SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  133
Télécharger pour lire hors ligne
ที่มาและความสาคัญ
ในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่นิยมใช้สมาร์ทโฟนของAppleเป็นจานวนมากไม่ว่าจะเป็น Iphone
Ipod หรือแม้แต่Ipad ก็ได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลกและอีกทั้งเหตุผลที่ทาให้เป็นที่นิยมมาจาก
การที่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามน่าสนใจ คุณสมบัติในการใช้งานเป็นที่พึ่งพอใจของผู้ใช้งาน
เป็นจานวนมาก ดังนั้น ผู้จัดทาโครงงานจึงมีความสนใจที่ศึกษา ค้นคว้า เกี่ยวกับความเป็นมาของ
สมาร์ทโฟนAppleว่ามีจุดเริ่มต้นเป็นอย่างไรวิเคราะห์คุณสมบัติถึงข้อดีข้อเสียของApple
วิเคราะห์ถึงว่าสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นของAppleไม่ว่าจะเป็นIphone Ipod Ipadว่าแต่ละรุ่นมีความ
แตกต่างกันอย่างไรและมีข้อดี ข้อเสียตรงไหน รุ่นไหนได้รับความนิยมมากที่สุด อีกทั้งดูถึงยอดขาย
ในสมาร์ทโฟนของAppleในแต่ละรุ่นของปีต่างๆว่าทาไมจึงมียอดขายที่มากขึ้นทุกปี เหตุผลว่า
ทาไมผู้คนทั่วโลกถึงยอมรับสมาร์ทโฟนของAppleแล้วเจาะลึกว่าในอนาคตบริษัทAppleมีการ
วางแผนจะจัดทาสินค้าอะไรออกมาจาหน่ายแก่ผู้คนทั่วโลกและสินค้าประเภทนั้นจะได้รับความ
นิยมจากผู้คนทั่วโลกอีกหรือไม่
วัตถุประสงค์
เพื่อที่จะศึกษาถึงความเป็นมาและวิวัฒนาการของโทรศัพท์ apple ที่เป็น
ที่นิยมมากในปัจจุบันว่ามีที่มาจากอะไร วิวัฒนการตามลาดับเป็นอย่างไร
ผู้คิดคือใครแล้วได้ไอเดียมาจากไหนในการสร้างโทรศัพท์ apple แล้วจุด
ขายของโทรศัพท์ apple คืออะไร ทาไมถึงเป็นที่นิยมใช้กันทั่วโลก
ประวัติของบริษัท APPLE
บริษัทแอปเปิล (อังกฤษ: Apple Inc.) หรือในชื่อเดิม บริษัทแอปเปิล
คอมพิวเตอร์ (Apple Computer Inc.) เป็นบริษัทในซิลิคอนแวลลีย์ ทาธุรกิจ
เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แอปเปิลปฏิวัติคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในยุค 70 ด้วยเครื่อง
แอปเปิล I และแอปเปิล II และแมคอินทอช ในยุค 80 ปัจจุบันแอปเปิลมีชื่อเสียงด้าน
ฮาร์ดแวร์ เช่น ไอแมค ไอพอด ไอโฟน ไอแพด และร้านขายเพลงออนไลน์ไอทูนส์
iPhone
ไอโฟน (อังกฤษ: iPhone) เป็นโทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถใช้งาน
อินเทอร์เน็ตและมัลติมีเดียผลิตและจาหน่ายโดยบริษัทแอปเปิลโดยการ
ทางานของไอโฟนสามารถใช้งานส่งอีเมล ใช้เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่งเอส
เอ็มเอส ท่องอินเทอร์เน็ตผ่านทางซอฟต์แวร์ซาฟารี ค้นหาแผนที่ ฟังเพลง
และความสามารถอื่น โดยมีอุปกรณ์หลักประกอบด้วย Wi-Fi
(802.11b/g) บลูทูธ 2.0 และกล้องถ่ายภาพ 2.0-megapixel ไอโฟนรุ่น
แรกมีลักษณะ 2.5G quad band GSM และ EDGE และรุ่นที่สองใช้
UMTS และ HSDPA
แอปเปิลได้เปิดเผยไอโฟนรุ่นแรกโดย สตีฟ จอบส์ ในงานแม็คเวิลด์ วันที่
9 มกราคม พ.ศ. 2550 และวางจาหน่ายครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาวันที่ 29
มิถุนายน พ.ศ. 2550 ไอโฟนได้ชื่อว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยมประจาปี
จากนิตยสารไทม์ ประจาปี 2550 โดยมีรุ่นถัดมาคือ ไอโฟน 3G และ
ไอโฟน 3GS และไอโฟน 4 ได้เปิดตัวในวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553
การทางานของไอโฟน
การทางานของโทรศัพท์ไอโฟนนี้จะแตกต่างจากโทรศัพท์มือถืออื่นโดย
ไอโฟนจะไม่มีปุ่มสาหรับกดหมายเลขโทรศัพท์โดยการทางานทั้งหมดจะ
ทางานผ่านหน้าจอโดยการสัมผัสมัลติทัชผ่านคาสั่งต่างๆโดยมี
ระบบปฏิบัติการหลัก iOS และมีระบบเซ็นเซอร์ในการรับรู้สภาพของ
เครื่องเพื่อกาหนดการแสดงผลของจอภาพเช่นหากวางเครื่องในแนวตั้ง
ระบบก็จะปรับให้แสดงผลในแนวตั้งหากวางในแนวนอนระบบก็จะ
แสดงผลในแนวนอน
รุ่นของไอโฟน
• ไอโฟน 2จี (iPhone 2G)
• ไอโฟน 3จี (iPhone 3G)
• ไอโฟน 3จีเอส (iPhone 3GS)
• ไอโฟน 4 (iPhone 4)
• ไอโฟน 4เอส (iPhone 4S)
• ไอโฟน 5 (iPhone 5)
• ไอโฟน 5เอส (iPhone 5S)
• ไอโฟน 6 (iPhone 6)
การวางจาหน่ายไอโฟน
ไอโฟนเริ่มมีวางจาหน่ายครั้งแรกเฉพาะในสหรัฐอเมริกาในวันที่ 29 มิถุนายน
พ.ศ. 2550 โดยร่วมมือกับเครือข่ายเอทีแอนด์ทีไวร์เลสส์ (ในขณะนั้นในชื่อ
ซิงกิวลาร์ไวร์เลสส์) โดยก่อนวันจาหน่ายร้านแอปเปิลได้ปิดร้านในช่วง 14
นาฬิกาเพื่อเตรียมตัวขายไอโฟนในเวลา 18 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งมีผู้ใช้
รอคิวเข้าซื้อเป็นจานวนมากโดยทางแอปเปิลขายไอโฟนได้ 270,000เครื่อง
ในช่วง 30 ชั่วโมงแรกที่เปิดจาหน่าย โดยในปัจจุบันไอโฟนรุ่นแรกมีวาง
จาหน่ายในหกประเทศได้แก่ ไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี
ออสเตรีย และสหรัฐอเมริกา
โดยในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ไอโฟนรุ่นใหม่ หรือที่รู้จักในชื่อ
ไอโฟน 3G จะมีการวางจาหน่ายใน 22 ประเทศ ซึ่งรวมถึง 6 ประเทศที่มี
วางจาหน่ายแล้ว และหลังจากนั้นจะมีวางจาหน่ายเพิ่มขึ้นอีกใน 48
ประเทศทั่วโลก รวมเป็นทั้งหมด 70 ประเทศ โดยในอาเชียนจะมีประเทศ
สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ที่มีการจาหน่ายไอโฟนอย่างเป็นทางการ โดยใน
สหรัฐอเมริกานั้น ผู้ซื้อไอโฟนรุ่นใหม่จาเป็นต้องจดสัญญากับเอทีแอนด์ที
เป็นระยะเวลาสองปี
ประเทศไทยเริ่มมีการวางจาหน่ายไอโฟน 3G ในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.
2552 โดยทรูมูฟ เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การจาหน่ายเป็นรายแรกในประเทศไทย
และมีงานเปิดตัวระหว่างวันที่ 16-18 มกราคม พ.ศ. 2552 ณ รอยัลพารา
กอนฮอลล์ สยามพารากอน และดีแทคเป็นรายที่สองที่ได้สิทธิ์การจัด
จาหน่าย โดยมีการเปิดตัวพร้อมจาหน่ายเครื่องวันแรกเมื่อวันที่ 13
มีนาคม พ.ศ. 2553 ณ ลานพาร์กพารากอน สยามพารากอนและในวันที่
23 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 0.00 น. ไอโฟน 4 ได้เปิดตัวในประเทศไทย
โดยทรูมูฟ, ดีแทค และ AIS เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การจาหน่ายในประเทศไทย
การทางานและจุดเด่นของไอโฟนรุ่นต่างๆ
iPhone (2G)
บริษัทแอปเปิล ภายใต้การนาของสตีฟ จ็อบส์ ได้พลิกโฉมและสร้างความแปลกใหม่
ให้กับวงการมือถือ เมื่อสตีฟ จอบส์ เผยโฉมโทรศัพท์มือถือตัวแรกของแอปเปิลนาม
ว่า "ไอโฟน" ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยที่ทันสมัย ความสามารถของไอโฟนรุ่นแรก ใช้
เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่งเอสเอ็มเอส ท่องอินเทอร์เน็ตผ่านทางซอฟต์แวร์ซาฟารี
ค้นหาแผนที่ ฟังเพลง เชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 2.5G quad band GSM และ EDGE,
Wi-Fi (802.11b/g) บลูทูธ 2.0 และกล้องถ่ายภาพ 2 ล้านพิกเซล ใช้ซีพียู 412
MHz ARM 11 หน่วยความจาภายใน 4GB/8GB/16GB มีหน้าจอ Capacitive 3.5
นิ้ว ความละเอียด 320 x 480 pixel ส่วนตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียม, พลาสติก
และกระจก
สเปคเด่น ๆ ของ iPhone (2G)
• หน้าจอ 3.5 นิ้ว
• ซีพียู 412 MHz ARM 11 และจีพียู PowerVR MBX
• หน่วยความจาภายใน 4GB/8GB/16GB
กล้องหลัง 2 ล้านพิกเซล
• เชื่อมต่อ EDGE, Wi-Fi
• วัสดุอะลูมิเนียม, พลาสติกและกระจก
iPhone (2G)
iPhone 3G
iPhone 3G มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ มีความโค้งมนมากขึ้นด้านหลัง
ตัวเครื่องถูกเปลี่ยนสีดาล้วน มีความเงางามและใช้วัสดุเป็นพลาสติกกับ
กระจก สาหรับ iPhone 3G ถูกเปิดตัวเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ในงาน WWDDC 2008 สาหรับความโดดเด่นของรุ่นนี้ถือว่าถูกพัฒนาไป
ไกลและดีขึ้นกว่าเดิมโดยรองรับการทางานบนเครือข่าย 3G, ด้านสเปค
เหมือนกับ iPhone 2G แต่เพิ่มแรม 128MB ทาให้ทางานได้เร็วขึ้นส่วน
หน่วยความจาลดเหลือ 8GB/16GB รวมถึงความสามารถในการใช้งานที่
หลากหลายขึ้น และที่สาคัญ iPhone 3G มาพร้อมกับ App Store ที่
สามารถโหลดแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้นั่นเอง และตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งสี
ดา และสีขาว
ไอโฟน 3จี (iPhone 3G) คือสมาร์ตโฟนระบบจอสัมผัสที่พัฒนาโดย
บริษัทแอปเปิล ซึ่งเป็นรุ่นที่สองของ ไอโฟน ต่อมาจากรุ่น ไอโฟน รุ่นแรก
ถูกประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ในงาน
WWDDC 2008 ที่ Moscone Center ในเมืองSan Francisco มี 3G ที่
คล้ายกันมากกับรุ่นก่อนที่มีเหมือนกันกล้อง 2 MP และการสนับสนุน
สาหรับ บันทึกวิดีโอ ไม่มีและประสิทธิภาพการทางานของมันถูกจากัด
โดยเดียวกันขนาด 128 เมกะไบต์ eDRAM หน่วยความจาแต่ 3G ที่โดด
เด่นการปรับปรุงหลายต้นฉบับ ที่สนับสนุน GPS แบบช่วยเหลือ, ข้อมูล
3G และ Tri - band UMTS/HSDPA
การทางานของ iPhone 3G
มีระบบปฏิบัติการของ Apple IOS ของระบบปฏิบัติการเดียวกับที่ใช้
เมื่อก่อนหน้า iPhones , iPad, Apple TV, และ iPod Touch จะมีการ
ควบคุมเป็นหลักโดยปลายนิ้วของผู้ใช้ในที่สัมผัสหลาย แสดงซึ่งมีความไว
ในการติดต่อกับปลายนิ้ว iPhone 3G ไม่ได้รับการปรับปรุงซอฟต์แวร์จาก
Apple ในวันที่ 11 มีนาคม 2011 ซึ่งเป็นวัน iOS 4.3 ถูกเปิดตัวออกมา
แต่ก็ไม่มีการสนับสนุน
ประวัติของ iphone3G
ในวันที่ 11 กรกฎาคม ค.ศ. 2008 Apple ได้เปิดตัว iPhone 3G ใน 22
ประเทศ รวมทั้งเดิมหก ในรุ่น 8GB และ 16GB, กับรุ่นความจุที่มีขนาด
ใหญ่ที่มีตัวเลือกของการอยู่ในสีดาหรือสีขาว เมื่อ iPhone 3GS ถูก
ปล่อยออกมาได้ 1 ปีภายหลังราคาของ iPhone 3G ถูกตัดในช่วงครึ่งปี
และได้ทารูปแบบการงบประมาณของ iPhone โดยราคาของ iPhone 3G
อยู่ในราคา $ 99 อยู่ในสีดาเท่านั้น และมาพร้อมกับ 8GB ของการจัดเก็บ
พร้อมกับการแก้ไขนี้เป็น iPhone OS 3.0 ในวันที่ 7 มิถุนายน 2010
iPhone 3G ถูกยกเลิกและแทนที่ด้วย 8 GB iPhone 3GS ขายในราคา
เดียวกันด้วยราคา $ 99
ซอฟต์แวร์ของไอโฟน 3G
iPhone 3G ได้เข้ามาโหลดไว้กับรุ่นล่าสุดของ iPhone OS ทั้ง 2 เพื่อให้
มีการปรับปรุงใหม่ล่าสุดในซอฟต์แวร์และการที่จะต่อสู้กับความพยายาม
ของการ jailbreaking กว่าปีที่ iPhone 3G ของได้รับการสนับสนุนโดย
Apple ที่มีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ ซ้าที่สาคัญของซอฟต์แวร์ที่มักจะ
เปิดตัวออกมาทุกปี
เมื่อเปิดตัวในเดือนกรกฎาคมปี 2008 ของ iPhone 3G มาพร้อม
โหลดไว้กับ iPhone OS 2.0 ซึ่งเปิดตัวใน App Store สนับสนุนโดย
Microsoft Exchange ActiveSync, บริการ MobileMe ของ Apple
และผลักดันการสนับสนุนทางอีเมลพร้อมด้วยคุณสมบัติใหม่อื่น ๆ และ
แก้ไขข้อผิดพลาดเช่นกัน
ในเดือนมิถุนายน 2009 iPhone 3G ของ iPhone ได้รับการปรับปรุงซอฟแวร์
ระบบปฏิบัติการ 3.0 ที่นารอคอยมานานคุณลักษณะ MMS คัดลอกและวางสนับสนุน
ภูมิสาหรับใช้งานมากขึ้นการสนับสนุนสเตอริโอ Bluetooth, และการปรับปรุงอื่น ๆ
เช่นกัน ในเดือนมิถุนายน 2010 เจ้าของ iPhone 3G ถูกออก iOS 4.0 การปรับปรุง
ซอฟต์แวร์ ซึ่งแตกต่างจากผู้สืบทอดของ iPhone 3GS ที่จะไม่ได้รับ multitasking
ภาพพื้นหลังหน้าจอที่บ้านหรือการสนับสนุนแป้นพิมพ์ Bluetooth แต่ก็ยังคงมี
คุณสมบัติแบบครบวงจรของกล่องจดหมาย, โฟลเดอร์, รายการเพลงที่สร้างระหว่าง
การปรับปรุงอื่น ๆ ใน Ios 4 แต่ยังคงแม้จะมีจานวนของคุณสมบัติใหม่ที่นามา
ปรับปรุงนั้นจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางสาหรับการทางานที่ช้าในบน
อุปกรณ์
แต่อย่างไรก็ตามการปรับปรุงเพื่อพัฒนาไปยัง iOS 4.1 ได้เปิดตัวและ
เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน 2010 ซึ่งการปรับปรุงประสิทธิภาพของอุปกรณ์
ที่อยู่ภายใต้ iOS 4 แต่แตกต่างจากอุปกรณ์อื่นๆ iOS แม้ว่าจะไม่ได้รับ
การประยุกต์ใช้ศูนย์เกมส์
ในวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010 iPhone 3G ได้รับการปรับปรุง
เป็น iOS 4.2 การปรับปรุงซอฟต์แวร์ซึ่งรวมถึงคุณสมบัติใหม่ เช่น
YouTube การออกเสียงลงคะแนน และการแก้ไขการรักษาความ
ปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม iPhone 3G ไม่ได้รับคุณสมบัติมากมายรวมทั้ง
AirPlay ตัวเลือกเพิ่มเติมในถาดแบบมัลติทาสก์และค้นหาข้อความ
ซาฟารี
ในวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 2011 iOS 4.3 ได้รับการปรับปรุง
ซอฟต์แวร์เบต้า 1 ออกมาให้นักพัฒนา แต่ยังไม่มีการการเชื่อมโยงดาวน์
โหลด iPhone 3G จะไม่สนับสนุนโดย Apple ในการปรับปรุงซอฟต์แวร์
ในวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 2011 การปรับปรุงของ IOS ซอฟต์แวร์ 4.3 ได้
ประกาศอย่างเป็นทางการซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ iOS
ออกจากการสนับสนุนของ iPhone 3G
สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 3G
• รองรับการใช้งาน 3G
• แรม 128MB
• หน่วยความจาลดเหลือ 8GB/16GB
• ดาวน์โหลดแอพฯ ผ่าน App Store
• ตัวเครื่องมีทั้งสีขาว และสีดา
iPhone 3G
ไอโฟน 3 จีเอส (iPhone 3GS)
iPhone 3GS ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และเป็น
อีกรุ่นที่ได้กลายเป็นของสะสมของสาวกแอปเปิลหลาย ๆ คน สาหรับ
iPhone 3GS เปิดตัวเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ที่งาน WWDC
2009 ด้านดีไซน์ของ iPhone 3GS ยังคงเหมือนกับ 2 รุ่นแรก เน้นความ
โค้งมนของขอบตัวเครื่องส่วนด้านสเปคถูกอัพเดทให้แรงขึ้นกว่าเดิม ใช้
ซีพียู Cortex-A8 600MHz, แรม 256MB เพิ่มความละเอียดกล้อง
ถ่ายภาพ 3.2 ล้านพิกเซล พร้อมออโต้โฟกัส ใช้นิ้วแตะเพื่อหาจุดโฟกัส
ถ่ายวิดีโอได้ หน่วยความจาภายใน 8GB/16GB/32GB รวมถึงรองรับ 3G
ความเร็วสูงสุด 7.2 Mbps และแอพพลิเคชั่นพื้นมากขึ้นเช่น Voice
Control (สั่งงานด้วยเสียง)
ไอโฟน 3จีเอส (iPhone 3GS) คือสมาร์ตโฟนระบบจอสัมผัสที่พัฒนาโดย
บริษัทแอปเปิล ซึ่งเป็นรุ่นที่สามของ ไอโฟน ต่อมาจากรุ่น ไอโฟน 3G ถูก
ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ในงาน
WWDDC 2009 และขายครั้งแรกวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ใน
ประเทศออสเตรเลียและญี่ปุ่นวางจาหน่ายในวันที่ 26 มิถุนายนและ
ต่างประเทศในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม พ.ศ. 2552 ไอโฟน 3จีเอส
ทางานด้วยระบบปฏิบัติการของ Apple Ios เป็นถูกนามาใช้ใน iPad และ
iPod touch จะมีการควบคุมเป็นหลักโดยปลายนิ้วของผู้ใช้ในจอแสดงผล
แบบมัลติทัช ไอโฟน 3จีเอส จะนาหน้าด้วย iPhone 3G และประสบ
ความสาเร็จโดย iPhone 4
สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 3GS
• ซีพียูใหม่ Cortex-A8 600MHz, แรม 256MB
• จีพียู PowerVR SGX535
• กล้องความละเอียด 3.2 ล้านพิกเซล โฟกัสได้
• หน่วยความจา 8GB/16GB/32GB
• รองรับ 3G ความเร็วสูงสุด 7.2 Mbps
• Voice Control (สั่งงานด้วยเสียง)
iPhone 3GS
iPhone 4
แอปเปิลกลับมาสร้างความฮือฮาให้กับแฟน ๆ อีกครั้ง ด้วยการ
เปิดตัว iPhone 4 เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ในงาน WWDDC
2010 มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่แบบยกเครื่องทั้งหมด ใช้วัสดุหุ้มขอบด้วยส
เตนเลนสตีลไร้ฉนวนซึ่งทาหน้าที่เป็นเสาอากาศของเครื่อง ตัวเครื่องจะอยู่
กึ่งกลางระหว่างกระจกอลูมิโนซิลิเกตชนิดพิเศษที่เพิ่มความแข็งแรงวางไว้
สองด้านหน้าหลัง ส่วนสเปคต่าง ๆ ถูกอัพเกรดให้แรงขึ้นกว่าเดิม ส่วน
หน้าจอขนาดเท่าเดิม 3.5 นิ้ว แต่เพิ่มความละเอียดเป็น 960×640 พิกเซล
และเรียกหน้าจอแบบใหม่นี้ว่า Retina Display
จุดเด่นที่น่าสนใจของ iPhone 4 มาพร้อมกล้องด้านหน้ารองรับการใช้
งาน FaceTime หรือวิดีโอคอลล์ผ่าน Wi-Fi คุยกันแบบเห็นหน้า และ
iPhone 4 เป็นอีกรุ่นที่ขายดีมาก ๆ โดยเฉพาะในประเทศไทยฮิตกันถล่ม
ทลาย
ไอโฟน 4 (อังกฤษ: iPhone 4) คือสมาร์ตโฟนระบบจอสัมผัสที่พัฒนา
โดย บริษัทแอปเปิล ซึ่งเป็นรุ่นที่สี่ของ ไอโฟน ต่อมาจากรุ่น ไอโฟน 3จีเอส
ถูกออกแบบเฉพาะสาหรับการใช้งานด้านการโทรศัพท์โดยมีสัญญาณภาพ
(ในชื่อ เฟซไทม์) การอ่านหนังสืออีบุค, การดูวิดิโอ, ฟังเพลง, เล่นเกม
และอินเทอร์เน็ต ถูกประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.
2553 ในงาน WWDDC 2010 และขายครั้งแรกวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.
2553 ในอเมริกา,อังกฤษ และอีกในหลายประเทศ โดยในประเทศไทยนั้นมี
การขายครั้งแรกอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553 โดย
สามบริษัทใหญ่เป็นผู้จาหน่ายคือเอไอเอส ,ดีแทค และทรูมูฟ
ไอโฟน 4 ทางานด้วยระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) ซึ่งเป็นระบบ
เดียวกับที่ใช้ในไอโฟนรุ่นก่อนหน้า รวมไปถึงไอแพดและไอพอดทัช
การทางานหลักควบคุมโดยใช้ปลายนิ้วสัมผัสข้อแตกต่างระหว่างไอโฟน 4
และไอโฟนรุ่นก่อนหน้าได้แก่การออกแบบโฉมใหม่ ที่มีการหุ้มขอบด้วยส
เตนเลนสตีลไร้ฉนวนซึ่งทาหน้าที่เป็นเสาอากาศของเครื่องตัวเครื่องจะอยู่
กึ่งกลางระว่างกระจกอลูมิโนซิลิเกตชนิดพิเศษที่เพิ่มความแข็งแรงวางไว้
สองด้านหน้าหลัง ภายในเครื่องมีซีพียูแอปเปิล A4 พร้อม ram 512 MB
ของ eDRAM ซึ่งมีความเร็วเป็นสองเท่าของรุ่นก่อนหน้า และเร็วเป็นสี่เท่า
ของไอโฟนรุ่นแรกสุด
หน้าจอขอไอโฟน 4 มีขนาด 89 มม. (3.5 นิ้ว) โดยใช้แอลอีดีแบล็กลิต
ขนาด แสดงผลด้วยความละเอียด 960×640 พิกเซลซึ่งชื่อการค้าว่าว่า เร
ตินาดิสเพลย์ (Retina Display)
จุดเด่นที่น่าสนใจคือ Facetime การสนทนาพร้อมส่งภาพจากกล้อง
ด้านหน้า หรือด้านหลัง ไปให้คู่สนทนาได้ชมแบบสดๆหรือเรียกว่าวีดีโอ
คอลล์ เพียงแต่ Facetime ไม่ต้องอาศัยเครือข่าย 3G แต่อาศัย Wi-Fi
แทน วิธีการใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก เพียงเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ทิ้งไว้
จากนั้นทาการโทรออกไปหาผู้รับตามปกติ (ผู้รับสายจะต้องใช้ iPhone 4
มีเชื่อมต่อ Wi-Fi เช่นกัน) ระหว่างรอรับสายให้กดปุ่ม Speaker เพื่อ
สนทนาผ่านลาโพง และ เมื่อมีผู้รับสายให้กดปุ่ม Facetime เพื่อเปิดใช้
งานกล้อง โดยผู้ใช้ สามารถสลับการใช้งานได้ทั้งกล้องด้านหน้าและ
ด้านหลัง
ประโยชน์ของ Facetime นอกจากการสนทนาแบบเห็นหน้า นั่นคือการ
สื่อสารที่มากกว่าคาพูด เพราะผู้ใช้สามารถรับรูปถึงอารมณ์ของคู่สนทนา
มากกว่าฟังแต่เสียง อีกทั้งการแสดงภาพเคลื่อนไหวภาพยังทาได้ราบลื่น
(ขึ้นอยู่กับความเร็วของสัญญาณ Wi-Fi ในเวลาใช้งาน) ที่สาคัญผู้ใช้ไม่
ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่ม (นอกจากค่าบริการอินเตอร์เน็ต Wi-Fi) ถ้าให้เทียบ
กับการสนทนารูปแบบวีดีโอคอลล์ผ่านเครือข่าย 3G ต้องยอมรับว่า
Facetime เหนือกว่า ทั้งเรื่องสัญญาณ Wi-Fi ที่ครอบคลุมมากกว่า
เครือข่าย 3G ค่าบริการที่ถูกกว่า และ ความเร็วในการแสดงผล
ระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดคือ iOS 5.0(เริ่ม 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554)
สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 4
• ซีพียู Apple A4 ความเร็ว 1GHz
• แรม 512MB
• กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
• มีกล้องด้านหน้าสาหรับใช้งาน FaceTime
• หน้าจอ RetinaDisplay
• ความละเอียดเป็น 960×640 พิกเซล
• ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด
iPhone 4
iPhone 4S
หลังยุคของการจากไปของ สตีฟ จ็อบส์ ผู้นาคนสาคัญของแอปเปิล ดู
เหมือนทิศทางของแอปเปิลจะเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆ
ออกมาเอาใจแฟน ๆ ทาให้การเปิดตัว iPhone 4S ถูกวิพากษ์วิจารณ์และ
ส่งผลให้หุ้นของแอปเปิลตก iPhone 4S เปิดตัวเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.
2554 ในงาน Let's talk iPhone ที่สานักงานใหญ่แอปเปิล และการมา
ของ iPhone 4S ทาให้เหล่าสาวกของแอปเปิลที่คาดหวังจะได้เห็น
นวัตกรรมใหม่ ๆ ต้องผิดหวังไปตามๆ กัน เมื่อหน้าตาของ iPhone 4S
นั้นเหมือนกับ iPhone 4
จุดเด่นของ iPhone 4S มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 5 และ
iCloud, กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และฟีเจอร์ใหม่ Siri ระบบ
สั่งงานด้วยเสียงที่เปรียบได้กับผู้ช่วยที่ทาหน้าที่ในการค้นหาและให้ข้อมูล
ในเรื่องต่าง ๆ และจุดนี้เองที่ทาให้ iPhone 4S แตกต่างจาก iPhone 4
ไอโฟน 4เอส (อังกฤษ: iPhone 4S) คือสมาร์ตโฟนระบบจอสัมผัสที่
พัฒนาโดย บริษัทแอปเปิล ซึ่งเป็นรุ่นที่ห้าของ ไอโฟน ต่อมาจากรุ่น
ไอโฟน 4 โดยเปิดตัวเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ในงาน Let's talk
iPhone ณ สานักงานใหญ่แอปเปิล เมืองคูเปอร์ทิโน่ เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อ
ยอดมาจาก iPhone 4 ซึ่งภายนอกมีลักษณะไม่แตกต่างกันมากนักโดยรุ่น
นี้มีการแก้ไขปัญหาสัญญาณตกที่เกิดกับ ไอโฟน 4 ในส่วนของระบบ
ประมวลผลได้เปลี่ยนไปใช้ชิพ Apple A5 แบบเดียวกับ ไอแพด 2 และมี
การเพิ่มความจุในรุ่น 64GB เข้ามา
สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 4S
• ซีพียู Apple A5 Dual-core
• ความเร็ว 1GHz
• แรม 512MB
• หน่วยความจาสูงสุด 64GB
• กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
• ระบบปฏิบัติการ iOS 5 และ iCloud
Siri ระบบสั่งงานด้วยเสียง
iPhone 4S
iPhone 5
iPhone 5 เป็นอีกรุ่นที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ แต่ก็ยังไร้
นวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่ดี โดย iPhone 5 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่
12 กันยายน พ.ศ. 2555 ความโดดเด่นของของ iPhone 5 ดีไซน์
ตัวเครื่องยังคงเอกลักษณ์คล้ายกับ iPhone 4/4S แต่แอปเปิลได้เปลี่ยน
วัสดุใหม่เป็นอะลูมิเนียมและกระจก ส่งผลให้ iPhone 5 มีความบางของ
ตัวเครื่องเพียง 7.6 มิลลิเมตร (บางกว่า iPhone 4S ถึง 18%) และมี
น้าหนักเพียง 112 กรัม ทาให้เบากว่าเดิมถึง 20% ด้านหลังตัวเครื่องใช้สี
แบบทูโทน ส่วนหน้าจอถูกปรับขนาดเป็น 4 นิ้ว
ความละเอียด 1136x640 พิกเซล ความเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ เช่น เปลี่ยน
จากพอร์ต 30-pin เป็นพอร์ต Lightning, รองรับ 4G LTE, หูฟังแบบ
ใหม่ Earpods, Nano-SIM และกล้องด้านหน้า 1.2 ล้านพิกเซล
สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 5
• ซีพียู Apple A6
• ความเร็ว 1.3GHz
• แรม 1GB
• รองรับ 4G LTE
• วัสดุแบบใหม่ อะลูมิเนียม ทาให้บางและน้าหนักเบา
• กล้องด้านหน้า 1.2 ล้านพิกเซล
• หน้าจอขนาด 4 นิ้ว
• พอร์ตเชื่อมต่อแบบใหม่ Lightning
• หูฟังรุ่นใหม่ Earpods
• Nano-SIM
iPhone 5
iPhone 5s
iPhone 5s ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งของ iPhone มาพร้อมชิป
Apple A7 (28nm) ที่เป็นระบบ 64-bit ตัวแรกของโลก ที่มีความเร็ว
กว่า iPhone ทุกรุ่นถึง 40 เท่า ด้านระบบกราฟิกเร็วขึ้นมากถึง 56 เท่า,
แรม 1GB พร้อมแฟลชคู่ Dual LED รวมถึงกล้องที่ปรับปรุงใหม่เพิ่ม
ลูกเล่นอีกมากมาย และไฮไลท์เด็ดของ iPhone 5S ก็คือระบบสแกน
ลายนิ้วมือที่แอปเปิลเรียกว่า "Touch ID Sensor"
สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 5s
• ระบบปฏิบัติการ iOS 7
• ซีพียู Apple A7 แบบ 64-Bit ตัวแรกของโลก
• แรม 1GB
• กล้อง 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชแบบทูโทน
• ระบบสแกนลายนิ้วมือ (Touch ID)
• แบตเตอรี่อึดขึ้นกว่าเดิม 10% รองรับ Standby ได้ 250 ชั่วโมง
• ตัวเครื่องมีสีใหม่ ได้แก่ สีทอง
iPhone 5s
iPhone 5c
จากข่าวลือและภาพหลุดตลอดระยะเวลาหลายเดือนเกี่ยวกับ iPhone
รุ่นราคาถูก ดูเหมือนจะถูกจับตามองเป็นพิเศษจากสาวกแอปเปิลจากทั่ว
ทุกมุมโลก ซึ่งทางแอปเปิลเองก็ได้ออกมาปฏิเสธว่าจะไม่ทา iPhone รุ่น
ราคาถูก แต่เปิดตัว iPhone 5c เพื่อวางขายแทน iPhone 5 โดย
ตัวเครื่องของ iPhone 5c ใช้วัสดุเป็นพลาสติกโพลีคาร์บอเนตเคลือบหนา
ทั้งชิ้น ไร้รอยต่อ มาพร้อม 5 สีสันสดใส ได้แก่ สีขาว สีเขียว สีฟ้า สีชมพู
และสีเหลือง
สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 5c
• สเปคเท่ากับ iPhone 5
• ตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นพลาสติก
• มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีขาว สีเขียว สีฟ้า สีชมพู และสีเหลือง
• แบตเตอรี่อึดขึ้นกว่าเดิม
iPhone 5C
iPhone 6 และ iPhone 6 Plus
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 แอปเปิลเปิดตัว iPhone 6 และ iPhone 6
Plus มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นถึง 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว ดีไซน์ใหม่
ตัวเครื่องมีความโค้งมนและบางกว่า iPhone ทุกรุ่น รวมถึงอัพเกรดสเปค
ใหม่แรงกว่า iPhone ทุกรุ่นถึง 50 เท่า
สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus
• ระบบปฏิบัติการ iOS 8
• ซีพียู Apple A8 แบบ 64-Bit ตัวแรกของโลก
• หน้าจอ Retina HD display มีให้เลือก 2 ขนาด 4.7 นิ้ว และ 5.5
นิ้ว
• กล้อง 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชแบบทูโทน
• iPhone 6 Plus มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS)
• ส่วน iPhone 6 ใช้ระบบกันสั่นผ่านซอฟท์แวร์
• ระบบสแกนลายนิ้วมือ (Touch ID)
• รองรับ NFC จ่ายเงินผ่านมือถือด้วยบริการ Apple Pay
ใช้งานแนวนอนแบบ iPad
• แบตเตอรี่อึดกว่าเดิมสแตนด์บาย 16 วัน สาหรับ iPhone 6
Plus และ 10 วัน สาหรับ iPhone 6
iPhone 6 และ iPhone 6 Plus
iPod
ไอพอด (อังกฤษ: iPod) เป็นชื่อของเครื่องฟังเพลงพกพาของบริษัท
แอปเปิล คอมพิวเตอร์ ไอพอดใช้ฮาร์ดดิสก์ในการเก็บข้อมูลแต่ในรุ่นไอ
พอดชัฟเฟิล ไอพอดนาโน และ ไอพอดทัช จะใช้หน่วยความจาแบบ
แฟลช ไอพอดสามารถใช้เก็บข้อมูลสาหรับแลกเปลี่ยนระหว่าง
คอมพิวเตอร์ได้ (ขึ้นอยู่กับขนาดของหน่วยความจาในแต่ละรุ่น)
แนวคิดของเครื่องฟังเพลงพกพาคิดค้นขึ้นโดยนายเคน แครมเมอร์ เมื่อเขา
อายุ 23 ปี เครื่องฟังเพลงพกพาเครื่องแรกที่เขาประดิษฐ์ใช้ชื่อว่า ไอเอกซ์
ไอ มีขนาดประมาณบัตรเครดิต สามารถบันทึกเพลงในหน่วยความจาได้
ประมาณ 3 นาที 30 วินาที เมื่อพ.ศ. 2531 ลิขสิทธิ์ของไอเอกซ์ไอหมดลง
ต้องใช้เงินจานวน 3.6 ล้านบาทเพื่อต่อสิขสิทธิ์ใน 120 ประเทศ แต่เขาไม่
สามารถหาเงินจานวนนั้นได้ สิขสิทธิ์ไอเอกซ์ไอจึงขาด ทาให้ไอเอกซ์ไอ
กลายเป็นสาธารณสมบัติในที่สุด
รุ่นของไอพอด
แอปเปิล ไอพอดมีหลายรุ่นด้วยกันได้แก่ ไอพอด, ไอพอด นาโน ไอพอด
มินิ และ ไอพอด ชัฟเฟิล แต่ไอพอดที่แอปเปิลจาหน่ายอย่างเป็นทางการ
จะเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดเท่านั้นได้แก่ ไอพอดคลาสสิก (รุ่นที่ 6 2009
version) ไอพอดนาโน (รุ่นที่ 7 Multi-Touch ) ไอพอด ชัฟเฟิล (รุ่นที่ 4
2010) และไอพอด ทัช (รุ่นที่ 5 2012 เพิ่มสันใหม่ ออกพร้อม iPhone 5
2012)
• นอกจากนี้ ยังมี "iPod special edition" (รุ่นพิเศษ) เช่น ไอพอดรุ่นที่
ห้า รุ่น U2, ไอพอดมินิสีเงินสลักคาว่า Vios อยู่ด้านหลัง และไอพอดรุ่น
ที่ห้า รุ่นแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ ที่มีลายตราโรงเรียนฮอกวอตส์อยู่ด้านหลัง
• บริษัทเอชพีทาไอพอดขายในชื่อApple iPod + HP
ไอพอด หรือ ไอพอดคลาสสิก
ไอพอดแบบดั้งเดิมมีการปรับปรุงหลายครั้งโดยแต่ละครั้งจะเรียกกันเป็น
generation และใช้ตัวย่อว่า G ปัจจุบันมาถึงรุ่นที่หก (6G
รุ่นที่หนึ่ง
– ออกวางตลาด 23 ตุลาคม ค.ศ. 2001 ครอบรอบสิบปี iPod 24 ตุลาคม
พ.ศ. 2554 เมื่อ ความจุ 5GB ราคา 399 ดอลลาร์สหรัฐ และออกรุ่น 10GB
กับ 20GB มาในภายหลัง ใช้การควบคุมแบบ scroll wheel ซึ่งผลิตโดย
บริษัท Synaptics
รุ่นที่สอง
– เปิดตัววันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 เปลี่ยนจากระบบ scroll wheel มา
ใช้เป็นระบบสัมผัสแทน
รุ่นที่สาม
– เปิดตัววันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 2003 โดยเป็นรุ่นที่บางเป็นพิเศษ และ
เพิ่มด็อค (Dock) หรือแท่นสาหรับชาร์จและโอนย้ายไฟล์ การควบคุมยังย้าย
ปุ่มจากรอบ wheel มาเรียงกันที่ใต้จอแทน รุ่นที่มีคือ 10GB, 15GB, 20GB,
30GB และ 40GB
รุ่นที่สี่
– เปิดตัววันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 2004 เปลี่ยนมาใช้การควบคุม
แบบ clickwheel ตัวเครื่องมีขนาดเล็กลงกว่า 3G เล็กน้อย มีขาย
สองรุ่นคือ 20GB และ 40GB ซึ่งปัจจุบัน 40GB เลิกผลิตแล้ว
รุ่นที่ห้า
– เปิดตัววันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 2005 สามารถเล่นไฟล์วิดีโอ mp4
ได้ มีขนาด 30GB และ 60GB ความพิเศษคือ เป็นรุ่นที่มีสีดาด้วย
และมีซองหนังแถมให้
รุ่นที่5.5
– สามารถเล่นไฟล์วิดีโอ mp4 ได้ มีขนาด 30GB และ 80GB ความพิเศษคือ
เป็นรุ่นที่มีสีดา สีขาว มี รุ่น ที่ มี แบบ U2 ด้วย และมีซองหนังแถมให้
รุ่นที่หก
– เปิดตัววันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 2007 มีขนาดความจุ 80GB และ 160GB
ความพิเศษคือ เริ่มใช้ชื่อเรียกไอพอดแบบดั้งเดิมว่า"คลาสสิก" มีอินเตอร์เฟ
ซแบบใหม่ ชิ้นหน้าเปลี่ยนจากพลาสติกเป็นอะโนไดซิสอะลูมิเนียม
รุ่นที่หก (ปรับปรุงเดือนกันยายน ค.ศ. 2009) มีจาหน่ายเพียงรุ่นเดียวคือ รุ่น 160GB
เท่านั้น
ไอพอดมินิ
เป็นเครื่องเล่นที่มีขนาดเล็ก ใช้ไมโครไดรว์สาหรับเก็บข้อมูล
รุ่นแรก
– เปิดตัววันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 2004 มีความจุ 4GB และเป็น
ไอพอดรุ่นแรกที่มี Clickwheel มีขายห้าสี คือ ทอง, เงิน,
ฟ้า, เขียว และชมพู สีที่ขายดีที่สุดคือสีเงิน ตามมาด้วยสีฟ้า
รุ่นที่สอง
– เปิดตัวเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005 มีขายสองรุ่นคือ 4GB และ 6GB
เพิ่มอายุการใช้งานของแบตเตอรี่เป็น 18 ชั่วโมง และเลิกผลิตสีทอง
จึงเหลือเพียง 4 สี ในอนาคตอันใกล้จะเลิกผลิตรุ่น 4GB (ถูกแทนที่
ด้วย ไอพอดชัฟเฟิล รุ่น 4GB)
ไอพอด U2 Special Edition
ออกขายวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2004 เป็นรุ่นพิเศษสีดา
Clickwheel สีแดง ด้านหลังมีลายเซ็นของวง
ร็อก U2 ความสามารถเหมือนกับรุ่น 4G ความจุ 20GB ทุก
ประการ
ไอพอด โฟโต้
ออกขายวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2004 เป็นรุ่นที่มีจอสี และสามารถ
แสดงรูปภาพแบบ JPEG, GIF, PNG, TIFF และ BMP ได้ มีความ
จุ 40GB และ 60GB
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005 ได้หยุดขายรุ่น 40GB และเปลี่ยน
มาขายรุ่น 30GB ที่ราคาถูกลงแทน และยังได้เพิ่มอุปกรณ์เสริมใน
การย้ายรูปถ่ายจากกล้องดิจิทัล มาเก็บในไอพอด โฟโต้โดยไม่ต้อง
ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์
ไอพอดชัฟเฟิล
รุ่นที่หนึ่ง
– เปิดตัววันที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2005 โดยใช้หน่วยความจาแบบ
แฟลชแทนฮาร์ดดิสก์ และสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ทันที
ผ่านพอร์ต ยูเอสบี ในตัว. มีขายสองรุ่นคือ รุ่นขนาด 512MB และ
1GB, จุดแตกต่างของรุ่นนี้จากรุ่นอื่นคือไม่มีจอภาพและปุ่มควบคุม
การเล่น ดังนั้นจึงเล่นเพลงได้ตามลาดับที่กาหนดมาล่วงหน้าจาก
คอมพิวเตอร์ หรือเล่นแบบสุ่ม (Shuffle) เท่านั้น (เป็นที่มาของชื่อ
รุ่น)
รุ่นที่สอง
– เปิดตัววันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2006 ผลิตด้วย อะโนไดซิส
อะลูมิเนียม โดยทาออกมาให้มีขนาดเล็กลงจากรุ่นที่หนึ่ง มีให้เลือก
5 สี มีขายอยู่ 2 รุ่นคือ รุ่น 1GB กับ 2GB
รุ่นที่สาม
– เปิดตัววันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2009 โดยได้เพิ่มความจุเป็น 4 GB
และมาพร้อมฟังก์ชันวอยซ์โอเวอร์โดยมีทั้งหมด 2 สี
รุ่นที่สี่
– เปิดตัวเมื่อ 1 กันยายน ค.ศ. 2010 ในงาน Apple's fall 2010
event โดยเปลี่ยนกลับเป็นปุ่มควบคุมแบบไอพอดดั้งเดิม มีทั้งหมด
5 สี และเพิ่มจานวนภาษาที่รองรับในฟังก์ชันวอยซ์โอเวอร์ (รวมถึง
ภาษาไทย)
ปัจจุบัน (ปี2012) แอปเปิ้ลได้เปลี่ยน สี ของไอพอดซัฟเฟิล 4 ให้เข้ากับสี
ของ ไอพอดนาโน และ ไอพอดทัช
ไอพอด นาโน
ไอพอด นาโน (iPod nano) รุ่นแรกเปิดตัววันที่7 กันยายน ค.ศ.
2005 รุ่นที่สองเปิดตัววันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2006 ในฐานะรุ่นต่อของไอ
พอดมินิ ไอพอด นาโนใช้หน่วยความจาแบบแฟลชเมมโมรี่แทนฮาร์ดดิสก์
เหมือนไอพอดชัฟเฟิล แต่มีความจุถึง 8GB (จุได้ประมาณ2,000 เพลง)
ขนาดบางเพียง 7 มิลลิเมตร โดยมีขนาด 88 x 40 x 7 มม. น้าหนักเบา
ขนาด 40 กรัม และมีจอสี (16.7ล้านสี) แสดงไฟล์ภาพได้ ติดต่อกับ
คอมพิวเตอร์ด้วย ยูเอสบี 2.0 และยังคงมีอินเตอร์เฟดส์แบบ 30 เข็ม
เหมือนไอพอดรุ่นก่อน
รุ่นแรก
– เปิดตัวเมื่อวันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 2005 ไอพอด นาโนรุ่นแรก มีให้เลือกได้
สองสี คือ ขาว และ ดา และมีความจุ 3 ขนาดคือ 2GB ($199) และ 4GB
($249) และออก 1GB ($149) มาภายหลัง
รุ่นสอง
– เปิดตัวเมื่อวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2006 ผลิตด้วย อะโนได
ซิส อะลูมิเนียม ไอพอด นาโนรุ่นที่สอง มีให้เลือก 6 สี คือ เงิน ชมพู เขียว
ฟ้า และดา มีความจุให้เลือก 3 ขนาดคือ 2GB เฉพาะสีเงิน ราคา $149,
4GB สี เงิน ชมพู เขียว ฟ้า และดา ราคา $199, 8GB เฉพาะสีดา ราคา
$249 ฟังเพลงได้นาน 24 ชั่วโมง และ 5 ชั่วโมงเมื่อเปิดเพลงพร้อมกับสไลต์
โชว์
รุ่นสาม
– เปิดตัวเมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 2007 ขนาดของจอเพิ่มเป็น 2
นิ้วความละเอียดระดับ QVGA มีให้เลือกเพียง 2 ขนาดคือ 4GB
และ 8GB
รุ่นสี่
– เปิดตัวเมื่อ 9 กันยายน ค.ศ. 2008 มีสีให้เลือกเพิ่มเป็น 9 สี มีให้
เลือก 3 ขนาดคือ 4GB, 8GB และ 16GB (ขนาด 4GB มีจาหน่าย
เฉพาะในบางร้าน)
รุ่นห้า
– เปิดตัวเมื่อ 9 กันยายน ค.ศ. 2009 มีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติม คือ
สามารถฟังวิทยุได้โดยไม่ต้องอุปกรณ์เสริม, ถ่ายรูปและบันทึกวิดีโอ
ได้, สามารถฟังชื่อเพลงที่เลือกได้ด้วย ว็อยซ์ โอเวอร์
รุ่นหก
– เปิดตัวเมื่อ 1 กันยายน ค.ศ. 2010 ในงาน Apple's fall 2010
event โดยในรุ่นนี้ได้เพิ่มจอสัมผัสรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบบมัล
ติทัชเข้าไปและตัดปุ่มควบคุมแบบเก่าออกและในรุ่นนี้ยังได้ตัด
ความสามารถด้านกล้องออกไปด้วย
รุ่นเจ็ด
– เปิดตัวเมื่อ 20 กันยายน ค.ศ. 2012 แอปเปิ้ล ได้ปรับเปลี่ยนสีสัน
และรูปทรงให้ไอพอดนาโนใหม่ โดยมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
คล้ายบัตรเครดิต พร้อมกับความบางที่มากกว่ารุ่นก่อนๆและมา
พร้อมกับเทคโนโลยี บลูทูช 4.0
ไอพอดทัช
ไอพอดทัช (iPod touch) เป็นเครื่องเล่นดนตรีแบบพกพาในสายการผลิต
ไอพอด ผลิตโดยบริษัทแอปเปิล โดยประกาศในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ.
2550 และจะวางจาหน่ายในช่วงสิ้นเดือนกันยายน ไอพอดทัชเป็นไอพอด
แบบที่ 6 โดยมีลักษณะคล้ายไอโฟนที่มีหน้าจอสัมผัสขนาด 3.5 นิ้ว และ
สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบไว-ไฟ(802.11b/g) ด้วยเว็บ
เบราว์เซอร์ซาฟารี นอกจากนี้ไอพอดทัชยังสามารถดาวน์โหลดเพลงได้
จากไอทูนส์
รุ่นแรก
– เปิดตัวเมื่อ 5 กันยายน ค.ศ. 2007 เป็นไอพอดรุ่นแรกที่มาพร้อมกับ
เทคโนโลยีไวไฟและมัลติทัช โดยมีหน้าจอสัมผัสคล้ายกับไอโฟน
รุ่นสอง
– เปิดตัวเมื่อ 9 กันยายน ค.ศ. 2008 มาพร้อมกับฟังก์ชัน Nike+ ปุ่มปรับระดับ
เสียงและลาโพงในตัวถูกเพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้
รุ่นสาม
– เปิดตัวเมื่อ 9 กันยายน ค.ศ. 2009 ในรุ่นนี้ได้เพิ่มความสามารถบางส่วนที่มา
จาก iPhone 3GS และได้รวมการสั่งงานด้วยเสียงเข้ามาด้วย
รุ่นสี่
– เปิดตัวเมื่อ 1 กันยายน ค.ศ. 2010 ในงาน Apple's fall 2010 event โดย
ปรับปรุงตัวเครื่องให้มีขนาดบางลง เพิ่มกล้องสองตัวสาหรับการทา
FaceTime และการอัดวิดีโอที่ความละเอียด HD รวมทั้งหน่วยประมวลผล
Apple A4 และหน้าจอแบบ Retina ที่มีความละเอียดมากกว่าเดิม และเพิ่ม
สีขาวเมื่อเดือนตุลาคม 2554 และราคาถูกลง
รุ่นห้า
– เปิดตัว 20 กันยายน ค.ศ. 2012 หลังจากเปิดตัวไอโฟน5แล้ว ไอพอดทัชก็ได้
มีการปรับเปลี่ยนด้วยเช่นกัน โดยเปลี่ยนขนาดจอเป็น 4 นิ้ว เท่ากับไอโฟน 5
,เพิ่มความคมชัดของกล้อง,ดีไซน์และสีสันที่มากขึ้น
ภาษาในไอพอด
ไอพอดจากโรงงานสนับสนุนการใช้งานหลายภาษา แต่ยังไม่รองรับภาษาไทย ถ้า
ต้องการใช้งานภาษาไทยในไอพอด ผู้ใช้จาเป็นต้องอัปเดตเฟิร์มแวร์พิเศษ (ซึ่งไม่ใช่
ของทางแอปเปิล) เพิ่มเติมเอง แต่การกระทาเช่นนั้นจะทาให้การรับประกันสิ้นสุด
ทันที
การแสดงชื่อเพลงภาษาไทย ข้อมูลของเพลงใน id3tag จาเป็นต้องเก็บด้วยรหัสแบบ
ยูนิโคด และจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีเฟิร์มแวร์ที่ทาให้ไอพอดรุ่นหก (คลาสสิก) และนาโน
รุ่นสองเป็นต้นมา สามารถใช้งานภาษาไทยได้
รุ่นของไอพอดที่รองรับการแสดงผลภาษาไทยจากโรงงาน ได้แก่ ไอพอด นาโน (รุ่นที่
4 ขึ้นไป) และ ไอพอด ทัช (เฟิร์มแวร์ 2.0 ขึ้นไป)
อุปกรณ์เสริมในไอพอด
มีอุปกรณ์เสริมพิเศษมากมายที่ถูกผลิตขึ้นสาหรับ ไอพอด ซึ่งอุปกรณ์เสริม
พิเศษเหล่านี้ส่วนมากผลิตขึ้นจากบริษัทอื่นแต่ก็มีอุปกรณ์เสริมที่บริษัท
แอปเปิ้ลได้ผลิตขึ้นนั้นคือ ไอพอด ไฮไฟ (iPod Hi-Fi) อุปกรณ์เสริมอื่นๆ
เช่น ชุดหูฟัง เครื่องบันทึกเสียง ตัวปรับสถานีวิทยุ ตัวควบคุมทางไกลไร้
สาย และสายพ่วงต่อออดิโอถุงใส่ไอพอด อุปกรณ์เสริมที่มีลักษณะเฉพาะ
เป็นหนึ่งเดียวก็เช่น Nike + iPod (ใช้งานได้เฉพาะไอพอด นาโนและไอ
พอด ทัช)
สาหรับอุปกรณ์เสริมอื่นๆที่เป็นที่รู้จักได้แก่ แผ่นฟิล์ม และกล่องป้องกัน
การกระแทก เพื่อป้องกันความเสียหายของ ไอพอด, หูฟังไร้สาย เป็นต้น
ผู้ผลิตที่ผลิตอุปกรณ์เสริมให้กับไอพอด ได้แก่ Griffin, Technology,
Belkin, JBL, Bose, MOnster Cable และ Senstation
ในปี ค.ศ. 2005 เจ้าหน้าที่ขนส่งของมหานครนิวยอร์กได้ติดประกาศไว้
บริเวณสถานีรถไฟใต้ดินเพื่อเตือนให้ผู้โดยสารที่มีไอพอดให้ระมัดระวัง
เนื่องจากมีการสูญหายของไอพอดเป็นจานวน 50 เครื่อง นับตั้งแต่ปี ค.ศ.
2004 - ค.ศ. 2005
บรรดารถยนต์ยี่ห้อต่างๆก็ได้ให้ความสาคัญกับไอพอด โดยมีการติดระบบ
การควบคุมไอพอดไว้ในรถยนต์รุ่นต่างๆของตัวเองโดย BMW เป็นเจ้า
แรกที่ได้นาระบบนี้มาใช้ในรถยนต์รุ่นต่างๆของตัวเองและบริษัท Apple
ได้ประกาศไว้ว่าจะมีการนาระบบนี้ไปติดตั้งในรถยนต์ยี่ห้อต่างๆด้วย
เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Mercedes Benz, Volvo, Nissan, Alfa Romeo,
Ferrari, Acura, Audi, Honda, Renault, Volkswagen และ Scion
กลางปี ค.ศ. 2007 สายการบิน 4 แห่ง คือ United, Continential,
Delta และ Emirate ได้ติดตั้งอุปกรเสริมไว้ที่ด้านหลังเบาะของที่นั่ง
ผู้โดยสารเพื่อให้บริการ โดยที่ผู้โดยสารสามารถที่จะทาการชาร์จแบตเตอรี่
หรือว่าต่ออุปกรณ์พ่วงเพื่อที่จะเชื่อมต่อไอพอด กับ จอมอนิเตอร์ เพื่อดู
วิดีโอหรือฟังเพลงได้
iPad
หลังจากประสบความสาเร็จในการผลิตและจาหน่ายโทรศัพท์มือถือที่ดัง
ที่สุดในโลกอย่าง iPhone บริษัท แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ก็ได้ดาเนินการ
คิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่พร้อมจะเขย่าโลก โดยครั้งนี้เป้าหมายไม่ใช่วงการ
มือถือเหมือนครั้งผลิต iPhone คราวนี้แอปเปิ้ลจะเขย่าวงการ
คอมพิวเตอร์ด้วย iPad
iPad เปิดตัวอวดโฉมเป็นครั้งแรกที่ ซานฟรานซิสโก ในวันที่ 27 มกราคม
2010 โดยมีนาย สตีฟ จ๊อบส์ ผู้บริหารบริษัทแอปเปิ้ล เป็นคนนาตัว iPad
ออกมาให้โลกได้เห็นเป็นครั้งแรกท่ามกลางบรรดาเหล่าสื่อมวลชนที่แห่กัน
มาทาข่าวกันคับคั่ง
เมื่อ iPad เห็นครั้งแรก หลายคนนึกถึง จอคอมพิวเตอร์ บางคนคิดถึง
กระจก ใครที่ชอบทางด้าน เทคโนโลยีอยู่แล้ว อาจจะคิดถึง iPhone และ
iPod Touch ซึ่งก็ไม่ผิดจากความจริงเท่าไหร่
ไอแพด (อังกฤษ: iPad) คือแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบและพัฒนา
โดยบริษัทแอปเปิล โดยมีหน้าที่หลักในด้านมัลติมีเดียใน
ด้าน ภาพยนตร์ เพลง เกม อีบุ๊ก และท่องเว็บไซต์ ขนาดและน้าหนักของ
ไอแพดมีขนาดเบากว่าแล็ปท็อปโดยมีน้าหนัก 680 กรัม และ 601 กรัม
สาหรับไอแพดรุ่นแรกและไอแพดรุ่นสองตามลาดับ
ไอแพดเริ่มวางจาหน่ายครั้งแรกในเดือนเมษายน พ.ศ. 2553 (รุ่นWi-fi)
และในเดือนเมษายน พ.ศ. 2553 (รุ่นWi-fiพร้อมกับ 3G) โดยไอแพด
สามารถทายอดขายได้ถึง 3 ล้านเครื่องในช่วงเวลาเพียง 80 วัน ส่วนการ
วางจาหน่าย ผ่านตัวแทนอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเพิ่งเริ่มเมื่อ
วันที่ 3 ธันวาคม 2553 ไอแพดมาพร้อมกับเทคโนโลยี Multi Touch
สามารถเล่นวิดีโอ, ฟังเพลง, ดูรูปภาพและเล่นอินเทอร์เน็ตได้
ไอแพดมีหน้าจอขนาด 9.7 นิ้ว มีความละเอียด 768 x 1024 พิกเซล หนา
0.5 นิ้ว ใช้ซีพียู Apple A4 ที่พัฒนาขึ้นเองโดยบริษัทแอปเปิล และใน
ปัจจุบันไอแพดรุ่นล่าสุดมีชื่อว่า iPad Air 2 ซึ่งมีความเร็วมากกว่า iPad
Air ถึง 2.5 เท่า ซึ่งมีความคมชัดกว่า HD ทีวีมาก มีน้าหนักเพียง 469
กรัม (เดิม 652) มีกล้องแบบใหม่คือ iSight มีความละเอียด 8
MegaPixel มีจอ Multitouch ขนาด 9.7 นิ้ว ใช้ซีพียู Apple A8X
สามารถใช้เครือข่าย 4G LTE(Long term Evolution) ได้ มีสองรุ่นให้
เลือกคือ Wifi กับ Wifi+4G ในปัจจุบันใช้ระบบปฏิบัติการล่าสุดคือ iOS
8.1.1
ระบบปฏิบัติการของ iPad
ใช้ตัวเดียวกับที่ใช้ iPhone เรียกกันว่า iPhone OS โดยมีการพัฒนา
ปรับปรุงเพื่อใช้กับอุปกรณ์ขนาดใหญ่อย่าง iPad (ดังนั้น iPad คือ ทายาท
iPhone?) เพราะฉะนั้น จุดเด่นที่เคยมีอยู่ใน iPhone ก็จะมีอยู่ใน iPad
หน้าตา iPad เปรียบเทียบกับ iPhone
จุดเด่นที่สืบทอดจาก iPhone OS
คุณสมบัติด้านบันเทิงการดูหนัง ฟังเพลง สาหรับ iPhone เป็นโทรศัพท์ที่
ขึ้นชื่อในด้านการดูหนังฟังเพลง คุณภาพของภาพและเสียงนั้นถ่ายทอด
มาจาก สินค้าขึ้นชื่อของแอปเปิ้ลอีกตัวนึงอย่างiPod ที่ครองแชมป์ในด้าน
เครื่องเล่น mp3 ที่ดีที่สุดในโลก สาหรับ iPad เมื่อรับความสามารถนี้มา
รับรองได้ว่า การดูหนัง ฟังเพลงบน iPad ก็เลยยอดเยี่ยม
การหมุนหน้าจออัตโนมัติใน iPad เราจะพบกับหน้าจอที่หมุนเองอัตโนมัติ
เวลาที่เราเอียงหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นมุมตั้งสาหรับใช้งานแอพพลิเคชั่น หรือ
มุมแนวนอนสาหรับเวลาดูวีดีโอ
GPS ใน iPhone เราจะพบว่ามีการนาชิป GPS ที่ใช้ในการระบุตาแหน่ง
พิกัดละติจูด ลองจิจูดของตัวเองติดมากับเครื่องและจะมีโปรแกรมสาหรับ
ใช้งานคู่กับ GPS มากมายเลยทีเดียว สาหรับ iPad เองก็เช่นเดียวกัน GPS
จะมาพร้อมเครื่อง
Multi Touchscreen ถ้าเป็นจอสัมผัสทั่วไป เราใช้ได้เพียงนิ้วเดียวในการ
จิ้ม แทนการใช้เมาส์ แต่สาหรับ iPad นั้นเราสามารถใช้ นิ้วสองนิ้ว ในการ
ย่อขยายรูป หมุนรูป รวมถึงใช้ซูมเข้า ซูมออกหน้าเว็บไซต์ได้
digital magnetic compass คือความสามารถในการจับสนามแม่เหล็ก
ไฟฟ้า เป็นผล iPad จาลองตัวเองเป็นเข็มทิศได้
accelerometer อันนี้อธิบายลาบากครับ มันคือความสามารถในการจับ
การเคลื่อนไหวของตัวเครื่องได้ครับว่า ตัวเครื่องเอียงซ้าย เอียงขวา เวลา
เล่นเกมส์ขับรถ เราใช้ iPad แทนพวงมาลัยได้เลยจากการที่ iPad นั้นทั้ง
ฮาร์ดแวร์ และระบบปฏิบัติการคล้าย iPhone มากนั้น ทาให้นักวิจารณ์
คอมพิวเตอร์หลายค่ายออกมาบ่นว่า iPad ก็คือ iPhone ขนาดใหญ่
นั่นเอง พูดอีกอย่างก็คือ แทนที่จะบอกว่า iPad เป็น Tablet PC พวกนัก
วิจารณ์มองว่า iPad คือ iPhone ยักษ์นั่นเอง (บางคนก็ว่า iPod Touch
ยักษ์)
ความสามารถของไอแพด
การเล่นเว็บไซต์ (Safari)
พูดง่ายๆก็คือ การเข้าเว็บไซต์ต่างๆนั่นเองแต่ด้วยหน้าจอแบบ Multi
Touchscreen คุณก็จะพบกับประสบการณ์การเล่นเว็บที่หน้าทึ่ง
ทีเดียว
การใช้งานอีเมล์ Mail
ในการเล่นอินเตอร์เน็ตต้องมีการใช้งานอีเมล์แน่นอน สาหรับ iPad ก็ไม่
มีอะไรแปลกใหม่ นอกจากการที่เราสามารถพิมพ์บนหน้าจอได้เลย
iPod & Movie
ฟังก์ชั่นในการดูหนังฟังเพลงอย่างที่บอกว่าเป็นความสามารถหลักที่รับ
สืบทอดมาจาก iPhone โดยตรง สาหรับการดูหนัง ก็จะพิเศษหน่อย
ตรงที่ iPad นั้นรองรับการดูหนังระดับ Hidef 720p ด้วยนะครับ
เรียกว่าชัดมาก สีสันสดทีเดียวเลย
Youtube นอกจากดูหนังฟังเพลงที่มีอยู่ในเครื่อง iPad เองแล้ว เรายัง
สามารถใช้ iPad ดูวีดีโอที่ถูกโพสไว้ที่ Youtube ได้อีกด้วย
iBook ในยุคที่การอ่านเข้าสู่ดิจิตอลแล้ว iPad ก็ได้นาเอาการอ่านหนังสือ
มาใส่ไว้ในตัวมันด้วยเช่นกันหนังสือค่ายดังๆในอเมริกาหลายเจ้า ก็จะทา
หนังสือดิจิตอลมาสู่คลังหนังสือใน iBook Store ให้เจ้าของ iPad สามารถ
ซื้อหาหนังสือดิจิตอลในราคาที่ถูกกว่าปกตินอกจาก iBook จะจาลองการ
อ่านหนังสือตามปกติแล้ว มันยังเพิ่มคุณค่าโดยใส่วีดีโอ และเสียงลงใน
หนังสือได้ลงตัวอีกด้วย
สาหรับการจัดการปฏิทิน และรายชื่อผู้ติดต่อ(contact) ก็สุดแสนน่า
ประทับใจ ใครที่ติดการใช้งาน Microsoft Outlook คงชอบหน้าตา
ปฏิทินของ iPad แน่ๆครับ และในรายชื่อผู้ติดต่อนอกจากระบุชื่อ ที่อยู่
เบอร์โทรศัพท์แล้ว ยังสามารถระบุตาแหน่งที่อยู่ในรูปของพิกัดละติจูด
ลองจิจูด เพื่อแสดงผลในแผนที่ของ google map ได้ด้วย
Maps ฟังก์ชั่นนี้น่าจะเป็นที่คุ้นเคยสาหรับทุกท่าน Google Map ให้บริการด้านแผน
ที่ออนไลน์มานานแล้ว สาหรับ iPad ที่มีชิป GPS ติดมาด้วยสามารถทางานเป็น
อุปกรณ์นาทาง(Navigator) ได้ด้วยฟังก์ชั่น Maps
iWork ฟังก์ชั่นงานเอกสาร Office สาหรับงานด้านเอกสารของ iPad แอปเปิ้ลได้
พัฒนาต่อจากโปรแกรมชุด iWork ซึ่งเป็นชุดโปรแกรมงานออฟฟิศแบบเดียวกับ
Microsoft Office ที่ใช้งานในคอมพิวเตอร์ Mac โดยพัฒนาให้มีความเหมาะสมกับ
การใช้งานแบบ Multi touchscreen ของ iPad และคงชื่อเดิมไว้ว่า iWork ซึ่งมีชุด
โปรแกรม Page(งานพิมพ์เอกสาร)
ไขปริศนาบริษัท Apple กับ 6 สูตรสาเร็จ ที่ “คนคิดก็
อยากมีไว้ใช้” ?
Apple – ทิม บาจาริน ประธาน บริษัท ครีเอทีฟ สตราทิตี้ บริษัทวิเคราะห์
ภาพรวมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการตลาดแห่ง silicon valley ซึ่ง
ผ่านการพูดคุยกับผู้บริหารระดับต่าง ๆ ใน Apple Inc. มาอย่างโชกโชน
อาสาถ่ายทอดปริศนาความสาเร็จของแอปเปิ้ลผ่านเว็บไซต์Time
ซึ่งแม้หลายฝ่ายจะพยายามทาความเข้าใจว่าทาไม Apple ถึงพ่ายแพ้ใน
สมรภูมิ PC ให้กับ Microsoft ก่อนปรับกลยุทธ์สู่โปรดักส์
อย่าง iPod และ iPhone จนประสบความสาเร็จอย่างยิ่งยวด แต่ ทิม
สามารถถ่ายทอด บทสรุปออกมาได้กว่า 6 ข้อ ที่คุณไม่ควรพลาด!!
1 . ผลิตภัณฑ์ทุกตัวที่ Apple สร้างขึ้น ต้องเป็นสิ่งที่แม้แต่
คนคิดค้นก็อยากมีเอาไว้ใช้
“ทิม” อธิบายว่า หลายครั้งที่มีโอกาสทาโปรเจ็กต์ร่วมกับบริษัทเทคโนโลยี
เขาพบว่า เป้าหมายมักตั้งอยู่บน “นวัตกรรม” ด้านเทคโนโลยีเป็นอันดับ
แรก จากนั้นจึงมาคิดต่อว่า คนจะอยากใช้ผลิตภัณฑ์หรือไม่ วิศวกร
ทั้งหลายมักลุ่มหลงกับเทคโนโลยีและสร้างสิ่งต่าง ๆ เพียงเพราะสามารถ
ทามันขึ้นมาได้ แต่วิศวกรของ “แอปเปิล” สร้างผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนอง
ความต้องการใช้ของตนเองอย่างแท้จริงมี “สตีฟ จ็อบส์” เป็นหัวหอกใน
ฐานะ “ผู้ใช้”
ผลิตภัณทุกตัวจึงตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ตอบโจทย์สตีฟ จ็อบส์ และบรรดา
วิศวกรทั้งหลายที่ทาตัวเป็นลูกค้า โดยผลิตภัณฑ์นั้นต้องเป็นอะไรที่พวก
เขาไม่สามารถขาดได้ในชีวิตประจาวัน
2. ต้องใช้งานง่าย
“สตีฟ จ็อบส์” เข้มงวดกับเรื่องนี้มากแม้ “ดีไซน์” จะมีความสาคัญ แต่
หากไม่สามารถนามาใช้งานได้ง่ายจะโดนตราหน้าว่า “ไร้ค่า” ทันที เรื่องนี้
เป็นสิ่งผลักดันการออกแบบที่เรียกวา “ยูสเซอร์ อินเตอร์เฟซ” ตั้งแต่วัน
แรกจนถึงวันนี้ก็ยังเป็นคาขวัญประจาใจวิศวกรซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์
ของแอปเปิล ผลิตภัณฑ์ ทุกตัวต้องให้ความรู้สึกว่า “ใช่” ง่ายต่อการทา
ความเข้าใจ
ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น “ผู้ใช้” ต้องการคุณสมบัติที่มาก
ขึ้น บางครั้งการรักษา “ความง่าย” จึงเป็นเรื่องยาก มากกว่า นั้น
“แอปเปิล” ยังสร้างอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งาน ตั้งแต่มืออาชีพไปจนถึงมือ
สมัครเล่น ทาให้นิยามการใช้งานง่ายกว้างขึ้นไปอีกแอปเปิลเป็นบริษัท
เดียวที่มองเรื่องการใช้งานง่ายมาก่อนเรื่อง ผลิตภัณฑ์ และทาให้เป็น
เป้าหมายสาคัญสาหรับการสร้างผลิตภัณฑ์ทุกตัวออกสู่ตลาด
3. ทาอะไร ๆ ให้ง่ายเข้าไว้
“ทิม” เล่าว่า เคยเข้าไปพูดคุยกับผู้ประกอบการโทรคมนาคมในฝรั่งเศส
หลายราย หัวข้อสนทนาไม่วายวกมาเรื่องการหาทางแข่งขันกับ
“แอปเปิล” เมื่อ ถึงคาถามที่ว่า ทาไมแอปเปิลถึงประสบความสาเร็จนัก
ผู้บริหารคนหนึ่งแสดงความเห็นว่า เหตุผลหลักมาจากการที่บริษัทมี
ผลิตภัณฑ์แค่ตัวเดียว โดยยกตัวอย่าง “ไอโฟน”
ซึ่งทาให้ผู้บริโภคลดกระบวนการตัดสินใจซื้อเนื่องจากแอปเปิลทาให้อะไร
ๆ ง่าย ผู้บริหารคนดังกล่าวว่า ในร้านเขามีโทรศัพท์ที่แตกต่างกันถึง 25
รุ่น พนักงานต้องพบความยากลาบาก เนื่องจากต้องมีความรู้เกี่ยวกับ
ผลิตภัณฑ์ทุกรุ่น ผู้บริโภคมีตัวเลือกให้ต้องตัดสินใจมากเกินไปขณะที่
แอปเปิลมี “ไอโฟน” เพียงตัวเดียว
ทุกคนที่เดินเข้า “แอปเปิล สโตร์” รู้ว่า พนักงานมีความรู้เกี่ยวกับ
ผลิตภัณฑ์หลักเป็นอย่างดีแม้การมีไอโฟนให้เลือกเพียงแบบเดียวเหมือน
จากัดตัวเลือกของผู้บริโภค แต่ผลกลับออกมาตรงกันข้าม ผลวิจัยจาก
บริษัทครีเอทีฟ สแตรทิจีส์ ระบุว่า ผู้บริโภคชื่นชอบการมีตัวเลือกก็จริงแต่
ต้องการให้กระบวนการเลือกผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีมีความง่ายดายไม่
ซับซ้อน เนื่องจากมีอะไรให้เลือกมากเกินไป คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ในตลาดมี
ลูกค้าที่ชื่นชอบเทคโนโลยีซึ่งต้องการตัวเลือกหลากหลาย และซับซ้อนใน
บางครั้ง
แต่ จากประสบการณ์ในฐานะนักวิเคราะห์ตลาด “ทิม” มองว่าผู้ใช้หลัก
ไม่ใช่กลุ่มที่ชื่นชอบเทคโนโลยี การทาอะไรให้ง่าย ๆ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มนี้
จึงเป็นบวก “แอปเปิล” เข้าใจ และไม่เคยพยายามเพิ่มแบบให้ไอโฟน, ไอ
แพด หรือสร้างไอพอดให้มีมากกว่า 1-2 แบบ ผู้บริโภคพึงพอใจกลยุทธ์นี้
เมื่อดูจากยอดขายมหาศาลของอุปกรณ์ตระกูล “ไอ” ในแต่ละปี
4. นาเสนอการบริการลูกค้าและประสบการณ์ระดับท็อป
“สตีฟ จ็อบส์” เข้าใจถึงปัญหาหลักของตลาดเทคโนโลยีนั่นคือ แม้คุณจะ
สร้างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ง่ายแค่ไหนแต่ผู้บริโภคที่นาผลิตภัณฑ์ไปใช้ในลักษณะ
แตกต่างกันมักเกิดความยุ่งยากตามมา ทาให้ผู้บริโภคทุกระดับต้องการ
ความช่วยเหลือเป็นระยะ “แอปเปิล” ใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ด้วย
ผลิตภัณฑ์ที่เน้นความง่ายทาให้พนักงานมีความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เป็น
อย่างดี สังเกตได้จากการที่พนักงานขายมักไม่ถามว่า “ต้องการให้ช่วย
อะไรไหม” แต่จะถามประมาณว่า “วันนี้คุณต้องการทาอะไร ?” แทน
Insights into the track over to apple
Insights into the track over to apple
Insights into the track over to apple
Insights into the track over to apple
Insights into the track over to apple
Insights into the track over to apple
Insights into the track over to apple
Insights into the track over to apple
Insights into the track over to apple
Insights into the track over to apple

Contenu connexe

En vedette

Wie ben ik als ondernemer (deel 2) - Voka Limburg Creativexchange
Wie ben ik als ondernemer (deel 2) -  Voka Limburg CreativexchangeWie ben ik als ondernemer (deel 2) -  Voka Limburg Creativexchange
Wie ben ik als ondernemer (deel 2) - Voka Limburg CreativexchangeFlandersDC
 
Open Education – Impact on Higher Education and Society
Open Education – Impact on Higher Education and SocietyOpen Education – Impact on Higher Education and Society
Open Education – Impact on Higher Education and Societyicdeslides
 
Sketchnotes: what & why
Sketchnotes: what & whySketchnotes: what & why
Sketchnotes: what & whydebra24
 
Advertising Insights through Segmented Analytics - Adobe Summit 2017
Advertising Insights through Segmented Analytics  - Adobe Summit 2017Advertising Insights through Segmented Analytics  - Adobe Summit 2017
Advertising Insights through Segmented Analytics - Adobe Summit 2017Chris Haleua
 
The Sketchnote Mini-Workshop
The Sketchnote Mini-WorkshopThe Sketchnote Mini-Workshop
The Sketchnote Mini-WorkshopMike Rohde
 
UX, ethnography and possibilities: for Libraries, Museums and Archives
UX, ethnography and possibilities: for Libraries, Museums and ArchivesUX, ethnography and possibilities: for Libraries, Museums and Archives
UX, ethnography and possibilities: for Libraries, Museums and ArchivesNed Potter
 
Guided Reading: Making the Most of It
Guided Reading: Making the Most of ItGuided Reading: Making the Most of It
Guided Reading: Making the Most of ItJennifer Jones
 
Hype vs. Reality: The AI Explainer
Hype vs. Reality: The AI ExplainerHype vs. Reality: The AI Explainer
Hype vs. Reality: The AI ExplainerLuminary Labs
 
Designing Teams for Emerging Challenges
Designing Teams for Emerging ChallengesDesigning Teams for Emerging Challenges
Designing Teams for Emerging ChallengesAaron Irizarry
 
3 Things Every Sales Team Needs to Be Thinking About in 2017
3 Things Every Sales Team Needs to Be Thinking About in 20173 Things Every Sales Team Needs to Be Thinking About in 2017
3 Things Every Sales Team Needs to Be Thinking About in 2017Drift
 

En vedette (10)

Wie ben ik als ondernemer (deel 2) - Voka Limburg Creativexchange
Wie ben ik als ondernemer (deel 2) -  Voka Limburg CreativexchangeWie ben ik als ondernemer (deel 2) -  Voka Limburg Creativexchange
Wie ben ik als ondernemer (deel 2) - Voka Limburg Creativexchange
 
Open Education – Impact on Higher Education and Society
Open Education – Impact on Higher Education and SocietyOpen Education – Impact on Higher Education and Society
Open Education – Impact on Higher Education and Society
 
Sketchnotes: what & why
Sketchnotes: what & whySketchnotes: what & why
Sketchnotes: what & why
 
Advertising Insights through Segmented Analytics - Adobe Summit 2017
Advertising Insights through Segmented Analytics  - Adobe Summit 2017Advertising Insights through Segmented Analytics  - Adobe Summit 2017
Advertising Insights through Segmented Analytics - Adobe Summit 2017
 
The Sketchnote Mini-Workshop
The Sketchnote Mini-WorkshopThe Sketchnote Mini-Workshop
The Sketchnote Mini-Workshop
 
UX, ethnography and possibilities: for Libraries, Museums and Archives
UX, ethnography and possibilities: for Libraries, Museums and ArchivesUX, ethnography and possibilities: for Libraries, Museums and Archives
UX, ethnography and possibilities: for Libraries, Museums and Archives
 
Guided Reading: Making the Most of It
Guided Reading: Making the Most of ItGuided Reading: Making the Most of It
Guided Reading: Making the Most of It
 
Hype vs. Reality: The AI Explainer
Hype vs. Reality: The AI ExplainerHype vs. Reality: The AI Explainer
Hype vs. Reality: The AI Explainer
 
Designing Teams for Emerging Challenges
Designing Teams for Emerging ChallengesDesigning Teams for Emerging Challenges
Designing Teams for Emerging Challenges
 
3 Things Every Sales Team Needs to Be Thinking About in 2017
3 Things Every Sales Team Needs to Be Thinking About in 20173 Things Every Sales Team Needs to Be Thinking About in 2017
3 Things Every Sales Team Needs to Be Thinking About in 2017
 

Similaire à Insights into the track over to apple

งานนำเสนอเรื่อง Android.pptx
งานนำเสนอเรื่อง Android.pptxงานนำเสนอเรื่อง Android.pptx
งานนำเสนอเรื่อง Android.pptxsupawadee_pai
 
เลือกซื้อสมาร์ทโฟนตรงใจคุณ
เลือกซื้อสมาร์ทโฟนตรงใจคุณเลือกซื้อสมาร์ทโฟนตรงใจคุณ
เลือกซื้อสมาร์ทโฟนตรงใจคุณKonG-kikkok Gigkaloo
 
เลือกซื้อสมาร์ทโฟนตรงใจคุณ
เลือกซื้อสมาร์ทโฟนตรงใจคุณเลือกซื้อสมาร์ทโฟนตรงใจคุณ
เลือกซื้อสมาร์ทโฟนตรงใจคุณKonG-kikkok Gigkaloo
 
ข่าว It-บุษกร-28
ข่าว It-บุษกร-28ข่าว It-บุษกร-28
ข่าว It-บุษกร-28Kukkik Kanya
 
ดร.ดนัย เทียนพุฒ :โมเดลธุรกิจของ Apple
ดร.ดนัย เทียนพุฒ :โมเดลธุรกิจของ Appleดร.ดนัย เทียนพุฒ :โมเดลธุรกิจของ Apple
ดร.ดนัย เทียนพุฒ :โมเดลธุรกิจของ AppleDrDanai Thienphut
 
อินเทลโชว์ชิปใหม่
อินเทลโชว์ชิปใหม่อินเทลโชว์ชิปใหม่
อินเทลโชว์ชิปใหม่Sarocha Makranit
 
Iphone user guide th
Iphone user guide thIphone user guide th
Iphone user guide thRose Banioki
 
ใบงาน เรื้อง ลักษณะข้อดี ข้อด้อยของอุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
ใบงาน เรื้อง ลักษณะข้อดี ข้อด้อยของอุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ใบงาน เรื้อง ลักษณะข้อดี ข้อด้อยของอุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
ใบงาน เรื้อง ลักษณะข้อดี ข้อด้อยของอุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์Thitikorn Mahawong
 
Smart device
Smart deviceSmart device
Smart devicebanthid
 
Smart device
Smart deviceSmart device
Smart devicekunnika_p
 

Similaire à Insights into the track over to apple (20)

iPhone2
iPhone2iPhone2
iPhone2
 
Ipad
IpadIpad
Ipad
 
Ipad
IpadIpad
Ipad
 
117
117117
117
 
I phone
I phoneI phone
I phone
 
งานนำเสนอเรื่อง Android.pptx
งานนำเสนอเรื่อง Android.pptxงานนำเสนอเรื่อง Android.pptx
งานนำเสนอเรื่อง Android.pptx
 
เลือกซื้อสมาร์ทโฟนตรงใจคุณ
เลือกซื้อสมาร์ทโฟนตรงใจคุณเลือกซื้อสมาร์ทโฟนตรงใจคุณ
เลือกซื้อสมาร์ทโฟนตรงใจคุณ
 
เลือกซื้อสมาร์ทโฟนตรงใจคุณ
เลือกซื้อสมาร์ทโฟนตรงใจคุณเลือกซื้อสมาร์ทโฟนตรงใจคุณ
เลือกซื้อสมาร์ทโฟนตรงใจคุณ
 
G-Magz_V41
G-Magz_V41G-Magz_V41
G-Magz_V41
 
13510163
1351016313510163
13510163
 
ข่าว It-บุษกร-28
ข่าว It-บุษกร-28ข่าว It-บุษกร-28
ข่าว It-บุษกร-28
 
IOS8
IOS8 IOS8
IOS8
 
ดร.ดนัย เทียนพุฒ :โมเดลธุรกิจของ Apple
ดร.ดนัย เทียนพุฒ :โมเดลธุรกิจของ Appleดร.ดนัย เทียนพุฒ :โมเดลธุรกิจของ Apple
ดร.ดนัย เทียนพุฒ :โมเดลธุรกิจของ Apple
 
อินเทลโชว์ชิปใหม่
อินเทลโชว์ชิปใหม่อินเทลโชว์ชิปใหม่
อินเทลโชว์ชิปใหม่
 
Iphone user guide th
Iphone user guide thIphone user guide th
Iphone user guide th
 
It news1
It news1It news1
It news1
 
ใบงาน เรื้อง ลักษณะข้อดี ข้อด้อยของอุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
ใบงาน เรื้อง ลักษณะข้อดี ข้อด้อยของอุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ใบงาน เรื้อง ลักษณะข้อดี ข้อด้อยของอุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
ใบงาน เรื้อง ลักษณะข้อดี ข้อด้อยของอุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
 
2
22
2
 
Smart device
Smart deviceSmart device
Smart device
 
Smart device
Smart deviceSmart device
Smart device
 

Plus de Sukanya Mueangjai

ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8Sukanya Mueangjai
 
ข้อสอบโควต้าวิทย์2 52
ข้อสอบโควต้าวิทย์2 52ข้อสอบโควต้าวิทย์2 52
ข้อสอบโควต้าวิทย์2 52Sukanya Mueangjai
 
ข้อสอบโควต้าภาษาไทย 52
ข้อสอบโควต้าภาษาไทย 52ข้อสอบโควต้าภาษาไทย 52
ข้อสอบโควต้าภาษาไทย 52Sukanya Mueangjai
 
ความรู้เรื่องBlogger
ความรู้เรื่องBloggerความรู้เรื่องBlogger
ความรู้เรื่องBloggerSukanya Mueangjai
 
ใบงานสำรวจตนเอง M6 pang
ใบงานสำรวจตนเอง M6 pangใบงานสำรวจตนเอง M6 pang
ใบงานสำรวจตนเอง M6 pangSukanya Mueangjai
 

Plus de Sukanya Mueangjai (7)

Creative My Blog
Creative My Blog Creative My Blog
Creative My Blog
 
Creative my blog
Creative my blog Creative my blog
Creative my blog
 
ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8
 
ข้อสอบโควต้าวิทย์2 52
ข้อสอบโควต้าวิทย์2 52ข้อสอบโควต้าวิทย์2 52
ข้อสอบโควต้าวิทย์2 52
 
ข้อสอบโควต้าภาษาไทย 52
ข้อสอบโควต้าภาษาไทย 52ข้อสอบโควต้าภาษาไทย 52
ข้อสอบโควต้าภาษาไทย 52
 
ความรู้เรื่องBlogger
ความรู้เรื่องBloggerความรู้เรื่องBlogger
ความรู้เรื่องBlogger
 
ใบงานสำรวจตนเอง M6 pang
ใบงานสำรวจตนเอง M6 pangใบงานสำรวจตนเอง M6 pang
ใบงานสำรวจตนเอง M6 pang
 

Insights into the track over to apple

  • 1.
  • 2.
  • 3. ที่มาและความสาคัญ ในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่นิยมใช้สมาร์ทโฟนของAppleเป็นจานวนมากไม่ว่าจะเป็น Iphone Ipod หรือแม้แต่Ipad ก็ได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลกและอีกทั้งเหตุผลที่ทาให้เป็นที่นิยมมาจาก การที่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามน่าสนใจ คุณสมบัติในการใช้งานเป็นที่พึ่งพอใจของผู้ใช้งาน เป็นจานวนมาก ดังนั้น ผู้จัดทาโครงงานจึงมีความสนใจที่ศึกษา ค้นคว้า เกี่ยวกับความเป็นมาของ สมาร์ทโฟนAppleว่ามีจุดเริ่มต้นเป็นอย่างไรวิเคราะห์คุณสมบัติถึงข้อดีข้อเสียของApple วิเคราะห์ถึงว่าสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นของAppleไม่ว่าจะเป็นIphone Ipod Ipadว่าแต่ละรุ่นมีความ แตกต่างกันอย่างไรและมีข้อดี ข้อเสียตรงไหน รุ่นไหนได้รับความนิยมมากที่สุด อีกทั้งดูถึงยอดขาย ในสมาร์ทโฟนของAppleในแต่ละรุ่นของปีต่างๆว่าทาไมจึงมียอดขายที่มากขึ้นทุกปี เหตุผลว่า ทาไมผู้คนทั่วโลกถึงยอมรับสมาร์ทโฟนของAppleแล้วเจาะลึกว่าในอนาคตบริษัทAppleมีการ วางแผนจะจัดทาสินค้าอะไรออกมาจาหน่ายแก่ผู้คนทั่วโลกและสินค้าประเภทนั้นจะได้รับความ นิยมจากผู้คนทั่วโลกอีกหรือไม่
  • 4. วัตถุประสงค์ เพื่อที่จะศึกษาถึงความเป็นมาและวิวัฒนาการของโทรศัพท์ apple ที่เป็น ที่นิยมมากในปัจจุบันว่ามีที่มาจากอะไร วิวัฒนการตามลาดับเป็นอย่างไร ผู้คิดคือใครแล้วได้ไอเดียมาจากไหนในการสร้างโทรศัพท์ apple แล้วจุด ขายของโทรศัพท์ apple คืออะไร ทาไมถึงเป็นที่นิยมใช้กันทั่วโลก
  • 5. ประวัติของบริษัท APPLE บริษัทแอปเปิล (อังกฤษ: Apple Inc.) หรือในชื่อเดิม บริษัทแอปเปิล คอมพิวเตอร์ (Apple Computer Inc.) เป็นบริษัทในซิลิคอนแวลลีย์ ทาธุรกิจ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แอปเปิลปฏิวัติคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในยุค 70 ด้วยเครื่อง แอปเปิล I และแอปเปิล II และแมคอินทอช ในยุค 80 ปัจจุบันแอปเปิลมีชื่อเสียงด้าน ฮาร์ดแวร์ เช่น ไอแมค ไอพอด ไอโฟน ไอแพด และร้านขายเพลงออนไลน์ไอทูนส์
  • 6. iPhone ไอโฟน (อังกฤษ: iPhone) เป็นโทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถใช้งาน อินเทอร์เน็ตและมัลติมีเดียผลิตและจาหน่ายโดยบริษัทแอปเปิลโดยการ ทางานของไอโฟนสามารถใช้งานส่งอีเมล ใช้เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่งเอส เอ็มเอส ท่องอินเทอร์เน็ตผ่านทางซอฟต์แวร์ซาฟารี ค้นหาแผนที่ ฟังเพลง และความสามารถอื่น โดยมีอุปกรณ์หลักประกอบด้วย Wi-Fi (802.11b/g) บลูทูธ 2.0 และกล้องถ่ายภาพ 2.0-megapixel ไอโฟนรุ่น แรกมีลักษณะ 2.5G quad band GSM และ EDGE และรุ่นที่สองใช้ UMTS และ HSDPA
  • 7. แอปเปิลได้เปิดเผยไอโฟนรุ่นแรกโดย สตีฟ จอบส์ ในงานแม็คเวิลด์ วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2550 และวางจาหน่ายครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ไอโฟนได้ชื่อว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยมประจาปี จากนิตยสารไทม์ ประจาปี 2550 โดยมีรุ่นถัดมาคือ ไอโฟน 3G และ ไอโฟน 3GS และไอโฟน 4 ได้เปิดตัวในวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553
  • 8. การทางานของไอโฟน การทางานของโทรศัพท์ไอโฟนนี้จะแตกต่างจากโทรศัพท์มือถืออื่นโดย ไอโฟนจะไม่มีปุ่มสาหรับกดหมายเลขโทรศัพท์โดยการทางานทั้งหมดจะ ทางานผ่านหน้าจอโดยการสัมผัสมัลติทัชผ่านคาสั่งต่างๆโดยมี ระบบปฏิบัติการหลัก iOS และมีระบบเซ็นเซอร์ในการรับรู้สภาพของ เครื่องเพื่อกาหนดการแสดงผลของจอภาพเช่นหากวางเครื่องในแนวตั้ง ระบบก็จะปรับให้แสดงผลในแนวตั้งหากวางในแนวนอนระบบก็จะ แสดงผลในแนวนอน
  • 9. รุ่นของไอโฟน • ไอโฟน 2จี (iPhone 2G) • ไอโฟน 3จี (iPhone 3G) • ไอโฟน 3จีเอส (iPhone 3GS) • ไอโฟน 4 (iPhone 4)
  • 10. • ไอโฟน 4เอส (iPhone 4S) • ไอโฟน 5 (iPhone 5) • ไอโฟน 5เอส (iPhone 5S) • ไอโฟน 6 (iPhone 6)
  • 11. การวางจาหน่ายไอโฟน ไอโฟนเริ่มมีวางจาหน่ายครั้งแรกเฉพาะในสหรัฐอเมริกาในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 โดยร่วมมือกับเครือข่ายเอทีแอนด์ทีไวร์เลสส์ (ในขณะนั้นในชื่อ ซิงกิวลาร์ไวร์เลสส์) โดยก่อนวันจาหน่ายร้านแอปเปิลได้ปิดร้านในช่วง 14 นาฬิกาเพื่อเตรียมตัวขายไอโฟนในเวลา 18 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งมีผู้ใช้ รอคิวเข้าซื้อเป็นจานวนมากโดยทางแอปเปิลขายไอโฟนได้ 270,000เครื่อง ในช่วง 30 ชั่วโมงแรกที่เปิดจาหน่าย โดยในปัจจุบันไอโฟนรุ่นแรกมีวาง จาหน่ายในหกประเทศได้แก่ ไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรีย และสหรัฐอเมริกา
  • 12. โดยในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ไอโฟนรุ่นใหม่ หรือที่รู้จักในชื่อ ไอโฟน 3G จะมีการวางจาหน่ายใน 22 ประเทศ ซึ่งรวมถึง 6 ประเทศที่มี วางจาหน่ายแล้ว และหลังจากนั้นจะมีวางจาหน่ายเพิ่มขึ้นอีกใน 48 ประเทศทั่วโลก รวมเป็นทั้งหมด 70 ประเทศ โดยในอาเชียนจะมีประเทศ สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ที่มีการจาหน่ายไอโฟนอย่างเป็นทางการ โดยใน สหรัฐอเมริกานั้น ผู้ซื้อไอโฟนรุ่นใหม่จาเป็นต้องจดสัญญากับเอทีแอนด์ที เป็นระยะเวลาสองปี
  • 13. ประเทศไทยเริ่มมีการวางจาหน่ายไอโฟน 3G ในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2552 โดยทรูมูฟ เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การจาหน่ายเป็นรายแรกในประเทศไทย และมีงานเปิดตัวระหว่างวันที่ 16-18 มกราคม พ.ศ. 2552 ณ รอยัลพารา กอนฮอลล์ สยามพารากอน และดีแทคเป็นรายที่สองที่ได้สิทธิ์การจัด จาหน่าย โดยมีการเปิดตัวพร้อมจาหน่ายเครื่องวันแรกเมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553 ณ ลานพาร์กพารากอน สยามพารากอนและในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 0.00 น. ไอโฟน 4 ได้เปิดตัวในประเทศไทย โดยทรูมูฟ, ดีแทค และ AIS เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การจาหน่ายในประเทศไทย
  • 15. iPhone (2G) บริษัทแอปเปิล ภายใต้การนาของสตีฟ จ็อบส์ ได้พลิกโฉมและสร้างความแปลกใหม่ ให้กับวงการมือถือ เมื่อสตีฟ จอบส์ เผยโฉมโทรศัพท์มือถือตัวแรกของแอปเปิลนาม ว่า "ไอโฟน" ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยที่ทันสมัย ความสามารถของไอโฟนรุ่นแรก ใช้ เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่งเอสเอ็มเอส ท่องอินเทอร์เน็ตผ่านทางซอฟต์แวร์ซาฟารี ค้นหาแผนที่ ฟังเพลง เชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 2.5G quad band GSM และ EDGE, Wi-Fi (802.11b/g) บลูทูธ 2.0 และกล้องถ่ายภาพ 2 ล้านพิกเซล ใช้ซีพียู 412 MHz ARM 11 หน่วยความจาภายใน 4GB/8GB/16GB มีหน้าจอ Capacitive 3.5 นิ้ว ความละเอียด 320 x 480 pixel ส่วนตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียม, พลาสติก และกระจก
  • 16. สเปคเด่น ๆ ของ iPhone (2G) • หน้าจอ 3.5 นิ้ว • ซีพียู 412 MHz ARM 11 และจีพียู PowerVR MBX • หน่วยความจาภายใน 4GB/8GB/16GB กล้องหลัง 2 ล้านพิกเซล • เชื่อมต่อ EDGE, Wi-Fi • วัสดุอะลูมิเนียม, พลาสติกและกระจก
  • 18. iPhone 3G iPhone 3G มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ มีความโค้งมนมากขึ้นด้านหลัง ตัวเครื่องถูกเปลี่ยนสีดาล้วน มีความเงางามและใช้วัสดุเป็นพลาสติกกับ กระจก สาหรับ iPhone 3G ถูกเปิดตัวเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ในงาน WWDDC 2008 สาหรับความโดดเด่นของรุ่นนี้ถือว่าถูกพัฒนาไป ไกลและดีขึ้นกว่าเดิมโดยรองรับการทางานบนเครือข่าย 3G, ด้านสเปค เหมือนกับ iPhone 2G แต่เพิ่มแรม 128MB ทาให้ทางานได้เร็วขึ้นส่วน หน่วยความจาลดเหลือ 8GB/16GB รวมถึงความสามารถในการใช้งานที่ หลากหลายขึ้น และที่สาคัญ iPhone 3G มาพร้อมกับ App Store ที่ สามารถโหลดแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้นั่นเอง และตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งสี ดา และสีขาว
  • 19. ไอโฟน 3จี (iPhone 3G) คือสมาร์ตโฟนระบบจอสัมผัสที่พัฒนาโดย บริษัทแอปเปิล ซึ่งเป็นรุ่นที่สองของ ไอโฟน ต่อมาจากรุ่น ไอโฟน รุ่นแรก ถูกประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ในงาน WWDDC 2008 ที่ Moscone Center ในเมืองSan Francisco มี 3G ที่ คล้ายกันมากกับรุ่นก่อนที่มีเหมือนกันกล้อง 2 MP และการสนับสนุน สาหรับ บันทึกวิดีโอ ไม่มีและประสิทธิภาพการทางานของมันถูกจากัด โดยเดียวกันขนาด 128 เมกะไบต์ eDRAM หน่วยความจาแต่ 3G ที่โดด เด่นการปรับปรุงหลายต้นฉบับ ที่สนับสนุน GPS แบบช่วยเหลือ, ข้อมูล 3G และ Tri - band UMTS/HSDPA
  • 20. การทางานของ iPhone 3G มีระบบปฏิบัติการของ Apple IOS ของระบบปฏิบัติการเดียวกับที่ใช้ เมื่อก่อนหน้า iPhones , iPad, Apple TV, และ iPod Touch จะมีการ ควบคุมเป็นหลักโดยปลายนิ้วของผู้ใช้ในที่สัมผัสหลาย แสดงซึ่งมีความไว ในการติดต่อกับปลายนิ้ว iPhone 3G ไม่ได้รับการปรับปรุงซอฟต์แวร์จาก Apple ในวันที่ 11 มีนาคม 2011 ซึ่งเป็นวัน iOS 4.3 ถูกเปิดตัวออกมา แต่ก็ไม่มีการสนับสนุน
  • 21. ประวัติของ iphone3G ในวันที่ 11 กรกฎาคม ค.ศ. 2008 Apple ได้เปิดตัว iPhone 3G ใน 22 ประเทศ รวมทั้งเดิมหก ในรุ่น 8GB และ 16GB, กับรุ่นความจุที่มีขนาด ใหญ่ที่มีตัวเลือกของการอยู่ในสีดาหรือสีขาว เมื่อ iPhone 3GS ถูก ปล่อยออกมาได้ 1 ปีภายหลังราคาของ iPhone 3G ถูกตัดในช่วงครึ่งปี และได้ทารูปแบบการงบประมาณของ iPhone โดยราคาของ iPhone 3G อยู่ในราคา $ 99 อยู่ในสีดาเท่านั้น และมาพร้อมกับ 8GB ของการจัดเก็บ พร้อมกับการแก้ไขนี้เป็น iPhone OS 3.0 ในวันที่ 7 มิถุนายน 2010 iPhone 3G ถูกยกเลิกและแทนที่ด้วย 8 GB iPhone 3GS ขายในราคา เดียวกันด้วยราคา $ 99
  • 22. ซอฟต์แวร์ของไอโฟน 3G iPhone 3G ได้เข้ามาโหลดไว้กับรุ่นล่าสุดของ iPhone OS ทั้ง 2 เพื่อให้ มีการปรับปรุงใหม่ล่าสุดในซอฟต์แวร์และการที่จะต่อสู้กับความพยายาม ของการ jailbreaking กว่าปีที่ iPhone 3G ของได้รับการสนับสนุนโดย Apple ที่มีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ ซ้าที่สาคัญของซอฟต์แวร์ที่มักจะ เปิดตัวออกมาทุกปี เมื่อเปิดตัวในเดือนกรกฎาคมปี 2008 ของ iPhone 3G มาพร้อม โหลดไว้กับ iPhone OS 2.0 ซึ่งเปิดตัวใน App Store สนับสนุนโดย Microsoft Exchange ActiveSync, บริการ MobileMe ของ Apple และผลักดันการสนับสนุนทางอีเมลพร้อมด้วยคุณสมบัติใหม่อื่น ๆ และ แก้ไขข้อผิดพลาดเช่นกัน
  • 23. ในเดือนมิถุนายน 2009 iPhone 3G ของ iPhone ได้รับการปรับปรุงซอฟแวร์ ระบบปฏิบัติการ 3.0 ที่นารอคอยมานานคุณลักษณะ MMS คัดลอกและวางสนับสนุน ภูมิสาหรับใช้งานมากขึ้นการสนับสนุนสเตอริโอ Bluetooth, และการปรับปรุงอื่น ๆ เช่นกัน ในเดือนมิถุนายน 2010 เจ้าของ iPhone 3G ถูกออก iOS 4.0 การปรับปรุง ซอฟต์แวร์ ซึ่งแตกต่างจากผู้สืบทอดของ iPhone 3GS ที่จะไม่ได้รับ multitasking ภาพพื้นหลังหน้าจอที่บ้านหรือการสนับสนุนแป้นพิมพ์ Bluetooth แต่ก็ยังคงมี คุณสมบัติแบบครบวงจรของกล่องจดหมาย, โฟลเดอร์, รายการเพลงที่สร้างระหว่าง การปรับปรุงอื่น ๆ ใน Ios 4 แต่ยังคงแม้จะมีจานวนของคุณสมบัติใหม่ที่นามา ปรับปรุงนั้นจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางสาหรับการทางานที่ช้าในบน อุปกรณ์
  • 24. แต่อย่างไรก็ตามการปรับปรุงเพื่อพัฒนาไปยัง iOS 4.1 ได้เปิดตัวและ เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน 2010 ซึ่งการปรับปรุงประสิทธิภาพของอุปกรณ์ ที่อยู่ภายใต้ iOS 4 แต่แตกต่างจากอุปกรณ์อื่นๆ iOS แม้ว่าจะไม่ได้รับ การประยุกต์ใช้ศูนย์เกมส์ ในวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010 iPhone 3G ได้รับการปรับปรุง เป็น iOS 4.2 การปรับปรุงซอฟต์แวร์ซึ่งรวมถึงคุณสมบัติใหม่ เช่น YouTube การออกเสียงลงคะแนน และการแก้ไขการรักษาความ ปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม iPhone 3G ไม่ได้รับคุณสมบัติมากมายรวมทั้ง AirPlay ตัวเลือกเพิ่มเติมในถาดแบบมัลติทาสก์และค้นหาข้อความ ซาฟารี
  • 25. ในวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 2011 iOS 4.3 ได้รับการปรับปรุง ซอฟต์แวร์เบต้า 1 ออกมาให้นักพัฒนา แต่ยังไม่มีการการเชื่อมโยงดาวน์ โหลด iPhone 3G จะไม่สนับสนุนโดย Apple ในการปรับปรุงซอฟต์แวร์ ในวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 2011 การปรับปรุงของ IOS ซอฟต์แวร์ 4.3 ได้ ประกาศอย่างเป็นทางการซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ iOS ออกจากการสนับสนุนของ iPhone 3G
  • 26. สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 3G • รองรับการใช้งาน 3G • แรม 128MB • หน่วยความจาลดเหลือ 8GB/16GB • ดาวน์โหลดแอพฯ ผ่าน App Store • ตัวเครื่องมีทั้งสีขาว และสีดา
  • 28. ไอโฟน 3 จีเอส (iPhone 3GS) iPhone 3GS ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และเป็น อีกรุ่นที่ได้กลายเป็นของสะสมของสาวกแอปเปิลหลาย ๆ คน สาหรับ iPhone 3GS เปิดตัวเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ที่งาน WWDC 2009 ด้านดีไซน์ของ iPhone 3GS ยังคงเหมือนกับ 2 รุ่นแรก เน้นความ โค้งมนของขอบตัวเครื่องส่วนด้านสเปคถูกอัพเดทให้แรงขึ้นกว่าเดิม ใช้ ซีพียู Cortex-A8 600MHz, แรม 256MB เพิ่มความละเอียดกล้อง ถ่ายภาพ 3.2 ล้านพิกเซล พร้อมออโต้โฟกัส ใช้นิ้วแตะเพื่อหาจุดโฟกัส ถ่ายวิดีโอได้ หน่วยความจาภายใน 8GB/16GB/32GB รวมถึงรองรับ 3G ความเร็วสูงสุด 7.2 Mbps และแอพพลิเคชั่นพื้นมากขึ้นเช่น Voice Control (สั่งงานด้วยเสียง)
  • 29. ไอโฟน 3จีเอส (iPhone 3GS) คือสมาร์ตโฟนระบบจอสัมผัสที่พัฒนาโดย บริษัทแอปเปิล ซึ่งเป็นรุ่นที่สามของ ไอโฟน ต่อมาจากรุ่น ไอโฟน 3G ถูก ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ในงาน WWDDC 2009 และขายครั้งแรกวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ใน ประเทศออสเตรเลียและญี่ปุ่นวางจาหน่ายในวันที่ 26 มิถุนายนและ ต่างประเทศในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม พ.ศ. 2552 ไอโฟน 3จีเอส ทางานด้วยระบบปฏิบัติการของ Apple Ios เป็นถูกนามาใช้ใน iPad และ iPod touch จะมีการควบคุมเป็นหลักโดยปลายนิ้วของผู้ใช้ในจอแสดงผล แบบมัลติทัช ไอโฟน 3จีเอส จะนาหน้าด้วย iPhone 3G และประสบ ความสาเร็จโดย iPhone 4
  • 30. สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 3GS • ซีพียูใหม่ Cortex-A8 600MHz, แรม 256MB • จีพียู PowerVR SGX535 • กล้องความละเอียด 3.2 ล้านพิกเซล โฟกัสได้ • หน่วยความจา 8GB/16GB/32GB
  • 31. • รองรับ 3G ความเร็วสูงสุด 7.2 Mbps • Voice Control (สั่งงานด้วยเสียง)
  • 33. iPhone 4 แอปเปิลกลับมาสร้างความฮือฮาให้กับแฟน ๆ อีกครั้ง ด้วยการ เปิดตัว iPhone 4 เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ในงาน WWDDC 2010 มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่แบบยกเครื่องทั้งหมด ใช้วัสดุหุ้มขอบด้วยส เตนเลนสตีลไร้ฉนวนซึ่งทาหน้าที่เป็นเสาอากาศของเครื่อง ตัวเครื่องจะอยู่ กึ่งกลางระหว่างกระจกอลูมิโนซิลิเกตชนิดพิเศษที่เพิ่มความแข็งแรงวางไว้ สองด้านหน้าหลัง ส่วนสเปคต่าง ๆ ถูกอัพเกรดให้แรงขึ้นกว่าเดิม ส่วน หน้าจอขนาดเท่าเดิม 3.5 นิ้ว แต่เพิ่มความละเอียดเป็น 960×640 พิกเซล และเรียกหน้าจอแบบใหม่นี้ว่า Retina Display
  • 34. จุดเด่นที่น่าสนใจของ iPhone 4 มาพร้อมกล้องด้านหน้ารองรับการใช้ งาน FaceTime หรือวิดีโอคอลล์ผ่าน Wi-Fi คุยกันแบบเห็นหน้า และ iPhone 4 เป็นอีกรุ่นที่ขายดีมาก ๆ โดยเฉพาะในประเทศไทยฮิตกันถล่ม ทลาย
  • 35. ไอโฟน 4 (อังกฤษ: iPhone 4) คือสมาร์ตโฟนระบบจอสัมผัสที่พัฒนา โดย บริษัทแอปเปิล ซึ่งเป็นรุ่นที่สี่ของ ไอโฟน ต่อมาจากรุ่น ไอโฟน 3จีเอส ถูกออกแบบเฉพาะสาหรับการใช้งานด้านการโทรศัพท์โดยมีสัญญาณภาพ (ในชื่อ เฟซไทม์) การอ่านหนังสืออีบุค, การดูวิดิโอ, ฟังเพลง, เล่นเกม และอินเทอร์เน็ต ถูกประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ในงาน WWDDC 2010 และขายครั้งแรกวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ในอเมริกา,อังกฤษ และอีกในหลายประเทศ โดยในประเทศไทยนั้นมี การขายครั้งแรกอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553 โดย สามบริษัทใหญ่เป็นผู้จาหน่ายคือเอไอเอส ,ดีแทค และทรูมูฟ
  • 36. ไอโฟน 4 ทางานด้วยระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) ซึ่งเป็นระบบ เดียวกับที่ใช้ในไอโฟนรุ่นก่อนหน้า รวมไปถึงไอแพดและไอพอดทัช
  • 37. การทางานหลักควบคุมโดยใช้ปลายนิ้วสัมผัสข้อแตกต่างระหว่างไอโฟน 4 และไอโฟนรุ่นก่อนหน้าได้แก่การออกแบบโฉมใหม่ ที่มีการหุ้มขอบด้วยส เตนเลนสตีลไร้ฉนวนซึ่งทาหน้าที่เป็นเสาอากาศของเครื่องตัวเครื่องจะอยู่ กึ่งกลางระว่างกระจกอลูมิโนซิลิเกตชนิดพิเศษที่เพิ่มความแข็งแรงวางไว้ สองด้านหน้าหลัง ภายในเครื่องมีซีพียูแอปเปิล A4 พร้อม ram 512 MB ของ eDRAM ซึ่งมีความเร็วเป็นสองเท่าของรุ่นก่อนหน้า และเร็วเป็นสี่เท่า ของไอโฟนรุ่นแรกสุด
  • 38. หน้าจอขอไอโฟน 4 มีขนาด 89 มม. (3.5 นิ้ว) โดยใช้แอลอีดีแบล็กลิต ขนาด แสดงผลด้วยความละเอียด 960×640 พิกเซลซึ่งชื่อการค้าว่าว่า เร ตินาดิสเพลย์ (Retina Display)
  • 39. จุดเด่นที่น่าสนใจคือ Facetime การสนทนาพร้อมส่งภาพจากกล้อง ด้านหน้า หรือด้านหลัง ไปให้คู่สนทนาได้ชมแบบสดๆหรือเรียกว่าวีดีโอ คอลล์ เพียงแต่ Facetime ไม่ต้องอาศัยเครือข่าย 3G แต่อาศัย Wi-Fi แทน วิธีการใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก เพียงเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ทิ้งไว้ จากนั้นทาการโทรออกไปหาผู้รับตามปกติ (ผู้รับสายจะต้องใช้ iPhone 4 มีเชื่อมต่อ Wi-Fi เช่นกัน) ระหว่างรอรับสายให้กดปุ่ม Speaker เพื่อ สนทนาผ่านลาโพง และ เมื่อมีผู้รับสายให้กดปุ่ม Facetime เพื่อเปิดใช้ งานกล้อง โดยผู้ใช้ สามารถสลับการใช้งานได้ทั้งกล้องด้านหน้าและ ด้านหลัง
  • 40. ประโยชน์ของ Facetime นอกจากการสนทนาแบบเห็นหน้า นั่นคือการ สื่อสารที่มากกว่าคาพูด เพราะผู้ใช้สามารถรับรูปถึงอารมณ์ของคู่สนทนา มากกว่าฟังแต่เสียง อีกทั้งการแสดงภาพเคลื่อนไหวภาพยังทาได้ราบลื่น (ขึ้นอยู่กับความเร็วของสัญญาณ Wi-Fi ในเวลาใช้งาน) ที่สาคัญผู้ใช้ไม่ ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่ม (นอกจากค่าบริการอินเตอร์เน็ต Wi-Fi) ถ้าให้เทียบ กับการสนทนารูปแบบวีดีโอคอลล์ผ่านเครือข่าย 3G ต้องยอมรับว่า Facetime เหนือกว่า ทั้งเรื่องสัญญาณ Wi-Fi ที่ครอบคลุมมากกว่า เครือข่าย 3G ค่าบริการที่ถูกกว่า และ ความเร็วในการแสดงผล ระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดคือ iOS 5.0(เริ่ม 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554)
  • 41. สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 4 • ซีพียู Apple A4 ความเร็ว 1GHz • แรม 512MB • กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล • มีกล้องด้านหน้าสาหรับใช้งาน FaceTime
  • 42. • หน้าจอ RetinaDisplay • ความละเอียดเป็น 960×640 พิกเซล • ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด
  • 44. iPhone 4S หลังยุคของการจากไปของ สตีฟ จ็อบส์ ผู้นาคนสาคัญของแอปเปิล ดู เหมือนทิศทางของแอปเปิลจะเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาเอาใจแฟน ๆ ทาให้การเปิดตัว iPhone 4S ถูกวิพากษ์วิจารณ์และ ส่งผลให้หุ้นของแอปเปิลตก iPhone 4S เปิดตัวเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ในงาน Let's talk iPhone ที่สานักงานใหญ่แอปเปิล และการมา ของ iPhone 4S ทาให้เหล่าสาวกของแอปเปิลที่คาดหวังจะได้เห็น นวัตกรรมใหม่ ๆ ต้องผิดหวังไปตามๆ กัน เมื่อหน้าตาของ iPhone 4S นั้นเหมือนกับ iPhone 4
  • 45. จุดเด่นของ iPhone 4S มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 5 และ iCloud, กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และฟีเจอร์ใหม่ Siri ระบบ สั่งงานด้วยเสียงที่เปรียบได้กับผู้ช่วยที่ทาหน้าที่ในการค้นหาและให้ข้อมูล ในเรื่องต่าง ๆ และจุดนี้เองที่ทาให้ iPhone 4S แตกต่างจาก iPhone 4
  • 46. ไอโฟน 4เอส (อังกฤษ: iPhone 4S) คือสมาร์ตโฟนระบบจอสัมผัสที่ พัฒนาโดย บริษัทแอปเปิล ซึ่งเป็นรุ่นที่ห้าของ ไอโฟน ต่อมาจากรุ่น ไอโฟน 4 โดยเปิดตัวเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ในงาน Let's talk iPhone ณ สานักงานใหญ่แอปเปิล เมืองคูเปอร์ทิโน่ เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อ ยอดมาจาก iPhone 4 ซึ่งภายนอกมีลักษณะไม่แตกต่างกันมากนักโดยรุ่น นี้มีการแก้ไขปัญหาสัญญาณตกที่เกิดกับ ไอโฟน 4 ในส่วนของระบบ ประมวลผลได้เปลี่ยนไปใช้ชิพ Apple A5 แบบเดียวกับ ไอแพด 2 และมี การเพิ่มความจุในรุ่น 64GB เข้ามา
  • 47. สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 4S • ซีพียู Apple A5 Dual-core • ความเร็ว 1GHz • แรม 512MB • หน่วยความจาสูงสุด 64GB
  • 48. • กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล • ระบบปฏิบัติการ iOS 5 และ iCloud Siri ระบบสั่งงานด้วยเสียง
  • 50. iPhone 5 iPhone 5 เป็นอีกรุ่นที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ แต่ก็ยังไร้ นวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่ดี โดย iPhone 5 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555 ความโดดเด่นของของ iPhone 5 ดีไซน์ ตัวเครื่องยังคงเอกลักษณ์คล้ายกับ iPhone 4/4S แต่แอปเปิลได้เปลี่ยน วัสดุใหม่เป็นอะลูมิเนียมและกระจก ส่งผลให้ iPhone 5 มีความบางของ ตัวเครื่องเพียง 7.6 มิลลิเมตร (บางกว่า iPhone 4S ถึง 18%) และมี น้าหนักเพียง 112 กรัม ทาให้เบากว่าเดิมถึง 20% ด้านหลังตัวเครื่องใช้สี แบบทูโทน ส่วนหน้าจอถูกปรับขนาดเป็น 4 นิ้ว
  • 51. ความละเอียด 1136x640 พิกเซล ความเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ เช่น เปลี่ยน จากพอร์ต 30-pin เป็นพอร์ต Lightning, รองรับ 4G LTE, หูฟังแบบ ใหม่ Earpods, Nano-SIM และกล้องด้านหน้า 1.2 ล้านพิกเซล
  • 52. สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 5 • ซีพียู Apple A6 • ความเร็ว 1.3GHz • แรม 1GB • รองรับ 4G LTE
  • 53. • วัสดุแบบใหม่ อะลูมิเนียม ทาให้บางและน้าหนักเบา • กล้องด้านหน้า 1.2 ล้านพิกเซล • หน้าจอขนาด 4 นิ้ว • พอร์ตเชื่อมต่อแบบใหม่ Lightning
  • 56. iPhone 5s iPhone 5s ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งของ iPhone มาพร้อมชิป Apple A7 (28nm) ที่เป็นระบบ 64-bit ตัวแรกของโลก ที่มีความเร็ว กว่า iPhone ทุกรุ่นถึง 40 เท่า ด้านระบบกราฟิกเร็วขึ้นมากถึง 56 เท่า, แรม 1GB พร้อมแฟลชคู่ Dual LED รวมถึงกล้องที่ปรับปรุงใหม่เพิ่ม ลูกเล่นอีกมากมาย และไฮไลท์เด็ดของ iPhone 5S ก็คือระบบสแกน ลายนิ้วมือที่แอปเปิลเรียกว่า "Touch ID Sensor"
  • 57. สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 5s • ระบบปฏิบัติการ iOS 7 • ซีพียู Apple A7 แบบ 64-Bit ตัวแรกของโลก • แรม 1GB • กล้อง 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชแบบทูโทน
  • 58. • ระบบสแกนลายนิ้วมือ (Touch ID) • แบตเตอรี่อึดขึ้นกว่าเดิม 10% รองรับ Standby ได้ 250 ชั่วโมง • ตัวเครื่องมีสีใหม่ ได้แก่ สีทอง
  • 60. iPhone 5c จากข่าวลือและภาพหลุดตลอดระยะเวลาหลายเดือนเกี่ยวกับ iPhone รุ่นราคาถูก ดูเหมือนจะถูกจับตามองเป็นพิเศษจากสาวกแอปเปิลจากทั่ว ทุกมุมโลก ซึ่งทางแอปเปิลเองก็ได้ออกมาปฏิเสธว่าจะไม่ทา iPhone รุ่น ราคาถูก แต่เปิดตัว iPhone 5c เพื่อวางขายแทน iPhone 5 โดย ตัวเครื่องของ iPhone 5c ใช้วัสดุเป็นพลาสติกโพลีคาร์บอเนตเคลือบหนา ทั้งชิ้น ไร้รอยต่อ มาพร้อม 5 สีสันสดใส ได้แก่ สีขาว สีเขียว สีฟ้า สีชมพู และสีเหลือง
  • 61. สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 5c • สเปคเท่ากับ iPhone 5 • ตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นพลาสติก • มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีขาว สีเขียว สีฟ้า สีชมพู และสีเหลือง • แบตเตอรี่อึดขึ้นกว่าเดิม
  • 63. iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 แอปเปิลเปิดตัว iPhone 6 และ iPhone 6 Plus มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นถึง 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ ตัวเครื่องมีความโค้งมนและบางกว่า iPhone ทุกรุ่น รวมถึงอัพเกรดสเปค ใหม่แรงกว่า iPhone ทุกรุ่นถึง 50 เท่า
  • 64. สเปคเด่น ๆ ของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus • ระบบปฏิบัติการ iOS 8 • ซีพียู Apple A8 แบบ 64-Bit ตัวแรกของโลก • หน้าจอ Retina HD display มีให้เลือก 2 ขนาด 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว • กล้อง 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชแบบทูโทน
  • 65. • iPhone 6 Plus มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS) • ส่วน iPhone 6 ใช้ระบบกันสั่นผ่านซอฟท์แวร์ • ระบบสแกนลายนิ้วมือ (Touch ID) • รองรับ NFC จ่ายเงินผ่านมือถือด้วยบริการ Apple Pay ใช้งานแนวนอนแบบ iPad
  • 66. • แบตเตอรี่อึดกว่าเดิมสแตนด์บาย 16 วัน สาหรับ iPhone 6 Plus และ 10 วัน สาหรับ iPhone 6
  • 67. iPhone 6 และ iPhone 6 Plus
  • 68. iPod ไอพอด (อังกฤษ: iPod) เป็นชื่อของเครื่องฟังเพลงพกพาของบริษัท แอปเปิล คอมพิวเตอร์ ไอพอดใช้ฮาร์ดดิสก์ในการเก็บข้อมูลแต่ในรุ่นไอ พอดชัฟเฟิล ไอพอดนาโน และ ไอพอดทัช จะใช้หน่วยความจาแบบ แฟลช ไอพอดสามารถใช้เก็บข้อมูลสาหรับแลกเปลี่ยนระหว่าง คอมพิวเตอร์ได้ (ขึ้นอยู่กับขนาดของหน่วยความจาในแต่ละรุ่น)
  • 69. แนวคิดของเครื่องฟังเพลงพกพาคิดค้นขึ้นโดยนายเคน แครมเมอร์ เมื่อเขา อายุ 23 ปี เครื่องฟังเพลงพกพาเครื่องแรกที่เขาประดิษฐ์ใช้ชื่อว่า ไอเอกซ์ ไอ มีขนาดประมาณบัตรเครดิต สามารถบันทึกเพลงในหน่วยความจาได้ ประมาณ 3 นาที 30 วินาที เมื่อพ.ศ. 2531 ลิขสิทธิ์ของไอเอกซ์ไอหมดลง ต้องใช้เงินจานวน 3.6 ล้านบาทเพื่อต่อสิขสิทธิ์ใน 120 ประเทศ แต่เขาไม่ สามารถหาเงินจานวนนั้นได้ สิขสิทธิ์ไอเอกซ์ไอจึงขาด ทาให้ไอเอกซ์ไอ กลายเป็นสาธารณสมบัติในที่สุด
  • 70. รุ่นของไอพอด แอปเปิล ไอพอดมีหลายรุ่นด้วยกันได้แก่ ไอพอด, ไอพอด นาโน ไอพอด มินิ และ ไอพอด ชัฟเฟิล แต่ไอพอดที่แอปเปิลจาหน่ายอย่างเป็นทางการ จะเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดเท่านั้นได้แก่ ไอพอดคลาสสิก (รุ่นที่ 6 2009 version) ไอพอดนาโน (รุ่นที่ 7 Multi-Touch ) ไอพอด ชัฟเฟิล (รุ่นที่ 4 2010) และไอพอด ทัช (รุ่นที่ 5 2012 เพิ่มสันใหม่ ออกพร้อม iPhone 5 2012)
  • 71. • นอกจากนี้ ยังมี "iPod special edition" (รุ่นพิเศษ) เช่น ไอพอดรุ่นที่ ห้า รุ่น U2, ไอพอดมินิสีเงินสลักคาว่า Vios อยู่ด้านหลัง และไอพอดรุ่น ที่ห้า รุ่นแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ ที่มีลายตราโรงเรียนฮอกวอตส์อยู่ด้านหลัง • บริษัทเอชพีทาไอพอดขายในชื่อApple iPod + HP
  • 72. ไอพอด หรือ ไอพอดคลาสสิก ไอพอดแบบดั้งเดิมมีการปรับปรุงหลายครั้งโดยแต่ละครั้งจะเรียกกันเป็น generation และใช้ตัวย่อว่า G ปัจจุบันมาถึงรุ่นที่หก (6G รุ่นที่หนึ่ง – ออกวางตลาด 23 ตุลาคม ค.ศ. 2001 ครอบรอบสิบปี iPod 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เมื่อ ความจุ 5GB ราคา 399 ดอลลาร์สหรัฐ และออกรุ่น 10GB กับ 20GB มาในภายหลัง ใช้การควบคุมแบบ scroll wheel ซึ่งผลิตโดย บริษัท Synaptics
  • 73. รุ่นที่สอง – เปิดตัววันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 เปลี่ยนจากระบบ scroll wheel มา ใช้เป็นระบบสัมผัสแทน รุ่นที่สาม – เปิดตัววันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 2003 โดยเป็นรุ่นที่บางเป็นพิเศษ และ เพิ่มด็อค (Dock) หรือแท่นสาหรับชาร์จและโอนย้ายไฟล์ การควบคุมยังย้าย ปุ่มจากรอบ wheel มาเรียงกันที่ใต้จอแทน รุ่นที่มีคือ 10GB, 15GB, 20GB, 30GB และ 40GB
  • 74. รุ่นที่สี่ – เปิดตัววันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 2004 เปลี่ยนมาใช้การควบคุม แบบ clickwheel ตัวเครื่องมีขนาดเล็กลงกว่า 3G เล็กน้อย มีขาย สองรุ่นคือ 20GB และ 40GB ซึ่งปัจจุบัน 40GB เลิกผลิตแล้ว รุ่นที่ห้า – เปิดตัววันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 2005 สามารถเล่นไฟล์วิดีโอ mp4 ได้ มีขนาด 30GB และ 60GB ความพิเศษคือ เป็นรุ่นที่มีสีดาด้วย และมีซองหนังแถมให้
  • 75. รุ่นที่5.5 – สามารถเล่นไฟล์วิดีโอ mp4 ได้ มีขนาด 30GB และ 80GB ความพิเศษคือ เป็นรุ่นที่มีสีดา สีขาว มี รุ่น ที่ มี แบบ U2 ด้วย และมีซองหนังแถมให้ รุ่นที่หก – เปิดตัววันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 2007 มีขนาดความจุ 80GB และ 160GB ความพิเศษคือ เริ่มใช้ชื่อเรียกไอพอดแบบดั้งเดิมว่า"คลาสสิก" มีอินเตอร์เฟ ซแบบใหม่ ชิ้นหน้าเปลี่ยนจากพลาสติกเป็นอะโนไดซิสอะลูมิเนียม รุ่นที่หก (ปรับปรุงเดือนกันยายน ค.ศ. 2009) มีจาหน่ายเพียงรุ่นเดียวคือ รุ่น 160GB เท่านั้น
  • 76. ไอพอดมินิ เป็นเครื่องเล่นที่มีขนาดเล็ก ใช้ไมโครไดรว์สาหรับเก็บข้อมูล รุ่นแรก – เปิดตัววันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 2004 มีความจุ 4GB และเป็น ไอพอดรุ่นแรกที่มี Clickwheel มีขายห้าสี คือ ทอง, เงิน, ฟ้า, เขียว และชมพู สีที่ขายดีที่สุดคือสีเงิน ตามมาด้วยสีฟ้า
  • 77. รุ่นที่สอง – เปิดตัวเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005 มีขายสองรุ่นคือ 4GB และ 6GB เพิ่มอายุการใช้งานของแบตเตอรี่เป็น 18 ชั่วโมง และเลิกผลิตสีทอง จึงเหลือเพียง 4 สี ในอนาคตอันใกล้จะเลิกผลิตรุ่น 4GB (ถูกแทนที่ ด้วย ไอพอดชัฟเฟิล รุ่น 4GB)
  • 78. ไอพอด U2 Special Edition ออกขายวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2004 เป็นรุ่นพิเศษสีดา Clickwheel สีแดง ด้านหลังมีลายเซ็นของวง ร็อก U2 ความสามารถเหมือนกับรุ่น 4G ความจุ 20GB ทุก ประการ
  • 79. ไอพอด โฟโต้ ออกขายวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2004 เป็นรุ่นที่มีจอสี และสามารถ แสดงรูปภาพแบบ JPEG, GIF, PNG, TIFF และ BMP ได้ มีความ จุ 40GB และ 60GB วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005 ได้หยุดขายรุ่น 40GB และเปลี่ยน มาขายรุ่น 30GB ที่ราคาถูกลงแทน และยังได้เพิ่มอุปกรณ์เสริมใน การย้ายรูปถ่ายจากกล้องดิจิทัล มาเก็บในไอพอด โฟโต้โดยไม่ต้อง ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์
  • 80. ไอพอดชัฟเฟิล รุ่นที่หนึ่ง – เปิดตัววันที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2005 โดยใช้หน่วยความจาแบบ แฟลชแทนฮาร์ดดิสก์ และสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ทันที ผ่านพอร์ต ยูเอสบี ในตัว. มีขายสองรุ่นคือ รุ่นขนาด 512MB และ 1GB, จุดแตกต่างของรุ่นนี้จากรุ่นอื่นคือไม่มีจอภาพและปุ่มควบคุม การเล่น ดังนั้นจึงเล่นเพลงได้ตามลาดับที่กาหนดมาล่วงหน้าจาก คอมพิวเตอร์ หรือเล่นแบบสุ่ม (Shuffle) เท่านั้น (เป็นที่มาของชื่อ รุ่น)
  • 81. รุ่นที่สอง – เปิดตัววันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2006 ผลิตด้วย อะโนไดซิส อะลูมิเนียม โดยทาออกมาให้มีขนาดเล็กลงจากรุ่นที่หนึ่ง มีให้เลือก 5 สี มีขายอยู่ 2 รุ่นคือ รุ่น 1GB กับ 2GB รุ่นที่สาม – เปิดตัววันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2009 โดยได้เพิ่มความจุเป็น 4 GB และมาพร้อมฟังก์ชันวอยซ์โอเวอร์โดยมีทั้งหมด 2 สี
  • 82. รุ่นที่สี่ – เปิดตัวเมื่อ 1 กันยายน ค.ศ. 2010 ในงาน Apple's fall 2010 event โดยเปลี่ยนกลับเป็นปุ่มควบคุมแบบไอพอดดั้งเดิม มีทั้งหมด 5 สี และเพิ่มจานวนภาษาที่รองรับในฟังก์ชันวอยซ์โอเวอร์ (รวมถึง ภาษาไทย) ปัจจุบัน (ปี2012) แอปเปิ้ลได้เปลี่ยน สี ของไอพอดซัฟเฟิล 4 ให้เข้ากับสี ของ ไอพอดนาโน และ ไอพอดทัช
  • 83. ไอพอด นาโน ไอพอด นาโน (iPod nano) รุ่นแรกเปิดตัววันที่7 กันยายน ค.ศ. 2005 รุ่นที่สองเปิดตัววันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2006 ในฐานะรุ่นต่อของไอ พอดมินิ ไอพอด นาโนใช้หน่วยความจาแบบแฟลชเมมโมรี่แทนฮาร์ดดิสก์ เหมือนไอพอดชัฟเฟิล แต่มีความจุถึง 8GB (จุได้ประมาณ2,000 เพลง) ขนาดบางเพียง 7 มิลลิเมตร โดยมีขนาด 88 x 40 x 7 มม. น้าหนักเบา ขนาด 40 กรัม และมีจอสี (16.7ล้านสี) แสดงไฟล์ภาพได้ ติดต่อกับ คอมพิวเตอร์ด้วย ยูเอสบี 2.0 และยังคงมีอินเตอร์เฟดส์แบบ 30 เข็ม เหมือนไอพอดรุ่นก่อน
  • 84. รุ่นแรก – เปิดตัวเมื่อวันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 2005 ไอพอด นาโนรุ่นแรก มีให้เลือกได้ สองสี คือ ขาว และ ดา และมีความจุ 3 ขนาดคือ 2GB ($199) และ 4GB ($249) และออก 1GB ($149) มาภายหลัง รุ่นสอง – เปิดตัวเมื่อวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2006 ผลิตด้วย อะโนได ซิส อะลูมิเนียม ไอพอด นาโนรุ่นที่สอง มีให้เลือก 6 สี คือ เงิน ชมพู เขียว ฟ้า และดา มีความจุให้เลือก 3 ขนาดคือ 2GB เฉพาะสีเงิน ราคา $149, 4GB สี เงิน ชมพู เขียว ฟ้า และดา ราคา $199, 8GB เฉพาะสีดา ราคา $249 ฟังเพลงได้นาน 24 ชั่วโมง และ 5 ชั่วโมงเมื่อเปิดเพลงพร้อมกับสไลต์ โชว์
  • 85. รุ่นสาม – เปิดตัวเมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 2007 ขนาดของจอเพิ่มเป็น 2 นิ้วความละเอียดระดับ QVGA มีให้เลือกเพียง 2 ขนาดคือ 4GB และ 8GB รุ่นสี่ – เปิดตัวเมื่อ 9 กันยายน ค.ศ. 2008 มีสีให้เลือกเพิ่มเป็น 9 สี มีให้ เลือก 3 ขนาดคือ 4GB, 8GB และ 16GB (ขนาด 4GB มีจาหน่าย เฉพาะในบางร้าน)
  • 86. รุ่นห้า – เปิดตัวเมื่อ 9 กันยายน ค.ศ. 2009 มีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติม คือ สามารถฟังวิทยุได้โดยไม่ต้องอุปกรณ์เสริม, ถ่ายรูปและบันทึกวิดีโอ ได้, สามารถฟังชื่อเพลงที่เลือกได้ด้วย ว็อยซ์ โอเวอร์ รุ่นหก – เปิดตัวเมื่อ 1 กันยายน ค.ศ. 2010 ในงาน Apple's fall 2010 event โดยในรุ่นนี้ได้เพิ่มจอสัมผัสรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบบมัล ติทัชเข้าไปและตัดปุ่มควบคุมแบบเก่าออกและในรุ่นนี้ยังได้ตัด ความสามารถด้านกล้องออกไปด้วย
  • 87. รุ่นเจ็ด – เปิดตัวเมื่อ 20 กันยายน ค.ศ. 2012 แอปเปิ้ล ได้ปรับเปลี่ยนสีสัน และรูปทรงให้ไอพอดนาโนใหม่ โดยมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า คล้ายบัตรเครดิต พร้อมกับความบางที่มากกว่ารุ่นก่อนๆและมา พร้อมกับเทคโนโลยี บลูทูช 4.0
  • 88. ไอพอดทัช ไอพอดทัช (iPod touch) เป็นเครื่องเล่นดนตรีแบบพกพาในสายการผลิต ไอพอด ผลิตโดยบริษัทแอปเปิล โดยประกาศในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2550 และจะวางจาหน่ายในช่วงสิ้นเดือนกันยายน ไอพอดทัชเป็นไอพอด แบบที่ 6 โดยมีลักษณะคล้ายไอโฟนที่มีหน้าจอสัมผัสขนาด 3.5 นิ้ว และ สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบไว-ไฟ(802.11b/g) ด้วยเว็บ เบราว์เซอร์ซาฟารี นอกจากนี้ไอพอดทัชยังสามารถดาวน์โหลดเพลงได้ จากไอทูนส์
  • 89. รุ่นแรก – เปิดตัวเมื่อ 5 กันยายน ค.ศ. 2007 เป็นไอพอดรุ่นแรกที่มาพร้อมกับ เทคโนโลยีไวไฟและมัลติทัช โดยมีหน้าจอสัมผัสคล้ายกับไอโฟน รุ่นสอง – เปิดตัวเมื่อ 9 กันยายน ค.ศ. 2008 มาพร้อมกับฟังก์ชัน Nike+ ปุ่มปรับระดับ เสียงและลาโพงในตัวถูกเพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้ รุ่นสาม – เปิดตัวเมื่อ 9 กันยายน ค.ศ. 2009 ในรุ่นนี้ได้เพิ่มความสามารถบางส่วนที่มา จาก iPhone 3GS และได้รวมการสั่งงานด้วยเสียงเข้ามาด้วย
  • 90. รุ่นสี่ – เปิดตัวเมื่อ 1 กันยายน ค.ศ. 2010 ในงาน Apple's fall 2010 event โดย ปรับปรุงตัวเครื่องให้มีขนาดบางลง เพิ่มกล้องสองตัวสาหรับการทา FaceTime และการอัดวิดีโอที่ความละเอียด HD รวมทั้งหน่วยประมวลผล Apple A4 และหน้าจอแบบ Retina ที่มีความละเอียดมากกว่าเดิม และเพิ่ม สีขาวเมื่อเดือนตุลาคม 2554 และราคาถูกลง รุ่นห้า – เปิดตัว 20 กันยายน ค.ศ. 2012 หลังจากเปิดตัวไอโฟน5แล้ว ไอพอดทัชก็ได้ มีการปรับเปลี่ยนด้วยเช่นกัน โดยเปลี่ยนขนาดจอเป็น 4 นิ้ว เท่ากับไอโฟน 5 ,เพิ่มความคมชัดของกล้อง,ดีไซน์และสีสันที่มากขึ้น
  • 91. ภาษาในไอพอด ไอพอดจากโรงงานสนับสนุนการใช้งานหลายภาษา แต่ยังไม่รองรับภาษาไทย ถ้า ต้องการใช้งานภาษาไทยในไอพอด ผู้ใช้จาเป็นต้องอัปเดตเฟิร์มแวร์พิเศษ (ซึ่งไม่ใช่ ของทางแอปเปิล) เพิ่มเติมเอง แต่การกระทาเช่นนั้นจะทาให้การรับประกันสิ้นสุด ทันที การแสดงชื่อเพลงภาษาไทย ข้อมูลของเพลงใน id3tag จาเป็นต้องเก็บด้วยรหัสแบบ ยูนิโคด และจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีเฟิร์มแวร์ที่ทาให้ไอพอดรุ่นหก (คลาสสิก) และนาโน รุ่นสองเป็นต้นมา สามารถใช้งานภาษาไทยได้ รุ่นของไอพอดที่รองรับการแสดงผลภาษาไทยจากโรงงาน ได้แก่ ไอพอด นาโน (รุ่นที่ 4 ขึ้นไป) และ ไอพอด ทัช (เฟิร์มแวร์ 2.0 ขึ้นไป)
  • 92. อุปกรณ์เสริมในไอพอด มีอุปกรณ์เสริมพิเศษมากมายที่ถูกผลิตขึ้นสาหรับ ไอพอด ซึ่งอุปกรณ์เสริม พิเศษเหล่านี้ส่วนมากผลิตขึ้นจากบริษัทอื่นแต่ก็มีอุปกรณ์เสริมที่บริษัท แอปเปิ้ลได้ผลิตขึ้นนั้นคือ ไอพอด ไฮไฟ (iPod Hi-Fi) อุปกรณ์เสริมอื่นๆ เช่น ชุดหูฟัง เครื่องบันทึกเสียง ตัวปรับสถานีวิทยุ ตัวควบคุมทางไกลไร้ สาย และสายพ่วงต่อออดิโอถุงใส่ไอพอด อุปกรณ์เสริมที่มีลักษณะเฉพาะ เป็นหนึ่งเดียวก็เช่น Nike + iPod (ใช้งานได้เฉพาะไอพอด นาโนและไอ พอด ทัช)
  • 93. สาหรับอุปกรณ์เสริมอื่นๆที่เป็นที่รู้จักได้แก่ แผ่นฟิล์ม และกล่องป้องกัน การกระแทก เพื่อป้องกันความเสียหายของ ไอพอด, หูฟังไร้สาย เป็นต้น ผู้ผลิตที่ผลิตอุปกรณ์เสริมให้กับไอพอด ได้แก่ Griffin, Technology, Belkin, JBL, Bose, MOnster Cable และ Senstation ในปี ค.ศ. 2005 เจ้าหน้าที่ขนส่งของมหานครนิวยอร์กได้ติดประกาศไว้ บริเวณสถานีรถไฟใต้ดินเพื่อเตือนให้ผู้โดยสารที่มีไอพอดให้ระมัดระวัง เนื่องจากมีการสูญหายของไอพอดเป็นจานวน 50 เครื่อง นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 - ค.ศ. 2005
  • 94. บรรดารถยนต์ยี่ห้อต่างๆก็ได้ให้ความสาคัญกับไอพอด โดยมีการติดระบบ การควบคุมไอพอดไว้ในรถยนต์รุ่นต่างๆของตัวเองโดย BMW เป็นเจ้า แรกที่ได้นาระบบนี้มาใช้ในรถยนต์รุ่นต่างๆของตัวเองและบริษัท Apple ได้ประกาศไว้ว่าจะมีการนาระบบนี้ไปติดตั้งในรถยนต์ยี่ห้อต่างๆด้วย เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Mercedes Benz, Volvo, Nissan, Alfa Romeo, Ferrari, Acura, Audi, Honda, Renault, Volkswagen และ Scion
  • 95. กลางปี ค.ศ. 2007 สายการบิน 4 แห่ง คือ United, Continential, Delta และ Emirate ได้ติดตั้งอุปกรเสริมไว้ที่ด้านหลังเบาะของที่นั่ง ผู้โดยสารเพื่อให้บริการ โดยที่ผู้โดยสารสามารถที่จะทาการชาร์จแบตเตอรี่ หรือว่าต่ออุปกรณ์พ่วงเพื่อที่จะเชื่อมต่อไอพอด กับ จอมอนิเตอร์ เพื่อดู วิดีโอหรือฟังเพลงได้
  • 96. iPad หลังจากประสบความสาเร็จในการผลิตและจาหน่ายโทรศัพท์มือถือที่ดัง ที่สุดในโลกอย่าง iPhone บริษัท แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ก็ได้ดาเนินการ คิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่พร้อมจะเขย่าโลก โดยครั้งนี้เป้าหมายไม่ใช่วงการ มือถือเหมือนครั้งผลิต iPhone คราวนี้แอปเปิ้ลจะเขย่าวงการ คอมพิวเตอร์ด้วย iPad iPad เปิดตัวอวดโฉมเป็นครั้งแรกที่ ซานฟรานซิสโก ในวันที่ 27 มกราคม 2010 โดยมีนาย สตีฟ จ๊อบส์ ผู้บริหารบริษัทแอปเปิ้ล เป็นคนนาตัว iPad ออกมาให้โลกได้เห็นเป็นครั้งแรกท่ามกลางบรรดาเหล่าสื่อมวลชนที่แห่กัน มาทาข่าวกันคับคั่ง
  • 97. เมื่อ iPad เห็นครั้งแรก หลายคนนึกถึง จอคอมพิวเตอร์ บางคนคิดถึง กระจก ใครที่ชอบทางด้าน เทคโนโลยีอยู่แล้ว อาจจะคิดถึง iPhone และ iPod Touch ซึ่งก็ไม่ผิดจากความจริงเท่าไหร่
  • 98. ไอแพด (อังกฤษ: iPad) คือแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบและพัฒนา โดยบริษัทแอปเปิล โดยมีหน้าที่หลักในด้านมัลติมีเดียใน ด้าน ภาพยนตร์ เพลง เกม อีบุ๊ก และท่องเว็บไซต์ ขนาดและน้าหนักของ ไอแพดมีขนาดเบากว่าแล็ปท็อปโดยมีน้าหนัก 680 กรัม และ 601 กรัม สาหรับไอแพดรุ่นแรกและไอแพดรุ่นสองตามลาดับ
  • 99. ไอแพดเริ่มวางจาหน่ายครั้งแรกในเดือนเมษายน พ.ศ. 2553 (รุ่นWi-fi) และในเดือนเมษายน พ.ศ. 2553 (รุ่นWi-fiพร้อมกับ 3G) โดยไอแพด สามารถทายอดขายได้ถึง 3 ล้านเครื่องในช่วงเวลาเพียง 80 วัน ส่วนการ วางจาหน่าย ผ่านตัวแทนอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเพิ่งเริ่มเมื่อ วันที่ 3 ธันวาคม 2553 ไอแพดมาพร้อมกับเทคโนโลยี Multi Touch สามารถเล่นวิดีโอ, ฟังเพลง, ดูรูปภาพและเล่นอินเทอร์เน็ตได้
  • 100. ไอแพดมีหน้าจอขนาด 9.7 นิ้ว มีความละเอียด 768 x 1024 พิกเซล หนา 0.5 นิ้ว ใช้ซีพียู Apple A4 ที่พัฒนาขึ้นเองโดยบริษัทแอปเปิล และใน ปัจจุบันไอแพดรุ่นล่าสุดมีชื่อว่า iPad Air 2 ซึ่งมีความเร็วมากกว่า iPad Air ถึง 2.5 เท่า ซึ่งมีความคมชัดกว่า HD ทีวีมาก มีน้าหนักเพียง 469 กรัม (เดิม 652) มีกล้องแบบใหม่คือ iSight มีความละเอียด 8 MegaPixel มีจอ Multitouch ขนาด 9.7 นิ้ว ใช้ซีพียู Apple A8X สามารถใช้เครือข่าย 4G LTE(Long term Evolution) ได้ มีสองรุ่นให้ เลือกคือ Wifi กับ Wifi+4G ในปัจจุบันใช้ระบบปฏิบัติการล่าสุดคือ iOS 8.1.1
  • 101. ระบบปฏิบัติการของ iPad ใช้ตัวเดียวกับที่ใช้ iPhone เรียกกันว่า iPhone OS โดยมีการพัฒนา ปรับปรุงเพื่อใช้กับอุปกรณ์ขนาดใหญ่อย่าง iPad (ดังนั้น iPad คือ ทายาท iPhone?) เพราะฉะนั้น จุดเด่นที่เคยมีอยู่ใน iPhone ก็จะมีอยู่ใน iPad
  • 103. จุดเด่นที่สืบทอดจาก iPhone OS คุณสมบัติด้านบันเทิงการดูหนัง ฟังเพลง สาหรับ iPhone เป็นโทรศัพท์ที่ ขึ้นชื่อในด้านการดูหนังฟังเพลง คุณภาพของภาพและเสียงนั้นถ่ายทอด มาจาก สินค้าขึ้นชื่อของแอปเปิ้ลอีกตัวนึงอย่างiPod ที่ครองแชมป์ในด้าน เครื่องเล่น mp3 ที่ดีที่สุดในโลก สาหรับ iPad เมื่อรับความสามารถนี้มา รับรองได้ว่า การดูหนัง ฟังเพลงบน iPad ก็เลยยอดเยี่ยม
  • 104. การหมุนหน้าจออัตโนมัติใน iPad เราจะพบกับหน้าจอที่หมุนเองอัตโนมัติ เวลาที่เราเอียงหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นมุมตั้งสาหรับใช้งานแอพพลิเคชั่น หรือ มุมแนวนอนสาหรับเวลาดูวีดีโอ GPS ใน iPhone เราจะพบว่ามีการนาชิป GPS ที่ใช้ในการระบุตาแหน่ง พิกัดละติจูด ลองจิจูดของตัวเองติดมากับเครื่องและจะมีโปรแกรมสาหรับ ใช้งานคู่กับ GPS มากมายเลยทีเดียว สาหรับ iPad เองก็เช่นเดียวกัน GPS จะมาพร้อมเครื่อง
  • 105. Multi Touchscreen ถ้าเป็นจอสัมผัสทั่วไป เราใช้ได้เพียงนิ้วเดียวในการ จิ้ม แทนการใช้เมาส์ แต่สาหรับ iPad นั้นเราสามารถใช้ นิ้วสองนิ้ว ในการ ย่อขยายรูป หมุนรูป รวมถึงใช้ซูมเข้า ซูมออกหน้าเว็บไซต์ได้ digital magnetic compass คือความสามารถในการจับสนามแม่เหล็ก ไฟฟ้า เป็นผล iPad จาลองตัวเองเป็นเข็มทิศได้
  • 106. accelerometer อันนี้อธิบายลาบากครับ มันคือความสามารถในการจับ การเคลื่อนไหวของตัวเครื่องได้ครับว่า ตัวเครื่องเอียงซ้าย เอียงขวา เวลา เล่นเกมส์ขับรถ เราใช้ iPad แทนพวงมาลัยได้เลยจากการที่ iPad นั้นทั้ง ฮาร์ดแวร์ และระบบปฏิบัติการคล้าย iPhone มากนั้น ทาให้นักวิจารณ์ คอมพิวเตอร์หลายค่ายออกมาบ่นว่า iPad ก็คือ iPhone ขนาดใหญ่ นั่นเอง พูดอีกอย่างก็คือ แทนที่จะบอกว่า iPad เป็น Tablet PC พวกนัก วิจารณ์มองว่า iPad คือ iPhone ยักษ์นั่นเอง (บางคนก็ว่า iPod Touch ยักษ์)
  • 107. ความสามารถของไอแพด การเล่นเว็บไซต์ (Safari) พูดง่ายๆก็คือ การเข้าเว็บไซต์ต่างๆนั่นเองแต่ด้วยหน้าจอแบบ Multi Touchscreen คุณก็จะพบกับประสบการณ์การเล่นเว็บที่หน้าทึ่ง ทีเดียว การใช้งานอีเมล์ Mail ในการเล่นอินเตอร์เน็ตต้องมีการใช้งานอีเมล์แน่นอน สาหรับ iPad ก็ไม่ มีอะไรแปลกใหม่ นอกจากการที่เราสามารถพิมพ์บนหน้าจอได้เลย
  • 108. iPod & Movie ฟังก์ชั่นในการดูหนังฟังเพลงอย่างที่บอกว่าเป็นความสามารถหลักที่รับ สืบทอดมาจาก iPhone โดยตรง สาหรับการดูหนัง ก็จะพิเศษหน่อย ตรงที่ iPad นั้นรองรับการดูหนังระดับ Hidef 720p ด้วยนะครับ เรียกว่าชัดมาก สีสันสดทีเดียวเลย
  • 109. Youtube นอกจากดูหนังฟังเพลงที่มีอยู่ในเครื่อง iPad เองแล้ว เรายัง สามารถใช้ iPad ดูวีดีโอที่ถูกโพสไว้ที่ Youtube ได้อีกด้วย iBook ในยุคที่การอ่านเข้าสู่ดิจิตอลแล้ว iPad ก็ได้นาเอาการอ่านหนังสือ มาใส่ไว้ในตัวมันด้วยเช่นกันหนังสือค่ายดังๆในอเมริกาหลายเจ้า ก็จะทา หนังสือดิจิตอลมาสู่คลังหนังสือใน iBook Store ให้เจ้าของ iPad สามารถ ซื้อหาหนังสือดิจิตอลในราคาที่ถูกกว่าปกตินอกจาก iBook จะจาลองการ อ่านหนังสือตามปกติแล้ว มันยังเพิ่มคุณค่าโดยใส่วีดีโอ และเสียงลงใน หนังสือได้ลงตัวอีกด้วย
  • 110. สาหรับการจัดการปฏิทิน และรายชื่อผู้ติดต่อ(contact) ก็สุดแสนน่า ประทับใจ ใครที่ติดการใช้งาน Microsoft Outlook คงชอบหน้าตา ปฏิทินของ iPad แน่ๆครับ และในรายชื่อผู้ติดต่อนอกจากระบุชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์แล้ว ยังสามารถระบุตาแหน่งที่อยู่ในรูปของพิกัดละติจูด ลองจิจูด เพื่อแสดงผลในแผนที่ของ google map ได้ด้วย
  • 111. Maps ฟังก์ชั่นนี้น่าจะเป็นที่คุ้นเคยสาหรับทุกท่าน Google Map ให้บริการด้านแผน ที่ออนไลน์มานานแล้ว สาหรับ iPad ที่มีชิป GPS ติดมาด้วยสามารถทางานเป็น อุปกรณ์นาทาง(Navigator) ได้ด้วยฟังก์ชั่น Maps iWork ฟังก์ชั่นงานเอกสาร Office สาหรับงานด้านเอกสารของ iPad แอปเปิ้ลได้ พัฒนาต่อจากโปรแกรมชุด iWork ซึ่งเป็นชุดโปรแกรมงานออฟฟิศแบบเดียวกับ Microsoft Office ที่ใช้งานในคอมพิวเตอร์ Mac โดยพัฒนาให้มีความเหมาะสมกับ การใช้งานแบบ Multi touchscreen ของ iPad และคงชื่อเดิมไว้ว่า iWork ซึ่งมีชุด โปรแกรม Page(งานพิมพ์เอกสาร)
  • 112. ไขปริศนาบริษัท Apple กับ 6 สูตรสาเร็จ ที่ “คนคิดก็ อยากมีไว้ใช้” ? Apple – ทิม บาจาริน ประธาน บริษัท ครีเอทีฟ สตราทิตี้ บริษัทวิเคราะห์ ภาพรวมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการตลาดแห่ง silicon valley ซึ่ง ผ่านการพูดคุยกับผู้บริหารระดับต่าง ๆ ใน Apple Inc. มาอย่างโชกโชน อาสาถ่ายทอดปริศนาความสาเร็จของแอปเปิ้ลผ่านเว็บไซต์Time
  • 113. ซึ่งแม้หลายฝ่ายจะพยายามทาความเข้าใจว่าทาไม Apple ถึงพ่ายแพ้ใน สมรภูมิ PC ให้กับ Microsoft ก่อนปรับกลยุทธ์สู่โปรดักส์ อย่าง iPod และ iPhone จนประสบความสาเร็จอย่างยิ่งยวด แต่ ทิม สามารถถ่ายทอด บทสรุปออกมาได้กว่า 6 ข้อ ที่คุณไม่ควรพลาด!!
  • 114. 1 . ผลิตภัณฑ์ทุกตัวที่ Apple สร้างขึ้น ต้องเป็นสิ่งที่แม้แต่ คนคิดค้นก็อยากมีเอาไว้ใช้ “ทิม” อธิบายว่า หลายครั้งที่มีโอกาสทาโปรเจ็กต์ร่วมกับบริษัทเทคโนโลยี เขาพบว่า เป้าหมายมักตั้งอยู่บน “นวัตกรรม” ด้านเทคโนโลยีเป็นอันดับ แรก จากนั้นจึงมาคิดต่อว่า คนจะอยากใช้ผลิตภัณฑ์หรือไม่ วิศวกร ทั้งหลายมักลุ่มหลงกับเทคโนโลยีและสร้างสิ่งต่าง ๆ เพียงเพราะสามารถ ทามันขึ้นมาได้ แต่วิศวกรของ “แอปเปิล” สร้างผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนอง ความต้องการใช้ของตนเองอย่างแท้จริงมี “สตีฟ จ็อบส์” เป็นหัวหอกใน ฐานะ “ผู้ใช้”
  • 115. ผลิตภัณทุกตัวจึงตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ตอบโจทย์สตีฟ จ็อบส์ และบรรดา วิศวกรทั้งหลายที่ทาตัวเป็นลูกค้า โดยผลิตภัณฑ์นั้นต้องเป็นอะไรที่พวก เขาไม่สามารถขาดได้ในชีวิตประจาวัน
  • 116. 2. ต้องใช้งานง่าย “สตีฟ จ็อบส์” เข้มงวดกับเรื่องนี้มากแม้ “ดีไซน์” จะมีความสาคัญ แต่ หากไม่สามารถนามาใช้งานได้ง่ายจะโดนตราหน้าว่า “ไร้ค่า” ทันที เรื่องนี้ เป็นสิ่งผลักดันการออกแบบที่เรียกวา “ยูสเซอร์ อินเตอร์เฟซ” ตั้งแต่วัน แรกจนถึงวันนี้ก็ยังเป็นคาขวัญประจาใจวิศวกรซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ของแอปเปิล ผลิตภัณฑ์ ทุกตัวต้องให้ความรู้สึกว่า “ใช่” ง่ายต่อการทา ความเข้าใจ
  • 117. ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น “ผู้ใช้” ต้องการคุณสมบัติที่มาก ขึ้น บางครั้งการรักษา “ความง่าย” จึงเป็นเรื่องยาก มากกว่า นั้น “แอปเปิล” ยังสร้างอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งาน ตั้งแต่มืออาชีพไปจนถึงมือ สมัครเล่น ทาให้นิยามการใช้งานง่ายกว้างขึ้นไปอีกแอปเปิลเป็นบริษัท เดียวที่มองเรื่องการใช้งานง่ายมาก่อนเรื่อง ผลิตภัณฑ์ และทาให้เป็น เป้าหมายสาคัญสาหรับการสร้างผลิตภัณฑ์ทุกตัวออกสู่ตลาด
  • 118. 3. ทาอะไร ๆ ให้ง่ายเข้าไว้ “ทิม” เล่าว่า เคยเข้าไปพูดคุยกับผู้ประกอบการโทรคมนาคมในฝรั่งเศส หลายราย หัวข้อสนทนาไม่วายวกมาเรื่องการหาทางแข่งขันกับ “แอปเปิล” เมื่อ ถึงคาถามที่ว่า ทาไมแอปเปิลถึงประสบความสาเร็จนัก ผู้บริหารคนหนึ่งแสดงความเห็นว่า เหตุผลหลักมาจากการที่บริษัทมี ผลิตภัณฑ์แค่ตัวเดียว โดยยกตัวอย่าง “ไอโฟน”
  • 119. ซึ่งทาให้ผู้บริโภคลดกระบวนการตัดสินใจซื้อเนื่องจากแอปเปิลทาให้อะไร ๆ ง่าย ผู้บริหารคนดังกล่าวว่า ในร้านเขามีโทรศัพท์ที่แตกต่างกันถึง 25 รุ่น พนักงานต้องพบความยากลาบาก เนื่องจากต้องมีความรู้เกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ทุกรุ่น ผู้บริโภคมีตัวเลือกให้ต้องตัดสินใจมากเกินไปขณะที่ แอปเปิลมี “ไอโฟน” เพียงตัวเดียว
  • 120. ทุกคนที่เดินเข้า “แอปเปิล สโตร์” รู้ว่า พนักงานมีความรู้เกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์หลักเป็นอย่างดีแม้การมีไอโฟนให้เลือกเพียงแบบเดียวเหมือน จากัดตัวเลือกของผู้บริโภค แต่ผลกลับออกมาตรงกันข้าม ผลวิจัยจาก บริษัทครีเอทีฟ สแตรทิจีส์ ระบุว่า ผู้บริโภคชื่นชอบการมีตัวเลือกก็จริงแต่ ต้องการให้กระบวนการเลือกผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีมีความง่ายดายไม่ ซับซ้อน เนื่องจากมีอะไรให้เลือกมากเกินไป คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ในตลาดมี ลูกค้าที่ชื่นชอบเทคโนโลยีซึ่งต้องการตัวเลือกหลากหลาย และซับซ้อนใน บางครั้ง
  • 121. แต่ จากประสบการณ์ในฐานะนักวิเคราะห์ตลาด “ทิม” มองว่าผู้ใช้หลัก ไม่ใช่กลุ่มที่ชื่นชอบเทคโนโลยี การทาอะไรให้ง่าย ๆ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มนี้ จึงเป็นบวก “แอปเปิล” เข้าใจ และไม่เคยพยายามเพิ่มแบบให้ไอโฟน, ไอ แพด หรือสร้างไอพอดให้มีมากกว่า 1-2 แบบ ผู้บริโภคพึงพอใจกลยุทธ์นี้ เมื่อดูจากยอดขายมหาศาลของอุปกรณ์ตระกูล “ไอ” ในแต่ละปี
  • 122.
  • 123. 4. นาเสนอการบริการลูกค้าและประสบการณ์ระดับท็อป “สตีฟ จ็อบส์” เข้าใจถึงปัญหาหลักของตลาดเทคโนโลยีนั่นคือ แม้คุณจะ สร้างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ง่ายแค่ไหนแต่ผู้บริโภคที่นาผลิตภัณฑ์ไปใช้ในลักษณะ แตกต่างกันมักเกิดความยุ่งยากตามมา ทาให้ผู้บริโภคทุกระดับต้องการ ความช่วยเหลือเป็นระยะ “แอปเปิล” ใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ด้วย ผลิตภัณฑ์ที่เน้นความง่ายทาให้พนักงานมีความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เป็น อย่างดี สังเกตได้จากการที่พนักงานขายมักไม่ถามว่า “ต้องการให้ช่วย อะไรไหม” แต่จะถามประมาณว่า “วันนี้คุณต้องการทาอะไร ?” แทน