SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  24
เรียบเรียงและบรรยายโดย
ปริญญา ทวีจันทร์
FB:CuriousHumanThai/
ผู้นา : ความหมาย
ผู้นำ (Leader) คือ ผู้ที่มีอิทธิพลต่อบุคคลอื่นและกลุ่มอื่น เป็นผู้ให้ควำมช่วยเหลือในกำร
กำหนดเป้ำหมำย และชี้แนะแนวทำงกำรทำงำนเพื่อให้บรรลุเป้ำหมำยเหล่ำนั้น (Nahavandi,
2008)
ผู้นำ คือ บุคคลที่มีอิทธิพลสูงสุดในกลุ่ม และเป็นผู้ที่ต้องปฏิบัติภำระหน้ำที่ของตำแหน่งผู้นำที่ได้รับ
มอบหมำยบุคคลอื่นในกลุ่มที่เหลือก็คือผู้ตำม แม้จะเป็นหัวหน้ำกลุ่มย่อย หรือผู้ช่วยในกำรปฏิบัติหน้ำที่
ต่ำง ๆ ก็ตำม (Yukl, 1989:3-4)
กล่ำวโดยย่อคือ ผู้ที่สำมำรถโน้มน้ำวจูงใจผู้อื่นให้ปฏิบัติงำนต่ำงๆจนสำเร็จตำมเป้ำหมำยของกลุ่ม
ภาวะผู้นา : ความหมาย
ภำวะผู้นำ (Leadership) คือ คือกระบวนกำรโน้มน้ำวหรือมีอิทธิพลเหนือกลุ่ม เพื่อให้กำร
ทำงำนบรรลุเป้ำหมำย (Northouse, 2009)
ภำวะผู้นำ หมำยถึง กระบวนกำรที่ผู้นำสำมำรถใช้อิทธิพลอิทธิพลหรืออำนำจที่ตนมีอยู่ในกำรซักนำหรือ
โน้มน้ำวให้ผู้ใต้บังคับบัญชำภำยในองค์กำรหรือในกลุ่มคนในสถำนต่ำง ๆ เพื่อให้สมำชิกของกลุ่มได้
ปฏิบัติหน้ำที่ของตนอย่ำงมีประสิทธิภำพที่สุดให้บรรลุเป้ำหมำยขององค์กำร เมื่อเปรียบเทียบ
ความหมายของคาว่าผู้นากับภาวะผู้นาพบว่า มีความแตกต่างและคล้ายคลึงกันที่ผู้นาหมายถึงบุคคล
ส่วนภาวะผู้นาหมายถึงการใช้กระบวนการของความสามารถของบุคคลที่ใช้อิทธิพลของตนในการ
ชักชวน ชี้นาหรือชักจูงผู้อื่นให้ร่วมมือร่วมใจกับตนในการ ปฏิบัติงานอย่างใดอย่างหนึ่ง
ผู้นำ VS ผู้บริหำร
ผู้บริหำรหรือผู้จัดกำร คือผู้ที่ได้รับกำรแต่งตั้ง
อย่ำงเป็นทำงกำรจำกทีมหรือองค์กำร ให้ดำรง
ตำแหน่ง โดยมีอำนำจให้คุณให้โทษแก่
ผู้ใต้บังคับบัญชำ ผู้บริหำรบำงคนอำจจะไม่ได้เป็น
ผู้นำ เนื่องจำกไม่สำมำรถโน้มน้ำวจูงใจให้
ผู้ใต้บังคับบัญชำทำงำนตำมเป้ำหมำยได้ ในทำง
ตรงกันข้ำมผู้นำอำจจะไม่ได้รับกำรแต่งตั้งอย่ำง
เป็นทำงกำรให้เป็นผู้บริหำรก็ได้ แต่มีภำวะผู้นำ
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะผู้นา
ภาวะผู้นานั้นมีปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบหลัก 3 ด้านได้แก่
1. ผู้นำ (Leader) : หมำยถึงตัวบุคคลที่นำกลุ่ม มีบุคลิกอุปนิสัย ลักษณะ
อย่ำงไร
2. ผู้ตำม (Followers) : หมำยถึง บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่รับอิทธิพลลาำกผู้นำ
3. สถำนกำรณ์ (Situation) : หมำยถึง เหตุกำรณ์และสภำพลแวดล้อมต่ำง ๆ ที่
เกิดขึ้น
ปัาาัยทั้ง 3 ด้ำนข้ำงต้นนี้าะมีผลต่อรูปแบบของภำวะผู้นำที่แสดง
ออกมำ
แนวทางการศึกษาภาวะผู้นา
พบว่ำมีกำรศึกษำเกี่ยวกับภำวะผู้นำตั้งแต่ยุคกรีกโบรำณ และกำรวิจัยเรื่องนี้ก็เป็นที่นิยมอย่ำงมำกใน
ฐำนะเป็นหัวข้อวิจัยในวิชำพฤติกรรมองค์กำร มีงำนเขียนเกี่ยวกับภำวะผู้นำมำกมำย ซึ่งพอจะแยก
ออกเป็น 5 แนวทำงได้ดังนี้
1. แนวทำงที่เน้นคุณลักษณะผู้นำ (Competency Approach)
2. แนวทำงที่เน้นพฤติกรรมของผู้นำต่อผู้ตำมตำม ( Style Approach)
3. แนวทำงที่เน้นอำนำจและอิทธิพล ( Power-influence Approach)
4. แนวทำงที่นั้นสถำนกำรณ์ (Situational Approach)
5. แนวทำงที่เน้นกำรนำกำรเปลี่ยนแปลง (Transformational Approach)
1. แนวทางที่เน้นคุณลักษณะผู้นา
แนวทำงนี้ต้องกำรค้นหำคุณลักษณะที่ทำให้บุคคลคนหนึ่งกลำยเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ โดยมีควำมเชื่อ
พื้นฐำนว่ำจะต้องมีลักษณะบำงอย่ำงที่ทำให้บุคคลคนหนึ่งกลำยเป็นผู้นำ ดังนั้นนักวิชำกำรที่ศึกษำ
แนวทำงนี้จึงศึกษำคุณลักษณะต่ำงๆที่มีอยู่ในตัวผู้นำที่มีชื่อเสียงทั้งในแวดวงธุรกิจ กำรเมือง และวงกำร
ทหำร จนได้ข้อสรุปว่ำมีคุณลักษณะอย่ำงน้อย 5 ประกำรดังต่อไปนี้ (Northouse, 2009)
1. ควำมสุจริต (Integrity) เป็นผู้มีควำมหน้ำเชื่อถือ ซื่อสัตย์ จริงใจ ไม่แสวงหำประโยชน์โดย
มิชอบ
2. มีสติปัญญำ (Intelligence) หมำยถึงมีควำมสำมำรถในกำรคิดวิเครำะห์ มองกำรณ์ไกล
มีควำมคิดสร้ำงสรรค์
3. ควำมเชื่อมั่นในตนเอง (Self- confidence)
4. ควำมมุ่งมั่น (Determination) พร้อมต่อสู้กับปัญหำไม่ท้อถอยอย่ำงง่ำยๆ
5. ปรับตัวเข้ำกับสังคม (Socialability) มีท่ำที่เป็นมิตร เข้ำกับคนอื่นได้ง่ำย
2.แนวทางที่เน้นพฤติกรรมของผู้นาต่อผู้ตามตาม
ในปี 1945 นักวิชำกำรของมหำวิทยำลัยแห่ง
รัฐโอไฮโอ ได้ศึกษำพลฤติกรรมของผู้นำและ
ได้แบ่งพลฤติกรรมผู้นำออกเป็น 2 มิติ ได้แก่ 1.
Initiative structure หรือกำรมุ่งงำน คือกำราัด
โครงสร้ำงและขอบเขตงำนทั้งของผู้นำและผู้
ตำมเพลื่อให้งำนบรรลุเป้ำหมำย
2. Consideration หรือกำรมุ่งคน หมำยถึง
พลฤติกรรมของผู้นำที่ให้ควำมสำคัญใส่ใาและ
สนับสนุนควำมเป็นอยู่และสวัสดิกำรต่ำงของ
ผู้ตำม สร้ำงควำมไว้วำงใาและสำมัคคีในทีม
2.แนวทางที่เน้นพฤติกรรมของผู้นาต่อผู้ตามตาม
Blanke and Mouton (1964) ได้เสนอ
แบบาำลองที่เรียกว่ำ “ Managerial Grid” ที่
ได้แยกแยะรำยละเอียดและให้ชี้ให้เห็น
รูปแบบกำรนำของผู้นำที่ดีที่สุด โดย
แบบาำลองนี้ประกอบด้วยพลฤติกรรมผู้นำ 2
มิติ ได้แก่ 1.มุ่งงำน (Concern for
production) 2. มุ่งคน ( Concern for people)
ทั้งสองมิติทำให้สำมำรถแยกย่อยพลฤติกรรม
ผู้นำได้เป็น 5 แบบ ตำมแผนภำพล
3.แนวทางที่เน้นอานาจและอิทธิพล
แนวทำงนี้มุ่งเน้นศึกษำกำรใช้อำนำาและกำรมีอิทธิพลลของผู้นำต่อผู้ตำม โดยพลยำยำม
เข้ำใาว่ำผู้นำกับผู้ตำมมีปฏิสัมพลันธ์ต่อกันอย่ำงไร กำรศึกษำแนวทำงนี้มีทฤษฎีที่สำคัญ
คือ ทฤษฏีกำรแลกเปลี่ยนระหว่ำงผู้นำกับสมำชิก (Leader-member exchange theory)
โดยมีควำมเชื่อพลื้นฐำนดังต่อไปนี้ 1. ควำมสัมพลันธ์ระหว่ำงผู้นำกับกลุ่ม มีลักษณะเป็น
ควำมสัมพลันธ์กับสมำชิกรำยคน แบบหนึ่งต่อหนึ่ง
2. ผู้นำมักาะมีควำมสัมพลันธ์แบบพลิเศษกับสมำชิกที่ตนไว้ใา หรือ คนใน (in-group)
สมำชิกอื่นที่เหลือเป็น คนนอก 3. ผู้นำเลือก คนใน โดยพลิาำรณำาำกควำมสำมำรถ
ของผู้ตำมและสำมำรถเข้ำกันได้กับผู้นำเพลียงใด 4. คนใน าะได้รับประโยชน์หลำย
ประกำราำกผู้นำ เช่น สถำนภำพล ผลตอบแทน แต่ก็ต้องทำงำนให้กับผู้นำเป็นกำรตอบ
แทน
4.แนวทางที่เน้นสถานการณ์
แนวทำงนี้มีควำมเชื่อพลื้นฐำนว่ำรูปแบบภำวะผู้นำที่มีประสิทธิภำพลในสถำนกำรณ์
หนึ่ง อำาไร้ประสิทธิภำพลในอีกสถำนกำรณ์หนึ่ง ดังนั้นคุณลักษณะของสถำนกำรณ์
าึงมีอิทธิพลลต่อประสิทธิภำพลของผู้นำ โดยคุณลักษณะของสถำนกำรณ์นี้อำาาะได้แก่
ลักษณะของผู้ใต้บังคับบัญชำ ลักษณะของงำนที่ต้องปฏิบัติ และธรรมชำติของ
องค์กำร สำหรับกำรบรรยำยในครั้งนี้าะเสนอทฤษฎีวิถีทำง-เป้ำหมำย (path-goal
theory) ซึ่งเป็นทฤษฎีสำคัญของของแนวทำงนี้
4.แนวทางที่เน้นสถานการณ์
Path-goal theory , House and Mitchell (1974)
เป็นทฤษฎีผู้นำตำมสถำนกำรณ์ที่ได้รับควำมนิยมมำก มีสำระสำคัญคือ เน้นว่ำผู้นำมีหน้ำที่ที่จะต้องช่วยให้
ผู้ใต้บังคับบัญชำบรรลุเป้ำหมำยส่วนบุคคล ซึ่งเป็นเป้ำหมำยที่สอดคล้องกับเป้ำหมำยขององค์กำร ทฤษฎีนี้
เชื่อว่ำ พฤติกรรมของผู้นำจะได้รับกำรยอมรับจำกพนักงำนมำกน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับว่ำผู้นำคนนั้นนำทำง
ให้พนักงำนไปสู่ควำมสำเร็จได้ดีเพียงใด และพฤติกรรมของผู้นำคนนั้นจะสำมำรถจูงใจให้พนักงำนเดินไป
ในวิถีทำงสู่เป้ำหมำยได้ดีเพียงใด มีกำรสอนงำน แนะแนวทำง สนับสนุน และให้รำงวัลมำกน้อยเพียงใด
House ได้แบ่งพลฤติกรรมผู้นำออกเป็น 4 แบบ คือ
1. ผู้นำแบบบงกำร (Directive leadership) เป็นผู้นำที่จะบอกพนักงำนว่ำผู้นำคำดหวังอะไรจำก
พนักงำน ผู้นำจะกำหนดวิธีกำรทำงำน รำยละเอียดของงำน ตำรำงกำรทำงำน ตลอดจนมำตรฐำนกำรทำงำน
ให้กับพนักงำน จึงเป็นผู้นำประเภทเน้นงำน
4.แนวทางที่เน้นสถานการณ์
Path-goal
leadership
theory
4.แนวทางที่เน้นสถานการณ์
2. ผู้นำที่ให้กำรสนับสนุน (Supportive leadership) เป็นผู้นำที่มุ่งสร้ำง
ควำมเป็นอยู่ที่ดีให้กับพนักงำน รวมถึงสร้ำงโอกำสและสภำพแวดล้อมในกำรทำงำนที่ดีแก่
พนักงำน เป็นผู้นำที่เน้นควำมสัมพันธ์
3. ผู้นำแบบมีส่วนร่วม (Participative leadership) เป็นผู้นำที่ให้
พนักงำนมีส่วนร่วมโดยจะปรึกษำหำรือ และให้โอกำสพนักงำนมีส่วนร่วมในกำรตัดสินใจ
4. ผู้นำที่มุ่งควำมสำเร็จ (Achievement-oriented leadership)
เป็นผู้นำที่กำหนดเป้ำหมำยที่ชัดเจนและท้ำทำยแก่พนักงำน ปรับปรุงกำรทำงำนอย่ำงต่อเนื่อง
สร้ำงควำมเชื่อมั่นว่ำพนักงำนจะทำได้สำเร็จ
Robert House เชื่อว่ำพฤติกรรมของผู้นำสำมำรถยืดหยุ่นหรือเปลี่ยนรูปแบบได้
ขึ้นอยู่กับสถำนกำรณ์
5.แนวทางที่เน้นการนาการเปลี่ยนแปลง
2. ผู้นำที่ให้กำรสนับสนุน (Supportive leadership) เป็นผู้นำที่มุ่งสร้ำงควำมเป็นอยู่
ที่ดีให้กับพลนักงำน รวมถึงสร้ำงโอกำสและสภำพลแวดล้อมในกำรทำงำนที่ดีแก่
พลนักงำน เป็นผู้นำที่เน้นควำมสัมพลันธ์
3. ผู้นำแบบมีส่วนร่วม (Participative leadership) เป็นผู้นำที่ให้พลนักงำนมีส่วนร่วม
โดยาะปรึกษำหำรือ และให้โอกำสพลนักงำนมีส่วนร่วมในกำรตัดสินใา
4. ผู้นำที่มุ่งควำมสำเร็า (Achievement-oriented leadership) เป็นผู้นำที่กำหนด
เป้ำหมำยที่ชัดเานและท้ำทำยแก่พลนักงำน ปรับปรุงกำรทำงำนอย่ำงต่อเนื่อง สร้ำง
ควำมเชื่อมั่นว่ำพลนักงำนาะทำได้สำเร็า
Robert House เชื่อว่ำพลฤติกรรมของผู้นำสำมำรถยืดหยุ่นหรือเปลี่ยนรูปแบบได้ ขึ้นอยู่
กับสถำนกำรณ์
5.แนวทางที่เน้นการนาการเปลี่ยนแปลง
Transformational Leadership มุ่งให้ควำมสำคัญกับแก่ภำวะผู้นำที่สำมำรถทำให้
องค์กำรเกิดกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงเป็นระบบ มีประสิทธิภำพลและและประสิทธิผล
โดยเกิดาำกกำรมี่ผู้นำและผู้ตำมได้กำหนดวิสัยทัศน์ร่วมกัน ใช้ศักยภำพลของสมำชิก
ในองค์กำรอย่ำงเต็มที่ มีนักวิชำกำรหลำยคนที่ศึกษำเรื่องนี้ แต่ที่มีชื่อเสียงและนำมำ
เสนอในที่นี้คือ Bass and Avolio (1994) ซึ่งได้เสนอแบบาำลองภำวะผู้นำที่เรียกว่ำ
“Full Range of Leadership Model” ซึ่งประกอบด้วยภำวะผู้นำ 3 แบบ คือ 1.ภำวะผู้นำ
กำรเปลี่ยนแปลง (Transformational Leadership) 2.ภำวะผู้นำแบบแลกเปลี่ยน
(Transactional Leadership) และ 3. ภำวะผู้นำแบบปล่อยตำมสบำย (Laissez – Faire)
หรือภำวะไร้ผู้นำ
5.แนวทางที่เน้นการนาการเปลี่ยนแปลง
1. ภาวะผู้นาการเปลี่ยนแปลง หมำยถึง ภำวะที่ผู้นำพลยำยำมกระตุ้นาูงใาให้ผู้ตำมเกิดแรงบันดำลใาที่าะ
ทำงำนเพลื่อให้กลุ่มหรือองค์กำรบรรลุเป้ำหมำย มีกำรพลัฒนำควำมสำมำรถของผู้ตำมไปสู่ระดับสูงขึ้นและมี
ศักยภำพลมำกขึ้น ทำให้เกิดกำรตระหนักรู้ในวิสัยทัศน์และภำรกิาขององค์กำร โดยภำวะผู้นำกำรเปลี่ยนแปลง
มีองค์ประกอบ 4 ประกำร หรือที่เรียกว่ำ “4I’s” (Four I’s) คือ
1.1 การมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ (Idealized Influence หรือ Charisma Leadership : II หรือ CL)
หมำยถึง กำรที่ผู้นำประพลฤติตัวเป็นแบบอย่ำง ผู้ตำมาะพลยำยำมประพลฤติปฏิบัติเหมือนกับผู้นำและต้องกำร
เลียนแบบผู้นำของเขำ สิ่งที่ผู้นำต้องปฏิบัติเพลื่อบรรลุถึงคุณลักษณะนี้ คือ ผู้นำาะต้องมีวิสัยทัศน์และ
สำมำรถถ่ำยทอดไปยังผู้ตำม ผู้นำาะมีควำมสม่ำเสมอมำกกว่ำกำรเอำแต่อำรมณ์ สำมำรถควบคุมอำรมณ์ได้
ในสถำนกำรณ์วิกฤต ผู้นำเป็นผู้ที่ไว้ใาได้ว่ำาะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ผู้นำาะเป็นผู้ที่มีศีลธรรมและมีาริยธรรม
สูง ผู้นำาะหลีกเลี่ยงที่าะใช้อำนำาเพลื่อผลประโยชน์ส่วนตน แต่าะประพลฤติตนเพลื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่น
และเพลื่อประโยชน์ของกลุ่ม
5.แนวทางที่เน้นการนาการเปลี่ยนแปลง
1.2 การสร้างแรงบันดาลใจ (Inspiration Motivation : IM) หมำยถึง กำรที่ผู้นำาะประพลฤติในทำงที่าูงใา
ให้เกิดแรงบันดำลใากับผู้ตำม โดยกำรสร้ำงแรงาูงใาภำยใน กำรให้ควำมหมำยและท้ำทำยในเรื่องงำนของผู้
ตำม ผู้นำาะกระตุ้นาิตวิญญำณของทีม (Team spirit) ให้มีชีวิตชีวำ มีกำรแสดงออกซึ่งควำมกระตือรือร้น
โดยกำรสร้ำงเาตคติที่ดีและกำรคิดในแง่บวก ผู้นำาะทำให้ผู้ตำมสัมผัสกับภำพลที่งดงำมของอนำคต ผู้นำาะ
สร้ำงและสื่อควำมหวังที่ผู้นำต้องกำรอย่ำงชัดเาน ผู้นำาะแสดงกำรอุทิศตัวหรือควำมผูกพลันต่อเป้ำหมำยและ
วิสัยทัศน์ร่วมกัน ผู้นำาะแสดงควำมเชื่อมั่นและแสดงให้เห็นควำมตั้งใาอย่ำงแน่วแน่ว่ำาะสำมำรถบรรลุ
เป้ำหมำยได้ ผู้นำาะช่วยให้ผู้ตำมมองข้ำมผลประโยชน์ของตนเพลื่อวิสัยทัศน์และภำรกิาขององค์กำร ผู้นำาะ
ช่วยให้ผู้ตำมพลัฒนำควำมผูกพลันของตนต่อเป้ำหมำยระยะยำว และบ่อยครั้งพลบว่ำ กำรสร้ำงแรงบันดำลใานี้
เกิดขึ้นผ่ำนกำรคำนึงถึงควำมเป็นปัาเากบุคคลและกำรกระตุ้นทำงปัญญำ ช่วยให้ผู้ตำมาัดกำรกับอุปสรรค
ของตนเองและเสริมควำมคิดสร้ำงสรรค์
5.แนวทางที่เน้นการนาการเปลี่ยนแปลง
1.3 การกระตุ้นทางปัญญา (Intellectual Stimulation : IS) หมำยถึง กำรที่ผู้นำมีกำรกระตุ้นผู้ตำมให้
ตระหนักถึงปัญหำต่ำงๆที่เกิดขึ้นในหน่วยงำน ทำให้ผู้ตำมมีควำมต้องกำรหำแนวทำงใหม่ๆมำแก้ปัญหำใน
หน่วยงำน เพลื่อหำข้อสรุปใหม่ที่ดีกว่ำเดิม เพลื่อทำให้เกิดสิ่งใหม่และสร้ำงสรรค์ โดยผู้นำมีกำรคิดและกำร
แก้ปัญหำอย่ำงเป็นระบบ มีควำมคิดริเริ่มสร้ำงสรรค์ มีกำรตั้งสมมุติฐำน กำรเปลี่ยนกรอบ (Reframing)
กำรมองปัญหำ และกำรเผชิญกับสถำนกำรณ์เก่ำๆด้วยวิถีทำงใหม่แบบใหม่ๆ มีกำราูงใาและสนับสนุน
ควำมคิดริเริ่มใหม่ๆในกำรพลิาำรณำปัญหำและกำรหำคำตอบของปัญหำ มีกำรให้กำลังใาผู้ตำมให้พลยำยำม
หำทำงแก้ปัญหำด้วยวิธีใหม่ๆ ผู้นำมีกำรกระตุ้นให้ผู้ตำมแสดงควำมคิดและเหตุผล และไม่วิาำรณ์ควำมคิด
ของผู้ตำม แม้ว่ำมันาะแตกต่ำงไปาำกควำมคิดของผู้นำ ผู้นำทำให้ผู้ตำมรู้สึกว่ำปัญหำที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ท้ำ
ทำยและเป็นโอกำสที่ดีที่าะแก้ปัญหำร่วมกัน โดยผู้นำาะสร้ำงควำมเชื่อมั่นให้ผู้ตำมว่ำปัญหำทุกอย่ำงต้องมี
วิธีแก้ไข แม้บำงปัญหำาะมีอุปสรรคมำกมำย ผู้นำาะพลิสูาน์ให้เห็นว่ำสำมำรถเอำชนะอุปสรรคทุกอย่ำงได้
าำกควำมร่วมมือร่วมใาในกำรแก้ปัญหำของผู้ร่วมงำนทุกคน ผู้ตำมาะได้รับกำรกระตุ้นให้ตั้งคำถำมต่อ
ค่ำนิยมของตนเอง ควำมเชื่อและประเพลณี กำรกระตุ้นทำงปัญญำ เป็นส่วนที่สำคัญของกำรพลัฒนำ
ควำมสำมำรถของผู้ตำมในกำรที่าะตระหนัก เข้ำใา และแก้ไขปัญหำด้วยตนเอง
5.แนวทางที่เน้นการนาการเปลี่ยนแปลง
1.4 การคานึงถึงความเป็นปัจเจกบุคคล (Individualized Consideration : IC) ผู้นำาะมีควำมสัมพลันธ์
เกี่ยวข้องกับบุคคลในฐำนะเป็นผู้นำให้กำรดูแลเอำใาใส่ผู้ตำมเป็นรำยบุคคลและทำให้ผู้ตำมรู้สึกมีคุณค่ำและ
มีควำมสำคัญ ผู้นำาะเป็นโค้ช (Coach) และเป็นที่ปรึกษำ (Advisor) ของผู้ตำมแต่ละคน เพลื่อกำรพลัฒนำผู้
ตำมผู้นำาะเอำใาใส่เป็นพลิเศษในควำมต้องกำรของปัาเากบุคคล เพลื่อควำมสัมฤทธิ์ผลและเติบโตของแต่ละ
คน ผู้นำาะพลัฒนำศักยภำพลของผู้ตำมและเพลื่อนร่วมงำนให้สูงขึ้น นอกาำกนี้ผู้นำาะมีกำรปฏิบัติต่อผู้ตำมโดย
กำรให้โอกำสในกำรเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สร้ำงบรรยำกำศของกำรให้กำรสนับสนุน คำนึงถึงควำมแตกต่ำง
ระหว่ำงบุคคลในด้ำนควำมาำเป็นและควำมต้องกำร กำรประพลฤติของผู้นำแสดงให้เห็นว่ำเข้ำใาและยอมรับ
ควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคล ผู้นำมีกำรส่งเสริมกำรสื่อสำรสองทำง และมีกำราัดกำรด้วยกำรเดินดูรอบๆ
(Management by walking around) มีปฏิสัมพลันธ์กับผู้ตำมเป็นกำรส่วนตัว ผู้นำสนใาในควำมกังวลของแต่
ละบุคคล เห็นปัาเากบุคคลเป็นบุคคลทั้งครบ (As a whole person) มำกกว่ำเป็นพลนักงำนหรือเป็นเพลียง
ปัาาัยกำรผลิต ผู้นำาะมีกำรฟังอย่ำงมีประสิทธิภำพล มีกำรเอำใาเขำมำใส่ใาเรำ (Empathy) กำรสนับสนุน
และกำรช่วยให้ก้ำวหน้ำในกำรทำงำนที่รับผิดชอบโดยผู้ตำมาะไม่รู้สึกว่ำเขำกำลังถูกตรวาสอบ
5.แนวทางที่เน้นการนาการเปลี่ยนแปลง
5.แนวทางที่เน้นการนาการเปลี่ยนแปลง
2. ภาวะผู้นาแบบแลกเปลี่ยน หมำยถึง เป็นกระบวนกำรที่ผู้นำใช้กำรแลกเปลี่ยนสิ่งต่ำงๆ กับผู้ตำมเพลื่อให้
ตนเองประสบควำมสำเร็าในกำรบริหำรงำน โดยมรกำรให้รำงวัลและลงโทษเป็นเครื่องมือสำคัญในกำร
บังคับบัญชำ ทั้งนี้ผู้นำไม่สนใาถึงควำมต้องกำรหรือกำรพลัฒนำศักยภำพลของผู้ตำมแต่อย่ำงใด ผู้นำาะาูงใาผู้
ตำมโดยกำรเชื่อมโยงรำงวัลกับเป้ำหมำย ภำวะผู้นำแบบแลกเปลี่ยนนี้าะแสดงพลฤติกรรมสำคัญดังต่อไปนี้
2.1 การให้รางวัลตามสถานการณ์ (contingent reward)
2.2 การจัดการเมื่อมีปัญหา (management-by exception)
2. ภาวะผู้นาแบบปล่อยตามสบาย หรือภาวะไร้ผู้นา เป็นภำวะผู้นำที่ขำดควำมรับผิดชอบ ไม่มีกำรตัดสินใาใน
เรื่องใดๆ ไม่มีกำรให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้ตำม และไม่พลยำยำมที่าะช่วยเหลือใดๆแก่ผู้ตำม
ช่วงถำมตอบและพัก 5 นำที

Contenu connexe

Tendances

ภาวะผู้นำการศึกษากับชุมชน
ภาวะผู้นำการศึกษากับชุมชนภาวะผู้นำการศึกษากับชุมชน
ภาวะผู้นำการศึกษากับชุมชนathapol anunthavorasakul
 
ทฤษฏีภาวะผู้นำและภาวะผู้นำทางวิชาการ
ทฤษฏีภาวะผู้นำและภาวะผู้นำทางวิชาการทฤษฏีภาวะผู้นำและภาวะผู้นำทางวิชาการ
ทฤษฏีภาวะผู้นำและภาวะผู้นำทางวิชาการTwatchai Tangutairuang
 
ทฤษฏีการบริหาร
ทฤษฏีการบริหารทฤษฏีการบริหาร
ทฤษฏีการบริหารguest6b6fea3
 
การบริหารเชิงสถานการณ์ ดร.ชาญวิทย์ หาญรินทร์
การบริหารเชิงสถานการณ์ ดร.ชาญวิทย์ หาญรินทร์การบริหารเชิงสถานการณ์ ดร.ชาญวิทย์ หาญรินทร์
การบริหารเชิงสถานการณ์ ดร.ชาญวิทย์ หาญรินทร์Nakhon Phanom University
 
ภาวะผู้นำสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในอนาคต
ภาวะผู้นำสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในอนาคตภาวะผู้นำสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในอนาคต
ภาวะผู้นำสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในอนาคตProud N. Boonrak
 
บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่
บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่
บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่Aj.Mallika Phongphaew
 
สถานะของสาร ม.1
สถานะของสาร ม.1สถานะของสาร ม.1
สถานะของสาร ม.1Wuttipong Tubkrathok
 
ผู้นำแห่งศตวรรษที่21 partthree
ผู้นำแห่งศตวรรษที่21 partthreeผู้นำแห่งศตวรรษที่21 partthree
ผู้นำแห่งศตวรรษที่21 partthreePattie Pattie
 
การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้
การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้
การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้DuangdenSandee
 
การเขียนบทที่ 1 บทนำของปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และงานวิจัย (Introduction)
การเขียนบทที่ 1 บทนำของปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และงานวิจัย (Introduction)การเขียนบทที่ 1 บทนำของปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และงานวิจัย (Introduction)
การเขียนบทที่ 1 บทนำของปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และงานวิจัย (Introduction)Dr.Kridsanapong Lertbumroongchai
 
การวิจัยเชิงสำรวจ
การวิจัยเชิงสำรวจการวิจัยเชิงสำรวจ
การวิจัยเชิงสำรวจkhuwawa2513
 
บันทึกการเยี่ยมชมนวัตกรรม
บันทึกการเยี่ยมชมนวัตกรรมบันทึกการเยี่ยมชมนวัตกรรม
บันทึกการเยี่ยมชมนวัตกรรมJirathorn Buenglee
 
การสร้างเครือข่ายและการประสานงาน
การสร้างเครือข่ายและการประสานงานการสร้างเครือข่ายและการประสานงาน
การสร้างเครือข่ายและการประสานงานTaraya Srivilas
 
การคายน้ำของพืช
การคายน้ำของพืชการคายน้ำของพืช
การคายน้ำของพืชdnavaroj
 
การหักเหของแสง
การหักเหของแสงการหักเหของแสง
การหักเหของแสงพัน พัน
 
การบริหารแหล่งการเรียนรู้และสภาพแวดล้อม
การบริหารแหล่งการเรียนรู้และสภาพแวดล้อม การบริหารแหล่งการเรียนรู้และสภาพแวดล้อม
การบริหารแหล่งการเรียนรู้และสภาพแวดล้อม Sireetorn Buanak
 

Tendances (20)

ภาวะผู้นำการศึกษากับชุมชน
ภาวะผู้นำการศึกษากับชุมชนภาวะผู้นำการศึกษากับชุมชน
ภาวะผู้นำการศึกษากับชุมชน
 
ทฤษฏีภาวะผู้นำและภาวะผู้นำทางวิชาการ
ทฤษฏีภาวะผู้นำและภาวะผู้นำทางวิชาการทฤษฏีภาวะผู้นำและภาวะผู้นำทางวิชาการ
ทฤษฏีภาวะผู้นำและภาวะผู้นำทางวิชาการ
 
ทฤษฏีการบริหาร
ทฤษฏีการบริหารทฤษฏีการบริหาร
ทฤษฏีการบริหาร
 
การบริหารเชิงสถานการณ์ ดร.ชาญวิทย์ หาญรินทร์
การบริหารเชิงสถานการณ์ ดร.ชาญวิทย์ หาญรินทร์การบริหารเชิงสถานการณ์ ดร.ชาญวิทย์ หาญรินทร์
การบริหารเชิงสถานการณ์ ดร.ชาญวิทย์ หาญรินทร์
 
การนำเสนองานวิจัย
การนำเสนองานวิจัยการนำเสนองานวิจัย
การนำเสนองานวิจัย
 
บทที่ 3 แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับภาวะผู้นำ
บทที่ 3  แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับภาวะผู้นำบทที่ 3  แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับภาวะผู้นำ
บทที่ 3 แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับภาวะผู้นำ
 
ภาวะผู้นำสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในอนาคต
ภาวะผู้นำสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในอนาคตภาวะผู้นำสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในอนาคต
ภาวะผู้นำสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในอนาคต
 
บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่
บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่
บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่
 
สถานะของสาร ม.1
สถานะของสาร ม.1สถานะของสาร ม.1
สถานะของสาร ม.1
 
ผู้นำแห่งศตวรรษที่21 partthree
ผู้นำแห่งศตวรรษที่21 partthreeผู้นำแห่งศตวรรษที่21 partthree
ผู้นำแห่งศตวรรษที่21 partthree
 
การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้
การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้
การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้
 
วิทยาการคำนวณ3
วิทยาการคำนวณ3วิทยาการคำนวณ3
วิทยาการคำนวณ3
 
การเขียนบทที่ 1 บทนำของปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และงานวิจัย (Introduction)
การเขียนบทที่ 1 บทนำของปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และงานวิจัย (Introduction)การเขียนบทที่ 1 บทนำของปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และงานวิจัย (Introduction)
การเขียนบทที่ 1 บทนำของปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และงานวิจัย (Introduction)
 
การวิจัยเชิงสำรวจ
การวิจัยเชิงสำรวจการวิจัยเชิงสำรวจ
การวิจัยเชิงสำรวจ
 
บันทึกการเยี่ยมชมนวัตกรรม
บันทึกการเยี่ยมชมนวัตกรรมบันทึกการเยี่ยมชมนวัตกรรม
บันทึกการเยี่ยมชมนวัตกรรม
 
ก.ค.ศ.3
ก.ค.ศ.3ก.ค.ศ.3
ก.ค.ศ.3
 
การสร้างเครือข่ายและการประสานงาน
การสร้างเครือข่ายและการประสานงานการสร้างเครือข่ายและการประสานงาน
การสร้างเครือข่ายและการประสานงาน
 
การคายน้ำของพืช
การคายน้ำของพืชการคายน้ำของพืช
การคายน้ำของพืช
 
การหักเหของแสง
การหักเหของแสงการหักเหของแสง
การหักเหของแสง
 
การบริหารแหล่งการเรียนรู้และสภาพแวดล้อม
การบริหารแหล่งการเรียนรู้และสภาพแวดล้อม การบริหารแหล่งการเรียนรู้และสภาพแวดล้อม
การบริหารแหล่งการเรียนรู้และสภาพแวดล้อม
 

En vedette

อำนาจและการเมืองในองค์การ
อำนาจและการเมืองในองค์การอำนาจและการเมืองในองค์การ
อำนาจและการเมืองในองค์การParinya Thawichan
 
How to Become a Thought Leader in Your Niche
How to Become a Thought Leader in Your NicheHow to Become a Thought Leader in Your Niche
How to Become a Thought Leader in Your NicheLeslie Samuel
 
3 Things Every Sales Team Needs to Be Thinking About in 2017
3 Things Every Sales Team Needs to Be Thinking About in 20173 Things Every Sales Team Needs to Be Thinking About in 2017
3 Things Every Sales Team Needs to Be Thinking About in 2017Drift
 
Getting Started With SlideShare
Getting Started With SlideShareGetting Started With SlideShare
Getting Started With SlideShareSlideShare
 
2015 Upload Campaigns Calendar - SlideShare
2015 Upload Campaigns Calendar - SlideShare2015 Upload Campaigns Calendar - SlideShare
2015 Upload Campaigns Calendar - SlideShareSlideShare
 
What to Upload to SlideShare
What to Upload to SlideShareWhat to Upload to SlideShare
What to Upload to SlideShareSlideShare
 
ตัวช่วย upload ไฟล์.pdf
ตัวช่วย upload ไฟล์.pdfตัวช่วย upload ไฟล์.pdf
ตัวช่วย upload ไฟล์.pdfmeesubandmeesuk theemcle
 
How to Make Awesome SlideShares: Tips & Tricks
How to Make Awesome SlideShares: Tips & TricksHow to Make Awesome SlideShares: Tips & Tricks
How to Make Awesome SlideShares: Tips & TricksSlideShare
 
การเมืองในองค์การ
การเมืองในองค์การการเมืองในองค์การ
การเมืองในองค์การบะห์ บาตู
 
200 ทิปลับวินโดวส์ windows 7
200 ทิปลับวินโดวส์ windows 7200 ทิปลับวินโดวส์ windows 7
200 ทิปลับวินโดวส์ windows 7New Nan
 
ธรรมะจากหลวงพ่อชา 1
ธรรมะจากหลวงพ่อชา 1 ธรรมะจากหลวงพ่อชา 1
ธรรมะจากหลวงพ่อชา 1 MI
 
ตามรอยบูรพาจารย์ 1
ตามรอยบูรพาจารย์ 1ตามรอยบูรพาจารย์ 1
ตามรอยบูรพาจารย์ 1MI
 
Odour Management 101 Wef2008
Odour Management 101 Wef2008Odour Management 101 Wef2008
Odour Management 101 Wef2008mtingle
 
The presentation secrets of steve jobs
The presentation secrets of steve jobsThe presentation secrets of steve jobs
The presentation secrets of steve jobsPadvee Academy
 

En vedette (20)

อำนาจและการเมืองในองค์การ
อำนาจและการเมืองในองค์การอำนาจและการเมืองในองค์การ
อำนาจและการเมืองในองค์การ
 
How to Become a Thought Leader in Your Niche
How to Become a Thought Leader in Your NicheHow to Become a Thought Leader in Your Niche
How to Become a Thought Leader in Your Niche
 
How to coach!
How to coach!How to coach!
How to coach!
 
3 Things Every Sales Team Needs to Be Thinking About in 2017
3 Things Every Sales Team Needs to Be Thinking About in 20173 Things Every Sales Team Needs to Be Thinking About in 2017
3 Things Every Sales Team Needs to Be Thinking About in 2017
 
Getting Started With SlideShare
Getting Started With SlideShareGetting Started With SlideShare
Getting Started With SlideShare
 
2015 Upload Campaigns Calendar - SlideShare
2015 Upload Campaigns Calendar - SlideShare2015 Upload Campaigns Calendar - SlideShare
2015 Upload Campaigns Calendar - SlideShare
 
What to Upload to SlideShare
What to Upload to SlideShareWhat to Upload to SlideShare
What to Upload to SlideShare
 
ตัวช่วย upload ไฟล์.pdf
ตัวช่วย upload ไฟล์.pdfตัวช่วย upload ไฟล์.pdf
ตัวช่วย upload ไฟล์.pdf
 
How to Make Awesome SlideShares: Tips & Tricks
How to Make Awesome SlideShares: Tips & TricksHow to Make Awesome SlideShares: Tips & Tricks
How to Make Awesome SlideShares: Tips & Tricks
 
การเมืองในองค์การ
การเมืองในองค์การการเมืองในองค์การ
การเมืองในองค์การ
 
Paul Ottley, Odournet UK
Paul Ottley, Odournet UKPaul Ottley, Odournet UK
Paul Ottley, Odournet UK
 
Severn Trent site visit
Severn Trent site visitSevern Trent site visit
Severn Trent site visit
 
Odoflux
OdofluxOdoflux
Odoflux
 
Coach
CoachCoach
Coach
 
200 ทิปลับวินโดวส์ windows 7
200 ทิปลับวินโดวส์ windows 7200 ทิปลับวินโดวส์ windows 7
200 ทิปลับวินโดวส์ windows 7
 
ธรรมะจากหลวงพ่อชา 1
ธรรมะจากหลวงพ่อชา 1 ธรรมะจากหลวงพ่อชา 1
ธรรมะจากหลวงพ่อชา 1
 
ตามรอยบูรพาจารย์ 1
ตามรอยบูรพาจารย์ 1ตามรอยบูรพาจารย์ 1
ตามรอยบูรพาจารย์ 1
 
Unit2 october2012
Unit2 october2012Unit2 october2012
Unit2 october2012
 
Odour Management 101 Wef2008
Odour Management 101 Wef2008Odour Management 101 Wef2008
Odour Management 101 Wef2008
 
The presentation secrets of steve jobs
The presentation secrets of steve jobsThe presentation secrets of steve jobs
The presentation secrets of steve jobs
 

Leadership

  • 2. ผู้นา : ความหมาย ผู้นำ (Leader) คือ ผู้ที่มีอิทธิพลต่อบุคคลอื่นและกลุ่มอื่น เป็นผู้ให้ควำมช่วยเหลือในกำร กำหนดเป้ำหมำย และชี้แนะแนวทำงกำรทำงำนเพื่อให้บรรลุเป้ำหมำยเหล่ำนั้น (Nahavandi, 2008) ผู้นำ คือ บุคคลที่มีอิทธิพลสูงสุดในกลุ่ม และเป็นผู้ที่ต้องปฏิบัติภำระหน้ำที่ของตำแหน่งผู้นำที่ได้รับ มอบหมำยบุคคลอื่นในกลุ่มที่เหลือก็คือผู้ตำม แม้จะเป็นหัวหน้ำกลุ่มย่อย หรือผู้ช่วยในกำรปฏิบัติหน้ำที่ ต่ำง ๆ ก็ตำม (Yukl, 1989:3-4) กล่ำวโดยย่อคือ ผู้ที่สำมำรถโน้มน้ำวจูงใจผู้อื่นให้ปฏิบัติงำนต่ำงๆจนสำเร็จตำมเป้ำหมำยของกลุ่ม
  • 3. ภาวะผู้นา : ความหมาย ภำวะผู้นำ (Leadership) คือ คือกระบวนกำรโน้มน้ำวหรือมีอิทธิพลเหนือกลุ่ม เพื่อให้กำร ทำงำนบรรลุเป้ำหมำย (Northouse, 2009) ภำวะผู้นำ หมำยถึง กระบวนกำรที่ผู้นำสำมำรถใช้อิทธิพลอิทธิพลหรืออำนำจที่ตนมีอยู่ในกำรซักนำหรือ โน้มน้ำวให้ผู้ใต้บังคับบัญชำภำยในองค์กำรหรือในกลุ่มคนในสถำนต่ำง ๆ เพื่อให้สมำชิกของกลุ่มได้ ปฏิบัติหน้ำที่ของตนอย่ำงมีประสิทธิภำพที่สุดให้บรรลุเป้ำหมำยขององค์กำร เมื่อเปรียบเทียบ ความหมายของคาว่าผู้นากับภาวะผู้นาพบว่า มีความแตกต่างและคล้ายคลึงกันที่ผู้นาหมายถึงบุคคล ส่วนภาวะผู้นาหมายถึงการใช้กระบวนการของความสามารถของบุคคลที่ใช้อิทธิพลของตนในการ ชักชวน ชี้นาหรือชักจูงผู้อื่นให้ร่วมมือร่วมใจกับตนในการ ปฏิบัติงานอย่างใดอย่างหนึ่ง
  • 4. ผู้นำ VS ผู้บริหำร ผู้บริหำรหรือผู้จัดกำร คือผู้ที่ได้รับกำรแต่งตั้ง อย่ำงเป็นทำงกำรจำกทีมหรือองค์กำร ให้ดำรง ตำแหน่ง โดยมีอำนำจให้คุณให้โทษแก่ ผู้ใต้บังคับบัญชำ ผู้บริหำรบำงคนอำจจะไม่ได้เป็น ผู้นำ เนื่องจำกไม่สำมำรถโน้มน้ำวจูงใจให้ ผู้ใต้บังคับบัญชำทำงำนตำมเป้ำหมำยได้ ในทำง ตรงกันข้ำมผู้นำอำจจะไม่ได้รับกำรแต่งตั้งอย่ำง เป็นทำงกำรให้เป็นผู้บริหำรก็ได้ แต่มีภำวะผู้นำ
  • 5. ปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะผู้นา ภาวะผู้นานั้นมีปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบหลัก 3 ด้านได้แก่ 1. ผู้นำ (Leader) : หมำยถึงตัวบุคคลที่นำกลุ่ม มีบุคลิกอุปนิสัย ลักษณะ อย่ำงไร 2. ผู้ตำม (Followers) : หมำยถึง บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่รับอิทธิพลลาำกผู้นำ 3. สถำนกำรณ์ (Situation) : หมำยถึง เหตุกำรณ์และสภำพลแวดล้อมต่ำง ๆ ที่ เกิดขึ้น ปัาาัยทั้ง 3 ด้ำนข้ำงต้นนี้าะมีผลต่อรูปแบบของภำวะผู้นำที่แสดง ออกมำ
  • 6. แนวทางการศึกษาภาวะผู้นา พบว่ำมีกำรศึกษำเกี่ยวกับภำวะผู้นำตั้งแต่ยุคกรีกโบรำณ และกำรวิจัยเรื่องนี้ก็เป็นที่นิยมอย่ำงมำกใน ฐำนะเป็นหัวข้อวิจัยในวิชำพฤติกรรมองค์กำร มีงำนเขียนเกี่ยวกับภำวะผู้นำมำกมำย ซึ่งพอจะแยก ออกเป็น 5 แนวทำงได้ดังนี้ 1. แนวทำงที่เน้นคุณลักษณะผู้นำ (Competency Approach) 2. แนวทำงที่เน้นพฤติกรรมของผู้นำต่อผู้ตำมตำม ( Style Approach) 3. แนวทำงที่เน้นอำนำจและอิทธิพล ( Power-influence Approach) 4. แนวทำงที่นั้นสถำนกำรณ์ (Situational Approach) 5. แนวทำงที่เน้นกำรนำกำรเปลี่ยนแปลง (Transformational Approach)
  • 7. 1. แนวทางที่เน้นคุณลักษณะผู้นา แนวทำงนี้ต้องกำรค้นหำคุณลักษณะที่ทำให้บุคคลคนหนึ่งกลำยเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ โดยมีควำมเชื่อ พื้นฐำนว่ำจะต้องมีลักษณะบำงอย่ำงที่ทำให้บุคคลคนหนึ่งกลำยเป็นผู้นำ ดังนั้นนักวิชำกำรที่ศึกษำ แนวทำงนี้จึงศึกษำคุณลักษณะต่ำงๆที่มีอยู่ในตัวผู้นำที่มีชื่อเสียงทั้งในแวดวงธุรกิจ กำรเมือง และวงกำร ทหำร จนได้ข้อสรุปว่ำมีคุณลักษณะอย่ำงน้อย 5 ประกำรดังต่อไปนี้ (Northouse, 2009) 1. ควำมสุจริต (Integrity) เป็นผู้มีควำมหน้ำเชื่อถือ ซื่อสัตย์ จริงใจ ไม่แสวงหำประโยชน์โดย มิชอบ 2. มีสติปัญญำ (Intelligence) หมำยถึงมีควำมสำมำรถในกำรคิดวิเครำะห์ มองกำรณ์ไกล มีควำมคิดสร้ำงสรรค์ 3. ควำมเชื่อมั่นในตนเอง (Self- confidence) 4. ควำมมุ่งมั่น (Determination) พร้อมต่อสู้กับปัญหำไม่ท้อถอยอย่ำงง่ำยๆ 5. ปรับตัวเข้ำกับสังคม (Socialability) มีท่ำที่เป็นมิตร เข้ำกับคนอื่นได้ง่ำย
  • 8. 2.แนวทางที่เน้นพฤติกรรมของผู้นาต่อผู้ตามตาม ในปี 1945 นักวิชำกำรของมหำวิทยำลัยแห่ง รัฐโอไฮโอ ได้ศึกษำพลฤติกรรมของผู้นำและ ได้แบ่งพลฤติกรรมผู้นำออกเป็น 2 มิติ ได้แก่ 1. Initiative structure หรือกำรมุ่งงำน คือกำราัด โครงสร้ำงและขอบเขตงำนทั้งของผู้นำและผู้ ตำมเพลื่อให้งำนบรรลุเป้ำหมำย 2. Consideration หรือกำรมุ่งคน หมำยถึง พลฤติกรรมของผู้นำที่ให้ควำมสำคัญใส่ใาและ สนับสนุนควำมเป็นอยู่และสวัสดิกำรต่ำงของ ผู้ตำม สร้ำงควำมไว้วำงใาและสำมัคคีในทีม
  • 9. 2.แนวทางที่เน้นพฤติกรรมของผู้นาต่อผู้ตามตาม Blanke and Mouton (1964) ได้เสนอ แบบาำลองที่เรียกว่ำ “ Managerial Grid” ที่ ได้แยกแยะรำยละเอียดและให้ชี้ให้เห็น รูปแบบกำรนำของผู้นำที่ดีที่สุด โดย แบบาำลองนี้ประกอบด้วยพลฤติกรรมผู้นำ 2 มิติ ได้แก่ 1.มุ่งงำน (Concern for production) 2. มุ่งคน ( Concern for people) ทั้งสองมิติทำให้สำมำรถแยกย่อยพลฤติกรรม ผู้นำได้เป็น 5 แบบ ตำมแผนภำพล
  • 10. 3.แนวทางที่เน้นอานาจและอิทธิพล แนวทำงนี้มุ่งเน้นศึกษำกำรใช้อำนำาและกำรมีอิทธิพลลของผู้นำต่อผู้ตำม โดยพลยำยำม เข้ำใาว่ำผู้นำกับผู้ตำมมีปฏิสัมพลันธ์ต่อกันอย่ำงไร กำรศึกษำแนวทำงนี้มีทฤษฎีที่สำคัญ คือ ทฤษฏีกำรแลกเปลี่ยนระหว่ำงผู้นำกับสมำชิก (Leader-member exchange theory) โดยมีควำมเชื่อพลื้นฐำนดังต่อไปนี้ 1. ควำมสัมพลันธ์ระหว่ำงผู้นำกับกลุ่ม มีลักษณะเป็น ควำมสัมพลันธ์กับสมำชิกรำยคน แบบหนึ่งต่อหนึ่ง 2. ผู้นำมักาะมีควำมสัมพลันธ์แบบพลิเศษกับสมำชิกที่ตนไว้ใา หรือ คนใน (in-group) สมำชิกอื่นที่เหลือเป็น คนนอก 3. ผู้นำเลือก คนใน โดยพลิาำรณำาำกควำมสำมำรถ ของผู้ตำมและสำมำรถเข้ำกันได้กับผู้นำเพลียงใด 4. คนใน าะได้รับประโยชน์หลำย ประกำราำกผู้นำ เช่น สถำนภำพล ผลตอบแทน แต่ก็ต้องทำงำนให้กับผู้นำเป็นกำรตอบ แทน
  • 11. 4.แนวทางที่เน้นสถานการณ์ แนวทำงนี้มีควำมเชื่อพลื้นฐำนว่ำรูปแบบภำวะผู้นำที่มีประสิทธิภำพลในสถำนกำรณ์ หนึ่ง อำาไร้ประสิทธิภำพลในอีกสถำนกำรณ์หนึ่ง ดังนั้นคุณลักษณะของสถำนกำรณ์ าึงมีอิทธิพลลต่อประสิทธิภำพลของผู้นำ โดยคุณลักษณะของสถำนกำรณ์นี้อำาาะได้แก่ ลักษณะของผู้ใต้บังคับบัญชำ ลักษณะของงำนที่ต้องปฏิบัติ และธรรมชำติของ องค์กำร สำหรับกำรบรรยำยในครั้งนี้าะเสนอทฤษฎีวิถีทำง-เป้ำหมำย (path-goal theory) ซึ่งเป็นทฤษฎีสำคัญของของแนวทำงนี้
  • 12. 4.แนวทางที่เน้นสถานการณ์ Path-goal theory , House and Mitchell (1974) เป็นทฤษฎีผู้นำตำมสถำนกำรณ์ที่ได้รับควำมนิยมมำก มีสำระสำคัญคือ เน้นว่ำผู้นำมีหน้ำที่ที่จะต้องช่วยให้ ผู้ใต้บังคับบัญชำบรรลุเป้ำหมำยส่วนบุคคล ซึ่งเป็นเป้ำหมำยที่สอดคล้องกับเป้ำหมำยขององค์กำร ทฤษฎีนี้ เชื่อว่ำ พฤติกรรมของผู้นำจะได้รับกำรยอมรับจำกพนักงำนมำกน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับว่ำผู้นำคนนั้นนำทำง ให้พนักงำนไปสู่ควำมสำเร็จได้ดีเพียงใด และพฤติกรรมของผู้นำคนนั้นจะสำมำรถจูงใจให้พนักงำนเดินไป ในวิถีทำงสู่เป้ำหมำยได้ดีเพียงใด มีกำรสอนงำน แนะแนวทำง สนับสนุน และให้รำงวัลมำกน้อยเพียงใด House ได้แบ่งพลฤติกรรมผู้นำออกเป็น 4 แบบ คือ 1. ผู้นำแบบบงกำร (Directive leadership) เป็นผู้นำที่จะบอกพนักงำนว่ำผู้นำคำดหวังอะไรจำก พนักงำน ผู้นำจะกำหนดวิธีกำรทำงำน รำยละเอียดของงำน ตำรำงกำรทำงำน ตลอดจนมำตรฐำนกำรทำงำน ให้กับพนักงำน จึงเป็นผู้นำประเภทเน้นงำน
  • 14. 4.แนวทางที่เน้นสถานการณ์ 2. ผู้นำที่ให้กำรสนับสนุน (Supportive leadership) เป็นผู้นำที่มุ่งสร้ำง ควำมเป็นอยู่ที่ดีให้กับพนักงำน รวมถึงสร้ำงโอกำสและสภำพแวดล้อมในกำรทำงำนที่ดีแก่ พนักงำน เป็นผู้นำที่เน้นควำมสัมพันธ์ 3. ผู้นำแบบมีส่วนร่วม (Participative leadership) เป็นผู้นำที่ให้ พนักงำนมีส่วนร่วมโดยจะปรึกษำหำรือ และให้โอกำสพนักงำนมีส่วนร่วมในกำรตัดสินใจ 4. ผู้นำที่มุ่งควำมสำเร็จ (Achievement-oriented leadership) เป็นผู้นำที่กำหนดเป้ำหมำยที่ชัดเจนและท้ำทำยแก่พนักงำน ปรับปรุงกำรทำงำนอย่ำงต่อเนื่อง สร้ำงควำมเชื่อมั่นว่ำพนักงำนจะทำได้สำเร็จ Robert House เชื่อว่ำพฤติกรรมของผู้นำสำมำรถยืดหยุ่นหรือเปลี่ยนรูปแบบได้ ขึ้นอยู่กับสถำนกำรณ์
  • 15. 5.แนวทางที่เน้นการนาการเปลี่ยนแปลง 2. ผู้นำที่ให้กำรสนับสนุน (Supportive leadership) เป็นผู้นำที่มุ่งสร้ำงควำมเป็นอยู่ ที่ดีให้กับพลนักงำน รวมถึงสร้ำงโอกำสและสภำพลแวดล้อมในกำรทำงำนที่ดีแก่ พลนักงำน เป็นผู้นำที่เน้นควำมสัมพลันธ์ 3. ผู้นำแบบมีส่วนร่วม (Participative leadership) เป็นผู้นำที่ให้พลนักงำนมีส่วนร่วม โดยาะปรึกษำหำรือ และให้โอกำสพลนักงำนมีส่วนร่วมในกำรตัดสินใา 4. ผู้นำที่มุ่งควำมสำเร็า (Achievement-oriented leadership) เป็นผู้นำที่กำหนด เป้ำหมำยที่ชัดเานและท้ำทำยแก่พลนักงำน ปรับปรุงกำรทำงำนอย่ำงต่อเนื่อง สร้ำง ควำมเชื่อมั่นว่ำพลนักงำนาะทำได้สำเร็า Robert House เชื่อว่ำพลฤติกรรมของผู้นำสำมำรถยืดหยุ่นหรือเปลี่ยนรูปแบบได้ ขึ้นอยู่ กับสถำนกำรณ์
  • 16. 5.แนวทางที่เน้นการนาการเปลี่ยนแปลง Transformational Leadership มุ่งให้ควำมสำคัญกับแก่ภำวะผู้นำที่สำมำรถทำให้ องค์กำรเกิดกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงเป็นระบบ มีประสิทธิภำพลและและประสิทธิผล โดยเกิดาำกกำรมี่ผู้นำและผู้ตำมได้กำหนดวิสัยทัศน์ร่วมกัน ใช้ศักยภำพลของสมำชิก ในองค์กำรอย่ำงเต็มที่ มีนักวิชำกำรหลำยคนที่ศึกษำเรื่องนี้ แต่ที่มีชื่อเสียงและนำมำ เสนอในที่นี้คือ Bass and Avolio (1994) ซึ่งได้เสนอแบบาำลองภำวะผู้นำที่เรียกว่ำ “Full Range of Leadership Model” ซึ่งประกอบด้วยภำวะผู้นำ 3 แบบ คือ 1.ภำวะผู้นำ กำรเปลี่ยนแปลง (Transformational Leadership) 2.ภำวะผู้นำแบบแลกเปลี่ยน (Transactional Leadership) และ 3. ภำวะผู้นำแบบปล่อยตำมสบำย (Laissez – Faire) หรือภำวะไร้ผู้นำ
  • 17.
  • 18. 5.แนวทางที่เน้นการนาการเปลี่ยนแปลง 1. ภาวะผู้นาการเปลี่ยนแปลง หมำยถึง ภำวะที่ผู้นำพลยำยำมกระตุ้นาูงใาให้ผู้ตำมเกิดแรงบันดำลใาที่าะ ทำงำนเพลื่อให้กลุ่มหรือองค์กำรบรรลุเป้ำหมำย มีกำรพลัฒนำควำมสำมำรถของผู้ตำมไปสู่ระดับสูงขึ้นและมี ศักยภำพลมำกขึ้น ทำให้เกิดกำรตระหนักรู้ในวิสัยทัศน์และภำรกิาขององค์กำร โดยภำวะผู้นำกำรเปลี่ยนแปลง มีองค์ประกอบ 4 ประกำร หรือที่เรียกว่ำ “4I’s” (Four I’s) คือ 1.1 การมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ (Idealized Influence หรือ Charisma Leadership : II หรือ CL) หมำยถึง กำรที่ผู้นำประพลฤติตัวเป็นแบบอย่ำง ผู้ตำมาะพลยำยำมประพลฤติปฏิบัติเหมือนกับผู้นำและต้องกำร เลียนแบบผู้นำของเขำ สิ่งที่ผู้นำต้องปฏิบัติเพลื่อบรรลุถึงคุณลักษณะนี้ คือ ผู้นำาะต้องมีวิสัยทัศน์และ สำมำรถถ่ำยทอดไปยังผู้ตำม ผู้นำาะมีควำมสม่ำเสมอมำกกว่ำกำรเอำแต่อำรมณ์ สำมำรถควบคุมอำรมณ์ได้ ในสถำนกำรณ์วิกฤต ผู้นำเป็นผู้ที่ไว้ใาได้ว่ำาะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ผู้นำาะเป็นผู้ที่มีศีลธรรมและมีาริยธรรม สูง ผู้นำาะหลีกเลี่ยงที่าะใช้อำนำาเพลื่อผลประโยชน์ส่วนตน แต่าะประพลฤติตนเพลื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่น และเพลื่อประโยชน์ของกลุ่ม
  • 19. 5.แนวทางที่เน้นการนาการเปลี่ยนแปลง 1.2 การสร้างแรงบันดาลใจ (Inspiration Motivation : IM) หมำยถึง กำรที่ผู้นำาะประพลฤติในทำงที่าูงใา ให้เกิดแรงบันดำลใากับผู้ตำม โดยกำรสร้ำงแรงาูงใาภำยใน กำรให้ควำมหมำยและท้ำทำยในเรื่องงำนของผู้ ตำม ผู้นำาะกระตุ้นาิตวิญญำณของทีม (Team spirit) ให้มีชีวิตชีวำ มีกำรแสดงออกซึ่งควำมกระตือรือร้น โดยกำรสร้ำงเาตคติที่ดีและกำรคิดในแง่บวก ผู้นำาะทำให้ผู้ตำมสัมผัสกับภำพลที่งดงำมของอนำคต ผู้นำาะ สร้ำงและสื่อควำมหวังที่ผู้นำต้องกำรอย่ำงชัดเาน ผู้นำาะแสดงกำรอุทิศตัวหรือควำมผูกพลันต่อเป้ำหมำยและ วิสัยทัศน์ร่วมกัน ผู้นำาะแสดงควำมเชื่อมั่นและแสดงให้เห็นควำมตั้งใาอย่ำงแน่วแน่ว่ำาะสำมำรถบรรลุ เป้ำหมำยได้ ผู้นำาะช่วยให้ผู้ตำมมองข้ำมผลประโยชน์ของตนเพลื่อวิสัยทัศน์และภำรกิาขององค์กำร ผู้นำาะ ช่วยให้ผู้ตำมพลัฒนำควำมผูกพลันของตนต่อเป้ำหมำยระยะยำว และบ่อยครั้งพลบว่ำ กำรสร้ำงแรงบันดำลใานี้ เกิดขึ้นผ่ำนกำรคำนึงถึงควำมเป็นปัาเากบุคคลและกำรกระตุ้นทำงปัญญำ ช่วยให้ผู้ตำมาัดกำรกับอุปสรรค ของตนเองและเสริมควำมคิดสร้ำงสรรค์
  • 20. 5.แนวทางที่เน้นการนาการเปลี่ยนแปลง 1.3 การกระตุ้นทางปัญญา (Intellectual Stimulation : IS) หมำยถึง กำรที่ผู้นำมีกำรกระตุ้นผู้ตำมให้ ตระหนักถึงปัญหำต่ำงๆที่เกิดขึ้นในหน่วยงำน ทำให้ผู้ตำมมีควำมต้องกำรหำแนวทำงใหม่ๆมำแก้ปัญหำใน หน่วยงำน เพลื่อหำข้อสรุปใหม่ที่ดีกว่ำเดิม เพลื่อทำให้เกิดสิ่งใหม่และสร้ำงสรรค์ โดยผู้นำมีกำรคิดและกำร แก้ปัญหำอย่ำงเป็นระบบ มีควำมคิดริเริ่มสร้ำงสรรค์ มีกำรตั้งสมมุติฐำน กำรเปลี่ยนกรอบ (Reframing) กำรมองปัญหำ และกำรเผชิญกับสถำนกำรณ์เก่ำๆด้วยวิถีทำงใหม่แบบใหม่ๆ มีกำราูงใาและสนับสนุน ควำมคิดริเริ่มใหม่ๆในกำรพลิาำรณำปัญหำและกำรหำคำตอบของปัญหำ มีกำรให้กำลังใาผู้ตำมให้พลยำยำม หำทำงแก้ปัญหำด้วยวิธีใหม่ๆ ผู้นำมีกำรกระตุ้นให้ผู้ตำมแสดงควำมคิดและเหตุผล และไม่วิาำรณ์ควำมคิด ของผู้ตำม แม้ว่ำมันาะแตกต่ำงไปาำกควำมคิดของผู้นำ ผู้นำทำให้ผู้ตำมรู้สึกว่ำปัญหำที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ท้ำ ทำยและเป็นโอกำสที่ดีที่าะแก้ปัญหำร่วมกัน โดยผู้นำาะสร้ำงควำมเชื่อมั่นให้ผู้ตำมว่ำปัญหำทุกอย่ำงต้องมี วิธีแก้ไข แม้บำงปัญหำาะมีอุปสรรคมำกมำย ผู้นำาะพลิสูาน์ให้เห็นว่ำสำมำรถเอำชนะอุปสรรคทุกอย่ำงได้ าำกควำมร่วมมือร่วมใาในกำรแก้ปัญหำของผู้ร่วมงำนทุกคน ผู้ตำมาะได้รับกำรกระตุ้นให้ตั้งคำถำมต่อ ค่ำนิยมของตนเอง ควำมเชื่อและประเพลณี กำรกระตุ้นทำงปัญญำ เป็นส่วนที่สำคัญของกำรพลัฒนำ ควำมสำมำรถของผู้ตำมในกำรที่าะตระหนัก เข้ำใา และแก้ไขปัญหำด้วยตนเอง
  • 21. 5.แนวทางที่เน้นการนาการเปลี่ยนแปลง 1.4 การคานึงถึงความเป็นปัจเจกบุคคล (Individualized Consideration : IC) ผู้นำาะมีควำมสัมพลันธ์ เกี่ยวข้องกับบุคคลในฐำนะเป็นผู้นำให้กำรดูแลเอำใาใส่ผู้ตำมเป็นรำยบุคคลและทำให้ผู้ตำมรู้สึกมีคุณค่ำและ มีควำมสำคัญ ผู้นำาะเป็นโค้ช (Coach) และเป็นที่ปรึกษำ (Advisor) ของผู้ตำมแต่ละคน เพลื่อกำรพลัฒนำผู้ ตำมผู้นำาะเอำใาใส่เป็นพลิเศษในควำมต้องกำรของปัาเากบุคคล เพลื่อควำมสัมฤทธิ์ผลและเติบโตของแต่ละ คน ผู้นำาะพลัฒนำศักยภำพลของผู้ตำมและเพลื่อนร่วมงำนให้สูงขึ้น นอกาำกนี้ผู้นำาะมีกำรปฏิบัติต่อผู้ตำมโดย กำรให้โอกำสในกำรเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สร้ำงบรรยำกำศของกำรให้กำรสนับสนุน คำนึงถึงควำมแตกต่ำง ระหว่ำงบุคคลในด้ำนควำมาำเป็นและควำมต้องกำร กำรประพลฤติของผู้นำแสดงให้เห็นว่ำเข้ำใาและยอมรับ ควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคล ผู้นำมีกำรส่งเสริมกำรสื่อสำรสองทำง และมีกำราัดกำรด้วยกำรเดินดูรอบๆ (Management by walking around) มีปฏิสัมพลันธ์กับผู้ตำมเป็นกำรส่วนตัว ผู้นำสนใาในควำมกังวลของแต่ ละบุคคล เห็นปัาเากบุคคลเป็นบุคคลทั้งครบ (As a whole person) มำกกว่ำเป็นพลนักงำนหรือเป็นเพลียง ปัาาัยกำรผลิต ผู้นำาะมีกำรฟังอย่ำงมีประสิทธิภำพล มีกำรเอำใาเขำมำใส่ใาเรำ (Empathy) กำรสนับสนุน และกำรช่วยให้ก้ำวหน้ำในกำรทำงำนที่รับผิดชอบโดยผู้ตำมาะไม่รู้สึกว่ำเขำกำลังถูกตรวาสอบ
  • 23. 5.แนวทางที่เน้นการนาการเปลี่ยนแปลง 2. ภาวะผู้นาแบบแลกเปลี่ยน หมำยถึง เป็นกระบวนกำรที่ผู้นำใช้กำรแลกเปลี่ยนสิ่งต่ำงๆ กับผู้ตำมเพลื่อให้ ตนเองประสบควำมสำเร็าในกำรบริหำรงำน โดยมรกำรให้รำงวัลและลงโทษเป็นเครื่องมือสำคัญในกำร บังคับบัญชำ ทั้งนี้ผู้นำไม่สนใาถึงควำมต้องกำรหรือกำรพลัฒนำศักยภำพลของผู้ตำมแต่อย่ำงใด ผู้นำาะาูงใาผู้ ตำมโดยกำรเชื่อมโยงรำงวัลกับเป้ำหมำย ภำวะผู้นำแบบแลกเปลี่ยนนี้าะแสดงพลฤติกรรมสำคัญดังต่อไปนี้ 2.1 การให้รางวัลตามสถานการณ์ (contingent reward) 2.2 การจัดการเมื่อมีปัญหา (management-by exception) 2. ภาวะผู้นาแบบปล่อยตามสบาย หรือภาวะไร้ผู้นา เป็นภำวะผู้นำที่ขำดควำมรับผิดชอบ ไม่มีกำรตัดสินใาใน เรื่องใดๆ ไม่มีกำรให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้ตำม และไม่พลยำยำมที่าะช่วยเหลือใดๆแก่ผู้ตำม

Notes de l'éditeur

  1. จงอธิบายความเหมือนและความแตกต่างของผู้นำและผู้บริหาร
  2. แนวทางการศึกษาภาวะผู้นำมีอะไรบ้าง (คำความยากขึ้นมาอีกนิดก็ให้อธิบายแต่ละแนวทาง)
  3. แนวทางการศึกษาภาวะผู้นำมีอะไรบ้าง (คำความยากขึ้นมาอีกนิดก็ให้อธิบายแต่ละแนวทาง)
  4. แนวทางการศึกษาภาวะผู้นำมีอะไรบ้าง (คำความยากขึ้นมาอีกนิดก็ให้อธิบายแต่ละแนวทาง)
  5. แนวทางการศึกษาภาวะผู้นำมีอะไรบ้าง (คำความยากขึ้นมาอีกนิดก็ให้อธิบายแต่ละแนวทาง)
  6. จากแผนภาพ Managerial Grid ผู้นำแบบใดแย่ที่สุดและแบบใดดีที่สุด / จงอธิบาย Managerial Grid เพื่ออธิบายพฤติกรรมของผู้นำทั้ง 5 แบบ Impoverished management สภาพการจัดการที่ด้อยคุณภาพ ขาดความเอาใจใส่ผู้ปฏิบัติงานขาดผลสำเร็จของการดำเนินงาน Country club management สภาพการจัดการที่สนใจเฉพาะเรื่องคนงาน ขาดความเอาใจใส่ เรื่องผลงาน Authority obedience management สภาพการจัดการแบบเผด็จการ เกิดผลการดำเนินงาน โดยขาดความเอาใจใส่ต่อผู้ปฏิบัติงาน Team management สภาพการทำงานที่ผู้นำเอาใจใส่ในตัวผู้ปฏิบัติงานมุ่งการทำงานให้เกิด ผลผลิต สภาพการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด middle of the road management สภาพการจัดการที่เดินสายกลาง
  7. อธิบายองค์ประกอบของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง
  8. อธิบายองค์ประกอบของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง
  9. อธิบายองค์ประกอบของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง
  10. อธิบายองค์ประกอบของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง
  11. อธิบาย Full Range of Leadership
  12. อธิบายองค์ประกอบของภาวะผู้นำการแบบแลกเปลี่ยน