SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  384
ชีวา
ณ เคหาสน์
ณ อาศรม
ณ อารมณ์
ณ อาลัย
เรียบเรียงโดย เมทนี แสงธรรม
Complied by: Martin Chan
编制者: 马丁 陈
03/02/2566
09.28AM.
๒
2
เคหาสน์
คาว่า คฤหาสน์
แปลว่า บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย
เป็นคาสนธิภาษาสันสกฤต
จากคาว่า คฤห+อาสน
ส่วนภาษาบาลีนั้น
จะใช้ เคห+อาสน = เคหาสน์ มี
ความหมายว่า บ้านเรือน
หรือที่อยู่อาศัย เช่นเดียวกัน
(บางคน เคยชินกับคาว่า เคหะ
ในคาว่า เคหสถาน
ที่แปลความหมายเช่นเดียวกัน
มากกว่า )
ซึ่งมีหลายคนมักใช้ตัวการันต์ผิด
เพราะคงเคยผ่านตากับคาว่า คฤหัสถ์
3
ที่แปลว่า ผู้ครองเรือน มาบ้าง
จนจาสับสน
คาว่า คฤหัสถ์ แปลว่า ผู้ครองเรือน
มีความหมายเช่นเดียวกับ ฆราวาส
ใช้เรียกบุคคลทั่วไป
ที่ไม่ได้ดารงเพศสมณะ หรือเป็นสงฆ์
*ข้อควรจา*
คฤหัสถ์ ใช้ ถ์
เพราะ"ถือ"ครองความเป็นเจ้าเรือน
คฤหาสน์ ใช้ น์
เพราะสนธิกับคาว่า อาสน ซึ่งเป็น
ที่"นั่ง"
https://www.facebook.com/Ruk.pasa/posts/414682928601424/
อาศรม
อาศรม ในศาสนาฮินดู
หมายถึง ระยะของชีวิต 4 ระยะ
4
ซึ่งมีระบุไว้ในเอกสารยุคโบราณและยุค
กลางของฮินดู
อาศรมทั้งสี่ระยะ
ได้แก่ พรหมจรรยะ (ผู้เรียน),
คฤหัสถะ (ผู้ครองเรือน),
วานปรัสถะ (ผู้ออกจาริก) และ
สันยาสะ (ผู้ละทิ้งทางโลก)
อาศรมสี่
เป็นหนทางหนึ่งของแนวคิด ธรรมะ
ในศาสนาฮินดู
และเป็นส่วนหนึ่งของประเด็นทางจริยศ
าสตร์ของปรัชญาอินเดีย
5
ที่ซึ่งถูกรวม
เข้ากับเป้ าหมายสี่ประการของชีวิตมนุษ
ย์
(ปุรุษสรรถะ) เพื่อการเติมเต็ม,
ความสุข และการบรรลุทางจิตวิญญาณ
แนวคิดอาศรมสี่
ยังมีอิทธิพล
ต่อการวางแผนดารงชีวิตของผู้คน
โดยเฉพาะในอินเดีย
http://bit.ly/3HCgc6K
อารมณ์
6
อารมณ์
ส่งผลกระทบทั้งด้านร่างกาย จิตใจ
และพฤติกรรมของตนเอง
รวมทั้งส่งผลต่อผู้อื่นด้วย
การจัดการกับอารมณ์
เป็นทักษะ ที่สามารถพัฒนาได้
ด้วย วิธีการและเทคนิคต่างๆ
7
เช่น การควบคุมอารมณ์ทางลบ
ให้มีการแสดงออกทางอารมณ์ที่เหมาะ
สม
ถือเป็นการพัฒนาตนเอง
ให้มีความสามารถทางอารมณ์
ที่มีความจาเป็นในการใช้ชีวิต
และส่งผลต่อความสาเร็จในชีวิตด้วย
เทคนิคที่จะช่วยในการฝึกมีดังนี้
8
1.
ทบทวนการแสดงออกทางอารมณ์ของตั
วเราเอง
2.เตรียมการในการแสดงอารมณ์
3. ฝึกสติ
4. ฝึกการผ่อนคลายตนเอง
5. ประเมินสถานการณ์และอารมณ์
อาลัย
คาว่า “อาลัย”
ถ้าได้ยินคาว่า “อาลัย”
หลายคน
คงคิดถึงความหมาย
ประมาณว่า ความห่วงใย, ความพัวพัน,
ความระลึกถึงด้วยความเสียดาย
แน่นอน
9
แต่คาว่า “อาลัย”
ยังมีอีกความหมาย คือ ที่อยู่, ที่พัก
คาว่า “อาลัย” ในความหมายนี้
จะใช้ประกอบกับคาอื่น
ด้วยการสมาสแบบสนธิ
คาว่า “หิมาลัย” มาจาก หิมะ + อาลัย
มีความหมายว่า “ที่อยู่แห่งหิมะ”
คาว่า “ชลาลัย” มาจาก ชล + อาลัย
มีความหมายว่า “ที่อยู่แห่งน้า”
คาว่า “วิทยาลัย” มาจาก วิทยา + อาลัย
มีความหมายว่า “ที่อยู่แห่งความรู้”
คาว่า “เทวาลัย” มาจาก เทวะ + อาลัย
มีความหมายว่า “ที่อยู่แห่งเทวดา”
คาว่า “สุราลัย” มาจาก สุร + อาลัย
10
มีความหมายว่า “ที่อยู่แห่งเทวดา”
คาว่า “ศิวาลัย” มาจาก ศิวะ + อาลัย
มีความหมายว่า “ที่อยู่แห่งพระศิวะ”
https://www.facebook.com/kumthai.th/photos/a.1502532273398314/2353947471590
119/?type=3
11
12
13
15 ตำแหน่งทิศทำงดำวโคจรทั้ง 9
ดวงประจำปีพ.ศ. 2566
31 เปรียบเทียบกำรรักษำทำงคลินิกแพทย์แผนจีน-
แผนตะวันตก
ตอนที่ ๒๐ โรคอัมพำตใบหน้ำทัศนะแผนปัจจุบัน (๑)
75 หลีกเลี่ยงสิ่งร ้ำยกระทบฮวงจุ้ยบ้ำน
105 โป๊ ยยี่ สี่เถี่ยว กำรดูดวงชะตำแบบจีน 八字四柱
128 ทิศห้องนอนตำมหลักฮวงจุ้ย
ผู้ที่เป็ นเจ้ำบ้ำน ห้องนอนควรอยู่ทิศไหนดี
พร้อมวิธีกำรคิดรหัสรำศี ?
148 รหัสรำศี หรือ Kua Number
179 ...นานาสาระ...
ปั๊ดกั่ว" 八卦 หรือ "ปากั้วถู" 八卦图
209 การใช้ยันต์ 8 เหลี่ยม 八卦 ติดตั้งบริเวณหน้าบ้าน
227 ถอดรหัสปฎิทินจีน
ตอนที่ 3: “13 เดือน 12 ราศี กับ ปีอธิกมาส”
สารบัญ
14
235 สัตว์เทวะจตุรทิศ
305 ประวัติ Steve Jobs
ผู้ก่อตั้ง Apple
พ่อมดแห่งวงกำรไอที
ที่พลิกโฉมเทคโนโลยีโลกนี้
ไปตลอดกำล
367มองจากโลกของ ‘สตีฟ จ็อบส์’
สู่เทรนด์บริโภครูปแบบใหม่
Pescetarian: กลุ่มทานปลาและซีฟู้ ด
15
ตาแหน่งทิศทางดาวโคจรทั้ง
9 ดวง
ประจาปีพ.ศ. 2566
http://bit.ly/3WMwCOd
16
ตาแหน่งทิศที่เป็นมงคลและอัปมงคล
แบ่งออกได้ดังนี้
ทิศมหามงคล : ทิศใต้ (8)
ทิศมงคล : ทิศเหนือ(9)
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (1)
ทิศปานกลาง : จุดศูนย์กลาง (4)
ทิศตะวันตก (6)
ทิศอัปมงคล : ทิศตะวันออก(2)
ทิศตะวันออกฉียงใต้(3)
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (5)
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ(7)
3 8 1
2 4 6
7 9 5
17
วิธีใช้เข็มทิศวัดทิศทาง
1.ยืนถือเข็มทิศอยู่ ณ. จุดกึ่งกลางห้อง
หรือกึ่งกลางบ้าน (ขึ้นอยู่กับจุด
ประสงค์ของท่านว่าต้องการทราบตาแห
น่งทิศที่ตั้งของวัตถุหรือ
เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใด)
2.โดยปกติแล้ว
ปลายลูกศรในเข็มทิศ
จะชี้ไปทางทิศเหนือเสมอ
ตามแรงดึงดูดของขั้วแม่เหล็กโลกทางทิ
ศเหนือ
ดังนั้นท่านจึงต้องหมุน เข็มทิศ
โดยพยายามจัดให้ปลายลูกศร
ชี้ไปที่ตัว N (NORTH - ทิศเหนือ)
หรือตัวเลข 360 องศา บนตัวเข็มทิศ
3.เมื่อเข็มทิศนิ่งสนิทแล้ว
(โดยมีลูกศรชี้ไปทางทิศเหนือ)
18
ให้อ่านในตัว เข็มทิศ
ดูว่า วัตถุหรือเฟอร์นิเจอร์
ที่ท่านต้องการวัดนั้น ตกอยู่ในมุม
ของทิศใด
โดยอาจคะเนดูคร่าวๆ ด้วยตาเปล่า
หรือหากต้องการ องศาที่ละเอียดลึกซึ้ง
ท่านสามารถเทียบได้จากข้อมูลดังนี้
N NORTH ทิศเหนือ
มีองศาอยู่ระหว่าง 337.5 - 22.49
NE NORTH EAST ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
มีองศาอยู่ระหว่าง 22.5 - 67.49
E EAST ทิศตะวันออก
มีองศาอยู่ระหว่าง 67.5 - 112.49
SE SOUTH EAST ทิศตะวันออกเฉียงใต้
มีองศาอยู่ระหว่าง 112.5 - 157.49
S SOUTH ทิศใต้
มีองศาอยู่ระหว่าง 157.5 - 202.49
19
SW SOUTH WEST
ทิศตะวันตกเฉียงใต ้ มีองศาอยู่ระหว่าง 202.5 – 247.49
W WEST ทิศตะวันตก
มีองศาอยู่ระหว่าง 247.5 – 292.49
NW NORTH WEST
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีองศาอยู่ระหว่าง 292.5 – 337.49
4.ในขณะที่ท่านใช้เข็มทิศอยู่
มีข้อควรระวังคือ อย่าอยู่ใกล้กับสิ่งของ
หรือวัสดุที่เป็นโลหะ เช่น นาฬิกา
รั้วเหล็ก เครื่องใช้ไฟฟ้ าต่างๆ ที่มี
ส่วนประกอบของเหล็ก
เพราะจะทาให้การวัดองศาในเข็มทิศ
คลาดเคลื่อนได้
ในภาควิชาฮวงจุ้ยชั้นสูง
คือ ทิศทางประจาปี
20
สัมพันธ์สอดคล้อง
กับตาแหน่งของดวงดาว
หรือ “ฮวงจุ้ยหลุ่งหลิ่วจ้วง”
คือ
การโคจรของดวงดาวหมุนเวียนสลับสับ
เปลี่ยนกันทาหน้าที่ส่งผลดีและร้ายต่อม
นุษย์
ประจาอยู่ในแปดทิศหลักใหญ่
เรียกว่า “หลิ่งนี้ฮวงจุ้ย”
หากท่านผู้อ่าน
สามารถทราบล่วงหน้า
ว่าตาแหน่งทิศทางใด
ที่เมื่อตั้งโต๊ะทางานหรือเตียงนอนแล้ว
จะบังเกิดความเป็นมงคลความเจริญรุ่งเ
รือง
ก็จะได้ขยับขยายเคลื่อนย้ายจุดต่างๆ
ในบ้าน
21
เพื่อเปิดรับโชคลาภโภคทรัพย์
ณ ตาแหน่งทิศทางนั้น
อย่างเต็มที่
แต่หากไม่สามารถขยับขยายได้
ก็จะได้หาสิ่งของอันเป็นสิริมงคล
เพื่อกระตุ้นโชคลาภ
และหลีกเลี่ยงเคราะห์ภัยต่างๆ ต่อไป
โดยกลุ่มดาวเหนือ
ที่โคจรเข้ามาส่งผลจะมีอยู่ 9 ดวง
เมื่อหมุนเวียนไปประจาหน้าที่ใน 8
ทิศใหญ่แล้ว
จะมีอีกหนึ่งดวง
ที่ประจาอยู่ ณ
จุดกึ่งกลางที่บ้านของท่านทุกหลัง
22
ในปีเถาะ 2566 นี้
ดาวบินที่โคจรเข้ามา
ณ
ตาแหน่งจุดศูนย์กลางของบ้านท่านทุกห
ลัง
คือ ดาวบิน “สี่เขียว” (ซี้เล็ก) “บุ่งเข็ก”
โคจรเข้ามาสถิตอยู่
และตามหลักวิชานี้ ดาวบินอื่นๆ
ก็จะสถิตหมุนเวียนตามทิศต่างๆ ดังนี้
3 8 1
2 4 6
7 9 5
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
(ทิศอัปมงคล)
NW NORTH WEST
23
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีองศาอยู่ระหว่าง 292.5 – 337.49
สาหรับดาวบินที่โคจรเข้าสู่ทิศตะวันตกเ
ฉียงเหนือ
ในปี พศ. 2566 นี้
24
คือ ดาวบินห้าเหลือง
“โหงวอึ๊ง” (เหนี่ยมเจ็ง)
โคจรเข้ามาสถิตเพ่งเล็งอยู่
เนื่องจากดาวดวงนี้
เป็นดาวอัปมงคล
ที่ผสมผสานทั้งธาตุดินและธาตุไฟมาอยู่
รวมกัน
จึงเปรียบเสมือนระเบิดเวลา
ที่พร้อมจะจุดชนวนขึ้นได้ทุกเมื่อ
เป็นดาวแห่งการทาลายล้าง
และภัยพิบัติที่รุนแรง
ส่งผลแต่ในด้านลบ
จะทาให้สาหรับท่านใด
ที่มีตาแหน่งของโต๊ะทางาน
โต๊ะทาการบ้านของบุตรหลาน
25
หรือโต๊ะเก็บเงิน
ที่มีทิศด้านหลังพิง
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ในปี พศ. 2566 นี้
จะส่งผลให้การดาเนินงาน
ติดๆ ขัดๆ
ไม่ราบรื่น
หัวสมองตื้อคิดอะไรไม่ค่อยออก
และมักประสบอุปสรรคปัญหา
ที่ไม่คาดคิดประดังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ตลอดทั้งปี
ส่งผลกระทบต่อเนื่อง
ไปถึงภาวะการเงินที่จะเกิดวิกฤติตึงตัว
ขาดสภาพคล่องหนักขึ้น
ฉะนั้น
หากตาแหน่งของโต๊ะทางาน
26
โต๊ะทาการบ้าน
โต๊ะเก็บเงินหรือเตียงนอนในบ้านท่าน
มีทิศด้านหลังพิงทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ในปีเถาะพ.ศ.2566 ปีนี้
ท่านควรหาวิธีโยกย้ายเพื่อหลีกเลี่ยง
หรือหาวิธีป้ องกันแก้ไขจะดีกว่า
ซึ่งการจะขจัดปัดเป่า
พลังพิฆาตของ “ดาวโหงวอึ๊ง”นี้
ต้องใช้วิธีการผ่อนคลาย
สลายธาตุดิน
อันหนักแน่นให้อ่อนกาลังลง
โดยจัดตั้ง “มหาอาชาพิฆาตไพรี”
ซึ่งเป็นกาลังของธาตุทอง
ที่แข็งแกร่งมาคลี่คลาย
27
ทั้งจะช่วยสลายพลังร้ายให้ทุเลาเบาลง
บังเกิดแต่ความเป็นสิริมงคล
กิจการงานการค้าราบรื่นเจริญก้าวหน้า
โชคลาภเงินทองหลั่งไหลเพิ่มพูนตลอด
ทั้งปี
28
“มหาอาชาพิฆาตไพรี”
“ม้า” (หม่า) จัดเป็นสัตว์มงคลที่สง่างาม
สามารถวิ่งได้ไกลนับพันลี้
ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ
และการประสบความสาเร็จ
เนื่องจาก “ม้า”
เป็นสัญลักษณ์ของความว่องไวไม่หยุด
นิ่ง
เราจึงมักจะเห็นท่านที่ทาธุรกิจการค้า
จัดตั้ง “ม้า” ไว้ที่บ้านหรือที่ทางาน
เพื่อให้การค้าขายราบรื่น
ประสบความสาเร็จอย่างรวดเร็ว
มีพลังดุจดั่งม้าเหิร
ท่านที่ทางานประจา
ก็จะส่งผลถึงเรื่องของการเลื่อนขั้นเลื่อน
29
ตาแหน่ง
มีพลังในการเอาชนะอุปสรรคทั้งปวง
อีกทั้งพลังมงคล
ของ “มหาอาชาพิฆาตไพรี”
ยังส่งผลถึงเรื่องของการสื่อสารที่รวดเร็
ว
จึงมักทาให้ท่านสามารถวางแผน
และคิดอ่านทันสมัย
ตรงต่อเหตุการณ์อยู่เสมอ
30
เปรียบเทียบการรักษาทางค
ลินิก
แพทย์แผนจีน-
แผนตะวันตก
ตอนที่ ๒๐
โรคอัมพาตใบหน้า
ทัศนะแผนปัจจุบัน (๑)
https://www.doctor.or.th/article/detail/10931
ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา
มีรายการโทรทัศน์สัมภาษณ์ดารานักแ
สดง
31
ที่เป็นอัมพาตบริเวณใบหน้า
มีอาการปิดตาไม่สนิทและปากเบี้ยว
เวลากินอาหารแล้ว
มีน้าลายไหลออกทางมุมปาก
ข้างเดียวกับตาที่ปิดไม่สนิท
โรคนี้รู้จักกันมากว่า ๒๐๐ ปีแล้ว
โดย นายแพทย์ชาร์ล เบลล์
(Charles Bell)
นักกายวิภาคศาสตร์
ชาวสกอตแลนด์
ซึ่งเป็นคนแรกที่ได้รวบรวมผู้ป่วยกลุ่ม
นี้ขึ้น
ในปี พ.ศ.๒๓๖๔
จึงให้เกียรติเรียก
อัมพาตใบหน้าประเภทนี้ว่า
อัมพาตของเบลล์
หรือ Bell's palsy
32
♦ สาเหตุของการเกิดโรค
♦ การรักษาแบบแผนปัจจุบัน
♦ การดาเนินของโรค
♦ ความชุกของการเกิดโรค
33
โรคอัมพาตใบหน้าในทัศนะแผนปัจจุบั
น
♦ สาเหตุของการเกิดโรค
เกิดจาก เส้นประสาท คู่ที่ ๗
(Facial nerve)
ที่มาเลี้ยงบริเวณใบหน้าไม่ทางานชั่วคร
าว
ทาให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าครึ่งซีก
ขยับเขยื้อนไม่ได้ เป็นอัมพาต
การอักเสบ
เกิดจากการบวมของเส้นประสาท
ทาให้เบียดกับรูที่ประสาท
ออกมาเลี้ยงบริเวณใบหน้า
34
หรือเกิดจากอาหาร
มาหล่อเลี้ยงประสาทคู่นี้ ลดลง
เกิดการเกร็งตัวของหลอดเลือด
การขาดเลือดและอาหาร
จะทาให้เกิดการอักเสบบวมของเส้นปร
ะสาท
เป็นโรคที่เกิดกับเส้นประสาทคู่ที่ ๗
ล้วนๆ
และมักเป็นสาเหตุ
ที่ทาให้เกิดอัมพาตใบหน้า
อย่างเฉียบพลัน
35
ส่วนสาเหตุที่ทาให้เกิดการอักเสบ
ของเส้นประสาทคู่ที่ ๗
ยังไม่ทราบแน่ชัด
สันนิษฐานว่า
อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส
โดยเฉพาะเชื้อเริม งูสวัด หรืออีสุกอีใส
นอกจากนี้
ยังมีปัจจัยที่กระตุ้นหรือปัจจัยเกี่ยวข้อง
เช่น บางคนมีอาการเกิดขึ้น
หลัง..ตาก..ลม และกระทบความเย็น
บางรายเคยได้รับบาดเจ็บหรือผ่าตัด
บริเวณใบหน้ามาก่อน
การพักผ่อนไม่เพียงพอ
ความเครียดทางอารมณ์
ผู้ป่วยเบาหวานหรือมีความดันโลหิตสูง
36
มีการอักเสบบริเวณใบหู
มีโอกาสเกิดโรคนี้ได้ง่าย
♦ การรักษาแบบแผนปัจจุบัน
เนื่องจากโรคนี้
เกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน
บางคน พอตื่นนอนมา ก็รู้สึก
หรือสังเกตเห็นปากเบี้ยวไปข้างหน้า
เวลากลืนน้าหรือบ้วนปากจะมีน้าไหลที่
มุมปาก
เวลายิงฟันหรือยิ้ม
จะเห็นมุมปากข้างนั้นตก
ตาข้างเดียวกันจะปิดไม่สนิท
ยักคิ้วไม่ขึ้น
ลิ้นข้างเดียวกันจะชาและรับรสไม่ได้
37
บางรายอาจมีอาการปวดหูและหูอื้อ
โดยผู้ป่วยจะรู้สึกตัวดี
แขนขามีแรงดี ทางานได้ปกติ
ผู้ป่วย
มักมีอาการปวดใบหน้า
หรือปวดหลังหู
ข้างที่เป็นอัมพาต นามาก่อน
ประมาณ ๒-๓ วัน
เมื่อไปพบแพทย์แผนปัจจุบัน
38
ยาหลักที่ใช้รักษาและต้องให้
ในเวลาอันรวดเร็วคือ ยาสตีรอยด์
ยาเม็ด
ชื่อ เพร็ดนิโซโลน
ในขนาดที่สูง
การให้ยานี้
ในช่วงระยะเวลา ๔ วันแรก
เชื่อว่าจะทาให้อาการอัมพาตหายได้เร็ว
ขึ้น
(ช่วง ๓
วันแรกการดาเนินการของโรคจะรวดเ
ร็วมาก)
การให้ยาในระยะท้ายๆ หลัง ๔-๗
วันแล้ว
อาจได้ผลไม่แน่นอน
39
การใช้ยาต้านไวรัสร่วมด้วย
ยังเป็นความเชื่อทางทฤษฎี
เพราะถ้าใช้เพียงตัวเดียว
ยังไม่ได้ผลชัดเจน
เมื่อเทียบกับการใช้ยาสตีรอยด์
♦ การดาเนินของโรค
40
โรคอัมพาตใบหน้า
ร้อยละ ๘๐-๘๕ อาการดีขึ้นใน ๑-๓
สัปดาห์
และหายสนิทใน ๓-๖ เดือน
โรคนี้ แม้ว่าจะไม่รักษา
ก็สามารถหายเองได้
ตามธรรมชาติ
มีเพียงร้อยละ ๑๕ ที่ต้องใช้เวลาฟื้นตัว
บางรายนาน ๒ เดือนถึง ๒ ปี
อายุยิ่งมาก ยิ่งหายช้า
ส่วนใหญ่หายสนิท
ส่วนน้อยยังคงร่องรอยปากเบี้ยวให้เห็น
อยู่บ้าง
41
บางรายอาจกาเริบซ้าได้อีก
กล้ามเนื้อตา มักฟื้นตัวได้เร็ว
เร็วกว่ากล้ามเนื้อมุมปาก
ถ้าพบว่า ยักคิ้วและปิดตาได้ดีขึ้น
ถือว่ามีแนวโน้มที่ดี
อย่างไรก็ตาม
มีบางรายที่มีพยากรณ์โรคที่ไม่ดี เช่น
- ผู้ที่มีกล้ามเนื้ออัมพาตรุนแรง
ไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อได้เลย
42
- คนที่มีโรคประจาตัว เช่น
ความดันโลหิตสูง
-
รายที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อใบหน้าร่วม
ด้วย
(ยกเว้นอาการปวดบริเวณหู
ซึ่งพบได้บ่อย)
♦ ความชุกของการเกิดโรค
43
พบในผู้ชายและผู้หญิงพอๆ กัน
ประมาณ ๒๕ คนต่อประชากรแสนคน
ช่วงอายุที่เป็น ๒๐-๕๐ ปี
คนที่เป็นเบาหวาน
มีโอกาสเป็นโรคนี้
มากกว่าคนทั่วไป ๔ เท่า
รวมทั้งหญิงระหว่างตั้งครรภ์
คนที่มีภูมิคุ้มกันต่า เช่น โรคเอดส์
เปรียบเทียบการรักษาทางค
ลินิก
44
แพทย์แผนจีน-
แผนตะวันตก
ตอนที่ ๒๑
โรคอัมพาตใบหน้า
ทัศนะแผนปัจจุบัน (๒)
https://www.doctor.or.th/article/detail/11197
โรคอัมพาตใบหน้า (面瘫)
ทัศนะแพทย์แผนจีน (๒)
ได้กล่าวถึงสาเหตุ การรักษา
การดาเนินโรค
และความชุกของการเกิดโรคอัมพาตใบ
หน้า
ทัศนะแผนปัจจุบันไปแล้ว
ฉบับนี้ ว่าด้วยทัศนะแพทย์แผนจีน
45
โรคอัมพาตใบหน้า
ทัศนะแพทย์แผนจีน
แพทย์จีน
เรียกอาการปาก ตา บิดเบี้ยว
(口眼歪斜症)
หรือ อัมพาตใบหน้า (面瘫)
46
สาเหตุของการเกิดโรค
๑. ส่วนใหญ่เกิดจากบริเวณใบหน้า
กระทบกับลมและความเย็น (风寒)
เป็นการกระทบของลม
ต่อเส้นลมปราณ จิงลั่ว
(风中经络)
ทาให้พลังไม่สามารถไปเลี้ยงใบหน้าได้
มีอาการอ่อนแรงของร่างกายครึ่งซีก
มีอาการปากเบี้ยว ตาปิดไม่สนิท
แบบเฉียบพลัน
๒. เส้นลมปราณ หยางหมิง ของ ขา
ที่วิ่งผ่านบริเวณปาก มีภาวะพร่อง
ขาดพลังหล่อเลี้ยง
47
เมื่อโดนลมกระทบ
เกิดการหดตัวไม่คล่อง
ลมที่กระทบมีทั้งลมเย็น ลมร้อน
ลมชื้น ลมเสมหะ
รวมถึงภาวะเลือดอุดกั้น
ภาวะพลังและเลือดติดขัด
ล้วนเป็นสาเหตุ
ที่ทาให้เกิดอาการปาก ตา บิดเบี้ยว
ได้ทั้งสิ้น
การวินิจฉัยแบบเปี้ยนเจิ้ง
(辨症论治)
biàn zhèng lùn zhì
48
๑. ลมกระทบจากภายนอก
ทาให้เกิดอัมพาตที่ใบหน้า
(风邪外袭)
fēng xié wài xí
ลมรวมกับปัจจัยก่อโรค
อาจเป็นความเย็น ความร้อน ความชื้น
เมื่อมากระทบบริเวณใบหน้า
คือ เส้นพลังลมปราณของ หยางหมิง
ที่ควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าส่วนใหญ่
ทาให้เลือดและพลังไหลเวียนไม่คล่อง
กล้ามเนื้อที่ตาและปากอ่อนแรง
49
ทาให้บิดเบี้ยวเพราะไม่มีกาลัง
การรับความรู้สึกบนใบหน้าผิดปกติ
กระทบ ลมเย็น-
กล้ามเนื้อใบหน้าปวดเกร็ง
เพราะความเย็นทาให้หดตัว
กระทบ ลมร้อน-กล้ามเนื้อใบหน้าหย่อน
ผิวหนังร้อนแดง
กระทบ ลมชื้น-กล้ามเนื้อใบหน้า
หน้าบวม
บางครั้งมีอาการปวดร่วมด้วย
50
๒. ลม ตับ เคลื่อนไหวภายใน
(肝风内动)
มีอาการอัมพาตใบหน้า
ร่วมกับมีพื้นฐานร่างกาย
เป็นคนที่มีภาวะตับแกร่ง
หรือยินพร่อง-หยางแกร่ง
มักมีอาการเวียนศีรษะ แขนขาชา
51
ภาวะหยางที่มากเกินไป
ทะลวงผ่านเส้นลมปราณ หยางหมิง
บริเวณใบหน้า
ทาให้ใบหน้าแดงก่า เวียนศีรษะมากขึ้น
ผู้ป่วย
มักมีลิ้นแดงออกม่วง
ชีพจรเร็วและตึงมีกาลัง
ฝ้ าบนลิ้นเหลือง หรือมีฝ้ าบนลิ้นน้อย
ตัวลิ้นแห้ง
52
๓. ลมเสมหะ อุดกั้น เส้นลมปราณ
(风痰阻络)
มีอาการอัมพาต บริเวณใบหน้า
ร่วมกับพื้นฐานร่างกาย
ที่บ่งบอกว่า มีเสมหะอุดกั้น
กล่าวคือ ผู้ป่วยมักมีระบบม้ามอ่อนแอ
ทาให้เกิดเสมหะ
เสมหะที่สะสมตัวนานเข้า
ทาให้พลังอุดกั้น
เกิดลม-เสมหะ
ปิดกั้นส่วนบนของร่างกาย
คือ เส้นลมปราณหยางหมิง
ที่บริเวณใบหน้า
53
ผู้ป่วยมักจะมีใบหน้าชา
มีเสียงเสมหะในคอ
ลิ้นแข็งทื่อ ฝ้ าบนลิ้นขาวเหนียว
ชีพจรตึงลื่น
๔. เลือดและพลังพร่อง
(气血双亏)
มีอัมพาตของใบหน้า
ร่วมกับพื้นฐานร่างกาย
เป็นคนอ่อนแอ
เลือดและพลังพร่อง
กล่าวคือ
กล้ามเนื้อใบหน้า จะอ่อนแรง
กล้ามเนื้อเหลว เสียงพูดไม่มีกาลัง
(ไม่ค่อยอยากจะพูด)
ชีพจรเล็ก เบา ขาดพลัง
54
ลิ้นซีด นุ่ม
ฝ้ าบนลิ้นขาวบาง
แนวทางการรักษา
๑. ลมภายนอกกระทบ (风邪外袭)
หลักการรักษา
ลมเย็น :
ใช้หลักการ ขับลม สลายความเย็น
(疏风散寒)
ตารับยาที่ใช้ เก๋อเกินทัง
(葛根汤)
ปรับลดตามสภาพ
55
ลมร้อน :
ใช้หลักการ ขับลม ขับความร้อน
(疏风清热)
ตารับยาที่ใช้ เก๋อเกินเจี่ยจีหัว
(葛根解肌汤) ปรับลดตามสภาพ
ลมชื้น :
ใช้หลัก ขับลม สลายความชื้น
(疏风散湿)
ตารับยาที่ใช้ เชียงหัวเซิ้งสือทัง
(羌治胜湿汤) ปรับลดตามสภาพ
56
๒. ลมตับ เคลื่อนไหวภายใน
(肝风内动)
หลักการรักษา สงบตับ สงบลม
ตารับยาที่ใช้ เจิ้นกานสีเฟิงทัง
(镇肝熄风汤)
และเทียนหมาโกวเถิงหยิ่น
(天麻钓藤饮)
๓. ลมเสมหะ ปิดกั้น เส้นลมปราณลั่ว
(风痰阻络)
57
หลักการรักษา ขับลม สลายเสมหะ
ทะลวงเส้นลมปราณ
(祛风化痰,舒通经络)
ตารับยาที่ใช้ เชวียนเจิ้งส่าน
(牵正散)
ปรับลดตามสภาพ
๔. เลือดและพลังพร่อง
(气血双亏)
58
หลักการรักษา บารุงเลือดและพลัง
ทะลวงเส้นลมปราณ
(补养气血,通经活络)
ตารับยาที่ใช้ อู่หยางหวนอู่ทั่ง
และ เอ่อฉงส่าน
(五阳还五汤,
二虫散)
การเปรียบเทียบแผนปัจจุบันและแผนจี
น
59
๑. สาเหตุการเกิดโรคอัมพาตใบหน้า
ที่ส่งผลให้เส้นประสาทคู่ที่ ๗
อักเสบหรือบวม
แพทย์แผนปัจจุบัน
ให้ความสนใจไปที่การติดเชื้อไวรัส
และกล่าวถึงปัจจัยที่เอื้ออานวยให้เกิด
จากภาวะการกระทบความเย็นและตาก
ลม ความเครียดทางอารมณ์
คนที่มีความดันโลหิตสูง
เบาหวานหรือบาดเจ็บบนใบหน้า
การเปี้ยนเจิ้งของแพทย์จีน
เน้นไปที่ปัจจัยภายใน พื้นฐานร่างกาย
60
บางคนเลือดพลังพร่อง
บางคนยินพร่อง หยางแกร่ง
(คล้ายกับความดันโลหิตสูง)
บางคนเสมหะภายในมาก
ระบบการย่อยไม่ดี
หรือมีเสมหะสะสมภายในนานๆ
(คล้ายกับภาวะไขมันในเลือดสูง)
หรือคนที่บาดเจ็บบริเวณใบหน้า
(ซึ่งทาให้เส้นลมปราณ หยางหมิง
ถูกกระทบกระเทือน
เป็นพื้นฐานอยู่ก่อน)
นอกจากนี้
ยังให้ความสาคัญกับปัจจัยภายนอก
ที่มากระทบ แพทย์จีนโบราณ
61
ไม่มีคาว่า ไวรัส
รู้จักแค่การเปลี่ยนแปลงของอากาศ
ที่มากระทบต่อร่างกาย
บริเวณใบหน้า
จาแนกตามอาการอัมพาต
ว่ามีลักษณะหน้า ปวด หย่อน ร้อน
ว่าเป็นปัจจัยชนิดไหนมากระทบ
แล้วทาการใช้ยาขับ
ปัจจัยก่อโรคเหล่านั้นออกไป
๒. การรักษา
แผนปัจจุบัน
มุ่งไปที่รักษา
เพื่อลดอาการบวม
และการอักเสบของเส้นประสาทคู่ที่ ๗
โดยตรง
62
ระยะเริ่มแรก
ให้ยาเพร็ดนิโซโลน
ขนาดสูง
และลดขนาดลง
ยาต้านไวรัส พิจารณาเป็นรายๆ ไป
และปล่อยให้ร่างกายหายเอง
แผนจีน
แบ่งแยกลักษณะอัมพาต
ตามสภาพพื้นฐานสมดุลของร่างกาย
และปัจจัยที่ก่อโรค
รักษาพื้นฐานร่างกาย
ควบคู่กับการขับปัจจัยก่อโรค
เน้นสร้างสมดุลให้ร่างกายฟื้นตัวได้ด้วย
ตัวเอง
63
การฝังเข็ม
ด้านหนึ่ง
เน้นเลือกจุดบนเส้นลมปราณ หยางหมิง
ที่หล่อเลี้ยงบริเวณใบหน้า
อีกด้านหนึ่ง
เน้นการขับลมจากภายนอก
และปรับลมภายใน
เช่น จุดเหอกู่ (合谷)
จุดเฟิงฉือ (风池)
64
หรือดึงพลังหยางลงล่าง
เช่น จุดไท่ชง (太冲)
๓. เป็นที่น่าสังเกตว่า
ผู้ป่วยจานวนมาก
มีอาการปวดบริเวณหลังหู
ซึ่งเป็นทางเดินของเส้นลมปราณถุงน้าดี
ที่เกี่ยวข้องกับลมในร่างกาย
และความผิดปกติของเส้นลมปราณ
แสดงว่าผู้ป่วยที่มีการติดขัด
ของพลังลมปราณมาก่อน
มีโอกาสเกิดอัมพาตบนใบหน้าได้ง่าย
ถ้ากระทบลมและความเย็น
65
คนที่กล้ามเนื้ออ่อนแรงอย่างมาก
มีพยากรณ์โรคไม่ดี
ตรงกับแพทย์จีน
ที่กล่าวถึงผู้ป่วยประเภทนี้
เป็นประเภทพื้นฐานเลือดและพลังพร่อง
ซึ่งถ้าได้รับการรักษาสมดุลร่างกาย
ควบคู่ไปด้วย
จะทาให้พยากรณ์โรคดีขึ้น
คนที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพ
าต
เป็นกลุ่มที่มีพยากรณ์โรคไม่ค่อยดีเช่น
กัน
ซึ่งเกี่ยวข้องกับพลังหยาง
หรือเลือดและพลังไหลเวียนมาได้น้อย
จาเป็นต้องปรับสมดุลควบคู่กันไปด้วย
66
เช่นเดียวกับคนที่มีความดันโลหิตสูง
ซึ่งเทียบได้กับที่มีภาวะหยางของตับแก
ร่ง
และผู้ป่วยที่มีเสมหะ ความชื้นมาก
ก็ต้องปรับระบบย่อย ระบบม้าม
รวมทั้งจัดการกับเสมหะ
(มีความหมายครอบคลุม
ถึงภาวะไขมันในเลือดด้วย)
๔. ถ้ามองในทัศนะแพทย์จีน
การปรับสมดุลของเส้นลมปราณบริเวณ
ใบหน้า
ให้เลือดและพลังไหลเวียนดี
จะช่วยทาให้การฟื้นตัวของกล้ามเนื้ออั
มพาตหายได้เร็วขึ้นได้อย่างแน่นอน
67
การปรับสมดุลด้วยยา
ทั้งบารุง ปรับและขจัดปัจจัยก่อโรค
จะยิ่งมีผลทาให้การหายเร็วขึ้น
และพยากรณ์ของโรคจะดีขึ้นกว่า
การรักษาที่เส้นประสาทคู่ที่ ๗
อย่างเดียวล้วนๆ
๕. การรักษาแบบจีน
ใช้หลัก...เปี้ยนเจิ้ง
คนที่เป็นโรคเหมือนกัน รักษาต่างกัน
เพราะพื้นฐานร่างกายต่างกัน
แต่การรักษาแบบแผนปัจจุบัน
ค่อนข้างเป็นมาตรฐาน
คือใช้เพร็ดนิโซโลน ทุกรายเป็นหลัก
เพราะเป็นโรคเดียวกัน
ต้องมาตรฐานการรักษาเดียวกัน
๖.
คนที่มีปัญหาพื้นฐานร่างกายผิดปกติ
68
เสียสมดุลและมีปัญหาของเส้นลมปราณ
บริเวณใบหน้าติดขัดจากสาเหตุใดมาก่
อนเป็นทุนเดิม
ย่อมมีโอกาสเกิดอัมพาตบนใบหน้าของ
ด้านที่เส้นลมปราณติดขัดหรือมีปัญหาไ
ด้ง่ายกว่าคนที่ไม่มีจุดอ่อน
การปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลังหู
ปวดต้นคอ ปวดใบหน้าซีกใดซีกหนึ่ง
ปวดไมเกรนเป็นประจา
บ่งบอกว่าการไหลเวียนของพลังลมปรา
ณติดขัด
ต้องระมัดระวัง
อย่าให้ไปกระทบลมและความเย็นนาน
ๆ
โดยเฉพาะเวลานอน
ต้องระวังพัดลมและแอร์ที่เป่าจ่อบริเวณ
ใบหน้า
69
ปัจจุบัน โรคจานวนมาก
แม้เราจะหาสาเหตุที่เป็นผลทาให้เกิดโร
คได้
เช่น ไวรัสบางตัว
หรือมีความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
ของร่างกาย
แต่การรักษาที่มุ่งเน้นไปแก้ปัญหาเฉพา
ะส่วน
(เช่น ฆ่าไวรัส หรือกดภูมิคุ้มกันก็ดี)
ในโรคที่ต้องรักษากันยาวนาน
แพทย์ก็เข้าใจดี
และพยายามลดปริมาณลง
เพื่อให้ร่างกายปรับตัวเอง
70
การปรับสมดุลแบบแพทย์จีน
ถือเป็นวิธีการช่วยให้ร่างกายปรับตัว
และมีศักยภาพในการรักษาตัวเอง
อีกวิธีหนึ่ง
ที่มุ่งเน้นการปรับสมดุล
ทั้งระบบอวัยวะภายในและระบบเส้นลม
ปราณ
(ซึ่งเชื่อมโยงไปอวัยวะภายในด้วย)
การสร้างปัจจัยที่เหมาะสม
หรือการปรับสมดุลภาวะแวดล้อมของร่
างกาย
จะทาให้ร่างกายสร้างยาในร่างกาย
มารักษาตัวเอง
โดยไม่ต้องพึ่งจากภายนอก
หรือใช้จากภายนอกให้น้อยสุด
ทาให้การรักษาหายเร็วขึ้น
71
และลดภาวะทุกข์ทรมานของผู้ป่วยได้เ
ร็วขึ้น
อัมพาตใบหน้า
ในทัศนะเปรียบเทียบ ๒ แผน
คงให้แง่คิดแก่ผู้สนใจช่วยกันศึกษาเพิ่ม
เติม
ให้รอบด้านยิ่งๆ ขึ้นไป
72
หลีกเลี่ยงสิ่งร้าย
กระทบฮวงจุ้ยบ้าน
https://www.home.co.th/living/topic-1541
73
เวลาปรับปรุงฮวงจุ้ยบ้าน
สิ่งที่คนคานึงถึงมากที่สุด
ก็คือเรื่องความเจริญรุ่งเรือง ร่ารวย
74
ส่วนสิ่งสาคัญที่เจ้าของบ้าน
ควรคานึงถึงมากที่สุด
ก็คือ “หลีกเลี่ยงเคราะห์ภัย มุ่งหามงคล”
เพราะถ้าไม่มีความเสื่อม ก็จะไม่มีทุกข์
ความวิตกกังวล
พอมีความสุขสบายใจ
ก็ค่อยเเสวงหาโอกาสให้ตัวเอง
โดยสิ่งร้ายของฮวงจุ้ยที่รุนเเรง
เเละเห็นผลร้ายได้เร็ว
จะเป็นพวกพลังงานที่กระทบ กระเเทก
กระเทือนทิศร้าย
เรียกว่า ทิศอสูรหรือทิศส่วนผั่วะ
(ทิศแตก)
ยิ่งปีนี้ (2560) ทิศอสูร
75
จะรวมตัวอยู่ในโซนตะวันออก
ตั้งเเต่ 45-130 องศา
ตามความเชื่อเเล้ว
ถ้าบ้านไหนไปตอก เจาะ
ซ่อมบ้านทางทิศนั้น
ก็จะเกิดเรื่องวิบัติได้
ส่วนสิ่งร้ายนี้ จะนามาพูดถึงในวันนี้
เกี่ยวกับสภาพบริเวณ
โครงสร้างอาคาร สิ่งเเวดล้อม
หรือเรียกว่า “ชัยภูมิฮวงจุ้ย”
ซึ่งถ้าเป็นด้านลบ
ปล่อยไว้นานๆ จะส่งผลเสียได้
76
? สภาพที่ดินเทออกจากบ้าน
? สวนอุดพลัง
? บ้านบิดเบี้ยว
? มุมเเหลมทิ่มแทง
? ทัณฑ์พิฆาต
?
หม้อแปลงไฟฟ้ าและเสาไฟฟ้ าเเรงสูง
77
? สภาพที่ดินเทออกจากบ้าน
โดยบริเวณที่ดินรอบๆ ตัวบ้าน
มีลักษณะลาดเทออก
พลังงานก็จะไหลออกนอกบ้านนั่นเอง
เช่น ปลูกบ้านอยู่บนเนินเขาหรือเนินสูง
พลังงานจะไหลออกทุกทิศทาง
โดยเฉพาะตาแหน่งหน้าบ้าน
ซึ่งเป็นตาแหน่งโชคลาภเงินทอง
78
หาก...เท หรือ ลาดเอียง
ออกจากตัวอาคารมากเกินไป
จะทาให้ ความมั่งคั่งของบ้าน
ลดน้อยลง
79
โดยเฉพาะโครงการบ้านจัดสรร
เป็นจานวนมาก
มักจะทาลานลาดเท
บริเวณโรงจอดรถ
เพื่อที่เวลาล้างรถแล้ว
น้าไหลออกทางหน้าบ้านได้
ดังนั้น ควรแก้ไข
ให้เรียบเสมอกัน
เป็นระดับเดียวกับถนน
หรือสนามหญ้าหน้าบ้าน
? สวนอุดพลัง
80
มีบ้านหลายหลังที่เจ้าของบ้าน
ออกแบบบ้าน
เพื่อให้มีความเป็นส่วนตัว
ด้วยการปลูกต้นไม้
และจัดสวนหินให้มีลักษณะเป็นพุ่มให
ญ่
จนรกเต็มพื้นที่สวนในบ้าน
ทาให้ไม่มีสภาพ “เหม่งตึ๊ง”
หรือ ลานโล่งที่สะสมพลัง
ความมั่งคั่งไม่เหลืออยู่เลย
81
เพราะประตูทางเข้า
ถูกบังลมและแสงแดด
เข้าบ้านได้ยาก
ส่งผลให้พลังของประตู
มีสภาพเป็นหยิน(สงบนิ่ง)
มีผลให้คนในบ้าน
จะขี้เกียจและทามาหากินลาบาก
82
83
? บ้านบิดเบี้ยว
ตัวอาคารที่ดีจะต้องดูสมดุลและมั่นคงเเ
ข็งเเรง
เพราะหลักการของชัยภูมิฮวงจุ้ย
อยู่ที่ “อาคารเป็นเช่นไร
คนก็เป็นเช่นนั้น”
ดังนั้นถ้าอยู่อาศัยในอาคารที่มีรูปทรงบิ
ดเบี้ยวนานๆ พลังของสถานที่
จะทาให้ร่างกายของคนอยู่อาศัย
ไม่สมดุลหรือพิการได้
และอาจจะมีปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกด้วย
84
นอกจากนี้
บ้านที่มีรูปทรงตัวอักษรภาษาอังกฤษ
เช่น บ้านรูปตัว C ตัว L และตัว S
ทางฮวงจุ้ย
ถือว่าไม่ดีด้วยเช่นกัน
เพราะตัวบ้านมีรูปทรงบิดเบี้ยว
อาจทาให้อากาศไหลเวียนไม่สะดวก
บางตัวอักษร
มีโครงสร้างที่มีจุดศูนย์กลาง
85
(หรือจุดศูนย์ถ่วงของเนื้ออากาศ)
อยู่ภายนอกอาคาร
เรียกกันว่า เป็นบ้าน “ไร้หัวใจ”
หมายถึง ไร้ใจกลางของสิ่งปลูกสร้าง
เวลาสร้างบ้านออกมาเเล้ว
มักไม่ค่อยมีคนอยู่
เพราะศูนย์ถ่วงกลับไปอยู่ภายนอก
86
87
? มุมเเหลมทิ่มแทง
การเลือกทาเลของบ้านที่ดีอย่างหนึ่ง
คือ การเข้าไปอยู่ในสถานที่ปราศจาก
“สั่วะ”
หรือมีมุมแหลมที่ทิ่มแทงเข้ามา
88
ทาให้เจ้าของบ้าน
ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องทะเลาะวิวา
ท หรือเดือดร้อนเรื่องคดีความ
ยิ่งมุมแหลมมีขนาดใหญ่ก็ยิ่งมีผลมาก
เช่น มุมเเหลมของตึกสูงเกิน10 ชั้น
เท่ากับเเท่งมีดขนาดใหญ่
ที่ฟาดฟันอาคารที่เราอยู่
89
วิธีแก้ไข
คือควรติดกระจกเงา
ทรงครึ่งวงกลม ขนาดใหญ่
หันไปทางทิศที่มีมุมแหลม
ที่มาจากอาคารนั้น
และไม่ควรปลูกพืชตระกูลปาล์ม
ที่มีแฉก ใบแหลมคม
จะส่งผลให้คนในบ้าน
มีเรื่องชวนทะเลาะกับคนอื่นๆ
และ เรื่องหาผลประโยชน์อีกด้วย
90
? ทัณฑ์พิฆาต
หมายถึง
ช่องทางที่มีกระเเสลม
91
พัดเข้ามาอย่างเเรง
และบีบเล็กเป็นช่อง
เช่น ช่องลมระหว่างตึกใหญ่ 2 ตึก
รวมถึง ช่องโล่ง ที่เป็นกระเเสพลัง
บีบมาทางด้านหน้าอย่างรุนแรง
หรือที่เรารู้จักกันดี
ในชื่อที่ว่า “ทางสามแพร่ง”
92
93
แต่การจะเป็นทัณฑ์พิฆาตได้นั้น
ต้องพิจารณาจาก องศาทิศทาง
ประกอบด้วยว่าร้ายหรือไม่
แม้ว่า ทางสามแพร่ง
จะเปรียบได้กับศูนย์รวมของพลังที่รุนเเ
รง
เเต่มิใช่ว่าจะเจอกระเเสลมเหล่านี้เเล้ว
จะส่งผลร้ายเสมอไป
กลับกัน หากเป็นพลังงานที่ดี
ก็จะส่งผลดีให้เกิดความมั่งคั่ง
ร่ารวยอย่างรวดเร็วได้
94
95
96
97
?
หม้อแปลงไฟฟ้ าและเสาไฟฟ้ าเเรงสูง
หากสามารถเลี่ยงได้
ก็จะเกิดผลดีต่อสุขภาพของคนในบ้าน
หรือที่ทางาน
เนื่องจากตัวหม้อแปลงไฟฟ้ า
มีสนามแม่เหล็กที่เข้มข้น
ขณะที่เลือดในร่างกายของเรา
ก็มีเหล็กจานวนมาก
ยิ่งถ้าห้องนอนอยู่ใกล้กับหม้อแปลง
จะส่งผลให้สนามแม่เหล็กรบกวนพลังใ
นตัวเรา
อาจทาให้เกิดเป็นโรคมะเร็งและโรคภูมิ
คุ้มกันต่างๆ
98
วิธีแก้ไข
คือ จัดห้องนอน
ให้อยู่ห่างจากหม้อแปลง ประมาณ 5
เมตร
99
ส่วนเสาไฟฟ้ าเเรงสูง
จะมีพลังคลื่นไฟฟ้ าสูงกว่าหม้อแปลง
ดังนั้นแปลงที่ดิน
ที่มีเสาไฟฟ้ าเเรงสูงตั้งอยู่
ราคาจะไม่เเพง
ทาให้มีบ้านจัดสรรหลายโครงการ
ใช้วิธีลดต้นทุนในการซื้อที่ดิน
โดยใช้พื้นที่ที่มีเสาไฟฟ้ าแรงสูง
เป็นพื้นที่ส่วนกลาง
ดังนั้นหากจะเลือกซื้อบ้าน
ที่มีเสาไฟฟ้ าแรงสูง
อยู่ในโครงการ
100
ตัวบ้าน
ก็ควรจะอยู่ห่างจากเสาไฟฟ้ า
อย่างน้อย 50 เมตร จึงจะปลอดภัย
101
และนี้คือ “สิ่งร้าย”
ที่ทางฮวงจุ้ยบ้านให้หลีกเลี่ยง
อย่าลืมว่า
ถ้าจะปรับปรุงสิ่งใดก็ตาม
ภายในบ้านที่ต้องทุบ เคาะ ตอก เจาะ
จะต้องไม่ทาในทิศร้าย
เเต่ถ้าจาเป็น
ควรปรึกษาซินเเสที่มาความรู้จริง
มาช่วยแก้ปัญหา
102
โป๊ ยยี่ สี่เถี่ยว
การดูดวงชะตา
แบบจีน 八字四柱
https://www.mahamongkol.com/m/tag.php?id=325
โป๊ ยยี่ 八字 แปลว่า อักษร 8 ตัว
สี่เถี่ยว 四柱 แปลว่า เสา 4 ต้น
หรือสี่ฐาน
เสาต้นที่หนึ่ง คือ ปีเกิด
เสาต้นที่สอง คือ เดือนเกิด
เสาต้นที่สาม คือ วันเกิด
เสาต้นที่สี่ คือ เวลาตกฟาก
103
เมื่อนามาผูกเป็นดวง
ได้อักษรทั้งหมด 8 ตัว
จัดเรียงกันเป็น 4 แถว
คนจีนโบราณ
ถือว่า ชะตาชีวิตของคน
เปรียบเสมือน “ก้วยฮวยเหมียวถึง”
ก้วย คือ ผลไม้
ฮวย คือ ดอกไม้
เหมียว คือ ต้น
ถึง คือ ราก
104
ผล ดอก ต้น ราก ของดวงชะตา
เป็นการเปรียบชะตาชีวิตกับต้นไม้
ว่า ต้องมีที่มา
คือ ราก ลาต้น แล้วออกดอกออกผล
เป็นดวงชะตา
ในการผูกดวงจีน
จึงต้องนาปี เดือน วัน และเวลาเกิด
มาพิจารณา เหมือนการผูกดวงไทย
105
แต่รายละเอียดของกฏเกณฑ์จะผิดกัน
เช่น การดูวันเวลา
แม้วันไทยและวันจีน
จะเป็นวันทางจันทรคติเหมือนกัน
แต่นับวันเริ่มต้นของแต่ละปีต่างกัน
เป็นต้น
106
นอกจากนี้ เวลาตกฟาก
ตามหลักการดูดวงจีน
ก็จะมีรายละเอียดลึงลงไป
เป็นการแบ่งช่วงเวลาตกฟาก
ออกเป็น 12 ช่วง หรือ 12 ซี้
แต่ละซี้
จะกินช่วงเวลา 2 ชั่วโมง ดังนี้
 จื้อซี้ 子 ยามชวด(หนู) เวลา 23.00น. – 24.59น.
 ทิ่วซี้ 丑 ยามฉลู(วัว) เวลา 01.00น. – 02.59น.
 เอี๊ยงซี้ 寅 ยามขาล(เสือ) เวลา 03.00น. – 04.59น.
 เบ ้าซี้ 卯 ยามเถาะ(กระต่าย) เวลา 05.00น. – 06.59น.
 ซิ้งซี้ 辰 ยามมะโรง(งูใหญ่) เวลา 07.00น. – 08.59น.
 จี๋ซี้ 巳 ยามมะเส็ง(งูเล็ก) เวลา 09.00น. – 10.59น.
 โหงวซี้ 午 ยามมะเมีย(ม ้า) เวลา 11.00น. – 12.59น.
107
 บี่ซี้ 未 ยามมะแม(แพะ) เวลา 13.00น. – 14.59น.
 ซิ่งซี้ 申 ยามวอก(ลิง) เวลา 15.00น. – 16.59น.
 อิ๊วซี้ 酉 ยามระกา(ไก่) เวลา 17.00น. – 18.59น.
 สุกซี้ 戌 ยามจอ(สุนัข) เวลา 19.00น. – 20.59น.
 ไหซี้ 亥 ยามกุน(หมู) เวลา 21.00น. – 22.59น.
• ไหซี้ 亥 ยามกุน(หมู)
เวลา 21.00น. – 22.59น.
108
• จื้อซี้ 子
ยามชวด(หนู) เวลา 23.00น. –
24.59น.
• ทิ่วซี้ 丑 ยามฉลู(วัว)
เวลา 01.00น. – 02.59น.
• เอี๊ยงซี้ 寅 ยามขาล(เสือ)
เวลา 03.00น. – 04.59น.
109
• เบ้าซี้ 卯 ยามเถาะ(กระต่าย)
เวลา 05.00น. – 06.59น.
• ซิ้งซี้ 辰 ยามมะโรง(งูใหญ่)
เวลา 07.00น. – 08.59น.
• จี๋ซี้ 巳 ยามมะเส็ง(งูเล็ก)
เวลา 09.00น. – 10.59น.
• โหงวซี้ 午 ยามมะเมีย(ม้า)
เวลา 11.00น. – 12.59น.
• บี่ซี้ 未 ยามมะแม(แพะ)
เวลา 13.00น. – 14.59น.
110
• ซิ่งซี้ 申 ยามวอก(ลิง)
เวลา 15.00น. – 16.59น.
111
• อิ๊วซี้ 酉 ยามระกา(ไก่)
เวลา 17.00น. – 18.59น.
• สุกซี้ 戌 ยามจอ(สุนัข)
เวลา 19.00น. – 20.59น.
(รูปดวงตัวอย่าง)
ดวงชะตาที่ผูกขึ้น
เป็นตัวอักษร 8 อักษรนี้
112
ผูกขึ้นโดยอาศัยปฎิทินจีน
ที่ใช้ในการผูกดวง
ที่มีราศีบน 10 ราศี
คือ เทียงกัง (天干)
เรียกว่า ราศีบนฟ้ า
กับ ราศีล่าง 12 ราศี
คือ ตี่จี๊ (地支)
เรียกว่า ราศีบนดิน
หรือ 12 นักษัตร
113
นาราศีบนและราศีล่าง
มาจับคู่กันเป็น 60 คู่ เป็นหนึ่งวัฏจักร
เรียกว่า 60 ราศี
นามาเป็นที่กาหนดของดวงชะตาทั้งหม
ด
114
เมื่อได้ ปี เดือน วัน และเวลาเกิด
มาคานวณ
จะทาให้รู้เวลาที่ดวงชะตาเริ่มต้น
หรือ อายุเริ่มต้น
ซึ่งแต่ละคน
เวลาที่ดวงชะตาเริ่มเดิน จะไม่พร้อมกัน
เช่น บางคนจะเริ่มเดินตั้งแต่อายุ 1
ขวบ
บางคนเริ่มเดินเมื่อ 3 ขวบ เป็นต้น
แล้วดูจนถึงเวลาที่อายุจะสิ้นสุด
หรือหมดอายุขัย
ซึ่งหมายความว่า ซินแส ต้องดูแม่นด้วย
115
นอกจากนี้
ก็ทาให้ทราบว่า
เจ้าของดวงชะตา
มีธาตุอะไรในดวงบ้าง
ซึ่งจะมีอยู่ 5 ธาตุ
ได้แก่ ธาตุดิน ธาตุทอง ธาตุน้า ธาตุไม้
และธาตุไฟ
116
ทาให้บอกได้ถึงพื้นดวงว่าเป็นคนอย่าง
ไร
มีนิสัยใจคอ สติปัญญา
ความเจริญก้าวหน้า และสุขภาพ
เหมือนการดูดวงทั่วไป
ซึ่งโป๊ยหยี่
จะดูได้ถึงเรื่องคู่
อาชีพที่ทาให้ก้าวหน้ามั่นคง
ดูกระทั่งการเกิดเรื่องไม่ดีในชีวิต
ส่วนใหญ่จะเกิดในเดือนใด
ปีทองของชีวิต
เรียกว่า เกี่ยอุ่ง จะเริ่มเดินเมื่อไร
ซึ่งถ้าเป็นปีทองแบบย่อ
เข้าทานองเป็นแค่ปีเงิน เรียกว่า
เสียวอุ่ง
117
ดูได้ลึกถึงฮวงจุ้ยบ้าน
ว่าควรอยู่ทิศไหน
จึงจะรุ่งเรือง
รวมถึงดู วิธีการเสริมดวง
หรือ ปรับแก้ดวงชะตา
118
119
120
121
122
123
124
ทิศห้องนอนตามหลักฮวงจุ้ย
ผู้ที่เป็นเจ้าบ้าน
ห้องนอนควรอยู่ทิศไหนดี
พร้อมวิธีการคิดรหัสราศี ?
https://www.thaihometown.com/fengshui/6723/
ยุคสมัยนี้
คงบอกได้ว่า
ฮวงจุ้ยเป็นสิ่งสาคัญใกล้ตัวของหลายๆค
น บางคนเชื่อ บางคนไม่เชื่อ
แต่ก็นั้นแหละครับ
ความเชื่อเป็นเรื่องของบุคคล
สาหรับใครที่เชื่อเราลองมาตรวจเช็คห้อ
งนอนของตัวเองดีกว่าว่าอยู่ทิศไหน.....
..
125
การจัดห้องนอนตามหลักฮวงจุ้ยนั้น
นอกจากจะดีต่อดวงชะตาผู้อยู่อาศัยแล้
ว
ยังช่วยลดปัญหาการนอนหลับได้อีกด้ว
ย
เราจึงขอนาข้อมูลที่เป็นประโยชน์
เกี่ยวกับทิศห้องนอน สาหรับเจ้าบ้าน
มาฝาก
อยากรู้ว่า
ห้องนอน ควรอยู่ทิศไหนดี
ตาแหน่งห้องนอนของเจ้าบ้าน
ควรอยู่ตรงไหน
ตาแหน่งห้องนอนของคนในบ้าน
ควรอยู่ตรงไหน
ตามมาดู ทิศห้องนอนเจ้าบ้าน
ตาแหน่งเตียงนอนและการตกแต่งห้อง
126
นอน
ตามหลักฮวงจุ้ย
พร้อมด้วยวิธีการคิดรหัสราศี
หลักฮวงจุ้ยสาหรับห้องนอน
►ทิศห้องนอนที่ดี
►ตาแหน่งห้องนอนที่ดี
หลักฮวงจุ้ยของเตียงนอน
►ทิศของเตียงนอนที่ดี
►ตาแหน่งของเตียงนอนที่ดี
►ฮวงจุ้ยของเตียงนอนที่ดี
►เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งห้องนอน
ที่ดี
127
หลักฮวงจุ้ยสาหรับห้องนอน
►ทิศห้องนอนที่ดี
เนื่องจากห้องนอนแต่ละทิศ
สามารถส่งผลต่อเจ้าของบ้านได้แตกต่า
งกัน
ฉะนั้นมาดูกันว่าเจ้าของบ้าน
ควรจะเลือกห้องนอนในทิศไหน
และหลีกเลี่ยงห้องนอนในทิศไหน
ตามหลักฮวงจุ้ยต่อไปนี้ค่ะ
128
1. ทิศตะวันตกเฉียงใต้
ห้องนอนในทิศตะวันตกเฉียงใต้
เป็นทิศที่เหมาะกับเจ้าของบ้านมาก ๆ
เพราะเป็นทิศที่ช่วยส่งเสริม
ให้ชีวิตของเจ้าของบ้านดีขึ้น
การทางานก็ไหลลื่น การเงินก็ดี
มีเสน่ห์ดึงดูดใจ
และที่สาคัญยังช่วยส่งเสริม
ในเรื่องโชคลาภและหน้าที่การงาน
2. ทิศตะวันตก
129
ต้องบอกว่าห้องนอนในทิศตะวันตกนี้
ให้ผลดีกับเจ้าของบ้านเช่นเดียวกัน
โดยเฉพาะสาหรับเจ้าของบ้านที่เป็นผู้ห
ญิง
จะยิ่งเหมาะมาก
ดังนั้น ทิศตะวันตก
จึงถือเป็นอีกหนึ่งทิศห้องนอน
ที่เหมาะสาหรับเจ้าของบ้าน
3. ทิศใต้
130
นอกจากทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศตะ
วันตกแล้ว
ทิศใต้ก็เป็นอีกทิศหนึ่ง
ที่เหมาะสาหรับห้องนอนเจ้าของบ้าน
ฉะนั้นถ้าบ้านไหนที่ไม่มีห้องนอน
อยู่ในทิศตะวันตกเฉียงใต้หรือทิศตะวัน
ตกล่ะก็ เจ้าของบ้าน
ก็สามารถเลือกทิศใต้แทนได้ค่ะ
4. ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
131
ห้องนอนในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
เป็นทิศที่ไม่ค่อยเหมาะกับเจ้าของบ้านสั
กเท่าไร
เพราะเชื่อว่าการนอนในทิศนี้
จะทาให้ชีวิตไม่มั่นคง
มีปัญหาด้านการเงิน
และมักจะต้องปวดหัวกับเรื่องงาน
ทั้ง ๆ ที่ไม่จาเป็นอยู่บ่อย ๆ
ทว่าห้องนอนในทิศนี้
เหมาะจะใช้เป็นห้องนอนสาหรับแขกค่
ะ
132
5. ทิศตะวันออกเฉียงใต้
ห้องนอนในทิศตะวันออกเฉียงใต้
เป็นทิศที่ไม่ค่อยเหมาะกับเจ้าของบ้าน
และสมาชิกคนอื่น ๆ เช่นกัน
เพราะตามหลักฮวงจุ้ย
เชื่อว่าจะทาให้นอนไม่ค่อยหลับ
รู้สึกวิตกกังวล และเป็นคนใจร้อน
6. ทิศตะวันออก
เป็นทิศที่ไม่ค่อยดีสาหรับเจ้าของบ้านเป็
นสักเท่าไร
ทว่าบ้านไหนที่มีห้องนอนอยู่ในทิศนี้ก็ไ
ม่ต้องเครียดไปเพราะจริง ๆ แล้ว
ห้องนอนทิศนี้ดีกับสมาชิกที่เป็นเด็ก
เช่น
ห้องนอนลูกสาวหรือห้องนอนลูกชาย
133
7. ทิศเหนือ
ทิศเหนือ
ก็ไม่ค่อยเหมาะกับ
เจ้าของบ้านเช่นเดียวกับทิศตะวันออก
แต่สามารถใช้เป็นห้องนอนเด็กได้
ฉะนั้นเพื่อให้ถูกหลักฮวงจุ้ย
เจ้าของบ้าน
ควรหลีกเลี่ยงห้องนอนทิศนี้จะดีที่สุด
8. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
134
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
เป็นทิศที่ไม่เหมาะสาหรับเจ้าของบ้านเ
ป็นอย่างมาก
เนื่องจากทั้งทิศตะวันออกและทิศเหนือ
ต่างก็เป็นทิศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
และการเงินของเจ้าบ้าน
ฉะนั้นเจ้าของบ้านหลาย ๆ คน
จึงควรหลีกเลี่ยงทิศนี้เอาไว้
ทว่าถ้าหากบ้านไหน
ที่มีทางเข้าบ้านอยู่ทางทิศตะวันตก
หรือบ้านหันหน้าไปหาทิศใต้
ก็สามารถที่จะใช้ห้องนอน
135
ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
เป็นห้องนอนหลักได้
ส่วนถ้าใครที่ไม่ได้หันไปทางทิศดังกล่า
ว
ก็ไม่เป็นไร
เพราะจริง ๆ แล้ว ห้องนอนทิศนี้
จะเหมาะกับสมาชิกที่เป็นเด็ก ๆ
มากกว่า
►ตาแหน่งห้องนอนที่ดี
- ห้องนอนที่ดี ควรอยู่ที่ส่วนหลังของบ้าน
ส่วนที่ใกล้กับสวนหรือส่วนที่ห่างไกลจากความวุ่นว
าย
136
- ห้องนอนที่ดี ไม่ควรอยู่เหนือโรงจอดรถ
- ห้องนอนที่ดี ไม่ควรอยู่ใต้ห้องน้าหรือห้องนั่งเล่น
- ห้องนอนที่ดี ไม่ควรอยู่เหนือหรือใกล้ห้องครัว
- ห้องนอนที่ดี ไม่ควรมีขนาดใหญ่เกินไป
- ห้องนอนที่ดี ไม่ควรใช้เพดานสโลปหรือเพดานต่า
- ห้องนอนที่ดี ไม่ควรมีเครื่องใช้ไฟฟ้ าอยู่ในห้อง
- ห้องนอนที่ดี ไม่ควรมีโต๊ะทางาน
- ห้องนอนที่ดี
ควรอยู่ที่ส่วนหลังของบ้าน
ส่วนที่ใกล้กับสวน
หรือส่วนที่ห่างไกลจากความวุ่นวาย
137
เนื่องจากห้องนอน
เป็นสถานที่แห่งการพักผ่อน
ซึ่งต้องการความสงบ
ฉะนั้นเราจึงต้องเลือกห้อง
ให้ห้องนอน
เป็นห้องที่ไม่ค่อยมีอะไรรบกวน
และมีความเป็นส่วนตัวมากที่สุด
- ห้องนอนที่ดี
ไม่ควรอยู่เหนือโรงจอดรถ
เพราะมีความเสี่ยงที่เราจะถูกรบกวนได้
ง่าย
ไม่ว่าจะเป็นเสียงรถ ควันรถ
เสียงเปิดประตู
หรืออุณหภูมิที่ร้อนกว่าปกติด้วย
138
- ห้องนอนที่ดี
ไม่ควรอยู่ใต้ห้องน้าหรือห้องนั่งเล่น
เนื่องจากเสียงจากห้องดังกล่าว
อาจรบกวนการนอนหลับ
หรือทาให้เราหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดทั้งคืน
- ห้องนอนที่ดี
ไม่ควรอยู่เหนือหรือใกล้ห้องครัว
เพราะความร้อนจากการทาอาหารและ
ตู้เย็น
สามารถส่งผลไปถึงห้องนอนด้านบน
อีกทั้งยังเชื่อว่าห้องนอนเหนือห้องครัว
จะทาให้พลังงานไม่ดี
139
ไปรบกวนการนอนหลับได้ง่าย
และยังก่อให้เกิดปัญหาเรื่องสุขภาพได้อี
กด้วย
- ห้องนอนที่ดี
ไม่ควรมีขนาดใหญ่เกินไป
เนื่องจากขนาดห้องที่กว้าง
สามารถทาให้เรารู้สึกสนใจสิ่งรอบข้าง
จนทาให้รู้สึกตื่นตัวมากกว่าพักผ่อนได้
140
- ห้องนอนที่ดี
ไม่ควรใช้เพดานสโลปหรือเพดานต่า
เพราะจะทาให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกอึดอัด
หรือไม่สะดวกสบายเท่าที่ควรจะเป็น
- ห้องนอนที่ดี
ไม่ควรมีเครื่องใช้ไฟฟ้ าอยู่ในห้อง
ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ ตู้เย็น
โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่ง โทรศัพท์
ก็ไม่ควรอยู่ในห้อง
เนื่องจากสิ่งของเหล่านี้
สามารถรบกวนการนอนหลับของคุณไ
ด้
141
- ห้องนอนที่ดี
ไม่ควรมีโต๊ะทางาน
หรือนางานเข้ามาทาในห้องนอน
เพราะจะทาให้คุณหลับไป
โดยคิดแต่เรื่องงาน
แทนที่จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
142
143
หลักฮวงจุ้ยของเตียงนอน
►ทิศของเตียงนอนที่ดี
ตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว
ทิศของเตียงนอนที่ดี
สามารถดูได้จากรหัสราศี หรือ Kua
Number
โดยเราสามารถหารหัสราศีของตัวเองไ
144
ด้
ดังวิธีต่อไปนี้
1. นาเลขท้าย 2 ตัว
ของปีเกิดแบบคริสต์ศักราชมาบวกกัน
เช่น เกิดปี 1993
ก็ให้นา 9+3=12
2. ถ้าเกิดก่อนช่วงตรุษจีน
(ประมาณมกราคม-กุมภาพันธ์)
ให้นาตัวเลขที่ได้
มาลบออกด้วย 1
แต่ถ้าหากเกิดหลังตรุษจีนไปแล้ว
ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย
145
3. ทาให้ตัวเลขที่ได้
กลายเป็นเลขเดี่ยว
เช่น จาก 12 ก็นา 1+2=3
4. ถ้าเป็นผู้ชายให้ลบออกจาก 10
เช่น 10-3=7
(สาหรับ ผู้ชายที่เกิดหลังปี 2000
ให้ลบด้วย 9)
ส่วนถ้าเป็นผู้หญิงให้บวกกับ 5
เช่น 5+3=8
(สาหรับ ผู้หญิงที่เกิดหลังปี 2000
ให้บวกด้วย 6)
146
เท่านี้...เราก็จะได้...รหัสราศี
ซึ่งหลังจาก
ที่เราได้รหัสราศี (Kua Number) แล้ว
ก็สามารถหันหัวเตียงนอน
ไปยังทิศทางที่ดีได้
ดังนี้
เลข 1 : ทิศที่ดี ได้แก่ ทิศเหนือ
(ความก้าวหน้า), ทิศใต้ (ความรัก),
ทิศตะวันออก (สุขภาพ),
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ความร่ารวย)
147
เลข 2 : ทิศที่ดี ได้แก่ ทิศตะวันตก
(สุขภาพ),
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
(ความร่ารวย),
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (ความรัก),
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ความก้าวหน้า)
เลข 3 : ทิศที่ดี ได้แก่ ทิศเหนือ
(สุขภาพ),
ทิศใต้ (ความร่ารวย),
ทิศตะวันออก (ความก้าวหน้า),
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ความรัก)
เลข 4 : ทิศที่ดี ได้แก่ ทิศเหนือ
(ความร่ารวย),
ทิศใต้ (สุขภาพ), ทิศตะวันออก
148
(ความรัก),
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ความก้าวหน้า)
เลข 5 : ทิศที่ดีสาหรับผู้ชาย
ได้แก่ ทิศตะวันตก (สุขภาพ),
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
(ความร่ารวย),
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (ความรัก),
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ความก้าวหน้า)
149
ทิศที่ดีสาหรับผู้หญิง
ได้แก่ ทิศตะวันตก (ความรัก),
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
(ความก้าวหน้า),
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (สุขภาพ),
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ความร่ารวย)
เลข 6 : ทิศที่ดี ได้แก่ ทิศตะวันตก
(ความร่ารวย),
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (สุขภาพ),
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
(ความก้าวหน้า),
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ความรัก)
150
เลข 7 : ทิศที่ดี ได้แก่ ทิศตะวันตก
(ความก้าวหน้า),
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (ความรัก),
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (ความร่ารวย),
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (สุขภาพ)
3 8 1
2 4 6
7 9 5
เลข 8 : ทิศที่ดี ได้แก่ ทิศตะวันตก
(ความรัก)
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
(ความก้าวหน้า)
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (สุขภาพ)
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ความร่ารวย)
151
เลข 9 : ทิศที่ดี ได้แก่ ทิศเหนือ
(ความรัก),
ทิศใต้ (ความก้าวหน้า),
ทิศตะวันออก (ความร่ารวย),
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (สุขภาพ)
***สาหรับบุคคลที่แต่งงานแล้ว
ให้ดูตามรหัสราศี (Kua Number)
ของสามีค่ะ***
การใช้ รหัสราศี (Kua Number)
เป็นการใช้งานในภาพรวม
ของการจัดฮวงจุ้ยวิธีหนึ่งเท่านั้น
หากต้องการได้ผลลัพธ์ที่ระบุแน่ชัด
ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ย
152
►ตาแหน่งของเตียงนอนที่ดี
- เตียงนอนที่ดี
ควรดันหัวเตียงติดกับผนัง
-
อยู่ติดผนังคนละฝั่งและอยู่เยื้องกับประ
153
ตู
ไม่ควรตั้งตรงกับประตูโดยตรง
- ไม่ควรอยู่ใต้คาน
- เตียงนอน ไม่ควรอยู่ติดผนังเกิน 1 ฝั่ง
- เตียงนอนที่ดี
ไม่ควรตั้งหัวเตียงไว้ต่ากว่าหน้าต่าง
หรือติดกับหน้าต่าง
- เตียงนอนที่ดี
ควรดันหัวเตียงติดกับผนัง
เพราะจะได้ไม่มีใครเดินผ่านบริเวณหัว
หรือศีรษะ
ทาให้รบกวนการนอนหลับ
154
-
อยู่ติดผนังคนละฝั่งและอยู่เยื้องกับประ
ตู
ไม่ควรตั้งตรงกับประตูโดยตรง
เพราะประตูจะส่งพลังชี่
ที่มากเกินไป
มายังเตียงและรบกวนการนอน
- ไม่ควรอยู่ติดกับผนังห้องน้า
หรือ ผนังห้องครัว
155
เพราะการที่เตียงนอน
อยู่ติดกับผนังห้องน้า
อาจทาให้เราได้ยินเสียงน้าไหล
ส่วนผนังติดห้องครัว
ก็อาจทาให้ความร้อนแผ่มาสู่ห้องนอน
- ไม่ควรอยู่ใต้คาน
เพราะจะทาให้รู้สึกไม่สบายและอึดอัด
ทาให้มีปัญหาเกี่ยวกับการนอน
156
- เตียงนอน ไม่ควรอยู่ติดผนังเกิน 1 ฝั่ง
เพราะหากเราวางเตียงไว้ชิดติดผนังมา
กกว่านั้น
จะทาให้รู้สึกอึดอัด ไม่ยืดหยุ่น
ไม่เป็นอิสระ
แถมยังไม่สมดุลกันอีกด้วย
- เตียงนอนที่ดี
ไม่ควรตั้งหัวเตียงไว้ต่ากว่าหน้าต่าง
หรือติดกับหน้าต่าง
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx
ชีวา ณ 2.docx

Contenu connexe

Plus de SunnyStrong

คุณเป็นใคร 2.docx
คุณเป็นใคร 2.docxคุณเป็นใคร 2.docx
คุณเป็นใคร 2.docxSunnyStrong
 
คุณเป็นใคร 3.docx
คุณเป็นใคร 3.docxคุณเป็นใคร 3.docx
คุณเป็นใคร 3.docxSunnyStrong
 
คุณเป็นใคร 1.docx
คุณเป็นใคร 1.docxคุณเป็นใคร 1.docx
คุณเป็นใคร 1.docxSunnyStrong
 
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
5 Signs of a Strong Novel Plot.docxSunnyStrong
 
7 Fear Archetypes.docx
7 Fear Archetypes.docx7 Fear Archetypes.docx
7 Fear Archetypes.docxSunnyStrong
 
คุณเป็นใคร.docx
คุณเป็นใคร.docxคุณเป็นใคร.docx
คุณเป็นใคร.docxSunnyStrong
 
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docxThe Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docxSunnyStrong
 
Mom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxMom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxSunnyStrong
 
100 words for people.docx
100 words for people.docx100 words for people.docx
100 words for people.docxSunnyStrong
 
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docxHow to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docxSunnyStrong
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxSunnyStrong
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxSunnyStrong
 
ฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docxฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docxSunnyStrong
 
ฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docxฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docxSunnyStrong
 
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docxไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docxSunnyStrong
 
Mom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxMom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxSunnyStrong
 
พื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptxพื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptxSunnyStrong
 

Plus de SunnyStrong (20)

คุณเป็นใคร 2.docx
คุณเป็นใคร 2.docxคุณเป็นใคร 2.docx
คุณเป็นใคร 2.docx
 
คุณเป็นใคร 3.docx
คุณเป็นใคร 3.docxคุณเป็นใคร 3.docx
คุณเป็นใคร 3.docx
 
คุณเป็นใคร 1.docx
คุณเป็นใคร 1.docxคุณเป็นใคร 1.docx
คุณเป็นใคร 1.docx
 
Austria.docx
Austria.docxAustria.docx
Austria.docx
 
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
 
7 Fear Archetypes.docx
7 Fear Archetypes.docx7 Fear Archetypes.docx
7 Fear Archetypes.docx
 
คุณเป็นใคร.docx
คุณเป็นใคร.docxคุณเป็นใคร.docx
คุณเป็นใคร.docx
 
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docxThe Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
 
12 Poems.docx
12 Poems.docx12 Poems.docx
12 Poems.docx
 
Mom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxMom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docx
 
12 Poems.docx
12 Poems.docx12 Poems.docx
12 Poems.docx
 
100 words for people.docx
100 words for people.docx100 words for people.docx
100 words for people.docx
 
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docxHow to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docx
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docx
 
ฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docxฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docx
 
ฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docxฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docx
 
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docxไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
 
Mom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxMom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docx
 
พื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptxพื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptx
 

ชีวา ณ 2.docx