1. Cell Structure and Function Present by AtcharaChotithammo Biology Department PSU. Wittayanusorn School

2. ทฤษฎีเซลล์ (cell theory) ค.ศ. 1838 แมทเธียส ยาคอบ ชไลเดน (Matthias Jakob Schleiden) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ค้นพบว่าพืชทุกชนิดประกอบไปด้วยเซลล์ ในปีถัดมา ทีโอดอร์ ชวานน์ (Theodor Schwann) นักสัตววิทยาชาวเยอรมัน ได้ประกาศว่าสัตว์ทั้งหลายต่างก็มีเซลล์เป็นองค์ประกอบ นักวิทยาศาสตร์ทั้ง 2 ท่านจึงได้ร่วมกันตั้ง ทฤษฎีเซลล์(cell theory) 2 ข้อ

4. All living things consist of cell.

5. เซลล์เป็นหน่วยพื้นฐานของโครงสร้างและหน้าที่ของสิ่งมีชีวิต

8. ใช้จำนวนเซลล์ในร่างกายเป็นเกณฑ์ จำแนกกลุ่มสิ่งมีชีวิตออกเป็น 2 กลุ่ม Some organisms have one cell we call “unicellular” or “สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว” Some organisms have many cell we call “multicellular” or “สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์”

11. Cell Size The size range of cells

12. ขนาดของเซลล์ (cell size) เซลล์มักมีขนาดเล็ก ทำให้ต้องใช้อุปกรณ์คือกล้องจุลทรรศน์ในการศึกษาขนาดของเซลล์แตกต่างกัน ตั้งแต่เซลล์ที่มีขนาดเล็กที่สุดคือเซลล์ไมโครพลาสมา (ขนาด 0.15 ไมครอน )ไปจนถึงเซลล์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด คือ เซลล์ไข่นกกระจอกเทศ (ขนาด 100 มม.) ซึ่งมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เซลล์ภายในใบพืช เซลล์เม็ดเลือดแดงของคน เซลล์ประสาทของคน

13. Prokaryotic and Eukaryotic cell เซลล์แบ่งเป็น 2 ชนิดคือ 1. prokaryotic cell 2. eukaryotic cell มีโครงสร้างแตกต่างกันดั้งนี้

17. ไม่มีนิวเคลียสแท้จริง, ไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส

18. สารพันธุกรรมอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า nucleoid

21. มีนิวเคลียสที่แท้จริง, หุ้มด้วยเยื่อหุ้มนิวเคลียส

22. สารพันธุกรรมอยู่ในนิวเคลียส

23. ภายใน cytoplasm ประกอบด้วย cytosol และมี organelles ที่มีเยื่อหุ้มCytoplasm = บริเวณภายในเซลล์ทั้งหมด ยกเว้นส่วนของนิวเคลียส Cytosol = สารกิ่งของเหลงภายใน cytoplasm

25. Cell prokaryotic cell eukaryotic cell nucleoid cell wall cytoplasm ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ โพรโทพลาซึม (protoplasm) cell membrane ribosome cell wall cell membrane nucleus cytoplasm nucleolus nucleoplasm organelle cytosol ไม่มีเยื่อหุ้ม มีเยื่อหุ้ม 1 ชั้น มีเยื่อหุ้ม 2 ชั้น มีเยื่อหุ้ม

26. ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ โครงสร้างที่ห่อหุ้ม cytoplasmให้คงรูปร่างและแสดงขอบเขตของเซลล์ Cell wall Plasma membrane

27. Cell wall ส่วนที่อยู่ด้านนอกของเยื่อหุ้มเซลล์ เพิ่มความแข็งแรงให้แก่เซลล์ เซลล์พืช สาหร่าย แบคทีเรีย เห็ดรา ไม่พบในเซลล์สัตว์

28. The plasma membrane Semipermeable membrane หรือ differentially permeable membrane

29. เยื่อหุ้มเซลล์ (cell membrane หรือ plasma membrane) ประกอบด้วยไขมัน (phospholipids)โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตรวมกันอยู่ในลักษณะที่เรียกว่าUnit membrane จะเรียงตัวเป็น 2 ชั้นโมเลกุลของโปรตีนจะแทรกอยู่ทั่วไปในชั้นของไขมัน

30. หน้าที่ของเยื่อหุ้มเซลล์ แสดงขอบเขตของเซลล์ ห่อหุ้ม ส่วนประกอบภายในเซลล์ ควบคุมปริมาณ และชนิดของสาร คัดเลือกสารที่ผ่านเข้าออกเซลล์ เป็นที่ติดต่อระหว่างเซลล์กับสิ่งแวดล้อม การส่งผ่านเข้าออกของสารเคมีของเซลล์จะอาศัยการแพร่เข้าออกโดยผ่านรูเล็กๆ บนเยื่อหุ้มเซลล์ที่มีคุณสมบัติเป็นเยื่อเลือกผ่าน (differentially permeable membrane)

31. Cell wall

32. ผนังเซลล์ (cell wall) สารสำคัญที่เป็นโครงสร้างหลักของผนังเซลล์ คือเซลลูโลส นอกจากเซลลูโลส อาจจะมีสารชนิดอื่นๆ เช่น คิวทิน (cutin) ซูเบอริน (suberin) เพกติน (pectin) ลิกนิน (lignin) แทรกปะปนอยู่ หน้าที่ของผนังเซลล์ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและป้องกันอันตรายให้แก่เซลล์ มักจะยอมให้สารเกือบทุกชนิดผ่านเข้าออกอย่างสะดวก

33. สารเคลือบเซลล์ (cell coat) เซลล์ของสัตว์ไม่มีส่วนที่เรียกว่าผนังเซลล์ แต่มีสารที่เคลือบผิวเซลล์เป็นพวกไกลโคโปรตีน (glycoprotein) ตัวอย่างได้แก่ ไคทิน (chitin) ที่พบในกระดองปู เปลือกของแมลงและกุ้ง เป็นต้น

34. ความสำคัญของการแบ่งส่วนย่อยภายในไซโตพลาสซึม ภายในไซโตพลาสซึมของ eukaryotic cell มีความซับซ้อนในเรื่องโครงสร้างเพื่อให้อัตราส่วนของพื้นที่ผิวต่อปริมาตรพอเหมาะต่อความต้องการในการทำงานของเซลล์โดยมีเยื่อภายในเซลล์ (internal membrane) ซึ่งมีบทบาทสำคัญคือ

36. ภายในส่วนย่อยๆแต่ละส่วนมีของเหลวหรือโปรตีนที่เฉพาะเจาะจงต่อปฏิกิริยาชีวเคมีที่แตกต่างกัน

37. มีบทบาทสำคัญต่อการเกิดเมตาบอริซึมของเซลล์เพราะที่เยื่อมีเอนไซม์หลายชนิดเป็นส่วนประกอบอยู่

38. ภายในส่วนย่อยมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันซึ่งมีความเฉพาะเจาะจงต่อกระบวนการเมตาบอริซึมกระบวนการเมตาบอริซึมแต่ละอย่างสามารถดำเนินไปได้พร้อมๆกันภายในเซลล์เดียวกันโดยไม่เกิดการรบกวนซึ่งกันและกัน