Contenu connexe
Similaire à การใช้งาน Adobe photoshop cs5 (20)
Plus de Rattapadol Gunhakoon (12)
การใช้งาน Adobe photoshop cs5
- 3. รูปกราฟต่าง ๆ เช่นกราฟแท่ง หรือกราฟเส้น เป็นต้น แต่คอมพิวเตอร์
กราฟิกส์ (Computer Graphic) มิได้หมายถึงเพียงแต่การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อแสดง
กราฟเท่านั้น แต่หมายรวมถึงการใช้คอมพิวเตอร์ในการทํางานเกี่ยวกับรูปภาพทุก
รูปแบบ จากเทคนิคการสร้างภาพหลากหลายวิธี แม้กระทั่งการนําตัวอักษรหลาย
ๆ แบบมาประกอบกันเป็นรูปภาพ ก็ถือว่าเป็นงานด้านกราฟิกส์ด้วยเช่นกัน
กราฟิก หมายถึง
- 8. คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะแสดงผลในโหมดนี้ได้ โดยการนําตัวอักษร ตัวเลข
และเครื่องหมายต่างๆ ที่มีอยู่ในหน่วยความจําของคอมพิวเตอร์มาแสดงที่จอภาพ
ตามคําสั่ง แต่เนื่องจากตัวอักษร ตัวเลขและเครื่องหมายที่มีอยู่ ถูกกําหนดรูปร่างไว้
แน่นอนแล้ว และมีจํานวนจํากัด จึงไม่สามารถนํามาประกอบกันให้เกิดเป็นภาพต่างๆ
ที่ถูกต้องสวยงามได้เท่าที่ควร โดยผลลัพธ์ที่แสดงออกมาทางจอภาพนั้น จะมีลักษณะ
เป็นแถวของตัวอักษรจํานวน 25 แถว แต่ละแถวมีข้อความไม่เกิน 80 ตัวอักษร
เท็กซ์โหมด (Text Mode)
- 11. คือ การสร้างภาพโดยใช้จุดสีเล็ก ๆ จํานวนมากซึ่งเรียกว่าพิกเซล (Pixcel) ภายในแต่ละ
พิกเซลจะมีองค์ประกอบที่ใช้ในการแสดงสี รูปทรง รูปแบบไฟล์ เราเรียกองค์ประกอบของ
พิกเซลเหล่านี้ว่า บิต (Bit) ข้อดีคือภาพที่ได้มีความละเอียดสวยงามกว่าภาพกราฟิกส์แบบ
เวกเตอร์ ทําให้เทคนิคการสร้างภาพแบบราสเตอร์นิยมนํามาใช้กับงานภาพที่ต้องการความ
ละเอียดมาก ๆ เช่น ภาพถ่าย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาก็คือเมื่อภาพมีความละเอียดมาก ๆ
ขนาดของภาพจะใหญ่ตามไปด้วย ตัวอย่างโปรแกรมกราฟิกส์ประเภทราสเตอร์ เช่น Adobe
Photoshop, Fractal Design Painter, Paint Shop Pro, L-View เป็นต้น
หลักการทํางานของภาพกราฟิกส์แบบเรสเตอร์
- 12. คือ การสร้างภาพโดยอาศัยการวาดเส้น และสร้างรูปทรงของภาพโดยการคํานวณ
จากจุด และสมการทางคณิตศาสตร์ ข้อดีคือ ภาพเวกเตอร์จะมีความละเอียดในการแสดง
สูงมาก ไม่ว่าจะย่อหรือขยายจะไม่ทําให้รูปภาพเพี้ยนไปจากเดิม แต่การแสดงผลจะช้ามาก
เมื่อเทียบกับภาพแบบราสเตอร์ ตัวอย่างโปรแกรมกราฟิกส์ประเภทเวกเตอร์ เช่น
Adobe Illustrator, Macromedia Freehand, Corel Draw, Light Wave, Text3D,
Maya, Macromedia Flash เป็นต้น
หลักการทํางานของภาพกราฟิกส์แบบเวกเตอร์
- 13. งานคอมพิวเเตอร์กราฟิกส์โดยทั่วไป สามารถสร้างภาพกราฟิกส์ได้ทั้งแบบ 2 มิติ
และ 3 มิติ กล่าวคือ ภาพกราฟิกส์ที่เป็น 2 มิติ นั้นจะสามารถแสดงผลได้เพียงมิติด้าน
กว้างและยาวเท่านั้น ซึ่งเหมือนกับการวาดภาพบนกระดาษโดยทั่วไป ในขณะที่ภาพ
กราฟิกส์แบบ 3 มิติ นั้น จะสามารถแสดงผลงานได้ทั้งด้านกว้าง ด้านยาว และด้านลึก ทํา
ให้ภาพมีความน่าสนใจ และมีรายละเอียดของชิ้นงานเป็นอย่างดี แต่เนื่องด้วยความ
ละเอียดที่มีมากจึงส่งผลให้ขนาดของไฟล์ภาพประเภท 3 มิติ มีขนาดใหญ่ตามไปด้วย จึง
จําเป็นต้องใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับขีดความสามารถของ
ระบบคอมพิวเตอร์นั้นๆ
ความแตกต่างระหว่างกราฟิ กส์แบบ 2 มิติ และ 3 มิติ
- 17. เป็นคําย่อมาจาก Picture Element หรือองค์ประกอบของ
รูปภาพ คือ หน่วยย่อยที่เล็กที่สุดของ Bitmap Graphic รูปร่างของ
พิกเซลมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส และขนาดของพิกเซลขึ้นอยู่กับ
จํานวนพิกเซลที่ประกอบกันเป็นภาพนั้นขึ้นมา
พิกเซล (Pixel)
- 18. โดยปกติจะมีการวัดค่าความละเอียดของภาพ (Resolution) เป็นจํานวน
พิกเซลต่อนิ้ว ค่าตัวเลขของ Resolution นี้หมายถึง ใน 1 นิ้ว จะมีจํานวนพิเซล
ทั้งหมดเท่าไร ถ้าทราบขนาดความกว้างและความยาวของภาพแล้ว ก็จะสามารถระบุ
ได้ว่า มีจํานวนพิกเซลในภาพทั้งหมดเท่าไร เช่น ถ้าภาพรูปหนึ่งมีขนาด 1 x 1 นิ้ว
และมีค่า Resolution 8 พิกเซลต่อนิ้ว แสดงว่าภาพรูปนี้มีจํานวนพิกเซลทั้งหมด 64
พิกเซล เป็นต้น
ความละเอียดของภาพ (Image Resolution)
- 20. บิต (Bit)
ย่อมาจาก Binary Digit หมายถึง หน่วยความจําที่มีขนาดเล็กที่สุดของ
คอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยตัวเลข 2 จํานวน คือ 0 และ 1 โดยจํานวนบิตที่ใช้ในแต่ละพิกเซล
เรียกว่า ความลึกของบิต (Bit Depth)
จํานวนบิตเก็บ
ข้อมูล / พิกเซล
สีที่ได้
1 บิต
2 บิต
4 บิต
8 บิต
24 บิต
21 = 2 สี
22 = 4 สี
24 = 16 สี
28 = 256 สี
224 = 16.7 ล้านสี
- 24. ความสามารถใหม่ของ Adobe Photoshop CS5
1. Complex selections สามารถสร้าง selection ได้ง่ายและทําได้มากขึ้น เมื่อต้องทํากับภาพที่
ซับซ้อน เช่น ภาพเส้นผมที่ต้องการเปลี่ยนสีแบ็คกราวด์ สามารถทําได้โดยอัตโนมัติด้วยเครื่องมือ
selection edges และ สร้าง masks ด้วย new refinement tools
2. Content-Aware Fill เมื่อต้องการเคลื่อนย้ายบางส่วนของภาพหรือวัตถุในภาพ คําสั่งนี้จะช่วย
เกลี่ยพื้นที่ที่วัตถุถูกยกออก ด้วยการจัดการแสง เงา และสิ่งรบกวนต่างๆ ให้ภาพดูแนบเนียนอย่าง
กลมกลืนกันมาก
3. Extraordinary painting effects n สามารถใช้ Mixer Brush ในการลงสีได้อย่างเป็นธรรมชาติ ให้
ความรู้สึกเหมือนกับกําลังวาดภาพบนผืนผ้าใบเสมือนจริง และ Bristle Tips จะช่วยในเรื่องเลือก
พื้นผิวและการลงนํ้าหนัก
- 25. ความสามารถใหม่ของ Adobe Photoshop CS5
4. 3D extrusions with Adobe Repousse สร้างโลโก้ในรูปแบบ 3D และอาร์ตเวิร์คที่มีหลาย text
layer, selection, path หรือ layer mask ได้ด้วย Adobe Repousse ที่ทําได้ทั้งบิด หมุน นูน
เอียง ช่วยเรื่องออกแบบได้มากขึ้น
5. Puppet Warp คําสั่งนี้เมื่อกําหนดจุดในตําแหน่งที่เหมาะสม ช่วยขยับส่วนที่ต้องการในรูปได้
เช่น การยกแขน
6. State-of-the-art raw image processing เมื่อใช้plug-in Adobe Photoshop Camera Raw 6 จะช่วย
กําจัดสิ่งรบกวนต่างๆ แต่ยังคงรักษาสีและรายละเอียด เพิ่มเกรนให้ภาพดูเป็นออร์แกนิคมาก
ขึ้น ตกแต่งขอบภาพได้ง่ายขึ้น
7. Superior HDR imaging สร้างภาพเหนือจริงประเภท HDR ได้ง่ายขึ้น ด้วย tone mapping และ
adjustments แม้จะเป็นภาพ single-exposure ก็ตาม
- 26. ความสามารถใหม่ของ Adobe Photoshop CS5
8. Enhanced 3D realism and rich materials พัฒนาการออกแบบและสร้างเงาในงาน
3D ได้ง่ายขึ้น ด้วยพื้นฐานของแสงและวัตถุเหมือนแก้วและโลหะ จําแนก
ความแตกต่างระหว่างจุดโฟกัสใน 3D ได้ด้วยการปรับระยะของ depth of field
9. Efficient workflow มีเครื่องมือใหม่ๆ ช่วยในการทํางานไม่ตํ่ากว่า 12 ชนิด ที่
ใช้ได้โดยอัตโนมัติ เช่น การเลือกสีจาก onscreen การปรับ opacity จาก
หลายเลเยอร์ในครั้งเดียว และอื่นๆ อีกมากมาย
- 27. ความสามารถใหม่ของ Adobe Photoshop CS5
10. Faster performance across platforms ทํางานด้วยความเร็วที่มากขึ้นในการ
จัดการภาพจํานวนมากและภาพที่ใหญ่มากๆ ในแพลตฟอร์มที่ 64-bitสําหรับ
คอมพิวเตอร์ Mac OS 64-bit และ Windows7 หรือ Windows Vista ทั้งนี้ขึ้นอยู่
กับ RAM, ไดรฟเวอร์ และปัจจัยอื่นๆ ด้วย
11. Better media management ง่ายและยืดหยุ่นในการจัดการและส่งต่อไปยังสื่อ
ต่างๆ โดยผ่านทาง Adobe Mini Bridge ใน Photoshop
- 31. คือ ที่รวบรวมคุณสมบัติการทํางานของเครื่องมือต่าง ๆ ซึ่งสามารถ
ปรับแต่งการใช้งานได้โดยง่าย โดยไม่ต้องเปิดหาที่แถบคําสั่งอีกต่อไป ทั้งนี้
พาเลทแต่ละชนิดมีคุณลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น พาเลท Color พา
เลท Navigator พาเลท Layers พาเลท History เป็นต้น
พาเลท
- 33. การบันทึก Workspace ไว้ใช้งาน
Workspace คือ พื้นที่ในการทํางานของโปรแกรม Photoshop โดยเมื่อทําการปรับแต่งพา
เลทตามความต้องการแล้ว ผู้ใช้สามารถบันทึกการจัดวางตําแหน่งของพาเลทไว้ใช้ในครั้ง
ต่อไปได้ โดยมีวิธีการดังนี้
1. จัดรูปแบบพาเลทการทํางานตามความต้องการ
2. คลิกเมนู Windows > Workspace > Save Workspace…
3. หน้าต่าง Workspace จะปรากฏขึ้น จากนั้นให้พิมพ์ชื่อ Workspace ที่ต้องการ
เสร็จแล้วให้คลิกปุ่ม Save
- 38. 1. กดปุ่ม <Ctrl> ที่เลเยอร์ของรูปภาพ สังเกตรูปภาพจะมีเส้นปะเกิดขึ้น
ล้อมรอบรูปภาพนั้น
2. คลิกเมนู Edit > Copy เพื่อคัดลอกรูปภาพ
3. คลิกเมนู Edit > Paste เพื่อวางรูปภาพที่คัดลอกไว้
4. สังเกตจะมีเลเยอร์ของรูปภาพที่คัดลอกเพิ่มมาอีก 1 เลเยอร์
5. ทดลองแดรกเมาส์ลากภาพเพื่อจัดวางในตําแหน่งที่ต้องการ
การคัดลอกรูปภาพ (Copy)
- 39. ∗ *.PSD (Photoshop File) เป็นไฟล์พื้นฐานของโปรแกรม Photoshop สามารถจัดเก็บการทํางานแบบเล
เยอร์ไว้ได้ ซึ่งทําให้เกิดข้อดี คือ สามารถนําไฟล์ชิ้นงานที่สร้างไว้มาปรับปรุงแก้ไขได้ตลอดเวลา
∗ *.BMP (Bitmap File) เป็นไฟล์มาตรฐานของระบบปฏิบัติการ Windows มีความละเอียดของภาพสูงมาก
∗ *.TIF (Tagged Image File) เป็นไฟล์ที่สามารถเก็บรายละเอียดของงานได้สูงมาก ใช้ได้ทั้งในเครื่อง PC และ
เครื่อง MAC ส่วนใหญ่ใช้ในงานเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ เช่น PageMaker หรือ QuarkXpress เป็นต้น
∗ *.GIF (Graphic Interchange File) เป็นไฟล์ที่ใช้กันมากในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีความสามารถในการ
บีบอัดข้อมูลไว้ได้มาก เหมาะกับภาพแบบลายเส้น หรือแบบเวคเตอร์
∗ *.JPG (Joint Photographic Experts Group) เป็นไฟล์ที่สามารถบีบอัดข้อมูลไว้ได้มากอีกชนิดหนึ่ง นิยม
ใช้กับภาพที่มีรายละเอียดมาก ๆ และเหมาะกับงานทางด้านการจัดทําเว็บไซต์เนื่องจากไฟล์มีขนาดเล็ก
การบันทึกไฟล์รูปภาพ (Save)
- 40. Resolution คือ ค่าความละเอียดของไฟล์ภาพหนึ่ง ๆ ซึ่ง
กําหนดเป็นจํานวนเม็ดสี (pixels) ต่อหนึ่งหน่วยความยาวของภาพ
ตัวอย่างเช่น หากภาพนั้นมีค่า Resolution = 100 pixels/inches
แสดงว่าในพื้นที่ 1 ตารางนิ้วของภาพนั้นประกอบด้วยเม็ดสีจํานวน
100 เม็ดสี เป็นต้น
ความละเอียดของภาพ (Resolution)
- 42. การสร้างพื้นหลัง หรือการกําหนด Background ของภาพ มีเทคนิคการสร้างได้
หลายรูปแบบ ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน สําหรับโปรแกรม Photoshop CS
สามารถใช้งานสีได้ถึง 2 สีพร้อม ๆกัน โดยสามารถคลิกเลือกสีเก็บไว้เพื่อความสะดวกในการ
สลับการใช้งาน ซึ่งเรียกสีแรกที่ปรากฏในการทํางานต่าง ๆ เช่น การระบายสีว่า “สีโฟร์
กราวน์” (Foreground Color) และสีที่ 2 ที่เก็บไว้ใช้ว่า “สีแบ็คกราวน์” (Background)
การเทสีและการสร้าง Background
- 47. ∗ Paint Bucket Tool เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเปลี่ยน
สีโดยอาศัยค่าสีที่ใกล้เคียงกัน เช่น ถ้าคลิกเลือกสี
เหลืองเพื่อเทสีลงในบริเวณสีส้ม สีที่เคยเป็นสีส้ม
การกําหนดสีโดยใช้ Paint Bucket Tool
- 49. ∗ Custom Shape Tool เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการ
ตกแต่งภาพให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้
สามารถเลือกสัญลักษณ์ต่างๆจาก Custom Shape
Tool จากขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
การใช้Custom Shape Tool
- 53. ∗ All กําหนดพื้นที่ Selection โดยใช้พื้นที่ของรูปภาพทั้งหมด
∗ Deselect ยกเลิกการกําหนดพื้นที่ Selection
∗ Reselect ย้อนกลับไปกําหนดพื้นที่ Selection หลังจากได้ยกเลิกไป
∗ Inverse เป็นการเปลี่ยนพื้นที่ของ Selection จากที่กําหนดไว้ให้เป็น
พื้นที่ตรงข้าม
คําสั่งพื้นฐานของ Selection
- 54. ∗ Rectangular Marquee Tool กําหนดขอบเขตพื้นที่แบบสี่เหลี่ยม
∗ Elliptical Marquee Tool กําหนดขอบเขตพื้นที่แบบวงกลมหรือวงรี
∗ Single Row Marquee Tool กําหนดขอบเขตพื้นที่แบบเส้นตรงในแนวนอน
∗ Single Column Marquee Tool กําหนดขอบเขตพื้นที่แบบเส้นตรงในแนวตั้ง
การเลือกพื้นที่การทํางานด้วย Marquee Tool
- 55. 1. คลิกเมนู File > Open… เพื่อเปิดไฟล์ภาพที่ต้องการ
2. คลิกเลือกเครื่องมือแบบ Rectangular Marquee Tool
3. แดรกเมาส์ล้อมรอบบริเวณที่ต้องการเลือกพื้นที่
4. หลักจากนั้นถ้าต้องการทํางานอย่างใดอย่างหนึ่งกับพื้นที่ที่เลือกไว้ก็สามารถดําเนินการ
ได้ทันที
วิธีการเลือกพื้นที่
- 58. ∗ คลิกที่เมนูคําสั่ง Edit ที่แถบ Menu bar จากนั้นเลือกคําสั่ง Transform
∗ Again กลับสู่รูปแบบเดิมก่อนหน้านี้ 1 ขั้น
∗ Scale ปรับเปลี่ยนแบบ Scale ตามแนวตั้ง แนวนอนและแนวทแยง
∗ Rotate หมุนพื้นที่ที่เลือก
∗ Skew ปิดเกลียวพื้นที่เลือก
∗ Distort การบิดเบือนพื้นที่เลือก
∗ Perspective ปรับขนาดของพื้นที่เลือกให้มีลักษณะการมองแบบ Perspective
(แบบมีมิติ ความกว้าง ความยาว ความลึก)
การใช้ Transform เพื่อปรับเปลี่ยนพื้นที่ Selection
- 61. ∗ คือ เครื่องมือการเลือกแบบอิสระ โดยจะเลือกพื้นที่ขอบเขตการทํางานบริเวณที่มี
จุดตัดกันของสีในภาพ มีลักษณะคล้ายแม่เหล็กโดยจะดูดเข้าหาตําแหน่งขอบสีที่เลือก
ไว้ ดังนั้น เครื่องมือการเลือกแบบนี้จึงไม่เหมาะกับภาพที่มีสีใกล้เคียงกันมาก เพราะ
ขอบเขตการเลือกพื้นที่ที่ได้จะไม่สามารถกําหนดได้ตามความต้องการ
การเลือกพื้นที่การทํางานด้วย Magnetic Lasso Tool
- 64. ตัวอักษรที่ใช้งานในโปรแกรม Adobe Photoshop สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
ได้แก่ ตัวอักษรที่สามารถปรับขนาดได้(Outline Type) และตัวอักษรที่ไม่สามารถปรับขนาดได้
(Bitmap Type) ซึ่งตัวอักษรแต่ละประเภทเหล่านี้มีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกัน
การประดิษฐ์ตัวอักษร
- 65. ∗ตัวอักษรแบบปรับขนาดได้ (Outline Type) นั้นมีการจัดเก็บข้อมูลใน
ลักษณะของการประมวลผลแบบสูตรคณิตศาสตร์ ทําให้ตัวอักษรที่ได้
คมชัด ไม่มีรอยหยัก สามารถปรับเปลี่ยนฟอนต์หรือขนาดของตัวอักษร
ได้ตลอดเวลา แต่ข้อเสียที่สําคัญคือไม่สามารถนําตัวอักษรประเภทนี้ไป
ใช้งานร่วมกับฟิลเตอร์(Filter) ได้
ตัวอักษรแบบปรับขนาดได้(Outline Type) หรือแบบเวคเตอร์
(Vector Type)
- 66. ∗ตัวอักษรแบบปรับขนาดไม่ได้ (Bitmap Type) นั้น มีการจัดเก็บข้อมูล
ในลักษณะของจุดพิกเซลเล็ก ๆ เรียงต่อๆ กัน ดังนั้นเมื่อมีการย่อหรือ
ขยายตัวอักษรจะทําให้เกิดรอยหยัก หรือตัวอักษรไม่คมชัด และไม่
สามารถแก้ไข ข้ออความได้เหมือนกับตัวอักษรแบบปรับขนาดได้ แต่
ตัวอักษรประเภทนี้ก็สามารถใช้งานร่วมกับฟิลเตอร์ได้
ตัวอักษรแบบปรับขนาดไม่ได้(Bitmap Type)
- 67. > Horizontal Type Tool คือ เครื่องมือการสร้างตัวอักษรแบบแนวนอน
> Vertical Type Tool คือ เครื่องมือการสร้างตัวอักษรแบบแนวตั้ง
> Horizontal Type Mask Tool คือ เครื่องมือการสร้าง Select ที่ตัวอักษรในแนวนอน
> Vertical Type Mask Tool 1 คือ เครื่องมือการสร้าง Select ที่ตัวอักษรในแนวตั้ง
เครื่องมือการสร้างตัวอักษร
- 68. 1. ข้อความแบบ Point Type คือ ข้อความที่มีขนาดสั้นหรือมีตัวอักษรเพียง 1 บรรทัด แต่
ละบรรทัดเป็นอิสระต่อกัน โดยความยาวของตัวอักษรขึ้นอยู่กับตัวอักษรที่พิมพ์
2. ข้อความแบบ Paragraph Type คือ ข้อความที่มีความยาวหลายบรรทัด โดยข้อความ
ทั้งหมดจะอยู่ในขอบเขตเดียวกัน
รูปแบบการสร้างตัวอักษร
- 70. ∗การใช้ตัวอักษรแบบ Outline Type แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ตัวอักษร
แบบแนวนอน (Horizontal Type Tool) และตัวอักษรแบบแนวตั้ง
(Vertical Type Tool) ซึ่งการสร้างตัวอักษรแต่ละแบบเหล่านี้
โปรแกรมจะทําการสร้าง เลเยอร์ขึ้นมาใหม่โดยอัตโนมัติทันที และใช้ใน
การบรรจุตัวอักษรหรือข้อความได้เท่านั้น
การใช้ตัวอักษรแบบปรับขนาดได้(Outline Type)
- 72. ∗ การสร้างตัวอักษรแบบ Bitmap Type นั้น โปรแกรมจะสร้างตัวอักษรขึ้นมาในรูป
ของ Selection ซึ่งสามารถทําได้ทั้งในแนวตั้งและแนวนอน นอกจากนั้นยัง
สามารถตกแต่งข้อความได้ แต่ไม่สามารถแก้ไขข้อความได้
การใช้ตัวอักษรแบบปรับขนาดไม่ได้(Bitmap Type)
- 88. ∗ ภาพทูโทน หรือภาพที่มี 2 สี เป็นภาพที่มีลักษณะแปลกใหม่ไปจากเดิม โดยภาพที่จะสามารถนํามาตกแต่ง
ให้เป็นแบบทูโทนนั้น จะต้องแปลงให้อยู่ในรูปของภาพแบบขาวดํา (Grayscale) เสียก่อน
การปรับภาพขาวดําให้เป็นแบบทูโทน
- 96. ∗ การตกแต่งภาพถ่ายนับได้ว่าโปรแกรม Photoshop เป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
โปรแกรมหนึ่ง เนื่องจากมีความสามารถหลากหลาย และมีเครื่องมือช่วยเหลือให้การทํางาน
เป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็ว ซึ่งการ ตกแต่งภาพถ่ายที่มีการใช้งานกันมากได้แก่ การลบริ้ว
รอย การปรับความคมชัด การปรับสีผิว และการโคลนนิ่งภาพเป็นต้น ดังนั้นในบทเรียนนี้จะ
กล่าวถึงการตกแต่งภาพถ่ายอย่างง่าย
การตกแต่งภาพถ่าย
- 100. ∗ Spot Healing Brush เป็นเครื่องมือลบรอยตําหนิแบบพิเศษที่เพิ่มเข้ามาใน CS2
ช่วยให้การทํางานสะดวกไม่ยุ่งยากเหมือนกับ Stamp หรือ Healing Brush
กล่าวคือ เพียงแค่คลิกเลือก Spot Healing Brush แล้วนํามาคลิกบริเวณจุดที่มี
รอยตําหนิเท่านั้น โปรแกรมก็จะจัดการเกลี่ยพื้นสีและลบรอยตําหนิให้โดยอัตโนมัติ
การลบจุดตําหนิด้วย Spot Healing Brush
- 108. ∗ ฟิลเตอร์ (Filter) คือการตกแต่งภาพด้วยเทคนิคพิเศษ ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของภาพตาม
ความต้องการของงาน
การตกแต่งภาพโดยใช้Filter
- 110. ∗ Image Size คือการ ลด/
ขยายรูปภาพโดยสามารถใช้
คําสั่งนี้ได้จากเมนู Image >
Image Size…
การปรับขนาดของภาพ (Image Size)
- 114. ∗ การ Crop คือ การตัดกรอบภาพเฉพาะที่ต้องการ นอกจากรูปภาพจะมีขนาดเล็กเกินไปแล้ว
บางครั้งรูปภาพก็มีขนาดใหญ่เกินไปได้เช่นกัน เราสามารถตัดกรอบภาพ (Cropping) ให้เหลือ
เฉพาะที่ต้องการ
การตัดกรอบของรูป (Crop)