Contenu connexe
Similaire à หน้าที่พิเศษของราก
Similaire à หน้าที่พิเศษของราก (20)
หน้าที่พิเศษของราก
- 1. บทปฏิบัติการทดลองที่ 3
โครงสรางและหนาที่ของพืชดอก
เรื่อง หนาที่พิเศษของราก
เรื่อง การศึกษาหนาที่พิเศษของรากพืชดอก
จุดประสงคการเรียนรู : นักเรียนมีความสามารถในการปฏิบัติกิจกรรมตาง ๆ ตอไปนี้ได
1. บอกเกณฑในการจําแนกไดวาโครงสรางที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นคือราก
2. บอกลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อทําหนาที่พิเศษของรากได
3. ทํากิจกรรมและสรุปผลการทํากิจกรรมได
หลักการ / ทฤษฎี
ราก (Root) เปนอวัยวะหรือสวนของพืชที่ไมมี ขอ ปลอง ตา และใบเจริญลงสูดินตามแรง
ดึงดูดของโลก(positive geotropism ) มีกําเนิดมาจาก เรดิเคิล( radicle) ของ เอมบริโอ (embryo) ซึ่งอยู
ภายในเมล็ด รากที่เปลี่ยนแปลงมาจาก เรดิเคิล จัดเปนรากที่มีการเจริญในระยะแรก (Primary growth)
สวนรากของพืชใบเลี้ยงคูหรือ พืชใบเลี้ยงเดี่ยวบางชนิด จะมีการเจริญเติบโตขั้นที่2 (Secondary growth)
รากเปนสวนทีทําหนาที่ในการ ค้ําจุนสวนตางๆ ของพืชใหทรงตัวอยูได (anchorage) ดูดและลําเลียงน้ํา
่
(absorption and transportation) และหนาทีอื่นๆ ขึ้นกับลักษณะของรากเชน สะสมอาหาร ยึดเกาะ ใช
่
ใน การหายใจ เปนตน
วัสดุอุปกรณ
1. ภาพรากของพืชชนิดตางๆ เชน รากกลวยไม รากกาฝาก รากฝอยทอง รากไทร รากโกงกาง
2. รากพืชชนิดตางๆ ที่นักเรียนนํามาศึกษา เชน หัวกระชาย หัวผักกาด มันแกว มันเทศ
3. กระดาษฟลิปชารต 1 แผน
4. ปากกาเมจิก 1 ดาม
วิธีทํา
1. ใหนกเรียนนํารากพืชชนิดตางๆ อยางนอยกลุมละ 5 -10 ชนิด มาศึกษา แลวจําแนกชนิดของ
ั
ราก หนาที่พเิ ศษของราก โดยพิจารณารูปรางลักษณะทีสังเกตได เปรียบเทียบกับภาพรากพืชชนิดตางๆ
่
2. บันทึกผลการทํากิจกรรมลงในกระดาษฟลิปชารต แลวนําเสนอหนาชันเรียน ้
- 2. รายงานผลการทดลองบทปฏิบัติการที่ 1
เรื่อง การศึกษาหนาที่พิเศษของรากพืชดอก
วัน /เดือน / ป .............................................. กลุมที่ ........................ เวลาที่ใช .......................... ชั่วโมง
ชื่อสมาชิกในกลุม
1. .............................................................................................................
2. .............................................................................................................
3. .............................................................................................................
4. .............................................................................................................
5. .............................................................................................................
วัตถุประสงค
1. .............................................................................................................
2. .............................................................................................................
3. .............................................................................................................
4. ............................................................................................................
ผลการทดลอง
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
- 4. คําถามหลังการทดลอง
1. หนาที่ของรากโดยทัวไป
่
1……………………………………………………………………
2……………………………………………………………………
3. ………………………………………………………………….
2. รากพืชที่นกเรียนนํามาศึกษา แยกเปนกี่ชนิด อะไรบาง และหนาทีอยางไร
ั ่
...............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
3. ยกตัวอยางของรากที่ทําหนาที่ดังตอไปนี้
3.1 Prop root เปนรากที่ทําหนาที่ ............................................................ เชน ..........................
3.2 Climbing root เปนรากที่ทําหนาที่ .................................................... เชน ..........................
3.3 Parasitic root เปนรากที่ทําหนาที่ ...................................................... เชน .........................
3.4 Photosynthetic root เปนรากที่ทําหนาที่ .............................................. เชน ........................
3.5 Aerail root(Respiratory root) เปนรากที่ทําหนาที่ .............................. เชน .......................
4. นักเรียนจะสรุปผลการทดลองนี้อยางไร
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
- 5. ใบความรูที่ 1
โครงสรางและหนาที่ของพืชดอก
เรื่อง หนาที่พิเศษของราก
สาระสําคัญ
ราก ( Root )
ราก (Root) เปนอวัยวะหรือสวนของพืชที่ไมมี ขอ ปลอง ตา และใบเจริญลงสูดินตามแรง
ดึงดูดของโลก(positive geotropism ) มีกําเนิดมาจาก เรดิเคิล( radicle) ของ เอมบริโอ (embryo) ซึ่งอยู
ภายในเมล็ด รากที่เปลี่ยนแปลงมาจาก เรดิเคิล จัดเปนรากที่มีการเจริญในระยะแรก (Primary growth)
สวนรากของพืชใบเลี้ยงคูหรือ พืชใบเลี้ยงเดี่ยวบางชนิด จะมีการเจริญเติบโตขั้นที่2 (Secondary growth)
รากเปนสวนทีทําหนาที่ในการ ค้ําจุนสวนตางๆ ของพืชใหทรงตัวอยูได (anchorage) ดูดและลําเลียงน้ํา
่
(absorption and transportation) และหนาทีอื่นๆ ขึ้นกับลักษณะของรากเชน สะสมอาหาร ยึดเกาะ ใช
่
ใน การหายใจ เปนตน
หนาที่ของราก
1.ดูด ( absorption ) น้ําและแรธาตุจากดิน
2. ลําเรียง ( conduction ) น้ํา แรธาตุ และ อาหาร
3. ยึด ( anchorange ) ลําตนใหติดกับพื้นดิน
4. สรางฮอรโมน ( producing hormones ) เชน cytokinin,gibberellinเพื่อพัฒนาลําตนยอดและสวนอื่น ๆ
5. อาจทําหนาที่พิเศษอื่น ๆ เชน สะสมอาการ สังเคราะหแสง ค้ําจุน ยึดเกาะ หายใจ เปนตน
ชนิดของราก : ชนิดของรากเมื่อแยกตามกําเนิด จําแนกออกเปน 3 ชนิดคือ
1. Primary root หรือ รากแกว (tap root) มีลักษณะตอนโคนจะโตแลวคอยเรียวเล็กลงไปจนถึงปลาย
จะยาวและใหญกวารากอื่นๆที่แยกออกไป ทําหนาที่ เปนหลักรับสวนอื่นๆใหทรงตัวอยูได รากชนิดนี้
พบในพืชใบเลี้ยงคูที่งอกออกจากเมล็ดโดยปกติ สวนพืชใบเลี้ยงเดียวที่งอกออกจากเมล็ดใหมๆก็มราก
่ ี
ระบบนี้เหมือนกันแตมีอายุไดไมนานก็เนาเปอยไปแลวเกิดรากชนิดใหมขึ้นมาแทน (รากฝอย)
ภาพที่ 1 แสดง Primary root หรือ รากแกว (tap root)
- 6. 2. Secondary root หรือรากแขนง(lateral root หรือ branch root) เปนรากที่เจริญเติบโตออกมาจาก
รากแกว มักงอกเอียงลงไปในดินจนเกือบขนานหรือขนานไปกับพืนดิน รากชนิดนี้อาจแตกแขนง
้
ออกเปนทอดๆ ไดอีกเรื่อยๆ ทั้งรากแขนงและแขนงตางๆที่ยื่นออกไปเปนทอดๆตางกําเนิดมาจาก
เนื้อเยื่อเพริไซเคิลในรากเดิมทั้งสิ้น
ภาพที่ 2 แสดง Secondary root หรือ รากแขนง (lateral root)
3. Adventitious root หรือ รากวิสามัญ เปนรากที่ไมไดกําเนิดมาจากรากแกวหรือรากแขนง รากชนิด
นี้อาจแตกออกจากโคนตนของพืช ตามขอของลําตนหรือกิ่ง ตามใบหรือจากกิ่งตอนของไมผลทุกชนิด
แยกเปนชนิดยอยไดตามรูปรางและหนาที่ ไดดังนี้
3.1 รากฝอย (fibrous root) เปนรากเสนเล็กๆมากมาย ขนาดโตสม่ําเสมอกันไมไมเรียวลงที่ปลาย
อยางรากแกว งอกออกจากรอบโคนตนแทนรากแกวที่ฝอเสียไปหรือทีหยุดเตอบโต พบในพืชใบเลี้ยง
่
เดี่ยวเปนสวนใหญ
ภาพที่ 3 แสดง รากฝอย (fibrous root)
- 7. 3.2 รากค้ําจุน (Prop root) เปนรากที่แตกออกมาจากขอของลําตน ที่อยูใตดิน และเหนือดิน
ขึ้นมาเล็กนอย และพุงแทงลงไปในดิน เพื่อพยุงลําตนเอาไวไมใหลมงาย เชนรากค้ําจุนของตน
ขาวโพด ตนลําเจียก ตนโกงกาง
ภาพที่ 4 แสดง รากค้ําจุน (prop root)
3.3 รากเกาะ (Climbing root) เปนรากที่แตกออกมาจากขอของลําตนแลวมาเกาะตามหลัก
หรือเสา เพื่อพยุงลําตนใหติดแนนและชูลําตนขึ้นที่สูง เชนรากของพลู พลูดาง กลวยไม
ภาพที่ 5 แสดง รากยึดเกาะ climbing root)
- 8. 3.4 รากสังเคราะหแสง (photosynthtic root) เปนรากที่แตกออกมาจากขอของลําตน แลวหอยลง
มาในอากาศ มีสีเขียวของคลอโรฟล เปนรากที่ทําหนาที่สังเคราะหแสง เชน รากกลวยไมที่มีสีเขียว
เฉพาะรากออน หรือปลายรากที่แกเทานั้น รากของไทร โกงกาง มีสีเขียวเฉพาะตรงที่หอยอยูในอากาศ
สวนที่ไซลงไปในดินแลวไมมีสีเขียวเลย
ภาพที่ 6 แสดง รากสังเคราะหแสง (photosynthtic root) ของกลวยไม
3.5 รากหายใจ (Respiratory root)รากพวกนี้เปนแขนงงอกออกจากรากใหญที่แทงลงไปในดินอีก
ทีหนึ่ง แตแทนที่จะงอกลงไปในดิน กับ ชูปลายขึ้นมาเหนือดินหรือผิวน้ํา บางทีก็ลอยตามผิวน้ํา เชน
รากของแพงพวย
ภาพที่ 7 แสดง รากหายใจ (Respiratory root)
- 9. 3.6 รากกาฝาก (Parasitic root) เปนรากของพืชบางชนิดที่เปนปรสิต เชนรากของตนกาฝาก และ
ตนฝอยทอง
ภาพที่ 8 แสดง รากกาฝาก (Parasitic root) ของฝอยทองและกาฝากทั่วไป
3.7 รากสะสมอาหาร (storage root) เปนรากที่ทําหนาที่ในการสะสมอาหารประเภทแปง น้ําตาล
หรือ โปรตีนเอาไว ทําใหมีลักษณะอวบอวนเรามักเรียกวา หัว เชน หัวแครอต หัวผักกาด หัวมันเทศ
หัวมันแกว มันสําปะหลัง กระชาย เปนตน
ภาพที่ 9 แสดง รากสะสมอาหาร (storage root)