SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  18
Télécharger pour lire hors ligne
สตาร์ทอัพ
สร้างได้ใน 7 วัน
เตรียมความพร้อมสู่โลกธุรกิจสมัยใหม่
ไม่ใช่เรื่องที่คุณควรรู้ แต่ต้องรู้!
Dan Norris
สารบัญ
ค�าน�า.................................................................................................1
บทที่ 1 - ไม่ลองไม่รู้ ..........................................................................5
• ไอเดียธุรกิจแรกของผม ........................................................ 7
• ธุรกิจแรกของผม.................................................................11
• สตาร์ทอัพแรกของผม ........................................................ 15
• ความสำาเร็จภายใน7วันของผม..........................................18
บทที่ 2 - สตาร์ทอัพคืออะไร? ..........................................................23
บทที่ 3 - หาไอเดีย, ท�าให้เสร็จ, วิ่งให้สุด ........................................27
• หาไอเดีย...........................................................................29
• ทำาให้เสร็จ.........................................................................30
• วิ่งให้สุด ............................................................................ 32
บทที่ 4 - ท�าไมต้อง 7 วัน?...............................................................35
• เลี่ยงวิธีทดสอบการใช้งาน (Validation)
ที่... ใช้ไม่ได้จริง ................................................................ 37
• ทำางานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น.........................................51
• แค่ 7 วันไม่ทันหรอก .......................................................... 54
• เฮ้ย นี่พูดจริงนะ 7 วัน ยังไงก็เปิดตัวไม่ทัน ............................ 57
• งาน 7 อย่างที่ต้องทำาก่อนเปิดตัว ........................................ 58
บทที่ 5 - 7 วันปั้นสตาร์ทอัพ............................................................61
• วันที่ 1 - องค์ประกอบทั้ง 9 ของไอเดียที่ยอดเยี่ยม
สำาหรับธุรกิจทุนจำากัด ........................................................ 61
วันที่ 2 - MVP คืออะไร? ..................................................... 82
• วันที่ 3 - ตั้งชื่อให้ธุรกิจ ...................................................... 95
• วันที่ 4 - สร้างเว็บไซต์ในหนึ่งวัน
ด้วยเงินน้อยกว่า 100 ดอลลาร์ ......................................... 105
• วันที่ 5 – สิบวิธีนำาธุรกิจออกสู่ตลาด .................................. 119
• วันที่ 6 - ตั้งเป้า ............................................................... 142
• วันที่ 7 - เปิดตัว .............................................................. 150
บทที่ 6 - ขัดเกลาโมเดลธุรกิจของคุณ............................................153
• ถ้าทำาธุรกิจที่ขยายตัวไม่ได้ ............................................... 155
• สร้างธุรกิจที่ขยายตัวได้ ราวกับมียีนขยายตัว
อยู่ในดีเอ็นเอ .................................................................. 158
บทที่ 7 - กฎ 14 ข้อที่ทุกธุรกิจควรท�าตาม......................................169
1. ทดสอบสมมุติฐานทุกข้อ .................................................. 171
2. แก้ปัญหาเมื่อคุณมีปัญหา................................................174
3. ทำาสิ่งที่คุณบอกว่าจะทำา...................................................176
4. ยึดแบรนด์ที่ดีที่สุดเป็นมาตรฐาน.......................................177
5. เรียนรู้จากตัวเองและคนอื่น .............................................. 179
6. เรียนรู้ให้เร็วกว่าคู่แข่ง ...................................................... 180
7. คอยคิดภาพธุรกิจในวันที่ไม่มีคุณ......................................181
8. หาต้นตอของแรงผลักดันทางธุรกิจ....................................183
9. รักษาแรงบันดาลใจ..........................................................186
10. ตัดขาดจากลูกค้าที่รับมือยาก ........................................... 187
11. รักษาลูกค้าที่ดีไว้ ............................................................. 188
12. อย่าวางแผนแค่ในระยะสั้น .............................................. 189
13. มุ่งความสนใจไปที่ผลิตภัณฑ์.............................................191
14. รักงาน ............................................................................ 192
บทส่งท้าย......................................................................................193
กิตติกรรมประกาศ..........................................................................199
- 5 -
ไม่ลองไม่รู้
“การดีใจไปกับความสำาเร็จเป็นสิ่งดี
แต่การเรียนรู้จากความล้มเหลวนั้นสำาคัญยิ่งกว่า”
บิล เกตส์
ในปี 2007 ผมเพิ่งเริ่มธุรกิจแรกของตัวเองไปได้หนึ่งปี ผมได้อ่านหนังสือ
คิดแล้วรวย (Think and Grow Rich) ของ นโปเลียน ฮิลล์ จบระหว่างอยู่บน
เที่ยวบินขากลับจากฮันนีมูนเขาแนะนำาว่าให้คิดถึงเป้าหมายทางการเงินใน
อีก 12 เดือนข้างหน้าแล้วยำ้ามันกับตัวเองทุกวัน ผมจึงคิดภาพเงินหนึ่งแสน
ดอลลาร์ต่อปีเป็นค่าจ้างตัวเองในการทำาธุรกิจของตัวเอง ตอนนั้นผมมีกำาไร
พอที่จะจ่ายตัวเองได้อย่างมากสุดก็ 4 หมื่นดอลลาร์ ซึ่งเท่ากับครึ่งหนึ่งของ
เงินที่ได้จากงานประจำาที่เคยทำาในปีก่อนหน้า
- 6 -
สตาร์ทอัพสร้างได้ใน 7 วัน
ผมเลยยำ้าเป้าหมายเงินหนึ่งแสนนั่นกับตัวเองทุกวันตลอดปี 2007
แต่ผมทำาได้ไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของมันเสียด้วยซำ้า ในปี
2007 2008 2009 2010 หรือ 2011 รายได้ก็ไม่ถึงเป้าสักที... ในปี 2012
รายได้ของผมลดลงตำ่ามากถึงขั้นติดลบ
ในเดือนมิถุนายน 2013 ผมหมดตัวจริงๆ ผมมีเวลาอีก 2 อาทิตย์
ก่อนจะล้มเลิกความคิดการเป็นผู้ประกอบการและไปหางานประจำาทำา
ผมหาประกาศรับสมัครงานแถวบ้านสามสี่งานแล้วก็เริ่มคิดจะย้าย
ครอบครัวกลับเข้าเมือง ผมเห็นตัวเองในฐานะผู้ประกอบการตลอดสิบสี่ปีที่
ผ่านมา และได้ผจญความโกลาหลต่างๆ ในตลอดเจ็ดปีหลัง
“ผมทำาทุกอย่างนี่ไปเพื่ออะไรวะ?”
- 7 -
ไม่ลองไม่รู้
ไอเดียธุรกิจแรกของผม
ในปี 2000 ผมเป็นเด็กหนุ่มผมยาวอายุยี่สิบ ต้องพยายามตะเกียกตะกาย
ดิ้นรนเพื่อให้ได้ใบปริญญาสาขาบริหารธุรกิจ บอกตรงๆว่า ผมโคตรเบื่อ ผม
ต้องลงวิชาเลือกเพื่อมาช่วยเพิ่มเกรดหลังจากที่สอบไม่ผ่านไปหลายตัวและ
ตอนนั้นเองที่ผมบังเอิญเจอวิชานึงที่เพิ่งเปิดสอนสดๆ ร้อนๆ คือวิชาการเป็น
ผู้ประกอบการ (Entrepreneurship)
ผมฝันไว้ว่าจะได้สร้างและบริหารสตาร์ทอัพของตัวเองอย่างประสบ
ความสำาเร็จ
สิ่งที่ผมต้องทำาคือคิดไอเดียให้ออกและวางแผนที่จะทำาให้ไอเดียนั่น
เกิดขึ้นจริงผมเลยคิดว่าถ้าลงเรียนวิชาที่สอนให้ผมเริ่มและบริหารธุรกิจเป็น
อย่างน้อยหนึ่งวิชาน่าจะมีประโยชน์ในอนาคต
สมัยนั้นเราใช้เว็บไซต์ในการหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตก็ใช่ว่าจะเจอ
อะไรเยอะ ข้อมูลดีๆ สำาคัญๆ อยู่ในห้องสมุดเสียหมด วันหนึ่งผมเจอหนังสือ
เล่มหนึ่งชื่อ สุดยอดคู่มือจัดการทรัพยากรมนุษย์ (The Ultimate HR
Manual) พอดีตอนนั้นผมเรียนการจัดการทรัพยากรมนุษย์ (Human
Resources หรือ HR) เป็นวิชาเอก ผมเลยซ่อนหนังสือเล่มนี้ไว้หลังกอง
หนังสือเหม็นหืนในหมวดกายวิภาคกบที่ไม่มีใครเคยเข้าไปใช้
- 8 -
สตาร์ทอัพสร้างได้ใน 7 วัน
คู่มือเล่มนี้รวบรวมเคล็ดลับทั้งหมดในการบริหารทรัพยากรมนุษย์
รวมถึงขั้นตอนการจ้างและไล่ออกวิธีการหาคนเก่งมาร่วมงานวิธีการรับมือ
กับความเปลี่ยนแปลงวิธีการสร้างทีมที่ดีและวิธีการฝึกอบรมคนเรียกง่ายๆ
ว่าคู่มือเล่มนี้ชี้เส้นทางไปสู่ทุกเป้าหมายที่แผนกจัดการทรัพยากรมนุษย์หวัง
จะไปให้ถึง
ผมกำาลังต้องการไอเดียธุรกิจมาทำารายงานส่งในวิชาที่เรียนพอดี
และหลังจากที่ผมเจอคู่มือจัดการทรัพยากรมนุษย์เล่มนี้ไอเดียเด็ดๆก็บังเกิด
ถ้าสมมุติว่าผมเอาคู่มือจัดการทรัพยากรมนุษย์ เล่มนี้ไป...
ลงบนอินเทอร์เน็ตล่ะ?
ผมอยากสร้างเว็บไซต์ที่เจ้าของธุรกิจทั้งหลายสามารถเข้าถึงแบบ
ฟอร์มและขั้นตอนต่างๆที่จำาเป็นในการจัดการทรัพยากรมนุษย์รวมถึงข้อมูล
รายละเอียดของตำาแหน่งงานทุกตำาแหน่ง แบบสอบถามพนักงาน แบบ
ประเมินพนักงาน ระบบงานจัดการทรัพยากรมนุษย์และโครงการฝึกอบรม
พนักงานต่างๆ ฟังดูเยี่ยมเลยใช่มั้ยล่ะ!
ไอเดียธุรกิจแรกของผมคลอดแล้ว
- 9 -
ไม่ลองไม่รู้
ในช่วงเวลาหกเดือนต่อมา ผมร่างไอเดียและวางแผนโครงสร้าง
ธุรกิจอย่างรัดกุม ผมคิดกระทั่งวิธีส่งเอกสารให้ลูกค้า การคิดค่าบริการ การ
จ้างนักเขียน
ไอเดียนี่แหละที่จะทำาเงินหนึ่งล้านดอลลาร์แรกให้ผม ผู้จัดการ
ทรัพยากรมนุษย์ทั่วไปต้องจ่ายเงินเป็นพันๆ ดอลลาร์เพื่อจ้างพนักงานใน
แผนกนี้อยู่แล้ว ผมมั่นใจว่าพวกเขาจะยอมจ่ายอีกสักสองสามร้อยดอลลาร์
เพื่อซื้อเอกสารทุกชนิดที่ต้องใช้ในงานแน่ๆ เท่าที่ผมหาข้อมูลมา ยังไม่มีใคร
ทำาธุรกิจแบบนี้เลย
ผมภูมิใจในแผนนี้มาก หมากทุกตัวถูกวางไว้หมดแล้ว ผมส่งแผน
ธุรกิจนี้ไปอย่างหวั่นๆแต่ก็หวังอยู่ว่าจะได้คะแนนดีผมรอ...และได้แต่รอว่า
ผลจะออกมาเป็นยังไงในที่สุดวันนั้นก็มาถึงผมเปิดงานดูแล้วเห็นตัวA!สุด
ยอดไปเลย!
แต่ปัญหามีอยู่ว่า ผมไม่ได้ทำาแผนธุรกิจนี้ให้เป็นจริงน่ะสิ
แม้ว่าผมได้วาดแผนธุรกิจสวยหรูนี้ขึ้นมา หลังจากที่ใช้เวลาหลาย
สิบชั่วโมงอยู่ในห้องสมุดเพื่อหาข้อมูลอย่างละเอียดยิบ
แต่การจัดตั้งธุรกิจขึ้นมาจริงๆ ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์การให้คะแนน
- 10 -
สตาร์ทอัพสร้างได้ใน 7 วัน
พอมองย้อนกลับไปเวลามันช่างเหมาะเหม็งเสียจริงๆผมผุดไอเดีย
นี้หลังจากวิกฤตฟองสบู่ดอทคอมแตกครั้งแรกสองสามปีต่อมาการให้บริการ
ทำานองนี้ก็ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด เอกสารและนโยบายจัดการทรัพยากรมนุษย์
ทั้งหลายหาเจอและซื้อขายกันง่ายๆผ่านอินเทอร์เน็ตถ้ามองย้อนกลับไปโดย
ใช้ประสบการณ์ที่ผมมีในวันนี้ ผมเชื่อว่าไอเดียในวันนั้นมีศักยภาพสูงพอที่
จะโตเป็นธุรกิจมูลค่าเจ็ดหรือแปดหลักได้
แต่จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ อันนี้ผมไม่รู้ เพราะคุณไม่สามารถ
คาดการณ์ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังตั้งธุรกิจถึงคุณจะวางแผนงานระยะยาว
และเตรียมการไปก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดีธุรกิจส่วนใหญ่เดินหน้าโดยการทำาใน
สิ่งที่ต่างจากแผนที่เดิมที่วางไว้ตอนเริ่มต้นอย่างมาก ปัจจุบันเราเรียก
ปรากฏการณ์นี้ว่า “pivot” หรือการเปลี่ยนแผน [การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์
ธุรกิจครั้งใหญ่ไปในทิศทางใหม่เพื่อหาจุดยืนและลูกค้าที่เหมาะสม]
ผมได้รับบทเรียนหนึ่งที่มีค่ามากจากความล้มเหลวในการตั้งธุรกิจ
บทเรียนนั้นก็คือ “ไม่ลองก็ไม่รู้”
- 11 -
ไม่ลองไม่รู้
ธุรกิจแรกของผม
คำาว่า “ธุรกิจ” นั้นมีความหมายแตกต่างกันออกไปในมุมมองของคนแต่ละ
คน หากคุณซื้อแฟรนไชส์ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ตามหลักการคุณก็อยู่ในโลก
ธุรกิจแล้ว แต่ในความเป็นจริงนั้นคุณทำางานให้ตัวเองคนเดียว
ผู้ประกอบการคือคนที่ขายแฟรนไชส์นั้นให้กับคุณ เขาสร้างธุรกิจ
นั้นโดยเริ่มจากศูนย์ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนที่ได้รับ
ก็สูงเช่นกัน
ในปี2006ผมเพิ่งได้เลื่อนตำาแหน่งในบริษัทที่มั่นคงตอนนั้นผมอายุ
26ปีและพร้อมที่จะเริ่มธุรกิจของตัวเองผมบอกเหล่าเพื่อนร่วมงานว่าผมจะ
เป็นเศรษฐีก่อนอายุขึ้นเลขสาม
ไอเดียล่าสุดของผมตอนนั้นคือการสร้างเว็บไซต์ให้ลูกค้า แม้เวลา
นั้นผมจะไม่รู้วิธีสร้างเว็บไซต์และไม่มีความรู้ด้านไอทีมาก่อนผมก็ไม่สนผม
เริ่มโดยไม่ได้ผ่านการฝึกอบรมหรือขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ผมเรียนรู้
อย่างรวดเร็วจากการอ่านและการลงมือทำา ลูกค้าใหม่ของผมจะถาม
ประมาณว่า คุณทำาเว็บไซต์ด้วย ASP ได้มั้ย?”
- 12 -
สตาร์ทอัพสร้างได้ใน 7 วัน
ผมก็จะตอบว่าได้แล้วรีบค้นในกูเกิลว่าASPคืออะไรจากนั้นก็เริ่ม
ลงมือ
ในช่วงแรกๆ ทุกอย่างดูจะไปได้สวย ผมได้งานโปรเจกต์ตั้งแต่
อาทิตย์แรกและทำาเงินได้40,000ดอลลาร์ในปีแรกแหงล่ะมันยังไม่ถึงล้าน
แต่ผมก็ดีใจที่ทำามาได้ตั้งครบปีแน่ะ!
ในปีที่สอง ผมทำาเงินได้ประมาณ 80,000 ดอลลาร์ และภายในปีที่
สาม รายรับของผมก็ก้าวข้ามเลขหกหลักอันศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เรียบร้อย
รู้ตัวอีกที ผมก็มีออฟฟิศเป็นของตัวเอง มีพนักงาน มีเซิร์ฟเวอร์ มี
ระบบโทรศัพท์มีลูกค้าเป็นร้อยๆคนและมีรายชื่อผู้สนใจที่ไหลทะลักเข้ามา
ผมมีธุรกิจอย่างจริงจังแล้วผมกำาลังมุ่งหน้าสู่เส้นทางเศรษฐีเงินล้าน(หรือผม
กำาลังคิดไปเองวะเนี่ย)
เพราะจริงๆ ผมมีปัญหา (โคตร) ใหญ่อยู่หนึ่งประการ
ธุรกิจผมไม่มีกำาไร
ธุรกิจมันทำาเงินแต่ไม่ทำากำาไรในปีแรก ปีที่สอง ปีที่เจ็ด หรือปีไหน
ก็ตามระหว่างนั้นผมไม่ได้กลายเป็นเศรษฐีก่อนอายุขึ้นเลขสามผมกำาลังเดิน
ถอยหลังในขณะที่เพื่อนๆ เดินไปข้างหน้า ผมอายุสามสิบ ใช้ชีวิตแบบให้อยู่
รอดอาทิตย์ต่ออาทิตย์ เช่าห้องเขาอยู่ และมีรายได้ตำ่ากว่าทุกคนที่ผมรู้จัก
ทุกอย่างแย่ลงก่อนที่จะดีขึ้น
- 13 -
ไม่ลองไม่รู้
ผมตระหนักได้ว่าแม้ว่าธุรกิจจะสร้างรายรับมากขึ้นก็ไม่ได้ช่วยแก้
ปัญหาเรื่องการทำากำาไร กิจการผมไม่โตขึ้น ผมได้พยายามทุกวิถีทางที่จะ
ทำาให้มันเติบโต ทุกวิถีทางจริงๆ แต่ไม่ว่าจะทำาอย่างไร ก็ไม่เห็นว่ามันจะ
กระเตื้องขึ้นแม้แต่นิดเดียว
ระหว่างที่ทำาธุรกิจ ผมก็ทำางานใหญ่สำาเร็จไปหลายงาน อย่างการ
คว้างานโปรเจกต์มูลค่า 20,000 ดอลลาร์ แต่ผมก็ทำาเรื่องผิดพลาดใหญ่โต
เช่นกัน อย่างการออกใบเสนอราคาผิดพลาดเป็น 10,000 ดอลลาร์ หรือจ้าง
พนักงานผิดตำาแหน่ง บนวิถีธุรกิจไม่มีอะไรที่แน่นอนเลย
ผมทำางานช่วงคริสต์มาสด้วยเพื่อจะได้มีเวลาดูงานของลูกค้าที่เรื่อง
เยอะกว่าชาวบ้าน ผมต่อสู้กับความเหงา ความรู้สึกขาดแรงบันดาลใจและ
ขาดความมั่นใจผมได้ก้าวออกไปยังสังคมที่กว้างขึ้นตีตัวออกห่างจากเพื่อน
ฝูงและเพื่อนร่วมงาน ผมรู้ดีว่าทุกคนคาดหวังความสำาเร็จ ผมเองก็คาดหวัง
ความสำาเร็จ ผมไม่เคยคิดว่า ผมจะล้มเหลว
มีหลายสัญญาณที่ทำาให้ผมคิดว่าทุกอย่างกำาลังไปได้สวย แต่แล้ว
ก็มีบางอย่างเกิดขึ้น ทำาให้ผมสะดุดล้ม ซำ้าแล้วซำ้าเล่า ผมบอกได้เลยว่า บน
วิถีธุรกิจสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นตลอดเวลา
- 14 -
สตาร์ทอัพสร้างได้ใน 7 วัน
หลังจากทำาไปได้เจ็ดปี ผมหมดศรัทธาในการตัดสินใจของตัวเอง
ผมนำาแนวทางของคนอื่นมาใช้โดยคิดว่ามันน่าจะช่วยต่อชีวิตกิจการได้ แต่
มันก็ล้มเหลว ผมมีรายรับอยู่ที่ 180,000 ดอลลาร์ต่อปี หลังจากหักลบค่าใช้
จ่ายทั้งหมดแล้ว เหลือกำาไรแค่ 40,000 ดอลลาร์ต่อปี ผมไม่เคยไปถึงเป้า
เงิน หนึ่งแสนดอลลาร์ที่ฝันไว้ตอนเริ่มธุรกิจสักที
ท้ายที่สุด ผมยอมรับว่าผมไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ผมตัดสินใจ
ขายกิจการนี้ทิ้งเพื่อจะได้สร้างอะไรใหม่
คราวนี้ผมจะทุ่มสุดตัว ผมอยากสร้างอะไรที่จริงจัง อยากสร้าง
สตาร์ทอัพที่ประสบความสำาเร็จอย่างงดงามจนน่าทึ่ง อยากเลิกเป็นคนที่
ทำางานแค่พอผ่านและกลายเป็นคนที่ประสบความสำาเร็จเสียทีผมไม่เหลือที่
ไว้ให้ความล้มเหลวอีกแล้ว
- 32 -
สตาร์ทอัพสร้างได้ใน 7 วัน
วิ่งให้สุด
องค์ประกอบสุดท้ายก็คือการวิ่งให้สุด ผมไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องเป็นการ
โทรศัพท์ขายของหรือพบปะลูกค้าตัวต่อตัว”
วิ่งให้สุดคือการที่มาร์โค แซปปาคอสตา เจ้าของเว็บไซต์ทัมป์แทก
(Thumbtack)ถูกปัดปฏิเสธจากกองทุนเงินร่วมลงทุน(VentureCapital)42
แห่งจาก 44 แห่ง
วิ่งให้สุดคือการที่นักเขียนชื่อดังเซธโกดินเคยได้รับจดหมายปฏิเสธ
900 ฉบับติดต่อกัน
วิ่งให้สุดคือการที่คริสแซกกาลงทุนก่อตั้งบริษัทสร้างเว็บไซต์และ
สั่งทำานามบัตรเพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานอีเวนต์มองว่าเขาก็เป็นคนเอาการเอางาน
วิ่งให้สุดคือการทุ่มสุดตัวเพื่อบรรลุเป้าหมาย
อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
- 35 -
“ขยับให้ไว ก่อเรื่องให้วุ่น”
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก
เข้าปีที่สิบสามของการเรียนรู้วิชา “ผู้ประกอบการ” ผมเริ่มเข้าใจว่าทำาไมผม
ถึงประสบความล้มเหลวซำ้าแล้วซำ้าเล่า ผมลงมือโดยยึดเอาสมมุติฐานของ
ตัวเองเป็นหลัก แทนที่จะตัดสินใจทำาอะไรโดยพิจารณาจากข้อมูลจริง
• ตอนที่ผมซื้อบริษัทอีกแห่ง ผมนึกว่าจะทำาให้กำาไรต่อปีเพิ่มขึ้น
40,000 ดอลลาร์แน่นอน แต่ผมคิดผิด
• ตอนที่ผมเปิดตัวอินฟอร์มลี่ (Informly) ผมนึกว่าถ้าผมมีผลิตภัณฑ์
ที่ลำ้าเลิศ คนจะแห่กันมาใช้เอง นี่ก็ผิด
• ตอนที่ผมเริ่มให้บริการอินฟอร์มลี่เวอร์ชั่นใหม่ ผมนึกว่าผลตอบรับ
จะเป็นไปตามผลสำารวจที่ทำาก่อนหน้านี้ ผิดอีกแล้ว
ท�าไมต้อง 7 วัน?
- 46 -
สตาร์ทอัพสร้างได้ใน 7 วัน
ผมคิดว่ามีคนต้องการสิ่งที่ผมทำาแน่นอน
หลังจากที่เปิดตัวผู้ที่เคยทดลองใช้ส่วนใหญ่ไม่สมัครใช้ต่อไม่มีใคร
ซื้อมันไปใช้ และพอถึงตอนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวจริง อัตราการสมัครสมาชิก
(ต่อจำานวนการเข้าเว็บไซต์) ก็ลดลงมากเทียบกับช่วงก่อน
มีสามคนสมัครสมาชิกและจ่ายเงินให้กับผลิตภัณฑ์นี้ มีคนนึง
ยกเลิกสมาชิกภายในอาทิตย์เดียวส่วนอีกสองคนซื้อไปแต่ไม่ได้ใช้งานจริงๆ
ผมควรจะโทษผลิตภัณฑ์สำาหรับผลที่ออกมาเพราะผมทำาได้ดีที่สุด
แค่นี้แน่นอนว่าผมต้องปรับปรุงแต่ตอนนั้นผลที่ออกมาทำาผมช็อคเอามากๆ
ทำาไมยอดผู้ใช้งานถึงผิดไปจากผลสำารวจได้ขนาดนี้?
อย่างที่สตีฟ จอบส์ เคยกล่าวไว้อาจจะจริง “คนเราไม่รู้หรอกว่าตัว
เองต้องการอะไร จนกระทั่งคุณเอาให้พวกเขาดู” แต่จะให้ถูกต้องจริงๆ ต้อง
เป็น
คนไม่รู้หรอกว่าตัวเองต้องการอะไร
จนกระทั่งยอมควักเงินจากกระเป๋าสตางค์
- 191 -
กฎ 14 ข้อที่ทุกธุรกิจควรทำตาม
13. มุ่งความสนใจไปที่ผลิตภัณฑ์
การบริหารกิจการนั้นเป็นเรื่องน่าเสี่ยงอยู่เหมือนกัน ผู้เชี่ยวชาญทุกคนเห็น
ต่างกันออกไปว่าเทคนิคหรือเทคโนโลยีที่ “ต้องมี” นั้นคืออะไร คุณจะรู้ได้
ยังไงว่าคุณควรใช้เวลากับอะไร? ใช้เงินยังไง? และให้ความสนใจกับอะไร?
เวลาที่คุณไม่แน่ใจ ขอให้กลับมาดูที่ผลิตภัณฑ์ อะไรก็ตามที่คุณ
สามารถทำาเพื่อให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์ดีขึ้นหรือให้ลูกค้าประทับใจยิ่งขึ้น
เป็นการลงทุนที่ดีเสมอ
ถ้าคุณรู้สึกว่าทำาอะไรไม่ทัน หรือร้อนใจกับจำานวนงานที่ต้องทำา มุ่ง
ความสนใจไปที่เรื่องเดียวก่อน นั่นคือจะทำายังไงให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมี
คุณภาพดีขึ้น
ใช้เวลากับเรื่องนี้แหละมีประโยชน์มากที่สุด

Contenu connexe

Plus de Piyapong Sirisutthanant

ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdfตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdfตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdfตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdfตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdfฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่องตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่องPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stickตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stickPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวยตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวยPiyapong Sirisutthanant
 
How to be better at (almost) everything sample
How to be better at (almost) everything sampleHow to be better at (almost) everything sample
How to be better at (almost) everything samplePiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ Productivity คิดแบบเยอรมัน ลงมือทำแบบญี่ปุ่น
ตัวอย่างหนังสือ Productivity คิดแบบเยอรมัน ลงมือทำแบบญี่ปุ่นตัวอย่างหนังสือ Productivity คิดแบบเยอรมัน ลงมือทำแบบญี่ปุ่น
ตัวอย่างหนังสือ Productivity คิดแบบเยอรมัน ลงมือทำแบบญี่ปุ่นPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อย
ตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อยตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อย
ตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อยPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัด
ตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัดตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัด
ตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัดPiyapong Sirisutthanant
 
5 ทักษะการคิดฉบับญี่ปุ่น
5 ทักษะการคิดฉบับญี่ปุ่น5 ทักษะการคิดฉบับญี่ปุ่น
5 ทักษะการคิดฉบับญี่ปุ่นPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKR
ตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKRตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKR
ตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKRPiyapong Sirisutthanant
 

Plus de Piyapong Sirisutthanant (20)

ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdfตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdfตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdfตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdfตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
 
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdfฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
 
AI 2041 ตัวอย่าง
AI 2041 ตัวอย่างAI 2041 ตัวอย่าง
AI 2041 ตัวอย่าง
 
LHTL_Sample.pdf
LHTL_Sample.pdfLHTL_Sample.pdf
LHTL_Sample.pdf
 
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่องตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
 
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stickตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
 
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
 
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวยตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
 
You canlearnanything sample
You canlearnanything sampleYou canlearnanything sample
You canlearnanything sample
 
Successful peopleact sample
Successful peopleact sampleSuccessful peopleact sample
Successful peopleact sample
 
AI SUPERPOWERS_Sample
AI SUPERPOWERS_SampleAI SUPERPOWERS_Sample
AI SUPERPOWERS_Sample
 
How to be better at (almost) everything sample
How to be better at (almost) everything sampleHow to be better at (almost) everything sample
How to be better at (almost) everything sample
 
ตัวอย่างหนังสือ Productivity คิดแบบเยอรมัน ลงมือทำแบบญี่ปุ่น
ตัวอย่างหนังสือ Productivity คิดแบบเยอรมัน ลงมือทำแบบญี่ปุ่นตัวอย่างหนังสือ Productivity คิดแบบเยอรมัน ลงมือทำแบบญี่ปุ่น
ตัวอย่างหนังสือ Productivity คิดแบบเยอรมัน ลงมือทำแบบญี่ปุ่น
 
ตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อย
ตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อยตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อย
ตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อย
 
ตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัด
ตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัดตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัด
ตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัด
 
5 ทักษะการคิดฉบับญี่ปุ่น
5 ทักษะการคิดฉบับญี่ปุ่น5 ทักษะการคิดฉบับญี่ปุ่น
5 ทักษะการคิดฉบับญี่ปุ่น
 
ตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKR
ตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKRตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKR
ตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKR
 

ตัวอย่างหนังสือ สตาร์ทอัพสร้างได้ใน 7 วัน

  • 2. สารบัญ ค�าน�า.................................................................................................1 บทที่ 1 - ไม่ลองไม่รู้ ..........................................................................5 • ไอเดียธุรกิจแรกของผม ........................................................ 7 • ธุรกิจแรกของผม.................................................................11 • สตาร์ทอัพแรกของผม ........................................................ 15 • ความสำาเร็จภายใน7วันของผม..........................................18 บทที่ 2 - สตาร์ทอัพคืออะไร? ..........................................................23 บทที่ 3 - หาไอเดีย, ท�าให้เสร็จ, วิ่งให้สุด ........................................27 • หาไอเดีย...........................................................................29 • ทำาให้เสร็จ.........................................................................30 • วิ่งให้สุด ............................................................................ 32 บทที่ 4 - ท�าไมต้อง 7 วัน?...............................................................35 • เลี่ยงวิธีทดสอบการใช้งาน (Validation) ที่... ใช้ไม่ได้จริง ................................................................ 37 • ทำางานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น.........................................51 • แค่ 7 วันไม่ทันหรอก .......................................................... 54 • เฮ้ย นี่พูดจริงนะ 7 วัน ยังไงก็เปิดตัวไม่ทัน ............................ 57 • งาน 7 อย่างที่ต้องทำาก่อนเปิดตัว ........................................ 58
  • 3. บทที่ 5 - 7 วันปั้นสตาร์ทอัพ............................................................61 • วันที่ 1 - องค์ประกอบทั้ง 9 ของไอเดียที่ยอดเยี่ยม สำาหรับธุรกิจทุนจำากัด ........................................................ 61 วันที่ 2 - MVP คืออะไร? ..................................................... 82 • วันที่ 3 - ตั้งชื่อให้ธุรกิจ ...................................................... 95 • วันที่ 4 - สร้างเว็บไซต์ในหนึ่งวัน ด้วยเงินน้อยกว่า 100 ดอลลาร์ ......................................... 105 • วันที่ 5 – สิบวิธีนำาธุรกิจออกสู่ตลาด .................................. 119 • วันที่ 6 - ตั้งเป้า ............................................................... 142 • วันที่ 7 - เปิดตัว .............................................................. 150 บทที่ 6 - ขัดเกลาโมเดลธุรกิจของคุณ............................................153 • ถ้าทำาธุรกิจที่ขยายตัวไม่ได้ ............................................... 155 • สร้างธุรกิจที่ขยายตัวได้ ราวกับมียีนขยายตัว อยู่ในดีเอ็นเอ .................................................................. 158 บทที่ 7 - กฎ 14 ข้อที่ทุกธุรกิจควรท�าตาม......................................169 1. ทดสอบสมมุติฐานทุกข้อ .................................................. 171 2. แก้ปัญหาเมื่อคุณมีปัญหา................................................174 3. ทำาสิ่งที่คุณบอกว่าจะทำา...................................................176 4. ยึดแบรนด์ที่ดีที่สุดเป็นมาตรฐาน.......................................177 5. เรียนรู้จากตัวเองและคนอื่น .............................................. 179 6. เรียนรู้ให้เร็วกว่าคู่แข่ง ...................................................... 180
  • 4. 7. คอยคิดภาพธุรกิจในวันที่ไม่มีคุณ......................................181 8. หาต้นตอของแรงผลักดันทางธุรกิจ....................................183 9. รักษาแรงบันดาลใจ..........................................................186 10. ตัดขาดจากลูกค้าที่รับมือยาก ........................................... 187 11. รักษาลูกค้าที่ดีไว้ ............................................................. 188 12. อย่าวางแผนแค่ในระยะสั้น .............................................. 189 13. มุ่งความสนใจไปที่ผลิตภัณฑ์.............................................191 14. รักงาน ............................................................................ 192 บทส่งท้าย......................................................................................193 กิตติกรรมประกาศ..........................................................................199
  • 5. - 5 - ไม่ลองไม่รู้ “การดีใจไปกับความสำาเร็จเป็นสิ่งดี แต่การเรียนรู้จากความล้มเหลวนั้นสำาคัญยิ่งกว่า” บิล เกตส์ ในปี 2007 ผมเพิ่งเริ่มธุรกิจแรกของตัวเองไปได้หนึ่งปี ผมได้อ่านหนังสือ คิดแล้วรวย (Think and Grow Rich) ของ นโปเลียน ฮิลล์ จบระหว่างอยู่บน เที่ยวบินขากลับจากฮันนีมูนเขาแนะนำาว่าให้คิดถึงเป้าหมายทางการเงินใน อีก 12 เดือนข้างหน้าแล้วยำ้ามันกับตัวเองทุกวัน ผมจึงคิดภาพเงินหนึ่งแสน ดอลลาร์ต่อปีเป็นค่าจ้างตัวเองในการทำาธุรกิจของตัวเอง ตอนนั้นผมมีกำาไร พอที่จะจ่ายตัวเองได้อย่างมากสุดก็ 4 หมื่นดอลลาร์ ซึ่งเท่ากับครึ่งหนึ่งของ เงินที่ได้จากงานประจำาที่เคยทำาในปีก่อนหน้า
  • 6. - 6 - สตาร์ทอัพสร้างได้ใน 7 วัน ผมเลยยำ้าเป้าหมายเงินหนึ่งแสนนั่นกับตัวเองทุกวันตลอดปี 2007 แต่ผมทำาได้ไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของมันเสียด้วยซำ้า ในปี 2007 2008 2009 2010 หรือ 2011 รายได้ก็ไม่ถึงเป้าสักที... ในปี 2012 รายได้ของผมลดลงตำ่ามากถึงขั้นติดลบ ในเดือนมิถุนายน 2013 ผมหมดตัวจริงๆ ผมมีเวลาอีก 2 อาทิตย์ ก่อนจะล้มเลิกความคิดการเป็นผู้ประกอบการและไปหางานประจำาทำา ผมหาประกาศรับสมัครงานแถวบ้านสามสี่งานแล้วก็เริ่มคิดจะย้าย ครอบครัวกลับเข้าเมือง ผมเห็นตัวเองในฐานะผู้ประกอบการตลอดสิบสี่ปีที่ ผ่านมา และได้ผจญความโกลาหลต่างๆ ในตลอดเจ็ดปีหลัง “ผมทำาทุกอย่างนี่ไปเพื่ออะไรวะ?”
  • 7. - 7 - ไม่ลองไม่รู้ ไอเดียธุรกิจแรกของผม ในปี 2000 ผมเป็นเด็กหนุ่มผมยาวอายุยี่สิบ ต้องพยายามตะเกียกตะกาย ดิ้นรนเพื่อให้ได้ใบปริญญาสาขาบริหารธุรกิจ บอกตรงๆว่า ผมโคตรเบื่อ ผม ต้องลงวิชาเลือกเพื่อมาช่วยเพิ่มเกรดหลังจากที่สอบไม่ผ่านไปหลายตัวและ ตอนนั้นเองที่ผมบังเอิญเจอวิชานึงที่เพิ่งเปิดสอนสดๆ ร้อนๆ คือวิชาการเป็น ผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) ผมฝันไว้ว่าจะได้สร้างและบริหารสตาร์ทอัพของตัวเองอย่างประสบ ความสำาเร็จ สิ่งที่ผมต้องทำาคือคิดไอเดียให้ออกและวางแผนที่จะทำาให้ไอเดียนั่น เกิดขึ้นจริงผมเลยคิดว่าถ้าลงเรียนวิชาที่สอนให้ผมเริ่มและบริหารธุรกิจเป็น อย่างน้อยหนึ่งวิชาน่าจะมีประโยชน์ในอนาคต สมัยนั้นเราใช้เว็บไซต์ในการหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตก็ใช่ว่าจะเจอ อะไรเยอะ ข้อมูลดีๆ สำาคัญๆ อยู่ในห้องสมุดเสียหมด วันหนึ่งผมเจอหนังสือ เล่มหนึ่งชื่อ สุดยอดคู่มือจัดการทรัพยากรมนุษย์ (The Ultimate HR Manual) พอดีตอนนั้นผมเรียนการจัดการทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources หรือ HR) เป็นวิชาเอก ผมเลยซ่อนหนังสือเล่มนี้ไว้หลังกอง หนังสือเหม็นหืนในหมวดกายวิภาคกบที่ไม่มีใครเคยเข้าไปใช้
  • 8. - 8 - สตาร์ทอัพสร้างได้ใน 7 วัน คู่มือเล่มนี้รวบรวมเคล็ดลับทั้งหมดในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ รวมถึงขั้นตอนการจ้างและไล่ออกวิธีการหาคนเก่งมาร่วมงานวิธีการรับมือ กับความเปลี่ยนแปลงวิธีการสร้างทีมที่ดีและวิธีการฝึกอบรมคนเรียกง่ายๆ ว่าคู่มือเล่มนี้ชี้เส้นทางไปสู่ทุกเป้าหมายที่แผนกจัดการทรัพยากรมนุษย์หวัง จะไปให้ถึง ผมกำาลังต้องการไอเดียธุรกิจมาทำารายงานส่งในวิชาที่เรียนพอดี และหลังจากที่ผมเจอคู่มือจัดการทรัพยากรมนุษย์เล่มนี้ไอเดียเด็ดๆก็บังเกิด ถ้าสมมุติว่าผมเอาคู่มือจัดการทรัพยากรมนุษย์ เล่มนี้ไป... ลงบนอินเทอร์เน็ตล่ะ? ผมอยากสร้างเว็บไซต์ที่เจ้าของธุรกิจทั้งหลายสามารถเข้าถึงแบบ ฟอร์มและขั้นตอนต่างๆที่จำาเป็นในการจัดการทรัพยากรมนุษย์รวมถึงข้อมูล รายละเอียดของตำาแหน่งงานทุกตำาแหน่ง แบบสอบถามพนักงาน แบบ ประเมินพนักงาน ระบบงานจัดการทรัพยากรมนุษย์และโครงการฝึกอบรม พนักงานต่างๆ ฟังดูเยี่ยมเลยใช่มั้ยล่ะ! ไอเดียธุรกิจแรกของผมคลอดแล้ว
  • 9. - 9 - ไม่ลองไม่รู้ ในช่วงเวลาหกเดือนต่อมา ผมร่างไอเดียและวางแผนโครงสร้าง ธุรกิจอย่างรัดกุม ผมคิดกระทั่งวิธีส่งเอกสารให้ลูกค้า การคิดค่าบริการ การ จ้างนักเขียน ไอเดียนี่แหละที่จะทำาเงินหนึ่งล้านดอลลาร์แรกให้ผม ผู้จัดการ ทรัพยากรมนุษย์ทั่วไปต้องจ่ายเงินเป็นพันๆ ดอลลาร์เพื่อจ้างพนักงานใน แผนกนี้อยู่แล้ว ผมมั่นใจว่าพวกเขาจะยอมจ่ายอีกสักสองสามร้อยดอลลาร์ เพื่อซื้อเอกสารทุกชนิดที่ต้องใช้ในงานแน่ๆ เท่าที่ผมหาข้อมูลมา ยังไม่มีใคร ทำาธุรกิจแบบนี้เลย ผมภูมิใจในแผนนี้มาก หมากทุกตัวถูกวางไว้หมดแล้ว ผมส่งแผน ธุรกิจนี้ไปอย่างหวั่นๆแต่ก็หวังอยู่ว่าจะได้คะแนนดีผมรอ...และได้แต่รอว่า ผลจะออกมาเป็นยังไงในที่สุดวันนั้นก็มาถึงผมเปิดงานดูแล้วเห็นตัวA!สุด ยอดไปเลย! แต่ปัญหามีอยู่ว่า ผมไม่ได้ทำาแผนธุรกิจนี้ให้เป็นจริงน่ะสิ แม้ว่าผมได้วาดแผนธุรกิจสวยหรูนี้ขึ้นมา หลังจากที่ใช้เวลาหลาย สิบชั่วโมงอยู่ในห้องสมุดเพื่อหาข้อมูลอย่างละเอียดยิบ แต่การจัดตั้งธุรกิจขึ้นมาจริงๆ ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์การให้คะแนน
  • 10. - 10 - สตาร์ทอัพสร้างได้ใน 7 วัน พอมองย้อนกลับไปเวลามันช่างเหมาะเหม็งเสียจริงๆผมผุดไอเดีย นี้หลังจากวิกฤตฟองสบู่ดอทคอมแตกครั้งแรกสองสามปีต่อมาการให้บริการ ทำานองนี้ก็ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด เอกสารและนโยบายจัดการทรัพยากรมนุษย์ ทั้งหลายหาเจอและซื้อขายกันง่ายๆผ่านอินเทอร์เน็ตถ้ามองย้อนกลับไปโดย ใช้ประสบการณ์ที่ผมมีในวันนี้ ผมเชื่อว่าไอเดียในวันนั้นมีศักยภาพสูงพอที่ จะโตเป็นธุรกิจมูลค่าเจ็ดหรือแปดหลักได้ แต่จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ อันนี้ผมไม่รู้ เพราะคุณไม่สามารถ คาดการณ์ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังตั้งธุรกิจถึงคุณจะวางแผนงานระยะยาว และเตรียมการไปก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดีธุรกิจส่วนใหญ่เดินหน้าโดยการทำาใน สิ่งที่ต่างจากแผนที่เดิมที่วางไว้ตอนเริ่มต้นอย่างมาก ปัจจุบันเราเรียก ปรากฏการณ์นี้ว่า “pivot” หรือการเปลี่ยนแผน [การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ ธุรกิจครั้งใหญ่ไปในทิศทางใหม่เพื่อหาจุดยืนและลูกค้าที่เหมาะสม] ผมได้รับบทเรียนหนึ่งที่มีค่ามากจากความล้มเหลวในการตั้งธุรกิจ บทเรียนนั้นก็คือ “ไม่ลองก็ไม่รู้”
  • 11. - 11 - ไม่ลองไม่รู้ ธุรกิจแรกของผม คำาว่า “ธุรกิจ” นั้นมีความหมายแตกต่างกันออกไปในมุมมองของคนแต่ละ คน หากคุณซื้อแฟรนไชส์ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ตามหลักการคุณก็อยู่ในโลก ธุรกิจแล้ว แต่ในความเป็นจริงนั้นคุณทำางานให้ตัวเองคนเดียว ผู้ประกอบการคือคนที่ขายแฟรนไชส์นั้นให้กับคุณ เขาสร้างธุรกิจ นั้นโดยเริ่มจากศูนย์ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนที่ได้รับ ก็สูงเช่นกัน ในปี2006ผมเพิ่งได้เลื่อนตำาแหน่งในบริษัทที่มั่นคงตอนนั้นผมอายุ 26ปีและพร้อมที่จะเริ่มธุรกิจของตัวเองผมบอกเหล่าเพื่อนร่วมงานว่าผมจะ เป็นเศรษฐีก่อนอายุขึ้นเลขสาม ไอเดียล่าสุดของผมตอนนั้นคือการสร้างเว็บไซต์ให้ลูกค้า แม้เวลา นั้นผมจะไม่รู้วิธีสร้างเว็บไซต์และไม่มีความรู้ด้านไอทีมาก่อนผมก็ไม่สนผม เริ่มโดยไม่ได้ผ่านการฝึกอบรมหรือขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ผมเรียนรู้ อย่างรวดเร็วจากการอ่านและการลงมือทำา ลูกค้าใหม่ของผมจะถาม ประมาณว่า คุณทำาเว็บไซต์ด้วย ASP ได้มั้ย?”
  • 12. - 12 - สตาร์ทอัพสร้างได้ใน 7 วัน ผมก็จะตอบว่าได้แล้วรีบค้นในกูเกิลว่าASPคืออะไรจากนั้นก็เริ่ม ลงมือ ในช่วงแรกๆ ทุกอย่างดูจะไปได้สวย ผมได้งานโปรเจกต์ตั้งแต่ อาทิตย์แรกและทำาเงินได้40,000ดอลลาร์ในปีแรกแหงล่ะมันยังไม่ถึงล้าน แต่ผมก็ดีใจที่ทำามาได้ตั้งครบปีแน่ะ! ในปีที่สอง ผมทำาเงินได้ประมาณ 80,000 ดอลลาร์ และภายในปีที่ สาม รายรับของผมก็ก้าวข้ามเลขหกหลักอันศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เรียบร้อย รู้ตัวอีกที ผมก็มีออฟฟิศเป็นของตัวเอง มีพนักงาน มีเซิร์ฟเวอร์ มี ระบบโทรศัพท์มีลูกค้าเป็นร้อยๆคนและมีรายชื่อผู้สนใจที่ไหลทะลักเข้ามา ผมมีธุรกิจอย่างจริงจังแล้วผมกำาลังมุ่งหน้าสู่เส้นทางเศรษฐีเงินล้าน(หรือผม กำาลังคิดไปเองวะเนี่ย) เพราะจริงๆ ผมมีปัญหา (โคตร) ใหญ่อยู่หนึ่งประการ ธุรกิจผมไม่มีกำาไร ธุรกิจมันทำาเงินแต่ไม่ทำากำาไรในปีแรก ปีที่สอง ปีที่เจ็ด หรือปีไหน ก็ตามระหว่างนั้นผมไม่ได้กลายเป็นเศรษฐีก่อนอายุขึ้นเลขสามผมกำาลังเดิน ถอยหลังในขณะที่เพื่อนๆ เดินไปข้างหน้า ผมอายุสามสิบ ใช้ชีวิตแบบให้อยู่ รอดอาทิตย์ต่ออาทิตย์ เช่าห้องเขาอยู่ และมีรายได้ตำ่ากว่าทุกคนที่ผมรู้จัก ทุกอย่างแย่ลงก่อนที่จะดีขึ้น
  • 13. - 13 - ไม่ลองไม่รู้ ผมตระหนักได้ว่าแม้ว่าธุรกิจจะสร้างรายรับมากขึ้นก็ไม่ได้ช่วยแก้ ปัญหาเรื่องการทำากำาไร กิจการผมไม่โตขึ้น ผมได้พยายามทุกวิถีทางที่จะ ทำาให้มันเติบโต ทุกวิถีทางจริงๆ แต่ไม่ว่าจะทำาอย่างไร ก็ไม่เห็นว่ามันจะ กระเตื้องขึ้นแม้แต่นิดเดียว ระหว่างที่ทำาธุรกิจ ผมก็ทำางานใหญ่สำาเร็จไปหลายงาน อย่างการ คว้างานโปรเจกต์มูลค่า 20,000 ดอลลาร์ แต่ผมก็ทำาเรื่องผิดพลาดใหญ่โต เช่นกัน อย่างการออกใบเสนอราคาผิดพลาดเป็น 10,000 ดอลลาร์ หรือจ้าง พนักงานผิดตำาแหน่ง บนวิถีธุรกิจไม่มีอะไรที่แน่นอนเลย ผมทำางานช่วงคริสต์มาสด้วยเพื่อจะได้มีเวลาดูงานของลูกค้าที่เรื่อง เยอะกว่าชาวบ้าน ผมต่อสู้กับความเหงา ความรู้สึกขาดแรงบันดาลใจและ ขาดความมั่นใจผมได้ก้าวออกไปยังสังคมที่กว้างขึ้นตีตัวออกห่างจากเพื่อน ฝูงและเพื่อนร่วมงาน ผมรู้ดีว่าทุกคนคาดหวังความสำาเร็จ ผมเองก็คาดหวัง ความสำาเร็จ ผมไม่เคยคิดว่า ผมจะล้มเหลว มีหลายสัญญาณที่ทำาให้ผมคิดว่าทุกอย่างกำาลังไปได้สวย แต่แล้ว ก็มีบางอย่างเกิดขึ้น ทำาให้ผมสะดุดล้ม ซำ้าแล้วซำ้าเล่า ผมบอกได้เลยว่า บน วิถีธุรกิจสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นตลอดเวลา
  • 14. - 14 - สตาร์ทอัพสร้างได้ใน 7 วัน หลังจากทำาไปได้เจ็ดปี ผมหมดศรัทธาในการตัดสินใจของตัวเอง ผมนำาแนวทางของคนอื่นมาใช้โดยคิดว่ามันน่าจะช่วยต่อชีวิตกิจการได้ แต่ มันก็ล้มเหลว ผมมีรายรับอยู่ที่ 180,000 ดอลลาร์ต่อปี หลังจากหักลบค่าใช้ จ่ายทั้งหมดแล้ว เหลือกำาไรแค่ 40,000 ดอลลาร์ต่อปี ผมไม่เคยไปถึงเป้า เงิน หนึ่งแสนดอลลาร์ที่ฝันไว้ตอนเริ่มธุรกิจสักที ท้ายที่สุด ผมยอมรับว่าผมไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ผมตัดสินใจ ขายกิจการนี้ทิ้งเพื่อจะได้สร้างอะไรใหม่ คราวนี้ผมจะทุ่มสุดตัว ผมอยากสร้างอะไรที่จริงจัง อยากสร้าง สตาร์ทอัพที่ประสบความสำาเร็จอย่างงดงามจนน่าทึ่ง อยากเลิกเป็นคนที่ ทำางานแค่พอผ่านและกลายเป็นคนที่ประสบความสำาเร็จเสียทีผมไม่เหลือที่ ไว้ให้ความล้มเหลวอีกแล้ว
  • 15. - 32 - สตาร์ทอัพสร้างได้ใน 7 วัน วิ่งให้สุด องค์ประกอบสุดท้ายก็คือการวิ่งให้สุด ผมไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องเป็นการ โทรศัพท์ขายของหรือพบปะลูกค้าตัวต่อตัว” วิ่งให้สุดคือการที่มาร์โค แซปปาคอสตา เจ้าของเว็บไซต์ทัมป์แทก (Thumbtack)ถูกปัดปฏิเสธจากกองทุนเงินร่วมลงทุน(VentureCapital)42 แห่งจาก 44 แห่ง วิ่งให้สุดคือการที่นักเขียนชื่อดังเซธโกดินเคยได้รับจดหมายปฏิเสธ 900 ฉบับติดต่อกัน วิ่งให้สุดคือการที่คริสแซกกาลงทุนก่อตั้งบริษัทสร้างเว็บไซต์และ สั่งทำานามบัตรเพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานอีเวนต์มองว่าเขาก็เป็นคนเอาการเอางาน วิ่งให้สุดคือการทุ่มสุดตัวเพื่อบรรลุเป้าหมาย อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
  • 16. - 35 - “ขยับให้ไว ก่อเรื่องให้วุ่น” มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เข้าปีที่สิบสามของการเรียนรู้วิชา “ผู้ประกอบการ” ผมเริ่มเข้าใจว่าทำาไมผม ถึงประสบความล้มเหลวซำ้าแล้วซำ้าเล่า ผมลงมือโดยยึดเอาสมมุติฐานของ ตัวเองเป็นหลัก แทนที่จะตัดสินใจทำาอะไรโดยพิจารณาจากข้อมูลจริง • ตอนที่ผมซื้อบริษัทอีกแห่ง ผมนึกว่าจะทำาให้กำาไรต่อปีเพิ่มขึ้น 40,000 ดอลลาร์แน่นอน แต่ผมคิดผิด • ตอนที่ผมเปิดตัวอินฟอร์มลี่ (Informly) ผมนึกว่าถ้าผมมีผลิตภัณฑ์ ที่ลำ้าเลิศ คนจะแห่กันมาใช้เอง นี่ก็ผิด • ตอนที่ผมเริ่มให้บริการอินฟอร์มลี่เวอร์ชั่นใหม่ ผมนึกว่าผลตอบรับ จะเป็นไปตามผลสำารวจที่ทำาก่อนหน้านี้ ผิดอีกแล้ว ท�าไมต้อง 7 วัน?
  • 17. - 46 - สตาร์ทอัพสร้างได้ใน 7 วัน ผมคิดว่ามีคนต้องการสิ่งที่ผมทำาแน่นอน หลังจากที่เปิดตัวผู้ที่เคยทดลองใช้ส่วนใหญ่ไม่สมัครใช้ต่อไม่มีใคร ซื้อมันไปใช้ และพอถึงตอนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวจริง อัตราการสมัครสมาชิก (ต่อจำานวนการเข้าเว็บไซต์) ก็ลดลงมากเทียบกับช่วงก่อน มีสามคนสมัครสมาชิกและจ่ายเงินให้กับผลิตภัณฑ์นี้ มีคนนึง ยกเลิกสมาชิกภายในอาทิตย์เดียวส่วนอีกสองคนซื้อไปแต่ไม่ได้ใช้งานจริงๆ ผมควรจะโทษผลิตภัณฑ์สำาหรับผลที่ออกมาเพราะผมทำาได้ดีที่สุด แค่นี้แน่นอนว่าผมต้องปรับปรุงแต่ตอนนั้นผลที่ออกมาทำาผมช็อคเอามากๆ ทำาไมยอดผู้ใช้งานถึงผิดไปจากผลสำารวจได้ขนาดนี้? อย่างที่สตีฟ จอบส์ เคยกล่าวไว้อาจจะจริง “คนเราไม่รู้หรอกว่าตัว เองต้องการอะไร จนกระทั่งคุณเอาให้พวกเขาดู” แต่จะให้ถูกต้องจริงๆ ต้อง เป็น คนไม่รู้หรอกว่าตัวเองต้องการอะไร จนกระทั่งยอมควักเงินจากกระเป๋าสตางค์
  • 18. - 191 - กฎ 14 ข้อที่ทุกธุรกิจควรทำตาม 13. มุ่งความสนใจไปที่ผลิตภัณฑ์ การบริหารกิจการนั้นเป็นเรื่องน่าเสี่ยงอยู่เหมือนกัน ผู้เชี่ยวชาญทุกคนเห็น ต่างกันออกไปว่าเทคนิคหรือเทคโนโลยีที่ “ต้องมี” นั้นคืออะไร คุณจะรู้ได้ ยังไงว่าคุณควรใช้เวลากับอะไร? ใช้เงินยังไง? และให้ความสนใจกับอะไร? เวลาที่คุณไม่แน่ใจ ขอให้กลับมาดูที่ผลิตภัณฑ์ อะไรก็ตามที่คุณ สามารถทำาเพื่อให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์ดีขึ้นหรือให้ลูกค้าประทับใจยิ่งขึ้น เป็นการลงทุนที่ดีเสมอ ถ้าคุณรู้สึกว่าทำาอะไรไม่ทัน หรือร้อนใจกับจำานวนงานที่ต้องทำา มุ่ง ความสนใจไปที่เรื่องเดียวก่อน นั่นคือจะทำายังไงให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมี คุณภาพดีขึ้น ใช้เวลากับเรื่องนี้แหละมีประโยชน์มากที่สุด