Contenu connexe
Plus de Piyapong Sirisutthanant (20)
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
- 2. สารบัญ
บทนํ
า 4
1 การหลงคิดว่ารู
้ดี 10
ทําไมทุกอย่างดูง่ายจัง
2 อคติยื
นยันความเชื
่อ 40
ทําไมเราผิดพลาดเมื่อพยายามทําสิ่งที่ถูกต้อง
3 วิธีคิดอย่างมีเหตุผลให้แม่นยํ
า 78
อย่าหลงไปกับสิ่งที่คิดแรกสุด
4 อันตรายของตัวอย่าง 106
เราพลาดอะไรบ้างถ้าเชื่อแต่เรื่องเล่า
5 อคติเชิงลบ 138
ความกลัวสูญเสียทําให้เราหลงทางได้อย่างไร
6 การตีความด้วยอคติ 168
ทําไมเราถึงมองไม่เห็นความจริง
7 อันตรายของมุมมองส่วนตัว 196
ทําไมคนอื่นถึงไม่เข้าใจเรื่องนี้
นะ
8 อดเปรี้
ยวไว้กินหวานช่างทรมาน 226
เรากลัวอนาคตเกินไปหรือเปล่า
บทส่งท้าย 258
- 4. บทนํา 5
สมัยฉัันยังเป็นนักศิึกษ์าอยู่ท์ี�มหาวิท์ยาลัยอิลลินอยส์ ฉัันต้องท์ำงาน
วิจัยเรื�องจิตวิท์ยาความคิดุ กลุ่มของฉัันมักหาเวลาออกไปดุื�มสังสรรค์
ดุ้วยกันเสมอ
นี�เป็นโอกาสดุีท์ี�เราจะไดุ้ถามอาจารย์ท์ี�ปรึกษ์าเกี�ยวกับเรื�องท์ี�
ไม่ไดุ้หยิบยกขึ�นมาพููดุคุยกันระหว่างช่วงเวลาปรึกษ์าส่วนตัวมีครั�งหนึ�ง
ฉัันรวบรวมความกล้าเพูื�อถามอาจารย์ในเรื�องท์ี�ค้างคาใจมานานว่า…
“อาจารย์คิดุว่าวิชาจิตวิท์ยาความคิดุจะช่วยเปลี�ยนโลกให้ดุีขึ�น
ไดุ้ไหมคะ?”
ท์ันใดุนั�นฉัันก็รู้สึกไดุ้ว่า คำถามของฉัันฟังดุูไม่มีป่�ไม่มีขลุ่ย
เพูราะฉัันไดุ้ท์ุ่มเท์แรงกายแรงใจเพูื�อศิึกษ์าเรื�องนี�ไปแล้ว จะมา
ถามอะไรกันตอนนี� ถึงแม้ฉัันจะไดุ้เสนองานวิจัยต่อท์ี�ประชุมดุ้าน
วิท์ยาศิาสตร์มาแล้วรอบโลกและงานเหล่านั�นกำลังจะถูกตีพูิมพู์ลงใน
นิตยสารดุ้านจิตวิท์ยา ฉัันก็ยังไม่รู้อยู่ดุีว่าจะอธิบายถึงประโยชน์ใน
ชีวิตจริงเรื�องงานของฉัันให้กับเพูื�อนเก่าสมัยมัธยมฟังอย่างไร
วันนั�นเอง ฉัันดุื�มเบียร์ย้อมใจ เรียกความกล้าเพูื�อถามคำถาม
หลังจากท์ี�ต้องท์นอ่านงานวิจัยของผูู้้เขียนคนหนึ�งท์ี�แค่อยากแสดุง
สติปัญญาของตัวเองเหลือเกิน โดุยการแก้ปัญหาท์ี�ไม่ไดุ้มีอยู่ในโลก
แห่งความจริง
- 5. 6 Thinking 101
ท์ี�ปรึกษ์าของเรามีชื�อเสียงในเรื�องความคลุมเครือถ้าฉัันถามเขา
ว่า “ฉัันควรจะท์ำ A หรือ B เป็นเรื�องต่อไปดุี?” เขาคงจะตอบฉัันแบบ
กำกวมว่า“ไดุ้”หรือไม่ก็ตอบกลับดุ้วยคำถามประมาณัว่า“แล้วคุณัคิดุ
ว่ายังไงล่ะ?”ครั�งนี�ฉัันเลยถามเขาดุ้วยคำถามง่ายๆท์ี�ตอบแค่ว่าใช่หรือ
ไม่ใช่ซึ�งเขาก็ตอบกลับมาง่ายๆว่า“ไดุ้สิ”ฉัันและเพูื�อนในกลุ่มต่างนั�งนิ�ง
ตั�งใจฟังอย่างจดุจ่อ รอว่าเขาจะพููดุอะไรต่อ แต่เขากลับพููดุแค่นั�นเอง
ฉัันใช้เวลา30ป่ต่อจากนั�นหรืออาจจะนานกว่านั�นพูยายามหา
คำตอบให้กับคำถามนี� ดุ้วยการศิึกษ์าปัญหาท์ี�ฉัันคิดุว่า “น่าจะมีอยู่
จริงในโลกใบนี�” ฉัันเป็นอาจารย์สอนดุ้านจิตวิท์ยาอยู่ท์ี�มหาวิท์ยาลัย
เยลตั�งแต่ป่ 2003 และไดุ้ค้นคว้าวิจัยเกี�ยวกับ “อคติ” ท์ี�ท์ำให้เราหลง
ออกนอกลู่นอกท์าง โดุยไดุ้หาแนวท์างจัดุการกับอคติเหล่านั�นในแบบ
ท์ี�สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับสถานการณั์ต่างๆ ท์ี�เกิดุขึ�นในชีวิตจริง
ของพูวกเรา
นอกจากเรื�องอคติท์ี�ฉัันวิจัยฉัันยังศิึกษ์าค้นคว้า“ปัญหาการคิดุ”
อื�นๆ ในโลกแห่งความเป็นจริงท์ี�อาจเป็นปัญหาท์ั�งกับตัวฉัันและ
คนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นนักศิึกษ์าเพูื�อนและครอบครัวของฉัันฉัันเห็น
วิธีท์ี�นักศิึกษ์าชอบผู้ัดุวันประกันพูรุ่ง เพูราะพูวกเขาคิดุว่าเก็บไว้ท์ำ
ท์ีหลังน่าจะเครียดุน้อยกว่าลงมือท์ำเดุี�ยวนี�ซึ�งพูวกเขาประเมินมันต�ำไป
มีนักศิึกษ์ามาเล่าให้ฉัันฟังว่า คุณัหมอวินิจฉััยโรคให้เธอผู้ิดุ
เพูราะเอาแต่ถามคำถามท์ี�เป็นการย�ำสมมุติฐานเบื�องต้นของเขาฉัันเห็น
ความท์ุกข์ของคนท์ี�เอาแต่โท์ษ์ตัวเองท์ุกเรื�อง เพูราะมองเห็นความจริง
แค่ดุ้านเดุียว และความท์ุกข์ของคนท์ี�เอาแต่โท์ษ์คนอื�น โดุยไม่เคย
- 6. บทนํา 7
เห็นความผู้ิดุของตัวเองเลย ฉัันไดุ้เห็นความอึดุอัดุใจของคู่รักท์ี�คิดุว่า
ตัวเองสื�อสารกันชัดุเจนท์ี�สุดุแล้วแต่อันท์ี�จริงกลับกลายเป็นว่าเข้าใจผู้ิดุ
กันท์ั�งหมดุมาตลอดุ
ฉัันยังไดุ้เห็นว่า“ปัญห้าการคิิด” สำร้างคิวาม่ย่่่งย่ากให้้แก่ชีีวิต
คินเกินพรรณนา อคิติและคิวาม่ผู้ิดพลาดพ้�นฐานเห้ล่านี� ล้วนนำ
ไปสำ้่ปัญห้าสำังคิม่ท์ี�รวมถึงการแบ่งขั�วท์างการเมือง การเปลี�ยนแปลง
อุณัหภูมิโลก การแบ่งแยกเชื�อชาติ การใช้ความรุนแรงเกินหน้าท์ี�ของ
ตำรวจ และแท์บท์ุกปัญหาท์ี�เกิดุจากความคิดุลำเอียงและเหมารวม
ฉัันไดุ้คิดุค้นหลักสูตรท์ี�ชื�อว่า “Thinking 101” เพูื�อแสดุงให้
นักศิึกษ์าเห็นว่า จิตวิท์ยาช่วยให้พูวกเขารับรู้และแก้ไขปัญหาเหล่านี�
และตัดุสินใจเกี�ยวกับชีวิตของพูวกเขาไดุ้ดุีขึ�นไดุ้ซึ�งน่าจะเป็นหลักสูตร
ท์ี�ผูู้้คนต้องการมาก เพูราะในป่ 2019 มีนักศิึกษ์าลงท์ะเบียนเรียนกับ
ฉัันถึง 450 คน
ดุูเหมือนพูวกเขาอยากไดุ้คำชี�แนะจากวิชาจิตวิท์ยา และบอก
ต่อกันไปเกี�ยวกับเรื�องนี�ท์ี�น่าสนใจก็คือเมื�อฉัันไดุ้รับการแนะนำให้รู้จัก
กับครอบครัวของนักศิึกษ์าท์ี�มาเยี�ยมถึงมหาวิท์ยาลัยพูวกเขามักเล่าให้
ฉัันฟังถึงเวลาท์ี�ลูกโท์รศิัพูท์์กลับบ้านและพููดุคุยถึงสิ�งท์ี�เขาไดุ้เรียนแล้ว
นำไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริง บางคนถึงขนาดุให้คำแนะนำแก่สมาชิก
ในครอบครัว แม้กระท์ั�งพู่อแม่ของพูวกเขาเอง
เพูื�อนร่วมงานบางคนเล่าให้ฟังว่า ไดุ้ยินนักศิึกษ์าถกเถียงกัน
อย่างดุุเดุือดุในห้องอาหารถึงความหมายท์ี�แอบซ่อนอยู่ในเนื�อหาบาง
ส่วนของหลักสูตรเวลาท์ี�ฉัันเล่าเรื�องเนื�อหาของหลักสูตรให้คนท์ี�ท์ำงาน
- 7. 8 Thinking 101
อาชีพูอื�นฟัง มีแต่คนถามฉัันว่า ถ้าอยากศิึกษ์าหาความรู้เพูิ�มเติมต้อง
ท์ำอย่างไรบ้าง? ฉัันเลยไดุ้รู้ว่ายังมีคนอีกมากท์ี�จำเป็นและต้องการใช้
ความรู้ดุ้านจิตวิท์ยาเหล่านี� ฉัันจึงตัดุสินใจเขียนหนังสือเล่มนี�ขึ�น เพูื�อ
แบ่งปันเนื�อหาจากวิชานั�น
ฉัันเลือกเนื�อหามาท์ั�งหมดุ 8 หัวข้อท์ี�น่าจะใกล้เคียงกับชีวิตจริง
มากท์ี�สุดุและดุูแล้วน่าจะเป็นเรื�องท์ี�นักศิึกษ์าของฉัันคนอื�นๆและตัวฉััน
ต้องพูบเจออยู่ท์ุกเมื�อเชื�อวัน เนื�อหาหนึ�งบท์ต่อหนึ�งหัวข้อ และถึงแม้
เนื�อหาจะเกี�ยวข้องกันตลอดุท์ั�งเล่มท์ุกบท์ถูกเขียนออกมาเพูื�อให้เลือก
อ่านตามลำดุับอย่างไรก็ไดุ้
ถึงแม้ฉัันจะพููดุถึงข้อผู้ิดุพูลาดุและอคติในการคิดุหนังสือเล่มนี�
ไม่ไดุ้พููดุถึงความผู้ิดุปกติของคน คนเรามี “ปัญหาการคิดุ” เพูราะถูก
กำหนดุดุ้วยลักษ์ณัะเฉัพูาะบางอย่างและมักจะมีเหตุผู้ลท์ี�ดุี การอ้าง
เหตุผู้ลแบบผู้ิดุๆ เป็นผู้ลมาจากวิวัฒนาการท์างความคิดุของเรา ซึ�ง
ท์ำให้เราดุำรงเผู้่าพูันธุ์มาไดุ้จนถึงขนาดุนี�และยังจะอยู่รอดุต่อไปใน
โลกใบนี� ดุังนั�นการแก้ปัญหาเหล่านี�อาจไม่ง่ายนัก เพูราะเราต่างรู้กัน
ดุีว่า การขจัดุอคติเป็นเรื�องท์ี�ท์้าท์ายอย่างมาก
ถ้าเราอยากหลีกเลี�ยงท์ั�งข้อผู้ิดุพูลาดุและอคติเหล่านี� แค่การ
ท์่องในใจว่า“เราไม่ควรท์�า”ย่อมไม่เพูียงพูอเหมือนกับการนอนไม่หลับ
เวลาท์ี�คุณันอนไม่หลับคุณัรู้ตัวดุีว่าปัญหาคือคุณันอนไม่หลับแต่ถ้าจะ
ให้บอกคนท์ี�นอนไม่หลับว่าพูวกเขาควรนอนหลับมากขึ�นคงแก้ปัญหา
ไม่ไดุ้เช่นเดุียวกับอคติบางเรื�องในหนังสือเล่มนี�คุณัอาจรู้สึกคุ้นเคยอยู่
แล้ว แต่คุณัต้องให้ยาแรงกว่าแค่บอกว่า “อย่าท์�าอย่างนั�น”
- 8. บทนํา 9
มีงานวิจัยอีกมากช่วยยืนยันว่า ยังมีวิธีช่วยให้เราใช้เหตุผู้ลไดุ้
ดุีขึ�น วิธีเหล่านี�ยังช่วยให้เรารู้ถึงสิ�งท์ี�เราควบคุมไม่ไดุ้และยังแสดุงให้
เห็นว่าวิธีแก้ปัญหาท์ี�ดุูเหมือนจะใช้ไดุ้ผู้ลในตอนแรกอาจส่งผู้ลตรงข้าม
ไดุ้ในภายหลัง
หนังสือเล่มนี�อ้างอิงจากงานวิจัยท์างวิท์ยาศิาสตร์ส่วนใหญ่มา
จากนักจิตวิท์ยาความคิดุคนอื�นๆ แต่บางส่วนเป็นงานวิจัยของฉัันเอง
งานวิจัยหลายชิ�นท์ี�ฉัันอ้างถึงเป็นผู้ลงานขึ�นหิ�งท์ี�ยืนยงผู้่านการท์ดุสอบ
ของกาลเวลา ส่วนงานอื�นเป็นผู้ลวิจัยภาคสนามใหม่ล่าสุดุ เวลาท์ี�ฉััน
สอนฉัันมักยกตัวอย่างท์ี�หลากหลายจากแง่มุมชีวิตท์ี�แตกต่างกันออกไป
เพูื�อแสดุงให้เห็นแต่ละประเดุ็น และเป็นไปอย่างมีเหตุผู้ล
ขอกลับไปยังค�าถามท์ี�ฉัันถามอาจารย์ท์ี�ปรึกษ์า“อาจารย์คิดุว่า
จิตวิท์ยาความคิดุจะช่วยเปลี�ยนโลกให้ดุีขึ�นไดุ้ไหมคะ?”ผู้่านมาหลายป่
นับตั�งแต่ฉัันถามคำถามนั�นครั�งแรกฉัันเชื�ออย่างแรงกล้าว่าค�าตอบนั�น
เป็นตามท์ี�อาจารย์ตอบว่า “ไดุ้สิ” อย่างแน่นอน
- 10. บทที่ 1 การหลงคิดว่ารู้
ดี 11
หอประชุมเลวินสันเป็นหนึ�งในห้องบรรยายท์ี�ใหญ่ท์ี�สุดุของมหาวิท์ยาลัย
เยลดุ้วยความจุกว่า450ท์ี�นั�งในวันจันท์ร์และพูุธระหว่างเวลา11:35-
12:50 น. ฉัันจะสอน “วิชาการคิดุ” ให้กับนักศิึกษ์าปริญญาตรี ซึ�งมีคน
เข้าเรียนเกือบเต็มท์ุกท์ี�นั�ง หัวข้อในวันนี�เป็นเรื�องเกี�ยวกับความมั�นใจท์ี�
มากเกินไปซึ�งดุูจะเป็นหัวข้อท์ี�สนุกมากเพูราะฉัันมีแผู้นจะให้นักศิึกษ์า
บางคนออกมาเต้นตามวิดุีโอเพูลง K-pop
ฉัันเริ�มสอนโดุยอธิบายเรื�องความรู้สึกเหนือกว่าจากการลองให้
นักเรียนมัธยมปลาย1ล้านคนให้คะแนนความเป็นผูู้้น�าของตัวเองมีถึง
70% ประเมินท์ักษ์ะของพูวกเขาสูงกว่าค่าเฉัลี�ยและ 60% ให้คะแนน
ตัวเองอยู่ในกลุ่ม10%สูงสุดุในแง่ของความสามารถในการเข้ากับผูู้้อื�น
อีกการศิึกษ์าหนึ�งให้อาจารย์มหาวิท์ยาลัยประเมินท์ักษ์ะการ
สอนของตัวเองปรากฏว่า2ใน3ให้คะแนนตัวเองติดุกลุ่ม25%สูงสุดุ
หลังจากยกตัวอย่างเหล่านี�และตัวอย่างอื�นๆ ของการประเมินตัวเอง
อย่างแสนจะใจกว้าง ฉัันถามนักศิึกษ์าว่า “คุณัคิดุว่า คนอเมริกันกี�
เปอร์เซ็นต์คิดุว่าพูวกเขาขับรถดุีกว่าคนท์ั�วไป?”
นักศิึกษ์าต่างพูากันตะโกนตัวเลขท์ี�สูงกว่าตัวเลขท์ี�พูวกเขาเคย
เห็นมาสูงถึง80%หรือ85%แล้วหัวเราะกันคิกคักเพูราะคิดุว่าตัวเอง
แน่มาก กลายเป็นว่าพูวกเขาเดุาตัวเลขต�ำเกินไป ค�าตอบท์ี�ถูกต้องคือ
93%
- 11. 12 Thinking 101
อย่างไรก็ตาม แค่ผู้ลวิจัยยังไม่พูอท์ี�จะสอนนักศิึกษ์าเกี�ยวกับ
อคติในความคิดุฉัันจึงให้พูวกเขาไดุ้ลองเจอกับอคติเหล่านี�เองโดุยลอง
ให้พูวกเขาตกเป็นเหยื�อของอคติท์ี�ว่า “ไม่ใช่ฉััน” ซึ�งเป็นความเชื�อท์ี�ว่า
“คนอื�นต่างหากท์ี�มีอคติแต่ตัวฉัันไม่มี”นักศิึกษ์าคนหนึ�งคิดุว่าเขาไม่ไดุ้
มั�นใจมากเกินไปเพูราะบางครั�งเขาก็รู้สึกไม่มั�นใจส่วนนักศิึกษ์าอีกคน
คิดุว่าตัวเองมีเหตุผู้ล เพูราะเธอเดุาผู้ลการสอบไดุ้ใกล้เคียงกับคะแนน
จริง เธอจึงคิดุว่าเธอประเมินตัวเองเท์ียบกับเพูื�อนไดุ้ถูกต้อง ท์ั�งแง่การ
เป็นผูู้้น�า ความสัมพูันธ์ และการขับรถ
ท์ีนี�ก็ถึงเวลาออกมาเต้นกันแล้วล่ะ
ฉัันเปิดุคลิป 6 วินาท์ีจากเพูลง Boy with Luv ของวง BTS ซึ�ง
เป็นมิวสิควิดุีโอท์ี�มียอดุวิวมากกว่า1.4พูันล้านวิวบนยูท์ูปและไดุ้เลือก
ช่วงท์ี�ท์่าเต้นไม่ไดุ้ยากจนเกินไปเอาไว้ (ช่วงท์ี�ว่านี�จะอยู่ระหว่างนาท์ีท์ี�
1:18-1:24 น.)
หลังเปิดุคลิปให้นักศิึกษ์าดุู ฉัันบอกพูวกเขาว่าจะมีรางวัลให้
ผูู้้ชนะท์ี�เต้นท์่อนนี�ไดุ้ดุีท์ี�สุดุ เราดุูคลิปวนไปอีกกว่า 10 รอบ ดุูกระท์ั�ง
เวอร์ชั�นท์ี�ท์ำเพูลงให้ช้าลง เพูื�อสอนท์่าเต้นเพูลงนี� จากนั�นฉัันขอ
อาสาสมัคร มีนักศิึกษ์าผูู้้กล้า 10 คนเดุินออกมาท์ี�หน้าห้องบรรยาย
พูร้อมท์ี�จะดุังในพูริบตาส่วนนักศิึกษ์าท์ี�เหลือตะโกนเชียร์กันเสียงดุังลั�น
ฉัันเชื�อว่ามีนักศิึกษ์าอีกนับร้อยคนท์ี�คิดุว่า “ตัวเองเต้นไดุ้” ฉัันยังคิดุว่า
เต้นไดุ้เลย หลังจากดุูคลิปท์ี�ตัดุมาแค่ 6 วินาท์ี วนไปไม่รู้กี�รอบ มัันจะ
ยากแค่่ไหนกันเชีียว?
เสียงผูู้้ชมเรียกร้องให้นักศิึกษ์าอาสาสมัครหันหน้ามาหาพูวกเขา
- 12. บทที่ 1 การหลงคิดว่ารู้
ดี 13
แท์นท์ี�จะหันหน้าเข้าจอเมื�อเพูลงเริ�มเล่นเหล่าอาสาสมัครสะบัดุแขนไป
มาอย่างสะเปะสะปะกระโดุดุขึ�นและเตะขาต่างคนต่างเต้นตามจังหวะ
ของตัวเองมีคนหนึ�งท์ี�คิดุท์่าเต้นขึ�นมาใหม่ท์ั�งหมดุบางคนยอมแพู้หลัง
เต้นไปแค่ 3 วินาท์ี ท์ั�งห้องหัวเราะอย่างสนุกสนาน
ภาพลวงตาของการมั่นใจเกินตัว
คนเรามีแนวโน้มมั�นใจเกินเหตุกับสิ�งท์ี�เราเข้าใจไดุ้ง่ายเราตกเป็นเหยื�อ
ความมั�นใจเกินเหตุไดุ้หลายวิธีมาก โดุยอาจไม่รู้ตัวเลย
1
ภาพลวงตาของการเรียนรู
้สิ่งใหม่
การสาธิตในชั�นเรียนท์ี�ใช้เพูลงของวงBTSนั�นเลียนแบบการศิึกษ์าเกี�ยว
กับการคิดุไปเองว่าท์ำไดุ้แล้วตอนท์ี�เราเรียนรู้ท์ักษ์ะใหม่ๆในการศิึกษ์า
ท์ี�ว่านั�น ผูู้้เข้าร่วมไดุ้ดุูคลิปวิดุีโอท์่าเต้นมูนวอล์คของไมเคิล แจ็คสัน
ท์ี�ตัดุมาแค่ 6 วินาท์ี เป็นท์่าเต้นท์ี�ดุูราวกับว่าเขาเดุินถอยหลังไดุ้โดุย
ไม่ต้องยกเท์้าขึ�นจากพูื�นท์่าเต้นดุูไม่ซับซ้อนเขาเต้นไดุ้ง่ายดุายราวกับ
แท์บไม่พูยายามอะไรเลย
ผูู้้เข้าท์ดุลองบางคนดุูคลิปแค่ครั�งเดุียวในขณัะท์ี�บางคนดุูวนไป
20ครั�งจากนั�นพูวกเขาต้องให้คะแนนตัวเองว่าพูวกเขาจะเต้นมูนวอล์ค
ไดุ้ดุีขนาดุไหน คนท์ี�ดุูคลิปวนไป 20 ครั�งนั�นดุูมั�นใจเหลือเกินว่าเต้น
- 13. 14 Thinking 101
ไดุ้ดุีกว่าคนท์ี�ดุูคลิปครั�งเดุียวเพูราะคิดุว่าการดุูคลิปซ�ำไปซ�ำมาหลายครั�ง
ท์ำให้พูวกเขาจดุจ�าไดุ้ท์ุกการเคลื�อนไหวและนึกท์่าเต้นในหัวไดุ้อย่าง
ง่ายดุาย
แล้วช่วงเวลาแห่งความจริงมาถึงเมื�อผูู้้เข้าท์ดุลองถูกขอให้เต้น
ท์่ามูนวอล์ค กลับกลายเป็นว่า การเต้นของท์ั�ง 2 กลุ่มแท์บไม่แตกต่าง
กันเลย การดุูไมเคิล แจ็คสัน เต้นมูนวอล์ค 20 ครั�ง โดุยไม่ไดุ้ฝึึกเต้น
ไปดุ้วย ไม่ไดุ้ช่วยให้คุณัเต้นไดุ้ดุีกว่าคนท์ี�เคยดุูเขาเต้นเพูียงครั�งเดุียว
คนเรามักตกหลุมพูรางแห่งภาพูลวงตาท์ี�คิดุว่า“ตัวเองก็ท์�าเรื�อง
ยากไดุ้”หลังจากเห็นคนอื�นท์ำแบบนั�นไดุ้ง่ายๆกี�ครั�งแล้วท์ี�เราเล่นเพูลง
ท์่อนAndA-I-A-I-O-A-I-A-I-Awillalwaysloveyouของวิท์นีย์ฮุ้สตัน
ซ�ำไปซ�ำมาในหัวของเราโดุยคิดุว่าการร้องโน้ตสูงๆแบบนั�นจะยากแค่
ไหนกัน?หรือพูยายามท์ำขนมซูเฟล่หลังดุูใครสักคนท์ำให้ดุูท์างยูท์ูป?
หรือเปลี�ยนอาหารใหม่เพูื�อลดุน�ำหนัก หลังจากเห็นภาพูก่อนและ
หลังลดุความอ้วนของใครสักคน?
พอเราสำนใจัแต่ผู้ลลัพธิ์ที่ี�ด้เก่ง คิล่อง เห้ม่้อนขีนม่ซู้เฟล่
ที่ี�พองฟ้ห้ร้อคินที่ี�ม่ีร้ปร่างเพรีย่วงาม่สำม่สำ่วน เราก็ห้ลงผู้ิดคิิด
ไปเองว่า ขีั�นตอนที่ี�น�าไปสำ้่ผู้ลลัพธิ์เห้ล่านั�น คิงต้องราบร้�นและ
ง่าย่ดาย่ด้วย่เชี่นกัน เหมือนเวลาท์ี�คุณัอ่านหนังสือท์ี�เข้าใจไดุ้ง่ายคุณั
อาจรู้สึกว่าหนังสือเล่มนั�นคงเขียนง่ายดุ้วย คนท์ี�ไม่ไดุ้เล่นสเก็ตน�ำแข็ง
อาจสงสัยว่า ท์�าไมนักสเก็ตน�ำแข็งถึงพูลาดุล้ม ขณัะพูยายามท์�าท์่า
กระโดุดุหมุนตัว2รอบท์ั�งท์ี�นักสเก็ตคนอื�นอีกมากกลับท์ำท์่ากระโดุดุนี�
ไดุ้อย่างง่ายดุาย
- 14. บทที่ 1 การหลงคิดว่ารู้
ดี 15
คงเพูราะมันง่ายกว่าท์ี�เราจะไม่สนใจว่าหนังสือเล่มนั�นถูกแก้ไข
มากี�ครั�งหรือนักสเก็ตต้องซ้อมหนักขนาดุไหนเพูื�อฝึึกท์่ากระโดุดุนั�น
ดุังท์ี�ดุอลลี� พูาร์ตัน นักร้องชื�อดุังพููดุไว้ว่า “แพูงนะ กว่าจะแต่งตัวให้
ดุูราคาถูกไดุ้ขนาดุนี�”
TED Talks เป็นอีกตัวอย่างท์ี�ดุีท์ี�เรามักเข้าใจผู้ิดุเกี�ยวกับความ
เชี�ยวชาญการพููดุแต่ละครั�งมักยาวประมาณั18นาท์ีซึ�งหมายความว่า
นักพููดุต้องเตรียมบท์พููดุแค่ 6-8 หน้าเท์่านั�น นักพููดุต้องเชี�ยวชาญใน
หัวข้อนั�นอยู่แล้วท์ำให้บางคนคิดุไปว่าการเตรียมตัวพููดุคงง่ายเหมือน
ปอกกล้วยเข้าปาก หรือไม่นักพููดุบางคนก็อาจจะดุำน�ำไปไดุ้สบายๆ
แต่ข้อกำหนดุของTEDระบุว่านักพููดุควรใช้เวลาหลายสัปดุาห์ไป
จนถึงหลายเดุือนเพูื�อเตรียมพูร้อมโค้ชการพููดุหลายคนไดุ้ให้คำแนะนำ
ส�าหรับการพููดุสไตล์ TED ไว้ว่า ท์ุกนาท์ีท์ี�คุณัพููดุ ควรใช้เวลาฝึึกซ้อม
อย่างน้อย 1 ชั�วโมง หรืออีกนัยหนึ�ง คุณัต้องซ้อมการพููดุของคุณัซ�ำ 60
ครั�ง เท์่ากับต้องใช้เวลาซ้อมอย่างต�ำ 20 ชั�วโมง โดุยยังไม่ไดุ้รวมเวลา
ท์ี�ต้องเสียไปอีกกี�ชั�วโมง กี�วัน กี�สัปดุาห์ เพูื�อรวบรวมเนื�อหาให้ไดุ้ 6-8
หน้า และท์ี�ต้องใช้เวลายิ�งกว่านั�นคือ การตัดุเนื�อหาท์ี�ไม่ควรใส่เข้าไป
การพููดุสั�นๆ นั�นเตรียมตัวยากกว่าการพููดุยาวๆ เพูราะคุณัจะ
ไม่มีเวลาคิดุถึงประโยคถัดุไปและไม่มีเวลาให้ใช้ความรู้สึก ฉัันเคย
ถามนักศิึกษ์าท์ี�เพูิ�งเรียนจบและไดุ้งานในบริษ์ัท์ท์ี�ปรึกษ์าธุรกิจชื�อดุัง
ว่า มหาวิท์ยาลัยเยลช่วยเตรียมให้เขาพูร้อมสำหรับการท์ำงานไหม?
เขาตอบว่าน่าจะไดุ้เรียนวิธีโน้มน้าวใจลูกค้าให้ไดุ้ภายใน 3 นาท์ี ซึ�ง
ท์ำไดุ้ยากมาก เพูราะท์ุกคำท์ี�พููดุออกไปล้วนมีความหมาย แต่พูอท์ำ
สำเร็จมันกลับดุูง่ายดุาย
- 15. 16 Thinking 101
2
ภาพลวงตาของความรู
้
การหลงคิดุไปว่า “ฉัันเก่ง ฉัันท์ำไดุ้” ไม่ไดุ้จะเป็นแค่กับการเต้น การ
ร้องเพูลง หรือการพููดุ ยังมีการหลงคิดุประเภท์ท์ี�สอง นั�นคือ หลงคิดุว่า
มีความรู้เรามักเชื�ออะไรง่ายๆถ้าเรื�องเหล่านั�นฟังดุูเหมือนจะมีท์ี�มาท์ี�ไป
ลองดุูเรื�องเท์ปกาว เราใช้เท์ปกาวแท์บจะกับท์ุกสิ�งท์ุกอย่าง
ตั�งแต่การปะรองเท์้าผู้้าใบไปจนถึงการกุ๊นขอบกางเกงและยังมีงานวิจัย
ท์ี�พูบว่าสามารถใช้เท์ปกาวก�าจัดุหูดุไดุ้ดุ้วย ซึ�งอาจจะดุีกว่าวิธีรักษ์า
ตามมาตรฐานดุ้วยไนโตรเจนเหลวเสียอีกนี�ฟังดุูไม่น่าเชื�อจนกว่าคุณัจะ
ไดุ้ยินค�าอธิบายท์ี�ว่าหูดุเกิดุจากไวรัสเราจึงฆ่่ามันไดุ้ถ้าปิดุไว้ไม่ให้โดุน
อากาศิและแสงแดุดุ หูดุจึงตายถ้าเราปิดุหูดุดุ้วยเท์ปกาว ค�าอธิบายนี�
ท์ำให้พูลังของเท์ปกาวยิ�งฟังดุูน่าเชื�อถือขึ�นมาท์ีเดุียว
คินเราชีอบห้าสำาเห้ต่ให้้ที่่กเร้�องที่ี�พบเจัอ เม่้�อเราเขี้าใจั
กลไกที่ี�ซู่อนอย่้่ภาย่ใต้อะไรสำักอย่่าง เราจัะชีอบรีบห้าขี้อสำร่ปว่า
อะไรเป็นสำาเห้ต่ให้้เกิดเร้�องนั�นๆ นี�จะไม่มีปัญหาเลยถ้าเราเข้าใจ
ถูกตลอดุ แต่เมื�อใดุท์ี�เราเชื�อสิ�งท์ี�ผู้ิดุอย่างสนิท์ใจ เราจะไดุ้ข้อสรุปท์ี�
ผู้ิดุดุ้วยเช่นกัน
มาดุูตัวอย่างกัน ขณัะท์ี�ฉัันกำลังมุ่งมั�นท์ำวิจัยดุ้านนี� ฉัันไดุ้อ่าน
หนังสือชื�อ“นาฬิิกาจักรวาล”(TheCosmicClocks)ซึ�งเขียนในป่1960
โดุย“นักดุาราศิาสตร์ยุคใหม่”ท์ี�มีสไตล์ของตัวเองชื�อไมเคิลเกาเกอลิน
หนังสือเริ�มต้นดุ้วยการน�าเสนอสถิติท์ี�บางส่วนดุูน่าสงสัย มีตอนหนึ�ง
- 16. บทที่ 1 การหลงคิดว่ารู้
ดี 17
บอกว่าคนท์ี�เกิดุตอนท์ี�ดุาวอังคารลอยขึ�นสูงสุดุ (ไม่ว่านั�นจะหมายถึง
อะไรก็ตาม) มีแนวโน้มท์ี�จะเติบโตขึ�นมาเป็นแพูท์ย์ นักวิท์ยาศิาสตร์
หรือนักกีฬาท์ี�มีชื�อเสียงโดุ่งดุัง
เขามีชุดุข้อมูลเป็นร้อยเป็นพูันและยังใช้สถิติท์ี�ซับซ้อนมาท์ำเป็น
ข้อสรุปแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังน่าสงสัยอยู่ดุีแม้แต่ตัวเขาเองยังงงกับการ
ค้นพูบของตัวเองและยังต้องค้นหาคำอธิบาย เขาไม่ไดุ้พููดุถึงอภินิหาร
ประมาณัว่า ท์ารกแรกเกิดุไดุ้รับพูลังพูิเศิษ์จากดุวงดุาว แต่นำเสนอ
คำอธิบายท์ี�ดุูเข้าท์่าพูอสมควร
คำอธิบายของเขาก็คือสติปัญญาบุคลิกและนิสัยใจคอติดุตัวเรา
มาแต่กำเนิดุมันอยู่ในตัวของเราอยู่แล้วตั�งแต่เรายังเป็นตัวอ่อนอยู่ใน
มดุลูกท์ารกในครรภ์จะส่งสัญญาณัท์างเคมีให้มดุลูกบีบตัวเมื�อพูวกเขา
พูร้อมท์ี�จะเกิดุมา และท์ารกท์ี�มีบุคลิกเฉัพูาะจะส่งสัญญาณัขอเกิดุ
เมื�อไดุ้อิท์ธิพูลจากแรงโน้มถ่วงแสนลึกลับของโลก ซึ�งถูกกำหนดุดุ้วย
ปรากฏการณั์นอกโลก
ดุ้วยค�าอธิบายเหล่านี� แม้แต่คนท์ี�สงสัยยังอาจเผู้ลอคล้อยตาม
จากตอนแรกคิดุว่า “ไม่มีท์าง” ก็เปลี�ยนเป็น “เหรอ”
“ภาพูลวงตาของความรู้”ช่วยอธิบายไดุ้ว่าท์�าไมท์ฤษ์ฎ์ีสมคบคิดุ
บางอย่างจึงยังมีอยู่ ท์ฤษ์ฎ์ีท์ี�ว่า “ลี ฮ้าร์วีย์ ออสวอลดุ์ ลอบสังหาร
ประธานาธิบดุีจอห์นเอฟ.เคนเนดุีเพูราะเขาเป็นเจ้าหน้าท์ี�ซีไอเอ”อาจ
ฟังดุูเกินจริงแต่เมื�อเพูิ�มค�าอธิบายว่าซีไอเอไม่พูอใจวิธีท์ี�ประธานาธิบดุี
ก�าลังจัดุการกับคอมมิวนิสต์ จู่ๆ ท์ุกอย่างก็ฟังดุูเข้าท์่ามากขึ�น
ยังมีท์ฤษ์ฎ์ีของคิวอานอนท์ี�ว่าประธานาธิบดุีท์รัมป์ต่อสู้กับ
- 17. 18 Thinking 101
“องค์กรลับ” ของพูวกชอบใคร่เดุ็กและมนุษ์ย์กินคน ข้อมูลนี�ถูกอ้างว่า
นำมาจากแหล่งข่าว “คิว” ท์ี�ไดุ้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลระดุับสูง เขา
จึงเข้าถึงข้อมูลภายในของรัฐบาลอเมริกาไดุ้
แน่นอนว่าท์ั�งหมดุนี� “ไม่จริง” แต่ภาพูลวงตาของความรู้ท์ี�คิว
สร้างขึ�น โดุยการโปรยโพูสต์ท์ี�ใช้ศิัพูท์์แสงดุูดุี สามารถโน้มน้าวคน
จำนวนมากให้คล้อยตามไดุ้
3
ภาพลวงตาที่เกิดจากสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้อง
การมั�นใจเกินตัวชนิดุท์ี� 3 นั�นร้ายกาจท์ี�สุดุและไร้เหตุผู้ลท์ี�สุดุ สิ�งท์ี�ฉััน
ไดุ้อธิบายมาจนถึงตอนนี�คือการคิดุว่าตัวเองรู้ดุีในงานท์ี�เรากำลังท์ำซึ�ง
ท์ำให้เราประเมินความยากของงานต�ำไปแต่เราก็ยังคงเชื�อเหมือนเดุิม
ยังต้องท์ำงานนั�นเหมือนเดุิม มันจึงไม่ส่งผู้ลเสียมากนัก
แต่บางคิรั�งคิวาม่ม่ั�นใจัเกินตัวนั�นไปเปลี�ย่น “คิวาม่จัริง” ที่ี�
เราเชี้�อ และที่ำให้้เราตัดสำินใจัไม่่เห้ม่้อนเดิม่ คิราวนี�แห้ละที่ี�เรา
จัะได้รับผู้ลร้าย่จัากม่ัน
งานวิจัยชิ�นหนึ�งพูบว่าชื�อหุ้นมีผู้ลต่อความคาดุหวังของผูู้้คนว่า
หุ้นนั�นจะขึ�นหรือลงนักวิจัยไดุ้สมมุติชื�อหุ้นขึ�นมา2กลุ่มกลุ่มแรกอ่าน
ออกเสียงง่าย เช่น ฟลิง แท์นลี� ส่วนกลุ่มท์ี�สองอ่านยาก เช่น อูลิมนิอุส
คิวโอน ผูู้้ร่วมท์ดุลองไม่ไดุ้รับข้อมูลอื�นๆ เลย แต่พูวกเขาตัดุสินว่าหุ้น
ท์ี�ออกเสียงง่ายกว่า น่าจะราคาขึ�น ส่วนหุ้นท์ี�ออกเสียงยากกว่า ย่อม