Contenu connexe
Similaire à 1.3 ทักษะการใช้เมาส์และแป้นพิมพ์ (20)
Plus de Chatree MChatree (11)
1.3 ทักษะการใช้เมาส์และแป้นพิมพ์
- 1. ทักษะการใช้ เมาส์ และแป้ นพิมพ์
เมาส์
เมาส์ เป็ นอุปกรณ์ภายนอกที่ใช้ต่อพ่วงกับเครื่ องคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยในการรับข้อมูลทาให้การ
ใช้งานง่าย และสะดวกขึ้น เช่น การเลือกรายการคาสั่ง การแก้ไข การเลือกข้อความ ตลอดจนการเคลื่อนย้าย
และเปลี่ยนขนาด ของหน้าต่าง สาหรับผูที่เริ่ ม ต้นใช้เมาส์ อาจจะเป็ นเรื่ องที่ค่อนข้างลาบาก แต่เมื่อใช้เป็ น
้
แล้วจะได้รับประโยชน์และความสะดวกในการทางานมากกว่าการใช้ แป้ นพิมพ์ เมาส์ที่ใช้ในปั จจุบน มีท้ ง ั ั
แบบ 2 ปุ่ ม และ 3 ปุ่ ม โดยปกติสัญลักษณ์ที่ใช้แทนตัวเมาส์บนจอภาพจะเป็ น รู ปลูกศรเรี ยกว่า ตัวชี้ (pointer)
ใช้เลื่อนไปยังตาแหน่งต่าง ๆ บนจอ โดยทัวไปเมาส์ชนิด 2 ปุ่ ม จะใช้ปุ่มทางซ้ายของเมาส์ส่งงานแต่ในบาง
่ ั
โปรแกรม เช่น ไมโครซอฟต์เอ็กเซล จะมีการใช้ปุ่มทางด้านขวาด้วย
่ ่
การจับเมาส์ ทถูกวิธี คือ การวางมือคว่าบนตัวเมาส์ โดยให้นิ้วกลางอยูที่ปุ่มด้านขวา นิ้วชี้อยูที่ปุ่ม
ี่
ด้านซ้าย ใช้นิ้วที่เหลือจับตัวเมาส์ให้ถนัดแล้วจึงเลื่อนเมาส์ไปมาตามทิศทางที่ตอง การ ซึ่งจะเป็ นการเลื่อน
้
ตัวชี้จอภาพไปในทิศทางที่เลื่อน
การใช้งานเมาส์มี 4 ลักษณะ
1. การชี้ตาแหน่ ง (point) เป็ นการเลื่อนตาแหน่งของตัวชี้ไปยังตาแหน่งที่ตองการ ซึ่งเป็ นรู ปลูกศรที่
้
่
ปรากฏอยูบนจอภาพไปยังพื้นที่ท่ีตองการทางาน เมื่อเลื่อนเมาส์ไปบนพื้นเรี ยบ ตัวชี้จะเคลื่อนที่ไปใน
้
ทิศทางที่สอดคล้องกันบนจอภาพ
- 2. 2. การคลิก (click) หมายถึง การกดปุ่ มซ้ายของเมาส์แล้วปล่อยอย่างรวดเร็ ว เป็ นการเลือกหรื อ
ยืนยันการใช้คาสั่งต่าง ๆ ที่ตวชี้ช้ ีอยู่ ปัจจุบนมีการใช้ คลิกขวา (right click) ซึ่ งจะใช้ในการเรี ยกใช้คาสั่งลัด
ั ั
โดยการคลิกขวาที่วตถุใด ๆ ก็ได้ เช่น คลิกขวาที่ My Computer ก็จะมีคาสั่งลัดในการจัดการเกี่ยวกับ
ั
My Computer เป็ นต้น
3. การดับเบิลคลิก (double click) หมายถึงการกดปุ่ มซ้ายของเมาส์ 2 ครั้งติดต่อกันอย่างรวดเร็ ว เป็ น
การยืนยันการเลือกเข้าสู่ โปรแกรมที่ตวชี้ช้ ี อยู่
ั
4. การลาก (drag) หมายถึง การกดปุ่ มด้านซ้ายมือของเมาส์คางไว้แล้วเลื่อนตัวชี้ไปในตาแหน่งที่
้
ต้องการ แล้วจึง ปล่อยปุ่ มที่กดไว้ นอกจากนี้การลากยังเป็ นการกาหนดขอบเขตหรื อพื้นที่ที่ตองการ
้
สั ญลักษณ์ และความหมายของตัวชี้เมาส์
- 3. พัฒนาการของเมาส์
เมาส์พฒนาขึ้นมาครั้งแรก ในศูนย์คนคว้าที่เมืองปาโลอัลโต้ ของบริ ษทซี ร็อก (Xerox Corporation’s
ั ้ ั
Palo Alto Research Center) เมาส์มีหลายรู ปร่ าง หลายลักษณะ โดยเฉพาะเมาส์รุ่นใหม่ๆ จะออกแบบมา
อย่างสวยงาม โดยปกติปุ่มของเมาส์ จะมี 2 ปุ่ มสาหรับเมาส์ของเครื่ องพีซี และปุ่ มเดียวสาหรับเครื่ อง
Macintosh ปั จจุบนมีการพัฒนาให้เมาส์ใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยเพิ่มปุ่ มเลื่อนตรงกลาง มีลกษณะคล้ายล้อ ดัง
ั ั
ั ้
รู ป เรี ยกว่า Intelli Mouse ซึ่ งจะอานวยความสะดวกให้กบผูใช้ในการเลื่อนจอภาพเพื่อดูขอมูล นอกจากนี้ยง
้ ั
มีเมาส์ที่ทางานด้วยสัญญาณแสง ที่เรี ยกว่า Infrared หรื อ Wireless Mouse
เมาส์ ทางานอย่างไร ?
่ ้
เมาส์ประกอบด้วย ลูกกลิ้งที่ติดตั้งอยูดานล่าง และมีปุ่มกดควบคุม (ตั้งแต่ 1 - 3 ปุ่ ม) การใช้เมาส์จะนาเมาส์
วางไว้บนพื้นราบ และเลื่อนเมาส์ไปในทิศทางที่ตองการ บนจอภาพจะปรากฏ สัญลักษณ์ช้ ีตาแหน่ง เรี ยกว่า
้
"Mouse Pointer" (มักจะเป็ นรู ปลูกศรเฉียงซ้าย) เมื่อต้องการจะทางานใดๆ ก็ทาการกดปุ่ มเมาส์ ตามหลักการ
ใช้เมาส์ คอมพิวเตอร์ จะรับสัญญาณ และทาการประมวลผลต่อไป
กลไกการทางานของเมาส์
กลไกการทางานของเมาส์ มี 3 ประเภท คือ Mechanical, Opto-Mechanical, Optical
Mechanical
เป็ นกลไกการทางานที่อาศัยลูกบอลยาง ที่สามารถกลิ้งไปมาได้ เมื่อทาการเคลื่อนย้ายตัว
่ ั
เมาส์ ซึ่ งลูกบอลจะกดแนบอยูกบลูกกลิ้ง โดยแกนของลูกกลิ้ง จะต่อกับจานแปลรหัส (Encoder)
บนจานจะมีหน้าสัมผัสเป็ นจุดๆ เมื่อจุดสัมผัสเลื่อนมาตรงแกนสัมผัส ก็จะสร้างสัญญาณ บอกไปยัง
- 4. เครื่ องคอมพิวเตอร์ โปรแกรมควบคุมเมาส์ จะทาหน้าที่ แปลเป็ นคาสั่งเคลื่อนย้ายเคอร์ เซอร์ บน
จอภาพต่อไป
Opto-Mechanical
กลไกการทางานคล้าย Mechanical แต่ตวรับการเคลื่อนที่ของจาน Encoder จะมี LED อยู่
ั
อีกด้านหนึ่งของจานไว้คอยกาเนิดแสง และอีกด้านหนึ่ง จะมี Opto-Transistor (ทรานซิ สเตอร์ไว
แสง) ไว้คอยตรวจจับแสงแทนการใช้การสัมผัส
Optical
กลไกการทางานที่อาศัยแผ่นรองชนิ ดพิเศษ ซึ่ งมีผวมันสะท้อนแสง และมีตารางเส้นตามแกน X , Y
ิ
โดยแกนหนึ่งเป็ นสี น้ าเงิน อีกแกนเป็ นสี ดา ตัดกันไว้คอยตรวจจับการเคลื่อนที่ ซึ่งบนเมาส์ จะมี
LED 2 ตัวให้กาเนิ ดแสงออกมา 2 สี คือ สี ดา และสี น้ าเงิน LED ที่กาเนิดแสงสี ดา จะดูดกลืนแสงสี
น้ าเงิน LED ที่กาเนิดแสงสี น้ าเงิน จะดูดกลืนแสงสี ดา ซึ่งตัวตรวจจับแสง เป็ นทรานซิ สเตอร์ไวแสง
สี ที่ตรวจจับได้จะบอกทิศทาง ส่ วนช่วงของแสงที่หายไป จะบอกถึงระยะทางการเคลื่อนที่
- 5. แป้ นพิมพ์
แผงแป้ นพิมพ์เป็ น อุปกรณ์สาหรับป้ อนข้อมูลและคาสั่งต่าง ๆ มีลกษณะคล้ายเครื่ องพิมพ์ดีดทัวไป
ั ่
ทาหน้าที่ในการนาข้อมูลหรื อโปรแกรมเข้าเครื่ องคอมพิวเตอร์ จานวนแป้ นพิมพ์มีต้ งแต่ 97 ถึง 108 แป้ น
ั
หรื อมากกว่าแล้วแต่จุดประสงค์ในการใช้งาน ภายในแป้ นจะมีไมโครโพรเซสเซอร์ขนาดเล็กคอยทาหน้าที่
รับการกดแป้ นเพื่อแปลงเป็ นรหัสแล้วส่ งไปที่แผงวงจรหลัก ตัวอักษรที่สามารถส่ งเข้าเครื่ องได้เช่น อักษร
ตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวพิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์ต่าง ๆ โดยทัวไปแป้ นพิมพ์ จะแบ่งออกเป็ น 5 กลุ่ม ดังนี้
่
่
1. กลุ่มแปนอักษร (alphanumeric Keys) อยูตรงกลางแผงแป้ นพิมพ์ ใช้ในการป้ อนข้อมูลตัวอักษร
้
ตัวเลข และสัญลักษณ์ต่าง ๆ
่
2. กลุ่มแปนตัวเลข (numeric keys) อยูทางขวามือของแผงแป้ นพิมพ์ เมื่อต้องการใช้แป้ นตัวเลข ให้
้
กดปุ่ ม Num Lock จะเห็นว่ามีไฟที่แผงเหนื อแป้ นตัวเลข แสดงว่าให้ป้อนตัวเลขได้และถ้ากดปุ่ ม Num lock
อีกครั้ง จะเปลี่ยนจากการใช้ตวเลขกลับมาเป็ นแป้ นควบคุมทิศทาง
ั
่
3. กลุ่มแปนฟังก์ ชั่น (function keys) ส่ วนใหญ่จะอยูทางด้านบนของแผงแป้ นพิมพ์ มี 12 แป้ นคือ
้
F1 ถึง F12 แป้ นเหล่านี้เป็ นแป้ นใช้งานเฉพาะอย่าง แล้วแต่โปรแกรมจะกาหนดไว้ ซึ่ งหน้าที่ของแป้ นเหล่านี้
จะศึกษาได้จากค่มือ การใช้งานโปรแกรมนั้น ๆ
- 6. 4. กลุ่มแปนควบคุมเคอร์ เซอร์ (cursor control keypad) กาหนดทิศทางและตาแหน่งต่าง ๆ ของ
้
เคอร์เซอร์
5. กลุ่มแปนควบคุม (control keys) เช่น Enter แป้ น Shift แป้ น Ctrl แป้ น Alt แป้ นเหล่านี้ อาจ
้
มีการใช้ ร่ วมกันมากกว่าหนึ่งแป้ นเพื่อสั่งงานคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะ ตาแหน่งแป้ นพิเศษอาจอยูในตาแหน่ง ่
ที่ต่างกันแล้วแต่รุ่นและบริ ษทที่ผลิต เช่น แป้ น Enter บางครั้งใช้คาว่า Return ซึ่ งทาหน้าที่สั่งให้คอมพิวเตอร์
ั
ทางานหรื อเลื่อนเคอร์ เซอร์ไปบรรทัดถัดไปใน การพิมพ์เอกสาร