Contenu connexe
Similaire à ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม2 (6)
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม2
- 1. ชี วนิเวศในน้ำ ( Aquatic Biome ) - ชีวนิเวศที่กระจายอยู่ตามเขตภูมิศาสตร์ต่างๆบนภาคพื้นสมุทรของโลก เช่น มหาสมุทรแปซิฟิก , มหาสมุทรแอตแลนติก , มหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรอาร์กติก รวมทั้งแหล่งน้ำจืดและแหล่งน้ำเค็มอื่นๆบนภาคพื้นทวีป - ชีวนิเวศประเภทนี้ประกอบด้วยชีวนิเวศหลากหลายชนิด โดยใช้ “ความเค็มของน้ำ” คือ ความเข้มข้นของเกลือที่ละลายในน้ำเป็นเกณฑ์ มีหน่วยวัดเป็นจำนวนกรัมของเกลือทั้งหมดต่อกิโลกรัมของน้ำ ( g/kg )
- 3. 1. ชีวนิเวศน้ำจืด ( Freshwater ) - ชีวนิเวศในน้ำชนิดนี้จะมีค่าความเค็มของน้ำน้อยกว่าร้อยละ 0.1 โดยมวลของเกลือ ( g ) ต่อมวลของน้ำ ( kg ) - แบ่งเป็น 2 ประเภทตามความเร็วของกระแสน้ำในชีวนิเวศ ได้แก่ 1. แหล่งน้ำนิ่ง 2. แหล่งน้ำไหล
- 4. แหล่งน้ำนิ่ง - เป็นชีวนิเวศน้ำจืดที่มีการไหลเวียนของมวลน้ำอย่างช้าๆภายในเขตของแหล่งน้ำนิ่ง เช่น บึง , ทะเลสาบ โดยแบ่งเป็น 3 บริเวณ ได้แก่ 1. บริเวณฝั่ง ( Littoral zone ) เป็นบริเวณที่อยู่ติดพื้นดินและห่างจากฝั่งไม่มาก 2. บริเวณผิวน้ำ ( Limnetic zone ) เป็นบริเวณที่ถัดออกมาจากบริเวณชายฝั่ง ที่สัมผัสอากาศและได้รับแสงอาทิตย์กระจายทั่วถึง 3. บริเวณน้ำชั้นล่าง ( Profundal zone ) เป็นบริเวณที่อยู่ต่ำกว่าบริเวณผิวน้ำลงไปจนถึงพื้นท้องน้ำซึ่งแสงอาทิตย์ส่องไปไม่ถึง
- 7. แหล่งน้ำไหล - เป็นชีวนิเวศน้ำจืดที่มีการไหลของมวลน้ำอยู่ตลอดเวลาอย่างมีทิศทาง ( มีการถ่ายเทมวลน้ำเข้าและออกจากแหล่งน้ำ ) แบ่งเป็น 2 บริเวณ ได้แก่ 1. บริเวณน้ำไหลเชี่ยว ( Rapid zone ) 2. บริเวณที่เป็นแอ่งน้ำ ( Pool zone )
- 9. 2. ชีวนิเวศน้ำเค็ม ( Marine ) - ชีวนิเวศในน้ำชนิดนี้จะมีค่าความเค็มของน้ำประมาณร้อยละ 3.5 โดยมวลของเกลือ ( g ) ต่อมวลของน้ำ ( kg ) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 3 ใน 4 ส่วนของโลก - ชีวนิเวศแบบนี้มีอยู่หลายแหล่งระบบนิเวศ เช่น หาดทราย ( Sand beach ), หาดหิน ( Rock beach ), แนวปะการัง ( Coral reef )
- 10. หาดทราย ( Sand beach ) - เป็นชีวนิเวศน้ำเค็มที่อยู่บริเวณชายฝั่งตั้งแต่บริเวณที่ระดับน้ำเค็มลดลงต่ำสุดจนถึงบริเวณที่ละอองน้ำเค็มซัดสาดไปถึง ประกอบด้วยอนุภาคของทรายขนาดต่างๆ - ปัจจัยทางกายภาพที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตในหาดทราย คือ อุณหภูมิและความชื้นบนหาดทรายซึ่งเป็นผลมาจากกระแสน้ำขึ้น - น้ำลง
- 12. หาดหิน ( Rock beach ) - เป็นชีวนิเวศน้ำเค็มที่อยู่บริเวณประกอบด้วยโขดหินไม่ราบเรียบ มีซอกและแอ่งน้ำมากมาย - เมื่อน้ำเค็มเพิ่มระดับขึ้นมาทำให้ความชื้นที่หาดหินเพิ่ม แต่ปริมาณแสงและอุณหภูมิจะลดลง ในทางกลับกันถ้าน้ำลดระดับลง ปริมาณความชื้นจะลดลง แต่ปริมาณแสงและอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้น
- 14. แนวปะการัง ( Coral reef ) - เป็นชีวนิเวศน้ำเค็มที่อยู่ใกล้บริเวณชายฝั่ง และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงที่สุดในชีวนิเวศน้ำเค็ม - พบในทะเลเขตร้อนและต้องเป็นแหล่งน้ำเค็มที่สะอาด มีออกซิเจนและแสงแดดเพียงพอ - แนวปะการังถูกใช้เป็นดัชนีในการบ่งบอกสภาพแวดล้อมของชายฝั่งทะเลบริเวณนั้น
- 15. - แนวปะการังเกิดจากสัตว์ที่เรียกว่า “ปะการัง” ที่สามารถสร้างแนวปะการังได้เพราะมีสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวพวก “ไดโนแฟลกเจเลต” ( Dinoflagellate ) อาศัยอยู่ในตัวปะการัง เรียกว่า “ซูแซนเทลลี” ( Zooxanthellae ) ซึ่งจะสังเคราะห์อาหารด้วยแสงส่งให้ปะการัง
- 16. 3. ชีวนิเวศน้ำกร่อย ( Brackish water ) - ชีวนิเวศในน้ำชนิดนี้จะมีค่าความเค็มของน้ำประมาณอยู่ระหว่างร้อยละ 0.1 - 3.5 โดยมวลของเกลือ ( g ) ต่อมวลของน้ำ ( kg ) - พบได้ที่บริเวณที่น้ำจืดมาบรรจบกับน้ำเค็ม เช่น ปากแม่น้ำ , ช่องแคบ ซึ่งความเค็มของน้ำสามารถแปรผันได้ตามขนาดแรงดันที่มากกว่าของน้ำจืดหรือน้ำเค็ม
- 17. ป่าชายเลน ( Mangrove forest ) - เป็นชีวนิเวศน้ำกร่อยที่พบตามบริเวณชายฝั่งทะเลและปากแม่น้ำซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างชีวนิเวศบนบกและชีวนิเวศในน้ำ - บริเวณพื้นท้องน้ำเป็นดินเลนที่ได้จากการพัดพามาของทั้งแม่น้ำและทะเล