โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่1จะมีความดันโลหิตสูง (มากกว่า140/90) ถึงร้อยละ 10-30 หากพบว่าความดันโลหิตสูงจะหมายถึงว่าไตเริ่มเสื่อม ส่วนเบาหวานชนิดที่2 จะพบว่าความดันโลหิตสูงประมาณร้อยละ 30-50 การเป็นโรคความดันสูงขึ้นกับระยะเวลาที่เป็นโรคเบาหวาน ความอ้วน เชื้อชาติ ผลจากความดันโลหิตสูงจะทำให้อัตราตายจากโรคหัวใจ และหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น การทำงานของไตเสื่อมเร็วขึ้น 2-3 เท่า การเสื่อมของประสาทตาเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการคุมความดันโลหิตสูงให้ดี จะสามารถป้องกันโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคเบาหวานและความดันได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคไต โรคจอประสาทตาเสื่อม หลักฐานว่าความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน พบว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง จะมีอัตราโรคแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือด เป็นสองเท่าของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ไม่เป็นเบาหวาน ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีความดันโลหิตสูงจะมีโรคแทรกซ้อนเช่น ตา ไต สมองเพิ่มขึ้น พบว่าความดันโลหิตทุก 10 มม ปรอทที่ลดลงจะลออัตราการเกิดโรคแทรกซ้อนลงได้ร้อยละ 12 ลดอัตราการเสียชีวิตลงร้อยละ 15 ลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ร้อยละ 11 เมื่อพบว่าความดันโลหิตสูงจะต้องทำอย่างไรบ้าง ความดันโลหิตที่สูงกว่า 130/85 มม.ปรอทจะถือว่าความดันดลหิตสูง จะต้องวัดความดันโลหิตให้ถูกวิธี ตรวจวัดความดันโลหิตทั้งสองแขน ท่านอน ท่านั่ง และท่ายืน วัดท่าละสองครั้งหรือมากกว่า เมื่อพบว่ามีความดันโลหิตสูงจะต้องตรวจดูว่ามีโรคแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูง เช่นทางหัวใจและหลอดเลือด ไต ต้องตรวจจอประสาทตา ชีพขจร