หลักกาลามสูตรคือ พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ โดยความหมายคือหลักแห่งความเชื่อ ไม่ให้เชื่ออย่างงมงาย โดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดี ก่อนที่จะเชื่อ โดยมี ๑๐ ประการ ซึ้งเราสามารถประยุกต์มาใช้กับการพัฒนาคุณภาพได้ เพราะการพัฒนาคือความจริงที่เราต้องค้นหา และนำมาต่อยอดให้เกิดการพัฒนาที่สูงขึ้นไป โดยก่อนที่เราจะเชื่อสิ่งใดนั้น เราต้องมาพิจารณาบริบทของเราว่าเหมาะสมหรือไม่ในการปฏิบัติ อีกทั้งก่อนที่จะเชื่อต้องดูว่าเมื่อปฏิบัติแล้วเกิด ๔ สิ่งนี้หรือไม่ นั่นคือง่ายหรือไม่ มันสนุกหรือไม่ ดีหรือไม่ และ มีความสุขหรือไม่ ขอเชิญศึกษาได้โดยพลันครับ

2. อะไรคือกาลามสูตรอะไรคือกาลามสูตร :: หลักกาลามสูตรคือหลักกาลามสูตรคือ พระสูตรทีพระพุทธเจ้าทรงพระสูตรทีพระพุทธเจ้าทรง
แสดงแก่ชาวกาลามะแสดงแก่ชาวกาลามะ โดยความหมายคือหลักแห่งความเชือ ไม่ให้เชืออย่างโดยความหมายคือหลักแห่งความเชือ ไม่ให้เชืออย่าง
งมงาย โดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดี ก่อนทีจะเชืองมงาย โดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดี ก่อนทีจะเชือ
โดยมีโดยมี ๑๐๑๐ ประการ ซึงเราสามารถประยุกต์มาใช้กับการพัฒนาคุณภาพได้ประการ ซึงเราสามารถประยุกต์มาใช้กับการพัฒนาคุณภาพได้
เพราะการพัฒนาคือความจริงทีเราต้องค้นหา และนํามาต่อยอดให้เกิดการเพราะการพัฒนาคือความจริงทีเราต้องค้นหา และนํามาต่อยอดให้เกิดการ
พัฒนาทีสูงขึนไป โดยก่อนทีเราจะเชือสิงใดนัน เราต้องมาพิจารณาบริบทของพัฒนาทีสูงขึนไป โดยก่อนทีเราจะเชือสิงใดนัน เราต้องมาพิจารณาบริบทของ
เราว่าเหมาะสมหรือไม่เราว่าเหมาะสมหรือไม่ในการในการปฏิบัติ อีกทังก่อนทีจะเชือปฏิบัติ อีกทังก่อนทีจะเชือต้องดูว่าเมือปฏิบัติแล้วต้องดูว่าเมือปฏิบัติแล้ว
เกิดเกิด ๔๔ สิงนีหรือไม่สิงนีหรือไม่ นันนันคือง่ายคือง่ายหรือไม่ มันสนุกหรือไม่ ดีหรือไม่ และหรือไม่ มันสนุกหรือไม่ ดีหรือไม่ และ
มีความสุขหรือไม่มีความสุขหรือไม่ ขอเชิญศึกษาได้โดยพลันครับขอเชิญศึกษาได้โดยพลันครับ
SuradetSuradet srisri

3. ๑๑.. อย่าปลงใจเชือ ตามทีฟังๆ กันมาอย่าปลงใจเชือ ตามทีฟังๆ กันมา
คําว่าคําว่า การได้ยินมาว่าการได้ยินมาว่า คือการทีเราได้ยินว่าทีนันทําแบบคือการทีเราได้ยินว่าทีนันทําแบบนัน ทีนัน ทีนันทําแบบนีนันทําแบบนี
ประสบความสําเร็จแบบนัน ประสบความสําเร็จแบบนี นันคือสิงทีเราได้ยินประสบความสําเร็จแบบนัน ประสบความสําเร็จแบบนี นันคือสิงทีเราได้ยิน
แต่การปฏิบัติอาจเป็ นอีกเรืองหนึง การพัฒนาคุณภาพแนวทางอีกหนึงอย่างทีแต่การปฏิบัติอาจเป็ นอีกเรืองหนึง การพัฒนาคุณภาพแนวทางอีกหนึงอย่างที
เรานํามาใช้คือการทีเราได้ยินว่าเพือนทําอะไรได้ดีแล้วแสวงหามา ถอดเรานํามาใช้คือการทีเราได้ยินว่าเพือนทําอะไรได้ดีแล้วแสวงหามา ถอด
บทเรียนบทเรียน ((มิใช่มิใช่ Copy)Copy) จากสิงทีเพือนทําได้ดี มาปรับใช้เป็ นของตนเอง แต่จากสิงทีเพือนทําได้ดี มาปรับใช้เป็ นของตนเอง แต่
ทว่าการนํามาใช้อาจต้องทบทวนว่าสิงทีนํามานันเป็ นบริบทของเราหรือไม่ทว่าการนํามาใช้อาจต้องทบทวนว่าสิงทีนํามานันเป็ นบริบทของเราหรือไม่
เพราะหลายครังสิงทีเพือนเป็ น กับสิงทีเราเป็ นเพราะหลายครังสิงทีเพือนเป็ น กับสิงทีเราเป็ น
นันไม่เหมือนกัน ทําให้การพัฒนาเป็ นความทุกข์นันไม่เหมือนกัน ทําให้การพัฒนาเป็ นความทุกข์
และเป็ นภาระในทีสุดและเป็ นภาระในทีสุด
SuradetSuradet srisri

4. ๒๒..อย่าปลงใจเชือ ด้วยการถือสืบๆ กันมาอย่าปลงใจเชือ ด้วยการถือสืบๆ กันมา
สิงนีเราเรียกว่าสิงนีเราเรียกว่าความคุ้นชินความคุ้นชินในการปฏิบัติครับ นันคือปฏิบัติกันมาอย่างไรในการปฏิบัติครับ นันคือปฏิบัติกันมาอย่างไร
ฉันก็จะปฏิบัติของฉันอย่างนัน เมือมีการเปลียนแปลง หรือปรับเปลียนวิธีการฉันก็จะปฏิบัติของฉันอย่างนัน เมือมีการเปลียนแปลง หรือปรับเปลียนวิธีการ
ทํางานเพือให้เกิดผลลัพธ์ทีดีกว่า ย่อมจะเกิดแรงต้านของบุคลากรทีมีลักษณะทํางานเพือให้เกิดผลลัพธ์ทีดีกว่า ย่อมจะเกิดแรงต้านของบุคลากรทีมีลักษณะ
แบบนี สิงนีอาจต้องมีการพูดคุยร่วมกัน และบอกเล่าให้เห็นความสําคัญและแบบนี สิงนีอาจต้องมีการพูดคุยร่วมกัน และบอกเล่าให้เห็นความสําคัญและ
ประโยชน์ของการเปลียนแปลงครังนีว่าจะส่งผลดีอย่างไรให้กับผู้รับบริการประโยชน์ของการเปลียนแปลงครังนีว่าจะส่งผลดีอย่างไรให้กับผู้รับบริการ
และตัวของผู้ปฏิบัติเอง แต่การเปลียนแปลงใดๆ ผมขอให้ยึดหลักอยู่และตัวของผู้ปฏิบัติเอง แต่การเปลียนแปลงใดๆ ผมขอให้ยึดหลักอยู่ 44 ข้อข้อ
คือคือ ง่าย มัน ดี มีสุขง่าย มัน ดี มีสุข ถ้าทําได้ดังนี การเปลียนแปลงก็จะเป็ นทียอมรับของทุกถ้าทําได้ดังนี การเปลียนแปลงก็จะเป็ นทียอมรับของทุก
ฝ่ ายครับฝ่ ายครับ
SuradetSuradet srisri

5. ๓๓..อย่าปลงใจเชือ ด้วยการเล่าลืออย่าปลงใจเชือ ด้วยการเล่าลือ
เสียงลือ เสียงเล่าอ้างอันใดพีเอยเสียงลือ เสียงเล่าอ้างอันใดพีเอย ((ผมจําได้เท่านีครับผมจําได้เท่านีครับ)) คําเล่า คําลือคําเล่า คําลือ จะจะ
เป็ นพรายกระซิบหรือเทวดากระซิบก็แล้วแต่ว่าจะเป็ นทางร้ายหรือทางดีเป็ นพรายกระซิบหรือเทวดากระซิบก็แล้วแต่ว่าจะเป็ นทางร้ายหรือทางดี
บ่อยครังเรามักได้ยินเสียงคําเล่าลือว่าองค์กรเราเป็ นแบบนัน เป็ นแบบนี ถ้าบ่อยครังเรามักได้ยินเสียงคําเล่าลือว่าองค์กรเราเป็ นแบบนัน เป็ นแบบนี ถ้า
ดีเราก็ดีใจ แต่ถ้าเป็ นทางไม่ดี แน่นอนว่าเราก็เสียใจ แต่อยากบอกว่า การดีเราก็ดีใจ แต่ถ้าเป็ นทางไม่ดี แน่นอนว่าเราก็เสียใจ แต่อยากบอกว่า การ
พัฒนาคุณภาพไม่มีผิด และไม่มีถูก ทุกอย่างขึนอยู่กับบริบทของเราในพัฒนาคุณภาพไม่มีผิด และไม่มีถูก ทุกอย่างขึนอยู่กับบริบทของเราใน
ขณะนัน การพัฒนาของเราอาจดูแล้วไม่เข้าท่าในสายตาผู้อืน แต่เข้าท่าในขณะนัน การพัฒนาของเราอาจดูแล้วไม่เข้าท่าในสายตาผู้อืน แต่เข้าท่าใน
บริบทของเรา สิงนีไม่ผิด เพียงแต่การพัฒนานันสามารถตอบคําถามเหล่านีบริบทของเรา สิงนีไม่ผิด เพียงแต่การพัฒนานันสามารถตอบคําถามเหล่านี
ได้ได้หรือไม่ คือดีต่อองค์กร ดีต่อตัวเรา และดีหรือไม่ คือดีต่อองค์กร ดีต่อตัวเรา และดี
ต่อผู้รับบริการต่อผู้รับบริการ ถ้าครบถ้าครบ 33 ดี ก็พัฒนาดี ก็พัฒนา
ต่อไปเถอะครับเพราะท่านเดินมาถูกทางแล้วต่อไปเถอะครับเพราะท่านเดินมาถูกทางแล้ว
ครับครับ
SuradetSuradet srisri

6. ๔๔..อย่าปลงใจเชือ ด้วยการอ้างตําราหรือคัมภีร์อย่าปลงใจเชือ ด้วยการอ้างตําราหรือคัมภีร์
เอกสารหรือเอกสารหรือตําราตํารา คือคือสิงทีเราใช้ในการศึกษา เพือหาแง่มุมในการทีเราจะสิงทีเราใช้ในการศึกษา เพือหาแง่มุมในการทีเราจะ
นําไปพัฒนา ซึงในเอกสารและตํารานันย่อมมีเนือหาทีคลอบคลุม และกินนําไปพัฒนา ซึงในเอกสารและตํารานันย่อมมีเนือหาทีคลอบคลุม และกิน
ความทีกว้างขวางสามารถนําไปปรับใช้ได้ทุกขนาดขององค์กร แต่ด้วยขึนชือว่าความทีกว้างขวางสามารถนําไปปรับใช้ได้ทุกขนาดขององค์กร แต่ด้วยขึนชือว่า
เป็ นหนังสือหรือตําราทีออกโดยสํานักนัน สถาบันนี เราจึงเชือว่านีคือคัมภีร์เป็ นหนังสือหรือตําราทีออกโดยสํานักนัน สถาบันนี เราจึงเชือว่านีคือคัมภีร์
ศักดิสิทธิทีทําให้สําเร็จสมความมุ่งหมาย จึงเชือในทุกสิงทีตําราได้เขียนเอาไว้ศักดิสิทธิทีทําให้สําเร็จสมความมุ่งหมาย จึงเชือในทุกสิงทีตําราได้เขียนเอาไว้
แล้วนํามาสู่การปฏิบัติ บางสิงทีเรามีเราก็ปฏิบัติอย่างสบายแล้วนํามาสู่การปฏิบัติ บางสิงทีเรามีเราก็ปฏิบัติอย่างสบาย
ใจ ในสิงทีเราไม่มีก็พยายามหรือก่อตังขึนให้เหมือนกับทีใจ ในสิงทีเราไม่มีก็พยายามหรือก่อตังขึนให้เหมือนกับที
หนังสือบอก สุดท้ายมาในสิงทีเราไม่มีกลายเป็ นภาระในหนังสือบอก สุดท้ายมาในสิงทีเราไม่มีกลายเป็ นภาระใน
ปฏิบัติ เพราะอะไรปฏิบัติ เพราะอะไร ก็เพราะเราไม่ได้มองบริบทของเราก็เพราะเราไม่ได้มองบริบทของเรา
ว่าจําเป็ นแค่ไหนในการนํามาใช้ นันคือไม่ได้พิจารณาก่อนว่าจําเป็ นแค่ไหนในการนํามาใช้ นันคือไม่ได้พิจารณาก่อน
ก่อนทีจะนํามาปฏิบัติว่าคือฉันหรือไม่ก่อนทีจะนํามาปฏิบัติว่าคือฉันหรือไม่ ??
SuradetSuradet srisri

7. คําว่าตรรกะ ในทีนีหมายถึงคําว่าตรรกะ ในทีนีหมายถึงการคาดเดาการคาดเดาครับ แน่นอนว่าการพัฒนาคุณภาพครับ แน่นอนว่าการพัฒนาคุณภาพ
เราต้องยึดหลักข้อเท็จจริง หรือเราต้องยึดหลักข้อเท็จจริง หรือ ManagementbyFactManagementbyFactในการใช้เป็ นข้อมูลในการใช้เป็ นข้อมูล
ในการพัฒนาคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิงเราต้องให้การดูแลเรืองสุขภาพ และในการพัฒนาคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิงเราต้องให้การดูแลเรืองสุขภาพ และ
โรคภัยไข้เจ็บของผู้รับบริการ ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงทีเรามาใช้จึงเป็ นข้อมูลทีโรคภัยไข้เจ็บของผู้รับบริการ ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงทีเรามาใช้จึงเป็ นข้อมูลที
มิใช่เกิดจากการคาดเดาเอาเอง ว่าเป็ นแบบนันหรือเป็ นแบบนี เพราะถ้าเราใช้มิใช่เกิดจากการคาดเดาเอาเอง ว่าเป็ นแบบนันหรือเป็ นแบบนี เพราะถ้าเราใช้
ข้อมูลทีเดาเอาเอง แล้วอะไรคือข้อเท็จจริงทีผู้รับบริการจะได้รับ และอะไรจะข้อมูลทีเดาเอาเอง แล้วอะไรคือข้อเท็จจริงทีผู้รับบริการจะได้รับ และอะไรจะ
เกิดขึนบ้าง ก็ยากทีจะคาดเดาเกิดขึนบ้าง ก็ยากทีจะคาดเดา ดังนันจึงต้องยึดด้วยข้อมูลทีเป็ นจริง เพราะนันดังนันจึงต้องยึดด้วยข้อมูลทีเป็ นจริง เพราะนัน
จะทําให้เรารู้ว่าตอนนีเราอยู่ส่วนใดของการพัฒนาจะทําให้เรารู้ว่าตอนนีเราอยู่ส่วนใดของการพัฒนา
คุณภาพคุณภาพ
๕๕..อย่าปลงใจเชือ เพราะตรรกะอย่าปลงใจเชือ เพราะตรรกะ
SuradetSuradet srisri

8. ๖๖..อย่าปลงใจเชือ เพราะอนุมานอย่าปลงใจเชือ เพราะอนุมาน
การอนุมานก็คือการอนุมานก็คือการคาดคะเนการคาดคะเนครับ ซึงก็คล้ายๆกับการคาดเดาครับ ซึงก็คล้ายๆกับการคาดเดา
นันเอง เพียงแต่การคาดคะเนนันเรายังมีสิงทีนํามาคาดคะเนได้ ผิดนันเอง เพียงแต่การคาดคะเนนันเรายังมีสิงทีนํามาคาดคะเนได้ ผิด
กับการคาดเดาคือไม่มีอะไรเลย แต่ไม่ว่าจะเป็ นแบบใด ก็มิใช่กับการคาดเดาคือไม่มีอะไรเลย แต่ไม่ว่าจะเป็ นแบบใด ก็มิใช่
วิถีทางแห่งการพัฒนาคุณภาพ เพราะล้วนแต่มิได้อาศัย สิงทีเป็ นวิถีทางแห่งการพัฒนาคุณภาพ เพราะล้วนแต่มิได้อาศัย สิงทีเป็ น
ความจริง มาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาครับความจริง มาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาครับ
SuradetSuradet srisri

9. ๗๗..อย่าปลงใจเชือ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผลอย่าปลงใจเชือ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
เราทุกคนมีเราทุกคนมีเหตุผลเหตุผลในการตัดสินใจสิงใดๆด้วยกันทังนันครับ สิงนีก็ขึนอยู่กับในการตัดสินใจสิงใดๆด้วยกันทังนันครับ สิงนีก็ขึนอยู่กับ
ประสบการณ์และความรู้ทีตนมีอยู่ จึงทําให้เกิดกรณีหลายต่อหลายครังว่าทําไมประสบการณ์และความรู้ทีตนมีอยู่ จึงทําให้เกิดกรณีหลายต่อหลายครังว่าทําไม
จึงตัดสินใจแบบนีและอาจมีคําต่อว่า ต่อขานตามมาต่อการกระทําทีเกิดขึน จึงจึงตัดสินใจแบบนีและอาจมีคําต่อว่า ต่อขานตามมาต่อการกระทําทีเกิดขึน จึง
เป็ นทีมาของการพัฒนาคุณภาพ เพือจัดวางระบบ และกําหนดแนวทางในการเป็ นทีมาของการพัฒนาคุณภาพ เพือจัดวางระบบ และกําหนดแนวทางในการ
ปฏิบัติงานเพือให้เป็ นมาตรฐานเดียวกัน เพืออะไรหรือครับ ก็เพือมิให้เจ้าหน้าทีปฏิบัติงานเพือให้เป็ นมาตรฐานเดียวกัน เพืออะไรหรือครับ ก็เพือมิให้เจ้าหน้าที
หรือบุคลากรใช้เหตุผลของตนเองในการตัดสินใจ หรือใช้ให้น้อยทีสุดหรือบุคลากรใช้เหตุผลของตนเองในการตัดสินใจ หรือใช้ให้น้อยทีสุด
เพราะการตัดสินใจด้วยเหตุผลนันย่อมมีความผิดเพราะการตัดสินใจด้วยเหตุผลนันย่อมมีความผิด
พลาดเกิดขึนได้ง่าย เพราะนันอาจมิใช่มาตรฐานพลาดเกิดขึนได้ง่าย เพราะนันอาจมิใช่มาตรฐาน
หรือความปลอดภัยทีผู้ป่ วยได้รับทีแท้จริงครับหรือความปลอดภัยทีผู้ป่ วยได้รับทีแท้จริงครับ
SuradetSuradet srisri

10. ๘๘..อย่าปลงใจเชือ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีทีพินิจไว้แล้วอย่าปลงใจเชือ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีทีพินิจไว้แล้ว
สิงนีเราเรียกว่าสิงนีเราเรียกว่าความเชือมันในตนเองความเชือมันในตนเองครับ การเชือมันในตนเองนันเป็ นสิงทีครับ การเชือมันในตนเองนันเป็ นสิงที
ดี เพราะนันจะทําให้เรามีความมันใจในสิงทีเราจะทํา แต่ถ้ามีมากเกินไปก็จะดี เพราะนันจะทําให้เรามีความมันใจในสิงทีเราจะทํา แต่ถ้ามีมากเกินไปก็จะ
กลายเป็ นสิงทีไม่ดี นันคือเราก็จะไม่ยอมรับฟังในสิงทีเราไม่ชอบใจ แต่จะรับกลายเป็ นสิงทีไม่ดี นันคือเราก็จะไม่ยอมรับฟังในสิงทีเราไม่ชอบใจ แต่จะรับ
ฟังแต่สิงทีตนเองชอบ ซึงในเรืองของการพัฒนาคุณภาพ การรับฟังข้อคิดเห็นฟังแต่สิงทีตนเองชอบ ซึงในเรืองของการพัฒนาคุณภาพ การรับฟังข้อคิดเห็น
จากผู้อืน หรือแหล่งอืนนันเป็ นสิงสําคัญยิง เพราะการพัฒนาจําต้องอาศัยสิงจากผู้อืน หรือแหล่งอืนนันเป็ นสิงสําคัญยิง เพราะการพัฒนาจําต้องอาศัยสิง
ต่างๆจากภายนอกทังทีเรารู้แล้ว ไม่รู้ ชอบ และไม่ชอบมาปรับใช้และปรับต่างๆจากภายนอกทังทีเรารู้แล้ว ไม่รู้ ชอบ และไม่ชอบมาปรับใช้และปรับ
เปลียนกระบวนการการพัฒนาของเราให้ดียิงขึน การทีเราเปลียนกระบวนการการพัฒนาของเราให้ดียิงขึน การทีเรา
รับฟังแต่ในเรืองทีตนเองชอบหรือถูกใจรับฟังแต่ในเรืองทีตนเองชอบหรือถูกใจ นันคือเรามีความนันคือเรามีความ
เป็ นตัวกูของกู และทิฐิในตนเองครับ ลองเปิ ดใจและรับรู้เป็ นตัวกูของกู และทิฐิในตนเองครับ ลองเปิ ดใจและรับรู้
ในส่งทีต่างไปจากตนเอง แล้วจะพบว่าโลกแห่งการในส่งทีต่างไปจากตนเอง แล้วจะพบว่าโลกแห่งการ
พัฒนาคุณภาพมีอะไรมากกว่าทีเราคิดครับพัฒนาคุณภาพมีอะไรมากกว่าทีเราคิดครับ
SuradetSuradet srisri

11. ๙๙..อย่าปลงใจเชือ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็ นไปได้อย่าปลงใจเชือ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็ นไปได้
ข้อเสนอแนะข้อเสนอแนะคือสิงทีเรามักจะได้เสมอจากผู้เข้ามาเยียมเราใช่ไหมครับ ว่าคือสิงทีเรามักจะได้เสมอจากผู้เข้ามาเยียมเราใช่ไหมครับ ว่า
ควรทําแบบนัน ควรทําแบบนี ซึงข้อเสนอแนะนันเป็ นสิงทีดี เป็ นแบบอย่างในควรทําแบบนัน ควรทําแบบนี ซึงข้อเสนอแนะนันเป็ นสิงทีดี เป็ นแบบอย่างใน
การทีเราจะนําไปพัฒนาต่อ แต่อยากกล่าวกับผู้ทีได้รับการเยียมว่าการทีเราจะนําไปพัฒนาต่อ แต่อยากกล่าวกับผู้ทีได้รับการเยียมว่า
ข้อเสนอแนะต่างๆทีเราได้รับมานัน อย่าพึงเชือทังหมด ความหมายของผมข้อเสนอแนะต่างๆทีเราได้รับมานัน อย่าพึงเชือทังหมด ความหมายของผม
คือให้ย้อนกลับมาดูบริบทของเราว่า เราเป็ นอย่างไร สิงทีเราได้รับมานันเราจะคือให้ย้อนกลับมาดูบริบทของเราว่า เราเป็ นอย่างไร สิงทีเราได้รับมานันเราจะ
มาปรับกับองค์กรเราได้อย่างไร มีอะไรบ้างทีเราสามารถปรับเข้ากับองค์กรเรามาปรับกับองค์กรเราได้อย่างไร มีอะไรบ้างทีเราสามารถปรับเข้ากับองค์กรเรา
ได้ และสิงไหนทียังปรับไม่ได้ซึงจะต้องใช้เวลา มิใช่นําสิงทีผู้ให้ข้อเสนอนํามาได้ และสิงไหนทียังปรับไม่ได้ซึงจะต้องใช้เวลา มิใช่นําสิงทีผู้ให้ข้อเสนอนํามา
ปฏิบัติโดยไม่พิจารณาและทันที เพราะเมือเป็ นแบบนันความทุกข์ย่อมเกิดกับปฏิบัติโดยไม่พิจารณาและทันที เพราะเมือเป็ นแบบนันความทุกข์ย่อมเกิดกับ
ผู้ปฏิบัติ เพราะจะเกิดแรงกดดันและความเครียดผู้ปฏิบัติ เพราะจะเกิดแรงกดดันและความเครียด
จึงควรมีกรอบเวลาในการทีจะพัฒนาและปรับปรุงจึงควรมีกรอบเวลาในการทีจะพัฒนาและปรับปรุง
ในส่วนทีต้องพัฒนาเพิมเติมในส่วนทีต้องพัฒนาเพิมเติม
SuradetSuradet srisri

12. ๑๐๑๐..อย่าปลงใจเชือ เพราะนับถือว่าท่านเป็ นครูของเราอย่าปลงใจเชือ เพราะนับถือว่าท่านเป็ นครูของเรา
สิงนีเราอาจได้ยินได้ฟังกันบ่อยๆ ว่า สรพสิงนีเราอาจได้ยินได้ฟังกันบ่อยๆ ว่า สรพ.. ให้ทําแบบนัน อาจารย์ท่านนีให้ให้ทําแบบนัน อาจารย์ท่านนีให้
ทําแบบนี เราก็มักจะนําสิงทีอาจารย์บอกกับเรามา รวมทังเครืองมือต่างๆทีทําแบบนี เราก็มักจะนําสิงทีอาจารย์บอกกับเรามา รวมทังเครืองมือต่างๆที
ออกมา นํามาพัฒนาองค์กรของเราอย่างเต็มรูปแบบ คือทุกอย่าง แท้จริงเราออกมา นํามาพัฒนาองค์กรของเราอย่างเต็มรูปแบบ คือทุกอย่าง แท้จริงเรา
ต้องทําถึงขนาดนันหรือไม่ คําตอบคือไม่ครับต้องทําถึงขนาดนันหรือไม่ คําตอบคือไม่ครับ สิงทีจะเป็ นเกณฑ์ทีจะบอกว่าสิงทีจะเป็ นเกณฑ์ทีจะบอกว่า
ต้องทําอะไรบ้างนันอยู่ต้องทําอะไรบ้างนันอยู่ทีที บริบทบริบทของตัวเราเองว่าเป็ นเช่นใดของตัวเราเองว่าเป็ นเช่นใด อาจารย์ท่านทําได้อาจารย์ท่านทําได้
แต่ชีทางให้เห็นว่าเราจะไปทางใด แต่สิงทีเป็ นเครืองมือและสัมภาระต่างๆแต่ชีทางให้เห็นว่าเราจะไปทางใด แต่สิงทีเป็ นเครืองมือและสัมภาระต่างๆ
เราต้องเป็ นผู้กําหนดเองว่าจะนําเราต้องเป็ นผู้กําหนดเองว่าจะนํา
สิงใดติดตัวไป มิใช่อาจารย์ ดังนันแล้วทบทวนสิงใดติดตัวไป มิใช่อาจารย์ ดังนันแล้วทบทวน
บริบทของตนเองให้ดี ก่อนทีเดินหน้าต่อไปครับบริบทของตนเองให้ดี ก่อนทีเดินหน้าต่อไปครับ
SuradetSuradet srisri