Contenu connexe
Plus de Thongkum Virut (20)
ประวัติรัฐหวู
- 1. ประวัติ : รัฐหวู
(เอกสารศึกษายุทธศาสตร์ การสงคราม)
แคว้นหวู(ง่อก๊ก) 東吳 ค.ศ.229–280 เป็น หนึ่งในสามรัฐในช่วงยุคสามก๊ก
สถาปนาราชวงศ์อู๋โดยอู๋ต้าตี้ หรือซุนเฉวียน (ซุนกวน)
ภายหลังรัฐเว่ยและรัฐสู่ล้วนประกาศสถาปนาราชวงศ์ขึ้น รัฐอู๋ตั้งราชธานีที่เมืองอู่ฉาง
ภายหลังค่อยย้ายราชธานีไปตั้งที่เมืองเจี้ยนเยี่ย(เมืองหนานจิงในปัจจุบัน)
รัฐอู๋มีวิถีทางทางการเมืองที่ค่อนข้างยืดหยุ่นคล้อยตามสถานการณ์
ต่างกับรัฐสู่และเว่ยที่มีจุดยืนคนละสุดปลายชนิดที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียว กัน
อย่างไรก็ตามการคงอยู่ของรัฐอู๋ส่งผลต่อดุลยภาพโดยรวมในแผ่นดินอย่างแท้จริง
แม้มีบางช่วงเวลาที่รัฐอู๋ร่วมมือกับรัฐเว่ยแต่ก็นับเป็นการชั่วคราว
เพราะรัฐเว่ยมีศักยภาพที่เหนือกว่ารัฐสู่และอู๋มากนัก
โดยสภาพแล้วทั้งรัฐสู่และอู๋จึงจาต้องเป็นพันธมิตรโดยปริยาย
- 2. หวางตี้รัฐหวูมีทั้งสิ้น 4 พระองค์
1) อู๋ต้าตี้ (吴大帝) ; ซุนเฉวียน(孙权) (ค.ศ. 182 – 252) ครองราชย์ระหว่างค.ศ.
229 – 252
2) ฮุ่ยจีหวาง(會稽王) ; ซุนเหลียง(孙亮) (ค.ศ. 243 – 260) ครองราชย์ระหว่างค.ศ.
252 – 258
3) อู๋จิ่งตี้(吴景帝) ; ซุนชิว(ซุนฮิว 孙休) (ค.ศ. 235 – 264) ครองราชย์ระหว่างค.ศ.
258-264
4) กุ้ยหมิงโหว ; ซุนเฮ่า (ซุนโฮ 孙皓) (ค.ศ.242 – 284) ครองราชย์ระหว่างค.ศ.264 –
280
ประวัติโดยย่อ
รากฐานของรัฐอู๋ควรกล่าวแรกเริ่มถึงซุนเจียน(ซุนเกี๋ยน) หนึ่งในขุนศึกช่วงยุคปลายราชวงศ์ฮั่น
ในรัชสมัยฮั่นหวนตี้ (ฮวนเต้) การปกครองไร้ระเบียบแบบแผน
ขุนนางกังฉินครองราชสานักนาโดยสิบขันทีจ้าวองครักษ์
มีการซื้อขายตาแหน่งขุนนางอย่างชอบธรรม ขุนนางผู้ใช้เงินทองซื้อตาแหน่งก็ขูดรีดเอากับราษฎร
ประชาชนอดอยากคลั่งแค้นจึงเกิดกบฎโพกผ้าเหลืองลุกฮือขึ้นก่อการ
ราชสานักไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์คับขันได้จึงประกาศให้เหล่าขุนศึกเกณฑ์
กองทัพร่วมกับทัพนครหลวงออกปราบกบฎ
นับแต่นั้นเหล่าขุนศึกต่างถือโอกาสสร้างกองกาลังตีชิงดินแดน ราชวงศ์ฮั่นนับวันยิ่งเสื่อมทรุดลง
ซุนเจียนเป็นหนึ่งในขุนศึกที่ชูธงออกปราบกบฎในครั้งนั้น
อาศัยกองกาลังน้อยเอาชนะพวกมากได้หลายครั้ง สร้างชื่อขจรขยายไปทั่วแผ่นดิน
ครั้นเหตุการณ์กบฎโพกผ้าเหลืองสงบลง
ราชสานักมีราชโองการให้เขายกไปปราบกบฎที่เมืองฉางซา
- 4. ซึ่งเป็นน้าชายของซุนเช่อถูกทัพหลิวเหยาล้อมไว้
ซุนเช่อจึงถือโอกาสนาเอาตราราชลัญจกรณ์หยกเหอซื่อปี้ ที่ตกทอดจากบิดาแลกกับ
การขอหยิบยืมกาลังทหารสามพันนายและแม่ทัพคนสนิทที่เคยขึ้นตรงต่อซุนเจียน
เมื่อกาลก่อนจากหยวนซู่ไปก่อการโดยอ้างว่ายกไปช่วยน้าชาย ระหว่างทางซุนเช่อพบปะโจวอวี๋
(จิวยี่) สหายสนิทคู่ใจ โจวอวี๋เข้าร่วมซุนเช่อในครานั้นซุนเช่อ
โจวอวี๋และบรรดาแม่ทัพนายกองทาศึกประสบชัย
ระหว่างเดินทางมีกาลังคนเข้าร่วมก่อการด้วยมากขึ้นทุกขณะจนมีกาลังเพิ่มขึ้น หลายหมื่นนาย
ซุนเช่อกาจัดหลิวเหยาแล้วบุกตะลุยยึดอาณาเขตเจียงตง(กังตัง)
ทั้งหมดสาเร็จภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ขณะนั้นซุนเช่อมีอายุเพียงยี่สิบเศษเท่านั้น
ต่อมาหยวนซู่ประกาศตั้งตน เป็นจักรพรรดิไม่ขึ้นต่อราชสานักฮั่นอีกต่อไปเฉาเชา (โจโฉ)
ป่าวประกาศให้ทั้งแผ่นดินร่วมกาจัดหยวนซู่
ซุนเช่อถือโอกาสให้คราวนั้นตัดสัมพันธไมตรีกับหยวนซู่อย่างเด็ดขาด
ภายหลังหยวนซู่ไม่อาจประคองตนสืบไปแตกดับไปภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ซุนเช่อดาเนินกุศโลบายทั้งกวาดต้อนทั้งชักชวนแม่ทัพขุนนางตลอดจนไพร่พล
สังกัดหยวนซู่มาแต่เดิมให้เข้าร่วมกันเขาทั้งสิ้น
หยวนเหยาทายาทของหยวนซู่ก็ได้รับการอุปการะจากซุนเช่อให้เข้ามาอาศัยในเขต แดนเจียงตง
ทางแดนเหนือเกิดสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างเฉาเชากับหยวนเส้าที่พร้อม ระเบิดศึกได้ทุกเมื่อ
เฉาเชาจึงเชื่อมสัมพันธไมตรีกับซุนเช่อด้วยการจัดพิธีสมรสระหว่างบุตรีของ เฉาเห
ริน(โจหยิน)กับซุนควงผู้เป็นน้องชายของซุนเช่อ
และให้บุตรีของซุนเปินสมรสกับเฉาจาง(โจเจียง)ผู้เป็นบุตรชายของเฉาเชาเอง
โดยหวังจะให้ทางซุนเช่อสงบลงชั่วคราว
ซุนเช่อและโจวอวี๋นาทัพออกบุกตีแดนจิงโจว ประสบชัยชนะพิชิตทัพจิงโจวโดยราบคาบ
พอดีแดนเหนือเกิดศึกกวนตู้(กัวต๋อ) ซุนเช่อหันเหความสนใจไปที่สถานการณ์ภาคกลาง
- 6. แต่หลู่ซู่เห็นว่าควรร่วมมือกับหลิวเป้ ยต่อไปเพื่อต่อต้านการรุกรานของเฉา
เชาที่อาจยกทัพกลับมาอีก ซุนเฉวียนคล้อยตามหลู่ซู่จึงอนุญาตให้หลิวเป้ ยยืมเมือง
ทั้งยังยกน้องสาวให้สมรสกับหลิวเป้ ยเพื่อผูกพันมิตรภาพให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ไปอีก
โจวอวี๋นาเสนอแผนการให้ซุนเฉวียนยกทัพชิงมณฑลอี้โจว(เอ๊กจิ๋ว) ซุนเฉวียนเห็นด้วยตามแผน
แต่โจวอวี๋ล้มป่วยถึงแก่กรรม แผนจึงเป็นอันล้มเลิกไปหลู่ซู่ขึ้นแทนที่ตาแหน่งโจวอวี๋
ต่อมาหลิวเป้ ยนาทัพเข้ามณฑลอี้โจวตีชิงมณฑลอี้โจวและฮั่นจงได้
ซุนเฉวียนทวงถามเมืองที่หลิวเป้ ยยืมไปหลิวเป้ ยบ่ายเบี่ยงปฏิเสธ
พันธมิตรซุนหลิวจึงเกิดรอยร้าวขึ้นเมื่อกวนอวี่(กวนอู) นาทัพขึ้นแดนต่อสู้กับเฉาเชาหลวี่เหมิง
(ลิบอง) จึงนาทัพอู๋ตลบหลังตีชิงมณฑลจิงโจวกลับคืนมาได้ทั้งหมด กวนอวี่ถูกสังหารในครานั้น
หลิวเป้ ยประกาศสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิแห่งสู่ฮั่น
ยกทัพมาหมายแก้แค้นให้กวนอวี่และตีชิงแดนจิงโจวกลับคืน ซุนเฉวียนเกรงรัฐเว่ย(วุยก๊ก)
ฉวยโอกาสยกทัพตีกระหนาบ จึงส่งทูตไปอ่อมน้อมต่อราชสานักเว่ย เว่ยเหวินตี้ (เฉาพี – โจผี)
ยอมรับไมตรี อวยฐานันดรศักดิ์ให้ซุนเฉวียนเป็นที่ ‘อู๋หวาง’
ซุนเฉวียนแต่งตั้งลู่ซวิ่นเป็นผู้บัญชาการทัพออกรับศึกหลิวเป้ ยที่ สมรภูมิยีหลิง(อิเหลง)
ลู่ซวิ่นตั้งรับไม่ออกรับ ล่อให้หลิวเป้ ยล่วงลึกเข้ามาในแดนอู๋ เส้นทางเสบียงขนส่งลาบาก
อานุภาพแหลมคมของกองทัพลดทอนลง จากนั้นลู่ซวิ่นอาศัยเพลิงกาฬเผาผลาญหลิวเป้ ยทั้งกองทัพ
หลิวเป้ ยถอยไปตั้งที่เมืองไป๋ ตี้เฉิงประชวรถึงแก่สวรรคตในเวลาต่อมา
จูเก๋อเลี่ยง(จูกัดเหลียง – ขงเบ้ง)ขึ้นเป็นเฉิงเซี่ยง(สมุหนายก) ในรัชกาลหลิวซ่าน(เล่าเสี้ยน)
ส่งเติ้งจือ(เตงจี๋) มาเจริญไมตรีทางการทูตซุนเฉวียนเห็นว่ารัฐเว่ยเป็นรัฐใหญ่
- 8. กระทาหยาบช้าข่มเหงพระเจ้าซุนเหลียง พระเจ้าซุนเหลียงวางแผนการหมายสังหารซุนหลิน
แต่แผนการกลับรั่วไหล ซุนหลินจึงถอดพระเจ้าซุนเหลียงออกจากราชสมบัติ
ลดฐานันดรศักดิ์เป็นที่ฮุ่ยจีหวางตั้งพระเจ้าซุนชิว(ซุนฮิว)
โอรสองค์ที่หกแห่งอู๋ต้าตี้ขึ้นสืบราชสมบัติราชวงศ์อู๋ ทรงพระนามอู๋จิ่งตี้
อู๋จิ่งตี้ร่วมมือกับแม่ทัพติงเฟิง(เตงฮอง)สังหารซุนหลิน ยึดอานาจกลับคืนมาสาเร็จ
ไม่ปรากฎว่าอู๋จิ่งตี้เป็นจักรพรรดิที่ปรีชาสามารถ ในยุคของเขาบ้านเมืองเกิดการทุจริตมากมาย
อู๋จิ่งตี้ประชวรถึงแก่สวรรคตด้วยพระชนมายุยี่สิบเก้าชันษา ภายหลังการล่มสลายของรัฐสู่ไม่นาน
ด้วยเหตุที่รัชทายาทซุนวานยังเยาว์ชันษา
เหล่าขุนนางจึงยกซุนเฮ่าโอรสในอดีตรัชทายาทซุนเหอขึ้นสืบราชสมบัติราชวงศ์อู๋
พระเจ้าซุนเฮ่าเป็นทรราชย์อันกักขฬะเผด็จการ ใช้จ่ายเงินในท้องพระคลังอย่างฟุ่มเฟือย
เกิดการก่อกบฎหลายครั้งในรัชสมัยของพระองค์แม้ทางการจะสามารถปราบปรามลงได้
แต่แม่ทัพขุนนางและประชาชนล้วนเสื่อมศรัทธาในตัวเขาอย่างสิ้นเชิง
พระเจ้าซุนเฮ่านาทัพอู๋บุกตีรัฐจิ้น(ซือหม่าเหยียน – สุมาเอี๋ยน ล้มล้างราชวงศ์เว่ย
สถาปนาราชวงศ์จิ้น)หลายครั้งล้วนประสบความล้มเหลว
ขณะที่การบริหารภายในเป็นไปอย่างฟอนเฟะ
ขุนนางผู้ใดทัดทานล้วนถูกประหารชีวิตอย่างโหดร้ายทารุณ
สุดท้ายราชสานักอู๋มีแต่ขุนนางกังฉินประจบสอพลอทั้งสิ้น
ประชาชนรัฐอู๋ล้วนถูกขูดรีดจนยากจนข้นแค้น ตกอยู่ในสภาพตกต่าลงอย่างสิ้นเชิงจิ้นอู่ตี้
(ซือหม่าเหยียน) จึงบัญชาแม่ทัพตู้อวี้นาทัพบุกทะลวงเข้ารัฐอู๋ กองกาลังรัฐอู๋มิอาจต้านทานได้
พระเจ้าซุนเฮ่าจึงยอมจานน ราชวงศ์อู๋จึงถึงกาลอวสาน
ใต้หล้าถูกรวมเป็นหนึ่งอีกครั้งภายใต้ราชวงศ์จิ้น พระเจ้าซุนเฮ่าถูกลดฐานันดรศักดิ์เป็นกุ้ยหมิงโหว
และถึงแก่อนิจกรรมในอีกสี่ปีต่อมา