Contenu connexe
Similaire à วรรณกรรมบาลีในประเทศไทย (20)
Plus de พระอภิชัช ธมฺมโชโต (8)
วรรณกรรมบาลีในประเทศไทย
- 4. วรรณกรรมบาลีในยุคก่อนสุโขทัย
ระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๘ ถึงประมาณ พ .ศ. ๑๘๐๐
ปรากฏจารึกที่มีข้อความภาษาบาลีของไทยที่จารึกด้วยอักษร
ต่างกัน ๕ แบบ คือ
อักษรปัลลวะ อักษรหลังปัลลวะ
อักษรเทวนาครี อักษรแบบพุกาม และอักษรขอมโบราณ
อักษรปัลลวะ มีต้นกําเนิดมาจากประเทศอินเดียใต้
สมัยราชวงศ์ปัลลวะ ได้ปรากฏใช้ในศิลาจารึกในแหลมอินโดจีน
ตั้งแต่ราวพุทธศตรวรรษที่ ๘-๑๑
- 7. วรรณกรรมบาลียุคสุโขทัย
ในปีพ.ศ. ๑๘๐๐ พ่อขุนบางกลางหาว ภายหลังมีชัย
เหนือพวกขอมแล้ว ได้สถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชธานี พร้อม
ทั้งสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ของไทยทรงพระนาม
ว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
ต่อมาใน พ.ศ. ๑๘๒๖
“พ่อขุนรามคําแหงมหาราช”
ได้ทรงประดิษฐ์ตัวอักษรไทยขึ้น
วรรณกรรมบาลีในยุคสุโขทัยนี้
จึงมีทั้งที่จารึกเป็นอักษรขอม
และอักษรไทย
- 8. ใ น ด้ า น ศ า ส น า แ ม้
พระพุทธศาสนาเถรวาทจะ ได้เข้ามาตั้ง
มั่นในอาณาจักรสุโขทัยตั้งแต่ประมาณ
พุทธศตวรรษที่ ๑๑ เป็นต้นมา
๑) ศิลาจารึกวัดป่ามะม่วง จังหวัดสุโขทัย
๒) คัมภีร์รัตนพิมพวงศ์
และมีอิทธิพลต่อชาวสุโขทัยมากมายทั้งในด้านการศึกษา ศาสนา
ประเพณี ศิลปะและวัฒนธรรม เป็นต้น ก็ตาม แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามี
วรรณคดีบาลี ให้ศึกษาเลยจนลุถึงพุทธศตวรรษที่ ๒๐ ในรัชกาลของ
พระมหาธรรมราชาที่ ๑ คือ พระเจ้าลิไท พระราชนัดดาของพ่อขุน
รามคําแหงมหาราช จึงปรากฏหลักฐานทางวรรณคดีบาลีขึ้น ได้แก่
- 9. ศิลาจารึกวัดป่ าม่วง
เป็นภาษาบาลี อักษรไทย
สองหลัก อักษรขอมหนึ่งหลัก
อักษรขอมขุดพบเมื่อ พ.ศ.
๒ ๔ ๕ ๑ ที่ วั ด ป่ า ม ะ ม่ ว ง
จังหวัดสุโขทัย
โดยพระยารามราชภักดี
( ใหญ่ ศรลัมน์ ) เมื่อปี พ.ศ.
๒๔๕๑ ทั้ง ๒ อักษร ว่าด้วยเรื่องราว
ของพระมหาธรรมราชาที่ ๑ ( ลิไท )
- 10. คัมภีร์รัตนพิมพวงศ์
คัมภีร์รัตนพิมพวงศ์ เรียกในภาษาบาลีว่า
“รตนพิมฺพวํส” แต่งโดย พระพรหมราชปัญญา แห่งวัดภูเขา
หลวง เมืองสุโขทัย ขณะมีอายุได้ ๒๓ ปี บวชได้ ๒ พรรษา
แต่งเป็นร้อยแก้วและร้อยกรองผสมกัน
แต่งสําเร็จเมื่อเดือน ๕ ขึ้น ๑๐ คํ่า ปีระกา ไม่ปรากฏศักราช
หนังสือเล่มนี้กล่าวในตอนจบถึงพระแก้วมรกตไปอยู่ที่เมืองลําปาง
มีเนื้อหากล่าวถึงตํานานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรหรือ
ประวัติพระแก้วมรกตว่า เทวดาสร้างถวายพระอรหันต์นามว่านาคเสน
เถระ ในเมืองปาฏลีบุตร และพระเถระได้อธิษฐานอาราธนาพระบรม
สารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๗ พระองค์ประดิษฐานไว้ในองค์
พระมหามณีรัตนปฏิมากร
- 11. วรรณกรรมบาลีในยุคล้านนา
ในสมัยล้านนาไทย ในช่วงพุทธ ศตวรรษที่ ๑๙ ถึง ๒๐
เป็นช่วงที่มีการรจนาคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเป็นภาษาบาลี
มากที่สุดจนกล่าวได้ว่า “เป็นยุคทองของวรรณคดีบาลีในไทย”
ยุคทองของวรรณคดีบาลีในสมัยล้านนานี้แบ่งออกเป็น ๒ ช่วง คือ
ช่วงที่หนึ่ง เรียกว่า วรรณคดีพระไตรปิฎก อยู่ในสมัยของ
พระเจ้าติโลกราช (พ.ศ.๑๙๘๔-๒๐๓๐) ซึ่งมีพระสงฆ์ที่เฉลียว
ฉลาดและรู้หลักพระไตรปิฎกจํานวนหลายรูป จนสามารถทําการ
สังคายนาครั้งที่ ๘ ที่เรียกว่า “อัฏฐมสังคายนา” ขึ้นที่วัดโพธาราม
หรือวัดเจ็ดยอดในปี ๒๐๒๐ ต่อมา
ช่วงที่สอง คือ ในสมัยพระเจ้าติลกปนัดดาธิราช หรือพระเมืองแก้ว
(พ.ศ.๒๐๖๘-๒๐๓๘)
- 15. จามเทวีวงศ์
จามเทวีวงศ์ ว่าด้วยวงศ์ของพระนางจาม
เทวี ที่ได้ครองเมืองหริภุญชัย (ลําพูน) และประวัติ
พระพุทธศาสนาในภาคเหนือ พระโพธิรังสีแต่ง
เป็นภาษาบาลี เมื่อปี ๑๙๕๐ - ๒๐๐๐ ตามหลักฐาน
ที่มีปรากฏในคัมภีร์สังคีติยวงศ์และคัมภีร์ชินกาล
มาลีปกรณ์พอสรุปความไว้ว่า
พระนางจามเทวี พระราชธิดาของกษัตริย์มอญในอาณาจักรทวารวดี ได้
เสด็จไปครองเมืองหริภุญชัย ตามคําเชิญของฤาษีวาสุเทพผู้สร้างเมืองหิริภุญชัยนี้
“เมื่อพระนางจามเทวีไปครองเมืองหริภุญชัย ได้พาบริวารหมู่ใหญ่จําพวกละ
๕๐๐ พร้อมกับนิมนต์พระมหาเถระผู้ทรงพระไตรปิฎก ๕๐๐ รูปไปด้วย ลงเรือ
ตามลํานํ้าพงค์ ๗ เดือน จึงถึงเมืองนี้”
- 16. ชินกาลมาลีปกรณ์
ชินกาลมาลีปกรณ์ พระรัตนปัญญาเถระ ชาวเชียงราย แต่ง
เป็นภาษาบาลีไว้เมื่อ พ.ศ.๒๐๖๐ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอด
ฟ้ าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ราชบัณฑิต ๕ ท่าน คือ
พระยาพจนาพิมล พระวิเชียรปรีชา หลวงอุดมจินดา หลวงราชาภิรมณ์
และหลวงธรรมาภิมณฑ์ ช่วยกันแปลเป็นภาษาไทยครั้งแรกเมื่อ พ .ศ.
๒๓๓๗ เรียกชื่อว่า “ชินกาลมาลินี” ต่อมาในรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุง
รัตนโกสินทร์ได้ตีพิมพ์เป็นเล่มทั้งฉบับภาษาบาลีและฉบับแปล
เมื่อ พ .ศ.๒๔๕๑ เรียกชื่อว่า “ชินกาลมาลินี”
ต่อมาใน พ .ศ.๒๔๗๗ กรมศิลปากรได้มอบให้
ศาสตราจารย์ร.ต.ท.แสง มนวิทูร แปลจากต้นฉบับภาษาบาลีของพระ
รัตนปัญญาเป็นภาษาไทยอีกครั้งและเรียกชื่อว่า “ชินกาลมาลีปกรณ์”
- 19. มังคลัตถทีปนี
มังคลัตถทีปนี เป็นคัมภีร์อธิบายมงคล ๓๘ ประการ ในมงคลสูตร
พระสิริมังคลาจารย์ แห่งล้านนาไทยแต่งที่เมืองเชียงใหม่ เมื่อ พ .ศ. ๒๐๖๗
โดยรวบรวมคําอธิบายจาก อรรถกถา ฎีกา อนุฎีกาต่างๆ เป็นอันมาก พร้อม
ทั้งคําบรรยายของท่านเอง สําหรับมงคลสูตรที่ว่าด้วยเหตุให้ได้รับ
ความสําเร็จความเจริญ และสมบัติทั้งปวง ซึ่งพระสิริมังคลาจารย์นํามาขยาย
ความให้พิสดารไว้ในคัมภีร์มังคลัตถทีปนี มี ๓๘ ประการ
เป็นวรรณคดีที่ได้รับยกย่องว่าแต่งดีคณะสงฆ์นํามาเป็น
คัมภีร์สําหรับศึกษาของประโยค ป.ธ. ๔-๗
- 21. วรรณกรรมบาลีในยุคอยุธยา
วรรณกรรมบาลีในยุคอยุธยา เป็ นแรงบันดาลใจของ
นักปราชญ์ที่มีความรู้เรื่องภาษาบาลีเป็นพื้นฐาน สืบต่อมาจากสมัย
ล้านนา แต่วรรณกรรมบาลีในยุคนี้มีน้อยมาก คงเป็นเพราะสมัยอยุธยา
เป็นราชธานี มีข้าศึกสงครามกันบ่อยครั้ง จึงมีวรรณกรรมบาลีเกิดขึ้น
ในสมัยนี้เพียง ๒ เรื่องคือ
๑) มูลกัจจายนคัณฐี ๒) สัทธัมมสังคหะ
มูลกัจจายนคัณฐี แต่งเป็นร้อยกรองแก้เนื้อความในมูลกัจจายนะ
ผลงานของพระมหาเทพกวี สมัยอยุธยา ท่านได้ศึกษาในสํานักของท่าน
พระมหาคง พระมหาถวิล และสมเด็จพระพุทธโฆสาจารย์ วัดพุทไธ
สวรรย์ สมเด็จพระพุทธโฆสาจารย์นี้ เป็ นพระอาจารย์ของ
พระเพทราชา ผู้ปกครองกรุงศรีอยุธยา ระหว่าง พ.ศ.๒๒๓๑-๒๒๔๖
- 22. สัทธัมมสังคหะ เป็นผลงานของพระธรรมกิตติมหา
สามีเถระผู้มีชีวิตอยู่ในพุทธศตวรรษที่ ๒๐ ในนิคมคาถาของ
คัมภีร์เล่าว่า ท่านเป็นศิษย์ของพระธรรมกิตติมหาสามีเถระ
(ชื่อพ้องกัน) สําเร็จการศึกษาจากประเทศศรีลังกา คัมภีร์สัท
ธัมมะสังคหะนี้กล่าวถึงประวัติพระพุทธศาสนาสมัยต่างๆ
โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น ๑๑ บท
บทที่ ๑ การทําสังคายนาครั้งที่ ๑
บทที่ ๒ การทําสังคายนาครั้งที่ ๒
บทที่ ๓ การทําสังคายนาครั้งที่ ๓
บทที่ ๔ การรับฉลองเจดีย์บรรพตวิหาร
บทที่ ๕ การทําสังคายนาครั้งที่ ๔
- 23. บทที่ ๖ การจารึกพระไตรปิฎก
บทที่ ๗ การแปลอรรถกถาพระไตรปิฎก
บทที่ ๘ พรรณนาฎีกาพระไตรปิฎก
บทที่ ๙ พรรณนาพระเถระผู้แต่งคัมภีร์ทั้งหมด
บทที่ ๑๐ พรรณนาอานิสงส์การแต่งพระไตรปิฎก
บทที่ ๑๑ พรรณนาอานิสงส์ของการฟังธรรม
- 25. ๑) จุลยุทธกาลวงศ์ พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา
จุลยุทธกาลวงศ์ เป็นผลงานของสมเด็จพระวันรัตน์ วัดพระเชตุพน
องค์ที่เป็นอาจารย์ของสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส แต่งในสมัย
รัชกาลที่ ๑ เนื้อหาสาระในจุลยุทธกาลวงศ์สรุปได้เป็น ๒ ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ ๑ เริ่มต้นด้วยเจ้านครเชียงรายยกทัพไปปราบเจ้าเมืองสโตงค์ที่
ประกาศตนเป็นอิสรภาพจากนครเชียงราย แต่ต้องกลับ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้จึงอพยพ
ผู้คนหนีมาทางสยามประเทศ และสร้างนครใหม่ขึ้นชื่อว่า นครไตรตรึงษ์ ณ ป่า
ใกล้เมืองกําแพงเพชร ตามคําแนะนําของท้าวสักกะผู้แปลงตนเป็นสมาดาบส
ภายหลังมีกษัตริย์สืบสันตันติวงศ์ต่อมาสามสี่พระองค์
ส่วนที่ ๒ ว่าด้วยพระเจ้าอู่ทองสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
พร้อมทั้งทรงราชาภิเษกเป็นปฐมบรมกษัตริย์ทรงพระนามว่า พระรามาธิบดีที่ ๑
ต่อมาพระราเมศวรและขุนหลวงพระงั่ว (พระบรมราชาธิราช)ไปปราบกัมพูชา
ที่ไม่ยอมเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยา ทรงสถาปนาวัดพุทไธสวรรย์ และวัดป่า
แก้วเป็นวัดประจํารัชกาล
- 26. ๒) คัมภีร์สังคีติยวงศ์ ว่าด้วยการทําสังคายนาพระไตรปิฎก
คัมภีร์สังคีติยวงศ์นี้ สมเด็จพระวันรัตน วัดพระเชตุพนในรัชกาลที่
๑ แต่งขึ้นเมื่อครั้งดํารงสมณศักดิ์ที่พระพิมลธรรม เมื่อ พ .ศ.๒๓๓๒
โดยแต่งเป็นคัมภีร์ใบลานภาษามคธ ๗ ผูก เนื้อเรื่องเป็น
พงศาวดารของบ้านเมืองประกอบกัน แบ่งเนื้อหาออกเป็น ๙ ปริจเฉท
แต่ละปริเฉทมีเนื้อหาพอสรุปได้ดังนี้
เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ าจุฬาโลก
มหาราช เนื่องในโอกาสที่พระไตรปิ ฎกที่โปรดให้สังคายนาเสร็จ
เรียบร้อย
- 27. ปริเฉทที่ ๑ ว่าด้วยสังคายนาในชมพูทวีป ๓ ครั้ง
ปริเฉทที่ ๒ ว่าด้วยสังคายนาในชมพูทวีป ๔ ครั้ง
ปริเฉทที่ ๓ ลังกาทีปราชวงษ์ว่าด้วยประดิษฐานพระพุทธศาสนาในลังกาทวีป
ปริเฉทที่ ๔ ว่าด้วย พระพุทธทันตธาตุไปประดิษฐานในประเทศต่างๆ
ปริเฉทที่ ๕ ว่าด้วยพระราชา ๕๐๐ องค์
ปริเฉทที่ ๖ ว่าด้วยราชวงศ์ในชุมพูทวีปและลาววงศ์
ปริเฉทที่ ๗ ว่าด้วยทสราชวงศ์กรุงศรีอยุธยา
ปริเฉทที่ ๘ ว่าด้วยการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์
ปริเฉทที่ ๙ ว่าด้วยอานิสงส์และความปรารถนา