Contenu connexe
Similaire à Onet-Work3-09 (20)
Onet-Work3-09
- 3. ประเภทปุ่มกด
คีย์บอร์ด (Keyboard) เป็นอุปกรณ์นาข้อมูลเข้าที่นิยมใช้กันมากที่สุดและพบ
เห็นในการใช้งานทั่วไป โดยรับข้อมูลป้อนเข้าที่เป็นตัวอักษร อักขระพิเศษ ตัวเลข
รวมถึงชุดคาสั่งต่าง ๆ ตัวอุปกรณ์จะมีกลุ่มของแป้นพิมพ์วางเรียงต่อกันเหมือนกับ
เครื่องพิมพ์ดีด ผู้ใช้งานสามารถเลือกกดปุ่มใด ๆ ได้ทันที โดยข้อมูลทั้งหมดที่
ป้อนเข้ามาจะถูกส่งเข้าไปเก็บยังหน่วยความจาของระบบและแปลงให้เป็นรหัสที่
คอมพิวเตอร์เข้าใจเสียก่อน จากนั้นจึงจะนาไปประมวลผลต่อไป ปัจจุบันอาจพบเห็น
คีย์บอร์ดประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้
1.) คีย์บอร์ดมาตรฐาน ( Standard keyboard ) เป็นคีย์บอร์ดที่นิยมใช้กัน
โดยทั่วไป มีลักษณะคล้ายกับแป้นพิมพ์บนเครื่องพิมพ์ดีด โดยปกติจะประกอบด้วย
กลุ่มของแป้นพิมพ์หลัก ๆ ดังต่อไปนี้
- 4. • แป้นพิมพ์ตัวอักขระ ( alphabetic key ) เป็นกลุ่มของแป้นพิมพ์ซึ่งมีบริเวณ
ใหญ่ที่สุด ประกอบด้วยแผงอักขระสาหรับการป้อนข้อมูลที่มีทั้งตัวอักษร ตัวเลขและ
อักขระแบบพิเศษทั่วไป
• แป้นสาหรับควบคุมทิศทาง ( cursor-movement key ) เป็นกลุ่มของ
แป้นพิมพ์สาหรับควบคุมทิศทางการเคลื่อนที่ของเคอร์เซอร์และเปลี่ยนจุดหรือ
บริเวณการทางาน
• แป้นฟังก์ชัน ( function key ) เป็นกลุ่มของแป้นพิมพ์สาหรับการเลือกคาสั่งลัด
ที่มีอยู่ในบางประเภท แป้นเหล่านี้จะอยู่บนแถวแรกสุดของคีย์บอร์ด
• แป้นควบคุม ( control key ) เป็นกลุ่มของแป้นพิมพ์สาหรับสั่งการบางอย่าง
ร่วมกับปุ่มอื่น ๆ บางครั้งนิยมเรียกว่า modifier keys เช่นCtrl , Alt ,
Shift เป็นต้น
• แป้นป้อนข้อมูลตัวเลข ( numeric keypad ) เป็นกลุ่มของแป้นพิมพ์สาหรับการ
ป้อนค่าข้อมูลที่เป็นตัวเลขเพื่อช่วยในการบันทึกข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น
การป้อนข้อมูลเพื่อคานวณหรือหาผลลัพธ์ทางบัญชี
- 5. 2.) คีย์บอร์ดติดตั้งภายใน ( Built-in keyboard ) เป็นคีย์บอร์ดที่ปรับขนาด
ของแป้นพิมพ์ให้เล็กลง พบเห็นในการใช้งานกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ประเภทพกพา
เช่น โน๊ตบุ๊คหรือเดสก์โน๊ต ซึ่งมีพื้นที่ในการใช้งานค่อนข้างจากัด แป้นพิมพ์นี้จะถูก
ติดตั้งมาพร้อมกับการผลิตเครื่องอยู่แล้ว
3.) คีย์บอร์ดเออร์โกโนมิกส์ ( Ergonomic keyboard ) เป็นคีย์บอร์ดที่มี
การออกแบบโดยคานึงถึงความสะดวกสบายและความปลอดภัยของผู้ใช้งานเป็น
หลัก เนื่องจากการป้อนข้อมูลเป็นเวลานาน ๆ อาจจะทาให้เกิดความเมื่อยล้าจาก
การพิมพ์จนเกิดการบาดเจ็บเนื่องจากเส้นอักเสบได้ จึงมีการออกแบบแป้นพิมพ์ใหม่
เช่น เพิ่มอุปกรณ์สาหรับการวางมือและออกแบบทิศทางสาหรับการจัดวาง
แป้นพิมพ์ใหม่ให้สัมพันธ์กับสรีระของมนุษย์มากขึ้น ปัจจุบันจะพบเห็นคีย์บอร์ดชนิดนี้
เข้ามาแทนที่คีย์บอร์ดมาตรฐานกันมากขึ้น เนื่องจากช่วยลดปัญหาในเรื่องการ
บาดเจ็บของข้อมือได้เป็นอย่างดี
- 6. 4.) คีย์บอร์ดไร้สาย ( Cordless keyboard ) คีย์บอร์ดแบบมาตรฐานที่ใช้
กันทั่วไป อาจไม่มีความสะดวกสบายมากพอเมื่อต้องการใช้งานในระยะที่ไกลจาก
โต๊ะทางาน อีกทั้งการดึง ย้าย หรือเปลี่ยนที่ของอุปกรณ์ยังทาให้เกิดความยุ่งยาก
เนื่องจากตัวสายของคีย์บอร์ดเชื่อมต่ออยู่กับตัวเครื่องตลอดเวลา เมื่อเกิดหลุดก็ไม่
สามารถทางานต่อไปได้ ดังนั้นจึงได้มีการคิดค้นเพื่อสร้างคีย์บอร์ดแบบใหม่ที่อาศัย
การส่งผ่านข้อมูลโดยเทคโนโลยีไร้สายขึ้นและทางานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่แทน
ทาให้สามารถย้ายคีย์บอร์ดไปวางยังตาแหน่งใด ๆ ที่อยู่ในรัศมีของสัญญาณ
นอกเหนือจากโต๊ะทางานได้
5.) คีย์บอร์ดพกพา ( Portable keyboard ) เมื่ออุปกรณ์ประเภทเครื่องพีดี
เอได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น การทางานบางอย่างที่ต้องอาศัยการป้อนข้อมูลเข้าไป
เช่น พิมพ์ข้อความรายงาน จดหมายหรือบันทึกการประชุม จะเกิดความไม่สะดวก
เพราะตัวเครื่องมีขนาดเล็ก หากใช้ปากกาช่วยเขียนก็จะทาได้ช้ากว่า จึงมีการสร้าง
คีย์บอร์ดที่สามารถพกพาไปยังที่ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เพียงแค่กางออกมาก็สามารถ
ใช้ได้เหมือนกับคีย์บอร์ดปกติ
- 7. 6.) คีย์บอร์ดเสมือน ( Virtual keyboard ) เป็นอุปกรณ์ที่พัฒนาขึ้นสาหรับ
ใช้ร่วมกับเครื่องพีดีเอเช่นเดียวกันกับคีย์บอร์ดพกพา แต่ต่างกันตรงที่มีการจาลอง
ภาพให้เป็นเสมือนคีย์บอร์ดจริง โดยอาศัยการทางานของแสงเลเซอร์ยิงลงไปบน
โต๊ะหรืออุปกรณ์รองรับสัญญาณที่เป็นพื้นผิวเรียบ เมื่อต้องการใช้งานก็สามารถ
พิมพ์หรือป้อนข้อมูลที่เห็นเป็นภาพเหมือนแผงแป้นพิมพ์นั้นเข้าไปได้เลย ตัวรับแสง
ในอุปกรณ์จะตรวจจับได้เองว่าผู้ใช้วางนิ้วไหนไปกดตรงตัวอักษรใด
ประเภทชี้ตาแหน่งและควบคุมทิศทาง
เมาส์ ( Mouse ) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ชี้ตาแหน่งการทางานรวมถึงสั่งการให้
คอมพิวเตอร์ทางานบางคาสั่งที่มีการโต้ตอบกันระหว่างผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์ โดยใช้
มือเป็นตัวบังคับทิศทางและใช้นิ้วสาหรับการกดเลือกคาสั่งงาน สามารถพบเห็น
ได้ 2 ประเภท ดังนี้
- 8. เมาส์แบบทั่วไป ( Mechanical mouse ) เป็นเมาส์ที่ได้รับการออกแบบโดย
ใช้ลูกบอลเป็นตัวจับทิศทางที่เมาส์เลื่อนไป ลูกบอลของเมาส์มีลักษณะเป็นลูกกลม ๆ
ทาจากยางกลิ้งอยู่ด้านล่าง ซึ่งจะลากผ่านแผ่นรองเมาส์ และกลไกภายในจะจับได้
ว่ามีการเลื่อนไปมากน้อยแค่ไหนและในทิศใด บางแบบอาจมีปุ่มล้อที่หมุน และกดได้
เพื่อควบคุมการทางานขึ้นลงของสโครลบาร์ในหน้าต่างโปรแกรมบางประเภท
เมาส์แบบแสงหรือออปติคอลเมาส์ ( Optical mouse ) เมาส์แบบนี้ทางาน
ได้โดยไม่ต้องใช้ล้อหมุนแต่ใช้แสงไปกระทบพื้นผิวด้านล่าง วงจรภายในจะวิเคราะห์
แสงสะท้อนที่เปลี่ยนไปเมื่อเลื่อนเมาส์และแปลงทิศทางเป็นการชี้ตาแหน่ง ซึ่ง
ปัจจุบันมีทั้งที่เป็นแบบต่อกับคอมพิวเตอร์โดยใช้สายและแบบไม่ใช้สาย
- 9. ลูกกลมควบคุม (Track ball) เป็นอุปกรณ์ที่มีหลักการทางานคล้ายกับเมาส์
โดยมีลูกบอลติดตั้งไว้ส่วนบนเพื่อใช้สาหรับควบคุมทิศทาง เมื่อผู้ใช้หมุนลูกบอลก็คือ
การย้ายตาแหน่งตัวชี้นั่นเอง ลักษณะของลูกบอลมีขนาดใหญ่กว่าเมาส์มาก ส่วน
ใหญ่จะนาไปใช้ติดตั้งแยกต่างหาก เพื่อช่วยให้การทางานกับคอมพิวเตอร์แบบ
พกพาสะดวกมากยิ่งขึ้น ในบางรุ่นอาจติดตั้งแทรคบอลอยู่ไว้ภายในด้วย แต่ปัจจุบัน
ไม่ค่อยนิยมใช้กันแล้ว
แท่งชี้ควบคุม ( Pointing stick ) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สาหรับชี้ตาแหน่งข้อมูล
เช่นเดียวกัน มีลักษณะเป็นก้อนเล็ก ๆ คล้ายกับยางลบดินสอ จะติดตั้งอยู่ตรง
ส่วนกลางของแป้นพิมพ์ในคอมพิวเตอร์แบบพกพา การควบคุมทิศทางของตัวชี้จะใช้
นิ้วมือเป็นตัวบังคับเพื่อเลื่อนทางานเช่นเดียวกัน โดยเมื่อดันให้แท่งนี้โยกไปทิศทาง
ใด ลูกศรบนจอก็จะเลื่อนไปในทิศทางนั้น
- 10. จอยสติ๊ก ( Joystick ) เป็นอุปกรณ์ที่พบเห็นได้กับการทางานที่เกี่ยวข้องกับ
เกมคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากการใช้เมาส์เพื่อบังคับทิศทางนั้นอาจไม่
รองรับกับรูปแบบของบางเกมได้ จึงนาเอาจอยสติ๊กมาใช้แทน เช่น การบังคับทิศ
ทางซ้าย ขวา หน้า หลัง หรือบังคับทิศทางในระดับองศาที่แตกต่างกันในการ
ควบคุมอากาศยานหรือท่าต่อสู้ของตัวละคร ซึ่งทาให้เกมมีความสมจริงมากกว่าการ
ใช้เมาส์นั่นเอง
แผ่นรองสัมผัส ( Touch pad ) เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม
บาง ๆ ติดตั้งไว้อยู่ในคอมพิวเตอร์แบบพกพา เพื่อใช้ทางานแทนเมาส์ เมื่อกดสัมผัส
หรือใช้นิ้วลากผ่านบริเวณดังกล่าวก็สามารถทางานแทนกันได้ โดยมากจะติดตั้งไว้
บริเวณด้านล่างของแป้นพิมพ์
- 11. จอสัมผัส ( Touch screen ) เป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้นิ้วมือแตะบังคับหรือ
สั่งการไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้เลย โดยไม่จาเป็นต้องใช้เมาส์หรือแป้นพิมพ์ มัก
พบเห็นได้ตามตู้ให้บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว ตู้ ATM บางธนาคาร เครื่องออกบัตร
โดยสาร รถไฟฟ้า หรือพบเห็นในตู้เกมบางประเภท
พวงมาลัยพังคับทิศทาง (Wheel) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้กับการเล่นเกมเหมือนกับ
จอยสติ๊ก พบเห็นได้กับเกมจาลองประเภทแข่งรถหรือควบคุมทิศทางของ
ยานพาหนะ มีลักษณะเหมือนกับพวงมาลัยบังคับทิศทางในรถยนต์จริง เพื่อให้เกม
จาลองนั้น ๆ มีความสมจริงมากยิ่งขึ้น อาจมีการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เหยียบเบรก
จาลอง ( pedal ) และตัวเร่งความเร็วจาลอง ( accelerator ) ด้วย
- 12. ประเภทปากกา
ปากกาแสง ( Light pen ) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สาหรับการกาหนดตาแหน่งบน
จอภาพรวมถึงการป้อนข้อมูลเข้าแทนแป้นพิมพ์ เอามาใช้เขียนหรือวางตาแหน่งบน
จอภาพคอมพิวเตอร์ประเภทที่ใช้หลอดภาพหรือ CRT ได้เลย มักใช้ร่วมกับ
โปรแกรมประเภทช่วยการออกแบบหรือ CAD เพื่อให้การทางานมีความสะดวก
มากยิ่งขึ้น แต่มีความละเอียดแม่นยาไม่สูงนัก เพราะถูกจากัดด้วยความละเอียดของ
จอภาพ
ดิจิไทเซอร์ ( Digitizer ) หรืออุปกรณ์อ่านพิกัด มักใช้ร่วมกับอุปกรณ์
ประเภทปากกาหรือในงานความละเอียดสูงจะใช้กับหัวอ่านที่เป็นกากบาทเส้นบาง
( crosshair ) เพื่อให้ชี้ตาแหน่งโดยละเอียด ทาหน้าที่เป็นเสมือนกระดานรองรับ
การเขียนข้อความ วาดภาพหรือออกแบบงานที่เกี่ยวกับกราฟิกเป็นหลัก ทาให้มี
ความคล่องตัวและสะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น
- 13. สไตลัส ( Stylus ) ปากกาป้อนข้อมูลชนิดหนึ่งที่นิยมใช้กันมากในคอมพิวเตอร์
ขนาดเล็ก ผลิตมาเพื่อใช้เขียนหนังสือด้วยลายมือหรือวาดเส้นลงบนหน้าจออุปกรณ์
ได้โดยตรง ปัจจุบันมีการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่อานวยความสะดวกในการทางานมาก
ยิ่งขึ้น โดยจะทาหน้าที่แปลงรหัสในการเขียน ไปเป็นตัวอักษรที่คอมพิวเตอร์
สามารถประมวลผลและใช้งานต่อได้ทันที
ไมโครโฟน ( Microphone ) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลประเภทเสียงพูด
( Voice ) เข้าสู่ระบบ ใช้บันทึกหรืออัดข้อมูลเสียงในสตูดิโอหรือตามบ้านทั่วไป
ประเภทข้อมูลมัลติมีเดีย
- 14. กล้องถ่ายวิดีโอดิจิตอล ( Digital Video camera ) กล้องประเภทนี้
สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวและบันทึกเก็บหรือโอนถ่ายลงคอมพิวเตอร์ได้
เช่นเดียวกัน แต่จาเป็นต้องใช้พื้นที่เก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่พอสมควร โดยมากจะ
บันทึกลงเทปขนาดเล็กในรูปแบบดิจิตอลก่อน เรียกดูจากในกล้องได้
กล้องถ่ายรูปดิจิตอล ( Digital camera ) ปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่าง
มาก ภาพถ่ายที่ได้ในกล้องบางรุ่นยังมีความละเอียด ความคมชัดเทียบเคียงหรือ
มากกว่ากล้องธรรมดาบางรุ่น หรือหากจะนาไปอัดขยายต่อเป็นภาพถ่ายปกติก็
สามารถทาได้เช่นเดียวกัน
เว็บแคม ( Web cam ) เป็นกล้องถ่ายวิดีโออีกประเภทหนึ่ง ภาพที่ได้จะ
หยาบและมีขนาดไฟล์เล็กกว่ากล้องแบบ DV มาก จึงนิยมใช้สาหรับอินเทอร์เน็ต
หรือนาไปใช้ประโยชน์กับโปรแกรมสนทนาบนเว็บบางประเภท เพื่อให้เห็นหน้าตา
ของคู่สนทนาระหว่างที่พิมพ์โต้ตอบกัน
- 15. ประเภทสแกนและอ่านข้อมูลด้วยแสง
สแกนเนอร์ ( Scanner ) เป็นอุปกรณ์อ่านข้อมูลประเภทภาพถ่าย โดยผู้ใช้
เพียงแค่วางภาพถ่ายหรือเอกสารลงไปบนแท่นวางแล้วสั่งให้เครื่องอ่านหรือสแกน
ก็สามารถเก็บรูปภาพหรือเอกสารสาคัญต่าง ๆ เหล่านั้นไว้ในคอมพิวเตอร์ได้
โอเอ็มอาร์ ( OMR – Optical Mark Reader ) เป็นเครื่องที่นาไปใช้
ประโยชน์ในการตรวจข้อสอบหรือคะแนนของกลุ่มบุคคลจานวนมาก เช่น การสอบ
เอ็นทรานซ์
เครื่องอ่านบาร์โค้ด ( Bar code reader ) มีหลายรูปแบบ เช่น หัวอ่านมี
ด้ามจับคล้ายปืน หรือบางแบบก็ฝังในแท่นของเครื่องเก็บเงินสดเลย
- 16. เอ็มไอซีอาร์ (MICR Magnetic-Ink Character Recognition ) เป็น
อุปกรณ์ที่ใช้อ่านตัวอักษรด้วยแสงของเอกสารสาคัญ เช่น เช็คธนาคาร ซึ่งมีการ
พิมพ์หมายเลขเช็คด้วยผงหมึกสารแม่เหล็ก เป็นแบบอักษรเฉพาะ มีลักษณะเป็น
ลายเส้นเหลี่ยม พบเห็นได้ในการประมวลผลเช็คสาหรับธุรกิจด้านธนาคาร
ประเภทตรวจสอบข้อมูลทางกายภาพ
ไบโอเมตริกส์ ( biometric ) เป็นลักษณะของการตรวจสอบข้อมูลส่วนตัว
บุคคลเฉพาะอย่าง เช่น ลายนิ้วมือ รูปแบบของม่านตา ฝ่ามือ หรือแม้กระทั่ง
เสียงพูด ซึ่งนามาใช้กับงานป้องกันและรักษาความปลอดภัยในหน่วยงานที่ต้องการ
ความปลอดภัยในระดับสูง เนื่องจากระบบการตรวจสอบประเภทนี้จะปลอมแปลงได้
- 18. -หน่วยความจาแบบ Rom (Read Only Memory) เป็นหน่วยความจาที่ไม่
จาเป็นต้องใช้ไฟเลี้ยง ข้อมูลหรือชุดสั่งก็จะไม่สูญหาย ( non-volatile Memory)
เช่น โปรแกรม ไบออส
-หน่วยความจาแบบ Ram (Random Access Memory) เป็นหน่วยความจา ที่
ต้องอาศัยกระแสไฟฟ้าเลี้ยง ข้อมูลไม่สูญหาย (Volatile Memory)
เมนบอร์ด ( Main Board) เป็นแผงวงจรต่อเชื่อมอุปกรณ์ การทางาน
ทั้งหมดของคอมพิวเตอร์ ภายในเมนบอร์ด จะมี เส้นแผงวงจรเป็นเส้นทองแดง
เรียกว่า บัส เพื่อใช้ในการส่งสัญญาณไฟฟ้าระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครื่อง
ให้สามรถทางานร่วมกันได้
ชิปเซต ( Chip Set) ทาหน้าที่เป็นตัวกลางประสานงานการทางาน
- 19. หน่วยเก็บข้อมูลสารอง
การทางานร่วมกับคอมพิวเตอร์นั้น เมื่อต้องการเก็บบันทึกข้อมูล หรือกลุ่ม
คาสั่งต่าง ๆ ไว้ใช้ในอนาคตจะไม่สามารถเก็บไว้ในหน่วยความจาหลักได้ เนื่องจาก
ไม่มีพื้นที่เพียงพอ อีกทั้งข้อมูลที่เก็บจะหายไปเมื่อปิดเครื่อง หากต้องการเก็บข้อมูลที่
มากขึ้นและเอาไว้ใช้ประโยชน์ในภายหลัง ก็จาเป็นต้องหาอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มี
ขนาดใหญ่ขึ้น เช่น หน่วยเก็บข้อมูลสารอง แบ่งเป็น 4 ประเภท
ฟล็อปปี้ดิสก์ ( Floppy disks ) สื่อเก็บบันทึกข้อมูลที่ได้รับความนิยมและใช้
งานอย่างแพร่หลาย สามารถหาซื้อใช้ได้ตามร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั่วไป
นิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ดิสเก็ตต์ ( diskette ) หรือแผ่นดิสก์ การเก็บข้อมูลจะมี
จานบันทึก ซึ่งเป็นวัสดุอ่อนจาพวกพลาสติกที่เคลือบสารแม่เหล็กอยู่ด้านใน และ
ห่อหุ้มด้วยกรอบพลาสติกแข็งอีกชั้นหนึ่ง
สื่อเก็บข้อมูลแบบจานแม่เหล็ก
- 20. สื่อเก็บข้อมูลแสง
CD (Compact Disc) เป็นสื่อเก็บข้อมูลด้วยแสงแบบแรกที่ไดรับความนิยม
และปัจจุบันก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ เนื่องจากมีราคาถูกลง ซึ่งแยกออกได้ดังนี้
-CD-ROM (Compact disc read only memory
-CD-R (Compact disc recordable)
-CD-RW (Compact disc rewritable)
สื่อเก็บข้อมูลแบบเทป
DVD (Digital Versatile Disc/Digital Video Disc) ผลิตมาเพื่อ
ตอบสนองกับงานเก็บข้อมูลความจุสูง ซึ่งแยกออกได้ดังนี้
-DVD-ROM
-DVD-R และ DVD-RW
-DVD+R และ DVD+RW
- 21. สื่อเก็บข้อมูลอื่นๆ
อุปกรณ์หน่วยความจาแบบแฟรช ( Flash memory device ) ปัจจุบัน
นามาใช้บันทึกแทนสื่อเก็บข้อมูลแบบดิสเก็ตต์มากขึ้น เพราะจุข้อมูลได้มากกว่า นิยม
ใช้กับเครื่องพีซีและคอมพิวเตอร์แบบพกพาทั่วไป มีชื่อเรียกแตกต่างกัน เช่น flash
drive, thumb drive หรือ handy drive โดยสามารถต่อพ่วงเข้ากับเครื่อง
คอมพิวเตอร์และอ่านค่าข้อมูลนั้นได้โดยตรง
อุปกรณ์แสดงผลลัพธ์
อุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ ( Output Device ) เป็นอุปกรณ์สาหรับแสดงผลลัพธ์
ที่ได้จากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาจะมีทั้งข้อมูล
ตัวอักษร, ภาพนิ่ง, ภาพเคลื่อนไหว หรือเสียง เป็นต้น อาจแบ่งออกได้
เป็น 3 ประเภท
- 22. อุปกรณ์แสดงผลหน้าจอ
อุปกรณ์แสดงผลหน้าจอ ( Display device ) เป็นอุปกรณ์สาหรับการ
แสดงผลในรูปแบบกราฟิกและผู้ใช้สามารถเห็นผลลัพธ์ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อ
ไฟดับหรือปิดการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ลงไปจะไม่สามารถเห็นได้อีก
-เทอร์มินอล ( Terminal ) มักพบเห็นได้กับจุดบริการขาย ตามห้างสรรพสินค้า
ร้านสะดวกซื้อ หรือจุดให้บริการลูกค้าเพื่อทารายการบาง
-จอซีอาร์ที ( CRT Monitor ) เป็นอุปกรณ์แสดงผลที่นิยมใช้กับเครื่อง
คอมพิวเตอร์ประเภทพีซี การทางานจะอาศัยหลอดแก้วแสดงผลขนาดใหญ่ที่
เรียกว่าหลอดรังสีคาโธด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับหลอดภาพของโทรทัศน์
-จอแอลซีดี ( LCD Monitor ) อาศัยการทางานของ ผลึกเหลว ในการ
แสดงผล ซึ่งเมื่อมีสัญญาณไฟฟ้าส่งไปยังแต่ละจุดบนจอ ผลึกเหลว ณ จุดนั้นจะมี
การบิดตัวเป็นองศาที่แตกต่างกัน ทาให้แสงที่ส่องจากด้านหลังจอผ่านได้มากน้อย
ต่างกัน และเกิดภาพสีต่าง ๆ ขึ้น
-โปรเจคเตอร์ ( Projector ) เป็นเหมือนอุปกรณ์ช่วยขยายภาพขนาดเล็กจาก
จอภาพธรรมดาให้ไปแสดงผลลัพธ์เป็นภาพขนาดใหญ่ที่บริเวณฉากรับภาพ
- 23. อุปกรณ์สาหรับพิมพ์งาน
เป็นอุปกรณ์การแสดงผลที่แสดงออกมาให้อยู่ในรูปแบบข้อมูล รายงาน
รูปภาพ หรือแผนที่ซึ่งสามารถจับต้องหรือเก็บรักษาไว้ได้อย่างถาวร นิยมเรียก
อุปกรณ์เหล่านี้ Hard copy อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสาหรับการพิมพ์งานมีดังนี้
-เครื่องพิมพ์แบบดอทเมตริกซ์( Dot matrix Printer ) มีคุณสมบัติในการทางาน
พิมพ์โดยอาศัยหัวเข็มพิมพ์กระทบลงไปที่ผ้าหมึกและตัวกระดาษโดยตรงจึงเหมาะสม
กับการพิมพ์เอกสารประเภทใบเสร็จรับเงิน แต่มีข้อจากัดในเรื่องการทางานที่เป็นสี
-เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์( Laser Printer ) ข้อดีคือภาพที่ได้มีความละเอียดสูง
มาก และความเร็วก็สูง แต่มีข้อเสียคือไม่สามารถพิมพ์เอกสารที่เป็นแบบสาเนา
-เครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ต( Ink-jet Printer ) เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีการทางานโดย
อาศัยน้าหมึกพ่นลงไปบนกระดาษตรงจุดที่ต้องการ และสามารถเลือกใช้ได้ทั้งหมึกสี
และขาวดา เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกอาจมีทั้งแบบราคาถูกที่ใช้งานตามบ้านทั่วไป
สาหรับพิมพ์เอกสารที่ต้องการความสวยงาม
-พลอตเตอร์( Plotter ) เป็นเครื่องพิมพ์เพื่อแสดงผลลัพธ์อีกประเภทหนึ่ง มักใช้
กับการพิมพ์เอกสารที่มีขนาดใหญ่มากและไม่สามารถพิมพ์ด้วยเครื่องขนาดเล็กได้
- 24. อุปกรณ์ขับเสียง
-ลาโพง ( Speaker ) ข้อมูลที่เป็นแบบเสียงจะไม่สามารถแสดงผลลัพธ์ไปยัง
จอภาพของคอมพิวเตอร์ได้นิยมใช้สาหรับการแสดงผลในรูปของเสียงเพลงหรือเสียง
ประกอบในภาพยนตร์รวมถึงเสียงที่ได้จากการพูดผ่านไมโครโฟน
-หูฟัง ( Headphone ) เป็นอุปกรณ์สาหรับรับฟังข้อมูลประเภทเสียงเช่นเดียวกัน
นิยมใช้สาหรับการฟังเสียง เช่น ฟังเพลง หรือเสียงประกอบภาพยนตร์ที่เป็นแบบ
ส่วนตัว ในบางรุ่นอาจพบได้ทั้งหูฟังและไมโครโฟนอยู่ในตัวเดียวกัน มีให้เลือกหลาย
ชนิดทั้งแบบที่มีสายเชื่อมต่อและแบบไร้สาย