Contenu connexe
Similaire à เนื้อเยื่อพืช (T) (20)
Plus de Thitaree Samphao (6)
เนื้อเยื่อพืช (T)
- 1. บทที่ 1 โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก
บทที่ 2 การสังเคราะห์ด้วยแสง
บทที่ 3 การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต
บทที่ 4 การควบคุมการเจริญเติบโตและการตอบสนองของพืช
รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม 3 (ว 32243)
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559
- 3. สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่ของเนื้อเยื่อเจริญและเนื้อเยื่อถาวร
ของพืช
สืบค้นข้อมูล ทดลอง และอธิบายและอภิปรายเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่
ของราก ลาต้น และใบ
สืบค้นข้อมูล ทดลอง และสรุปเกี่ยวกับโครงสร้างภายในของราก ลาต้น และใบ
ทดลองและอธิบายเกี่ยวกับตาแหน่งและจานวนของใบในพืชแต่ละชนิดและ
เปรียบเทียบความหนาแน่นของปากใบในพืชต่างชนิดกัน
สืบค้นข้อมูล อภิปรายและสรุปเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการคายน้าของพืช
สืบค้นข้อมูล อภิปรายและสรุปเกี่ยวกับการลาเลียงน้า สารอาหารและอาหาร
ของพืช
จุดประสงค์การเรียนรู้
http://www.slideshare.net/patpataranutaporn/plant-tissue-16714416?related=3
- 4. เนื้อเยื่อพืช
รากและโครงสร้างของราก
ลาต้น
ใบ การเจริญเติบโตของใบ และโครงสร้างของใบ
การแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้าของพืช
การลาเลียงน้าของพืช
การลาเลียงสารอาหารของพืช
การลาเลียงอาหารของพืช
เนื้อหา (CONTENT)
- 6. เซลล์พืช (PLANT CELL)
ผนังเซลล์ของเซลล์พืช
ผนังเซลล์ปฐมภูมิ (Primary cell wall) เซลลูโลส (Cellulose)
ผนังเซลล์ปฐมภูมิของเซลล์ที่อยู่ติดกันมีมิดเดิลลาเมลลา (Middle lamella)
เพกทิน (Pectin)
เซลล์บางชนิดมีผนังเซลล์ทุติยภูมิ (Secondary cell wall)ลิกนิน (lignin)
- 9. Meristematic cell = เซลล์ที่สามารถแบ่งตัวได้ตลอดเวลา
Meristem = บริเวณที่ Meristematic cell อยู่
เซลล์เบียดแน่น ไม่มี intercellular space
มีการแบ่งเซลล์แบบ mitosis ได้ตลอดชีวิต
ไม่เปลี่ยนแปลงไปทาหน้าที่เฉพาะ
เซลล์สี่เหลี่ยม นิวเคลียสใหญ่ ผนังบางสม่าเสมอ
มี 3 ชนิด
เนื้อเยื่อเจริญส่วนปลายยอด/ราก (apical meristem)
เนื้อเยื่อเจริญเหนือข้อ (intercalary meristem)
เนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง (lateral meristem)
เนื้อเยื่อเจริญ (MERISTEMATIC TISSUE)
- 11. ทาให้โครงสร้างส่วนต่างๆ ของพืชยืดยาวขึ้น
พบได้ที่ ปลายยอด ตา ปลายกิ่ง และปลายราก
เจริญเติบโตในแนวดิ่ง
ทาหน้าที่สร้างเนื้อเยื่อ 3 กลุ่ม
Protodermเจริญเป็น epidermis
Ground meristemเจริญเป็น Ground tissue
(cortex)
Pro cambiumเจริญเป็น vascular tissue (stele)
พบที่ (พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและใบเลี้ยงคู่)
ปลายยอด/ตา : shoot apical meristem เจริญเป็น
ยอด, left primordia เจริญเป็นใบ, axillary buds
เจริญเป็นกิ่ง
Root tip: root apical meristem เจริญเป็นปลายราก
เนื้อเยื่อเจริญปลายยอด/ราก (APICAL MERISTEM)
- 12. อยู่เหนือข้อ (node)
เพิ่มความยาวปล้อง (internode)
เจริญเติบโตในแนวดิ่ง
พบเฉพาะในพืชใบเลี้ยงเดี่ยวบางชนิด
เนื้อเยื่อเจริญเหนือข้อ (INTERCALARY MERISTEM)
- 13. จาเป็นต่อการเจริญขั้นที่ 2 (2° growth)
แบ่งเป็น : vascular cambium, cork
cambium และ pericycle
vascular cambium
อยู่ระหว่าง 1° xylem กับ 1°phloem
ในรากพืชใบเลี้ยงคู่ ลาต้นพืชใบเลี้ยงคู่ แต่
ไม่พบในพืชใบเลี้ยงเดี่ยว
สร้าง 2° xylem ทางด้านใน และ
2°phloem ทางด้านนอก
เนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง (LATERAL
MERISTEM)
- 14. cork cambium (phellogen):
อยู่ในชั้น cortex ใต้ epidermis
เปลี่ยนแปลงมาจาก parenchyma ใต้
epidermis: สร้าง periderm, สร้าง
cork ทางด้านนอก และสร้าง
phelloderm ทางด้านใน
Pericycle:
อยู่ใต้ชั้น endodermis
สร้าง periderm ในรากพืชใบเลี้ยงคู่
สร้างรากแขนง
เนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง (LATERAL
MERISTEM)
- 15. พบที่
รากพืชใบเลี้ยงคู่
ลาต้นพืชใบเลี้ยงคู่
พืชใบเลี้ยงเดี่ยวบางชนิด เช่น มะพร้าว ปาล์ม
หมากผู้หมากเมีย จันทน์ผา จันทน์แดง ป่าน
ศรนารายณ์
เนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง (LATERAL MERISTEM)
- 17. ประกอบด้วยเซลล์ชนิดเดี่ยวกัน ทาหน้าที่ร่วมกัน
เอพิเดอร์มิส (epidermis)
พาเรงคิมา (parenchyma)
คอลเลงคิมา (collenchyma)
สเกลอเลงคิมา (sclerenchyma)
เอนโดเดอร์มิส (endodermis)
คอร์ก (cork/phellem)
เนื้อเยื่อถาวรเชิงเดี่ยว (SIMPLE PERMANENT TISSUE)
- 18. ล้อมรอบ vascular tissueแยกระหว่าง cortex กับ
stele
ผนังบาง เรียงแถวเดียวอัดแน่น
น้าสามารถผ่านเข้าออกเซลล์ได้บริเวณ passage cell
รอยต่อระหว่างเซลล์ยึดแน่นด้วย suberin/ cellulose/
lignin=casparian strip=ไม่เกิด apoplast
บริเวณราก: บางเซลล์เปลี่ยนเป็นเซลล์ขนราก (root
hair cell)
casparian strip
suberin + cellulose + lignin (พืชใบเลี้ยงเดี่ยว)
suberin (พืชใบเลี้ยงคู่)
พบที่ : รากพืชทุกชนิด แต่เห็นชัดในพืชใบเลี้ยงเดี่ยว
หน้าที่ : ควบคุมการเข้าออกของน้าระหว่าง cortex
และ xylem
เอพิเดอร์มิส (EPIDERMIS)
- 19. รูปร่างหลายเหลี่ยม
ผนังเซลล์เป็น 1° cell wall
มี central vacuole ขนาดใหญ่ ดัน cytoplasm
ไปอยู่ริมเซลล์
มี intercellular space เยอะ
หน้าที่
สะสมน้า น้าตาล กรดอะมิโน ผลิตสารพิษ
sap vacuole
สะสมอาหาร (แป้ง ไขมัน โปรตีน)มี
leucoplast
สังเคราะห์ด้วยแสงมี chloroplast เรียก
chlorenchyma
สามารถ re differentiation เป็น
meristematic cell ได้อีก
พาเรงคิมา (PARENCHYMA)
- 20. หน้าที่
สะสม pigment ใน vacuole เพื่อดึงดูดแมลง
anthocyanin
พืชน้าจะมี air space ที่โดดเด่นช่วยในการ
ลอยตัว (aerenchyma)
พบที่
ราก/ลาต้น: cortex, stele
ใบ: palisade mesophyll, spongy
mesophyll
พาเรงคิมา (PARENCHYMA)
- 21. รูปร่างหลายเหลี่ยม
ผนังเซลล์เป็น 1°cell wall แต่มี cellulose
และ pectin สะสมตามมุม
ระหว่างเซลล์มี intercellular space น้อย
หรือไม่มีเลย
อาหารและน้ายังสามารถแพร่ผ่านเซลล์ได้
ไม่สามารถ re differentiation เป็น
meristematic cell ได้อีก
คอลเลงคิมา (COLLENCHYMA)
- 22. พบที่ :
ใต้ชั้น epidermis ของลาต้น หรือตาม
มุมของลาต้นที่เป็นเหลี่ยม
ก้านใบและเส้นกลางใบ
หน้าที่ :
สร้างความแข็งแรงและยืดหยุ่นให้กับ
เนื้อเยื่อของลาต้นที่ยังโตไม่เต็มที่
(supporting)
สร้างความแข็งแรงแก่ก้านใบ
คอลเลงคิมา (COLLENCHYMA)
- 23. Sclereid/stone cell
เซลล์ที่ตายแล้ว รูปร่างไม่แน่นอน แต่จะ
มีความกว้างและยาวใกล้เคียงกัน
ผนังหนาเป็น lignified 2° wall
Lumen=ช่องว่างตรงกลางเซลล์
Pit canal=ส่วนที่ไม่เกิดการสะสมของ
lignin ใช้ติดต่อกับเซลล์ข้างเคียง
พบที่: cortex ของลาต้นและราก, เปลือกไม้,
เปลือกผลไม้, เนื้อผลสาลี่, กะลามะพร้าว
หน้าที่: ให้ความแข็งแรงแก่โครงสร้าง
สเกลอเลงคิมา (SCLERENCHYMA)
- 24. fiber
เซลล์ที่ตายแล้ว รูปร่างยาว แหลม
หัวแหลมท้าย
ผนังหนาเป็น lignified 2° wall
ผนังหนามากจน Lumen เกือบจะหายไป
หมด
พบที่: cortex ของรากและลาต้น/ xylem/
phloem
หน้าที่: ให้ความแข็งแรงแก่โครงสร้าง ทาให้
พืชมีความยืดหยุ่น สามารถโค้งงอและรับ
น้าหนักได้
สเกลอเลงคิมา (SCLERENCHYMA)
- 25. ล้อมรอบ vascular tissueแยก
ระหว่าง cortex กับ stele
ผนังบาง เรียงแถวเดียวอัดแน่น
น้าสามารถผ่านเข้าออกเซลล์ได้บริเวณ
passage cell
รอยต่อระหว่างเซลล์ยึดแน่นด้วย
suberin/ cellulose/ lignin=casparian
strip=ไม่เกิด apoplast
พบที่ : รากพืชทุกชนิด แต่เห็นชัดในพืชใบ
เลี้ยงเดี่ยว
หน้าที่ : ควบคุมการเข้าออกของน้า
ระหว่าง cortex กับ xylem
เอนโดเดอร์มิส (ENDODERMIS)
- 26. เซลล์หลายชั้น ทรงสี่เหลี่ยม ผนังหนา เรียงชิด
กันตามยาว
มีการสะสมของ suberin (fatty acid,
wax)น้า, O2 ผ่านเข้าออกไม่ได้ = เซลล์
ตาย
พบที่ : ราก/ลาต้นที่มีอายุมาก เรียงตัวอยู่
ชั้นนอกสุดของลาต้น แทนที่ชั้น epidermis
อยู่ด้านนอกต่อกับ cork cambium
หน้าที่ : ป้องกันอันตรายจาก เชื้อโรค แมลง
สภาพแวดล้อมที่เย็นหรือร้อนเกินไป ไฟป่า
lenticel ที่เกิดจากการดันของ cork ช่วย
แลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้า
คอร์ก (CORK/PHELLEM)
- 27. เซลล์หลายชั้น ทรงกลม ผนังบาง มี
ช่องว่างระหว่างเซลล์ ≈ parenchyma
(มีชีวิต)
รวมเป็นส่วนหนึ่งของชั้น cortex
พบที่ : อยู่ด้านในต่อกับ cork cambium
หน้าที่ : สะสมสารอาหารและแร่ธาตุ
PHELLODERM
- 28. เนื้อเยื่อ Xylem
Tracheid
Vessel
Xylem parenchyma
Xylem fiber
เนื้อเยื่อ Phloem
Sieve tube member
Companion cell
Phloem parenchyma
Phloem fiber
เนื้อเยื่อถาวรเชิงซ้อน (COMPLEX PERMANENT TISSUE)
- 29. เซลล์ที่ตายแล้ว
เซลล์ยาว แหลมหัวแหลมท้าย ขนาดเล็ก
ผนังเซลล์มี lignin มาเกาะ
ช่องเปิดรอบเซลล์จะไม่มีการสะสมของ lignin
Pit จะอยู่เป็นคู่กับเซลล์ข้างเคียง ใช้ติดต่อสื่อสาร
ระหว่างเซลล์
พบในพืชมีท่อลาเลียงทุกชนิด (หวายทะนอยจะ
ถึงพืชดอก)
หน้าที่ : ลาเลียงน้าและแร่ธาตุจากรากสู่ใบ
(transduction)
XYLEM : TRACHEID
- 30. เซลล์ที่ตายแล้ว
เซลล์ป้อมสั้น หัวท้ายป้าน ขนาดใหญ่ ต่อกันเป็น
ท่อยาว
ผนังเซลล์มี lignin มาเกาะ
ช่องเปิดด้านปลาย = perforation plate
ความหนาจากการสะสมของ lignin ไม่เท่ากันทา
ให้เห็นเป็นรูปร่างต่างๆ
Pit = ช่องเปิดรอบเซลล์
พบในพืชชั้นสูง
หน้าที่ : ลาเลียงน้าและแร่ธาตุ
XYLEM : VESSEL
- 33. เซลล์ที่มีชีวิต
เซลล์ป้อมสั้น หัวท้ายป้าน ขนาดใหญ่ ต่อกัน
เป็นท่อยาว
ช่องเปิดด้านปลายเหมือนรูตะแกรง = sieve
plate
มี plasmodesmata เป็นจานวนมาก เพื่อ
การไหลเวียนของ cytoplasm กับเซลล์
ข้างเคียง
ไม่มีการสะสมของ lignin และ suberin
อายุมากขึ้น นิวเคลียสและออร์แกเนลล์ต่างๆ
จะสลาย
พบในพืชมีท่อลาเลียงทุกชนิด
หน้าที่ลาเลียงอาหารในรูปของน้าตาลซูโครส
จากแหล่งผลิตสู่แหล่งสะสมอาหาร
PHLOEM : SIEVE TUBE MEMBER
- 34. เซลล์ที่มีชีวิต
เซลล์ผอม ผนังบาง ประกบติดกับ sieve
tube member
มี plasmodesmata มาก เพื่อใช้ในการ
ไหลเวียนของไซโทพลาซึมกับ sieve
tube member
พบในพืชดอกและมะเมื่อย
หน้าที่ : เซลล์ผู้ช่วยของ sieve tube
member ช่วยขนย้ายน้าตาลจากเซลล์
ต้นทางเข้าสู่ sieve tube member
PHLOEM : COMPANION CELL
- 35. เซลล์ที่มีชีวิต
เรียงตัวแบบรัศมี
หน้าที่ลาเลียงน้าด้านข้าง = phloem
ray
PHLOEM : PHLOEM PARENCHYMA
PHLOEM : PHLOEM FIBER
เซลล์ตายแล้ว
เกิดจากการสะสมของ lignin
หน้าที่สร้างความแข็งแรงให้แก่โครงสร้าง