอะ
วัดความตานทาน โพลิเมอรนําไฟฟา ใชเชิงพาณิชยแลว ทํางานที่อุณหภูมิหอง มีปญหากับความชื้น
วัดความจุไฟฟา โพลิเมอร ยังวิจัยอยู ทําเปนชิพได มีปญหากับความชื้น
วัดมวล การสั่นของผลึกควอตซ ใชเชิงพาณิชยแลว ความไวสูง ราคายังสูงอยู
(Quartz Crystal Microbalance)
วัดแสง กําทอนของคลื่นพลาสมอน ยังวิจัยอยู ความไวสูง สัญญาณ ราคาสูง
(Surface Plasmon Resonance) รบกวนต่ํา
วัดกระแส สารผสมอนินทรียหรืออินทรีย ใชเชิงพาณิชยแลว ราคาถูก มีขนาดใหญ
เซ็นเซอรรับกลิ่นในทองตลาด
เซ็นเซอรรับกลิ่นที่ไดรับความนิยมสูงที่สุดก็เห็นจะเปนเซ็นเซอรสารกึ่งตัวนําโลหะออกไซด (Metal
oxide semiconductor) ซึ่งขอเรียกวา MOS ซึ่งมีการนํามาใชเชิงพาณิชยเปนเวลานานมากกวาสิบปแลว โดย
ปจจุบันเหลือเพียงบริษัทเดียวเทานั้นที่ยังสามารถดําเนินธุรกิจผลิตและจําหนายเซ็นเซอรประเภทนี้โดยการซื้อ
กิจการยอยๆตามประเทศตางๆมาไวในครอบครอง นั่นคือบริษัท Figaro Engineering แหงประเทศญี่ปุน แตแมวา
เซ็นเซอรประเภทนี้จะมีการใชงานเชิงพาณิชยแลว อีกทั้งยังมีราคาที่คอนขางถูก เชน มีราคาตั้งแตตัวละ 1,000-
6,000 บาท งานวิจยและพัฒนาเซ็นเซอรประเภทนี้ก็ยังคงดําเนินตอไปโดยเฉพาะในมหาวิทยาลัย ในประเทศไทย
ั
3. เองก็ มี ก ารวิ จั ย เซ็ น เซอร MOS ที่ ศู น ย โ ลหะและวั ส ดุ แ ห ง ชาติ (MTEC) และที่ ภ าควิ ช าฟ สิ ก ส
มหาวิทยาลัยเชียงใหม
วัสดุเซ็นเซอร MOS ที่นยมกันก็ไดแก ดีบุกออกไซด (SnO2) สังกะสีออกไซด (ZnO) ทังสะเตนออกไซด
ิ
(WO3) เหล็กออกไซด (Fe2O3) เปนตน หลักการทํางานของวัสดุเซ็นเซอรประเภทนี้ก็คอนขางงาย วัสดุ MOS อยู
ในรูปผลึกเล็กๆจํานวนมากที่มีผิวสัมผัสตอกัน โดยในการนําไฟฟานั้น อิเล็กตรอนก็จะตองวิ่งขามไปมาระหวาง
ผิวสัมผัสเหลานั้นซึ่งมักจะถูกเคลือบบางๆดวยชั้นของกาซออกซิเจนซึ่งก็จะทําใหเกิดแรงตานทานไฟฟาที่ทําให
อิเล็กตรอนขามไปมาไดลําบากยิ่งขึ้น แตถามีกาซซึ่งมีสมบัติทําปฏิกิริยากับออกซิเจนที่อุณหภูมิสูงตั้งแต 200-
500 องศา ก็จะทําใหชั้นของออกซิเจนที่เคลือบอยูนั้นลดลงไป ทําใหวัสดุ MOS นําไฟฟาไดดีขึ้น ซึ่งสมบัติเชนนี้
เองที่ เราใชในการตรวจหากลิ่ นที่ มีสมบัติทํ าปฏิกิริย ากับออกซิเจนที่ อุณ หภู มิสูง เซ็นเซอรช นิด นี้จึ งต องใช
พลังงานสวนหนึ่งเพื่อเผาใหวัสดุมีอุณหภูมิเหมาะสม
เซ็นเซอรรบกลิ่นประเภท Metal Oxide Semiconductor ที่มีขายในทองตลาด
ั
วัสดุเซ็นเซอร MOS เปนสารอนินทรีย มีวัสดุอีกประเภทหนึ่งซึ่งสามารถทํางานเปนเซ็นเซอรโดยใช
หลักการเดียวกันแตเปนวัสดุสารอินทรีย นั่นคือ โพลิเมอรนําไฟฟา ซึ่งผูที่คนพบไดรับรางวัลโนเบลสาขาเคมีเมือ ่
ค.ศ. 2000 โพลิเมอรนําไฟฟามีสายโซที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ทําใหอิเล็กตรอนสามารถไหลไปมาไดภายในสายโซ
และสามารถกระโดดข า มระหว า งสายโซ ไ ด โพลิ เ มอร นํ า ไฟฟ า ที่ นิ ย มเอามาทํ า เซ็ น เซอร รั บ กลิ่ น ได แ ก
Polypyrrole, Polyaniline, Polythiophene, Polyacetylene ซึ่งทํางานโดยการเปลี่ยนแปลงสมบัติการนําไฟฟาเมื่อมี
โมเลกุลกลิ่นมาสัมผัสที่สายโซของโมเลกุลโพลิเมอร งานวิจัยทางดานการสังเคราะหโพลิเมอรนําไฟฟาใน
ประเทศไทยทํากันที่ ภาควิชาฟสิกส มหาวิทยาลัยมหิดล ภาควิชาเคมี จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ภาควิชาเคมี
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และที่ศูนยโลหะและวัสดุแหงชาติ (MTEC)
4. เซ็นเซอรรับกลิ่นความไวสูง
เซ็นเซอรเชิงพาณิชยทกลาวมาขางตนนั้นมีความไวอยูทประมาณ 1-1000 สวนในลานสวน หรือ ppm ซึ่ง
ี่ ี่
ก็เพียงพอสําหรับการใชงานในชีวิตประจําวันหรือในอุตสาหกรรม เชน การใชตรวจวิเคราะหคุณภาพและความ
สดของอาหาร การตรวจการรั่วของกาซในโรงงานอุตสาหกรรม การตรวจสอบคุณภาพอากาศ เปนตน แตไม
สามารถใชไดดีกับสารตัวอยางที่มีความเขมขนต่ํากวานัน (เชน 1-1000 สวนในพันลานสวน หรือ ppb) เชน การ
้
ตรวจสอบเชื้อโรค การตรวจสอบสารพิษทีมีความรายแรงสูง (เชน กาซซารินจํานวนนอยนิดก็สามารถฆาคนได
่
คราวละมากๆ) เปนตน
จมูกอิเล็กทรอนิกสที่มขายกันตามทองตลาด ซึ่งยังคงมีราคาสูงและเมื่อซื้อเขามาใชแลวตองมีการ
ี
ฝกฝนโดยผูขาย ทําใหราคาขายตองรวมคาแรงทีแพงมากเขาไปดวย
่
เซ็นเซอรท่มีความไวสูงนั้นสามารถตรวจจับโมเลกุลจํานวนนอยๆไดโดยตองมีสัญญาณรบกวนต่า ซึ่ง
ี ํ
เซ็นเซอรสวนใหญไมสามารถทํางานในระดับนี้ไดเนื่องจากเปนทีรูกนวาเซ็นเซอรทวไปมักจะถูกรบกวนจาก
่ ั ั่
สัญญาณไฟฟาไดงาย เซ็นเซอรสวนใหญทมีความไวสูงจึงมักใชหลักการเชิงแสงหรือการวัดมวลแทนการวัด
่ี
ความตานทานหรือการนําไฟฟา
ตัวอยางของเซ็นเซอรความไวสูงอันหนึ่งเปนเซ็นเซอรที่อาศัยการสั่นของผลึกควอตซ (Quartz Crystal
Microbalance) โดยผลึกควอตซจะสั่นดวยความถี่คาหนึ่งซึ่งเปนสมบัติเฉพาะตัวของวัสดุเมื่ออยูในสนามไฟฟา
5. ซึ่งสามารถสรางไดโดยการเคลือบแผนบางๆของผลึกควอตซดวยขัวโลหะ (ซึ่งมักจะใชทองเคลือบบางๆ) เมื่อ
้
ผานศักยไฟฟากระแสสลับเขาไปผลึกจะสันดวยความถี่คาหนึ่งซึ่งจะเปลี่ยนไปหากมีอะไรมาเกาะที่ผิวของ
่
ขั้วโลหะแลวทําใหมวลเปลียน ดังนั้นถาตองการทําตรวจวัดโมเลกุลอะไรก็ตาม ก็สามารถทําไดโดยการปรับผิว
่
ของขั้วโลหะใหมีความสามารถเปนตัวรับ (Receptor) เฉพาะโมเลกุลที่ตองการตรวจวัด (Surface
Modification/Functionalization) ปญหาที่ตามมาสําหรับเซ็นเซอรที่มีความสามารถเปนตัวรับเฉพาะโมเลกุลบาง
ชนิด (Selective Receptor) ก็คออันตรกริยาระหวางสารทีตรวจวัดกับโมเลกุลเซ็นเซอรจะคอนขางแรงทําใหมี
ื ่
ปญหาในการนํากลับมาใชใหม เพราะจะไลสารที่ตรวจวัดดังกลาวออกไดยาก เฉกเชนจมูกของคนที่เวลาดมเอา
อะไรแรงๆเขาไปก็จะมีกลิ่นติดจมูก ตองออกไปสูดอากาศหายใจสักพักถึงจะหาย และกลับมาสูดดมรับกลิน ่
แบบเดิมไดอกครั้ง งานวิจยในประเทศไทยเกี่ยวกับเซ็นเซอรชนิดนี้ในประเทศไทย มีที่ ภาควิชาเคมี จุฬาลงกรณ
ี ั
มหาวิทยาลัย ภาควิชาฟสิกส คณะวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยมหิดล คณะเทคนิคการแพทย มหาวิทยาลัยมหิดล
เปนตน
จมูกอิเล็กทรอนิกสอาจเปนความหวังตอไปของนักกูวัตถุระเบิด
เซ็นเซอรรวม (Sensor Array)
จมูกของสัตวเลี้ยงลูกดวยนมอยางสุนขนั้นมีจํานวนเซ็นเซอรรบกลินนับลานตัว สําหรับจมูกประดิษฐที่
ั ั ่
มนุษยสรางขึนนั้นมีจํานวนเซ็นเซอรที่นามาเชื่อมตอกันตั้งแต 2 ตัวไปจนถึงพันตัว ถึงแมจะมีจํานวนนอยกวา
้ ํ
จมูกของสุนัขมาก แตก็สามารถวิศวกรรมใหทํางานตามตองการอยางเปนระบบไดดกวาจมูกสุนัข พูดอยางงายๆ
ี
แลวจมูกอิเล็กทรอนิกสกคอเครือขายของเซ็นเซอรรับกลินนั่นเอง เทคโนโลยีที่สําคัญประการหนึ่งที่ตองมีก็คือ
็ื ่
6. เทคโนโลยีการจดจํารูปแบบ (Pattern Recognition) ที่สามารถรวมขอมูลสัญญาณจากเซ็นเซอรเขามาแลว
ตัดสินใจไดวาสิ่งนั้นคือกลินของอะไร เสมือนจมูกของมนุษยเมื่อเราเกิดขึ้นมานั้น พอแมเราใหมาแตฮารดแวร
่
เปลาๆ เราตองมาเรียนรูเองวา ทุเรียนมีกลินอยางไร สะระแหนมีกลิ่นอยางไร วานิลลามีกลิ่นอยางไร รูปแบบของ
่
กลิ่นเหลานั้นก็จะฝงอยูในสมองเรา ดวยเหตุนี้เองเมื่อนักเทคโนโลยีทางอาหารรูวารูปแบบของกลินที่สราง
่
ความรูสึกของ “ผัดขี้เมา” เปนอยางไร ก็สามารถนําสารเคมีที่ใหรูปแบบดังกลาวใสลงไปในบะหมี่สําเร็จรูปแลว
มาบอกผูบริโภควาเปน “รสผัดขี้เมา” ดังนันตลอดชีวิตของคนเราจะเกียวของกับการเรียนรูกลิ่นใหม จดจํากลิน
้ ่ ่
นั้น และระลึกไดเมื่อไดรับกลิ่นเดิมนั้นอีก อยูตลอดเวลาทั้งชีวิต จมูกอิเล็กทรอนิกสก็ตองการฝกฝนเชนเดียวกัน
โดยตองนํามาฝกจดจํารูปแบบของกลิ่นตางๆที่จะนําไปใชงานในดานนันๆ ้
งานประยุกตของจมูกอิเล็กทรอนิกส
ขอยกตัวอยางงานประยุกตของจมูกอิเล็กทรอนิกสทั้งที่เกิดขึ้นแลวในปจจุบัน และที่จะตามมาอีกในอนาคตอัน
ใกลดงตอไปนี้
ั
• การตรวจวิเคราะหคณภาพ การจําแนกชนิด (เชน ของแท/ของปลอม) ของอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งถือ
ุ
เปนงานประยุกตที่ใชกนมากที่สุดในขณะนี้ โดยมีผลงานตีพมพในวารสารนานาชาติจํานวนมากที่ระบุ
ั ิ
การนําจมูกประดิษฐไปใชในงานตอไปนี:้ การวัดความสดของปลาและเนื้อ การตรวจสิ่งปนเปอนในเนื้อ
ไก การวัดความสุกและตรวจคุณภาพของมะเขือเทศ แอปเปล กลวย สตรอเบอรี พีช บลูเบอรรี การตรวจ
คุณภาพของน้ามันพืช การตรวจคุณภาพไวน การวิเคราะหรสชาติไวนปตางๆ การตรวจคุณภาพนม การ
ํ
วิเคราะหกาแฟ และเครื่องดืม
่
• การติดตามควบคุมคุณภาพระบบผลิตอาหาร โดยจมูกอิเล็กทรอนิกสสามารถนําไปติดตั้งใน
กระบวนการผลิต เชน ถังหมัก ถังผสม เปนตน ซึ่งจะทําใหสามารถควบคุมคุณภาพแบบออนไลน โดย
ขณะนี้อุตสาหกรรมอาหารในยุโรปเริมมีการนําไปใชแลว
่
• การควบคุมคุณภาพน้ําหอม ปจจุบันเริ่มมีการนําจมูกอิเล็กทรอนิกสเขามาใชควบคูกับนักดมน้ําหอมเพื่อ
ควบคุมสูตรและกระบวนการผลิตน้ําหอมของบริษัทในยุโรปแลว
• การวินจฉัยโรค เชนการใชจมูกอิเล็กทรอนิกสวิเคราะหกลิ่นปสสาวะของผูปวยโดยตรง หรืออาจใชดม
ิ
กลิ่นลมหายใจ นอกจากนั้นยังสามารถทําเปนเครือขายเฝาระวังเชื้อโรคในฟารมปศุสัตวขนาดใหญ
• การตรวจสอบสิ่งแวดลอม โดยการติดตั้งจมูกอิเล็กทรอนิกสเปนเครือขายในอาคารเพือตรวจวัดคุณภาพ
่
อากาศ การติดตั้งใกลแหลงขยะและฟารมปศุสัตวเพื่อควบคุมกลิ่น หรือใชเปนเครือขายเซ็นเซอร
ตรวจวัดคุณภาพแหลงน้ํา
7. • เปนระบบสัมผัสของหุนยนต ในขณะนีไดมีความสนใจในเรื่องหุนยนตเปนอยางมาก จมูก
้
อิเล็กทรอนิกสจะเปนระบบสัมผัสอีกอยางทีหุนยนตตองมี ดังนั้นเทคโนโลยีนี้อีกหนอยจะไป Plug-in
่
เขากับเทคโนโลยีหุนยนตในที่สุด ซึ่งปจจุบันก็มผูวิจยใหหุนยนตลองเดินตามกลิ่นไดแลว
ี ั
• การตรวจและเก็บกูวตถุระเบิด จมูกอิเล็กทรอนิกสสามารถฝกใหตรวจจับวัตถุระเบิดไดเชนดียวกับสุนัข
ั
ดมกลิน โดยปจจุบันมีกลุมวิจัยและบริษัทรวมทั้งสถาบันวิจยกองทัพเรือสหรัฐใหความสนใจในการนํา
่ ั
จมูกประดิษฐไปเก็บกูทนระเบิดสังหารบุคคล (Land mines) ซึ่งประมาณกันวาทั้งโลกเรามีทนระเบิดฝง
ุ ุ
ดินที่ยังทํางานอยูประมาณ 120 ลานลูกใน 70 ประเทศ ซึ่งจะระเบิดทําอันตรายตอผูคนทุกๆ 22 นาที
เทคโนโลยีปจจุบันที่ใชกําจัดทุนระเบิดนันมีอันตรายสูง กลาวคือทุกๆ 5000 ลูกผูเ ก็บกูจะตองเสียชีวต
้ ิ
ดังนั้นจมูกประดิษฐจึงเปนความหวังในการประยุกตใชงานทางดานนี้ หลักการในการตรวจวัตถุระเบิดก็
คือการหากลิ่นของสารที่ระเหยออกมาจากระเบิดเชน สารทีเอ็นที (Trinitrotoluene) สารอารดีเอ็กซ
(Trinitro-triazocyclohexane) ภายหลังจากการวิจยพบวาในบางสถานการณสาร 2 ตัวจะหลุดออกมาจาก
ั
ระเบิดนอยมากทําใหตรวจพบยาก แตสุนัขกลับเรียนรูที่จะใชจมูกตรวจหาสารอีกตัวคือดีเอ็นที
(Dinitrotoluene) ซึ่งระเหยออกมามากกวา ซึ่งองคความรูดังกลาวก็นํามาใชปรับปรุงจมูกประดิษฐได
อนาคตของจมูกอิเล็กทรอนิกสนาจะอยูที่อปกรณขนาดพกพา และมีราคาถูก
ุ
8. สถานภาพเทคโนโลยีจมูกอิเล็กทรอนิกสในโลก
เปนที่นาแปลกใจวาประเทศที่เปนผูนําการวิจัยในเรื่องของจมูกอิเล็กทรอนิกสมกจะเปนประเทศใน
ั
ยุโรป เชน อิตาลี เยอรมัน สวีเดน ไมใช ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้อาจจะเปนเพราะวาจุดเริ่มตนในความสนใจ
ที่จะสรางจมูกอิเล็กทรอนิกสเกิดจากความตองการใชเพือควบคุมคุณภาพอาหาร เครืองดื่ม และ สารหอมระเหย
่ ่
ซึ่งประเทศยุโรปมีความหลากหลายทางดานผลิตภัณฑประเภทดังกลาว และยังมีความจําเพาะทางดานภูมิศาสตร
อีกดวย โดยธรรมชาติของเทคโนโลยีจมูกประดิษฐ เมือพัฒนาจนไดฮารดแวรของอุปกรณแลว จะตองมีการ
่
พัฒนาซอฟทแวร ณ สถานที่ใชงานจริง โดยจะมีการปรับสภาพการใชงาน เชน การสอนใหเรียนรู ตลอดจนอาจ
ตองมีการปรับฮารดแวรตามสภาพการใชงาน ดวยเหตุนี้ แหลงกําเนิดของเทคโนโลยีกับแหลงประยุกตใชจึง
มักจะอยูใกลกน ดวยเหตุนี้ทาใหบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกาไมอาจจะเจาะตลาดในประเทศยุโรปได แมแต
ั ํ
การจะสั่งนําเขาระบบจมูกอิเล็กทรอนิกสเขามาใชงานในประเทศไทย ก็จะตองมีการนําเขาผูเชียวชาญเพื่อมา
่
ติดตั้งและสอนอุปกรณใหเรียนรูกลิ่นตางๆดวย (แนนอนตองมีการสอนผูใชงานดวย) สถานการณเชนเดียวกันนี้
เกิดขึ้นกับการใชงานสุนัขตํารวจที่เมื่อสั่งนําเขาสุนขที่มีความสามารถในการดมกลิ่นเปนเลิศแลว ก็ตองนํามา
ั
ฝกหัดดมกลิน คราวนี้กข้นอยูกบซอฟทแวรของครูฝก ดังนั้นการทําวิจยเพื่อพัฒนาจมูกอิเล็กทรอนิกสขึ้นเองใน
่ ็ึ ั ั
ประเทศไทยก็จะมีขอไดเปรียบตอเทคโนโลยีแบบเดียวกันที่นําเขา ไมวาจะจากประเทศใดก็ตาม เฉก
เชนเดียวกับทีประเทศยุโรปมีตอสหรัฐอเมริกา
่
โอกาสของประเทศไทย
ประเทศไทยมีความโดดเดนในเรื่องของความหลากหลายทางชีวภาพ มีผลิตภัณฑอาหาร เครื่องดื่ม
สมุนไพร และผลิตภัณฑสปา ที่มีความจําเพาะทางดานภูมศาสตร ทําใหสามารถสรางแบรนดของสินคาใหมช่อ
ิ ี ื
ผูกติดกับทองถิ่นได จนเกิดเปนสินคาหนึ่งผลิตภัณฑหนึงตําบล หรือ OTOP ทั้งนีรัฐบาลมียุทธศาสตรที่จะทําให
่ ้
สินคาที่มความจําเพาะทางดานภูมิศาสตรเหลานั้น มีคุณภาพเพียงพอทีจะสงออกไปขายตางประเทศ หรือดึงดูด
ี ่
ใหนักทองเที่ยวตางประเทศซื้อกลับไป รวมทั้งสรางชื่อแกสินคาใหคนไทยดวยกันหันมาบริโภคของในประเทศ
มากขึ้นแทนการบริโภคสินคานําเขา การควบคุมหรือเพิ่มคุณภาพสินคา OTOP มีขอจํากัดทีวา เทคโนโลยีที่ใชใน
่
การควบคุมคุณภาพผลผลิตไมควรนําเขาจากตางประเทศ เพราะจะเปนการเพิ่มตนทุนแกสินคามากเกินไป เพราะ
สินคา OTOP โดยมากเปนอุตสาหกรรมกึ่งครอบครัวที่อาศัยภูมิปญญาพืนถิ่น ใชเทคโนโลยีแบบชาวบาน
้
(Appropriate Technology) ที่มตนทุนต่ําและแรงงานของชาวบาน ดังนั้นเทคโนโลยีควบคุมคุณภาพที่เกิดจาก
ี
งานวิจยของนักวิทยาศาสตรคนไทยดวยกันเองนาจะเปนประโยชนกบอุตสาหกรรมประเภทนี้ เทคโนโลยีไทยทํา
ั ั
อาศัยความไดเปรียบตรงทีแหลงกําเนิดของเทคโนโลยีกบผูใชอยูใกลกน ทําใหมีราคาถูกและประสิทธิภาพที่ปรับ
่ ั ั
ไดตามการใชงาน ประกอบกับชาวบานมักจะ “ยินดี” ที่จะลองเทคโนโลยีของคนไทยดวยกันเองมากกวา
อุตสาหกรรมใหญท่ยัง “เชื่อและนิยม” เทคโนโลยีที่นาเขาจากตางประเทศ
ี ํ
9. ในขณะนี้ประเทศไทยมีนกวิจัยที่กาลังพัฒนาอุปกรณและชุดตรวจสอบไอโมเลกุลหอมระเหย ที่สามารถ
ั ํ
นํามาใชชวยงานควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑประเภท OTOP เชน ไวน และ ผลิตภัณฑสปา โดยอุปกรณชุด
ตรวจสอบนี้อาศัยหลักการทํางานคลาย “จมูกสุนัข” คือมีความไวตอโมเลกุลจํานวนนอยๆ มีความสามารถในการ
รูจํา มีความสามารถในการเรียนรูกลิ่น เปนตน หลักการงายๆในการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑที่มรสชาติ มีกลิ่น
ี
หรือ มีไอหอมระเหย ก็คอ การรักษาสัดสวนของไอระเหยของสารออกฤทธิแตละตัวใหมีสัดสวนคงที่ งาน
ื ์
เหลานี้แตเดิมอาศัยนักชิมและนักดมกลิ่นที่มีการฝกมาอยางดี แตตอไปนี้ชุดตรวจสอบไอโมเลกุลหอมระเหยจะ
เขามาทําหนาที่ดังกลาวแทน งานวิจัยทางดานนี้นอกจากจะไดผลิตผลเปนอุปกรณตรวจสอบไอโมเลกุลหอม
ระเหยโดยฝมอคนไทยแลว ยังเปนการพัฒนาเทคโนโลยีระบบสัมผัสเทียม (Artificial Sensing) ขึ้นมาอีกดวย ซึ่ง
ื
เทคโนโลยีน้สามารถนําไป Plug In เขากับเทคโนโลยีอื่นๆ เชน เทคโนโลยีหุนยนต ทีผลิตโดยมหาวิทยาลัยอื่นๆ
ี ่
การสนับสนุนงานวิจยตามโครงการฯนี้นอกจากจะไดผลิตภัณฑที่เปนรูปธรรมนําไปใชงานแลว ยังจะได
ั
เทคโนโลยีกอกําเนิด (Enabling Technology) ที่จะไปชวยผลิตภัณฑอื่นๆ ใหเกิดขึ้น รวมทั้งผลงานตีพิมพใน
ระดับสากล ทําใหอันดับการแขงขันของประเทศเพิ่มขึ้น
ขอขอบคุณ
ขอขอบคุณศูนยนาโนเทคโนโลยีแหงชาติ จังหวัดปทุมธานี และ ศูนยวจยเครื่องกําเนิดแสงซินโครตรอนแหงชาติ
ิั
จังหวัดนครราชสีมา ในการสนับสนุนการวิจัยทางดานจมูกอิเล็กทรอนิกส
เอกสารอานเพิมเติม
่
เอกสารตอไปนี้เปนบทความที่ตีพิมพในวารสารวิชาการ หากทานผูอานสนใจ สามารถสง e-mail มาขอที่ผูเขียน
ไดครับ
1) D. James, S. M. Scott, Z. Ali and W. T. O’Hare, “Chemical sensors for electronic nose systems”,
Microchimica Acta 149 (2005) 1.
2) A. K. Deisingh, D. C. Stone and M. Thompson, “Applications of electronic noses and tongues in food
analysis”, International Journal of Food Science and Technology 39 (2004) 587.
3) W. Bourgeois, A.-C. Romain, J. Nicolas and R. M. Stuetz, “The use of sensor arrays for
environmental monitoring: interests and limitations”, Journal of Environmental Monitoring 5 (2003)
852.
4) D. M. Wilson, S. Hoyt, J. Janata, K. Booksh and L. Obando, “Chemical sensors for portable, handheld
field instruments”, IEEE Sensors Journal 4 (2001) 256.
5) G. Kaplan, “The how and why of electronic nose”, IEEE Spectrum September 1995.