SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  49
Télécharger pour lire hors ligne
1พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
เราทําได้ร่วมกัน
พลังจากภายใน
า ตราจารย์ นายแพทย์ประเ ะ ี
(Inner Power, Together We Can)
สิ่งสูงสุดแห่งความเปนมนุษย
2 ประเ ะ ี
พลังจากภายใน เราท�าได้ร่ มกัน
(Inner Power, Together We Can)
ผู้เขียน า ตราจารย์ นายแพทย์ประเ ะ ี
พิมพ์ครั้งที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๐
จ�าน น ๘,๕๐๐ เล่ม
ออกแบบโดย
สำ�นักพิมพ์หมอช�วบ้�น
๓๖/๖ ซ.ประดิพัทธ์ ๑๐ ถ.ประดิพัทธ์ แข ง ามเ นใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐
โทร ัพท์ ๐-๒๖๑๘-๔๗๑๐ โทร าร ๐-๒๒๗๑-๑๘๐๖, ๐-๒๒๗๘-๐๑๗๐
www.thaihealthbook.com e-mail : info@thaihealthbook.com
แยก ี/พิมพ์ที่ : พิมพ์ดี, มุทร าคร
พิมพ์/เผยแพร่โดย
สถ�บันรับรองคุณภ�พสถ�นพย�บ�ล (องค์ก�รมห�ชน)
เลขที่ ๘๘/๓๙ ชั้น ๕ อาคารสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข
ซอย ๖ ถ.ติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี ๑๑๐๐๐
โทรศัพท์ ๐-๒๘๓๒-๙๔๐๐ โทรสาร ๐-๒๘๓๒-๙๕๔๐-๒
www.ha.or.th
3พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
ในช่ งประ ัติ า ตร์ของมนุ ย์ชาติ
อย่างที่เป็นมนุ ย์ในปัจจุบันประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ ปี ประมาณ
๑๙๐,๐๐๐ ปี เป็นชี ิตในป่าล่า ัต ์ ประมาณ ๑๐,๐๐๐ ปี เป็นชุมชน
เก ตรกรรม เพียง ๕๐๐ ปีนี่เองที่เริ่มเข้า ู่ยุค ังคม มัยใ ม่
แต่ ังคม มัยใ ม่ก็เปลี่ยนแปลงอย่างร ดเร็ ลับซับซ้อนและ
ยาก ใ ม่และเร็ เ ียจนระบบชี ิทยาที่เตรียมมา ำา รับ ังคม มัย
เก่าไม่ ามารถเผชิญได้ทัน
ค ามขัดแย้งระ ่าง ังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างร ดเร็ ลับ
ซับซ้อนและยาก กับระบบชี ิทยาของมนุ ย์นำาไป ู่ค ามเครียด
ค ามเครียดนำาไป ู่การมีภูมิคุ้มกันบกพร่องและพยาธิ ภาพต่างๆ เช่น
โรค ั ใจ โรคมะเร็ง โรคจิตประ าท และพฤติกรรมเบี่ยงเบนต่างๆ
มนุ ย์ใช้พลังภายนอกไปเกือบ มดแล้ ในการเผชิญกับปัญ า
ต่างๆ พลังภายนอกเป็นพลัง ยาบๆ และตื้น จึงไม่เพียงพอที่จะเผชิญ
กับค ามซับซ้อนและยากของ ังคมปัจจุบัน
แต่มนุ ย์ในฐานะที่เป็นมนุ ย์ ซึ่งต่างจาก ัต ์ มีพลังภายในที่
ซ่อนอยู่ในตั ซึ่งเป็นพลังม า าล ประดุจพลังนิ เคลียร์ในตั มนุ ย์
และมีคุณภาพ ูง ถึงเ ลาที่มนุ ย์จะต้องนำาพลังภายในอันม า าล
และมีคุณภาพ ูง มาเผชิญกับค ามซับซ้อนและยากของ ถานการณ์
ปัจจุบัน เพื่อทำาใ ้ ิ่งที่เป็นไปไม่ได้เป็นไปได้
Inner power makes the impossible possible
3พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
4 ประเ ะ ี
พลังภายนอกและพลังภายใน
กับ มอง ่ น ลังและ มอง ่ น น้า......................................๕
จากพละ ๕ ู่พลังจากภายใน ๑๐ ประการ............................๙
เราทำาได้ร่ มกัน
การเรียนรู้ร่ มกันในการปฏิบัติใน ถานการณ์จริง...............๒๙
ปกค. (INN)
กลไกแ ่งค าม ร้าง รรค์และค าม ุข ำา รับทุกคน..........๔๑
จาก HA และ R2R ู่การ ร้าง ังคม ันติ ุข........................๔๕
ารบัญ
พลังภายนอกและพลังภายใน
กับ มอง ่ น ลังและ มอง ่ น น้า๑
จากพละ ๕ ู่พลังจากภายใน ๑๐ ประการ๒เราทำาได้ร่ มกัน
การเรียนรู้ร่ มกันในการปฏิบัติใน ถานการณ์จริง๓
ปกค. (INN)
กลไกแ ่งค าม ร้าง รรค์และค าม ุข ำา รับทุกคน๔
จาก HA และ R2R ู่การ ร้าง ังคม ันติ ุข๕
5พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
พลังภายนอก
และพลังภายใน
มนุ ย์ ิ ัฒนาการมาจาก ัต ์ จึงมี ่ นของค ามเป็น
ัต ์อยู่ในตั
มองของมนุ ย์ ามารถมองเ ็นด้ ยตาเปล่า ่าแบ่ง
เป็น ๓ ่ น คือ มอง ่ นใน ุดอยู่ค่อนไปข้าง ลัง เรียก
่า มอง ัต ์เลื้อยคลาน (reptilian brain) ทำา น้าที่เกี่ย
กับค ามอยู่รอด เช่น การเต้นของ ั ใจ การ ายใจ การ
ืบพันธุ์ การต่อ ู้ การ นีเอาตั รอด
๑
สมองสวนหลังสมองสวนหลังกับ
สมองสวนหนาและ
6 ประเ ะ ี
มองชั้นกลาง เรียก ่า มอง ัต ์เลี้ยงลูกด้ ยนำ้านม (mam-
malian brain) ทำา น้าที่เกี่ย กับอารมณ์ค ามรู้ ึก ดังจะเ ็นได้ ่า
ุนัขและแม มีอารมณ์ แต่จระเข้ไม่มี
มองชั้นนอกอยู่ค่อนไปข้าง น้า เป็น มองมนุ ย์ที่พอก นา
ขึ้นมาใ ญ่มาก ทำา น้าที่เกี่ย กับ ติปัญญา ิจารณญาณ ีลธรรม
และเรื่องที่เป็นนามธรรมต่างๆ เช่น จินตนาการ
มอง ่ น น้า
= มองมนุ ย์
- ติปัญญา ิจารณญาณ ีลธรรม
มองชั้นกลาง
= มอง ัต ์เลี้ยงลูกด้ ยน�้านม
- อารมณ์
มอง ่ น ลัง
= มอง ัต ์เลื้อยคลาน
- ค ามอยู่รอด
รูปที่ ๑ แผนภาพแ ดง มอง ๓ ่ นของมนุ ย์
7พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
อาจกล่า ได้ ่า พลังภายนอก เกี่ย กับ ่ นที่ มอง ัต ์ คือ
มอง ่ น น้าและ มอง
่ นกลางเป็น ่ นใ ญ่
พลังภายใน เกี่ย กับ มอง ่ น น้า รือ
มอง ่ นที่เป็นมนุ ย์เป็น
่ นใ ญ่
มนุ ย์แต่ครั้งโบราณต้องใช้พลังกล้ามเนื้อมาก ไม่ ่าจะในการ
ล่า ัต ์ ในการทำาเก ตรกรรม และในการเอาตั รอดจากภยันตราย
ต่างๆ เช่น การเผชิญกับ ัต ์ร้าย รือจากชนเผ่าอื่นที่มาโจมตี การเอา
ตั รอดไม่ ่าจะโดย ู้ รือ นีล้ นต้องการพลังกล้ามเนื้ออย่างม า าล
ต่อม amygdala ที่อยู่ใน มองชั้นกลาง ซึ่งทำา น้าที่เกี่ย กับอารมณ์
เช่น เมื่อเกิดค ามกลั ก็จะ ั่งไปใ ้ร่างกาย ลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลิน
(adrenaline) ซึ่งจะกระตุ้น ั ใจใ ้เต้นเร็ ค ามดันโล ิต ูงขึ้น
กล้ามเนื้อเกิดพลังม า าล เพื่อการ ู้ รือ นี
มนุ ย์ได้ถูกโปรแกรมมาจาก ภาพแ ดล้อมในครั้งโบราณ ่า
ถ้าเผชิญปัญ าต้องผลิต ารเร่งคือ อะดรีนาลิน ปัญ าปัจจุบันได้
เปลี่ยนไปแล้ ไม่ใช่การเผชิญเ ือในป่าอีกต่อไป แต่เป็นปัญ าใ ม่ๆ
ที่ ลับซับซ้อน ยาก และเปลี่ยนแปลงอย่างร ดเร็ ไม่ได้ใช้พลัง
กล้ามเนื้อแบบเดิมอีกต่อไป แต่ร่างกายก็ยังตอบโต้แบบเดิมคือ ผลิต
อะดรีนาลินออกมา ทำาใ ้ ั ใจเต้นเร็ ค ามดันโล ิตขึ้น ารกระตุ้น
ที่ไม่ได้ใช้นี่แ ละเป็นตั ทำาใ ้เกิดโรคเครียดกับบริ ารของโรคเครียดที่
ตามมาเป็นพร น อันเป็นปัญ าใ ญ่ที่ ุดของมนุ ย์ทั่ โลก
8 ประเ ะ ี
“การใช้อ�านาจได้ผลน้อยลงๆ” – Power is less and less
effective
การใช้อำานาจก็เป็นการใช้พลังภายนอก
การใช้อำานาจก็มีการใช้กำาลัง รือใช้ค ามรุนแรงเข้าบีบบังคับ
การใช้อำานาจรัฐ และการใช้อำานาจเงิน – อำานาจทั้ง ๓ นี้ ัมพันธ์กัน
เคยใช้ได้กับปัญ าง่ายๆตรงไปตรงมาแต่ปัญ าปัจจุบันที่ ลับซับซ้อน
การใช้อำานาจได้ผลน้อยลงๆ จึงเป็นที่มาของคำากล่า ข้างต้น ลองดู
ตั อย่างประธานาธิบดีอเมริกันซึ่งอาจถือ ่าเป็นผู้มีอำานาจ ูง ุดในโลก
ก็ทำาอะไรไม่ค่อยได้ ทั้งเรื่องในประเท ของตั เองและเรื่องของโลก
ในเมื่อพลังภายนอก ซึ่งร มถึงการใช้อำานาจทั้ง ลาย ไม่
ามารถแก้ปัญ า ังคมปัจจุบัน ถึงเ ลาต้อง ันไปใช้พลังจากภายใน
พลังจากภายในเกี่ย กับ มอง ่ น น้า ซึ่งเป็น มองของมนุ ย์
อันต่างจาก ัต ์อื่นๆ เซลล์ มองและเ ้นใยประ าทที่มีลัก ณะพิเ
ของ มอง ่ นนี้ทำาใ ้เกิด ักยภาพทางนามธรรมที่ ัต ์อื่นๆ ไม่มี เช่น
จินตนาการ จิต ำานึก ิจารณญาณ ีลธรรม ฯลฯ พลังจากภายในนี้มี
พลัง ค ามลึกซึ้งและคุณภาพ มากก ่าพลังจากภายนอก และรอใ ้
มนุ ย์ใช้มาตั้ง ๒๐๐,๐๐๐ ปีแล้ คือตั้งแต่มีค ามเป็นมนุ ย์อย่าง
ปัจจุบันที่เรียก ่า homo sapiens
เพื่อจะใ ้เ ็นภาพ ่าโจรผู้ร้ายและพระจักรพรรดิต่างๆ คือผู้ใช้
พลังภายนอก แต่พระพุทธเจ้าใช้พลังภายใน พลังภายในเป็นธรรมชาติ
ที่มีอยู่แล้ ในตั คนดังที่พูด ่าทุกคนมีเมล็ดพันธุ์แ ่งค ามดีอยู่ในจิตใจ
รือ ่าทุกคนมีโพธิจิตอยู่ในตั เราจะได้ดูกันต่อไป ่า พลังจากภายใน
เป็นอย่างไร
9พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
ในทางพระพุทธ า นามีคำา ่า อินทรีย์ ๕ พละ ๕ ซึ่ง
มายถึง
รัทธา ิริยะ ติ มาธิ ปัญญา
ทั้ง ๕ ประกอบกันเป็นพละ รือพลังม า าลที่ ่งใ ้
บรรลุธรรม นี้เป็นตั อย่างของพลังจากภายใน
จากประ บการณ์กับการเผชิญปัจจุบันที่ยากและ
ซับซ้อน เราอาจขยายเรื่องพลังจากภายในเป็น ๑๐ ประการ
ดังนี้ (รูปที่ ๒)
จากพละ ๕
สูพลังจากภายใน
๒
๑๐ ประการ
10 ประเ ะ ี
๑๐. พลังปัญญา
รูปที่ ๒ พลังภายใน ๑๐ ประการ (ท พละ)
๔. พลัง ังฆะ
๔. พลังเมตตา
๓. พลัง ุนทรียทั น์
๒. พลังจินตนาการ
๑. พลังจิต �านึก
๙. พลัง มาธิ
๘. พลัง ติ
๗. พลัง ิริยะ
๖. พลัง รัทธา
11พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
(๑)พลังจิต �านึก จิต ำานึกของ ัต ์มีข้อจำากัดตามชี ิทยา
ของตน เช่น จิตของทาก ของมด ของผึ้ง ของ นู ของแม ของ ุนัข
ของลิง ของช้าง
ัต ์เ ล่านี้แต่ละตั มีค ามรู้ ึกนึกคิดและกระทำาได้ตามขนาด
จิตของตั เท่านั้น แต่ ำา รับมนุ ย์แล้ มีค ามเป็นพิเ ต่างจาก ัต ์
ที่คนๆ เดิม ามารถขยายจิต ำานึกใ ้ใ ญ่ออกไปอย่างไม่มีที่ ิ้น ุด
รูปที่ ๓ จิต �านึกของมนุ ย์อาจขยายใ ญ่ออกไปอย่างไม่มีที่ ิ้น ุด
จิต ำานึกของโจรกับจิต ำานึกของพระพุทธเจ้ามีขนาดต่างกัน
มาก ทั้งๆ ที่เป็นคนเ มือนกัน ค ามเ ็นแก่ตั (ego) เป็นปฏิภาคกับ
จิต ำานึก คือคนที่เ ็นแก่ตั มาก จิต ำานึกเล็ก คิดถึงคนอื่นและ ิ่งอื่น
น้อย คนที่เ ็นแก่ตั น้อย จิต ำานึกใ ญ่ คำานึงถึงคนอื่นและ ิ่งอื่นมาก
คนอาจมีจิต ำานึกที่ใ ญ่มากจนเ ็นคนทั้ง มดและธรรมชาติทั้ง มด
เป็น นึ่งเดีย กันก็ได้
12 ประเ ะ ี
คนที่จิต ำานึกเล็ก จะถูกค ามคับแคบบีบคั้นใ ้ขัดแย้งใน
ตั เอง และขัดแย้งกับผู้อื่น มนุ ย์อ กา ชื่อ เอ็ดการ์ มิทเชลล์ เมื่อยืน
อยู่บนด งจันทร์มองเ ็นโลกทั้งใบลอยฟ่องอยู่ในอ กา การเข้าถึง
ค ามเป็น นึ่งเดีย ของโลกทั้งใบ เขากลับมายังโลกเป็นคนที่เปลี่ยน
ไปโดย ิ้นเชิง คือมีค ามเป็นอิ ระ มีค าม ุขอันดื่มดำ่า มีมิตรภาพ
อันไพ าลต่อมนุ ย์และธรรมชาติทั้ง มด เพราะเขาเกิดจิต ำานึกใ ม่
ซึ่งเป็นจิต ำานึกใ ญ่
การ ัมผั กับค ามทุกข์ยากของผู้คนก็กระตุ้นจิต ำานึกได้
ดังที่เจ้าชาย ิทธัตถะ เมื่อเ ด็จ นีออกจาก ังกรุงกบิลพั ดุ์ แล้ ไป
พบคนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ซึ่งแน่นอนจะต้องพบคนยากคนจนด้ ย
จิต ำานึกของพระองค์ท่านก็เปลี่ยนไป ซึ่งทำาใ ้ทรงมีฉันทะ ิริยะอย่าง
แรงกล้าในการแ ง าค ามรู้เพื่อทำาใ ้ได้
ในการพัฒนาปัจจุบันเป็น ego-centric คือเน้นที่ตั ตนเป็น
ูนย์กลางทำาใ ้ผู้คนมีจิต ำานึกคับแคบไม่ ามารถ ร้าง ังคมแ ่งการ
อยู่ร่ มกันอย่าง ันติได้ ที่จะพ้นจาก ภา ะ ิกฤตได้ มนุ ย์ชาติต้อง
ขยายจิต ำานึกใ ้เป็นจิต ำานึกใ ม่ ซึ่งเป็นจิต ำานึกใ ญ่ที่คำานึงถึงคน
ทั้ง มดและธรรมชาติทั้ง มด
ขณะนี้กระบ นการจิต ำานึกใ ม่เป็นกระแ ใ ญ่ในโลก
(mega trend) มี ิธีการอัน ลาก ลายที่จะก่อใ ้เกิดจิต ำานึกใ ม่ ซึ่ง
จะไม่กล่า ถึงในที่นี้ จะ รุปเพียง ่าจิต ำานึกเป็นพลังภายในที่มีพลัง
ม า าลที่จะนำาไป ู่ ิ่งดีๆ ทั้งป ง
อนึ่ง ใน ังคมผู้คนถูกทำาใ ้ด้อย ักดิ์ รี และด้อย ักยภาพ
ของค ามเป็นคนด้ ยมายาคติต่างๆ ำานึกใน ักดิ์ รีแ ่งค ามเป็น
13พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
มนุ ย์จะปลดปล่อยผู้คนออกจากพันธนาการของมายาคติ เป็นอิ ระ
เกิดค าม ุขอย่างลำ้าลึก และมี ักยภาพในการทำาเรื่องดีๆ ำานึกใน
ักดิ์ รีของค ามเป็นมนุ ย์ของตนเองและเคารพใน ักดิ์ รีค ามเป็น
มนุ ย์ของคนอื่น อยู่ในตระกูลจิต ำานึก และเป็นพลังจากภายในอย่าง
ม า าล
(๒) พลังจินตนาการ ไม่แน่ ่า ัต ์จะมีจินตนาการได้บ้าง รือ
ไม่ แต่มนุ ย์ ามารถมีจินตนาการได้อย่างไม่มีที่ ิ้น ุด ค ามรู้มีข้อ
จำากัด ่ารู้แค่นี้ ทำาได้แค่นี้ แต่จินตนาการไม่มีข้อจำากัด ามารถ
จินตนาการเกินเลยค ามจริงออกไป จินตนาการจะก่อใ ้เกิดพลังเพื่อ
ร้างค ามรู้ใ ้ทำาใ ้ได้จริง เช่น จินตนาการ ่าจะเ าะเ ินเดินอากา
ได้ ทำาใ ้ ร้างเครื่องบินได้ จินตนาการ ่าจะมี ูทิพย์ ทำาใ ้มีโทร ัพท์
จินตนาการ ่าจะมีตาทิพย์ ทำาใ ้มีโทรทั น์ เจ้าชาย ิทธัตถะทรงมี
จินตนาการ ่ามนุ ย์พ้นทุกข์ได้ ซึ่งเป็นจินตนาการที่ใ ญ่มาก แต่ขณะ
นั้นยังไม่ทรงมีค ามรู้ ดังที่ไปลองผิดลองถูกอยู่ ๖ ปี จินตนาการทำาใ ้
เกิดฉันทะ ิริยะอย่างแรงกล้าที่จะ ร้างค ามรู้อันนำาไป ู่การทำาได้จริง
ชา คุณภาพโรงพยาบาลอาจมีจินตนาการ ่าในอนาคต ถานบริการ
ทุกแ ่งจะมีคุณภาพ มบูรณ์ ผู้ป่ ยทุกคนจะได้รับบริการที่มีค าม
ปลอดภัย และมีคุณภาพ ูง ุดใ ้ มกับคุณค่าที่เกิดมาเป็นมนุ ย์ เมื่อ
มีจินตนาการแล้ เราก็พากันทำาใ ้ได้จริง เป็นที่รู้กัน ่าค ามฝัน รือ
จินตนาการยิ่งใ ญ่ยิ่งมีพลังมาก เป็นพลังจากภายใน เราทุกคนต้องมี
จินตนาการใ ญ่
14 ประเ ะ ี
(๓) พลัง ุนทรียทั น์ โดย ัญชาตญาณระ ังภัย มนุ ย์จะมอง
และจดจำาในแง่ร้าย เพราะเรื่องไม่ดีอันตรายต่อเรา แต่การมองในแง่
ร้ายก็ทำาใ ้ทอนกำาลังและขาดค าม ุข การมองเ ็นค ามดี รือ
ุนทรียทั น์ ทำาใ ้เกิดค ามปีติและพลัง ร้าง รรค์ มีผู้คนที่ทำาอะไร
ดีๆ มากมาย ถ้าเราไปรับรู้ รือเรียนรู้เรื่องเ ล่านั้น เราก็จะมีค าม ุข
มีกำาลังใจและฉลาดขึ้นถ้าเราทำาอย่างนี้มากขึ้นๆก็จะเกิดปัญญารอบรู้
และการที่เราไปรับรู้เรื่องดีๆ ก็ทำาใ ้คนที่ทำาเรื่องเ ล่านั้นมีพลังขึ้น
ด้ ย ที่เรียก ่า Appreciative energy มีกระบ นการที่เรียก ่า
Appreciative Inquiry (AI) ตามปรกติคนจะพูดถึงองค์กรในแง่ลบ
เพราะธรรมชาติของค ามจำาที่จำาเรื่องร้ายมากก ่าเรื่องดีดังกล่า แล้
กระบ นการ AI ทำาตรงข้ามคือ ไปถามกัน ่า ท่านภูมิใจอะไรในองค์กร
ของท่านบ้าง มีเรื่องอะไรดีๆ ในองค์กรของท่านบ้าง การถามในทำานอง
นี้ทำาใ ้องค์กรเกิดพลังม า าล เป็นพลังจากภายในอีกชนิด นึ่ง
ในทาง ิชาการมีเป็นอันมากที่ถือการ ิพาก ์ ิจารณ์เป็น ลัก
ทำาใ ้มองคับแคบ ใช้อัตโนมติมากเกินไป ก่อใ ้เกิดค ามทุกข์ค าม
ขัดแย้งในตั เองและผู้อื่น ่ น ุนทรียทั น์ทำาใ ้เปิดใจก ้างและเรียน
รู้จากค ามเป็นจริง ามารถเป็นบ่อเกิดของการเป็นบุคคลเรียนรู้ และ
คนที่มีปีติ ุขได้ ร มทั้งเกิด ามัคคีธรรม ุนทรียทั น์จึงเป็นพลังจาก
ภายในอีกอย่าง นึ่งซึ่งมีค่ามาก
นี้อาจจะร มถึง เ ็นค ามงามของธรรมชาติรอบๆ ตั และ
ค ามรู้ ึก ำานึกถึงบุญคุณของ รรพ ิ่งอย่างลึกซึ้ง ่าชี ิตของเราเป็น
ไปได้เพราะคนอื่นและ ิ่งอื่น ค ามกตัญญูรู้คุณของคนอื่นและ ิ่งอื่น
อย่างดื่มดำ่าอยู่ตลอดเ ลา จะทำาใ ้ค ามคิดจิตใจกลมกล่อม ประ าน
15พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
กับค ามเป็นจริงตามธรรมชาติ มีปีติ ุขอยู่ในตั รักผู้อื่น รักธรรมชาติ
มีค ามเมตตากรุณา มีพลังภายในพร้อมที่จะ ร้าง รรค์ต่างๆ ตรงข้าม
กับคนที่คิดแบบตายตั เข้าไป ู่การแยก ่ น ุดโต่ง แม้มีค าม ังดี
รืออุดมการณ์ก็นำาตนเข้าไป ู่มุมอับ เครียด มดพลัง รือถึงเ ียชี ิต
เพราะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เพราะค ามเครียด
(๔) พลังเมตตา มองของมนุ ย์มี ่ นที่รับรู้ค ามทุกข์ยาก
ของผู้อื่นแล้ เกิดค ามเ ็นใจ (empathy) และอยากช่ ยเ ลือ นี้เป็น
เมล็ดพันธุ์แ ่งค ามดีที่มีอยู่ในมนุ ย์ทุกคน ค ามเมตตากรุณาเป็น
พลังภายในที่มีพลัง ูงยิ่งจนกล่า กัน ่า“เมตตาเป็นเครื่องคำ้าจุนโลก”
เมตตาเป็นข้า ึกกับค ามโกรธค ามเกลียด ค ามโกรธค ามเกลียด
เป็นเครื่องบั่นทอนกำาลังและนำาไป ู่ค ามรุนแรง การคิดด้ ยเ ตุผล
บ่อยๆ ครั้ง ก็ไม่ ามารถ ยุดยั้งค ามโกรธค ามเกลียดได้ แต่เมตตามี
ผลชะงัดมาก ามารถ ยุดค ามโกรธค ามเกลียดได้ทันที การเจริญ
เมตตา ถ้าทำาใ ้มากทำาใ ้บุคคลบรรลุธรรมได้
ในการทำางานที่ยากบ่อยๆ ครั้ง มีอุป รรคที่ทำาใ ้ท้อถอย ท่าน
อาจารย์พุทธทา ได้ใ ้คาถาการทำางานฝ่าค ามยากไ ้ คือ
ุทธิ ปัญญา เมตตา ขันติ
ุทธิคือค ามบริ ุทธิ์ ซึ่งจะช่ ยผ่อน นักเป็นเบา แต่ก็ไม่พอ
ต้องการปัญญา ซึ่งแม้ใช้ทั้ง ุทธิและปัญญาแล้ ก็ยังไม่พอ ต้องใช้
เมตตาอีกด้ ย กระนั้นก็ตามในปัญ ายาก ุดๆ ยังต้องการขันติอีก
พลังค ามเมตตาของพระพุทธองค์นั้นได้รับการกล่า ข ัญกัน
่า ามารถ ยุดยั้งภยันตรายต่างๆ ทั้งจากมนุ ย์และอมนุ ย์ ท่าน
16 ประเ ะ ี
ดาไลลามะผู้นำาชา พุทธที่ได้รับ รัทธามากในโลกตะ ันตกก็เน้นเรื่อง
compassion รือค ามกรุณาเป็นพิเ พระ ันตะปาปาฟรานซิ
องค์ปัจจุบันก็ทรงมีชื่อเ ียงกระฉ่อนไปทั่ โลกในค ามเมตตาม า าล
ของพระองค์
การทำาอะไรค รเอาใจนำา ถ้าเอาค ามรู้นำาจะเครียดและกลั
คือกลั ่าเราไม่รู้จริง คนอื่นเขาจะมีค ามรู้มากก ่าเรา เราคงทำาไม่ได้
เพราะค ามรู้ไม่พอ แต่ถ้าเอาใจนำาคือค ามเมตตา เราจะทำาเพื่อเพื่อน
มนุ ย์ ค ามรู้มีเท่าใดก็ไม่เป็นไร าเพิ่มเติมได้ ถ้าเอาใจนำาเราจะไม่
กลั จะใ ้ไปพูดที่ไ นๆ ก็ได้ เพราะใจเพื่อเพื่อนมนุ ย์ รือค าม
เมตตาเรามีอยู่จริงๆ ่ นค ามรู้มีมากน้อยเท่าใดก็รับ ภาพตามค าม
เป็นจริง ไม่เป็นไรดอก เอาค ามจริงเข้า ่า เมื่อลงมือทำาก็จะเรียนรู้
และมีค ามรู้ขึ้นมาเองการมีค ามเมตตา รือมีใจเพื่อเพื่อนมนุ ย์ รือ
มี ั ใจแ ่งค ามเป็นมนุ ย์ จึงเป็นพลังภายในที่ยิ่งใ ญ่ ที่ก่อใ ้เกิด
ค าม ุข ขจัดค ามกลั นำาไป ู่ ุข ัมพันธ์และค าม ร้าง รรค์ใ ญ่ๆ
ได้
(๕) พลังแ ่ง ังฆะ ังฆะ มายถึงการร มตั รือการร่ มกัน
รือ ังคม รือค ามเป็นชุมชน มนุ ย์เป็น ัต ์ที่มีร่างกายที่อ่อนแอ
เมื่อเทียบกับ ัต ์อื่น เช่น เ ือ รือ ิงโต แต่การที่มียีนเกิดขึ้นใน ัต ์
พันธุ์ที่เรียก ่า homo sapiens รือเผ่าพันธุ์มนุ ย์ในปัจจุบัน ที่ทำาใ ้
ร มตั กันทำาเรื่องต่างๆ มนุ ย์ก็เอาชนะ ัต ์ทั้งป งได้ การร มตั ร่ ม
คิดร่ มทำา ทำาใ ้เกิดพลังร่ ม ซึ่งมีพลังผุดบังเกิดเพิ่มม า าล คือไม่ใช่
๑ + ๑ = ๒ แต่เป็นคล้ายๆ nuclear fusion คือเมื่อนิ เคลีย ของ
17พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
ธาตุมาร มกัน แล้ ปล่อยพลังม า าลออกมา ดังที่นิ เคลีย ของธาตุ
ไฮโดรเจน ๒ ตั ร มกัน H + H ในด งอาทิตย์ แล้ ปล่อยพลังงาน
ของด งอาทิตย์ออกมาไปทั่ ุริยจักร าล
พลังของการร มตั มีทั้งทำาใ ้เกิดพลังภายนอก คือ พลังทาง
ังคม และพลังภายใน เช่น ปัญญาร่ ม และพลังอื่นๆ อันเป็นพลัง
ม า าล ดังจะได้กล่า แยกออกไปอีกในตอน “เราทำาได้ร่ มกัน” ใน
ขั้นนี้เพียงใ ้เ ็น ่า การร มตั รือการถักทอกันทาง ังคม ทำาใ ้ ิ่ง
ที่เป็นไปไม่ได้เป็นไปได้ (Social weaving makes the impossible
possible)
(๖) พลัง รัทธา รัทธาในบุคคล รือ ิ่งที่ถูกต้องดีงามทำาใ ้
เกิดพลังภายในม า าล พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติ รัทธาไ ้เป็น
ปฐมในพละ ๕ คือ รัทธา ิริยะ ติ มาธิ ปัญญา รัทธาใน า นา
นำาไป ู่การ ร้าง รรค์อย่างม า าลในโลก ทั้งในทาง ัตถุธรรมและ
ในการกระทำา พ กมิชชันนารีที่อุทิ ชี ิตทั้งชี ิตทำางานในดินแดน
ทุรกันดารเพื่อเพื่อนมนุ ย์ก็เพราะมี รัทธาในพระผู้เป็นเจ้า พระ งฆ์
า กของพระผู้มีพระภาคจำาน นมากมี รัทธาอย่าง ูง ุดในพระ า ดา
แล้ เกิดปัญญาบรรลุธรรม
ผู้นำาที่ทรงคุณงามค ามดีก่อใ ้เกิด รัทธาใน มู่คณะ รือใน
องค์กร ที่บางทีใช้คำา ่าเป็นจิต ิญญาณขององค์กร ทำาใ ้ มู่คณะ รือ
องค์กรมีพลังเพราะมี รัทธาในผู้นำา
พันธกิจอันมีคุณค่า ูง ่งต่อเพื่อนมนุ ย์ รือ ่ นร มของ
องค์กร รือโครงการ ก่อใ ้เกิด รัทธาแก่ าธารณะของผู้อยากเข้ามา
18 ประเ ะ ี
ร่ มงาน ทำาใ ้องค์กร รือโครงการนั้นๆ มีพลัง เพราะฉะนั้นจึงมี
ลักการ ่า การจะทำาอะไรๆ ใ ้ ำาเร็จต้องใช้คุณค่าของเรื่องนั้นๆ เป็น
ธงนำา เพราะคุณค่าก่อใ ้เกิด รัทธาและพลัง อย่างเรื่องการรับรอง
คุณภาพโรงพยาบาลเป็นเรื่องที่มีคุณค่ามากเพราะใครๆก็เข้าใจได้ง่าย
่าชี ิตของเพื่อนมนุ ย์ ำาคัญมาก บริการของโรงพยาบาลค รจะมี
คุณภาพในทุกมิติ บริการที่มีคุณภาพเป็นเรื่องของค ามเป็นมนุ ย์ คน
ที่เกี่ย ข้องมี รัทธาในคุณค่าของเรื่องนี้ กระบ นการรับรองคุณภาพ
โรงพยาบาลจึงเติบโตอย่างร ดเร็ และใ ้ค ามปีติ ุขกับทุกคนที่
เกี่ย ข้อง เพราะคุณค่า รัทธา และพลัง
คุณภาพจึงเป็นเรื่องของค ามเป็นมนุ ย์และเป็นเรื่องของ
ชี ิต ดังที่คำาข ัญของการประชุมใ ญ่ HA ประจำาปี ๒๕๕๙ ที่ ่า
“คุณภาพในทุกลม ายใจ”
(๗) พลัง ิริยะ นี้อาจร มเรื่องพลังจิต รือ Will power เข้า
มาอยู่ในเรื่องเดีย กัน ค ามมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าและค ามเพียรเป็น
พลังอย่างยิ่ง พระ า ดาจึงทรงจัดเป็นองค์ธรรมที่ ๒ ของพละ ๕ ถัด
มาจาก รัทธา กล่า คือเมื่อมี รัทธาแล้ จะมีค ามมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า
และค ามเพียรอย่างยิ่ง ในพระราชนิพนธ์เรื่องพระม าชนก โดย
พระบาท มเด็จพระปรมินทรม าภูมิพลอดุลยเดช แกน ลักของ
เรื่องคือ “ค ามเพียรอันบริ ุทธิ์” แม้ยังมองไม่เ ็นฝั่ง ในที่ ุดค าม
ม ั จรรย์ผุดบังเกิด ังคมปัจจุบันเป็นระบบซับซ้อน มีค ามโกลา ล
(chaos) เกิดขึ้นเป็นประจำา และไม่มีใครพยากรณ์อนาคตได้ เมื่อเ ตุ
ปัจจัยถึงพร้อมก็มีปรากฏการณ์ผุดบังเกิดขึ้น ประดุจค ามม ั จรรย์
เพราะไม่มีใครพยากรณ์ได้ ่าจะเกิดขึ้นในลัก ณะใดและเมื่อใด ค าม
19พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
เพียรอันบริ ุทธิ์ไม่ย่อท้อ ยุดไปเ ียก่อนในขณะที่ยังมองไม่เ ็นอนาคต
เป็นปัจจัยใ ้ค ามม ั จรรรย์ผุดบังเกิดขึ้น นี้เป็นเรื่องที่ค รกลับไป
อ่านพระราชนิพนธ์เรื่องพระม าชนก อันมีค ามนัยที่ ำาคัญในเรื่อง
“ค ามเพียรอันบริ ุทธิ์” ที่พระบาท มเด็จพระปรมินทรม าภูมิพล-
อดุลยเดชตั้งพระทัยอย่างมากที่จะใ ้ป งชนชา ไทยยึดเป็น ลักธรรม
ประจำาใจ และ ลักปฏิบัติในชี ิต
ใน ม ดธรรมแ ่งค าม ำาเร็จที่เรียก ่า อิทธิบาท ๔ (อิทธิ =
ำาเร็จ) คือ ฉันทะ ิริยะ จิตตะ ิมัง า ิริยะก็เป็นองค์คุณแ ่งค าม
ำาเร็จที่เราจะต้องรดนำ้าพร นดินใ ้แข็งแรงขึ้น ิริยะ ัมพันธ์อยู่กับ
ค ามเข้มแข็ง คนอ่อนแอไม่เอาจริงเอาจัง ขี้ขลาด เจองาน นักก็ไม่
กล้า ู้ ลึกๆ แล้ มีค ามทุกข์อยู่ในจิตใจเพราะค ามอ่อนแอของตนเอง
ถ้าเรามีค ามตั้งใจจริงที่เรียก ่า strong will ทำาใ ้เกิด ิริยะอย่างแรง
กล้า เอาชนะค ามอ่อนแอในตั เองใ ้ได้ ักครั้ง นึ่ง จะเกิดค ามปีติ
และค าม ุข และไม่กลั งาน นัก รืองานยากอีกต่อไป มีค ามกล้า-
าญไม่กลั อะไร
ใน ม ดที่ ำาคัญที่เรียก ่า โพชฌงค์ ๗ รือองค์ธรรมแ ่งการ
ตรั รู้ ประกอบด้ ย
ติ
ธัมม ิจยะ (ธรรม ิจัย)
ิริยะ
ปีติ
ปั ัทธิ
มาธิ
อุเบกขา
20 ประเ ะ ี
ิริยะก็เป็นองค์ธรรม นึ่งของการตรั รู้ ถัดจาก ิริยะไปเป็นปีติ
คือ ิริยะ รือค ามขยันขันแข็งเอาจริงเอาจัง ทำาใ ้เกิดค ามปีติในเนื้อ
ในตั ทำาใ ้เกิดค าม งบระงับ (ปั ัทธิ) ตรงข้ามกับค ามขี้เกียจซึ่ง
นำาไป ู่ค ามทุกข์
นักทำางานจึงค ร ึก า ิริยะจนขึ้นใจ และปฏิบัติเป็นนิจ ีล นี้
ก็เป็นพลังภายในอีกอย่าง นึ่งที่ทำาใ ้เกิดค าม ำาเร็จและค าม ุข
(๘) พลัง ติ มีการ รรเ ริญ ติ ่าเป็นธรรมอันเอกบ้าง เป็น
พลังแ ่งปัจจุบันขณะ (The Power of Now) บ้าง เป็นปาฏิ าริย์แ ่ง
การตื่นอยู่เ มอบ้าง ติปรากฏอยู่ใน ม ดธรรมต่างๆเป็นอันมากเช่น
ในพละ ๕ ดังกล่า แล้ ที่ประกอบด้ ย รัทธา ิริยะ ติ มาธิ
ปัญญา เป็นองค์แรกของโพชฌงค์ ๗ รือองค์ธรรมแ ่งการตรั รู้ คือ
ติ ธัมม ิจยะ ิริยะ ปีติ ปั ัทธิ มาธิ อุเบกขา และ ัมมา ติเป็น
องค์ นึ่งในมรรค๘เป็นต้นจึงมีผู้กล่า ่า ติเป็นที่ต้องการในที่ทั้งป ง
ติ คือ การรู้อยู่กับปัจจุบัน
ตามปรกติเราไม่รู้อยู่กับปัจจุบัน แต่อยู่ในค ามคิด เช่น ฟุ้งซ่าน
ไปในอดีต รือ ิตกกัง ลไปในอนาคต รือที่เรียก ่าอยู่ในค ามคิดปรุง
แต่ง เมื่อรู้อยู่กับปัจจุบัน ค ามคิดปรุงแต่งก็ งบไป จิต งบและมีค าม
ุข ค าม ุขเกิดจากค าม งบไปของค ามคิดปรุงแต่ง ค ามคิดปรุง
แต่งนี้ภา าพุทธเรียก ่า ังขาร เ ลาพระท่าน ด “...อุป โม ุโข”
อุป โม มายถึง งบระงับค ามคิดปรุงแต่ง แล้ มีค าม ุขอย่างยิ่ง
เมื่อมี ติรู้อยู่กับปัจจุบัน ทำาใ ้เป็นอิ ระจากการถูกครอบงำา
ด้ ยค ามคิดปรุงแต่ง เมื่อเป็นอิ ระจึงรู้ ึกเบา บายและมีค าม ุข
21พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
อย่างยิ่ง จิตที่ งบเป็นกลาง ามารถ ัมผั ธรรมชาติค ามเป็นจริงได้
จึง ่องไ ค รแก่การงาน เป็นจิตที่มี มรรถนะ และนำาไป ู่ปัญญา
มีการ ังเกตและ ึก า ิจัยผลของการเจริญ ติกันมาก พบ
่าการเจริญ ติทำาใ ้ ุขภาพดี ไม่ค่อยเจ็บป่ ย เป็นอะไรก็ ายง่าย ลด
ค ามเครียด อายุยืน ค ามดันโล ิตลด มี าร ุขจำาพ ก endorphins
ลั่งออกมามากขึ้น ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น ค าม ัมพันธ์กับคนอื่นดีขึ้น
การเรียนรู้และปัญญา ูงขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงทาง มองที่ตร จพบ
ได้ด้ ย ิธีต่างๆ ร มทั้งเทคนิคที่เรียก ่า brain imaging
โดยที่การเจริญ ติมีแต่ผลดี ร มทั้งทำาใ ้พบค าม ุขอย่างที่ไม่
เคยเจอมาก่อน ขณะนี้การเจริญ ติจึงเป็นกระแ ใ ญ่ไปทั่ โลก จน
ามารถพยากรณ์ได้ ่าในอนาคตมนุ ย์จะเจริญ ติทั่ โลก เพราะมี
แรงจูงใจที่ใ ญ่มากคือค าม ุข มนุ ย์ล้ นแ ง าค าม ุข แต่เจอ
ค าม ุขปลอมมาตลอด เช่น ค ามฟุ่มเฟือย ยาเ พติด เมื่อมาเจอ
ค าม ุขที่แท้จากการเจริญ ติพร้อมทั้งผลดีอื่นๆอีกมากร มทั้งราคา
ถูกอีกด้ ย เป็น Happiness at low cost จริงๆ จึงไม่มีข้อ ง ัยเลย
่าทำาไมมนุ ย์จะไม่เจริญ ติกันทั่ โลก นอกจากจะทำาเป็นรายบุคคล
แล้ ยังจะมีเป็นรายองค์กร คือองค์กรแ ่งการเจริญ ติ เช่น บริ ัท
แ ่งการเจริญ ติ ม า ิทยาลัยแ ่งการเจริญ ติ ฯลฯ มีแรงจูงใจ ูงยิ่ง
เช่นเดีย กับที่จะทำาใ ้องค์กร นใจการเป็นองค์กรแ ่งการเจริญ ติ
กล่า คือองค์กรที่ ่งเ ริมเจริญ ติในองค์กร จะพบ ่าผู้คนในองค์กรมี
ค ามรักและ ามัคคีกันมากขึ้น การลาป่ ยและค่าใช้จ่ายในการรัก า
ผู้คนที่เจ็บป่ ยลดลง มีผลงานเพิ่มขึ้น เช่น บริ ัทมีกำาไรเพิ่มขึ้น
22 ประเ ะ ี
บุคคลพึงเรียนรู้ในการเจริญ ติและ ่งเ ริมใ ้ผู้อื่นเจริญ ติ มี
ตำารับตำาราและคู่มือ ร มทั้งครูบาอาจารย์ที่ อนการเจริญ ติมากมาย
ที่แ ง าไม่ยาก ข้อ ำาคัญต้องลองปฏิบัติทุก ัน ใ ม่ๆ จะพบ ่ายาก
ที่จะใ ้รู้อยู่กับปัจจุบัน เพราะจิตจะ ลุก ลิกอยู่ในค ามคิดเ มือน
ลูกลิง แต่เมื่อมี ิริยะทำาไปๆ จะดีขึ้นเรื่อยโดยไม่รู้ตั และจะค่อยๆ
เปลี่ยนเป็นคนใ ม่โดย ิ้นเชิงค าม งุด งิดรำาคาญซึ่งเคยเป็นเจ้าเรือน
ก็จะลดน้อย รือ ายไป มดเลย มีค าม ุขยิ่งนัก และเมื่อมี ติรู้อยู่กับ
ปัจจุบันจะประ บค ามงามอันล้นเ ลือ และมีมิตรภาพต่อคนทั้ง มด
และ รรพ ิ่ง ไม่ค่อยเจ็บป่ ย รือเป็นก็ ายง่าย เรียนรู้ รือทำางาน
อะไรก็ได้ผลดี คนที่เจริญ ติจึงกล่า ตรงกัน ่า ถ้าไม่ได้เจริญ ติก็จะ
เ ียดายแย่ รือไม่เ ียชาติเกิดที่มีโอกา เจริญ ติ
ปรกติการทำางานบางอย่างเบื่อ น่ายไม่อยากทำา ทำาแล้ มี
ค ามทุกข์ เช่น ล้างชาม ก าดบ้าน ล้าง ้ ม ลิฟต์เ ียต้องเดินขึ้นชั้น
บน แต่ถ้าทำา ิ่งเ ล่านี้ด้ ย ติรู้อยู่กับปัจจุบัน เช่น ล้างชาม มือที่จับ
ชามก็รู้นำ้าไ ลมากระทบชามก็รู้ฟองนำ้าที่ถูล้างก็รู้ชาม ะอาดก็รู้ค าม
ะอาด จะมีค ามปีติ ุขตลอดเ ลา การล้างชามแต่ละใบกลายเป็น
ค าม ุขไป มดไม่ งุด งิดรำาคาญเลยเพราะค ามทุกข์เกิดจากค าม
คิด ขณะคิดจะไม่รู้ แต่ถ้ารู้อยู่กับปัจจุบันของการล้างชามก็จะไม่คิด
เมื่อ ยุดคิดปรุงแต่งก็ ุข เรา ามารถทำาใ ้งานทุกชนิดเป็นค าม ุขได้
ถ้าเรามี ติรู้อยู่กับปัจจุบันของงานนั้น เมื่องานทุกชนิดกลายเป็นค าม
ุขก็จะรู้ ึก ่าเราช่างมีบุญจริงๆ นี่แ ละพลังแ ่ง ติ
23พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
(๙) พลัง มาธิ มายถึง การที่จิตตั้งมั่นแน่ แน่ที่ ิ่งใด ิ่ง นึ่ง
จิตที่เป็น มาธิจะไม่มีค ามทุกข์ เพราะไม่รับรู้กับอารมณ์ใดอื่น
นอกจาก ิ่งที่จิตจดจ่ออยู่ จิตที่เป็น มาธิจะเป็นจิตที่มีพลังมาก จะทำา
อะไรก็มีผลมาก ทั้งทางดีและทางร้าย ทางดี รือทางที่เป็นกุ ล ท่าน
เรียก ่า ัมมา มาธิ เป็น ๑ ในมรรค ๘ มาธิจะเป็นองค์ใน ลาย
ม ดธรรม เช่น พละ ๕ ตามที่กล่า มาแล้ ่ามี รัทธา ิริยะ ติ
มาธิ ปัญญา เป็น ๑ ในโพชฌงค์ ๗ รือองค์ธรรมแ ่งการตรั รู้
คือ ติ ธัมม ิจยะ ิริยะ ปีติ ปั ัทธิ มาธิ อุเบกขา และเป็น ๑ ใน
มรรค ๘ ดังกล่า แล้
คนไม่มี มาธิ จิตใจ ่อกแ ่กก ัดแก ่งไปทางโน้นทางนี้ จิตจะ
อ่อนแอ ค ามจำาไม่ดี ไม่เป็นฐานของปัญญา ทำางานได้ผลน้อย ตรง
ข้ามกับคนที่มี มาธิ ามารถมีจิตจดจ่ออยู่กับงานที่ทำาที่เรียก ่า จิตตะ
ในอิทธิบาท ๔ รือ นทางแ ่งค าม ำาเร็จอันประกอบด้ ย ฉันทะ
ิริยะ จิตตะ ิมัง า จิตตะ มายถึงมีจิตใจจดจ่อในงานที่ทำา ซึ่งก็คือ
มาธิ มาธิจึงเป็นพลังที่ ำาคัญเพื่อค าม ำาเร็จ
การเจริญ มาธิเรียก ่า มถภา นา ถ้า ิปั นา มายถึงการ
เจริญปัญญา ซึ่งจะกล่า ต่อไปในข้อที่ (๑๐) การเจริญ มาธิต้องคู่ไป
กับการเจริญ ติจึงจะดี มถภา นาล้ นๆ อาจ ลงไปได้ เพราะเมื่อ
มาธิถึงระดับ นึ่งจะเกิดนิมิต นิมิตก็เ มือนค ามฝัน ิ่งที่เ ็นในฝัน
เรียก ่า ุบินนิมิต ิ่งที่เ ็นใน มาธิเรียก ่า มาธินิมิต ถ้าไป ลง ่า
เป็นค ามจริงจะทำาใ ้ฟั่นเฟือนไปได้ การเจริญ ติ คือ การรู้อยู่กับ
ค ามจริง ทำาใ ้ไม่ ลงไป ติกับ มาธิเชื่อมโยงกัน คือ ขณะที่ตามรู้
เป็น ติ แต่เมื่อเพ่งอยู่ ณ จุดเดีย เป็น มาธิ ท่านเปรียบเ มือนตอน
24 ประเ ะ ี
ไก เปลเด็ก ขณะที่เด็กยังไม่ ลับยังผุดลุกผุดนั่ง อาจพลัดตกจากเปล
เมื่อใดก็ได้คนไก เปลต้องตามมองทุกระยะที่เปลแก ่งไปเพื่อใ ้แน่ใจ
่า เด็กยังอยู่ในเปล การตามรู้ทุกระยะนี้คือ ติ แต่เมื่อเด็ก ลับแล้
นอน งบอยู่ เพียงแต่ดูที่จุดใดจุด นึ่งที่เปลแก ่งไปก็รู้ ่าเด็กยังอยู่ใน
เปล การเพ่งอยู่ที่จุดใดจุด นึ่งคือ มาธิ ติกับ มาธิจึงต่างกัน แต่
ัมพันธ์และเกื้อกูลกันการอธิบายทางทฤ ฎีอาจยังไม่เป็นที่เข้าใจ รือ
ไม่ แจ่มแจ้ง แต่ถ้าได้ฝึกปฏิบัติจะเข้าใจชัดเจนขึ้นมาเอง มาธิเป็น
พลังจากภายในที่ ำาคัญอีกอย่าง นึ่ง นอกจากเพื่อค าม ำาเร็จในการ
ทำางานแล้ ยังเป็นค าม ุข ใช้รัก าโรคได้ และเป็นฐานของปัญญา
(๑๐) พลังปัญญา ปัญญาจำาเป็นแก่การมีชี ิตรอด คน รือ
ัต ์ที่ปัญญาอ่อนจะเอาตั รอดยาก เพราะปัญญาทำาใ ้รู้ ่าอะไรคือ
อะไร อะไรเกิดจากอะไร อะไรมีประโยชน์ ำา รับอะไร และทำาอย่างไร
จะ ำาเร็จประโยชน์ ในทางพระพุทธ า นาจัด ่าปัญญามี ๓ อย่าง คือ
(ก) ุตะมยปัญญา ุตะ = ฟัง มยะ = โดยทาง ุตะมยปัญญา
มายถึงปัญญาที่เกิดโดยทางการฟัง ครั้งโบราณยังไม่มี
การอ่าน ข้อนี้โดยนัยใน มัยนี้ย่อม มายถึงปัญญาที่เกิด
จากการรับรู้ข้อมูลข่า ารค ามรู้ต่างๆ จะเป็นโดยการฟัง
การดู รือโดย ื่อต่างๆ รือการแ ง าข้อมูล
(ข) จินตามยปัญญา จินตา = การคิด ข้อนี้ มายถึงปัญญาที่
เกิดจากการคิดด้ ยเ ตุผล ภา าทางพระ ่าคิดอย่าง
แยบคาย รือ โยนิโ มน ิการ ใกล้เคียง รือตรงใน ่ น
นึ่งกับที่เรียก ่า การ ิเคราะ ์และ ังเคราะ ์
25พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
(ค) ภา นามยปัญญา ภา นา มายถึงการทำาใ ้เกิด การ
ปฏิบัติ รือการพัฒนา (development) ในทางพระ
มายถึง ีล มาธิ ปัญญา ปัญญาในทางพระพุทธ า นา
มีค าม มายจำาเพาะ มายถึงการเข้าถึงค ามจริง คือ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้ ลดการยึดมั่นในตั ตนลง รือ
ถ้าถึงกับ มดไปเลยก็ งบเย็น (นิพพาน)
ปัญญาอาจใช้อย่าง ล มๆ มายถึงค ามรู้ การใฝ่ค ามรู้
ค าม มายจำาเพาะขึ้นมาก็ ่า ปัญญาใ ญ่ก ่าค ามรู้ ค ามรู้อาจจะรู้
อะไรเป็นเรื่องๆ แบบแยก ่ น แต่ปัญญา มายถึงรู้อย่างเชื่อมโยงกัน
ทั้ง มด รือรอบรู้เนื่องจาก รรพ ิ่งล้ นเชื่อมโยงเป็น นึ่งเดีย ปัญญา
มายถึงการเข้าถึงค ามเป็น นึ่งเดีย ของทั้ง มด รือเข้าถึง ิ่ง
ูง ุด ในทางพุทธถือ ่า มีปัญญาต้องลดค ามเ ็นแก่ตั ถ้าค ามเ ็น
แก่ตั มดโดย ิ้นเชิง จิตก็จะ ่างไ ดังที่มีพุทธ ุภา ิต ่า “แ ง
่างเ มอปัญญาไม่มี” – นัตถิ ปัญญา มาอาภา
รูปที่๒พลังภายใน๑๐ประการนั้น างปัญญาไ ้ตรงกลางและ
เชื่อมโยงกับพลังอีก ๙ ประการ คือ พลังจิต ำานึก พลังจินตนาการ
พลัง ุนทรีย์ทั น์ พลังเมตตา พลัง ังฆะ พลัง รัทธา พลัง ิริยะ พลัง
ติ และพลัง มาธิ ทั้งนี้เพราะพลังทุกชนิดล้ น ัมพันธ์อยู่กับปัญญา
ปัญญาในแง่ นึ่งคือองค์ร มของ รรพพลังภายใน
ปัญญาจึงมีช่ งก ้าง (Spectrum of wisdom) ตั้งแต่การ
แ ง า รับรู้ข้อมูล ข้อค ามรู้ การคิดด้ ยเ ตุผล รือ ิเคราะ ์
ังเคราะ ์ใ ้เป็นปัญญาที่ ูงขึ้น คือ เข้าใจค ามเป็นจริง และค าม
เป็นจริงที่ซับซ้อน รู้เท่าทัน รู้ ิธีแก้ปัญา า รือรู้ ิธีพัฒนา รือทำาใ ้
26 ประเ ะ ี
ำาเร็จ ตลอดไปจนเข้าใจค ามเชื่อมโยงของ รรพ ิ่ง เข้าถึงค ามงาม
ของค าม ลาก ลาย มีไมตรีจิตต่อเพื่อนมนุ ย์และ รรพ ิ่ง มีค าม
ุขจากการเป็นอยู่ด้ ยปัญญา
ลองพิจารณาดูพลังจากภายในทั้ง ๑๐ ประการที่กล่า มา ่า
เมื่อร มกันทั้ง ๑๐ ประการ เป็นพลังม า าลเพียงใด ประณีตและ
ละเอียดอ่อนปานใด ลึกซึ้งเพียงใด เชื่อมโยง ัมพันธ์กันเพียงใด และ
เป็นไปเพื่อค าม ุขและค าม ำาเร็จเพียงใด
เกิดมาเป็นมนุ ย์ทั้งที ค รจะมีโอกา พัฒนาตนใ ้เต็มตาม
ักยภาพของค ามเป็นมนุ ย์ ลองพิจารณา ่าถ้าบุคคลได้พัฒนาพลัง
ทั้ง ๑๐ ภายในตน จะมีลัก ณะใกล้เคียงกับคำา ่าพัฒนาใ ้เต็มตาม
ักยภาพของค ามเป็นมนุ ย์มากน้อยเพียงใด
ลองเทียบกับผู้ที่ได้ชื่อ ่ามีการ ึก าในปัจจุบัน ที่รู้เฉพาะ ่ น
เ มือนตาบอดคลำาช้าง แล้ ยก ูชู าง ิพาก ์ ิจารณ์ มีอัตโนมติ ูง
มีค ามขัดแย้งในตั เองและกับผู้อื่น เครียด ป่ ย เป็นโรคภูมิคุ้มกัน
บกพร่อง เ ล่านี้นับ ่าน่า ง ารและน่าเ ียดาย เพราะชี ิตของแต่ละ
คนมีคุณค่า ค รจะมีโอกา พัฒนาตั เองใ ้มีปัญญากลมกล่อมจนเกิด
อิ รภาพในตั เอง ประ บค าม ุขอย่างลำ้าลึก และค ามงามที่ดำารง
อยู่ทั่ ไป มีไมตรีจิตต่อเพื่อนมนุ ย์และ รรพ ิ่ง มี มรรถนะที่จะทำา
ิ่งดีๆ ใ ้ ำาเร็จ ทั้งโดยตนเองและโดยร่ มกันทำากับผู้อื่น
นี้คือชี ิตที่มีคุณภาพ
27พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
กระบ นการรับรองคุณภาพโรงพยาบาลเป็นเรื่องใ ญ่ เมื่อทำา
ไปๆ จึงมีค ามลึกซึ้งและเชื่อมโยงมากขึ้นๆ จึงเป็นเรื่อง นีไม่พ้นที่จะ
มาค้นพบ ่าพลังจากภายในเป็นเรื่องเกี่ย กับคุณภาพและ ักยภาพ
ของค ามเป็นมนุ ย์ เรื่องนี้จะนำาเราไป ู่ค ามฝันใ ญ่ร่ มกัน ่า
มนุ ย์ทุกคน ามารถพัฒนาไป ู่ ักยภาพ ูง ุดของค ามเป็น
มนุ ย์
และต้องร่ มกันทำาใ ้เป็นจริง เราทำาได้ร่ มกัน
28 ประเ ะ ี
29พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
การร มตั เป็นธรรมชาติของมนุ ย์และ ัต ์ ลาย
ชนิดเพราะการร่ มกันทำาใ ้มีโอกา รอดชี ิตมาก ่าอยู่โดด-
เดี่ย
ปลาจึงอยู่เป็นฝูง เ ยี่ย จึงอยู่เป็นชุมชน มาในจึง
ร มตั กันล้ม ัต ์ที่ใ ญ่ก ่ามันได้ มนุ ย์เมื่อเป็นคนป่าล่า
ัต ์จึงอยู่เป็นกลุ่ม ซึ่งช่ ยกันไล่ต้อนจับ ัต ์ได้ดีก ่าทำาแบบ
โดดเดี่ย และเมื่อ ๑๐,๐๐๐ ปีที่แล้ เมื่อพบเทคโนโลยี
เราทําไดรวมกัน
การเรียนรูรวมกัน๓
การปฏิบัติใน
ในสถานการณจริง
30 ประเ ะ ี
เก ตรกรรม ก็ตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นชุมชนเก ตรกรรม ชุมชนเป็น ิถี
ชี ิตร่ มกันอย่าง มดุลระ ่างคนกับคนและระ ่างคนกับธรรมชาติ
แ ดล้อม เมื่อ มดุลก็ยั่งยืน ชุมชนจึงเป็น ังคมที่ยั่งยืนมาถึง ๑๐,๐๐๐
ปี
ในครั้ง ุดท้ายที่ประทับบนเขาคิชฌกูฏ ณ เมืองราชคฤ ์ ม ด
ธรรมที่พระพุทธองค์นำามา อนมากที่ ุดคือ อปริ านิยธรรม
รือธรรมะเพื่อค ามเจริญถ่ายเดีย ดูเพียง ๒ ข้อแรก ก็จะเ ็น ่า
อปริ านิยธรรม คือธรรมะแ ่งการร มตั ร่ มคิดร่ มทำา รือธรรมะ
เพื่อ ังคมเข้มแข็ง ๒ ข้อ นั้นคือ (๑) มั่นประชุมกันเป็นเนืองนิตย์ (๒)
พร้อมเพรียงกันประชุมพร้อมเพรียงกันเลิกประชุมพร้อมเพรียงกระทำา
กิจที่พึงทำา
ใน ังคมปัจจุบันมนุ ย์ได้ ูญเ ียค าม ามารถในการร มตั
ร่ มคิดร่ มทำาไปเป็นอันมาก กลายเป็นปัจเจกชนนิยม เพราะเ ตุ
ลายประการเช่นค าม ะด ก มัยใ ม่ทำาใ ้ไม่ต้องพึ่งพากันอำานาจ
ปกครองร ม ูนย์ที่เน้นค าม ัมพันธ์ทางดิ่งระ ่างผู้มีอำานาจกับ
ผู้ใต้อำานาจ การ ึก าที่เน้นการเรียนรู้แบบปัจเจก ไม่เน้นการเรียนรู้
ร่ มกันและลัทธิเ รีนิยม ่ นบุคคล เป็นต้น
ในม า ิทยาลัยและในองค์กรต่างๆ เราจะเ ็นอาจารย์และ
บุคลากรขาดทัก ะของการอยู่และทำางานร่ มกัน จึงขาดค าม ุข
และค าม ร้าง รรค์จากค ามเป็นชุมชน รือการร่ มกันชี ิตที่มีค าม
เป็นปัจเจก ุดโต่งมีค ามเครียด ูง
ใน รัฐอเมริกา จิตแพทย์ชื่อ Scott Peck รัก าคนอเมริกันที่
มีค ามทุกข์จำาน นมากจนรัก าไม่ไ กระทั่งต้องช่ ย ่งเ ริมการ
31พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
ร มตั ร่ มคิดร่ มทำาที่เขาเรียก ่า ร้างค ามเป็นชุมชน (commu-
nity building) เขากล่า ่าเมื่อร มตั กัน ำาเร็จทุกคนมีค าม ุข
ประดุจบรรลุนิพพาน กอตต์ เพค เชื่อ ่าอนาคตของโลกคือค าม
เป็นชุมชน รือการร มตั กัน จึงตั้งชื่อ นัง ือของเขา ่า A World
Waiting To Be Born “โลกที่รอจะเกิดขึ้น” เพราะโลกแ ่งค ามโดด-
เดี่ย นั้น มนุ ย์เครียดและมีค ามทุกข์มากเกิน จะต้อง ันกลับไป
เรียนรู้ที่จะร มตั ร่ มคิดร่ มทำา มีค ามเป็นชุมชนกันใ ม่ ชุมชนไม่
จำาเป็นต้องเป็นชุมชนตามพื้นที่เ มอไป แต่อาจเป็นการร มตั ร่ มคิด
ร่ มทำาในรูปและ ิธีต่างๆ เช่น ชุมชนทาง ิชาการ ชุมชนทาง
อินเทอร์เน็ต ชุมชนทางการเงิน ฯลฯ
โดย รุปค รมีการร มตั ร่ มคิดร่ มท�าในทุกพื้นที่ ในทุก
องค์กร และในทุกเรื่อง
การร มตั กันในชุมชนชนบทเป็นเรื่องง่ายที่ ุด เพราะคนใน
ชุมชนมีพื้นฐานและธรรมชาติของการอยู่ร่ มกันอยู่แล้ ชุมชนท้องถิ่น
เป็นฐานของประเท ากมีการร มตั ร่ มคิดร่ มทำาเพื่อพัฒนา
อย่างบูรณาการในทุก มู่บ้าน ทุกตำาบล และทุกจัง ัด ฐานของ
ประเท จะแข็งแรงมาก และจะรองรับประเท ทั้ง มดใ ้มั่นคง และ
ยั่งยืน ฉะนั้นที่ชูเป้า มายการพัฒนาประเท ่า มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
นั้น ยุทธ า ตร์การพัฒนาคือ ่งเ ริมการร มตั ร่ มคิดร่ มทำาเพื่อ
การพัฒนาอย่างบูรณาการ โดยเอาพื้นที่เป็นตั ตั้งในทุก มู่บ้าน ทุก
ตำาบล และทุกจัง ัด
32 ประเ ะ ี
เมื่อเป็นยุทธ า ตร์ชาติ รัฐบาลต้องบริ ารจัดการเชิง
ยุทธ า ตร์ในทุกภาค ่ น เข้ามา ่งเ ริมการร มตั ร่ มคิดร่ มทำา
ดังกล่า ทั้งภาครัฐ ภาคการ ึก า ภาคประชา ังคม และภาคธุรกิจ
การ ึก าค รจะเปลี่ยนแปลงจากการเรียนรู้แบบปัจเจกมา
เป็นเรียนรู้ร่ มกันในการปฏิบัติใน ถานการณ์จริง การ ึก าเป็น
ภาคที่ใ ญ่มาก ในร้อยปีเ ที่ผ่านมา การ ึก าออกไปอยู่นอก ังคม
คือไม่รู้ร้อนรู้ นา ไม่ร่ มทุกข์ร่ ม ุข ไม่ร่ มแก้ปัญ า เพราะไปเอา
ิชาเป็นตั ตั้ง การ ึก าจึงไม่เป็นพลังทาง ังคมอย่างที่ค รเป็น ั ใจ
ของการปฏิรูปการ ึก าต้องย้ายการ ึก าใ ้มาอยู่ใน ังคม โดย
เปลี่ยนกระบ นการเรียนรู้จากการเอา ิชาเป็นตั ตั้ง เป็นการเรียนรู้
ร่ มกันในการปฏิบัติใน ถานการณ์จริง การเปลี่ยนแปลงดังกล่า
จะทำาใ ้เกิดการร มตั ร่ มคิดร่ มทำาเต็ม ังคม เป็น ังคมเข้มแข็ง
ังคมเข้มแข็งเป็นปัจจัยใ ้เ ร ฐกิจดี การเมืองดี และ ีลธรรมดี
อาจารย์ม า ิทยาลัยยังค่อนข้างถือทิฐิ ่ นตนเป็น �าคัญ
ขาดทัก ะในการร มตั ร่ มคิดร่ มทำา ากอาจารย์ ามารถร มตั
ร่ มคิดร่ มทำา รือที่เรียก ่า มีค ามเป็นชุมชนทาง ิชาการ จะมี
ค าม ุขมากก ่านี้และทำาใ ้ม า ิทยาลัยมีบทบาทในการพัฒนา
ประเท ไทยได้ ูงยิ่ง ผู้บริ ารม า ิทยาลัยค ร ึก า า ตร์แ ่งการ
ร้างพลังในองค์กร ซึ่งเขาได้ ิจัยค้นค ้าและพัฒนากันเป็นอันมาก
AIC เป็นเทคนิค นึ่ง ซึ่งจะได้กล่า ต่อไปในตอนท้ายของบทนี้
ัดค รเป็น ูนย์กลางของชุมชนเรามี ัดทั่ ประเท ประมาณ
๓๐,๐๐๐ ัด โดยเฉลี่ยประมาณ ๕ ัด ต่อ ๑ ตำาบล เราได้กล่า
แล้ ่าชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็งเป็น ั ใจของการพัฒนาประเท าก
33พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
ามารถทำาใ ้ ัดกลับมาเป็น ูนย์กลางชุมชน ทั้ง ังคมไทยและ
พุทธ า นาจะเข้มแข็ง
อุดมการณ์ทางพุทธ า นา คือ ังฆะ รือชุมชนแ ่งการเรียน
รู้ ถ้าดูพลังภายใน ๑๐ ประการในรูปที่ ๒ ล้ นเกี่ย กับ ลักธรรมทาง
พุทธ า นา จนอาจ รุปได้ ่า ลักธรรมทางพระพุทธ า นาเพื่อเพิ่ม
ักยภาพแ ่งค ามเป็นมนุ ย์และการอยู่ร่ มกันอย่าง มดุล ทั้ง
ระ ่างคนกับคนและระ ่างคนกับธรรมชาติแ ดล้อม
ในเมื่อ ัตถุประ งค์ของชุมชนกับพระพุทธ า นาตรงกันคือ
เพื่อการอยู่ร่ มกันอย่าง มดุลทั้งระ ่างคนกับคนและระ ่างคนกับ
ธรรมชาติแ ดล้อม ค ามร่ มมือระ ่างชุมชนกับ ัดจะ ่งเ ริมซึ่งกัน
และกัน และจะเป็นการฟื้นฟูพระพุทธ า นา ลังจากที่ชุมชนกับ ัด
แยกทางกันไปและเกิดค ามเลอะเลือนใน ลักธรรมไปมิใช่น้อย การ
่งเ ริมใ ้ ัดกลับมาเป็น ูนย์กลางของชุมชนจึงเป็นประเด็นใ ญ่ของ
ประเท ไทยอย่าง นึ่ง ิธีการก็ นีไม่พ้นจากการที่พระ งฆ์และผู้นำา
ชุมชนจะต้องเข้ามาเรียนรู้ร่ มกันในการปฏิบัติเข้า ลักที่ ่า“เราท�าได้
ร่ มกัน” เมื่อพระ งฆ์กับผู้นำาชุมชนเข้ามาร่ มกัน ิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็
จะเป็นไปได้ เพราะการร่ มกันก่อใ ้เกิดพลังม า าล นั่นก็คือ
พลังจากภายใน เราท�าได้ร่ มกัน
เมื่อพระกับผู้นำาชุมชนร่ มกัน ก็ยังจะทำาอะไรต่อมิอะไรในการ
พัฒนาประเท ไทย นอกเ นือไปจากเรื่องชุมชนเข้มแข็ง ผู้นำาพระและ
ผู้นำาในทางต่างๆ จึงค รพิจารณาเรื่องนี้กันใ ้ดีๆ
34 ประเ ะ ี
กระบ นการรับรองคุณภาพโรงพยาบาล (HA) และงาน
ประจ�า ู่การ ิจัย (R2R)
HA ซึ่งทำามา ๒๐ ปี และ R2R ซึ่งทำามา ๙ ปี พิ ูจน์ใ ้เ ็น
่าการเรียนรู้ร่ มกันในการปฏิบัติเป็นพลัง ร้าง รรค์ม า าลเพียงใด
ทั้งพลังจิต ำานึกซึ่งเป็นพลังจากภายในและพลังแ ่งการร่ มกันที่ทำาใ ้
ทำาเรื่องยากๆ ได้ ร มทั้งก่อค าม ุขใ ้ผู้ที่เกี่ย ข้องในกระบ นการนี้
ทุกคน กระบ นการทั้ง ๒ ได้ ร้างผู้ที่มีการตื่นรู้และมีทัก ะในการ
่งเ ริมการเรียนรู้ร่ มกันในการปฏิบัติขึ้นมาจำาน นมาก ผู้ตื่นรู้
เ ล่านี้จะเป็นฐานใ ้ขยายการพัฒนาประเท ไทยในเรื่องต่างๆ ต่อไป
เพราะในที่ ุดแล้ ประเท ไทยต้องเป็น นึ่งเดีย (One Thailand) ที่
คนทั้งประเท ตื่นรู้ และร มตั กัน ร้าง ังคม ันติ ุข
ระบบ ุขภาพชุมชน รือระบบ ุขภาพอ�าเภอ (District
Health System)
ในขณะที่ระบบการ ึก าทั้ง มดลอยตั จากค ามเป็นจริง
ของประเท ไทย เพราะเอา ิชาเป็นตั ตั้ง ระบบ ุขภาพอำาเภอเป็น
ทุนอันยิ่งใ ญ่เพื่อพัฒนาประเท ไทย เพราะเป็นระบบที่ฝังอยู่ในฐาน
ค ามเป็นจริงของประเท ในชุมชน ๘๐,๐๐๐ มู่บ้าน ๘,๐๐๐ ตำาบล
๘๐๐ อำาเภอ มี ถานีอนามัย รือ รพ. ต. ๑๐,๐๐๐ แ ่ง ในระดับ
ตำาบล โรงพยาบาลชุมชน ๘๐๐ แ ่ง ในระดับอำาเภอและอา า มัคร
าธารณ ุขประจำา มู่บ้านอีกประมาณ๑ล้านคนร่ มกับองค์กรชุมชน
และองค์กรปกครอง ่ นท้องถิ่น
35พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
ระบบ ุขภาพชุมชนจึงครอบคลุมฐานของประเท ทั้ง มด ถ้า
มีการบริ ารจัดการใ ้ทรัพยากรในระบบ ุขภาพชุมชนทั้ง มด
เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย ที่ทั้งใ ้บริการ ทั้งทำาการ ิจัย และทั้งพัฒนา
คน ระบบ ุขภาพชุมชนจะเป็น ถาบันทาง ิชาการขนาดใ ญ่ที่ฐาน
ค ามเป็นจริงของประเท ไทย และเป็นพลังใ ้พัฒนาเรื่องต่างๆ ต่อ
ไปทุกเรื่อง เพราะ ุขภาพคือทั้ง มด (Health is the whole) และใน
การนี้ต้องการ “พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน”
AIC
กระบวนการเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติ
(Interactive learning through action)
การพัฒนาต่างๆ ในโลกไม่ค่อยประ บค าม ำาเร็จ นานมา
แล้ ผู้ ญิงนอร์เ ย์คน นึ่งชื่อ Turid Sato ทำางานกับธนาคารโลก
เขาประเมินโครงการประมาณ ๕,๐๐๐ โครงการ ที่ธนาคารโลกใ ้
ค ามช่ ยเ ลือกับประเท ต่างๆ พบ ่าไม่ทำาใ ้ประชาชนในพื้นที่
ที่โครงการไปทำาการพัฒนาดีขึ้นทูริดซาโตจึงแ ง า ่าจะมี ิธีจัดการ
อย่างใดที่จะทำาใ ้โครงการได้ผลจริง คนอังกฤ คน นึ่งชื่อ Robert
Chamber ไปทำาการ ิจัย ่าทำาไมการพัฒนาต่างๆ จึงไม่ได้ผล พบ ่า
“เป็นเพราะใช้ค ามรู้โดยไม่ได้เรียนรู้” นั่นคือค ามรู้ ำาเร็จรูปที่เคย
เรียน เช่น ิชาเ ร ฐ า ตร์ รัฐ า ตร์ นิติ า ตร์ ฯลฯ เมื่อนำาไป
ใช้โดยไม่เรียนรู้ใน ถานการณ์จริงที่ซับซ้อนและยาก และมีค าม
จำาเพาะย่อมไม่ได้ผล
36 ประเ ะ ี
การประชุมที่มีการโต้เถียง ิพาก ์ ิจารณ์กัน ก็ไม่มีพลัง
ร้าง รรค์ ฉะนั้นใช่ ่า ักแต่มีการประชุมแล้ จะได้ผล ยกตั อย่างเช่น
การประชุมภาค ิชาแ ่ง นึ่ง อาจารย์ ิจารณ์ ั น้าภาค ิชาซึ่งเป็น
ประธานอย่างรุนแรง ประธานโกรธ ั่งใ ้อาจารย์ท่านนั้น ยุดพูด
อาจารย์ตอบ “ไม่ ยุด” ั น้าภาค ิชา “ถ้างั้นคุณออกจากที่
ประชุม” อาจารย์ “ไม่ออก” ั น้าภาค ิชาไม่รู้จะทำาอย่างไร
นอกจาก ั่งปิดประชุม และไม่อยากประชุมอีกเลย นี้เป็นตั อย่างของ
การประชุมที่ไม่ ร้าง รรค์
AIC เป็นกระบ นการประชุมที่ ร้าง รรค์
Bill Smith ชา อังกฤ ค้นพบกระบ นการพัฒนาพลัง
ร้าง รรค์ขององค์กร ประกอบด้ ย ๓ ขั้นตอน ดังนี้
(๑)A - Appreciation ประชุมผู้เกี่ย ข้องในองค์กรทุกคน
ใ ้ทุกคนใช้เ ลาเงียบๆ ประมาณ ๕ นาที จินตนาการถึง ิ่งที่ดีที่ ุดที่
อยากเ ็นเกิดขึ้นกับองค์กร แล้ เขียนในแผ่นกระดา จะเขียนเป็น
ข้อค ามก็ได้ าดรูปก็ได้ รือแต่งเป็นโคลงกลอนก็ได้ แล้ แต่ละคน
นำาเ นอ มีกติกา ่า ้าม ่ากัน ทุกคนมี น้าที่ชื่นชมจินตนาการของ
คนอื่น (appreciate) ถ้ามีกติกา ่า ้าม ่ากัน ทุกคนจะมีเ รีภาพที่จะ
จินตนาการ มิฉะนั้น มาชิกจะมีค ามกลั ่า จะถูกคนอื่น ่าเชยไม่ได้
ค าม เพราะในที่ประชุมผู้คนจะมีค ามไม่เท่าเทียมกัน ด้ ยตำาแ น่ง
ฐานะ ค ามรู้ คุณ ุฒิ ัย ุฒิ บางคนรู้ ึกตำ่าต้อยและไม่กล้า การมี
กติกา ้าม ่ากัน ทำาใ ้เกิดเ รีภาพและค ามเ มอภาพ และต่อไปจะ
เกิดภราดรภาพ
37พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
มีผู้ ังเคราะ ์จินตนาการถึง ิ่งที่ดีที่ ุดขององค์กรที่ทุกคน
ร่ ม ร้าง นี่คืออุดมทั น์ รือนโยบายที่ มาชิกทุกคนร่ ม ร้าง ซึ่งจะ
ทำาใ ้ทุกคนมีพันธะผูกพัน รือ commitment ที่จะทำา ถ้าผู้บริ าร
ประกา นโยบายคนเดีย คนอื่นๆ ฟังแล้ อาจไม่พูดอะไร แต่ในใจพูด
่า “มึงประกา มึงก็ทำาไปคนเดีย ” ไม่เกิดพลัง ร้าง รรค์ในองค์กร
แต่การที่ทุกคนร่ ม ร้างนโยบายโดยไม่มีใคร ่าใคร ทุกคนจะมีค าม
ุขและรักกันมาก พร้อมที่จะทำาในขั้นต่อไปคือ
(๒) I – Influence คำาคำานี้ที่แปลเป็นไทยค าม มายไม่ ู้ดี
แต่ในภา าอังกฤ ไม่มีค าม มายทางลบเ มือนภา าไทย ดูการ
กระทำาก็แล้ กัน นั่นคือประชุมคนทั้ง มดในองค์กรต่อจากขั้นตอนที่
(๑) ใ ้ทุกคนใช้เ ลา ๕-๑๐ นาที คิด ่าถ้าจะใ ้บรรลุตามอุดมทั น์
รือนโยบายที่ร่ มกัน ร้างในขั้นตอนแรก จะต้องทำาเรื่องใ ญ่ๆ
อะไรบ้าง คิดมา นึ่งข้อก็ได้ อง ามข้อก็ได้ แล้ แ ดงต่อที่ประชุม
มีผู้ร บร ม ังเคราะ ์ ่าที่มีผู้เ นอมาทั้ง มด ามารถจัดเป็นกลุ่ม
เรื่องใ ญ่ๆ ัก ๔-๕ กลุ่ม มีเรื่องที่ใช้คำาพูดต่างกันแต่เป็นเรื่องเดีย กัน
ก็จับเข้ามาร มเข้าด้ ยกัน ถาม ่ากลุ่มเรื่องใ ญ่ๆ ๔-๕ กลุ่ม ที่ค รทำา
ในองค์กรคืออะไร มันคือ strategies รือกลยุทธ์ ที่ทุกคนร่ ม ร้าง
ใ ้องค์กรบรรลุค ามฝันอัน ูง ุดที่ทุกคนร่ ม ร้าง
พลังจากภายใน
พลังจากภายใน
พลังจากภายใน
พลังจากภายใน
พลังจากภายใน
พลังจากภายใน
พลังจากภายใน
พลังจากภายใน
พลังจากภายใน
พลังจากภายใน
พลังจากภายใน

Contenu connexe

Tendances

Luangpoo lar
Luangpoo larLuangpoo lar
Luangpoo larMI
 
ศึกษาเรื่องหนี้ตามทัศนะทางพระพุทธศาสนา
ศึกษาเรื่องหนี้ตามทัศนะทางพระพุทธศาสนาศึกษาเรื่องหนี้ตามทัศนะทางพระพุทธศาสนา
ศึกษาเรื่องหนี้ตามทัศนะทางพระพุทธศาสนาpentanino
 
เทวตาธรรม
เทวตาธรรมเทวตาธรรม
เทวตาธรรมKiat Chaloemkiat
 
สภาวะของจิตสำนึก (Conscious)
สภาวะของจิตสำนึก (Conscious)สภาวะของจิตสำนึก (Conscious)
สภาวะของจิตสำนึก (Conscious)Naracha Nong
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1masitah yudee
 
สมองกับความคิด 2003
สมองกับความคิด 2003สมองกับความคิด 2003
สมองกับความคิด 2003kruampare
 
พระสงฆ์กับการเมือง
พระสงฆ์กับการเมืองพระสงฆ์กับการเมือง
พระสงฆ์กับการเมืองPadvee Academy
 
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจาร
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจารวิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจาร
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจารPadvee Academy
 
093โยนิโส มนสิการ
093โยนิโส มนสิการ093โยนิโส มนสิการ
093โยนิโส มนสิการniralai
 
Presentation1
Presentation1Presentation1
Presentation1olivemu
 
พุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายมาธยมิกะ
พุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายมาธยมิกะพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายมาธยมิกะ
พุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายมาธยมิกะPadvee Academy
 
ศึกษาเปรียบเทียบหลักจริยศาสตร์ของโสคราตีสกับพุทธปรัชญาเถรวาท
ศึกษาเปรียบเทียบหลักจริยศาสตร์ของโสคราตีสกับพุทธปรัชญาเถรวาทศึกษาเปรียบเทียบหลักจริยศาสตร์ของโสคราตีสกับพุทธปรัชญาเถรวาท
ศึกษาเปรียบเทียบหลักจริยศาสตร์ของโสคราตีสกับพุทธปรัชญาเถรวาทpentanino
 
กลุ่มพุทธิปัญญานิยม
กลุ่มพุทธิปัญญานิยมกลุ่มพุทธิปัญญานิยม
กลุ่มพุทธิปัญญานิยมNaracha Nong
 
ประวัติและวิวัฒนาการแนวความคิดทางปรัชญา
ประวัติและวิวัฒนาการแนวความคิดทางปรัชญาประวัติและวิวัฒนาการแนวความคิดทางปรัชญา
ประวัติและวิวัฒนาการแนวความคิดทางปรัชญาPadvee Academy
 
การบูรณาการหลักการทางพระพุทธศาสนาในการทำงานจิตอาสา
การบูรณาการหลักการทางพระพุทธศาสนาในการทำงานจิตอาสาการบูรณาการหลักการทางพระพุทธศาสนาในการทำงานจิตอาสา
การบูรณาการหลักการทางพระพุทธศาสนาในการทำงานจิตอาสาPadvee Academy
 
Luangpoo wan
Luangpoo wanLuangpoo wan
Luangpoo wanMI
 

Tendances (17)

Luangpoo lar
Luangpoo larLuangpoo lar
Luangpoo lar
 
ศึกษาเรื่องหนี้ตามทัศนะทางพระพุทธศาสนา
ศึกษาเรื่องหนี้ตามทัศนะทางพระพุทธศาสนาศึกษาเรื่องหนี้ตามทัศนะทางพระพุทธศาสนา
ศึกษาเรื่องหนี้ตามทัศนะทางพระพุทธศาสนา
 
เทวตาธรรม
เทวตาธรรมเทวตาธรรม
เทวตาธรรม
 
สภาวะของจิตสำนึก (Conscious)
สภาวะของจิตสำนึก (Conscious)สภาวะของจิตสำนึก (Conscious)
สภาวะของจิตสำนึก (Conscious)
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
สมองกับความคิด 2003
สมองกับความคิด 2003สมองกับความคิด 2003
สมองกับความคิด 2003
 
พระสงฆ์กับการเมือง
พระสงฆ์กับการเมืองพระสงฆ์กับการเมือง
พระสงฆ์กับการเมือง
 
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจาร
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจารวิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจาร
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจาร
 
093โยนิโส มนสิการ
093โยนิโส มนสิการ093โยนิโส มนสิการ
093โยนิโส มนสิการ
 
Presentation1
Presentation1Presentation1
Presentation1
 
F7
F7F7
F7
 
พุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายมาธยมิกะ
พุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายมาธยมิกะพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายมาธยมิกะ
พุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายมาธยมิกะ
 
ศึกษาเปรียบเทียบหลักจริยศาสตร์ของโสคราตีสกับพุทธปรัชญาเถรวาท
ศึกษาเปรียบเทียบหลักจริยศาสตร์ของโสคราตีสกับพุทธปรัชญาเถรวาทศึกษาเปรียบเทียบหลักจริยศาสตร์ของโสคราตีสกับพุทธปรัชญาเถรวาท
ศึกษาเปรียบเทียบหลักจริยศาสตร์ของโสคราตีสกับพุทธปรัชญาเถรวาท
 
กลุ่มพุทธิปัญญานิยม
กลุ่มพุทธิปัญญานิยมกลุ่มพุทธิปัญญานิยม
กลุ่มพุทธิปัญญานิยม
 
ประวัติและวิวัฒนาการแนวความคิดทางปรัชญา
ประวัติและวิวัฒนาการแนวความคิดทางปรัชญาประวัติและวิวัฒนาการแนวความคิดทางปรัชญา
ประวัติและวิวัฒนาการแนวความคิดทางปรัชญา
 
การบูรณาการหลักการทางพระพุทธศาสนาในการทำงานจิตอาสา
การบูรณาการหลักการทางพระพุทธศาสนาในการทำงานจิตอาสาการบูรณาการหลักการทางพระพุทธศาสนาในการทำงานจิตอาสา
การบูรณาการหลักการทางพระพุทธศาสนาในการทำงานจิตอาสา
 
Luangpoo wan
Luangpoo wanLuangpoo wan
Luangpoo wan
 

Similaire à พลังจากภายใน

กลุ่มจิตวิเคราะห์
กลุ่มจิตวิเคราะห์กลุ่มจิตวิเคราะห์
กลุ่มจิตวิเคราะห์Sarid Tojaroon
 
แนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชน
แนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชนแนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชน
แนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชนTongsamut vorasan
 
Why not the best? draft 2.0-29-9-59
Why not the best? draft 2.0-29-9-59Why not the best? draft 2.0-29-9-59
Why not the best? draft 2.0-29-9-59Pramook Boothsamarn
 
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธ
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธ
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธniralai
 
คำอริยะถึงในหลวง
คำอริยะถึงในหลวงคำอริยะถึงในหลวง
คำอริยะถึงในหลวงSongsarid Ruecha
 
Part 31
Part 31Part 31
Part 31Aaesah
 
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์Panda Jing
 
เครียดได้ก็หายได้
เครียดได้ก็หายได้เครียดได้ก็หายได้
เครียดได้ก็หายได้Phairot Odthon
 
สิ่งพิมพ์12
สิ่งพิมพ์12สิ่งพิมพ์12
สิ่งพิมพ์12PaChArIn27
 
ความคิดสร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์ความคิดสร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์Surapon Boonlue
 
You Are The One How Can You Chage The World (PDF)
You Are The One How Can You Chage The World (PDF)You Are The One How Can You Chage The World (PDF)
You Are The One How Can You Chage The World (PDF)Poramate Minsiri
 
ผู้นำขี้โอ่...โอหัง
ผู้นำขี้โอ่...โอหังผู้นำขี้โอ่...โอหัง
ผู้นำขี้โอ่...โอหังWat Thai Washington, D.C.
 
มนุษย์ ชาติ เผ่าพันธ์
มนุษย์ ชาติ เผ่าพันธ์มนุษย์ ชาติ เผ่าพันธ์
มนุษย์ ชาติ เผ่าพันธ์Danai Thongsin
 
กลุ่มน้องเต่าชิกูเมะ --มนุษยกับการแสวงหาความจริงและความหมายของชีวิต
กลุ่มน้องเต่าชิกูเมะ --มนุษยกับการแสวงหาความจริงและความหมายของชีวิตกลุ่มน้องเต่าชิกูเมะ --มนุษยกับการแสวงหาความจริงและความหมายของชีวิต
กลุ่มน้องเต่าชิกูเมะ --มนุษยกับการแสวงหาความจริงและความหมายของชีวิตfreelance
 
ชุดส่งเสริมความรู้ด้วยตนเองเรื่องอารมณ์และความเครียด
ชุดส่งเสริมความรู้ด้วยตนเองเรื่องอารมณ์และความเครียดชุดส่งเสริมความรู้ด้วยตนเองเรื่องอารมณ์และความเครียด
ชุดส่งเสริมความรู้ด้วยตนเองเรื่องอารมณ์และความเครียดtassanee chaicharoen
 

Similaire à พลังจากภายใน (20)

กลุ่มจิตวิเคราะห์
กลุ่มจิตวิเคราะห์กลุ่มจิตวิเคราะห์
กลุ่มจิตวิเคราะห์
 
Brands gat
Brands gatBrands gat
Brands gat
 
แนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชน
แนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชนแนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชน
แนวคิดเรื่องกรรมและความจริงสูงสุดของศาสนาเชน
 
Why not the best? draft 2.0-29-9-59
Why not the best? draft 2.0-29-9-59Why not the best? draft 2.0-29-9-59
Why not the best? draft 2.0-29-9-59
 
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธ
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธ
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธ
 
คำอริยะถึงในหลวง
คำอริยะถึงในหลวงคำอริยะถึงในหลวง
คำอริยะถึงในหลวง
 
กลอน
กลอนกลอน
กลอน
 
นวโกวาท
นวโกวาทนวโกวาท
นวโกวาท
 
Part 31
Part 31Part 31
Part 31
 
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
 
เครียดได้ก็หายได้
เครียดได้ก็หายได้เครียดได้ก็หายได้
เครียดได้ก็หายได้
 
สิ่งพิมพ์12
สิ่งพิมพ์12สิ่งพิมพ์12
สิ่งพิมพ์12
 
ความคิดสร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์ความคิดสร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์
 
You Are The One How Can You Chage The World (PDF)
You Are The One How Can You Chage The World (PDF)You Are The One How Can You Chage The World (PDF)
You Are The One How Can You Chage The World (PDF)
 
ผู้นำขี้โอ่...โอหัง
ผู้นำขี้โอ่...โอหังผู้นำขี้โอ่...โอหัง
ผู้นำขี้โอ่...โอหัง
 
มนุษย์ ชาติ เผ่าพันธ์
มนุษย์ ชาติ เผ่าพันธ์มนุษย์ ชาติ เผ่าพันธ์
มนุษย์ ชาติ เผ่าพันธ์
 
Saengdhamma in august 2010
Saengdhamma in august 2010Saengdhamma in august 2010
Saengdhamma in august 2010
 
04 develop2
04 develop204 develop2
04 develop2
 
กลุ่มน้องเต่าชิกูเมะ --มนุษยกับการแสวงหาความจริงและความหมายของชีวิต
กลุ่มน้องเต่าชิกูเมะ --มนุษยกับการแสวงหาความจริงและความหมายของชีวิตกลุ่มน้องเต่าชิกูเมะ --มนุษยกับการแสวงหาความจริงและความหมายของชีวิต
กลุ่มน้องเต่าชิกูเมะ --มนุษยกับการแสวงหาความจริงและความหมายของชีวิต
 
ชุดส่งเสริมความรู้ด้วยตนเองเรื่องอารมณ์และความเครียด
ชุดส่งเสริมความรู้ด้วยตนเองเรื่องอารมณ์และความเครียดชุดส่งเสริมความรู้ด้วยตนเองเรื่องอารมณ์และความเครียด
ชุดส่งเสริมความรู้ด้วยตนเองเรื่องอารมณ์และความเครียด
 

Plus de Pattie Pattie

สรุปการประชุม AAR การเข้าร่วมงาน HA National Forum ครั้งที่ 24 จาก กสศ
สรุปการประชุม AAR การเข้าร่วมงาน HA National Forum ครั้งที่ 24 จาก กสศสรุปการประชุม AAR การเข้าร่วมงาน HA National Forum ครั้งที่ 24 จาก กสศ
สรุปการประชุม AAR การเข้าร่วมงาน HA National Forum ครั้งที่ 24 จาก กสศPattie Pattie
 
สรุป Schools That Matter วันที่ 10 เมษายน 2567
สรุป Schools That Matter วันที่ 10 เมษายน 2567สรุป Schools That Matter วันที่ 10 เมษายน 2567
สรุป Schools That Matter วันที่ 10 เมษายน 2567Pattie Pattie
 
รูปแบบการขยายผลการจัดการเรียนรู้การแพทย์ฉุกเฉิน
รูปแบบการขยายผลการจัดการเรียนรู้การแพทย์ฉุกเฉินรูปแบบการขยายผลการจัดการเรียนรู้การแพทย์ฉุกเฉิน
รูปแบบการขยายผลการจัดการเรียนรู้การแพทย์ฉุกเฉินPattie Pattie
 
AIforTeaching โดย รศ. ดร. สิริวุฒิ บูรณพิร
AIforTeaching โดย รศ. ดร. สิริวุฒิ บูรณพิรAIforTeaching โดย รศ. ดร. สิริวุฒิ บูรณพิร
AIforTeaching โดย รศ. ดร. สิริวุฒิ บูรณพิรPattie Pattie
 
การบริหารวิชาการและหลักสูตร บรรยายโดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
การบริหารวิชาการและหลักสูตร บรรยายโดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิชการบริหารวิชาการและหลักสูตร บรรยายโดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
การบริหารวิชาการและหลักสูตร บรรยายโดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิชPattie Pattie
 
The Lancet Commission on peaceful societies through health equity and gender ...
The Lancet Commission on peaceful societies through health equity and gender ...The Lancet Commission on peaceful societies through health equity and gender ...
The Lancet Commission on peaceful societies through health equity and gender ...Pattie Pattie
 
คณะพยาบาลศาสตร์ สบช KMSharingforLearningOrganization
คณะพยาบาลศาสตร์ สบช KMSharingforLearningOrganizationคณะพยาบาลศาสตร์ สบช KMSharingforLearningOrganization
คณะพยาบาลศาสตร์ สบช KMSharingforLearningOrganizationPattie Pattie
 
การประชุมกลุ่มสามพราน ตระกูล ส โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี
การประชุมกลุ่มสามพราน ตระกูล ส โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสีการประชุมกลุ่มสามพราน ตระกูล ส โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี
การประชุมกลุ่มสามพราน ตระกูล ส โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสีPattie Pattie
 
Transformative Education——Pearls in Medical Education 2567
Transformative Education——Pearls in Medical Education 2567Transformative Education——Pearls in Medical Education 2567
Transformative Education——Pearls in Medical Education 2567Pattie Pattie
 
ResearchfoundationPro.pdf
ResearchfoundationPro.pdfResearchfoundationPro.pdf
ResearchfoundationPro.pdfPattie Pattie
 
PMAYP2024_Opening speech (Prof. Vicharn).pdf
PMAYP2024_Opening speech (Prof. Vicharn).pdfPMAYP2024_Opening speech (Prof. Vicharn).pdf
PMAYP2024_Opening speech (Prof. Vicharn).pdfPattie Pattie
 
KrungthepThaonUniv.pptx
KrungthepThaonUniv.pptxKrungthepThaonUniv.pptx
KrungthepThaonUniv.pptxPattie Pattie
 
จาก KM สู่ SLC.pptx
จาก KM สู่ SLC.pptxจาก KM สู่ SLC.pptx
จาก KM สู่ SLC.pptxPattie Pattie
 

Plus de Pattie Pattie (20)

สรุปการประชุม AAR การเข้าร่วมงาน HA National Forum ครั้งที่ 24 จาก กสศ
สรุปการประชุม AAR การเข้าร่วมงาน HA National Forum ครั้งที่ 24 จาก กสศสรุปการประชุม AAR การเข้าร่วมงาน HA National Forum ครั้งที่ 24 จาก กสศ
สรุปการประชุม AAR การเข้าร่วมงาน HA National Forum ครั้งที่ 24 จาก กสศ
 
สรุป Schools That Matter วันที่ 10 เมษายน 2567
สรุป Schools That Matter วันที่ 10 เมษายน 2567สรุป Schools That Matter วันที่ 10 เมษายน 2567
สรุป Schools That Matter วันที่ 10 เมษายน 2567
 
รูปแบบการขยายผลการจัดการเรียนรู้การแพทย์ฉุกเฉิน
รูปแบบการขยายผลการจัดการเรียนรู้การแพทย์ฉุกเฉินรูปแบบการขยายผลการจัดการเรียนรู้การแพทย์ฉุกเฉิน
รูปแบบการขยายผลการจัดการเรียนรู้การแพทย์ฉุกเฉิน
 
AIforTeaching โดย รศ. ดร. สิริวุฒิ บูรณพิร
AIforTeaching โดย รศ. ดร. สิริวุฒิ บูรณพิรAIforTeaching โดย รศ. ดร. สิริวุฒิ บูรณพิร
AIforTeaching โดย รศ. ดร. สิริวุฒิ บูรณพิร
 
การบริหารวิชาการและหลักสูตร บรรยายโดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
การบริหารวิชาการและหลักสูตร บรรยายโดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิชการบริหารวิชาการและหลักสูตร บรรยายโดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
การบริหารวิชาการและหลักสูตร บรรยายโดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
 
The Lancet Commission on peaceful societies through health equity and gender ...
The Lancet Commission on peaceful societies through health equity and gender ...The Lancet Commission on peaceful societies through health equity and gender ...
The Lancet Commission on peaceful societies through health equity and gender ...
 
คณะพยาบาลศาสตร์ สบช KMSharingforLearningOrganization
คณะพยาบาลศาสตร์ สบช KMSharingforLearningOrganizationคณะพยาบาลศาสตร์ สบช KMSharingforLearningOrganization
คณะพยาบาลศาสตร์ สบช KMSharingforLearningOrganization
 
การประชุมกลุ่มสามพราน ตระกูล ส โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี
การประชุมกลุ่มสามพราน ตระกูล ส โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสีการประชุมกลุ่มสามพราน ตระกูล ส โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี
การประชุมกลุ่มสามพราน ตระกูล ส โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี
 
Transformative Education——Pearls in Medical Education 2567
Transformative Education——Pearls in Medical Education 2567Transformative Education——Pearls in Medical Education 2567
Transformative Education——Pearls in Medical Education 2567
 
ResearchfoundationPro.pdf
ResearchfoundationPro.pdfResearchfoundationPro.pdf
ResearchfoundationPro.pdf
 
PMAYP2024_Opening speech (Prof. Vicharn).pdf
PMAYP2024_Opening speech (Prof. Vicharn).pdfPMAYP2024_Opening speech (Prof. Vicharn).pdf
PMAYP2024_Opening speech (Prof. Vicharn).pdf
 
670111_PDF.pdf
670111_PDF.pdf670111_PDF.pdf
670111_PDF.pdf
 
NoteMemoCare.pdf
NoteMemoCare.pdfNoteMemoCare.pdf
NoteMemoCare.pdf
 
KrungthepThaonUniv.pptx
KrungthepThaonUniv.pptxKrungthepThaonUniv.pptx
KrungthepThaonUniv.pptx
 
จาก KM สู่ SLC.pptx
จาก KM สู่ SLC.pptxจาก KM สู่ SLC.pptx
จาก KM สู่ SLC.pptx
 
Udom_Pdf.pdf
Udom_Pdf.pdfUdom_Pdf.pdf
Udom_Pdf.pdf
 
Kregrit_Pdf.pdf
Kregrit_Pdf.pdfKregrit_Pdf.pdf
Kregrit_Pdf.pdf
 
Phuket_sandbox.pdf
Phuket_sandbox.pdfPhuket_sandbox.pdf
Phuket_sandbox.pdf
 
Surin_ppt.pptx
Surin_ppt.pptxSurin_ppt.pptx
Surin_ppt.pptx
 
Nakornsawan.pdf
Nakornsawan.pdfNakornsawan.pdf
Nakornsawan.pdf
 

พลังจากภายใน

  • 1.
  • 2. 1พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน เราทําได้ร่วมกัน พลังจากภายใน า ตราจารย์ นายแพทย์ประเ ะ ี (Inner Power, Together We Can) สิ่งสูงสุดแห่งความเปนมนุษย
  • 3. 2 ประเ ะ ี พลังจากภายใน เราท�าได้ร่ มกัน (Inner Power, Together We Can) ผู้เขียน า ตราจารย์ นายแพทย์ประเ ะ ี พิมพ์ครั้งที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๐ จ�าน น ๘,๕๐๐ เล่ม ออกแบบโดย สำ�นักพิมพ์หมอช�วบ้�น ๓๖/๖ ซ.ประดิพัทธ์ ๑๐ ถ.ประดิพัทธ์ แข ง ามเ นใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ โทร ัพท์ ๐-๒๖๑๘-๔๗๑๐ โทร าร ๐-๒๒๗๑-๑๘๐๖, ๐-๒๒๗๘-๐๑๗๐ www.thaihealthbook.com e-mail : info@thaihealthbook.com แยก ี/พิมพ์ที่ : พิมพ์ดี, มุทร าคร พิมพ์/เผยแพร่โดย สถ�บันรับรองคุณภ�พสถ�นพย�บ�ล (องค์ก�รมห�ชน) เลขที่ ๘๘/๓๙ ชั้น ๕ อาคารสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ซอย ๖ ถ.ติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี ๑๑๐๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๘๓๒-๙๔๐๐ โทรสาร ๐-๒๘๓๒-๙๕๔๐-๒ www.ha.or.th
  • 4. 3พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน ในช่ งประ ัติ า ตร์ของมนุ ย์ชาติ อย่างที่เป็นมนุ ย์ในปัจจุบันประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ ปี ประมาณ ๑๙๐,๐๐๐ ปี เป็นชี ิตในป่าล่า ัต ์ ประมาณ ๑๐,๐๐๐ ปี เป็นชุมชน เก ตรกรรม เพียง ๕๐๐ ปีนี่เองที่เริ่มเข้า ู่ยุค ังคม มัยใ ม่ แต่ ังคม มัยใ ม่ก็เปลี่ยนแปลงอย่างร ดเร็ ลับซับซ้อนและ ยาก ใ ม่และเร็ เ ียจนระบบชี ิทยาที่เตรียมมา ำา รับ ังคม มัย เก่าไม่ ามารถเผชิญได้ทัน ค ามขัดแย้งระ ่าง ังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างร ดเร็ ลับ ซับซ้อนและยาก กับระบบชี ิทยาของมนุ ย์นำาไป ู่ค ามเครียด ค ามเครียดนำาไป ู่การมีภูมิคุ้มกันบกพร่องและพยาธิ ภาพต่างๆ เช่น โรค ั ใจ โรคมะเร็ง โรคจิตประ าท และพฤติกรรมเบี่ยงเบนต่างๆ มนุ ย์ใช้พลังภายนอกไปเกือบ มดแล้ ในการเผชิญกับปัญ า ต่างๆ พลังภายนอกเป็นพลัง ยาบๆ และตื้น จึงไม่เพียงพอที่จะเผชิญ กับค ามซับซ้อนและยากของ ังคมปัจจุบัน แต่มนุ ย์ในฐานะที่เป็นมนุ ย์ ซึ่งต่างจาก ัต ์ มีพลังภายในที่ ซ่อนอยู่ในตั ซึ่งเป็นพลังม า าล ประดุจพลังนิ เคลียร์ในตั มนุ ย์ และมีคุณภาพ ูง ถึงเ ลาที่มนุ ย์จะต้องนำาพลังภายในอันม า าล และมีคุณภาพ ูง มาเผชิญกับค ามซับซ้อนและยากของ ถานการณ์ ปัจจุบัน เพื่อทำาใ ้ ิ่งที่เป็นไปไม่ได้เป็นไปได้ Inner power makes the impossible possible 3พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน
  • 5. 4 ประเ ะ ี พลังภายนอกและพลังภายใน กับ มอง ่ น ลังและ มอง ่ น น้า......................................๕ จากพละ ๕ ู่พลังจากภายใน ๑๐ ประการ............................๙ เราทำาได้ร่ มกัน การเรียนรู้ร่ มกันในการปฏิบัติใน ถานการณ์จริง...............๒๙ ปกค. (INN) กลไกแ ่งค าม ร้าง รรค์และค าม ุข ำา รับทุกคน..........๔๑ จาก HA และ R2R ู่การ ร้าง ังคม ันติ ุข........................๔๕ ารบัญ พลังภายนอกและพลังภายใน กับ มอง ่ น ลังและ มอง ่ น น้า๑ จากพละ ๕ ู่พลังจากภายใน ๑๐ ประการ๒เราทำาได้ร่ มกัน การเรียนรู้ร่ มกันในการปฏิบัติใน ถานการณ์จริง๓ ปกค. (INN) กลไกแ ่งค าม ร้าง รรค์และค าม ุข ำา รับทุกคน๔ จาก HA และ R2R ู่การ ร้าง ังคม ันติ ุข๕
  • 6. 5พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน พลังภายนอก และพลังภายใน มนุ ย์ ิ ัฒนาการมาจาก ัต ์ จึงมี ่ นของค ามเป็น ัต ์อยู่ในตั มองของมนุ ย์ ามารถมองเ ็นด้ ยตาเปล่า ่าแบ่ง เป็น ๓ ่ น คือ มอง ่ นใน ุดอยู่ค่อนไปข้าง ลัง เรียก ่า มอง ัต ์เลื้อยคลาน (reptilian brain) ทำา น้าที่เกี่ย กับค ามอยู่รอด เช่น การเต้นของ ั ใจ การ ายใจ การ ืบพันธุ์ การต่อ ู้ การ นีเอาตั รอด ๑ สมองสวนหลังสมองสวนหลังกับ สมองสวนหนาและ
  • 7. 6 ประเ ะ ี มองชั้นกลาง เรียก ่า มอง ัต ์เลี้ยงลูกด้ ยนำ้านม (mam- malian brain) ทำา น้าที่เกี่ย กับอารมณ์ค ามรู้ ึก ดังจะเ ็นได้ ่า ุนัขและแม มีอารมณ์ แต่จระเข้ไม่มี มองชั้นนอกอยู่ค่อนไปข้าง น้า เป็น มองมนุ ย์ที่พอก นา ขึ้นมาใ ญ่มาก ทำา น้าที่เกี่ย กับ ติปัญญา ิจารณญาณ ีลธรรม และเรื่องที่เป็นนามธรรมต่างๆ เช่น จินตนาการ มอง ่ น น้า = มองมนุ ย์ - ติปัญญา ิจารณญาณ ีลธรรม มองชั้นกลาง = มอง ัต ์เลี้ยงลูกด้ ยน�้านม - อารมณ์ มอง ่ น ลัง = มอง ัต ์เลื้อยคลาน - ค ามอยู่รอด รูปที่ ๑ แผนภาพแ ดง มอง ๓ ่ นของมนุ ย์
  • 8. 7พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน อาจกล่า ได้ ่า พลังภายนอก เกี่ย กับ ่ นที่ มอง ัต ์ คือ มอง ่ น น้าและ มอง ่ นกลางเป็น ่ นใ ญ่ พลังภายใน เกี่ย กับ มอง ่ น น้า รือ มอง ่ นที่เป็นมนุ ย์เป็น ่ นใ ญ่ มนุ ย์แต่ครั้งโบราณต้องใช้พลังกล้ามเนื้อมาก ไม่ ่าจะในการ ล่า ัต ์ ในการทำาเก ตรกรรม และในการเอาตั รอดจากภยันตราย ต่างๆ เช่น การเผชิญกับ ัต ์ร้าย รือจากชนเผ่าอื่นที่มาโจมตี การเอา ตั รอดไม่ ่าจะโดย ู้ รือ นีล้ นต้องการพลังกล้ามเนื้ออย่างม า าล ต่อม amygdala ที่อยู่ใน มองชั้นกลาง ซึ่งทำา น้าที่เกี่ย กับอารมณ์ เช่น เมื่อเกิดค ามกลั ก็จะ ั่งไปใ ้ร่างกาย ลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลิน (adrenaline) ซึ่งจะกระตุ้น ั ใจใ ้เต้นเร็ ค ามดันโล ิต ูงขึ้น กล้ามเนื้อเกิดพลังม า าล เพื่อการ ู้ รือ นี มนุ ย์ได้ถูกโปรแกรมมาจาก ภาพแ ดล้อมในครั้งโบราณ ่า ถ้าเผชิญปัญ าต้องผลิต ารเร่งคือ อะดรีนาลิน ปัญ าปัจจุบันได้ เปลี่ยนไปแล้ ไม่ใช่การเผชิญเ ือในป่าอีกต่อไป แต่เป็นปัญ าใ ม่ๆ ที่ ลับซับซ้อน ยาก และเปลี่ยนแปลงอย่างร ดเร็ ไม่ได้ใช้พลัง กล้ามเนื้อแบบเดิมอีกต่อไป แต่ร่างกายก็ยังตอบโต้แบบเดิมคือ ผลิต อะดรีนาลินออกมา ทำาใ ้ ั ใจเต้นเร็ ค ามดันโล ิตขึ้น ารกระตุ้น ที่ไม่ได้ใช้นี่แ ละเป็นตั ทำาใ ้เกิดโรคเครียดกับบริ ารของโรคเครียดที่ ตามมาเป็นพร น อันเป็นปัญ าใ ญ่ที่ ุดของมนุ ย์ทั่ โลก
  • 9. 8 ประเ ะ ี “การใช้อ�านาจได้ผลน้อยลงๆ” – Power is less and less effective การใช้อำานาจก็เป็นการใช้พลังภายนอก การใช้อำานาจก็มีการใช้กำาลัง รือใช้ค ามรุนแรงเข้าบีบบังคับ การใช้อำานาจรัฐ และการใช้อำานาจเงิน – อำานาจทั้ง ๓ นี้ ัมพันธ์กัน เคยใช้ได้กับปัญ าง่ายๆตรงไปตรงมาแต่ปัญ าปัจจุบันที่ ลับซับซ้อน การใช้อำานาจได้ผลน้อยลงๆ จึงเป็นที่มาของคำากล่า ข้างต้น ลองดู ตั อย่างประธานาธิบดีอเมริกันซึ่งอาจถือ ่าเป็นผู้มีอำานาจ ูง ุดในโลก ก็ทำาอะไรไม่ค่อยได้ ทั้งเรื่องในประเท ของตั เองและเรื่องของโลก ในเมื่อพลังภายนอก ซึ่งร มถึงการใช้อำานาจทั้ง ลาย ไม่ ามารถแก้ปัญ า ังคมปัจจุบัน ถึงเ ลาต้อง ันไปใช้พลังจากภายใน พลังจากภายในเกี่ย กับ มอง ่ น น้า ซึ่งเป็น มองของมนุ ย์ อันต่างจาก ัต ์อื่นๆ เซลล์ มองและเ ้นใยประ าทที่มีลัก ณะพิเ ของ มอง ่ นนี้ทำาใ ้เกิด ักยภาพทางนามธรรมที่ ัต ์อื่นๆ ไม่มี เช่น จินตนาการ จิต ำานึก ิจารณญาณ ีลธรรม ฯลฯ พลังจากภายในนี้มี พลัง ค ามลึกซึ้งและคุณภาพ มากก ่าพลังจากภายนอก และรอใ ้ มนุ ย์ใช้มาตั้ง ๒๐๐,๐๐๐ ปีแล้ คือตั้งแต่มีค ามเป็นมนุ ย์อย่าง ปัจจุบันที่เรียก ่า homo sapiens เพื่อจะใ ้เ ็นภาพ ่าโจรผู้ร้ายและพระจักรพรรดิต่างๆ คือผู้ใช้ พลังภายนอก แต่พระพุทธเจ้าใช้พลังภายใน พลังภายในเป็นธรรมชาติ ที่มีอยู่แล้ ในตั คนดังที่พูด ่าทุกคนมีเมล็ดพันธุ์แ ่งค ามดีอยู่ในจิตใจ รือ ่าทุกคนมีโพธิจิตอยู่ในตั เราจะได้ดูกันต่อไป ่า พลังจากภายใน เป็นอย่างไร
  • 10. 9พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน ในทางพระพุทธ า นามีคำา ่า อินทรีย์ ๕ พละ ๕ ซึ่ง มายถึง รัทธา ิริยะ ติ มาธิ ปัญญา ทั้ง ๕ ประกอบกันเป็นพละ รือพลังม า าลที่ ่งใ ้ บรรลุธรรม นี้เป็นตั อย่างของพลังจากภายใน จากประ บการณ์กับการเผชิญปัจจุบันที่ยากและ ซับซ้อน เราอาจขยายเรื่องพลังจากภายในเป็น ๑๐ ประการ ดังนี้ (รูปที่ ๒) จากพละ ๕ สูพลังจากภายใน ๒ ๑๐ ประการ
  • 11. 10 ประเ ะ ี ๑๐. พลังปัญญา รูปที่ ๒ พลังภายใน ๑๐ ประการ (ท พละ) ๔. พลัง ังฆะ ๔. พลังเมตตา ๓. พลัง ุนทรียทั น์ ๒. พลังจินตนาการ ๑. พลังจิต �านึก ๙. พลัง มาธิ ๘. พลัง ติ ๗. พลัง ิริยะ ๖. พลัง รัทธา
  • 12. 11พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน (๑)พลังจิต �านึก จิต ำานึกของ ัต ์มีข้อจำากัดตามชี ิทยา ของตน เช่น จิตของทาก ของมด ของผึ้ง ของ นู ของแม ของ ุนัข ของลิง ของช้าง ัต ์เ ล่านี้แต่ละตั มีค ามรู้ ึกนึกคิดและกระทำาได้ตามขนาด จิตของตั เท่านั้น แต่ ำา รับมนุ ย์แล้ มีค ามเป็นพิเ ต่างจาก ัต ์ ที่คนๆ เดิม ามารถขยายจิต ำานึกใ ้ใ ญ่ออกไปอย่างไม่มีที่ ิ้น ุด รูปที่ ๓ จิต �านึกของมนุ ย์อาจขยายใ ญ่ออกไปอย่างไม่มีที่ ิ้น ุด จิต ำานึกของโจรกับจิต ำานึกของพระพุทธเจ้ามีขนาดต่างกัน มาก ทั้งๆ ที่เป็นคนเ มือนกัน ค ามเ ็นแก่ตั (ego) เป็นปฏิภาคกับ จิต ำานึก คือคนที่เ ็นแก่ตั มาก จิต ำานึกเล็ก คิดถึงคนอื่นและ ิ่งอื่น น้อย คนที่เ ็นแก่ตั น้อย จิต ำานึกใ ญ่ คำานึงถึงคนอื่นและ ิ่งอื่นมาก คนอาจมีจิต ำานึกที่ใ ญ่มากจนเ ็นคนทั้ง มดและธรรมชาติทั้ง มด เป็น นึ่งเดีย กันก็ได้
  • 13. 12 ประเ ะ ี คนที่จิต ำานึกเล็ก จะถูกค ามคับแคบบีบคั้นใ ้ขัดแย้งใน ตั เอง และขัดแย้งกับผู้อื่น มนุ ย์อ กา ชื่อ เอ็ดการ์ มิทเชลล์ เมื่อยืน อยู่บนด งจันทร์มองเ ็นโลกทั้งใบลอยฟ่องอยู่ในอ กา การเข้าถึง ค ามเป็น นึ่งเดีย ของโลกทั้งใบ เขากลับมายังโลกเป็นคนที่เปลี่ยน ไปโดย ิ้นเชิง คือมีค ามเป็นอิ ระ มีค าม ุขอันดื่มดำ่า มีมิตรภาพ อันไพ าลต่อมนุ ย์และธรรมชาติทั้ง มด เพราะเขาเกิดจิต ำานึกใ ม่ ซึ่งเป็นจิต ำานึกใ ญ่ การ ัมผั กับค ามทุกข์ยากของผู้คนก็กระตุ้นจิต ำานึกได้ ดังที่เจ้าชาย ิทธัตถะ เมื่อเ ด็จ นีออกจาก ังกรุงกบิลพั ดุ์ แล้ ไป พบคนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ซึ่งแน่นอนจะต้องพบคนยากคนจนด้ ย จิต ำานึกของพระองค์ท่านก็เปลี่ยนไป ซึ่งทำาใ ้ทรงมีฉันทะ ิริยะอย่าง แรงกล้าในการแ ง าค ามรู้เพื่อทำาใ ้ได้ ในการพัฒนาปัจจุบันเป็น ego-centric คือเน้นที่ตั ตนเป็น ูนย์กลางทำาใ ้ผู้คนมีจิต ำานึกคับแคบไม่ ามารถ ร้าง ังคมแ ่งการ อยู่ร่ มกันอย่าง ันติได้ ที่จะพ้นจาก ภา ะ ิกฤตได้ มนุ ย์ชาติต้อง ขยายจิต ำานึกใ ้เป็นจิต ำานึกใ ม่ ซึ่งเป็นจิต ำานึกใ ญ่ที่คำานึงถึงคน ทั้ง มดและธรรมชาติทั้ง มด ขณะนี้กระบ นการจิต ำานึกใ ม่เป็นกระแ ใ ญ่ในโลก (mega trend) มี ิธีการอัน ลาก ลายที่จะก่อใ ้เกิดจิต ำานึกใ ม่ ซึ่ง จะไม่กล่า ถึงในที่นี้ จะ รุปเพียง ่าจิต ำานึกเป็นพลังภายในที่มีพลัง ม า าลที่จะนำาไป ู่ ิ่งดีๆ ทั้งป ง อนึ่ง ใน ังคมผู้คนถูกทำาใ ้ด้อย ักดิ์ รี และด้อย ักยภาพ ของค ามเป็นคนด้ ยมายาคติต่างๆ ำานึกใน ักดิ์ รีแ ่งค ามเป็น
  • 14. 13พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน มนุ ย์จะปลดปล่อยผู้คนออกจากพันธนาการของมายาคติ เป็นอิ ระ เกิดค าม ุขอย่างลำ้าลึก และมี ักยภาพในการทำาเรื่องดีๆ ำานึกใน ักดิ์ รีของค ามเป็นมนุ ย์ของตนเองและเคารพใน ักดิ์ รีค ามเป็น มนุ ย์ของคนอื่น อยู่ในตระกูลจิต ำานึก และเป็นพลังจากภายในอย่าง ม า าล (๒) พลังจินตนาการ ไม่แน่ ่า ัต ์จะมีจินตนาการได้บ้าง รือ ไม่ แต่มนุ ย์ ามารถมีจินตนาการได้อย่างไม่มีที่ ิ้น ุด ค ามรู้มีข้อ จำากัด ่ารู้แค่นี้ ทำาได้แค่นี้ แต่จินตนาการไม่มีข้อจำากัด ามารถ จินตนาการเกินเลยค ามจริงออกไป จินตนาการจะก่อใ ้เกิดพลังเพื่อ ร้างค ามรู้ใ ้ทำาใ ้ได้จริง เช่น จินตนาการ ่าจะเ าะเ ินเดินอากา ได้ ทำาใ ้ ร้างเครื่องบินได้ จินตนาการ ่าจะมี ูทิพย์ ทำาใ ้มีโทร ัพท์ จินตนาการ ่าจะมีตาทิพย์ ทำาใ ้มีโทรทั น์ เจ้าชาย ิทธัตถะทรงมี จินตนาการ ่ามนุ ย์พ้นทุกข์ได้ ซึ่งเป็นจินตนาการที่ใ ญ่มาก แต่ขณะ นั้นยังไม่ทรงมีค ามรู้ ดังที่ไปลองผิดลองถูกอยู่ ๖ ปี จินตนาการทำาใ ้ เกิดฉันทะ ิริยะอย่างแรงกล้าที่จะ ร้างค ามรู้อันนำาไป ู่การทำาได้จริง ชา คุณภาพโรงพยาบาลอาจมีจินตนาการ ่าในอนาคต ถานบริการ ทุกแ ่งจะมีคุณภาพ มบูรณ์ ผู้ป่ ยทุกคนจะได้รับบริการที่มีค าม ปลอดภัย และมีคุณภาพ ูง ุดใ ้ มกับคุณค่าที่เกิดมาเป็นมนุ ย์ เมื่อ มีจินตนาการแล้ เราก็พากันทำาใ ้ได้จริง เป็นที่รู้กัน ่าค ามฝัน รือ จินตนาการยิ่งใ ญ่ยิ่งมีพลังมาก เป็นพลังจากภายใน เราทุกคนต้องมี จินตนาการใ ญ่
  • 15. 14 ประเ ะ ี (๓) พลัง ุนทรียทั น์ โดย ัญชาตญาณระ ังภัย มนุ ย์จะมอง และจดจำาในแง่ร้าย เพราะเรื่องไม่ดีอันตรายต่อเรา แต่การมองในแง่ ร้ายก็ทำาใ ้ทอนกำาลังและขาดค าม ุข การมองเ ็นค ามดี รือ ุนทรียทั น์ ทำาใ ้เกิดค ามปีติและพลัง ร้าง รรค์ มีผู้คนที่ทำาอะไร ดีๆ มากมาย ถ้าเราไปรับรู้ รือเรียนรู้เรื่องเ ล่านั้น เราก็จะมีค าม ุข มีกำาลังใจและฉลาดขึ้นถ้าเราทำาอย่างนี้มากขึ้นๆก็จะเกิดปัญญารอบรู้ และการที่เราไปรับรู้เรื่องดีๆ ก็ทำาใ ้คนที่ทำาเรื่องเ ล่านั้นมีพลังขึ้น ด้ ย ที่เรียก ่า Appreciative energy มีกระบ นการที่เรียก ่า Appreciative Inquiry (AI) ตามปรกติคนจะพูดถึงองค์กรในแง่ลบ เพราะธรรมชาติของค ามจำาที่จำาเรื่องร้ายมากก ่าเรื่องดีดังกล่า แล้ กระบ นการ AI ทำาตรงข้ามคือ ไปถามกัน ่า ท่านภูมิใจอะไรในองค์กร ของท่านบ้าง มีเรื่องอะไรดีๆ ในองค์กรของท่านบ้าง การถามในทำานอง นี้ทำาใ ้องค์กรเกิดพลังม า าล เป็นพลังจากภายในอีกชนิด นึ่ง ในทาง ิชาการมีเป็นอันมากที่ถือการ ิพาก ์ ิจารณ์เป็น ลัก ทำาใ ้มองคับแคบ ใช้อัตโนมติมากเกินไป ก่อใ ้เกิดค ามทุกข์ค าม ขัดแย้งในตั เองและผู้อื่น ่ น ุนทรียทั น์ทำาใ ้เปิดใจก ้างและเรียน รู้จากค ามเป็นจริง ามารถเป็นบ่อเกิดของการเป็นบุคคลเรียนรู้ และ คนที่มีปีติ ุขได้ ร มทั้งเกิด ามัคคีธรรม ุนทรียทั น์จึงเป็นพลังจาก ภายในอีกอย่าง นึ่งซึ่งมีค่ามาก นี้อาจจะร มถึง เ ็นค ามงามของธรรมชาติรอบๆ ตั และ ค ามรู้ ึก ำานึกถึงบุญคุณของ รรพ ิ่งอย่างลึกซึ้ง ่าชี ิตของเราเป็น ไปได้เพราะคนอื่นและ ิ่งอื่น ค ามกตัญญูรู้คุณของคนอื่นและ ิ่งอื่น อย่างดื่มดำ่าอยู่ตลอดเ ลา จะทำาใ ้ค ามคิดจิตใจกลมกล่อม ประ าน
  • 16. 15พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน กับค ามเป็นจริงตามธรรมชาติ มีปีติ ุขอยู่ในตั รักผู้อื่น รักธรรมชาติ มีค ามเมตตากรุณา มีพลังภายในพร้อมที่จะ ร้าง รรค์ต่างๆ ตรงข้าม กับคนที่คิดแบบตายตั เข้าไป ู่การแยก ่ น ุดโต่ง แม้มีค าม ังดี รืออุดมการณ์ก็นำาตนเข้าไป ู่มุมอับ เครียด มดพลัง รือถึงเ ียชี ิต เพราะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เพราะค ามเครียด (๔) พลังเมตตา มองของมนุ ย์มี ่ นที่รับรู้ค ามทุกข์ยาก ของผู้อื่นแล้ เกิดค ามเ ็นใจ (empathy) และอยากช่ ยเ ลือ นี้เป็น เมล็ดพันธุ์แ ่งค ามดีที่มีอยู่ในมนุ ย์ทุกคน ค ามเมตตากรุณาเป็น พลังภายในที่มีพลัง ูงยิ่งจนกล่า กัน ่า“เมตตาเป็นเครื่องคำ้าจุนโลก” เมตตาเป็นข้า ึกกับค ามโกรธค ามเกลียด ค ามโกรธค ามเกลียด เป็นเครื่องบั่นทอนกำาลังและนำาไป ู่ค ามรุนแรง การคิดด้ ยเ ตุผล บ่อยๆ ครั้ง ก็ไม่ ามารถ ยุดยั้งค ามโกรธค ามเกลียดได้ แต่เมตตามี ผลชะงัดมาก ามารถ ยุดค ามโกรธค ามเกลียดได้ทันที การเจริญ เมตตา ถ้าทำาใ ้มากทำาใ ้บุคคลบรรลุธรรมได้ ในการทำางานที่ยากบ่อยๆ ครั้ง มีอุป รรคที่ทำาใ ้ท้อถอย ท่าน อาจารย์พุทธทา ได้ใ ้คาถาการทำางานฝ่าค ามยากไ ้ คือ ุทธิ ปัญญา เมตตา ขันติ ุทธิคือค ามบริ ุทธิ์ ซึ่งจะช่ ยผ่อน นักเป็นเบา แต่ก็ไม่พอ ต้องการปัญญา ซึ่งแม้ใช้ทั้ง ุทธิและปัญญาแล้ ก็ยังไม่พอ ต้องใช้ เมตตาอีกด้ ย กระนั้นก็ตามในปัญ ายาก ุดๆ ยังต้องการขันติอีก พลังค ามเมตตาของพระพุทธองค์นั้นได้รับการกล่า ข ัญกัน ่า ามารถ ยุดยั้งภยันตรายต่างๆ ทั้งจากมนุ ย์และอมนุ ย์ ท่าน
  • 17. 16 ประเ ะ ี ดาไลลามะผู้นำาชา พุทธที่ได้รับ รัทธามากในโลกตะ ันตกก็เน้นเรื่อง compassion รือค ามกรุณาเป็นพิเ พระ ันตะปาปาฟรานซิ องค์ปัจจุบันก็ทรงมีชื่อเ ียงกระฉ่อนไปทั่ โลกในค ามเมตตาม า าล ของพระองค์ การทำาอะไรค รเอาใจนำา ถ้าเอาค ามรู้นำาจะเครียดและกลั คือกลั ่าเราไม่รู้จริง คนอื่นเขาจะมีค ามรู้มากก ่าเรา เราคงทำาไม่ได้ เพราะค ามรู้ไม่พอ แต่ถ้าเอาใจนำาคือค ามเมตตา เราจะทำาเพื่อเพื่อน มนุ ย์ ค ามรู้มีเท่าใดก็ไม่เป็นไร าเพิ่มเติมได้ ถ้าเอาใจนำาเราจะไม่ กลั จะใ ้ไปพูดที่ไ นๆ ก็ได้ เพราะใจเพื่อเพื่อนมนุ ย์ รือค าม เมตตาเรามีอยู่จริงๆ ่ นค ามรู้มีมากน้อยเท่าใดก็รับ ภาพตามค าม เป็นจริง ไม่เป็นไรดอก เอาค ามจริงเข้า ่า เมื่อลงมือทำาก็จะเรียนรู้ และมีค ามรู้ขึ้นมาเองการมีค ามเมตตา รือมีใจเพื่อเพื่อนมนุ ย์ รือ มี ั ใจแ ่งค ามเป็นมนุ ย์ จึงเป็นพลังภายในที่ยิ่งใ ญ่ ที่ก่อใ ้เกิด ค าม ุข ขจัดค ามกลั นำาไป ู่ ุข ัมพันธ์และค าม ร้าง รรค์ใ ญ่ๆ ได้ (๕) พลังแ ่ง ังฆะ ังฆะ มายถึงการร มตั รือการร่ มกัน รือ ังคม รือค ามเป็นชุมชน มนุ ย์เป็น ัต ์ที่มีร่างกายที่อ่อนแอ เมื่อเทียบกับ ัต ์อื่น เช่น เ ือ รือ ิงโต แต่การที่มียีนเกิดขึ้นใน ัต ์ พันธุ์ที่เรียก ่า homo sapiens รือเผ่าพันธุ์มนุ ย์ในปัจจุบัน ที่ทำาใ ้ ร มตั กันทำาเรื่องต่างๆ มนุ ย์ก็เอาชนะ ัต ์ทั้งป งได้ การร มตั ร่ ม คิดร่ มทำา ทำาใ ้เกิดพลังร่ ม ซึ่งมีพลังผุดบังเกิดเพิ่มม า าล คือไม่ใช่ ๑ + ๑ = ๒ แต่เป็นคล้ายๆ nuclear fusion คือเมื่อนิ เคลีย ของ
  • 18. 17พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน ธาตุมาร มกัน แล้ ปล่อยพลังม า าลออกมา ดังที่นิ เคลีย ของธาตุ ไฮโดรเจน ๒ ตั ร มกัน H + H ในด งอาทิตย์ แล้ ปล่อยพลังงาน ของด งอาทิตย์ออกมาไปทั่ ุริยจักร าล พลังของการร มตั มีทั้งทำาใ ้เกิดพลังภายนอก คือ พลังทาง ังคม และพลังภายใน เช่น ปัญญาร่ ม และพลังอื่นๆ อันเป็นพลัง ม า าล ดังจะได้กล่า แยกออกไปอีกในตอน “เราทำาได้ร่ มกัน” ใน ขั้นนี้เพียงใ ้เ ็น ่า การร มตั รือการถักทอกันทาง ังคม ทำาใ ้ ิ่ง ที่เป็นไปไม่ได้เป็นไปได้ (Social weaving makes the impossible possible) (๖) พลัง รัทธา รัทธาในบุคคล รือ ิ่งที่ถูกต้องดีงามทำาใ ้ เกิดพลังภายในม า าล พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติ รัทธาไ ้เป็น ปฐมในพละ ๕ คือ รัทธา ิริยะ ติ มาธิ ปัญญา รัทธาใน า นา นำาไป ู่การ ร้าง รรค์อย่างม า าลในโลก ทั้งในทาง ัตถุธรรมและ ในการกระทำา พ กมิชชันนารีที่อุทิ ชี ิตทั้งชี ิตทำางานในดินแดน ทุรกันดารเพื่อเพื่อนมนุ ย์ก็เพราะมี รัทธาในพระผู้เป็นเจ้า พระ งฆ์ า กของพระผู้มีพระภาคจำาน นมากมี รัทธาอย่าง ูง ุดในพระ า ดา แล้ เกิดปัญญาบรรลุธรรม ผู้นำาที่ทรงคุณงามค ามดีก่อใ ้เกิด รัทธาใน มู่คณะ รือใน องค์กร ที่บางทีใช้คำา ่าเป็นจิต ิญญาณขององค์กร ทำาใ ้ มู่คณะ รือ องค์กรมีพลังเพราะมี รัทธาในผู้นำา พันธกิจอันมีคุณค่า ูง ่งต่อเพื่อนมนุ ย์ รือ ่ นร มของ องค์กร รือโครงการ ก่อใ ้เกิด รัทธาแก่ าธารณะของผู้อยากเข้ามา
  • 19. 18 ประเ ะ ี ร่ มงาน ทำาใ ้องค์กร รือโครงการนั้นๆ มีพลัง เพราะฉะนั้นจึงมี ลักการ ่า การจะทำาอะไรๆ ใ ้ ำาเร็จต้องใช้คุณค่าของเรื่องนั้นๆ เป็น ธงนำา เพราะคุณค่าก่อใ ้เกิด รัทธาและพลัง อย่างเรื่องการรับรอง คุณภาพโรงพยาบาลเป็นเรื่องที่มีคุณค่ามากเพราะใครๆก็เข้าใจได้ง่าย ่าชี ิตของเพื่อนมนุ ย์ ำาคัญมาก บริการของโรงพยาบาลค รจะมี คุณภาพในทุกมิติ บริการที่มีคุณภาพเป็นเรื่องของค ามเป็นมนุ ย์ คน ที่เกี่ย ข้องมี รัทธาในคุณค่าของเรื่องนี้ กระบ นการรับรองคุณภาพ โรงพยาบาลจึงเติบโตอย่างร ดเร็ และใ ้ค ามปีติ ุขกับทุกคนที่ เกี่ย ข้อง เพราะคุณค่า รัทธา และพลัง คุณภาพจึงเป็นเรื่องของค ามเป็นมนุ ย์และเป็นเรื่องของ ชี ิต ดังที่คำาข ัญของการประชุมใ ญ่ HA ประจำาปี ๒๕๕๙ ที่ ่า “คุณภาพในทุกลม ายใจ” (๗) พลัง ิริยะ นี้อาจร มเรื่องพลังจิต รือ Will power เข้า มาอยู่ในเรื่องเดีย กัน ค ามมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าและค ามเพียรเป็น พลังอย่างยิ่ง พระ า ดาจึงทรงจัดเป็นองค์ธรรมที่ ๒ ของพละ ๕ ถัด มาจาก รัทธา กล่า คือเมื่อมี รัทธาแล้ จะมีค ามมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า และค ามเพียรอย่างยิ่ง ในพระราชนิพนธ์เรื่องพระม าชนก โดย พระบาท มเด็จพระปรมินทรม าภูมิพลอดุลยเดช แกน ลักของ เรื่องคือ “ค ามเพียรอันบริ ุทธิ์” แม้ยังมองไม่เ ็นฝั่ง ในที่ ุดค าม ม ั จรรย์ผุดบังเกิด ังคมปัจจุบันเป็นระบบซับซ้อน มีค ามโกลา ล (chaos) เกิดขึ้นเป็นประจำา และไม่มีใครพยากรณ์อนาคตได้ เมื่อเ ตุ ปัจจัยถึงพร้อมก็มีปรากฏการณ์ผุดบังเกิดขึ้น ประดุจค ามม ั จรรย์ เพราะไม่มีใครพยากรณ์ได้ ่าจะเกิดขึ้นในลัก ณะใดและเมื่อใด ค าม
  • 20. 19พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน เพียรอันบริ ุทธิ์ไม่ย่อท้อ ยุดไปเ ียก่อนในขณะที่ยังมองไม่เ ็นอนาคต เป็นปัจจัยใ ้ค ามม ั จรรรย์ผุดบังเกิดขึ้น นี้เป็นเรื่องที่ค รกลับไป อ่านพระราชนิพนธ์เรื่องพระม าชนก อันมีค ามนัยที่ ำาคัญในเรื่อง “ค ามเพียรอันบริ ุทธิ์” ที่พระบาท มเด็จพระปรมินทรม าภูมิพล- อดุลยเดชตั้งพระทัยอย่างมากที่จะใ ้ป งชนชา ไทยยึดเป็น ลักธรรม ประจำาใจ และ ลักปฏิบัติในชี ิต ใน ม ดธรรมแ ่งค าม ำาเร็จที่เรียก ่า อิทธิบาท ๔ (อิทธิ = ำาเร็จ) คือ ฉันทะ ิริยะ จิตตะ ิมัง า ิริยะก็เป็นองค์คุณแ ่งค าม ำาเร็จที่เราจะต้องรดนำ้าพร นดินใ ้แข็งแรงขึ้น ิริยะ ัมพันธ์อยู่กับ ค ามเข้มแข็ง คนอ่อนแอไม่เอาจริงเอาจัง ขี้ขลาด เจองาน นักก็ไม่ กล้า ู้ ลึกๆ แล้ มีค ามทุกข์อยู่ในจิตใจเพราะค ามอ่อนแอของตนเอง ถ้าเรามีค ามตั้งใจจริงที่เรียก ่า strong will ทำาใ ้เกิด ิริยะอย่างแรง กล้า เอาชนะค ามอ่อนแอในตั เองใ ้ได้ ักครั้ง นึ่ง จะเกิดค ามปีติ และค าม ุข และไม่กลั งาน นัก รืองานยากอีกต่อไป มีค ามกล้า- าญไม่กลั อะไร ใน ม ดที่ ำาคัญที่เรียก ่า โพชฌงค์ ๗ รือองค์ธรรมแ ่งการ ตรั รู้ ประกอบด้ ย ติ ธัมม ิจยะ (ธรรม ิจัย) ิริยะ ปีติ ปั ัทธิ มาธิ อุเบกขา
  • 21. 20 ประเ ะ ี ิริยะก็เป็นองค์ธรรม นึ่งของการตรั รู้ ถัดจาก ิริยะไปเป็นปีติ คือ ิริยะ รือค ามขยันขันแข็งเอาจริงเอาจัง ทำาใ ้เกิดค ามปีติในเนื้อ ในตั ทำาใ ้เกิดค าม งบระงับ (ปั ัทธิ) ตรงข้ามกับค ามขี้เกียจซึ่ง นำาไป ู่ค ามทุกข์ นักทำางานจึงค ร ึก า ิริยะจนขึ้นใจ และปฏิบัติเป็นนิจ ีล นี้ ก็เป็นพลังภายในอีกอย่าง นึ่งที่ทำาใ ้เกิดค าม ำาเร็จและค าม ุข (๘) พลัง ติ มีการ รรเ ริญ ติ ่าเป็นธรรมอันเอกบ้าง เป็น พลังแ ่งปัจจุบันขณะ (The Power of Now) บ้าง เป็นปาฏิ าริย์แ ่ง การตื่นอยู่เ มอบ้าง ติปรากฏอยู่ใน ม ดธรรมต่างๆเป็นอันมากเช่น ในพละ ๕ ดังกล่า แล้ ที่ประกอบด้ ย รัทธา ิริยะ ติ มาธิ ปัญญา เป็นองค์แรกของโพชฌงค์ ๗ รือองค์ธรรมแ ่งการตรั รู้ คือ ติ ธัมม ิจยะ ิริยะ ปีติ ปั ัทธิ มาธิ อุเบกขา และ ัมมา ติเป็น องค์ นึ่งในมรรค๘เป็นต้นจึงมีผู้กล่า ่า ติเป็นที่ต้องการในที่ทั้งป ง ติ คือ การรู้อยู่กับปัจจุบัน ตามปรกติเราไม่รู้อยู่กับปัจจุบัน แต่อยู่ในค ามคิด เช่น ฟุ้งซ่าน ไปในอดีต รือ ิตกกัง ลไปในอนาคต รือที่เรียก ่าอยู่ในค ามคิดปรุง แต่ง เมื่อรู้อยู่กับปัจจุบัน ค ามคิดปรุงแต่งก็ งบไป จิต งบและมีค าม ุข ค าม ุขเกิดจากค าม งบไปของค ามคิดปรุงแต่ง ค ามคิดปรุง แต่งนี้ภา าพุทธเรียก ่า ังขาร เ ลาพระท่าน ด “...อุป โม ุโข” อุป โม มายถึง งบระงับค ามคิดปรุงแต่ง แล้ มีค าม ุขอย่างยิ่ง เมื่อมี ติรู้อยู่กับปัจจุบัน ทำาใ ้เป็นอิ ระจากการถูกครอบงำา ด้ ยค ามคิดปรุงแต่ง เมื่อเป็นอิ ระจึงรู้ ึกเบา บายและมีค าม ุข
  • 22. 21พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน อย่างยิ่ง จิตที่ งบเป็นกลาง ามารถ ัมผั ธรรมชาติค ามเป็นจริงได้ จึง ่องไ ค รแก่การงาน เป็นจิตที่มี มรรถนะ และนำาไป ู่ปัญญา มีการ ังเกตและ ึก า ิจัยผลของการเจริญ ติกันมาก พบ ่าการเจริญ ติทำาใ ้ ุขภาพดี ไม่ค่อยเจ็บป่ ย เป็นอะไรก็ ายง่าย ลด ค ามเครียด อายุยืน ค ามดันโล ิตลด มี าร ุขจำาพ ก endorphins ลั่งออกมามากขึ้น ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น ค าม ัมพันธ์กับคนอื่นดีขึ้น การเรียนรู้และปัญญา ูงขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงทาง มองที่ตร จพบ ได้ด้ ย ิธีต่างๆ ร มทั้งเทคนิคที่เรียก ่า brain imaging โดยที่การเจริญ ติมีแต่ผลดี ร มทั้งทำาใ ้พบค าม ุขอย่างที่ไม่ เคยเจอมาก่อน ขณะนี้การเจริญ ติจึงเป็นกระแ ใ ญ่ไปทั่ โลก จน ามารถพยากรณ์ได้ ่าในอนาคตมนุ ย์จะเจริญ ติทั่ โลก เพราะมี แรงจูงใจที่ใ ญ่มากคือค าม ุข มนุ ย์ล้ นแ ง าค าม ุข แต่เจอ ค าม ุขปลอมมาตลอด เช่น ค ามฟุ่มเฟือย ยาเ พติด เมื่อมาเจอ ค าม ุขที่แท้จากการเจริญ ติพร้อมทั้งผลดีอื่นๆอีกมากร มทั้งราคา ถูกอีกด้ ย เป็น Happiness at low cost จริงๆ จึงไม่มีข้อ ง ัยเลย ่าทำาไมมนุ ย์จะไม่เจริญ ติกันทั่ โลก นอกจากจะทำาเป็นรายบุคคล แล้ ยังจะมีเป็นรายองค์กร คือองค์กรแ ่งการเจริญ ติ เช่น บริ ัท แ ่งการเจริญ ติ ม า ิทยาลัยแ ่งการเจริญ ติ ฯลฯ มีแรงจูงใจ ูงยิ่ง เช่นเดีย กับที่จะทำาใ ้องค์กร นใจการเป็นองค์กรแ ่งการเจริญ ติ กล่า คือองค์กรที่ ่งเ ริมเจริญ ติในองค์กร จะพบ ่าผู้คนในองค์กรมี ค ามรักและ ามัคคีกันมากขึ้น การลาป่ ยและค่าใช้จ่ายในการรัก า ผู้คนที่เจ็บป่ ยลดลง มีผลงานเพิ่มขึ้น เช่น บริ ัทมีกำาไรเพิ่มขึ้น
  • 23. 22 ประเ ะ ี บุคคลพึงเรียนรู้ในการเจริญ ติและ ่งเ ริมใ ้ผู้อื่นเจริญ ติ มี ตำารับตำาราและคู่มือ ร มทั้งครูบาอาจารย์ที่ อนการเจริญ ติมากมาย ที่แ ง าไม่ยาก ข้อ ำาคัญต้องลองปฏิบัติทุก ัน ใ ม่ๆ จะพบ ่ายาก ที่จะใ ้รู้อยู่กับปัจจุบัน เพราะจิตจะ ลุก ลิกอยู่ในค ามคิดเ มือน ลูกลิง แต่เมื่อมี ิริยะทำาไปๆ จะดีขึ้นเรื่อยโดยไม่รู้ตั และจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นคนใ ม่โดย ิ้นเชิงค าม งุด งิดรำาคาญซึ่งเคยเป็นเจ้าเรือน ก็จะลดน้อย รือ ายไป มดเลย มีค าม ุขยิ่งนัก และเมื่อมี ติรู้อยู่กับ ปัจจุบันจะประ บค ามงามอันล้นเ ลือ และมีมิตรภาพต่อคนทั้ง มด และ รรพ ิ่ง ไม่ค่อยเจ็บป่ ย รือเป็นก็ ายง่าย เรียนรู้ รือทำางาน อะไรก็ได้ผลดี คนที่เจริญ ติจึงกล่า ตรงกัน ่า ถ้าไม่ได้เจริญ ติก็จะ เ ียดายแย่ รือไม่เ ียชาติเกิดที่มีโอกา เจริญ ติ ปรกติการทำางานบางอย่างเบื่อ น่ายไม่อยากทำา ทำาแล้ มี ค ามทุกข์ เช่น ล้างชาม ก าดบ้าน ล้าง ้ ม ลิฟต์เ ียต้องเดินขึ้นชั้น บน แต่ถ้าทำา ิ่งเ ล่านี้ด้ ย ติรู้อยู่กับปัจจุบัน เช่น ล้างชาม มือที่จับ ชามก็รู้นำ้าไ ลมากระทบชามก็รู้ฟองนำ้าที่ถูล้างก็รู้ชาม ะอาดก็รู้ค าม ะอาด จะมีค ามปีติ ุขตลอดเ ลา การล้างชามแต่ละใบกลายเป็น ค าม ุขไป มดไม่ งุด งิดรำาคาญเลยเพราะค ามทุกข์เกิดจากค าม คิด ขณะคิดจะไม่รู้ แต่ถ้ารู้อยู่กับปัจจุบันของการล้างชามก็จะไม่คิด เมื่อ ยุดคิดปรุงแต่งก็ ุข เรา ามารถทำาใ ้งานทุกชนิดเป็นค าม ุขได้ ถ้าเรามี ติรู้อยู่กับปัจจุบันของงานนั้น เมื่องานทุกชนิดกลายเป็นค าม ุขก็จะรู้ ึก ่าเราช่างมีบุญจริงๆ นี่แ ละพลังแ ่ง ติ
  • 24. 23พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน (๙) พลัง มาธิ มายถึง การที่จิตตั้งมั่นแน่ แน่ที่ ิ่งใด ิ่ง นึ่ง จิตที่เป็น มาธิจะไม่มีค ามทุกข์ เพราะไม่รับรู้กับอารมณ์ใดอื่น นอกจาก ิ่งที่จิตจดจ่ออยู่ จิตที่เป็น มาธิจะเป็นจิตที่มีพลังมาก จะทำา อะไรก็มีผลมาก ทั้งทางดีและทางร้าย ทางดี รือทางที่เป็นกุ ล ท่าน เรียก ่า ัมมา มาธิ เป็น ๑ ในมรรค ๘ มาธิจะเป็นองค์ใน ลาย ม ดธรรม เช่น พละ ๕ ตามที่กล่า มาแล้ ่ามี รัทธา ิริยะ ติ มาธิ ปัญญา เป็น ๑ ในโพชฌงค์ ๗ รือองค์ธรรมแ ่งการตรั รู้ คือ ติ ธัมม ิจยะ ิริยะ ปีติ ปั ัทธิ มาธิ อุเบกขา และเป็น ๑ ใน มรรค ๘ ดังกล่า แล้ คนไม่มี มาธิ จิตใจ ่อกแ ่กก ัดแก ่งไปทางโน้นทางนี้ จิตจะ อ่อนแอ ค ามจำาไม่ดี ไม่เป็นฐานของปัญญา ทำางานได้ผลน้อย ตรง ข้ามกับคนที่มี มาธิ ามารถมีจิตจดจ่ออยู่กับงานที่ทำาที่เรียก ่า จิตตะ ในอิทธิบาท ๔ รือ นทางแ ่งค าม ำาเร็จอันประกอบด้ ย ฉันทะ ิริยะ จิตตะ ิมัง า จิตตะ มายถึงมีจิตใจจดจ่อในงานที่ทำา ซึ่งก็คือ มาธิ มาธิจึงเป็นพลังที่ ำาคัญเพื่อค าม ำาเร็จ การเจริญ มาธิเรียก ่า มถภา นา ถ้า ิปั นา มายถึงการ เจริญปัญญา ซึ่งจะกล่า ต่อไปในข้อที่ (๑๐) การเจริญ มาธิต้องคู่ไป กับการเจริญ ติจึงจะดี มถภา นาล้ นๆ อาจ ลงไปได้ เพราะเมื่อ มาธิถึงระดับ นึ่งจะเกิดนิมิต นิมิตก็เ มือนค ามฝัน ิ่งที่เ ็นในฝัน เรียก ่า ุบินนิมิต ิ่งที่เ ็นใน มาธิเรียก ่า มาธินิมิต ถ้าไป ลง ่า เป็นค ามจริงจะทำาใ ้ฟั่นเฟือนไปได้ การเจริญ ติ คือ การรู้อยู่กับ ค ามจริง ทำาใ ้ไม่ ลงไป ติกับ มาธิเชื่อมโยงกัน คือ ขณะที่ตามรู้ เป็น ติ แต่เมื่อเพ่งอยู่ ณ จุดเดีย เป็น มาธิ ท่านเปรียบเ มือนตอน
  • 25. 24 ประเ ะ ี ไก เปลเด็ก ขณะที่เด็กยังไม่ ลับยังผุดลุกผุดนั่ง อาจพลัดตกจากเปล เมื่อใดก็ได้คนไก เปลต้องตามมองทุกระยะที่เปลแก ่งไปเพื่อใ ้แน่ใจ ่า เด็กยังอยู่ในเปล การตามรู้ทุกระยะนี้คือ ติ แต่เมื่อเด็ก ลับแล้ นอน งบอยู่ เพียงแต่ดูที่จุดใดจุด นึ่งที่เปลแก ่งไปก็รู้ ่าเด็กยังอยู่ใน เปล การเพ่งอยู่ที่จุดใดจุด นึ่งคือ มาธิ ติกับ มาธิจึงต่างกัน แต่ ัมพันธ์และเกื้อกูลกันการอธิบายทางทฤ ฎีอาจยังไม่เป็นที่เข้าใจ รือ ไม่ แจ่มแจ้ง แต่ถ้าได้ฝึกปฏิบัติจะเข้าใจชัดเจนขึ้นมาเอง มาธิเป็น พลังจากภายในที่ ำาคัญอีกอย่าง นึ่ง นอกจากเพื่อค าม ำาเร็จในการ ทำางานแล้ ยังเป็นค าม ุข ใช้รัก าโรคได้ และเป็นฐานของปัญญา (๑๐) พลังปัญญา ปัญญาจำาเป็นแก่การมีชี ิตรอด คน รือ ัต ์ที่ปัญญาอ่อนจะเอาตั รอดยาก เพราะปัญญาทำาใ ้รู้ ่าอะไรคือ อะไร อะไรเกิดจากอะไร อะไรมีประโยชน์ ำา รับอะไร และทำาอย่างไร จะ ำาเร็จประโยชน์ ในทางพระพุทธ า นาจัด ่าปัญญามี ๓ อย่าง คือ (ก) ุตะมยปัญญา ุตะ = ฟัง มยะ = โดยทาง ุตะมยปัญญา มายถึงปัญญาที่เกิดโดยทางการฟัง ครั้งโบราณยังไม่มี การอ่าน ข้อนี้โดยนัยใน มัยนี้ย่อม มายถึงปัญญาที่เกิด จากการรับรู้ข้อมูลข่า ารค ามรู้ต่างๆ จะเป็นโดยการฟัง การดู รือโดย ื่อต่างๆ รือการแ ง าข้อมูล (ข) จินตามยปัญญา จินตา = การคิด ข้อนี้ มายถึงปัญญาที่ เกิดจากการคิดด้ ยเ ตุผล ภา าทางพระ ่าคิดอย่าง แยบคาย รือ โยนิโ มน ิการ ใกล้เคียง รือตรงใน ่ น นึ่งกับที่เรียก ่า การ ิเคราะ ์และ ังเคราะ ์
  • 26. 25พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน (ค) ภา นามยปัญญา ภา นา มายถึงการทำาใ ้เกิด การ ปฏิบัติ รือการพัฒนา (development) ในทางพระ มายถึง ีล มาธิ ปัญญา ปัญญาในทางพระพุทธ า นา มีค าม มายจำาเพาะ มายถึงการเข้าถึงค ามจริง คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้ ลดการยึดมั่นในตั ตนลง รือ ถ้าถึงกับ มดไปเลยก็ งบเย็น (นิพพาน) ปัญญาอาจใช้อย่าง ล มๆ มายถึงค ามรู้ การใฝ่ค ามรู้ ค าม มายจำาเพาะขึ้นมาก็ ่า ปัญญาใ ญ่ก ่าค ามรู้ ค ามรู้อาจจะรู้ อะไรเป็นเรื่องๆ แบบแยก ่ น แต่ปัญญา มายถึงรู้อย่างเชื่อมโยงกัน ทั้ง มด รือรอบรู้เนื่องจาก รรพ ิ่งล้ นเชื่อมโยงเป็น นึ่งเดีย ปัญญา มายถึงการเข้าถึงค ามเป็น นึ่งเดีย ของทั้ง มด รือเข้าถึง ิ่ง ูง ุด ในทางพุทธถือ ่า มีปัญญาต้องลดค ามเ ็นแก่ตั ถ้าค ามเ ็น แก่ตั มดโดย ิ้นเชิง จิตก็จะ ่างไ ดังที่มีพุทธ ุภา ิต ่า “แ ง ่างเ มอปัญญาไม่มี” – นัตถิ ปัญญา มาอาภา รูปที่๒พลังภายใน๑๐ประการนั้น างปัญญาไ ้ตรงกลางและ เชื่อมโยงกับพลังอีก ๙ ประการ คือ พลังจิต ำานึก พลังจินตนาการ พลัง ุนทรีย์ทั น์ พลังเมตตา พลัง ังฆะ พลัง รัทธา พลัง ิริยะ พลัง ติ และพลัง มาธิ ทั้งนี้เพราะพลังทุกชนิดล้ น ัมพันธ์อยู่กับปัญญา ปัญญาในแง่ นึ่งคือองค์ร มของ รรพพลังภายใน ปัญญาจึงมีช่ งก ้าง (Spectrum of wisdom) ตั้งแต่การ แ ง า รับรู้ข้อมูล ข้อค ามรู้ การคิดด้ ยเ ตุผล รือ ิเคราะ ์ ังเคราะ ์ใ ้เป็นปัญญาที่ ูงขึ้น คือ เข้าใจค ามเป็นจริง และค าม เป็นจริงที่ซับซ้อน รู้เท่าทัน รู้ ิธีแก้ปัญา า รือรู้ ิธีพัฒนา รือทำาใ ้
  • 27. 26 ประเ ะ ี ำาเร็จ ตลอดไปจนเข้าใจค ามเชื่อมโยงของ รรพ ิ่ง เข้าถึงค ามงาม ของค าม ลาก ลาย มีไมตรีจิตต่อเพื่อนมนุ ย์และ รรพ ิ่ง มีค าม ุขจากการเป็นอยู่ด้ ยปัญญา ลองพิจารณาดูพลังจากภายในทั้ง ๑๐ ประการที่กล่า มา ่า เมื่อร มกันทั้ง ๑๐ ประการ เป็นพลังม า าลเพียงใด ประณีตและ ละเอียดอ่อนปานใด ลึกซึ้งเพียงใด เชื่อมโยง ัมพันธ์กันเพียงใด และ เป็นไปเพื่อค าม ุขและค าม ำาเร็จเพียงใด เกิดมาเป็นมนุ ย์ทั้งที ค รจะมีโอกา พัฒนาตนใ ้เต็มตาม ักยภาพของค ามเป็นมนุ ย์ ลองพิจารณา ่าถ้าบุคคลได้พัฒนาพลัง ทั้ง ๑๐ ภายในตน จะมีลัก ณะใกล้เคียงกับคำา ่าพัฒนาใ ้เต็มตาม ักยภาพของค ามเป็นมนุ ย์มากน้อยเพียงใด ลองเทียบกับผู้ที่ได้ชื่อ ่ามีการ ึก าในปัจจุบัน ที่รู้เฉพาะ ่ น เ มือนตาบอดคลำาช้าง แล้ ยก ูชู าง ิพาก ์ ิจารณ์ มีอัตโนมติ ูง มีค ามขัดแย้งในตั เองและกับผู้อื่น เครียด ป่ ย เป็นโรคภูมิคุ้มกัน บกพร่อง เ ล่านี้นับ ่าน่า ง ารและน่าเ ียดาย เพราะชี ิตของแต่ละ คนมีคุณค่า ค รจะมีโอกา พัฒนาตั เองใ ้มีปัญญากลมกล่อมจนเกิด อิ รภาพในตั เอง ประ บค าม ุขอย่างลำ้าลึก และค ามงามที่ดำารง อยู่ทั่ ไป มีไมตรีจิตต่อเพื่อนมนุ ย์และ รรพ ิ่ง มี มรรถนะที่จะทำา ิ่งดีๆ ใ ้ ำาเร็จ ทั้งโดยตนเองและโดยร่ มกันทำากับผู้อื่น นี้คือชี ิตที่มีคุณภาพ
  • 28. 27พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน กระบ นการรับรองคุณภาพโรงพยาบาลเป็นเรื่องใ ญ่ เมื่อทำา ไปๆ จึงมีค ามลึกซึ้งและเชื่อมโยงมากขึ้นๆ จึงเป็นเรื่อง นีไม่พ้นที่จะ มาค้นพบ ่าพลังจากภายในเป็นเรื่องเกี่ย กับคุณภาพและ ักยภาพ ของค ามเป็นมนุ ย์ เรื่องนี้จะนำาเราไป ู่ค ามฝันใ ญ่ร่ มกัน ่า มนุ ย์ทุกคน ามารถพัฒนาไป ู่ ักยภาพ ูง ุดของค ามเป็น มนุ ย์ และต้องร่ มกันทำาใ ้เป็นจริง เราทำาได้ร่ มกัน
  • 30. 29พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน การร มตั เป็นธรรมชาติของมนุ ย์และ ัต ์ ลาย ชนิดเพราะการร่ มกันทำาใ ้มีโอกา รอดชี ิตมาก ่าอยู่โดด- เดี่ย ปลาจึงอยู่เป็นฝูง เ ยี่ย จึงอยู่เป็นชุมชน มาในจึง ร มตั กันล้ม ัต ์ที่ใ ญ่ก ่ามันได้ มนุ ย์เมื่อเป็นคนป่าล่า ัต ์จึงอยู่เป็นกลุ่ม ซึ่งช่ ยกันไล่ต้อนจับ ัต ์ได้ดีก ่าทำาแบบ โดดเดี่ย และเมื่อ ๑๐,๐๐๐ ปีที่แล้ เมื่อพบเทคโนโลยี เราทําไดรวมกัน การเรียนรูรวมกัน๓ การปฏิบัติใน ในสถานการณจริง
  • 31. 30 ประเ ะ ี เก ตรกรรม ก็ตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นชุมชนเก ตรกรรม ชุมชนเป็น ิถี ชี ิตร่ มกันอย่าง มดุลระ ่างคนกับคนและระ ่างคนกับธรรมชาติ แ ดล้อม เมื่อ มดุลก็ยั่งยืน ชุมชนจึงเป็น ังคมที่ยั่งยืนมาถึง ๑๐,๐๐๐ ปี ในครั้ง ุดท้ายที่ประทับบนเขาคิชฌกูฏ ณ เมืองราชคฤ ์ ม ด ธรรมที่พระพุทธองค์นำามา อนมากที่ ุดคือ อปริ านิยธรรม รือธรรมะเพื่อค ามเจริญถ่ายเดีย ดูเพียง ๒ ข้อแรก ก็จะเ ็น ่า อปริ านิยธรรม คือธรรมะแ ่งการร มตั ร่ มคิดร่ มทำา รือธรรมะ เพื่อ ังคมเข้มแข็ง ๒ ข้อ นั้นคือ (๑) มั่นประชุมกันเป็นเนืองนิตย์ (๒) พร้อมเพรียงกันประชุมพร้อมเพรียงกันเลิกประชุมพร้อมเพรียงกระทำา กิจที่พึงทำา ใน ังคมปัจจุบันมนุ ย์ได้ ูญเ ียค าม ามารถในการร มตั ร่ มคิดร่ มทำาไปเป็นอันมาก กลายเป็นปัจเจกชนนิยม เพราะเ ตุ ลายประการเช่นค าม ะด ก มัยใ ม่ทำาใ ้ไม่ต้องพึ่งพากันอำานาจ ปกครองร ม ูนย์ที่เน้นค าม ัมพันธ์ทางดิ่งระ ่างผู้มีอำานาจกับ ผู้ใต้อำานาจ การ ึก าที่เน้นการเรียนรู้แบบปัจเจก ไม่เน้นการเรียนรู้ ร่ มกันและลัทธิเ รีนิยม ่ นบุคคล เป็นต้น ในม า ิทยาลัยและในองค์กรต่างๆ เราจะเ ็นอาจารย์และ บุคลากรขาดทัก ะของการอยู่และทำางานร่ มกัน จึงขาดค าม ุข และค าม ร้าง รรค์จากค ามเป็นชุมชน รือการร่ มกันชี ิตที่มีค าม เป็นปัจเจก ุดโต่งมีค ามเครียด ูง ใน รัฐอเมริกา จิตแพทย์ชื่อ Scott Peck รัก าคนอเมริกันที่ มีค ามทุกข์จำาน นมากจนรัก าไม่ไ กระทั่งต้องช่ ย ่งเ ริมการ
  • 32. 31พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน ร มตั ร่ มคิดร่ มทำาที่เขาเรียก ่า ร้างค ามเป็นชุมชน (commu- nity building) เขากล่า ่าเมื่อร มตั กัน ำาเร็จทุกคนมีค าม ุข ประดุจบรรลุนิพพาน กอตต์ เพค เชื่อ ่าอนาคตของโลกคือค าม เป็นชุมชน รือการร มตั กัน จึงตั้งชื่อ นัง ือของเขา ่า A World Waiting To Be Born “โลกที่รอจะเกิดขึ้น” เพราะโลกแ ่งค ามโดด- เดี่ย นั้น มนุ ย์เครียดและมีค ามทุกข์มากเกิน จะต้อง ันกลับไป เรียนรู้ที่จะร มตั ร่ มคิดร่ มทำา มีค ามเป็นชุมชนกันใ ม่ ชุมชนไม่ จำาเป็นต้องเป็นชุมชนตามพื้นที่เ มอไป แต่อาจเป็นการร มตั ร่ มคิด ร่ มทำาในรูปและ ิธีต่างๆ เช่น ชุมชนทาง ิชาการ ชุมชนทาง อินเทอร์เน็ต ชุมชนทางการเงิน ฯลฯ โดย รุปค รมีการร มตั ร่ มคิดร่ มท�าในทุกพื้นที่ ในทุก องค์กร และในทุกเรื่อง การร มตั กันในชุมชนชนบทเป็นเรื่องง่ายที่ ุด เพราะคนใน ชุมชนมีพื้นฐานและธรรมชาติของการอยู่ร่ มกันอยู่แล้ ชุมชนท้องถิ่น เป็นฐานของประเท ากมีการร มตั ร่ มคิดร่ มทำาเพื่อพัฒนา อย่างบูรณาการในทุก มู่บ้าน ทุกตำาบล และทุกจัง ัด ฐานของ ประเท จะแข็งแรงมาก และจะรองรับประเท ทั้ง มดใ ้มั่นคง และ ยั่งยืน ฉะนั้นที่ชูเป้า มายการพัฒนาประเท ่า มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน นั้น ยุทธ า ตร์การพัฒนาคือ ่งเ ริมการร มตั ร่ มคิดร่ มทำาเพื่อ การพัฒนาอย่างบูรณาการ โดยเอาพื้นที่เป็นตั ตั้งในทุก มู่บ้าน ทุก ตำาบล และทุกจัง ัด
  • 33. 32 ประเ ะ ี เมื่อเป็นยุทธ า ตร์ชาติ รัฐบาลต้องบริ ารจัดการเชิง ยุทธ า ตร์ในทุกภาค ่ น เข้ามา ่งเ ริมการร มตั ร่ มคิดร่ มทำา ดังกล่า ทั้งภาครัฐ ภาคการ ึก า ภาคประชา ังคม และภาคธุรกิจ การ ึก าค รจะเปลี่ยนแปลงจากการเรียนรู้แบบปัจเจกมา เป็นเรียนรู้ร่ มกันในการปฏิบัติใน ถานการณ์จริง การ ึก าเป็น ภาคที่ใ ญ่มาก ในร้อยปีเ ที่ผ่านมา การ ึก าออกไปอยู่นอก ังคม คือไม่รู้ร้อนรู้ นา ไม่ร่ มทุกข์ร่ ม ุข ไม่ร่ มแก้ปัญ า เพราะไปเอา ิชาเป็นตั ตั้ง การ ึก าจึงไม่เป็นพลังทาง ังคมอย่างที่ค รเป็น ั ใจ ของการปฏิรูปการ ึก าต้องย้ายการ ึก าใ ้มาอยู่ใน ังคม โดย เปลี่ยนกระบ นการเรียนรู้จากการเอา ิชาเป็นตั ตั้ง เป็นการเรียนรู้ ร่ มกันในการปฏิบัติใน ถานการณ์จริง การเปลี่ยนแปลงดังกล่า จะทำาใ ้เกิดการร มตั ร่ มคิดร่ มทำาเต็ม ังคม เป็น ังคมเข้มแข็ง ังคมเข้มแข็งเป็นปัจจัยใ ้เ ร ฐกิจดี การเมืองดี และ ีลธรรมดี อาจารย์ม า ิทยาลัยยังค่อนข้างถือทิฐิ ่ นตนเป็น �าคัญ ขาดทัก ะในการร มตั ร่ มคิดร่ มทำา ากอาจารย์ ามารถร มตั ร่ มคิดร่ มทำา รือที่เรียก ่า มีค ามเป็นชุมชนทาง ิชาการ จะมี ค าม ุขมากก ่านี้และทำาใ ้ม า ิทยาลัยมีบทบาทในการพัฒนา ประเท ไทยได้ ูงยิ่ง ผู้บริ ารม า ิทยาลัยค ร ึก า า ตร์แ ่งการ ร้างพลังในองค์กร ซึ่งเขาได้ ิจัยค้นค ้าและพัฒนากันเป็นอันมาก AIC เป็นเทคนิค นึ่ง ซึ่งจะได้กล่า ต่อไปในตอนท้ายของบทนี้ ัดค รเป็น ูนย์กลางของชุมชนเรามี ัดทั่ ประเท ประมาณ ๓๐,๐๐๐ ัด โดยเฉลี่ยประมาณ ๕ ัด ต่อ ๑ ตำาบล เราได้กล่า แล้ ่าชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็งเป็น ั ใจของการพัฒนาประเท าก
  • 34. 33พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน ามารถทำาใ ้ ัดกลับมาเป็น ูนย์กลางชุมชน ทั้ง ังคมไทยและ พุทธ า นาจะเข้มแข็ง อุดมการณ์ทางพุทธ า นา คือ ังฆะ รือชุมชนแ ่งการเรียน รู้ ถ้าดูพลังภายใน ๑๐ ประการในรูปที่ ๒ ล้ นเกี่ย กับ ลักธรรมทาง พุทธ า นา จนอาจ รุปได้ ่า ลักธรรมทางพระพุทธ า นาเพื่อเพิ่ม ักยภาพแ ่งค ามเป็นมนุ ย์และการอยู่ร่ มกันอย่าง มดุล ทั้ง ระ ่างคนกับคนและระ ่างคนกับธรรมชาติแ ดล้อม ในเมื่อ ัตถุประ งค์ของชุมชนกับพระพุทธ า นาตรงกันคือ เพื่อการอยู่ร่ มกันอย่าง มดุลทั้งระ ่างคนกับคนและระ ่างคนกับ ธรรมชาติแ ดล้อม ค ามร่ มมือระ ่างชุมชนกับ ัดจะ ่งเ ริมซึ่งกัน และกัน และจะเป็นการฟื้นฟูพระพุทธ า นา ลังจากที่ชุมชนกับ ัด แยกทางกันไปและเกิดค ามเลอะเลือนใน ลักธรรมไปมิใช่น้อย การ ่งเ ริมใ ้ ัดกลับมาเป็น ูนย์กลางของชุมชนจึงเป็นประเด็นใ ญ่ของ ประเท ไทยอย่าง นึ่ง ิธีการก็ นีไม่พ้นจากการที่พระ งฆ์และผู้นำา ชุมชนจะต้องเข้ามาเรียนรู้ร่ มกันในการปฏิบัติเข้า ลักที่ ่า“เราท�าได้ ร่ มกัน” เมื่อพระ งฆ์กับผู้นำาชุมชนเข้ามาร่ มกัน ิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็ จะเป็นไปได้ เพราะการร่ มกันก่อใ ้เกิดพลังม า าล นั่นก็คือ พลังจากภายใน เราท�าได้ร่ มกัน เมื่อพระกับผู้นำาชุมชนร่ มกัน ก็ยังจะทำาอะไรต่อมิอะไรในการ พัฒนาประเท ไทย นอกเ นือไปจากเรื่องชุมชนเข้มแข็ง ผู้นำาพระและ ผู้นำาในทางต่างๆ จึงค รพิจารณาเรื่องนี้กันใ ้ดีๆ
  • 35. 34 ประเ ะ ี กระบ นการรับรองคุณภาพโรงพยาบาล (HA) และงาน ประจ�า ู่การ ิจัย (R2R) HA ซึ่งทำามา ๒๐ ปี และ R2R ซึ่งทำามา ๙ ปี พิ ูจน์ใ ้เ ็น ่าการเรียนรู้ร่ มกันในการปฏิบัติเป็นพลัง ร้าง รรค์ม า าลเพียงใด ทั้งพลังจิต ำานึกซึ่งเป็นพลังจากภายในและพลังแ ่งการร่ มกันที่ทำาใ ้ ทำาเรื่องยากๆ ได้ ร มทั้งก่อค าม ุขใ ้ผู้ที่เกี่ย ข้องในกระบ นการนี้ ทุกคน กระบ นการทั้ง ๒ ได้ ร้างผู้ที่มีการตื่นรู้และมีทัก ะในการ ่งเ ริมการเรียนรู้ร่ มกันในการปฏิบัติขึ้นมาจำาน นมาก ผู้ตื่นรู้ เ ล่านี้จะเป็นฐานใ ้ขยายการพัฒนาประเท ไทยในเรื่องต่างๆ ต่อไป เพราะในที่ ุดแล้ ประเท ไทยต้องเป็น นึ่งเดีย (One Thailand) ที่ คนทั้งประเท ตื่นรู้ และร มตั กัน ร้าง ังคม ันติ ุข ระบบ ุขภาพชุมชน รือระบบ ุขภาพอ�าเภอ (District Health System) ในขณะที่ระบบการ ึก าทั้ง มดลอยตั จากค ามเป็นจริง ของประเท ไทย เพราะเอา ิชาเป็นตั ตั้ง ระบบ ุขภาพอำาเภอเป็น ทุนอันยิ่งใ ญ่เพื่อพัฒนาประเท ไทย เพราะเป็นระบบที่ฝังอยู่ในฐาน ค ามเป็นจริงของประเท ในชุมชน ๘๐,๐๐๐ มู่บ้าน ๘,๐๐๐ ตำาบล ๘๐๐ อำาเภอ มี ถานีอนามัย รือ รพ. ต. ๑๐,๐๐๐ แ ่ง ในระดับ ตำาบล โรงพยาบาลชุมชน ๘๐๐ แ ่ง ในระดับอำาเภอและอา า มัคร าธารณ ุขประจำา มู่บ้านอีกประมาณ๑ล้านคนร่ มกับองค์กรชุมชน และองค์กรปกครอง ่ นท้องถิ่น
  • 36. 35พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน ระบบ ุขภาพชุมชนจึงครอบคลุมฐานของประเท ทั้ง มด ถ้า มีการบริ ารจัดการใ ้ทรัพยากรในระบบ ุขภาพชุมชนทั้ง มด เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย ที่ทั้งใ ้บริการ ทั้งทำาการ ิจัย และทั้งพัฒนา คน ระบบ ุขภาพชุมชนจะเป็น ถาบันทาง ิชาการขนาดใ ญ่ที่ฐาน ค ามเป็นจริงของประเท ไทย และเป็นพลังใ ้พัฒนาเรื่องต่างๆ ต่อ ไปทุกเรื่อง เพราะ ุขภาพคือทั้ง มด (Health is the whole) และใน การนี้ต้องการ “พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน” AIC กระบวนการเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติ (Interactive learning through action) การพัฒนาต่างๆ ในโลกไม่ค่อยประ บค าม ำาเร็จ นานมา แล้ ผู้ ญิงนอร์เ ย์คน นึ่งชื่อ Turid Sato ทำางานกับธนาคารโลก เขาประเมินโครงการประมาณ ๕,๐๐๐ โครงการ ที่ธนาคารโลกใ ้ ค ามช่ ยเ ลือกับประเท ต่างๆ พบ ่าไม่ทำาใ ้ประชาชนในพื้นที่ ที่โครงการไปทำาการพัฒนาดีขึ้นทูริดซาโตจึงแ ง า ่าจะมี ิธีจัดการ อย่างใดที่จะทำาใ ้โครงการได้ผลจริง คนอังกฤ คน นึ่งชื่อ Robert Chamber ไปทำาการ ิจัย ่าทำาไมการพัฒนาต่างๆ จึงไม่ได้ผล พบ ่า “เป็นเพราะใช้ค ามรู้โดยไม่ได้เรียนรู้” นั่นคือค ามรู้ ำาเร็จรูปที่เคย เรียน เช่น ิชาเ ร ฐ า ตร์ รัฐ า ตร์ นิติ า ตร์ ฯลฯ เมื่อนำาไป ใช้โดยไม่เรียนรู้ใน ถานการณ์จริงที่ซับซ้อนและยาก และมีค าม จำาเพาะย่อมไม่ได้ผล
  • 37. 36 ประเ ะ ี การประชุมที่มีการโต้เถียง ิพาก ์ ิจารณ์กัน ก็ไม่มีพลัง ร้าง รรค์ ฉะนั้นใช่ ่า ักแต่มีการประชุมแล้ จะได้ผล ยกตั อย่างเช่น การประชุมภาค ิชาแ ่ง นึ่ง อาจารย์ ิจารณ์ ั น้าภาค ิชาซึ่งเป็น ประธานอย่างรุนแรง ประธานโกรธ ั่งใ ้อาจารย์ท่านนั้น ยุดพูด อาจารย์ตอบ “ไม่ ยุด” ั น้าภาค ิชา “ถ้างั้นคุณออกจากที่ ประชุม” อาจารย์ “ไม่ออก” ั น้าภาค ิชาไม่รู้จะทำาอย่างไร นอกจาก ั่งปิดประชุม และไม่อยากประชุมอีกเลย นี้เป็นตั อย่างของ การประชุมที่ไม่ ร้าง รรค์ AIC เป็นกระบ นการประชุมที่ ร้าง รรค์ Bill Smith ชา อังกฤ ค้นพบกระบ นการพัฒนาพลัง ร้าง รรค์ขององค์กร ประกอบด้ ย ๓ ขั้นตอน ดังนี้ (๑)A - Appreciation ประชุมผู้เกี่ย ข้องในองค์กรทุกคน ใ ้ทุกคนใช้เ ลาเงียบๆ ประมาณ ๕ นาที จินตนาการถึง ิ่งที่ดีที่ ุดที่ อยากเ ็นเกิดขึ้นกับองค์กร แล้ เขียนในแผ่นกระดา จะเขียนเป็น ข้อค ามก็ได้ าดรูปก็ได้ รือแต่งเป็นโคลงกลอนก็ได้ แล้ แต่ละคน นำาเ นอ มีกติกา ่า ้าม ่ากัน ทุกคนมี น้าที่ชื่นชมจินตนาการของ คนอื่น (appreciate) ถ้ามีกติกา ่า ้าม ่ากัน ทุกคนจะมีเ รีภาพที่จะ จินตนาการ มิฉะนั้น มาชิกจะมีค ามกลั ่า จะถูกคนอื่น ่าเชยไม่ได้ ค าม เพราะในที่ประชุมผู้คนจะมีค ามไม่เท่าเทียมกัน ด้ ยตำาแ น่ง ฐานะ ค ามรู้ คุณ ุฒิ ัย ุฒิ บางคนรู้ ึกตำ่าต้อยและไม่กล้า การมี กติกา ้าม ่ากัน ทำาใ ้เกิดเ รีภาพและค ามเ มอภาพ และต่อไปจะ เกิดภราดรภาพ
  • 38. 37พลังจากภายใน เราทำาได้ร่ มกัน มีผู้ ังเคราะ ์จินตนาการถึง ิ่งที่ดีที่ ุดขององค์กรที่ทุกคน ร่ ม ร้าง นี่คืออุดมทั น์ รือนโยบายที่ มาชิกทุกคนร่ ม ร้าง ซึ่งจะ ทำาใ ้ทุกคนมีพันธะผูกพัน รือ commitment ที่จะทำา ถ้าผู้บริ าร ประกา นโยบายคนเดีย คนอื่นๆ ฟังแล้ อาจไม่พูดอะไร แต่ในใจพูด ่า “มึงประกา มึงก็ทำาไปคนเดีย ” ไม่เกิดพลัง ร้าง รรค์ในองค์กร แต่การที่ทุกคนร่ ม ร้างนโยบายโดยไม่มีใคร ่าใคร ทุกคนจะมีค าม ุขและรักกันมาก พร้อมที่จะทำาในขั้นต่อไปคือ (๒) I – Influence คำาคำานี้ที่แปลเป็นไทยค าม มายไม่ ู้ดี แต่ในภา าอังกฤ ไม่มีค าม มายทางลบเ มือนภา าไทย ดูการ กระทำาก็แล้ กัน นั่นคือประชุมคนทั้ง มดในองค์กรต่อจากขั้นตอนที่ (๑) ใ ้ทุกคนใช้เ ลา ๕-๑๐ นาที คิด ่าถ้าจะใ ้บรรลุตามอุดมทั น์ รือนโยบายที่ร่ มกัน ร้างในขั้นตอนแรก จะต้องทำาเรื่องใ ญ่ๆ อะไรบ้าง คิดมา นึ่งข้อก็ได้ อง ามข้อก็ได้ แล้ แ ดงต่อที่ประชุม มีผู้ร บร ม ังเคราะ ์ ่าที่มีผู้เ นอมาทั้ง มด ามารถจัดเป็นกลุ่ม เรื่องใ ญ่ๆ ัก ๔-๕ กลุ่ม มีเรื่องที่ใช้คำาพูดต่างกันแต่เป็นเรื่องเดีย กัน ก็จับเข้ามาร มเข้าด้ ยกัน ถาม ่ากลุ่มเรื่องใ ญ่ๆ ๔-๕ กลุ่ม ที่ค รทำา ในองค์กรคืออะไร มันคือ strategies รือกลยุทธ์ ที่ทุกคนร่ ม ร้าง ใ ้องค์กรบรรลุค ามฝันอัน ูง ุดที่ทุกคนร่ ม ร้าง